Categories
เรื่องราวชีวิต

วิทยานิพนธ์ชีวิตแห่งความเชื่อ

วิทยานิพนธ์ชีวิตแห่งความเชื่อ

โดย: อ.สิริวรรณ อานุภาพโยธา (28 สิงหาคม 2009)

เมื่อได้ฟังใครต่อใครได้เป็นพยานเรื่องของพระพรที่ผ่านมาทางความยากลำบากก็ทำให้นึกถึงชีวิตเพื่อนคนหนึ่งที่ได้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำและรับการทรงเรียกเพื่อถวายตัวรับใช้พระเจ้าเหมือนอย่างวรรณ  เธอชื่อกันยารัตน์หรือกันย์ เป็นชาวภูเก็ต ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังมากในเรื่องประเพณีถือศีลกินเจ

เมื่อ 2 ปีที่แล้ววรรณเองเคยได้ลงไปร่วมค่ายของคริสตจักรของกันย์ที่ภูเก็ตและเป็นช่วงที่ตรงกับเทศกาลนี้พอดี  วรรณเกิดในครอบครัวคนจีน แต่ก็ยังไม่เคยเห็นพิธีกรรมใหญ่โตขนาดนี้ ช่วงเวลาที่ยืนรอให้ขบวนแห่อันยาวเหยียดผ่านไปเพื่อข้ามถนนนั้น ได้เห็นคนมากมายที่เรียกตัวเองว่า คนทรง กระโดดโลดเต้นเหมือนไม่รู้สึกตัว เอาเหล็กแหลมทิ่มแทงตัวเองตามความเชื่อของพวกเขา แต่เชื่อไหมคะว่าระหว่างที่รอให้ขบวนแห่ผ่านไป วรรณกลับยืนน้ำตาไหลไม่รู้ตัว จับมือเพื่อนไว้แน่น  หัวใจมันร้องเรียกแต่พระเจ้าให้ช่วยดวงวิญญาณมากมายเหล่านี้ด้วย  ภาพเหล่านั้นยังคงจดจำได้เสมอและรู้ว่างานของพระเจ้าที่ภูเก็ตยังมีอีกมากมายจริง ๆ ที่เกริ่นนำมาเพราะอยากบอกว่าเพื่อนผู้รับใช้คนนี้ก็ทุ่มเทที่จะรับใช้พระเจ้าอย่างเต็มกำลังเช่นกัน

เมื่อ3 อาทิตย์ที่ผ่านมาได้ข่าวจากเพื่อนพี่น้องว่า กันย์ล้มป่วยอย่างกระทันหัน ยังไม่รู้สาเหตุว่าเป็นโรคอะไร เริ่มตัวบวมขึ้นทั้งที่ท้องและขา จนหมอโรงพยาบาลที่แล้ว ที่เล่า ต้องส่งตัวกันย์ไปที่อื่น เพราะไม่รู้จะรักษายังไง ในที่สุด โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ก็รับตัวไว้รักษาโดยไม่สามารถทำเรื่องเบิกจ่ายค่ารักษาได้เลยเพราะไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขบัตรทองที่มี แต่พี่น้องที่คริสตจักรก็ช่วยกัน  ขอบคุณพระเจ้าที่แพทย์ที่นั่นเชี่ยวชาญและเริ่มวินิจฉัยโรค และพบว่ากันย์เป็น Budd Chiari Syndome ซึ่งเกี่ยวกับตับ และมีโรคแทรกซ้อนคือ Polytenmia Vera ที่เกี่ยวข้องกับระบบเลือด

อธิบายง่าย ๆ ตามความเข้าใจของคนไม่ได้เป็นหมอก็คือ มีความผิดปรกติของการสร้างเม็ดเลือดจากไขสันหลัง ทำให้เลือดมีความข้นสูงจนหนืด และเมื่อเลือดหนืดแล้วก็ไปอุดอยู่ที่ตับจนทำให้ตับไม่สามารถทำงานขับถ่ายของเสียได้ น้ำจึงท่วมตับและลามไปที่ปอด คุณแม่ของกันย์เป็นโรคนี้เช่นกันและท่านก็จากไปอยู่กับพระเจ้าเมื่อ3 ปีที่แล้ว  โรคนี้ไม่ค่อยได้พบนัก ส่วนใหญ่ถ้าเป็นก็จะเป็นผู้ชายมากกว่า ในทุก ๆ วันที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล กันย์จะต้องถูกเจาะเอาน้ำออกจากช่องท้องวันละกว่า 2 ลิตร  และต้องถ่ายเลือดออกวันละเกือบ 200 กรัมเพื่อเลือดจะไม่ข้นจนเกินไป กันย์ตัวผอมบางมาก เพราะฉะนั้นเมื่อถูกเจาะอย่างนี้ทุกวันร่างกายก็ยิ่งแย่ แต่กำลังใจของเธอนั้นเกิน 100 จริง ๆ วันที่ได้โทรคุยกับกันย์ครั้งแรก เขากลับแย่งถามว่าลูกในท้องวรรณเป็นยังไงบ้าง และกำชับให้วรรณดูแลสุขภาพดี ๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะที่เราฟังแล้วก็รู้ว่าเพื่อนเหนื่อยมาก วรรณร้องไห้กับความเจ็บปวดของเพื่อนแต่ก็พยายามให้เสียงเป็นปรกติเพื่อเขาจะได้ไม่เศร้าไปกับเรา แต่ก็ลำบากเหลือเกิน เราจึงจบการสนทนาด้วยการอธิษฐานด้วยน้ำตาร่วมกันและด้วยความเชื่ออย่างเดียวกันว่าพระเจ้าจะทรงเป็นแพทย์ผู้ประเสริฐของกันย์เสมอ

หลังจากที่เราคุยกัน 2 วันต่อมา เพื่อนทางกรุงเทพได้ข่าวว่าคุณหมอที่สงขลาจะส่งตัวกันย์มารักษาต่อที่กรุงเทพและกำลังตัดสินใจว่าจะเป็นที่ รพ. พระมงกุฏ ดี หรือ รพ.จุฬา ดี พวกเราอยากให้กันย์มาที่จุฬามากกว่า เพราะเรารู้ว่าคุณหมอที่นี่เก่งทุกท่านและพ่อของกันย์ที่ต้องมาดูแลจะเดินทางสะดวกด้วย  เราทุกคนร่วมกันอธิษฐานขอคำตอบจากพระเจ้า ให้หมอเองก็จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้เพื่อนด้วย  วันรุ่งขึ้นได้โทรไปคุยกับคุณหมอและได้คำตอบว่าเขาจะส่งกันย์มาที่ ร.พ. จุฬา เราขอบคุณพระเจ้าทันที แต่ปัญหาที่คุณหมอบอกอีกเรื่องคือ กันย์ต้องรอเตียงและรอสิทธิบัตรทองก่อน ซึ่งอาจจะเป็นอาทิตย์กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย แต่อาการของกันย์ไม่สามารถรอได้นานขนาดนั้น

วันที่เราเริ่มติดต่อนั้นคือวันศุกร์และเราก็รู้ว่าเสาร์-อาทิตย์คงยุ่งยาก เพราะราชการจะหยุด ได้แต่อธิษฐานและทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้  พี่น้องที่ภูเก็ตวยดำเนินเรื่องบัตรทอง เพราะพระองค์เท่านั้นทุกอย่างผ่านไปได้โดยสะดวก กันย์จะได้รับการรักษาโดยใช้สิทธินี้  เพื่อนพี่น้องที่กรุงเทพก็ช่วยติดต่อเรื่องเตียงและประสานงานกับอาจารย์หมอที่จะผ่าตัดให้กันย์ ทางแพทย์ที่สงขลาระบุว่า กันย์ต้องทำ Bypass ตับเท่านั้นจึงจะช่วยให้สถานการณ์ต่าง ๆ ดีขึ้น อาจารย์หมอที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมือหนึ่งของประเทศไทยในเรื่องนี้ได้ดูฟิล์มแล้วก็บอกว่าเขาไม่เคยเจอกรณี แบบนี้ จึงมั่นใจแค่ 60%  แต่เราเชื่อว่าในส่วนที่เหลือและเกินนี้พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์จะเป็นผู้กระทำให้สำเร็จ  แล้วพระองค์ก็เปิดทางทุกเรื่อง ในบ่ายวันนั้นเราได้รับแจ้งจากพยาบาลที่จุฬาว่ามีเตียงว่างแล้วพร้อมที่จะเคลื่อนย้ายกันย์ได้เลย (ซึ่งขอขอบคุณพี่แอ๊ดและพี่ติ๋ม ที่ช่วยจัดการทุกอย่างให้ พระเจ้าใช้พี่ทั้งสองท่านในการช่วยเหลือพี่น้องเสมอเลยคะ) ดังนั้นกันย์จึงได้ถูกส่งตัวเข้ากรุงเทพในวันเสาร์ทันทีทั้งๆ ที่พยาบาลที่สงขลาแทบตั้งตัวไม่ทัน

เวลานี้กันย์ได้เข้ามารับการรักษาที่ร.พ จุฬาได้ เกือบอาทิตย์แล้ว คุณหมอเจ้าของไข้ก็เป็นอาจารย์แพทย์ระดับมือหนึ่งของประเทศทั้งสิ้น พวกเขาสนใจอาการของกันย์มากและอยากจะศึกษา จึงทำให้กันย์ได้รับการดูแลอย่างดี ในช่วงเวลาแห่งความเจ็บป่วยนี้ได้ส่งผลแห่งพระพรไปสู่คนรอบข้างมากมาย เปรียบเหมือนก้อนหินที่ถูกโยนลงน้ำ ทำให้ผิวน้ำกระเพื่อมกระจายเป็นวงกว้าง พระพรมากมายได้หลั่งไหลไปสู่ครอบครัวของกันย์ คุณพ่อได้ตัดสินใจรับเชื่อ เพื่อนๆ พี่น้องทุกคนได้เรียนรู้เรื่องของความไว้วางใจและความเชื่อมากขึ้น ปัญหาของคริสตจักรได้รับการแก้ไข พี่น้องที่เคยแตกแยกไม่เข้าใจกันก็กลับมาคืนดี  และทุกครั้งที่มีพี่น้องไปเยี่ยม ผู้ป่วยเตียงใกล้เคียงก็จะได้ฟังเรื่องราวของพระเจ้า ได้รับการอธิษฐานเผื่อ และได้ฟังเสียงเพลงแห่งพระพรเสมอ  และพระพรนี้ก็ไม่เว้นแม้กระทั่งครอบครัวของวรรณ พ่อกับแม่ได้เห็นความรักของพี่น้องคริสเตียนที่ช่วยเหลือกัน เหมือนอย่างที่พระเยซูตรัสไว้ว่า “เจ้าทั้งหลายจงรักกันและกัน ดังนั้นแหละคนทั้งหลายจึงจะรู้ว่าเจ้าเป็นสาวกของเรา” และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

พระพรอีกประการคือน้องสาวและน้องชายของวรรณได้กลับมาคืนดีกันหลังจากที่เขาไม่คุยกันมานานด้วยต่างก็ถือทิฐิมานะใส่กัน วรรณได้บอกน้องเรื่องของการคืนดีและการรักผู้อื่นขณะที่เรายังมีเวลา ไม่ใช่ว่าจะมารักกันเอาเมื่อจะหมดเวลาซะแล้ว ซึ่งนี่คือพระพรที่ผ่านมาทางความทุกข์ยากลำบากโดยยืนอยู่บนความเชื่อที่เข้มแข็งของกันย์และเราทุกคน

ปีนี้กันย์กำลังจะจบการศึกษาในระดับปริญญาโทสาขาศาสนศาสตร์และกำลังทำวิทยานิพนธ์ซึ่งใกล้จะเสร็จแล้ว แต่ก็ต้องมาล้มป่วยเสียก่อน แตช่วงเวลานี้กันย์กำลังเริ่มต้นเขียนวิทยานิพนธ์แห่งชีวิตความเชื่ออีกฉบับ โดยมีพระเจ้าทรงเป็นที่ปรึกษามหัศจรรย์ของวิทยานิพนธ์ฉบับนี้ โดยมีเราทุกคนได้ร่วมเขียนด้วยกัน วรรณจึงเชื่อว่าพระอง์จะทรงช่วยให้กันย์ผ่านไปด้วยความสง่างามและวันหนึ่งเมื่อเขาจะได้รับรางวัลแห่งความเชื่อนี้ก็จะเป็นมงกุฏชีวิตที่จะไม่มีวันร่วงโรย  วันนี้เราจึงเชื่อและไว้วางใจในพระเจ้าว่าพระองค์จะทรงช่วยเหลือผู้รับใช้ของพระองค์และจะทรงนำกันย์กลับไปยังทุ่งนาที่เหลืองอร่ามในภูเก็ตเพื่อให้กันย์จะได้ลงไปร่วมเก็บเกี่ยวอีกครั้ง แล้ววันหนึ่งเราจะได้ร่วมกันขอบคุณพระเจ้ากับกันย์และนี่คือคำพยานแห่งชีวิตที่มีพระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้อำนวยพระพรทั้งสิ้น

Categories
สารจากศบ.

สารจาก ศ.บ. 30 สิงหาคม 09

30 สิงหาคม 2009

Thongchai

ขอสวัสดีผู้มาร่วมนมัสการทุกท่าน และขอสดุดีคณะผู้อภิบาล และสมาชิกทุกท่านที่ได้ร่วมกันรับใช้ในการประกาศผ่านละคร “ทางเลือก” (22-23 สค.) ที่ผ่านมา!

ผมชื่นชมและซาบซึ้งใจในการทุ่มเททั้งกายใจและทรัพย์ส่วนตนอย่างเสียสละของสมาชิก CJ ทุกคนอย่างมีความเป็นหนึ่งเดียวกันในการประกาศผ่าน “ละคร” วันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา!

ผมขอสดุดีเป็นรายบุคคล ดังนี้

1) นักแสดงนำยอดเยี่ยม ได้แก่

  1. ฉากโรงพยาบาล คุณสา + คุณเล็ก, คุณนา + คุณโดม, คุณเอ๋(ฟั่น) + คุณต้น, คุณหญิง + คุณม่อน และผู้แสดงประกอบ คุณโอ๋(ติ๊ด), คุณทีที, คุณประนอม, คุณหมอเอ, คุณเพียว,คุณอิ๊ง ฯลฯ  และไกด์ อธิบาย คือ คุณเฟธ
  2. ฉากนรก – คุณเอกและคุณโต, คุณซีและคุณฝน และผู้แสดงอื่น ๆ คับคั่ง อาทิ คุณแหม่ม, คุณวิกรม, คุณก๊อต, คุณวิคเตอร์, คุณก๊อบ, คุณแก๊บ, คุณเบียร์, คุณพลอย, คุณแป้ง, คุณลิลลี่, คุณมีมี่, คุณหงษ์-หยก, คุณมิ้นท์, คุณเจ, คุณเบียร์ ฯลฯ และไกด์อธิบายคือ คุณป้อง (หญิง)

2) นักดนตรีและนักร้องยอดเยี่ยม ได้แก่  คุณอัญชลี , คุณโบ, คุณแป้ง, คุณกุ้ง, คุณอุ๋ย, คุณฟั่น, คุณจ๊อก, และคุณแซ๊ค ,คุณโอ๊ด-ก้อย  ฯลฯ

3) ผู้สนับสนุนช่วยเหลือยอดเยี่ยม ได้แก่  คุณประเสริฐ, คุณป้อง(ชาย), คุณหลุยส์, คุณแหวว และดา(เล็ก), คุณโอ๋(กุ้ง), คุณกุ้ง, คุณนุ้ย, คุณไก่, แม่ของครูแอน, คุณติ๊ด(โอ๋) แอน, มอลลี่, แอ๋ว ฯลฯ

4) ผู้จัดฉาก อุปกรณ์ และแสงสีเสียงยอดเยี่ยมได้แก่คุณเป้, คุณเปิ้ล, คุณลี่, คุณติ๊บ, คุณฟั่น, คุณเสริม

5) ผู้กำกับ ผู้ฝึก กรรมการ และผู้ประสานงานยอดเยี่ยม ได้แก่ ครูแอน, คุณหน่อง, คุณอู๊ด, คุณติ๊บ, คุณแอนและท่านอื่นๆ

6) ผู้ชมยอดเยี่ยม อีกมากมายที่ว่ายอดเยี่ยมเพราะว่าได้พยายามพาญาติผู้ใหญ่ พี่น้อง เพื่อนฝูง  เพื่อนร่วมงาน คนงาน และคนรู้จักมาชมกันคับคั่ง อาทิคุณป้อง(ชาย) พาคุณพ่อมาชม   หมอตั้ม พาคุณแม่(หมอต๊วด) และคุณพ่อมาชม  คุณนา พาทีมงานที่บริษัทมาชม  คุณสาพาคนที่แบ๊งก์ชาติมาชม ครูแอนพาครอบครัว สินเจริญมาชม (คุณตุ๊กก็พาคุณพ่อคุณแม่มาร่วมชมด้วย) รวมทั้งพี่น้อง CJ อีกหลายท่านที่ไปชมและให้กำลังใจ

7) ทีมให้คำปรึกษา อ.วรรณ และทีม คุณแดง คุณอี๊ด คุณแก๋ง ฯลฯ

(อนึ่ง ผมต้องขออภัยที่อาจเอ่ยนามไม่ครบทุกคนแต่พระเจ้าทรงเห็นท่านแน่ ๆ และผมขอชมทุกคนอย่างจริงใจ !) และเพราะการทุ่มเทอย่างเสียสละและสนุกของพวกเราทุกคนร่วมกับพี่น้องคริสตจักรอื่น ๆ ที่ร่วมโครงการ เป็นเหตุให้การแสดงจากเดิมที่กำหนดไว้เพียงวันละ 8 รอบ ต้องขยายเพิ่มขึ้นเป็นวันแรก 13 รอบ และวันที่สอง 24 รอบ รวมแล้วประมาณ 37 รอบ ถ้าเป็นธุรกิจคงรับเละรวยกันแล้ว แต่การรวยในทางจิตวิญญาณมีค่ามากกว่านัก!

เพราะมีผู้รับเชื่อไม่น้อยกว่า 30 คน (และยังมีรับเชื่อหลังจากเลิกงานไปแล้วด้วย! )  และมีผู้สนใจรวมทั้งรับคำอธิษฐานเผื่อนับร้อย ๆ คน โดยมีผู้เข้าชมไม่ต่ำกว่า 700 คน!

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ซักเสร็จ? (Success)

ซักเสร็จ? (Success)

ท่านเซอร์ วินสตัน เชอร์ชิลล์ ผู้โด่งดัง เคยกล่าวไว้ว่า…

“บางครั้งการกระทำให้ดีที่สุดนั้นยังไม่พอ เพราะว่าคุณต้องกระทำในสิ่งทีคุณจำเป็นต้องกระทำให้เสร็จด้วย” (Sometimes it is not enough to do your best; you have to do what’s required.)

ผมได้รับเชิญจาก กศน. ไทย ในสิงคโปร์ และพันธกิจไทยเชนลี ให้ไปเป็นวิทยากรกับนักศึกษา กศน. ไทยที่ทำงานหรืออาศัยอยู่ในประเทศสิงคโปร์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2009 ในหัวข้อว่า “Success”!

ในคืนแรกก่อนผมบรรยาย ผู้นำกิจกรรมนำให้ทุกคนร่วมกันร้องเพลงและมีท่าทางโดยมีเนื้อร้องประกอบการร้องว่า “เรามาซักผ้ากัน” “ซักผ้านั้นมี 4 ขั้นตอน ขยี้ๆ บิดๆ สะบัดๆ ตากๆ นำมาขยี้ๆ  บิดๆ สะบัดๆ แล้วเอาไปตาก!” ในทันใดผมก็ฉุกคิดขึ้นมาว่าการซักเสื้อผ้านั้นสามารถใช้เป็นตัวอย่างเปรียบเทียบให้เห็นภาพของความสำเร็จ (success) ได้เป็นอย่างดี!

เพราะว่าคนบางคนซักผ้าแล้วปล่อยค้างไว้ หรือซักผ้าแล้วรีบร้อนเอาเข้าเก็บใส่ตู้ทั้ง ๆ ที่ยังแห้งไม่สนิท ก็เลยเกิดกลิ่นหืนอันไม่พึงประสงค์ จะนำเอาเสื้อผ้าเหล่านั้นกลับมาใส่ใหม่ก็ไม่ได้ เพราะ ไม่พร้อมใช้ จึงถือว่ายังซักไม่เสร็จ หรือได้แต่ “ซัก” (“suc”) แต่ไม่ “เสร็จ” (“cess”) !

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าซักผ้าอย่างดีที่สุดจนสะอาดทั้งตัว แต่ไม่เอาไปตากหรืออบให้แห้งสนิทก่อน ก็อาจจะถือว่ากระบวนการซักเสื้อผ้ายังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์! แต่ตรงกันข้าม หากว่าเราซักเสื้อผ้าทุกอย่างตามขั้นตอนของกระบวน การการซักจนเสร็จเรียบร้อย แล้วเอาไปตากจนแห้งสนิท เราก็สามารถนำเสื้อผ้านั้นกลับมาใช้ใหม่ได้อีกครั้งอย่างมั่นใจ พร้อมกับมีเวลาที่จะไปทำอย่างอื่นหรือเฉลิมฉลองได้อย่างสนุกสนาน

แต่หากว่าซักไม่เสร็จแล้วออกไปสนุกสนานก็คงถูกสะกิดให้กลับไปซักต่อจนกว่าจะเสร็จ!

เหมือนกับภรรยาของผม วันก่อนเธอซักเสื้อผ้าตั้งแต่เช้าจนบ่ายแล้วเสร็จจากนั้นเธอก็มีเวลาไปร่วมฉลองงาน “วันแม่” ที่มี ฯพณฯอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีไปเป็นประธานเปิดงานที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย พอดีผมโทร ศัพท์กลับมาหาจากสิงคโปร์เธอก็ส่งเสียงตามสายพร้อมสาธยายออกมาอย่างเบิกบานว่ากำลังสนุกกับงาน “วันแม่” ที่มีการแสดงคอนเสิร์ทหลายชุดที่น่าประทับใจทั้งนั้น  แถมยังได้ขอบัตรชมบางรายการอื่น ๆ ในวันต่อ ๆ ไปให้ผมไปร่วมฉลอง “วันแม่” ด้วยกันอีกด้วย

ใช่ครับ เธอมีความสุข เพราะเธอซักเสื้อผ้าเสร็จ เธอจึงมีอิสระที่จะออกไปเฉลิมฉลองหาความสำราญได้อย่างเต็มที่ แต่หากว่าวันนี้เธอยังซักเสื้อผ้าไม่เสร็จ เธอก็ออกไปทำอย่างนั้นไม่ได้!

จึงกล่าวได้ว่า ความเพลิดเพลินทั้ง หลายที่เธอได้รับ มีสาเหตุมาจากว่า “เธอสามารถพิชิตกองเสื้อผ้าได้ตามวัตถุประสงค์แล้ว นั่นคือ เธอสามารถซักเสร็จ (Success) ตามกรอบเวลาในแผนงานของเธอ!”

ชีวิตของคุณก็เช่นกัน หากว่า “ภาระหน้าที่” ใดๆ ที่คุณต้องกระทำให้เรียบร้อย เปรียบเหมือนกับว่าคุณมี “กอง เสื้อผ้า” ที่คุณต้องซักให้เสร็จตามความรับผิดชอบก่อนที่คุณจะมีอิสระเสรีในการกระทำในสิ่งที่คุณพอใจเป็นส่วน ตัว

พี่น้องที่รัก!  วันนี้ “งานที่ได้รับมอบหมาย” หรือ “เสื้อผ้า” เหล่านั้น คุณซักเสร็จ (success) แล้วหรือยัง?

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
แบ่งปันพระพร

ปาฏิหาริย์

ปาฏิหาริย์

พระองค์ผู้มิได้ทรงหวงพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่ได้ทรงโปรดประทานพระบุตรนั้นเพื่อประโยชน์แก่เรา ถ้าเช่นนั้นพระองค์จะไม่ทรงโปรดประทานสิ่งสารพัดให้เราทั้งหลาย ด้วยกันกับพระบุตรนั้นหรือ (โรม 8:32)

วันหนึ่งในชั้นเรียนพระคัมภีร์วันพฤหัสบดี ได้มีโอกาสฟังพี่น้องท่านหนึ่งขึ้นไปพูดเป็นพยานถึงประสบการณ์ของเขากับพระเจ้า พูดถึงเรื่องความเชื่อและการอัศจรรย์ เขาเล่าว่าวันหนึ่งขณะนั่งไปในรถ คิดถึงพระเจ้า คิดว่าพระเจ้ากำลังดูเขาอยู่หรือเปล่า จึงอธิษฐานว่าถ้าพระองค์ทรงดูอยู่ ขอหมายสำคัญให้เขารู้ด้วย อยู่ดีๆเขาก็เห็นท้ายรถคันข้างหน้ามีสติ๊กเกอร์ติดอยู่เขียนว่า “เรากำลังดูท่านอยู่” นับเป็นประสบการณ์อัศจรรย์ส่วนตัวที่พระเจ้าให้กับเขา

Categories
แบ่งปันพระพร

เมื่อพระเจ้าตอบคำอธิษฐาน

เมื่อพระเจ้าตอบคำอธิษฐาน

สาธุการแด่พระเจ้า พระบิดาแห่งพระเยซูคริตสเจ้า ของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอบคุณพระองค์ผู้ทรงเมตตา

ขอบพระคุณพระเจ้าแห่งความชูใจ ช่วงที่ผ่านมาเป็นเวลาที่ยากลำบากของข้าพเจ้า เงินเดือนลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจ แต่ก็ไม่เป็นไรพอรับได้   คิดว่าพระองค์คงให้เราเรียนรู้อะไรบางอย่างกับสิ่งที่เกิดขึ้น

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

พระธรรม 1 ซามูเอล 16

แรกพบดาวิด

พระธรรม  1ซามูเอล 16:1-23

อ้างอิง                  1ซมอ.8:6;15:35;13:14;10:1;21:1;17:12-13;9:17

บทนำ                   พระเจ้าทรงปลดซาอูลจากการเป็นกษัตริย์ และกำลังจะแต่งตั้งดาวิดขึ้นเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งแทน แต่ซามูเอลกลับคาดไม่ถึงว่าดาวิดเป็นบุคคลที่พระเจ้าเลือก เพราะว่าห่างไกลมาตรฐานตามความคิดของคนทั่วไป พระเจ้าทอดพระเนตรและเลือกบุคคลไม่เหมือนอย่างที่เราคิด ดังนั้นอย่าให้เราตัดสินสิ่งใดหรือคนใดจากรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น!

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ค้อนกับตะปู

อับราฮัม มาสโลว์ (1908-1970) นักจิตวิทยาสัมคมชื่อดัง ชาวอเมริกันเคยกล่าวเตือนสติเราไว้ว่า…

“If the only tool you have is a hammer, you tend to see every problem as a nail.”

(หากคุณมีค้อนเป็นเครื่องมืออยู่อย่างเดียว คุณก็มีแนวโน้มที่จะมองเห็นทุกปัญหาเป็นดุจตะปูไปหมด!)

บ่อยครั้งที่เรามีระบบความคิดที่ติดกับกรอบใดกรอบหนึ่ง ทำให้เรามองทุกปัญหาภายใต้กรอบนั้นอยู่เสมอ หรือเรามักจะมีมุมมองหรือทัศนคติต่อสิ่งต่าง ๆ ในแนวเดียวกันอยู่เสมอ ทำให้เราอาจแก้ปัญหาไม่ถูกทาง และผลที่ตาม มาอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ก็เป็นได้!

คุณต้องตระหนักว่า คุณไม่อาจใช้เครื่องมือหรือวิธีใดเพียงวิธีเดียวในการแก้ทุก ๆ ปัญหาที่เกิดขึ้น คุณจะทึกทักหรือบีบให้ทุกเรื่องราวกลายเป็นดุจตะปูที่คุณสามารถใช้ค้อนของคุณทุบได้ทุกครั้งไปไม่ได้!

…คุณไม่อาจแก้ทุกปัญหาโดยใช้วิธีมองโลกในแง่ลบ หรือในแง่บวกเพียงอย่างเดียว!

…คุณไม่อาจแก้ไขความขัดแย้งทุกอย่างโดยใช้วิธีเอาชนะท่าเดียว!

ดังนั้น คุณไม่อาจเผชิญกับทุกวิกฤติโดยถือว่าวิกฤติเหล่านั้นเป็นดุจตะปูเหมือนกัน ที่คุณสามารถจัดการกับทุกวิกฤติเหล่านั้นได้เพียงใช้วิธีเดียวกันดุจค้อนสารพัดนึกอันเดียวเท่านั้นในการทุบลงไป!

คุณต้องตระหนักว่า แต่ละปัญหา, วิกฤติหรือความขัดแย้ง อาจจะต้องใช้วิธีรับมือที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับสถานที่  เวลา และบุคคลที่เกี่ยวข้อง!   แม้ว่า ค้อนจะสามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย แต่ก็ไม่ได้หมาย ความว่า คุณจะใช้ค้อนได้กับทุกสถานการณ์ ในพระคัมภีร์ก็มีตัวอย่างของการใช้ค้อนให้เกิดประโยชน์ แต่ก็มิได้หมายความว่า นั่นจะเป็นอุปกรณ์เดียวที่มีใช้อยู่ อาทิ

–  แม้ว่าจะมีการใช้ค้อนทำฐานดอก และกลีบของคันประทีปที่เป็นทองคำบริสุทธิ์ให้เป็นเนื้อเดียวกันกับคันประทีป แต่ก็ยังต้องใช้ตะไกรตัดไส้ตะเกียง เพราะใช้ค้อนตัดไส้ตะเกียงไม่ได้! (อพย.25:31-40)

–  แม้ว่าจะมีการใช้ค้อนและตะปูตอกเงินและทองทำเครื่องประดับ แต่ก็ยังต้องใช้ขวานตัดต้นไม้ เพราะค้อนตัดต้นไม้ไม่ได้!  (ยรม.10:3-4)   ฯลฯ   แต่มิได้หมายความว่า ค้อนจะไม่มีประโยชน์

เพราะว่า บางครั้งพระเจ้าอาจใช้ค้อนในการจัดการกับทั้งคนของพระองค์ และศัตรูของพวกเขาก็ได้!

อย่างเช่นพระเจ้าทรงใช้บาบิโลนเป็น “ค้อน” ทุบบรรดาประชาชาติ และราชอาณาจักรทั้งหลาย รวมทั้งชนชาติอิสราเอลที่ดื้อด้านอยู่ในบาปและไม่ยอมกลับใจ  (ยรม.51:20-23) แต่แล้วพระเจ้าก็ทรงใช้ “มีเดีย” ให้มาเป็นค้อนจัดการกับบาบิโลนเช่นกัน!  (ยรม.51:24-33)

แต่ที่เข้าข่ายคลาสสิกที่สุดก็คือเรื่องราวที่ พระเจ้าทรงใช้หญิงสาวนามยาเอลจัดการปลิดชีพของสิเสรา แม่ทัพของยาบิน กษัตริย์เมืองฮาโซร์ โดยการเชิญชวนให้เขาเข้ามาแวะพักและนอนในเต็นท์ จากนั้นเธอก็หยิบหลักขึงเต็นท์ถือค้อนย่องเข้ามาตอกหลักเข้าที่ขมับของสิเสราจนทะลุติดดิน สิ้นชีวิตลง (วนฉ.4:17-24)!

ดังนั้น จงระวังให้ดี หากว่าคุณยังกระทำผิดบาป โดยไม่สำนึกกลับใจ คุณอาจจะถูกค้อนทุกหัวโดยไม่รู้ตัว

แต่ในขณะเดียวกันก็ขอเตือนสติว่า จงอย่าใช้ค้อนในมือของคุณอย่างพร่ำเพรื่อเกินไปกับทุกคนในทุกเรื่อง เพราะ อาจจะไม่ได้เกิดผลดีอย่างที่คิดเสมอไป  ดีไม่ดี ค้อนนั้นอาจย้อนกลับคืนสนองตัวของคุณก็เป็นได้!

จงระวัง!

− ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ −