คริสตจักรแห่งความสุข

คำถาม   “พระคัมภีร์สอนเรื่องการถ่อมใจ แบบเด็กๆไว้อย่างไร?”

คำตอบ     ในพระคัมภีร์เรื่องการถ่อมใจไว้ดังนี้

1.เราต้องมีใจถ่อมลงเหมือนเด็กเล็กๆ จึงจะเข้าและเป็นใหญ่ในสวรรค์ได้

“แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านไม่กลับใจและเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ก็จะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ถ้าใครถ่อมจิตใจลงเหมือนเด็กเล็กๆ คนนี้ คนนั้นจะเป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดินสวรรค์” ~มัทธิว 18:3-4 THSV11

2.เราจะได้รับการยกชู เมื่อเราถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า

“พวกท่านจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระองค์จะทรงยกชูท่าน” ~ยากอบ 4:10 THSV11

3.เราจะได้รับการกดลงให้ต่ำ เมื่อเราเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมใจ

“เพราะพระเจ้าทรงกดผู้เย่อหยิ่งลงต่ำ แต่พระองค์ทรงช่วยคนถ่อมใจให้รอด” ~โยบ 22:29 THSV11

4.เราควรแสวงหาพระเจ้า ถ่อมใจทำตามพระบัญชาของพระองค์

“จงแสวงหาพระยาห์เวห์ ทุกคนที่ถ่อมใจบนแผ่นดิน คือผู้ที่ทำตามพระบัญชาของพระองค์ จงแสวงหาความชอบธรรม จงแสวงหาความถ่อมใจ บางทีพวกเจ้าจะได้รับการกำบัง ในวันแห่งพระพิโรธของพระยาห์เวห์” ~เศฟันยาห์ 2:3 THSV11

5.เราควรจะดำเนินชีวิตกับพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ รักเมตตา และยุติธรรมต่อผู้อื่น

“มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี? และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า? นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตา และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ” ~มีคาห์ 6:8 THSV11

6.เราควรถ่อมใจ เพื่อจะได้รับแผ่นดินเป็นมรดก และปีติยินดีในความสมบูรณ์พูนสุข

“แต่คนที่ถ่อมใจจะได้แผ่นดินเป็นมรดก และจะปีติยินดีในความสมบูรณ์พูนสุข”  ~ สดุดี 37:11 THSV11

7.เราควรรับใช้พระเจ้าด้วยใจถ่อม และด้วยความอดทน

“ข้าพเจ้ารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจและด้วยน้ำตา ต้องทนต่อการทดลองที่มาถึงตัวเองอันเนื่องจากแผนร้ายของพวกยิว” ~กิจการ 20:19 THSV11

8.เราควรมั่นใจว่า พระเจ้าจะประทานชัยชนะเป็นมงกุฎให้เมื่อเราถ่อมใจ

“เพราะพระยาห์เวห์ทรงปรีดีในประชากรของพระองค์ พระองค์ประทานชัยชนะเป็นมงกุฎแก่คนที่ถ่อมใจ” ~สดุดี 149:4 THSV11

9.เราไม่ควรทำสิ่งใดด้วยการชิงดีหรือถือดีกัน แต่ให้ถ่อมใจถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว

“อย่าทำสิ่งใดด้วยการชิงดีหรือถือดี แต่จงถือว่าคนอื่นดีกว่าตัวด้วยใจถ่อม” ~ฟีลิปปี 2:3 THSV11

10.เราควรถ่อมใจในการปฏิบัติต่อกันไม่ว่าผู้ใดจะอาวุโสมากหรือน้อยกว่ากัน

“ในทำนองเดียวกัน พวกท่านที่อ่อนอาวุโส ก็จงยอมเชื่อฟังพวกผู้อาวุโส ท่านทุกคนจงสวมความถ่อมตัวในการปฏิบัติต่อกันและกัน เพราะ พระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหอง แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ” ~1 เปโตร 5:5 THSV11

11.เราควรตระหนักเสมอว่า สิ่งที่พระเจ้าทรงมองหาในชีวิตของเราคือความถ่อมใจและการสำนึกผิด

“มือของเราสร้างสิ่งทั้งหมดนี้ และสิ่งทั้งหมดนี้ก็เกิดขึ้น” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้ “แต่นี่ต่างหากที่เราจะมอง คือผู้ถ่อมใจและสำนึกผิดในวิญญาณจิต และตัวสั่นเพราะถ้อยคำของเรา” ~อิสยาห์ 66:2 THSV11

12.เราควรสำเหนียกไว้เสมอว่า ถ้าเราไม่เต็มใจถ่อมใจ เดี๋ยวพระเจ้าจะช่วยทำให้เราถ่อมใจลง

“พระองค์ทรงทำให้ใจของเขาทั้งหลายถ่อมลงด้วยงานหนัก เขาสะดุดและไม่มีใครช่วย” ~สดุดี 107:12 THSV11

“พระองค์ทรงทำให้ท่านถ่อมใจ ทรงปล่อยท่านให้หิว และทรงเลี้ยงท่านด้วยมานา ซึ่งท่านเองหรือปู่ย่าตายายของท่านก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร เพื่อพระองค์จะทรงทำให้ท่านเข้าใจว่า มนุษย์ไม่ได้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารเพียงสิ่งเดียว แต่มนุษย์จะดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยทุกสิ่งที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระยาห์เวห์” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 8:3 THSV11 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

คำถาม:  ”พระคัมภีร์สอนอะไรเรื่องเกี่ยวกับความถ่อมใจ และการเริ่มต้นใหม่อย่างถ่อมใจบ้าง?”

ตอบ: “พระคัมภีร์สอนเรื่องเกี่ยวกับการถ่อมใจไว้มากมาย อาทิ

1. พระเจ้าทรงแจ้งแก่มนุษย์แล้วว่า พระองค์ประสงค์อะไรจากพวกเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การดำเนินชีวิตไปกับพระองค์ด้วยความถ่อมใจ
“มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี? และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า? นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตา และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ” ~มีคาห์ 6:8 THSV11

 

คำถาม:  ”พระคัมภีร์กล่าวถึง Christmas of Hope : คริสต์มาสแห่งความหวัง ไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ:

1. คนที่มีความหวังในพระเจ้าแห่งวันคริสต์มาส คือคนที่มีความสุข

“คนที่ผู้อุปถัมภ์ของเขาคือพระเจ้าของยาโคบ ก็เป็นสุข คือผู้ที่ความหวังของเขาอยู่ในพระยาห์เวห์พระเจ้าของเขา”  ~สดุดี 146:5 THSV11

คำถาม:  ”พระคัมภีร์สอนความจริงอะไรบ้างเกี่ยวกับคริสต์มาส?”

คำตอบ: ” พระคัมภีร์สอนความจริงเรื่องคริสต์มาสไว้ 10 ประการ ดังนี้…

1. พระเยซูคริสต์มาบังเกิด ตามเวลาที่กำหนดไว้ ตามคำพยากรณ์ที่บอกไว้ล่วงหน้ามาราว 700 ปีก่อนหน้าวันคริสต์มาสจะเกิดขึ้นแล้ว

2. พระเยซูคริสต์มาบังเกิดเป็นมนุษย์ตามเชื้อสายของกษัตริย์ดาวิดตามพระสัญญาของพระเจ้าโดยสืบเชื้อสายมาจากกษัตริย์ดาวิด ทั้งทางสายบิดาคือ โยเซฟ และ ทางสายมารดาคือ มารีย์ แต่ไม่ได้เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างมารย์กับโยเซฟ เพราะพระเยซูคริสต์เกิดจากมารีย์สาวพรหมจารี โดยเดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์

3. พระเยซูคริสต์มาบังเกิดในโลกนี้ ทั้งในสภาพของมนุษย์แท้ และพระเจ้าแท้ในบุคคลเดียวกัน

4. พระเยซูคริสต์มาบังเกิด และดำเนินชีวิตสำเร็จจริงตามรายละเอียดของคำพยากรณ์ในเรื่องอื่นๆ แม้แต่เรื่องการสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปมนุษย์ทั้งหลายบนไม้กางเขนด้วย

5. พระเยซูคริสต์มาบังเกิด เป็นทางที่นำคนบาปทุกคนที่เชื่อกลับไปหาพระเจ้า

• เป็นความจริงที่นำให้มนุษย์หลุดพ้นจากความเท็จและรู้จักกับพระเจ้าองค์เที่ยงแท้
• เป็นผู้ประทานชีวิตนิรันดร์ให้แก่ทุกคนที่กลับเชื่อและวางใจในการไถ่พระองค์

6. พระเยซูคริสต์มาบังเกิดเพื่อช่วยมนุษย์ให้หลุดพ้นจากความกลัว ความเหน็ดเหนื่อย ภาระหนัก ความท้อแท้สิ้นหวัง และกรรมที่ทำมาในชีวิต ทำให้หายเหนื่อยและมีสันติสุขอย่างแท้จริง

7. พระเยซูคริสต์มาบังเกิดเป็นทารกน้อยในรางหญ้าที่ทำด้วยไม้เพื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ยอมถูกตรึงที่ไม้กางเขน เพื่อไถ่บาปมนุษย์ทุกคนในโลกนี้ ที่ถ่อมใจรับการตายแทนของพระองค์

8. พระเยซูคริสต์มาบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อกระทำภารกิจสำคัญหลักคือ ตายไถ่บาปมนุษย์ ซึ่งพระองค์ทรงทราบ และทรงพร้อมที่จะเสียสละทุกสิ่งในชีวิตของพระองค์เพื่อกระทำตามพันธกิจนี้อย่างแน่วแน่จนสำเร็จตามเป้าหมาย

9. พระเยซูคริสต์มาบังเกิดเป็นมนุษย์ด้วยความรักเมตตาต่อมนุษย์อย่างไม่มีเงื่อนไขและพระองค์มอบภารกิจในการบอก และประกาศข่าวดีแห่งความรอดนี้ แก่คริสตจักรและคริสตชนทุกคนไปกระทำแข่งกับเวลา ก่อนที่พระองค์จะเสด็จกลับมารับทุกคนที่เชื่อไปอยู่กับพระองค์

10. พระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระเจ้าจากสวรรค์มาบังเกิดเป็นมนุษย์ ในโลก เพื่อทำให้บุตรของมนุษย์ในโลก ได้กลายเป็น        บุตรของพระเจ้าในสวรรค์ แต่ข้อเสนอที่แสนประเสริฐนี้ จะมีผลก็ต่อเมื่อ มนุษย์คนนั้นตัดสินใจรับพระคุณนี้ ด้วยความเชื่อ ด้วยตัวของเขาเอง!” 

      -ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-