Categories
ข่าวประชาสัมพันธ์

ข่าวประชาสัมพันธ์ 13-09-09

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • เย็นนี้มีคอนเสิร์ตของโอ๋-ไอศูรย์ อย่าลืมไปเป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ
  • อีก 2 อาทิตย์ไปค่ายแล้วนะคะ ใครยังไม่พร้อมเรื่องใดแจ้งทีมงานด้วย
  • อย่าลืมเว็บไซด์ของเรา  http://www.churchofjoy.net/ อยากให้สมาชิกทุกคนมีส่วนร่วมค่ะ
  • ชนน+โม เปิดร้านปิ้งย่างญี่ปุ่นแล้วค่ะชื่อ “ซูมิ ซูมิ” ปากซอยสุขุมวิท 24 ใกล้ๆทางเข้าด้านข้าง เอ็มโพเรียม ไปช่วยกันอุดหนุนหน่อยนะคะ
Categories
สารจากศบ.

สารจาก ศ.บ. 13-9-09

13 กันยายน 2009

ThongchaiCJ ที่รัก

ผมขอต้อนรับสมาชิกและผู้มาเยี่ยมทุกท่านในวันนี้ ในนามของคณะผู้อภิบาล!

ผมดีใจที่มีผู้มาเยี่ยมเยียนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ขอหนุนใจให้ผู้ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจประกาศตัวเชื่อในพระคริสต์ได้มีใจกล้าต้อนรับพระองค์อย่างเปิดเผย!

และผู้ที่ประกาศตัวเชื่อพระคริสต์อย่างเปิดเผยแล้ว ควรจะเข้ารับการอบรมและรับบัพติศมาอย่างเป็นทางการให้เรียบร้อย (เร็วที่สุดก็คือในค่ายคริสตจักร ‘Light Now’ 25-27 กย. 09 นี้ )

และผู้ใดที่รับบัพติศมาแล้วแต่ยังไม่ได้กรอกใบสมัครเป็นสมาชิกคริสตจักร Church of Joy (CJ) ขอกรุณารีบสมัครด่วนนะครับ มิฉะนั้นท่านจะเสียสิทธิ์หลายประการไปอย่างน่าเสียดาย!

เพียงแต่ว่าก่อนจะสมัครเป็นสมาชิก CJ ท่านต้องปรับเจตคติของตนให้พร้อมเป็นผู้ให้มากกว่าเป็นผู้รับก่อนนะครับ!….. พูดตรง ๆ ก็คือ อย่าสมัครเป็นสมาชิกเพียงเพราะหวังว่าจะได้รับประโยชน์(แอบแฝง)อื่นใด ๆ นอกเหนือ จากพระพรแห่งการเป็นอวัยวะแห่งกายเดียวกัน นั่นคือ ได้

–  นมัสการพระเจ้าร่วมกัน                  –  ศึกษาเรียนรู้จักพระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ร่วมกัน

–  อธิษฐานร่วมกันและเผื่อกัน            –  รับใช้ร่วมกัน

–  สามัคคีธรรมร่วมกัน                        ฯลฯ   ส่วนเรื่องอื่น ๆ นั่นถือว่าเป็นผลพลอยได้เท่านั้น!

คริสตจักร CJ แห่งนี้มีนิมิตและนโยบายอย่างชัดเจนที่จะเป็นพรต่อทุกคน โดยเริ่มจากสมาชิกภายในจนออกไปสู่คนทั่วไปภายนอก!

ผู้ใดเป็นสมาชิกของคริสตจักรแห่งนี้ จะต้องแสดงออกถึงความเข้าใจและการยอมรับในนิมิตและนโยบายดังกล่าว โดยร่วมกันกระทำดังนี้

1. ทำให้คริสตจักรแห่งนี้มีปัจจัยพร้อมจะเป็นพรต่อส่วนรวม โดยการ

1.1 ถวายทรัพย์ 1 ในสิบของรายได้ประจำเดือนของเราเข้าสู่ส่วนกลางอย่างสัตย์ซื่อ (ผู้ใดประสงค์ใบเสร็จรับเงินสามารถแจ้งในวันเวลาที่ถวายด้วย

1.2 ถวายพิเศษ เพื่อจุดประสงค์เฉพาะ (เช่น สงเคราะห์ผู้ขัดสนหรือเพื่อโครงการในวาระต่าง ๆ ) ตามใจสมัคร

1.3 ถวายปัจจัยอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อพันธกิจของคริสตจักร

2. ทำให้คริสตจักรแห่งนี้สามารถเป็นพรได้ในทุกสถานการณ์ โดย

2.1 อาสาสมัครรับใช้ในงานประจำ  เช่น เป็นปฏิคม, ครูสอน, บริการด้านต่าง ๆ ฯลฯ

2.2 อาสาสมัครรับใช้ในงานพิเศษ ตามโครงการต่าง ๆ เช่น งานประกาศ, งานเยี่ยมเยียน ฯลฯ โดยฝึกฝนตัวเองให้พร้อมและทำตัวให้ว่างสำหรับการเข้าร่วมโครงการต่าง ๆ

3.  ทำให้คริสตจักรแห่งนี้เป็นครอบครัวที่มีสุข และเป็นเขตที่ปลอดความทุกข์ที่ไม่จำเป็น โดย

3.1  ช่วยกันทำให้ CJ เป็นเขตปลอดจากการเย่อหยิ่งจองหองหรือการซุบซิบนินทาว่าร้าย ทั้งต่อหน้าและลับหลังกัน ฯลฯ

3.2 ช่วยกันทำให้ CJ เป็นเขตปลอดจากคำสอนผิดเพี้ยนที่สร้างความแตกร้าวหรือส่งเสริมให้ดำเนินชีวิต (ในบาป) ผิดไปจากหลักคำสอนของพระคัมภีร์

3.3 ช่วยกันทำให้ CJ เป็นครอบครัวที่ทุกคนรักกัน เสียสละ  ให้อภัยกัน  ช่วยเหลือกันและหนุนใจกันอยู่เสมอ ฯลฯ

4. ทำให้คริสตจักรที่ดำเนินไปตามวัตถุประสงค์ของพระคริสต์ โดยการที่สมาชิก

4.1  ร่วมนมัสการพระเจ้าเป็นประจำในวันอาทิตย์

4.2  ร่วมศึกษาพระคัมภีร์และอธิษฐานเป็นประจำในวันพฤหัส

4.2  ไปกลุ่มแคร์ต่าง ๆ ที่คริสตจักรจัดไว้ตามบ้านต่างๆ

4.3  เป็นพยานและประกาศเรื่องพระคริสต์ในเชิงสร้างสรรค์ และนำญาติมิตรมาคริสตจักร

4.4   ร่วมกิจกรรมหลัก ๆ ต่าง ๆ ที่คริตจักรจัด เช่น ค่ายคริสตจักร ฯลฯ

ดังนั้น หากว่าผู้ใดเป็นสมาชิก CJ แล้วก็ขอให้ตั้งเป้าและตั้งใจที่จะกระทำตามดังที่กล่าวมาแล้วในข้างต้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้  และหากผู้ใดยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกก็ให้คิดใคร่ครวญดี ๆ ก่อนสมัคร!

แต่หากว่าวันนี้ท่านเป็นสมาชิกของ CJ แล้วล่ะก็เราขอยืนยันมา ณ ที่นี้เลยว่า นอกจากองค์พระเยซูคริสต์จะไม่ละทิ้งท่านแล้ว  พวกเราเองก็จะเคียงข้างท่านเสมอไปเช่นกัน

วันนี้ขอให้ทุกท่านนมัสการพระเจ้าอย่างมีความสุขนะครับ และขอขอบคุณ อาจารย์วีระชัย โกแวร์   ที่ได้มาแบ่งปันพระวจนะในวันนี้

ขอพระเจ้าอวยพรครับ

ด้วยรัก

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์  (ในนามของคณะผู้อภิบาล)

ปล.

1. ผู้ใดยังไม่ได้สมัครค่าย (25-27 กย) หรือสมัครแล้วยังไม่ได้ชำระเงิน กรุณาทำให้เรียบร้อยในวันนี้เลยนะครับ!

2. วันพฤหัสที่จะถึงนี้ (17 กย) อย่าลืมมาศึกษาพระคัมภีร์ด้วยกันนะครับ!

3. วันพฤหัสที่ 8 ต.ค. จะเป็นวันอธิษฐานพิเศษของ CJ (จะงดศึกษาพระคัมภีร์ 1ซามูเอล ในเย็นวันนั้น)  ขอทุกท่านมาอธิษฐานด้วยกันนะครับ!

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ทุกปัญหามีทางออก?

ทุกปัญหามีทางออก?

เฮนรี่ หลุยส์ เมนเคน (Henry Louis Mencken) เคยกล่าวไว้เป็นข้อคิดว่า…

“For every problem, there is a solution that is simple, neat, and  wrong.”

“ในทุกๆ ปัญหามักจะมีทางออกหนึ่งที่ดูเรียบง่าย เรียบร้อย และผิด!”

ไม่มีผู้ใดในพวกเราที่สามารถจะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้โดยปราศจากปัญหาได้!  เพียงแต่ว่าปัญหานั้นอาจจะเล็กหรือใหญ่  ง่ายหรือยาก สั้นหรือยาว ฯลฯ แตกต่างกันเท่านั้น !

ขึ้นอยู่กับทัศนคติที่เรามองหรือจากวิธีที่เราใช้รับมือจัดการกับปัญหาเหล่านั้น!

บางคนมองปัญหา “ใหญ่ ๆ ” ให้ “เล็ก” เกินไป จนเกิดความประมาท หรือชะล่าใจ ผลก็คือต้องเจ็บปวด หรือย่อยยับ เพราะปัญหานั้น!

แต่บางคนกลับตรงกันข้าม เขามองปัญหา “เล็ก ๆ” ให้กลายเป็นเรื่อง “ใหญ่” เกินความเป็นจริง เป็นเหตุที่ทำให้ต้องมีความทุกข์ขมขื่นอย่างทรมานใจและกายอย่างไม่จำเป็น!

จริง ๆ แล้วในยามที่เราเผชิญกับปัญหา (Problem) แต่ละปัญหา  เรามักมีทางเลือกอยู่หลายทางตั้ง แต่ทางที่ง่ายที่สุดจนถึงทางที่ยากที่สุด แต่บางคนมักคิดสั้นหรือคิดตื้น คว้าเอาวิธีแก้ปัญหาหรือทาง ออกที่ดูเรียบง่ายที่สุด แบบสิบเบี้ยใกล้มือ แต่ผลที่ปรากฎออกมากลับกลายเป็นว่า เราเลือกทางออกที่ผิด!

เพราะนั่นเป็นทางออกจากประตูแล้วตกลงไปในเหวลึกแห่งความสิ้นหวัง!

ดร.จอห์น ซี แม็กซ์เวลล์ (John C. Maxwell) ได้แบ่งปันข้อคิดและหลักการที่ท่านได้รับจากปัญหาที่ท่านเผชิญมาตลอดชีวิตของท่าน โดยอธิบายว่าปัญหา (Problems) ต่าง ๆ มีประโยชน์ ดังนี้

Predictorsปัญหาช่วยให้เราคาดการณ์อนาคตได้

Reminders ปัญหาช่วยย้ำเตือนให้เรารู้ว่าไม่มีใครประสบความสำเร็จได้โดยลำพัง

Opportunities –ปัญหาเป็นโอกาสที่ฉุดเราออกจากความจำเจและช่วยพัฒนาความคิดเชิงสร้างสรรค์

Blessingsปัญหาช่วยเปิดประตูที่ก่อนหน้านี้เราไม่อยากก้าวเข้าไป

Lessonsปัญหาเป็นบทเรียน เสมือนเป็นคำแนะนำสำหรับทุกการท้าทายใหม่ ๆ

Everywhereปัญหาที่มีอยู่ทุกหนแห่งช่วยบอกให้เรารู้ว่าไม่มีใครไม่ต้องพบความยุ่งยากลำบากใจ

Messagesปัญหาคือข่าวสารอันเป็นสัญญาณเตือนภัยก่อนไฟไหม้

Solvableปัญหาเตือนใจเราให้ระลึกไว้เสมอว่าในทุก ๆ กรณีมีทางแก้ไข

ดังนั้น หากเราคาดหวังว่าชีวิตของเราไม่น่าจะเจอปัญหาเรากำลังจะมีปัญหาตามมาในไม่ช้า !

หากว่าเราเครียดกับปัญหาที่เผชิญอยู่หรือยังไม่ได้เจอจนออกอาการเกินควร เรากำลังมีปัญหาที่ไม่จำเป็น!

และหากว่าเราประมาทในการจัดการกับปัญหาที่ประสบอยู่เราก็กำลังเสี่ยงเจ็บปวด และเสียหายอย่างน่าเป็นห่วง!

ขอให้เราตระหนักว่า “ทุกปัญหา” นั้นมีประโยชน์ต่อเราอย่างยิ่ง  หากว่าเรามีทัศนคติที่ถูกต้องและมีวิธีจัดการกับมันได้อย่างเหมาะสม!

ขอให้สำนึกไว้เสมอว่า “ปัญหา” มิได้มีไว้เพื่อให้เราหลบลี้หนีไปด้วยความกลัวหรือมองข้ามมันด้วยความประมาท

เพราะปัญหาคือ “ข้อบกพร่อง หรือ อุปสรรค ที่ต้องแก้ไขให้ลุล่วง!”

ดังนั้น จงก้าวออกไปจัดการแก้ไขปัญหาที่อยู่ข้างหน้าของคุณ โดยพึ่งอาศัยสติปัญญา และกำลังเรี่ยวแรงที่มาจากพระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่เหนือปัญหาใด ๆ ในโลกนี้  และวางใจในพระองค์อย่างสิ้นเชิงจริง ๆ

แล้วคุณจะกินอิ่มนอนหลับสบาย และมีความสุขได้ในท่ามกลางปัญหาสารพัดที่รุมเร้าชีวิตของคุณ!

เพราะพระเจ้าจะทรงประทานทางออกที่ดีแก่คุณอยู่เสมอ!

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
วันนี้ที่ CJ

วันนี้ที่ CJ 12-09-09

Bo212 กันยายน 2009

สวัสดีค่ะ

นี่โบเอง เมื่อคืนวันก่อนนอนดึกนิดหน่อยค่ะ มัวเป็นที่ปรึกษาให้หลายๆคนเลย เรื่องที่ปรึกษาก็มีหลากหลาย เรื่องความรัก ความสัมพันธ์ ความสวยความงาม เรื่องเงินๆทองๆ ไปจนถึงพูดคุยกระจุ๊กกระจิ๊กตามประสาผู้หญิง…. กว่าจะได้นอนก็ดึกโข

เช้าตื่นขึ้นมา ไม่แจ่มใสเท่าที่ควร ไม่ได้การวันนี้ต้องรีบกลับบ้านไปนอนแต่วัน เพราะกลัวเหมือนกับที่อาจารย์ธงชัยเคยพร่ำเตือน

“ใครก็ตามที่อดหลับอดนอน ระวังนะตัวหนี้นอนหลับ มันจะตามมาทวงหนี้คืน”

เหล่านกฮูกทั้งหลายคะ ถ้าทำได้โบว่าอย่านอนดึกกันเลย นอกจากสุขภาพจะแย่ หน้าตาไม่สดใส สมองทำงานไม่เต็มที่แล้ว เจ้าหนี้นอนหลับจะส่งมาเฟียมาตามทวงหนี้ด้วย….พวกนี้โหดค่ะ ไม่คุ้มเลย

“ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าท่านเป็นวิหารของพระเจ้า

และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในท่าน

ถ้าผู้ใดทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายผู้นั้น

เพราะวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์

และท่านทั้งหลายเป็นวิหารนั้น(1โครินธ์ 3:16-17)

เป็นห่วงทุกคนค่ะ / โบเอง

owl1

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • เดี๋ยวนี้มีแก๊งปาหินอาละวาดแถวสะพานข้ามแยกหน้าตลาดหลักทรัพย์ ถนนรัชดา ผ่านมาแถวนี้แนะนำให้เอาปี๊บคลุมหัวค่ะ
  • อธิษฐานเผื่อโอ๋-ไอศูรย์ และคอนเสิร์ตในวันอาทิตย์นี้ด้วยค่ะ โบและพี่ปุ๊จะไปแจมด้วย
  • พี่โดมตกงาน กำลังมองหางานใหม่ ใครมีอะไรช่วยแนะนำโดมด้วยค่ะ
  • อย่าลืมไปอุดหนุนร้านปิ้ง-ย่าง “ซูมิ ซูมิ” ของชนน ต้นซอย 24 เปิดตัววันอาทิตย์นี้ค่ะ
Categories
แบ่งปันพระพร

บาปทางตา

kid_at_laptop

บาปทางตา

ข้าสาบาน มั่นฤทัย จากใจจริง ไม่มองหญิงด้วยใจที่ มีตัณหา (โยบ 31:1 – ฉบับประชานิยม)

เย็นวันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้ากำลังพักผ่อนอยู่บนชั้นสอง ลูกสาวคนเล็กวิ่งขึ้นมาหาข้าพเจ้า หน้าตาตื่นบอกว่า มีคนไม่รู้จักส่งภาพลามกมาให้ทางอีเมล์

เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ขณะที่ลูกสาวกำลังเล่นอินเตอร์เน็ตและเปิดเข้าไปเช็คจดหมายที่ Hotmail ก็เห็นจดหมายเข้ามาหลายฉบับ มีทั้งของเพื่อนและของคนที่ไม่รู้จักซึ่งมักเป็นประเภท junk mail (คือจดหมายโฆษณาหลอกล่อให้ซื้อสินค้าต่างๆ) เมื่อลูกสาวลองคลิกเข้าไปดู เท่านั้นแหละได้เรื่องเชียว ภาพน่าเกลียดหลายภาพปรากฎขึ้นทันทีบนจอ คอมพิวเตอร์ซึ่งล้วนเป็นภาพลามกอนาจาร เธอตกใจทำอะไรไม่ถูก ร้องเรียกพี่สาวซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆมาช่วย ทั้งสองจึงช่วยกันคลิกปิดรูปทั้งหมด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีประสบการณ์เลวร้ายอย่างนี้

บางครั้งความบาปตามล่าเราและหาช่องทางเข้าถึงตัวเราในรูปแบบต่างๆ แม้ว่าเราจะพยายามระมัดระวังอย่างเต็มที่แล้วที่จะไม่ไปข้องเกี่ยวกับมัน ภาพลามกอนาจารทางอินเตอร์เน็ตนั้น ถือเป็นความบาปรูปแบบใหม่ที่พยายามเข้าถึงตัวเราและกำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในปัจจุบัน หลายคนอาจวิ่งเข้าไปหามันเอง แต่หลายคนแม้อยู่เฉยๆ หรือพยายามหนีมันแล้ว ก็ยังถูกสิ่งเหล่านี้ตามมารังควาญ แรกๆที่เจอเราอาจตกใจกลัวหากไม่ระวังและรีบหาทางป้องกัน ความกลัวจะหายไป ความอยากรู้อยากเห็นจะเข้ามาแทนที่ และในที่สุด เราจะเป็นฝ่ายหาทางเข้าไปหามันเองและถูกมันเกาะกุมชีวิตจนตกเป็นทาสทั้งกาย ใจ และวิญญาณ ทั้งหมดเริ่มต้นที่อวัยวะเล็กๆแต่สำคัญยิ่งคือ “นัยน์ตา”

มีคนกล่าวว่าตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ดังนั้นถ้าเราเปิดหน้าต่างนี้ออกรับสิ่งที่ไม่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน สิ่งที่ชั่ว สิ่งเหล่านี้จะเข้ามาเกาะกุมจิตใจ และทะลุทะลวงเข้าไปกัดกินถึงจิตวิญญาณ

(พี่เปี๊ยก ดารณี ประดับชนานุรัตน์)

อธิษฐาน ขอให้พระเจ้าปกป้องชีวิตคุณจากการทดลองที่จู่โจมเข้ามาหาในทุกรูปแบบ ถ้าหนีไม่พ้นขอพระเจ้า

ประทานสติปัญญาให้หลีกเลี่ยงและรอดพ้นได้

ข้อคิด / คำถาม

  1. คุณเคยมีประสบการณ์พยายามหลีกหนีความบาป แต่มันก็หาช่องทางเข้ามาหาจนได้หรือไม่?
  2. คุณมีวิธีใดในการต่อสู้ ขับไล่ความบาปพวกนี้?
  3. พระวจนะข้อใดที่คุณคิดว่าช่วยได้มากที่สุด?
Categories
วันนี้ที่ CJ

วันนี้ที่ CJ 11-09-09

doraemon_small11 กันยายน 2009

สวัสดีครับชาว CJ และขอทักทายผู้มาเยี่ยมเยียน

วันนี้ผมมีคำถามชวนคิดมาถามกันครับ……….

เราเจอกันบ่อยแค่ไหน?

ไม่รู้ว่า เพื่อนๆ พี่น้องเคยนึกถึงคำถามนี้กันบ้างหรือไม่ครับ แต่ถ้าคำตอบของผมคือ ผมเจอกับพี่น้องในคริสตจักรสัปดาห์ละ 2 วัน คือวันพฤหัสฯ กับ วันอาทิตย์ และไม่กี่ชั่วโมงด้วย

คิดว่าเพียงพอหรือยัง?

สำหรับผม ผมว่ายังไม่เพียงพอครับ เพราะสัปดาห์หนึ่งมีตั้ง 7 วันและ 2 วันที่เจอกัน แต่ละคนก็มีหน้าที่ภาระการงานของแต่ละคนไม่น้อยเลยทีเดียว

แล้วจะทำอย่างไรที่เราจะได้เจอกันมากขึ้น?

ก็มาที่  www.churchofjoy.net สิครับ (ได้ทีประชาสัมพันธ์) เราจะได้ติดตามข่าวสารของคริสตจักร ได้เจอกัน พูดคุยกัน อธิษฐานเผื่อกัน ผ่านทางเว็บไซต์, กระดานข่าวของเรา

เล่นไม่ค่อยเป็น,ใช้ไม่เป็น ทำไงดี?

ถ้าติดขัดตรงไหน ถ้าผมพอแนะนำได้ จะช่วยแนะนำให้ครับ (แต่คิดว่าทุกคนเข้ามานี่ได้คงเก่งกันพอตัวแล้วนะครับ)

อย่าลืมนะครับ คิดถึงกันก็เข้ามาพบปะกันที่นี่นะครับ แล้วพี่น้องจะรู้สึกว่า บนโลกออนไลน์ก็มีเรื่องสนุกๆ อีกเยอะครับ ขอฝากพระคำดีๆจากสุภาษิต 17:17 ไว้ครับ….

มิตรสหายก็มีความรักอยู่ทุกเวลา และพี่น้องก็เกิดมาเพื่อช่วยกันยามทุกข์ยาก”

ขอพระเจ้าอวยพระพรครับ / CJ ม่อน (กฤติน ยงปรีชา)

ข่าวฝากประชาสัมพันธ์

  • คุณแม่พี่แดงอาการดีขึ้นมาก เมื่อวานไปเยี่ยมมา หม่าม้าฝากขอบคุณทุกคนที่อธิษฐานเผื่อค่ะ
  • วันนี้ 4 โมงเย็นถึง 2 ทุ่มมีงาน “Help Live” ที่สวนชูวิทย์ ปากซอยสุขุมวิท 10 หารายได้ช่วยเด็กอพยพค่ายลี้ภัยชาวพม่าที่แม่ฮ่องสอน เข้าชมฟรีค่ะ มีพี่โอ๊ต และแชมป์ พี่น้องเราไปแสดงด้วย ไปเชียร์กันหน่อย
  • อาทิตย์นี้ศูนย์หนังสือ CED จะมาจำหน่ายหนังสือที่บริเวณทางขึ้นชั้นล่างเตรียมตังมาด้วย
  • อย่าลืมอธิษฐานเผื่อกันและกันนะคะ
Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

1ซามูเอล 18:1-30

โยนาธาน และดาวิด

พระธรรม 1ซามูเอล 18:1-30

อ้างอิง 1ซมอ.19:1;20:16;31:2;2ซมอ.4:4;11:26

บทนำ มิตรภาพระหว่างมิตรเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง มิตรภาพระหว่างบุคคล 2 คนที่ตราตรึงใจผู้อ่านพระคัมภีร์เป็นอย่างยิ่งคู่หนึ่งคือ  มิตรภาพระหว่างดาวิดและโยนาธาน! ความแตกต่างของทั้ง 2 ไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับมิตรภาพที่มีต่อกัน และทั้ง 2 ได้เกื้อกูลต่อกันตราบจนวัน สุดท้ายของชีวิต ….วันนี้ คุณมีมิตรภาพที่แท้และถาวรเช่นนี้กับผู้ใดบ้างหรือไม่?

บทเรียน

18:1     “อยู่มาเมื่อดาวิดทูลซาอูลเสร็จแล้ว จิตใจของโยนาธานก็ผูกสมัครรักใคร่กับจิตใจของดาวิด และโยนาธานก็รักเธออย่างรักชีวิตของท่านเอง”

(After David had finished talking with Saul, Jonathan became one in spirit with David, and he loved him as   himself.)

18:2     “และวันนั้นซาอูลก็ทรงกักตัวเธอไว้ ไม่ยอมให้เธอกลับไปบ้านบิดาของเธอ”

(From that day Saul kept David with him and did not let him return to his father’s house)

18:3     “แล้วโยนาธานก็กระทำพันธสัญญากับดาวิด เพราะท่านรักเธออย่างกับรักชีวิตของท่านเอง”

(And Jonathan made a covenant with David because he loved him as himself.)

18:4     “โยนาธานก็ถอดเสื้อคลุมออกมอบให้แก่ดาวิด พร้อมทั้งเครื่องใช้ แม้ดาบ คันธนู และเข็มขัดก็ประทานให้ด้วย”

(Jonathan took off the robe he was wearing and gave it to David, along with his tunic, and even his sword, is bow and his belt.)

18:5     “และดาวิดก็ออกไปกระทำความสำเร็จไม่ว่าซาอูลจะใช้เธอไป ณ ที่ใด ดังนั้นซาอูลจึงทรงตั้งเธอให้อยู่เหนือนักรบทั้งหลาย การกระทำดังนี้เป็นที่ชอบในสายตาของประชาชนและในสายตาของข้าราชการของซาอูลด้วย”

(Whatever Saul sent him to do, David did it so successfully that Saul gave him a high rank in the army. This  pleased all the people, and Saul’s officers as well.)

18:6     “อยู่มาเมื่อดาวิดกลับมาจากการฆ่าคนฟีลิสเตียนั้น กำลังเดินทางกลับบ้าน พวกผู้หญิงก็ออกมาจากหัวเมืองอิสราเอลร้องเพลงและเต้นรำต้อนรับพระราชาซาอูลด้วยรำมะนา ด้วยเพลงร่าเริง และด้วยเครื่องดนตรี”

(When the men were returning home after David had killed the Philistine, the women came out from all the towns of Israel to meet King Saul with singing and dancing, with joyful songs and with tambourines and lutes.)

18:7     “และเมื่อพวกผู้หญิงเต้นรำรื่นเริงกันอยู่นั้นก็ขับร้องรับกันว่า  “ซาอูลฆ่าคนเป็นพันๆ และดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่นๆ”

(As they danced, they sang:         “Saul has slain his thousands, and David his tens of thousands.”)

18:8     “ซาอูลทรงกริ้วนัก คำที่ร้องกันนั้นไม่เป็นที่พอพระทัยพระองค์เลย พระองค์ตรัสว่า “เขาสรรเสริญดาวิดว่าฆ่าคนเป็นหมื่นๆ ส่วนเราเขาว่าฆ่าแต่เพียงเป็นพันๆ นอกจากราชอาณาจักรแล้ว ดาวิดจะได้อะไรอีกเล่า”

(Saul was very angry; this refrain galled him. “They have credited David with tens of thousands,” he thought, “but me with only thousands. What more can he get but the kingdom?”)

18:9     “ซาอูลก็ทรงใช้สายตาจับดาวิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป”

(And from that time on Saul kept a jealous eye on David.)

18:10   “อยู่มาในวันรุ่งขึ้นวิญญาณชั่วจากพระเจ้าก็เข้าสิงซาอูล ซาอูลก็ทรงเพ้ออยู่ในวังของพระองค์ ดาวิดก็กำลังดีดพิณอย่างที่เธอเคยดีดถวายทุกวันมา ซาอูลทรงถือหอกอยู่”

(The next day an evil spirit from God came forcefully upon Saul. He was prophesying in his house, while David was playing the harp, as he usually did. Saul had a spear in his hand)

18:11 “และซาอูลก็ทรงพุ่งหอก ด้วยนึกว่า “ข้าจะปักดาวิดให้ติดกับผนังเสีย” แต่ดาวิดก็หนีไปได้ถึงสองครั้ง”

(and he hurled it, saying to himself, “I’ll pin David to the wall.” But David eluded him twice.)

18:12 “ซาอูลก็ทรงกลัวดาวิด เพราะว่าพระเจ้าทรงสถิตกับเธอ แต่ทรงพรากจากซาอูลแล้ว”

(Saul was afraid of David, because the LORD was with David but had left Saul.)

18:13 “ดังนั้นซาอูลจึงรับสั่งให้ย้ายดาวิดไปให้พ้นพระพักตร์ ตั้งเป็นผู้บังคับการกองพันและเธอได้เข้าออกอยู่ต่อหน้าประชาชน

(So he sent David away from him and gave him command over a thousand men, and David led the troops in their campaigns.)

18:14 “ดาวิดกระทำอะไรก็สำเร็จทุกประการ เพราะพระเจ้าทรงสถิตกับเธอ”

(In everything he did he had great success, because the LORD was with him.)

18:15 “เมื่อซาอูลทรงเห็นว่าดาวิดได้กระทำความสำเร็จยิ่งก็ทรงเกรงกลัวดาวิด”

(When Saul saw how successful he was, he was afraid of him.)

18:16   “แต่คนอิสราเอลและคนยูดาห์ทั้งสิ้นรักดาวิด เพราะเธอเข้าออกต่อหน้าเขาทั้งหลายอยู่เสมอ”

(But all Israel and Judah loved David, because he led them in their campaigns.)

18:17   “ฝ่ายซาอูลจึงรับสั่งกับดาวิดว่า “ดูเถิด นี่คือบุตรสาวคนโตของเราชื่อเมราบ เราจะมอบแม่นางให้เป็นภรรยาของเธอ ขอแต่เธอจงเป็นคนกล้าหาญและสู้ศึกของพระเจ้าเท่านั้น” เพราะซาอูลทรงดำริว่า “อย่าให้มือของเราแตะต้องเขาเลย ให้มือคนฟีลิสเตียแตะต้องเขาดีกว่า”

(Saul said to David, “Here is my older daughter Merab. I will give her to you in marriage; only serve me   bravely and fight the battles of the LORD.” For Saul said to himself, “I will not raise a hand against him. Let the Philistines do that!”)

18:18   “ดาวิดทูลซาอูลว่า  “ในอิสราเอลข้าพระบาทคือผู้ใด วงศ์ญาติของข้าพระบาทคือตระกูลบิดาของข้าพระบาทคือผู้ใดที่ข้าพระบาทควรจะเป็นราชบุตรเขยของพระราชา”

(But David said to Saul, “Who am I, and what is my family or my father’s clan in Israel, that I should become the king’s son-in-law?”)

18:19   “แต่อยู่มาเมื่อถึงเวลาที่จะทรงยกเมราบราชธิดาของซาอูลให้เป็นภรรยาของดาวิด แม่นางก็ถูกยกให้เป็นภรรยาของอาดรีเอลชาวเมโหลาห์”

(So when the time came for Merab, Saul’s daughter, to be given to David, she was given in marriage to driel   of Meholah.)

18:20 “ฝ่ายมีคาลราชธิดาของซาอูลนั้นรักดาวิด มีคนเอาเรื่องไปทูลซาอูลเรื่องนี้เป็นที่พอพระทัยพระองค์”

(Now Saul’s daughter Michal was in love with David, and when they told Saul about it, he was pleased.)

18:21   “ซาอูลทรงดำริว่า “ให้เรายกแม่นางให้แก่เธอ แม่นางจะได้เป็นกับดักเธอและมือของคนฟีลิสเตียจะได้ต่อสู้เธอ” ดังนั้นซาอูลจึงรับสั่งแก่ดาวิดครั้งที่สองว่า “ครั้งนี้เธอจะเป็นบุตรเขยของเรา”

(“I will give her to him,” he thought, “so that she may be a snare to him and so that the hand of the Philistines may be against him.” So Saul said to David, “Now you have a second opportunity to become my son-in-law.”)

18:22   “ซาอูลทรงบัญชามหาดเล็กว่า “จงพูดเป็นส่วนตัวกับดาวิดว่า ‘ดูเถิด พระราชาพอพระทัยในเธอ และบรรดามหาดเล็กของพระองค์ก็รักเธอ เพราะฉะนั้นจงเป็นบุตรเขยของพระราชาเถิด’ “

(Then Saul ordered his attendants: “Speak to David privately and say, ‘Look, the king is pleased with you, and his attendants all like you; now become his son-in-law.’”)

18:23   “และมหาดเล็กของซาอูลพูดเรื่องนี้ให้ดาวิดฟัง ดาวิดก็ถามว่า “ท่านทั้งหลายเห็นว่าที่จะเป็นบุตรเขยของพระราชานั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยอยู่หรือ ด้วยข้าพเจ้าเป็นแต่คนจนและไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย”

(They repeated these words to David. But David said, “Do you think it is a small matter to become the king’s son-in-law? I’m only a poor man and little known.”)

18:24   “และมหาดเล็กของซาอูลจึงทูลว่า “ดาวิดพูดอย่างนั้นอย่างนี้”

(When Saul’s servants told him what David had said,)

18:25   “ซาอูลจึงรับสั่งว่า “เจ้าจงพูดเช่นนี้แก่ดาวิด ‘พระราชาไม่มีพระประสงค์จะเอาอะไรในการแต่งงานเลย นอกจากหนังปลายองคชาตของคนฟีลิสเตียสักหนึ่งร้อย เพื่อพระองค์จะทรงแก้แค้นศัตรูของพระราชา’ ” ฝ่ายซาอูลทรงดำริว่าจะให้ดาวิดตายเสียด้วยมือของคนฟีลิสเตีย”                                                                                                                     (Saul replied, “Say to David, ‘The king wants no other price for the bride than a hundred Philistine  foreskins, to  take revenge on his enemies.’” Saul’s plan was to have David fall by the hands of the Philistines.)

18:26  “และเมื่อมหาดเล็กกล่าวคำเหล่านั้นให้ดาวิดฟัง ก็เป็นที่พอใจดาวิดที่จะเป็นบุตรเขยของพระราชา ก่อนเวลาที่กำหนดไว้จะหมดไป”

(When the attendants told David these things, he was pleased to become the king’s son-in-law. So before the allotted time elapsed,)

18:27   “ดาวิดก็ลุกขึ้นไปพร้อมกับคนของเธอ ได้ฆ่าคนฟีลิสเตียเสียสองร้อยคน และดาวิดก็นำหนังปลายองคชาตของคนเหล่านั้นมาถวายแก่พระราชาครบจำนวน เพื่อเธอจะเป็นบุตรเขยของพระราชา ซาอูลจึงยกมีคาลพระราชธิดาของพระองค์ให้เป็นภรรยาของดาวิด”

(David and his men went out and killed two hundred Philistines. He brought their foreskins and presented the full number to the king so that he might become the king’s son-in-law. Then Saul gave him his daughter Michal in marriage.)

18:28   “ซาอูลทรงเห็นและทราบว่า พระเจ้าทรงสถิตกับดาวิดและมีคาลพระราชธิดาของซาอูลรักเธอ”

(When Saul realized that the LORD was with David and that his daughter Michal loved David,)

18:29   “ซาอูลทรงเกรงกลัวดาวิดมากยิ่งขึ้น ดังนั้นซาอูลจึงเป็นศัตรูของดาวิดเรื่อยมา”

(Saul became still more afraid of him, and he remained his enemy the rest of his days.)

18:30   “บรรดาเจ้านายแห่งคนฟีลิสเตียก็ออกมาทำสงคราม เขาทั้งหลายจะออกมาสักกี่ครั้งก็ตาม ดาวิดก็ได้กระทำความสำเร็จมากกว่าบรรดาข้าราชการของซาอูล ชื่อเสียงของเธอจึงโด่งดังมาก”

(The Philistine commanders continued to go out to battle, and as often as they did, David met with more success than the rest of Saul’s officers, and his name became well known.

ข้อมูลมีประโยชน์

18:1     “อยู่มาเมื่อดาวิดทูลซาอูลเสร็จแล้ว” (After David had finished talking with Saul) = ดาวิดคงสนทนากับซาอูลเป็นเวลานานพอสมควร โดยอาจอธิบายถึงการกระทำต่าง ๆ ที่แสดงออกถึงความเชื่อของเขาที่มีต่อพระเจ้า จนโยนาธานที่นั่งฟังอยู่ด้วยเกิดประทับใจ และชอบดาวิดยิ่งนัก (ข.3,14:6;19:5) กลายเป็นความผูกพันภักดีที่ลึกซึ้งจนถึงขั้นโยนาธานยินดีให้ดาวิดมาแทนที่พระองค์ในการเป็นทายาทสืบตำแหน่งจากซาอูลพระราชบิดาของพระองค์

“โยนาธาน” (Jonathan) -1ซมอ.19:1;20:16;31:2;2ซมอ.4:4

“รักเธออย่างรักชีวิตของท่านเอง” (loved him as himself) -2ซมอ.1:26;ปฐก.44:30

18:2     “ซาอูลก็ทรงกักตัวเธอไว้” (Saul kept David with him) -17:15

18:3     “โยนาธานก็กระทำพันธสัญญากับดาวิด” (And Jonathan made a covenant with David)

–โดยโยนาธานเป็นผู้เริ่มต้น (19:1;20:8,13-16,17,41-42;22:8;23:18;24:21;2ซมอ.21:7) คงรวมถึงความจงรักภักดีมีความซื่อสัตย์และมิตรภาพระหว่างกัน โดยโยนาธานยอมรับดาวิดในฐานะเท่าเทียมกัน

18:4     “โยนาธานก็ถอดเสื้อคลุมออกมอบให้แก่ดาวิด” (Jonathan took off the robe he was wearing and gave it to David) = โยนาธานยืนยันพันธสัญญาโดยการกระทำซึ่งเป็นเครื่องหมายบ่งชี้ว่า เขากำลังมอบตัวเองให้กับดาวิด (อาจรวมถึงการมอบตำแหน่งทายาทสืบบัลลังก์ให้กับดาวิดด้วย -20:14-15,31;23:14) เพราะเขามอบให้แม้แต่กระทั่งดาบ, คันธนู และเข็มขัดของเขาด้วย (ปท.13:22;ปฐก.41:42;2ซมอ.18:11)

18:5     “ดาวิดก็ออกไปกระทำความสำเร็จไม่ว่าซาอูลจะใช้เธอไป ณ ที่ใด” (Whatever Saul sent him to do, David did it so successfully) –ข.30

คำว่า “Successfully” (สำเร็จ) อาจแปลได้ว่า “wisely” หรือ อย่างฉลาด!

“ทรงตั้งเธอให้อยู่เหนือนักรบทั้งหลาย” (gave him a high rank in the army) -2ซมอ.5:2

18:6     “ร้องเพลงและเต้นรำ” (singing and dancing) –อพย.15:20; “ด้วยรำมะนา” (tambourines) –สดด.68:25

18:7     “ขับร้องกันว่า” (they sang) –อพย.15:21

“ดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่น ๆ” (David his ten of thousands) = หากพูดตามกวีปกติของชาวฮีบรูจะพูดได้ว่า

“Saul and David have slain thousands!” (คำว่า 10,000 นั้นปกติใช้เป็นเพียงคู่ขนานกับคำว่า 1,000

– ฉธบ.32:30;สดด.91:7;มคา.6:7)     = แต่ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าซาอูลจะตีความว่าหมายถึง 10,000 คน อย่างจริง ๆ จัง ๆ ทำให้ซาอูลไม่พอใจ เพราะว่าประชาชนยกดาวิดขึ้นมาในระดับเดียวกับพระองค์ และกำลังยกขึ้นสูงกว่าพรองค์ จึงทำให้พระองค์รู้สึกไม่มั่นคงและอิจฉาดาวิด ความไม่พอใจนี้ได้เป็นชนวนแห่งความร้าวฉานต่อไป -21:11(ดู .21:11 จะเห็นการตีความบทเพลงนี้ของชาวฟิลิสเตีย) -1ซมอ.12:11;29:5; 2ซมอ.18:3

18:8     “นอกจากราชอาณาจักร” (but the kingdom) -1ซมอ.13:14

18:9     “ใช้สายตาจับดาวิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป”(And from that time on Saul kept a jealous eye on David) -1ซมอ.19:1

18:10   “วิญญาณชั่วจากพระเจ้า” (an evil spirit from God) –ดู 16:14

คำว่า “วิญญาณ” (spirit) –ดู  วนฉ.9:23

คำว่า “ชั่ว” (evil) นี้ยังหมายความว่า “injurious”

“ทรงเพ้อ”(was prophesying)=ฮีบรูที่ใช้บ่งบอกถึงพฤติกรรมเพ้อแบบควบคุมตัวเองไม่ได้ (1พกษ.18:29)

“ดาวิดก็กำลังดีดพิณอย่างที่เธอเคยดีดถวายทุกวัน”(David was playing the harp as he usually did)

-16:14,21,23;10:5;19:7 “ถือหอกอยู่” (had a spear) -1ซมอ.17:6

18:11   “ด้วยนึกว่า” (saying to himself) –ข.25;1ซมอ.20:7,33

“แต่ดาวิดก็หนีไปได้ถึง 2 ครั้ง” (But David eluded him twice) -1ซมอ.19:10;สดด.132:1

18:12   “ซาอูลก็ทรงกลัวดาวิด” (Saul was afraid of David) -ข.29

“เพราะว่าพระเจ้าทรงสถิตกับเธอ” (because the Lord was with David) -1ซมอ.16:13-14;ยชว.1:5; 1ซมอ.17:37;20:13;1พศด.22:11

“แต่ทรงพรากจากซาอูลแล้ว” (but had left Saul) –วนฉ.16:20

18:13   “รับสั่งให้ย้ายดาวิดไปให้พ้นพระพักตร์” (he sent David away) = แรงจูงใจที่ปรากฎชัดของซาอูลก็คือ หวังให้ดาวิดถูกฆ่าตายในสนามรบ (ข.17,21,25;19:1)

แต่ผลที่ตามมากลับทำให้ดาวิดได้รับการยกย่องมากยิ่งขึ้น  (ข.14,16,30)

“เธอได้เข้าออกอยู่ต่อหน้าประชาชน” = David led the troops in their campaigns –กดว.27:17; 2ซมอ.5:2

18:14   “ดาวิดกระทำอะไรก็สำเร็จทุกประการ เพราะพระเจ้าทรงสถิตกับเธอ” (In everything he did he had great success because the Lord was with him)

–ปฐก.39:2-3;กดว.14:43;2ซมอ.7:9

คำว่า “สำเร็จ” (success) นี้ ยังหมายความได้อีกว่า “wisely”

18:16   “แต่คนอิสราเอลและคนยูดาห์ทั้งสิ้นรักดาวิดเพราะเธอเข้าออกต่อหน้าเขาทั้งหลายอยู่เสมอ” (But all Israel and Judah loved David, because he led them in their campaigns) -1ซมอ.5:2

18:17   “ดูเถิด นี่คือบุตรสาวคนโตของเราชื่อ เมราบ” (Here is my older daughter, Merab) –ดาวิดได้รับการคาดหวังว่าจะได้รับธิดาของซาอูลเป็นภรรยา เพราะว่าเขามีชัยชนะเหนือโกลิอัท (17:23) แต่ซาอูลไม่ได้รักษาสัญญาข้อนี้ จนกระทั่งเวลานี้ มีการเพิ่มเงื่อนไขเพิ่มเติมในการทำสงคราม ซึ่งซาอูลคาดหวังว่าดาวิดจะถูกฆ่า -1ซมอ.17:25

“เราจะมอบแม่นางให้เป็นภรรยาของเธอ” (I will give her to you in marriage) –ปฐก.29:26

“ขอแต่เธอจงเป็นคนกล้าหาญและสู้ศึกของพระเจ้าเท่านั้น” (only serve me bravely and fight the battles of the Lord) -25:28;กดว.21:14

“ซาอูลทรงดำริว่า” (Saul said to himself) –ข.25;1ซมอ.20:3

18:18   “…ข้าพระบาทคือผู้ใด?” (Who am I) –อพย.3:11;1ซมอ.9:21

“จะเป็นราชบุตรเขยของพระราชา” (that I should become the king’s son – in – law?) –ข.23

18:19   “เมราบ” (Merab) -2ซมอ.21:8

“แม่นางก็ถูกยกให้เป็นภรรยาของอาดรีเอลชาวเมโหลาห์” (she was given in marriage to Adriel of Meholah) –วนฉ.7:22

18:20   “มีคาลราชธิดาของซาอูลนั้นรักดาวิด” (Now Saul’s daughter Michal was in love with David)

–ข.28;ปฐก.29:26

“เรื่องนี้เป็นที่พอพระทัยพระองค์” (he was pleased) ข.29

18:21   “แม่นางจะได้เป็นกับดักเธอ” (so that she may be a snare to him) –อพย.10:7;ฉธบ.7:16

18:25   “พระราชาไม่มีพระประสงค์จะเอาอะไรในการแต่งงานเลย” (the king wants no other price for the bride)=ปกติ เจ้าบ่าวต้องจ่ายค่าสินสอดให้กับบิดาของเจ้าสาว(ปฐก.34:12;อพย.22:16)เพื่อเป็นค่าชดเชยสำหรับการจากไปของธิดาและเป็นหลักประกันสำหรับสนับสนุนเธอในยามต้องเป็นม่าย  -ปฐก.34:12

“นอกจากหนังปลายองคชาตของคนฟิลิสเตียสักหนึ่งร้อยเพื่อพระองค์จะทรงแก้แค้นศัตรูของพระราชา” (than a hundred Philistine foreskins, to take revenge on his enemies.) = เวลานี้ซาอูล  ประสงค์ให้มือดาวิดพลาดพลั้งหรือพ่ายแพ้ในสงคราม (ข.17,21)  -สดด.8:2;44:16;ยรม.20:10

“…ซาอูลทรงดำริว่าจะให้ดาวิดตายเสียด้วยมือของคนฟิลิสเตีย” (Saul’s plan was to have David fall by the hands of the Philistines) –ข.11,17

18:27   “ดาวิด…ฆ่าคนฟิลิสเตียเสีย 200 คน และดาวิดก็นำหนังปลายองคชาตของคนเหล่านั้นมาถวายแก่พระราชาครบจำนวน” (David…went out and killed 200 Philistines. He brought their foreskins and presented the full number to the king) –ดาวิดทำมากกว่าที่ซาอูลขอในข้อ 25 “ซาอูลจึงยกมีคาลพระราชธิดา…ให้เป็นภรรยาของดาวิด” (Then Saul gave him his daughter Michal in marriage) -2ซมอ.3:14;6:16

18:28   “พระราชธิดาของซาอูลรักเธอ” (Michal loved David) –ความปรารถนาของพระเจ้าที่มีต่อดาวิดไม่เพียงแต่เปิดเผยออกมาในชัยชนะจากสงครามต่าง ๆ แต่ยังผ่านความรักที่มีคาลมีต่อเขา (นอกเหนือจากความรักของโยนาธาน)  ดูเหมือนว่าทุกอย่างที่ซาอูลคาดหวังจะถ่วงหรือทำลายดาวิดกลับกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ดาวิดก้าวหน้า –ข.20

18:29   “ซาอูลทรงเกรงกลัวดาวิดมากยิ่งขึ้น” (Saul became still more afraid of him) –การที่ซาอูลรับรู้ว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับดาวิดไม่ได้นำให้เขากลับใจ หรือยอมรับชะตากรรมของพระองค์เอง (15:26) แต่กลับยิ่งทำให้กลัวและอิจฉาดาวิดมากยิ่งขึ้น –ข.12

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยรู้สึกผูกพันรักใครสักคนด้วยใจบริสุทธิ์ (ไม่ใช่อารมณ์ใคร่) และพร้อมกระทำหรือเสียสละทุกอย่างเพื่อเขาบ้างหรือไม่?   เขาคือใคร?  แล้วทำไมคุณจึงรักผูกพันเขาเช่นนั้น?
  2. ในชีวิตของคุณ เคยมีบุคคลใดที่ผูกพันรักคุณอย่างจริงใจบ้างหรือไม่?  เขาแสดงออกต่อคุณอย่างไร?
  3. คุณเคยได้รับความชื่นชมหรือโปรดปรานจากผู้ที่มีอำนาจหรือบรรดาคนรอบตัวของคุณบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร?  และพวกเขาแสดงความชื่นชอบออกมาอย่างไร?
  4. คุณเคยถูกหมั่นไส้หรือถูกไม่พอใจ โกรธ หรือต้องรับภัย โดยไม่คาดฝัน เพียงเพราะว่าคุณเด่นกว่าเขาหรือเธอบ้างหรือไม่?  เรื่องราวเป็นอย่างไร?  และผลลัพธ์คืออะไร?
  5. คุณเคยอิจฉา  โกรธ หรือ เกลียดใครเพียงเพราะเขาโดดเด่นกว่าคุณในบางเรื่อง หรือทุกเรื่องบ้างหรือไม่? แล้วผลตามมาคืออะไร?
  6. คุณเคยมีประสบการณ์กับการทุกข์ทรมานใจเหมือนกับมีวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิงบ้างหรือไม่?  แล้วคุณจัดการกับมันอย่างไร? พระเจ้ามีส่วนอะไรบ้างในการต่อสู้ของคุณ?
  7. คุณเคยมีประสบการณ์ที่พระเจ้าซึ่งเคยทรงสถิตอยู่กับคุณ แต่อยู่ ๆ พระองค์ก็ทรงพรากไปจากคุณบ้างหรือไม่? คุณทราบสาเหตุหรือไม่?  แล้วคุณมีปฏิกิริยาอย่างไร?
  8. คุณเคยมีประสบการณ์กับการที่พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับคุณจนทำให้คุณสามารถกระทำกิจต่าง ๆ ให้สำเร็จลงอย่างเห็นได้ชัดเจนบ้างหรือไม่?   เรื่องราวเป็นอย่างไร?  จงแบ่งปัน!
  9. คุณเคยถูกหลอกให้กระทำบางอย่าง โดยผู้อื่นที่ประสงค์ร้ายต่อคุณ  และคุณก็ได้กระทำตามนั้นจนลุล่วงไปบ้างหรือไม่?  อย่างไร?
  10. คุณเคยคิดร้ายหรือประสงค์ร้ายต่อผู้อื่น แต่กลับกลายเป็นเหตุให้ผู้อื่นจำเริญมากขึ้นบ้างหรือไม่?  (แบ่งปัน)
  11. คุณเคยถูกขัดขวาง, ปองร้าย หรือเล่นงาน แต่สุดท้ายกลับทำให้คุณประสบความก้าวหน้าหรือความสำเร็จบ้างหรือไม่?

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์