Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม: ”พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยวกับความรับผิดชอบในการต้องรายงาน หรือการส่งบัญชีสำหรับงานหรือสิ่งที่เราทำ? (Accountability)” 

ตอบ:  “พระคัมภีร์สอนเราในเรื่องนี้ไว้มากมาย อาทิ

1. สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งทั้งในสวรรค์และในโลกนี้ ต้องรายงานสิ่งที่พวกเขาทำต่อพระเจ้า แม้แต่

  • ทูตสวรรค์ และ
  • ซาตาน

“อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อเหล่าทูตสวรรค์มารายงานตัวต่อพระยาห์เวห์ ซาตานได้มาในหมู่เขาด้วย” ~โยบ 1:6 THSV1

“และอยู่มาวันหนึ่ง เมื่อเหล่าทูตสวรรค์มารายงานตัวต่อพระยาห์เวห์ ซาตานได้มาในหมู่เขา เพื่อรายงานตัวต่อพระยาห์เวห์ด้วย” ~โยบ 2:1 THSV11

2. คนของพระเจ้าทุกคน จะต้องเชื่อฟังทำตามผู้นำที่พระเจ้าแต่งตั้งและพร้อมรายงาน

  • ในสิ่งที่พวกเขาต่างทำกันเอง

“โมเสสสั่งพวกเขาว่า “อย่าให้ใครเหลือไว้จนรุ่งเช้า” แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังโมเสส บางคนเหลือไว้จนรุ่งเช้า อาหารนั้นก็มีหนอนขึ้น และบูดเหม็น โมเสสจึงโกรธคนเหล่านั้น พวกเขาเก็บกันทุกๆ เช้าเท่าที่คนหนึ่งรับประทานได้ แต่พอแดดออกร้อนจัดแล้วอาหารนั้นก็ละลายไป เมื่อถึงวันที่หก พวกเขาเก็บอาหารสองเท่าคือคนละสี่ลิตร ผู้นำทั้งหมดของชุมนุมชนจึงเข้ามารายงานโมเสส โมเสสบอกพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์ทรงบัญชาว่า ‘พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพักเป็นสะบาโต วันบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์ จะปิ้งอะไรก็ให้ปิ้ง จะต้มอะไรก็ให้ต้มเสีย และส่วนที่เหลือทั้งหมด จงเก็บไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น’ ”

เมื่อพวกเขาเก็บไว้จนถึงวันรุ่งขึ้นตามที่โมเสสสั่ง อาหารนั้นไม่บูดเหม็นและไม่มีหนอนในนั้น โมเสสจึงบอกว่า “วันนี้จงกินอาหารนั้น เพราะว่าวันนี้เป็นวันสะบาโตของพระยาห์เวห์ วันนี้พวกท่านจะไม่พบอาหารอย่างนั้นในทุ่งเลย จงเก็บอาหารหกวัน แต่ในวันที่เจ็ดซึ่งเป็นสะบาโตจะไม่มีเลย” ต่อมาในวันที่เจ็ด บางคนออกไปเก็บ แต่ก็ไม่พบเลย” ~อพยพ 16:19-27 THSV11

  • ในสิ่งที่พระเจ้า หรือผู้นำสั่งให้พวกเขาไปทำ

“เมื่อผ่านไป 40 วัน เขาทั้งหลายก็กลับจากการสอดแนมแผ่นดินนั้น เขากลับมายังโมเสส อาโรน และชุมนุมชนอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารปารานที่คาเดช พวกเขากลับมารายงานต่อท่านทั้งสองและชุมนุมชนทั้งหมด ทั้งให้ดูผลไม้ของแผ่นดินนั้น” ~กันดารวิถี 13:25-26 THSV11

3. เราต้องรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดสามารถปิดซ่อนให้พ้นจากพระเจ้าผู้ที่เราต้องรับผิดชอบถวายรายงาน

“ไม่มีสิ่งทรงสร้างใดใดถูกปิดซ่อนไว้จากพระองค์ แต่ตรงกันข้าม ทุกสิ่งก็ปรากฏแจ้งต่อพระเนตรของพระองค์ผู้ซึ่งเราจะต้องถวายรายงานด้วย” ~ฮีบรู 4:13 THSV11

4.เราทุกคนในคริสตจักร

ควรนบนอบเชื่อฟังผู้นำ (ศิษยาภิบาล ผู้อาวุโส ผู้ปกครอง) ที่

  • ก. ต้องดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกเขา และ
  • ข. ต้องรายงานเรื่องของพวกเขาต่อพระเจ้า

ควรให้พวกเขาทำงานนี้ด้วยความชื่นชมยินดี ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ

“จงนบนอบเชื่อฟังบรรดาผู้นำของท่านทั้งหลาย เพราะว่าพวกเขาดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกท่านอยู่อย่างคนที่ต้องถวายรายงาน จงให้พวกเขาทำงานนี้ด้วยความชื่นชมยินดี ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์แก่พวกท่านเลย” ~ฮีบรู 13:17 THSV11

5.เราต้องตระหนักว่า วันหนึ่งพระเจ้าจะทรงเรียกการรายงาน และบัญชีชีวิตของเรา ทั้ง

  • ตามกำหนดเวลา

“เพราะเหตุนี้ แผ่นดินสวรรค์ก็เปรียบเหมือนเจ้าองค์หนึ่งที่มีพระประสงค์จะคิดบัญชีกับบรรดาทาสของตน” ~มัทธิว 18:23 THSV11

  • ก่อนกำหนดเวลา

“พระเยซูตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “เศรษฐีคนหนึ่งมีพ่อบ้าน มีคนมาฟ้องเศรษฐีว่าพ่อบ้านคนนั้นกำลังผลาญสมบัติของท่าน เศรษฐีจึงเรียกพ่อบ้านมา บอกกับเขาว่า ‘เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้านั้นเป็นอย่างไรกัน? เอาบัญชีพ่อบ้านของเจ้ามา เพราะว่าเจ้าจะเป็นพ่อบ้านต่อไปไม่ได้’” ~ลูกา 16:1-2 THSV11

6.เราควรเป็นคนต้นเรือนที่ซื่อสัตย์ จนไม่จำเป็นต้องเรียกร้องขอดูบัญชี

“และพวกเขาไม่ได้ขอบัญชีจากคนที่พวกเขาใส่เงินไว้ในมือให้เอาไปจ่ายคนงาน เพราะเขาทั้งหลายปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์” ~2 พงศ์กษัตริย์ 12:15 THSV11

7.เราควรเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าที่ดูแลราชกิจของพระเจ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประกาศข่าวประเสริฐที่ไว้วางใจได้และพร้อมรายงานได้ตลอดเวลา

“ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนเช่นนี้คือเป็นเหมือนคนรับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้รับมอบฉันทะให้ดูแลสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า ยิ่งกว่านั้น บรรดาผู้รับมอบฉันทะย่อมได้รับการคาดหวังว่าต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้”  ~ 1 โครินธ์ 4:1-2 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
สารจากศบ.

สารประจำสัปดาห์จากศิษยาภิบาล

8 มกราคม 2023

สวัสดีครับพี่น้อง CJ

ผมขอต้อนรับพี่น้องทุกท่านที่มาร่วมนมัสการพระเจ้าด้วยกันในวันนี้ ขอให้เราทุกคนมีความสุขและความยินดีที่ได้รู้จักพระเจ้า และทำให้พระเจ้าเป็นที่รู้จัก!

ผมมีข่าวดีแจ้งให้ทราบว่า เรามีความคืบหน้าในเรื่องการก่อสร้างอาคารของโบสถ์ CJ และจะแจ้งให้ทุกท่านทราบด้วยความตื่นเต้นในช่วงนมัสการวันนี้

ผมแน่ใจว่า แม้คริสตจักร CJ เป็นคริสตจักรเล็กๆ แต่เราสัมผัสได้ถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่มีต่อคริสตจักรเล็กๆที่ประกอบด้วยคนที่ไม่สมบูรณ์ ตั้งแต่ศิษยาภิบาล ผู้นำคริสตจักร จนถึงสมาชิกทุกคน

ดังนั้น ผมจึงหนุนใจให้ทุกท่านที่เข้ามาก่อนแล้ว และผู้ที่จะตามเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง (Belong) ของคริสตจักรแห่งนี้ในเวลาต่อมา ได้ทราบล่วงหน้าไว้อย่างชัดเจนเลยว่า คริสตจักรแห่งนี้ไม่มีคนที่สมบูรณ์แบบอยู่เลย  เพื่อจะได้ไม่มีใครกล่าวได้อีกต่อไปว่า เขาไม่ประสงค์จะอยู่โบสถ์นี้เพราะว่าที่นี่มีแต่คนมีปัญหา

ผมยอมรับว่าเราทุกคนรวมทั้งผมต่างก็ล้วนมีปัญหา และเพราะเรายอมรับในความจริงข้อนี้ เราจึงพากันเข้ามาพึ่งพระบารมีคุณของพระเยซูคริสต์ และมาเป็นพี่น้องกันในครอบครัวนี้อย่างมีความสุข โดยมองดูซึ่งกันและกันด้วยสายตาอย่างพระเจ้า ที่ทรงมองดูพวกเราเหมือนกับพ่อที่รักลูกตัวแสบจนถึงที่สุด  ไม่ว่าเขาจะดีหรือสมบูรณ์หรือไม่!

ปีใหม่ 2023 มาถึงแล้ว ผมขอวิงวอนทุกท่าน ให้ช่วยกันปรับความคิด และทัศนคติกันใหม่ตั้งแต่เดือนแรกของปี ให้เราตระหนักว่าเราเป็นคนของพระเจ้า

  • โดยการสร้าง~ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่?
  • โดยการกลับใจ~รับการไถ่กลับมาหาพระองค์โดยพระเยซูคริสต์
  • โดยการตัดสินใจมอบถวายตัวของเรา ~โดยความสมัครใจ

  เราจึงเรียกตัวของพวกเราว่า  “คนของพระเจ้า” (God’s People)

เป้าหมายของคริสตจักรของเราในปีนี้ คือ ขอให้เราทุกคนจะ Glow” และ Grow”!

นั่นคือ ขอให้ชีวิตของเรา

  • Glow (สดใส)-ส่องสว่างความดี ความน่ารัก ความอบอุ่น ให้แก่คนรอบตัวของเรา
  • Grow (เติบใหญ่)-เติบโตขึ้นในชีวิตฝ่ายวิญญาณเป็นเหมือนพระเยซูคริสต์อย่างต่อเนื่องและยั่งยืนในทุกด้าน

จนทำให้คนทั้งหลายที่เห็นและสัมผัสกับสิ่งที่เราพูด และทำ เกิดความรู้สึกอยากที่จะรู้จักกับพระเจ้า มาหาพระองค์ รู้จักพระองค์ และรับความรอดโดยพระคุณ เพราะความเชื่อ และกลายมาเป็นส่วนหนึ่ง (Belong) ในพระกายคือคริสตจักรแห่งนี้

ขอพระเจ้าทรงโปรดกระทำกิจอันยิ่งใหญ่และแสนอัศจรรย์ผ่านพวกเราทุกคนที่เคยเป็นคนบาป แต่บัดนี้ ได้มาเป็นธรรมิกชนของพระองค์แล้ว แม้ว่าเรายังไม่สมบูรณ์และยังอาจพลาดพลั้งทำบาปอยู่บ้างก็ตาม

อนึ่ง หากผู้ใดประสงค์ที่

  • จะเอาจริงเอาจังกับพระเจ้า และพร้อมลงแรงลงเวลา ลงชีวิตด้วยกัน
  • จะเติบโตขึ้นในความรู้ และในความเชื่อ ไปด้วยกัน
  • จะอุทิศตนในการรับใช้ตามภาระใจและของประทาน

กรุณาติดต่อกับผมหรือคนในทีมศิษยาภิบาล หรือทีมผู้อภิบาลได้เลยครับ

หากผู้ใดต้องการถวายเพื่อเรื่องใด

  • สิบลด
  • พิเศษ ~เจาะจง เช่น
  1. การก่อสร้างอาคารโบสถ์
  2. พันธกิจต่างๆ

ถวายได้ที่คริสตจักรแห่งความสุข  ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาเพลินจิต บัญชีออมทรัพย์เลขที่ 216-221419-9   หรือทาง QRCode ด้านล่าง 

ขอพระเจ้าทรงสถิตและอวยพรทุกท่าน

ด้วยรัก

(ธงชัย ประดับชนานุรัตน์) ในนามทีมศิษยาภิบาล

Categories
สารจากศบ.

สารประจำสัปดาห์จากศิษยาภิบาล

1 มกราคม 2023

สวัสดีปีใหม่ครับพี่น้อง CJ

เราผ่านปีเก่า 2022 เข้าสู่ ปีใหม่ 2023 แล้ว ด้วยใจที่ชื่นชมยินดี

ผมดีใจที่เรา CJ ให้บัพติศมา 11 คน ในวันอาทิตย์ที่แล้ว (25 ธ.ค. 2022) ขอบคุณพระเจ้า และขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนในการนำพี่น้องเหล่านี้ ให้มารู้จักและรับพระเจ้า

ผมขอบคุณสำหรับคำพยานของแต่ละท่านที่ยอดเยี่ยม กรุณาอ่านได้ที่ด้านล่างนะครับ

ผมขอให้ทุกท่านจะเป็นคริสเตียนและสมาชิกที่ดีของคริสตจักรที่มีความสม่ำเสมอในการ

  1. มาคริสตจักรทุกอาทิตย์
  2.  เข้าร่วมในกลุ่มต่างๆ ของคริสตจักร ทุกสัปดาห์
  3. ร่วมสมัครใจ ขออาสารับใช้ ในพันธกิจต่างๆ โดยไม่ต้องรอให้คริสตจักรต้องไปเชิญ!
  4. ร่วมถวายทรัพย์ เพื่อพันธกิจของคริสตจักร ที่ ได้ที่คริสตจักรแห่งความสุข  ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาเพลินจิต บัญชีออมทรัพย์  เลขที่ 216-221419-9   หรือทาง QRCode ด้านล่าง 

  ตารางเทศนาปีใหม่2023 เดือนมกราคมนี้ มีดังนี้

  • วันที่ 1 มกราคม หัวข้อ “ A New Beginning”
  • วันที่ 8 มกราคม   หัวข้อ  “Accountability”
  • วันที่ 15 มกราคม  หัวข้อ  “Belong”
  • วันที่ 22 มกราคม  หัวข้อ “Become”
  • วันที่ 29 มกราคม   หัวข้อ “Behave”    

ขออธิษฐานเผื่อการสร้างโบสถ์ของเรา ในต้นปี 2023 นี้ด้วยนะครับ

ขอให้เรารักกัน ช่วยเหลือกัน อธิษฐานเผื่อกัน เป็นประจำนะครับ
          

ด้วยรักใหม่สดจากพระคริสต์เจ้า

(ธงชัย ประดับชนานุรัตน์) ในนามทีมศิษยาภิบาล

————————————————————- 

คำพยานและขอบคุณพระเจ้า
ของผู้เข้ารับบัพติศมา CJ 25 ธ.ค 2022

1.คุณอมตะ หลูไพบูลย์ (บี)

ในห้องนี้ในวันพ่อปีที่แล้ว ผมได้รับเชื่อรับพระเจ้าเป็นพระบิดาของชีวิต และในวันนี้ พระเจ้าก็ทรงเมตตาให้ผมได้รับบัพติศมาในวันประสูติของพระเยซู ขอบคุณพระเจ้า 

จริงๆ แล้วผมต้องขอบคุณพระองค์ที่อยู่กับผม และดูแลผมมาตลอด แม้จะก่อนที่ผมรับเชื่อเป็นสิบๆ ปี พระองค์ทรงเตรียมผมเพื่อเป็นประโยชน์ ต่อคริสตจักรมาตลอด ผมเชื่ออย่างนั้นจริง ๆ

ขอบคุณ CJ อ. ธงชัย และกลุ่มกาแฟช่วงบ่ายที่รับผู้เชื่อใหม่หงิม ๆ คนหนึ่ง เป็นสมาชิกของครอบครัวอย่างอบอุ่น

ขอบคุณพี่อู๊ด และคุณตูน ที่ให้ความรู้ความเข้าใจไบเบิ้ลอย่างดีมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา

และที่สำคัญ ผมดีใจมากๆที่วันนี้มีคนสำคัญในชีวิตผมมาเป็นพยานพิธีบัพติศมา ทั้งคุณแม่ พี่เอ น้อง น้อง C น้อง D เพื่อนรัก คุณพ่อพี่จก และแน่นอนที่สุด โอม และภณ ผู้ที่ผมเห็นชีวิตที่เป็นพยานมาตลอด และนำให้ผมมาเป็นคริสเตียนอย่างเต็มตัวในวันนี้

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับชีวิตที่ผ่านมาสำหรับวันนี้และทุก ๆ วันครับ

B อมตะ

2.คุณปัญญวรุตม์ กิตติเสาวภาคย์ (เต)

“…ลูกขอขอบคุณพระองค์ ที่ช่วยเหลือลูกในทุกๆเรื่อง

ขอบคุณพระองค์ที่ทรงช่วยให้โรคเบาหวาน ที่ลูกเป็นอยู่ได้ทุเลาลง และดีขึ้นอย่างมาก

ขอบคุณพระองค์ที่ทรงอวยพรการงานให้ค้าขายดีขึ้นๆ ลูกค้ามากมาย ให้ชีวิตของลูกดีขึ้น

ขอบคุณพระองค์ที่ทรงประทานสติปัญญาให้ลูกได้ใช้ชีวิตได้อย่างมีสติ และเสริมกำลังลูกตลอด ให้ลูกปลอดภัยในทุกการเดินทาง

ลูกขอขอบคุณพระองค์ ”

..เต้

3.คุณอริญชัย เรืองศรี (ปอนด์)

ขอบคุณพระเจ้ามาก สำหรับวันนี้ที่ปอนด์มีโอกาสได้รับบัพติสมากับคริสตจักรแห่งความสุข

เหตุผลที่มาเชื่อพระเจ้าคือ ตั้งแต่ ม.ต้น-ม.ปลาย มีโอกาสได้เรียนโรงเรียนคริสต์ และเกิดจากการนมัสการที่โรงเรียนทุกๆเช้า และได้ยินเรื่องราวของพระเจ้า ได้เป็นจุดที่พระเจ้าเข้ามาทำงานในใจปอนด์ และมีโอกาสได้รับเชื่อตอนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 และได้รับใช้พระเจ้าในส่วนของงานนมัสการ งานออกแบบกราฟฟิก

และหลังจากนั้นขอบคุณพระเจ้ามาก ที่พระเจ้าเปลี่ยนแปลงชีวิตปอนด์ทั้งด้านจิตใจและด้านการเรียน

อริญชัย เรืองศรี (ปอนด์) 

4.คุณธนกฤต คำสงค์ (เบน) 

ผมเชื่อว่าพระเจ้าเรียกตั้งแต่เด็ก แต่ว่าตอนนั้นยังไม่มีสิทธิตัดสินใจด้วยตัวเอง จนมางานพี่แตงโม ได้มีโอกาสฟังเทศนาจาก อาจารย์ธงชัย ตอนนั้นคือจุดเปลี่ยน

ขอบคุณพระเจ้าที่เรียกลูกคนนี้กลับมา

ตั้งแต่เบนเจอพระเจ้า ชีวิตของเบนก็เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น พระเจ้าให้เงินไปปลดหนี้ พระเจ้าให้งานดีๆรองรับ ไม่สบายพระเจ้าก็แตะต้องรักษา ที่สำคัญเลยคือพระเจ้าค่อยๆเปลี่ยนแปลงเราจากข้างใน

เบนมีความสัตย์ซื่อมากขึ้น มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น ห่วงใยแม้เป็นคนที่เราไม่รู้จัก ที่ดีใจมากๆคือ ชีวิตที่เป็นพรต่อคนอื่น พระเจ้าสำแดงผ่านชีวิตเบน แล้วคนรอบข้างเห็นว่าเราเปลี่ยน จนทำให้เขาอยากรู้จักและมารับเชื่อพระเจ้า

ชีวิตที่เบนพบพระเจ้าเป็นชีวิตที่มีแต่ความชื่นชมยินดี ไม่เดียวดาย และไม่หมดหวัง จากนี้ไปไม่ว่าจะเจอเรื่องดีหรือร้าย ก็จะไม่กลัว เพราะเบนรู้ว่ามีพระเจ้าที่รักเบน และพระเจ้าอยู่เคียงข้างเบนเสมอ

เบน

5.คุณชลกฤษฎ์ สุรพงษ์ชาญเดช (แคนดี้) 

น้อง​แคนดี้​เป็น​แฟนคลับ​พี่​แตงโม​ครับ​

ขอบคุณ​พระเจ้า​ที่ทำให้ชีวิตของน้อง​แคนดี้​อาการลมชักดี​ขึ้น ​แคนดี้​จะสานต่อจากพี่​แตงโม  จะช่วยเหลือ​สังคม​และประเทศชาติ​ต่อไปครับ

แคนดี้

6.คุณรสริน สว่างศรี (นุ๊ก)

ขอขอบคุณพระเจ้าที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงจิตใจของนุ๊กค่ะ

จากที่เมื่อก่อนคิดและรู้สึกตลอดว่า ทำไมโชคร้ายจัง ในชีวิตเจอแต่เรื่องแย่ๆ ทำอะไรก็โชคร้ายไปหมด จนบางครั้งเหนื่อยกับการใช้ชีวิต และรู้สึกชีวิตไม่มีเป้าหมาย

แต่พอได้มีพระเจ้าเข้ามาในชีวิต ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้นุ๊กรู้สึกว่าโชคดีที่สุด โชคดีมากๆที่มีพระเจ้าเข้ามาอยู่ในชีวิต แค่บางครั้งเราคิดเรื่องเล็กๆน้อยๆ พระเจ้าก็อวยพรให้สิ่งนั้น และหลายอย่างพระเจ้าคอยเสริมกำลัง ช่วยเหลือตลอดเวลา

ตั้งแต่มีพระเจ้าเข้ามาทำให้รู้สึกว่า ไม่เหนื่อยกับการใช้ชีวิต มีความสุขกับชีวิตในทุกๆวันเลยค่ะ

พระเจ้าเปลี่ยนให้หนู ที่เคยทำตามเนื้อหนัง หรือการอารมณ์ร้อน ตอนนี้ไม่แล้วค่ะพระเจ้าให้หนูใช้ชีวิตแบบในทางพระเจ้า ใช้ชีวิตทำให้หนูมีสติมากขึ้น เข้าใจหลายๆคนมากขึ้น และมีความสันติสุขในใจในทุกๆอย่างเลย

พอหลังจากหลังรับบัพติศมา หนูอยากรับใช้ในโบสถ์ด้วยแบบเล็กๆน้อยๆก่อน เพราะหนูยังไม่รู้ว่าหนูสามารถทำอะไรได้บ้าง แต่หนูตั้งไว้เลยว่าหนูจะอยู่ในทางพระเจ้าตลอด และดำเนินชีวิต ความคิดไปในทางพระเจ้า มีความรักในทางพระเจ้า ให้มากขึ้น

และต่อจากนี้หนูเชื่อว่าต้องมีบททดสอบอีกแน่นอนค่ะ แต่หนูเชื่อในพระคุณพระเจ้า ว่าพระเจ้าทำให้หนูผ่านไปได้และไม่เกินกำลังของหนูค่ะ และที่สำคัญ หนูจะมาโบสถ์ตลอด เพราะพระเจ้าทำให้หนูเจอพี่น้องที่น่ารักมากๆ ให้กับหนู และเวลาได้ไปโบสถ์ ทำให้หนูมีความรู้สึกในด้านนิสัยจิตใจไปในทิศทางที่ดีขึ้นมากๆค่ะ

นุ๊ก

7.คุณจนิฏตา จินานุวัฒนา (แจน) 

ขอบคุณพระเจ้า ที่ได้รับบัพติศมา “เพราะเชื่อจึงไว้ใจ” ค่ะ

แจน

8. คุณหทัยกาญจน์ ราชกิจ (หนึ่ง) 

ลูกขอขอบคุณพระเจ้าที่ทรงรับลูกเป็นลูกของพระองค์

ชีวิตต่อจากนี้ ลูกจะขอเดินตามทางของพระองค์ ไว้วางใจในพระองค์ตลอดไป

หนึ่ง

9.คุณสุรศักดิ์ คำฉอ้อน (เปาโล) 

ผมได้รับความรักจากพระเจ้ามานานแล้ว​ ทรงดูแลไม่เคยให้ขาดสิ่งใด​ เหมือนอย่างที่เรารู้ว่าพระเจ้าทรงรักเราก่อน​ และเราจึงรักพระเจ้ากลับอย่างสุดจิตสุดใจ​

การรับบับติสมาวันนี้ เป็นการยืนยันว่าจะไม่หันหลังกลับ​ จะเดินตามพระเยซู​ เพื่อเป็นแสงสว่างต่อไป

เปาโล

10. คุณนวพร บวรศิวมนต์ (เล็ก)

ลูกขอขอบคุณพระเจ้าที่ส่งองค์พระบุตร (พระเยซู) ลงมาช่วยให้ได้รับความรอดจากบาป

ลูกขอรับความรอดนั้น ด้วยความเชื่อ ความไว้วางใจ และดำเนินตามทางของพระเยซูตลอดไป

แม่เล็ก

 

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม: “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้าง เกี่ยวกับ “การเริ่มต้นใหม่” ?

คำตอบ: “พระคัมภีร์ กล่าวถึงเรื่องการเริ่มต้น และการเริ่มต้นใหม่ ไว้ดังนี้

1. พระเจ้าทรงเป็นผู้เริ่มต้น และแจ้งตอนจบให้เราทราบตั้งแต่ตอนเริ่มต้น
“ผู้แจ้งตอนจบให้ทราบตั้งแต่เริ่มต้น และแจ้งสิ่งที่ยังไม่ได้ทำนั้นให้ทราบตั้งแต่อดีตกาล ทั้งกล่าวว่า ‘แผนงานของเราจะยั่งยืน และเราจะทำทุกสิ่งตามความประสงค์ของเรา’” อิสยาห์ 46:10 THSV11

2. พระเจ้าทรงให้จุดเริ่มต้นของความรู้ และสติปัญญา เกิดมาจากการยำเกรงพระเจ้า
“ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและการสั่งสอน”  ~สุภาษิต 1:7 THSV11

“ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา และการรู้จักองค์บริสุทธิ์เป็นความรอบรู้”  ~สุภาษิต 9:10 THSV11

“ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามก็ได้ความเข้าใจดี การสรรเสริญพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์” ~สดุดี 111:10 THSV11

3. เราควรประกาศข่าวดี ตั้งแต่เริ่มต้นของเรื่องราวอย่างครบถ้วนแก่ผู้รับข่าวสาร
“ข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้าเริ่มต้นตรงนี้” ~มาระโก 1:1 THSV11

“แล้วพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะทั้งหมด”  ~ลูกา 24:27 THSV11

4.เราควรเริ่มต้นประกาศข่าวประเสริฐ โดยเริ่มจากที่ที่เราอยู่และขยายวงให้กว้างไกลออกไปสุดปลายแผ่นดินโลก
“และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์เรื่องการกลับใจใหม่ เพื่อการยกบาป โดยเริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม” ~ลูกา 24:47 THSV11

5. เราควรเริ่มต้นลงมือทำในสิ่งดีและมุ่งมั่นทำสิ่งนั้นต่อจนกว่าจะสำเร็จที่ตั้งเป้าและตั้งใจไว้
“ว่า ‘คนนี้เริ่มต้นก่อ แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้’” ~ลูกา 14:30 THSV11

6. เราไม่ควรเริ่มต้นสิ่งไม่ดี เช่น การวิวาท ที่จะเป็นดุจการปล่อยน้ำให้ไหลไปทำลายล้างคนอื่น
“การเริ่มต้นวิวาทก็เหมือนปล่อยน้ำให้ไหล ฉะนั้นจงหยุดเสียก่อนเกิดการพิพาท” ~สุภาษิต 17:14 THSV11

7. เราไม่ควรเริ่มต้นด้วยพระวิญญาณแต่จบด้วยเนื้อหนัง แต่ควรเริ่มต้นใหม่ด้วยพระวิญญาณเสมอ
“ท่านทั้งหลายเขลาถึงเพียงนั้นทีเดียวหรือ? พวกท่านเริ่มต้นด้วยพระวิญญาณ แต่จะจบลงด้วยเนื้อหนังกระนั้นหรือ?” ~กาลาเทีย 3:3 THSV11

8. เราควรกระทำคุณความดีที่เริ่มต้นไว้แล้วนั้นให้สำเร็จ
“เพราะเหตุนี้ เราจึงขอร้องทิตัสให้ไปช่วยพวกท่านในการทำคุณความดีนี้จนสำเร็จเช่นเดียวกับที่เขาเริ่มต้นไว้” ~2 โครินธ์ 8:6 THSV11

9. เราควรมั่นใจว่า พระเจ้าที่เริ่มต้นการดีไว้ในพวกเราแล้ว พระองค์จะทำให้สำเร็จ
“ข้าพเจ้าแน่ใจอย่างนี้ว่าพระองค์ผู้ทรงเริ่มต้นการดีไว้ในพวกท่าน จะทรงทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์” ~ฟีลิปปี 1:6 THSV11

10. เราควรเป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ ที่เริ่มต้นสิ่งดีและใหม่ในชีวิตโดยพึ่งอาศัย ฤทธาของพระคริสต์
“ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” ~2 โครินธ์ 5:17 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

เรื่องราวของคริสต์มาสโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (14)

คอลัมน์ :”ส ด แ ต่ เ ช้ า” ปี 2 (267)

คริสต์มาสแห่งความรัก!

“พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์
เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” ~ยอห์น 3:16 THSV11

“For God so loved the world that he gave his one and only Son,
that whoever believes in him shall not perish but have eternal life.” ~John 3:16 NIV

คริสต์มาสเป็นเรื่องราวของความรัก!  โดยเริ่มต้นจากการที่พระเจ้าทรงรักมวลมนุษยชาติ และแสดงความรักนั้นออกมาผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์ ผู้:

  1. ทรงลงมาประสูติในโลกนี้ รับสภาพอย่างมนุษย์
  2. ทรงสั่งสอนให้มนุษย์ทั้งปวงรู้จักกับพระเจ้า
  3. ทรงรับใช้ปรนนิบัติมนุษย์ทั้งหลายด้วยพระทัยเมตตา
  4. ทรงรับความทุกข์ทรมานและสละพระชมม์ของพระองค์เพื่อไถ่บาปของมนุษย์ทั้งปวง
  5. ทรงสัญญาว่าจะเสด็จกลับมารับทุกคนที่เชื่อและรับการไถ่บาปนี้ไปอยู่กับพระองค์นิรันดร์กาล

ความจริงแห่งข่าวดีนี้ เป็นแก่นแท้แห่งความเชื่อในเรื่องความรักของพระเจ้า ที่ปรากฏอยู่ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ว่า

“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศแต่มีชีวิตนิรันดร์” ~ยอห์น 3:16 TNCV

โดยมีปราชญ์ได้พิจารณาแยกแยะให้เห็นความจริงอันล้ำลึกฝ่ายวิญญาณเกี่ยวกับความรักของพระเจ้า จากพระธรรมอันโด่งดังข้อนี้ไว้ดังนี้

  • “เพราะว่า” = เหตุผลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
  • “พระเจ้า”= บุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
  • “ทรงรัก” = แรงจูงใจ หรือ แรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
  • “โลกนี้” = ผู้รับที่ใหญ่ยิ่งที่สุด
  • “คือได้ประทาน”= การกระทำที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
  • “พระบุตรองค์เดียวของพระองค์” = ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
  • “เพื่อทุกคน”= คำเชิญชวนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
  • “ที่วางใจ” = เงื่อนไขธรรมดาที่ใหญ่ยิ่งที่สุด
  • “ในพระบุตรนั้น”= ผู้เสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
  • “จะไม่พินาศ “= การช่วยกู้ให้รอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
  • “แต่” = ความแตกต่างที่ใหญ่ยิ่งที่สุด
  • “มี” = ความแน่นอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
  • “ชีวิตนิรันดร์” = การครอบครองอันถาวรที่ยิ่งใหญ่ที่สุด

ด้วยเหตุนี้ ผู้ใดที่

  • 1.รู้เรื่อง และ
  • 2.รู้จักกับพระเจ้า และพระคริสต์แห่งวันคริสต์มาสนี้จริงๆเป็นส่วนตัว เขาจะค่อยๆกลายเป็น “บุคคลแห่งความรัก” ไม่ว่าอดีตของเขาจะเป็นอย่างไรมาก็ตาม

ชีวิตของเขา ไม่ว่าจะเป็นคำพูด การโพสต์ หรือการกระทำใดๆของเขาจะล้วนแสดงให้เห็น “พระคริสต์เจ้า”ในตัวของเขา!

  • 1.เขาจะเป็นดุจ “พระคริสต์น้อย” ที่อยู่ในบ้าน ในบริษัท ในโบสถ์ หรือ ในที่ต่างๆ
  • 2.เขาจะเป็นดุจ “พระคัมภีร์” เปิดออก ที่เดินไปมาให้คนทั้งหลายได้อ่านอย่างชัดแจ้ง และเมื่อพวกเขารวมตัวกันนมัสการพระเจ้า และสามัคคีธรรมร่วมกัน
  • 3.พวกเขาก็จะเป็น “คริสตจักร” ของพระเจ้า

1).ที่ประกาศข่าวดี และเสนอความรักของพระคริสต์เจ้า
2).ที่เปิดประตูออกกว้างต้อนรับคนทั้งปวงให้เข้ามาหาพระคริสต์แห่งวันคริสต์มาสนี้ด้วยความกระตือรือร้น และ ความชื่นชมยินดี

  • 4.พวกเขาจะเป็น “ครอบครัว” ของพระคริสต์

1).ที่เต็มเปี่ยมด้วยความรักของพระคริสต์ซึ่งมีให้แก่กันทุกเวลา
2).ที่เต็มล้นด้วยความสุขแท้ที่เรียกว่า “สันติสุข”อยู่ในจิตใจตลอดกาล

ดังนั้น ทุกคนที่รู้จักกับพระคริสต์แห่งวันคริสต์มาส จะต้องกระทำ ดังนี้

“ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น
แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง” ~1 ยอห์น 3:18 THSV11

“Dear children, let us not love with words or speech but with actions and in truth.” ~1 John 3:18 NIV

และเราจะตัอง ทำเช่นนี้ ตลอดไปนั่นคือ

“จงให้ความรักฉันพี่น้องมีอยู่ต่อกันเสมอไป” ~ฮีบรู 13:1 THSV11

“Keep on loving one another as brothers and sisters.” ~Hebrews 13:1 NIV

พี่น้องที่รัก

ให้เรามาทำคริสต์มาสของเรา ให้เป็น “คริสต์มาสแห่งความรัก” อย่างแท้จริง ด้วยการแบ่งปันความรักอันแสนวิเศษนี้ให้แก่คนอื่นๆโดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ตั้งแต่เช้าวันนี้จรดค่ำ เหมือนดังที่ Jeanette Duby กล่าวไว้ว่า

“พระเจ้าเป็นความรัก พระองค์ทรงรักเรา และพระองค์ทรงติดตามหาเราด้วยความรักนั้น และเมื่อฉันได้มีประสบการณ์กับความรักของพระองค์ ฉันจึงสามารถแบ่งปันความรักกับคนอื่นๆฉันซาบซึ้งในความรักที่พระเจ้าทรงมีสำหรับฉันยิ่งนัก!”

(God is love. He loves us and He pursues us with that love.  And when I experienced His love, I was able to share that love with others. I appreciate the love God has for me.)

…จะดีไหมครับ?

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (24 ธันวาคม 2022) 

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

เรื่องราวของคริสต์มาส โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (13)

คอลัมน์ : “ส ด แ ต่ เ ช้ า” ปี 2 (265)

ความเมตตาของพระคริสต์ (แห่งวันคริสต์มาส)

“คนตาบอดคนนั้นจึงร้องว่า “เยซู บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด”” ~ลูกา 18:38 THSV11

“He called out, “Jesus, Son of David, have mercy on me!”” ~Luke 18:38 NIV

ผมชอบที่ Mathew N. Schmalz กล่าวไว้ว่า

“พระเมตตาคือ การตอบสนองด้วยความรักของพระเจ้าต่อคนบาป
และความเมตตาคือการตอบสนองด้วยความรักของเราต่อคนอื่น
และต่อตัวเราเอง ในสภาพการณ์ที่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ!”

(Mercy is God’s loving response to sinners; and mercy is our loving response to others and to ourselves—in circumstances of need.)

เมื่อพระเยซูคริสต์แห่งวันคริสต์มาสทรงเติบใหญ่ พระองค์ออกกระทำพระราชกิจ ด้วยการรับใช้ช่วยเหลือประชาชนทั้งหลายด้วยพระเมตตาอันใหญ่หลวง และมีหนึ่งเรื่องราวที่น่าประทับใจดังนี้

1.พระเยซูคริสต์เสด็จมาใกล้เมืองเยรีโค

2.คนตาบอดคนหนึ่ง(ชื่อ บารทิเมอัส~มก.10:46)

  • 1).นั่งขอทานอยู่ริมทาง
  • 2).ได้ยินเสียงฝูงชนเดินผ่าน
  • 3).จึงถามว่ามีเรื่องอะไร?
  • 3.พวกเขาจึงบอกว่า เยซูชาวนาซาเร็ธเสด็จผ่านมา
  • 4.คนตาบอดคนนั้นจึงร้องว่า

“เยซู บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด”

(ชื่อ “บุตรของดาวิด” = ชื่อเรียกหนึ่งของพระเมสสิยาห์ หรือ พระคริสต์ ~มธ.1:1;12:23;22:41-45;มก.10:47;12:35; ยน.7:42; สดด.89:3-4; อมส.9:11; 2ซมอ.7:12-13)

  • 5.คนที่เดินอยู่ข้างหน้านั้นจึงห้ามเขาเพื่อให้เขาเงียบ
  • 6.คนตาบอดยิ่งร้องขึ้นว่า

“บุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์เถิด”

3.พระเยซู

  • 1).ทรงหยุดและ
  • 2).ทรงยืนอยู่ และ
  • 3).ทรงสั่งให้พาคนตาบอดมาหาพระองค์
  • 8.คนตาบอดเข้ามาใกล้แล้ว
  • 9.พระเยซูตรัสถามเขาว่า “ท่านปรารถนาจะให้เราทำอะไรแก่ท่าน?”
  • 10คนตาบอดทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า โปรดให้ข้าพระองค์เห็นได้”
  • 11.พระเยซูตรัสกับเขาว่า

“จงเห็นเถิด ความเชื่อของท่านทำให้ตัวท่านหายปกติแล้ว”

( และอาจมีความหมายอีกว่า “ความเชื่อของท่าน ทำให้ท่านรอด”
~มธ.9:22; ลก.17:19;7:50; มก.5:34 ปท. มก.8:48,50
=บาปได้รับการให้อภัย และสามารถมีสันติสุขของพระเจ้าในชีวิตได้

  • 12.คนตาบอด จึง
       1).เห็นได้ในทันใด และ
       2).ตามพระองค์ไป พร้อมกับ
       3).ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า
  • 13.ประชาชนเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็สรรเสริญพระเจ้าด้วย
    (การสรรเสริญพระเจ้า = ประเด็นหลักปกติ ในพระธรรมลูกา
    ~2:13,20,28;5:25-26;7:16;13:13;17:15,18;18:43;19:37;23:47;24:53
    (ลูกา 18:35-43)

ใช่ครับ ในเมื่อพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก และพระทัยเมตตา ในการ

  • 1.ช่วยเหลือและ
  • 2.รับใช้ผู้คนที่เดือดร้อน ทั้งทางกาย จิต และวิญญาณ ด้วยความถ่อมพระทัย 

เราทุกคนที่เป็นคนของพระองค์ ที่ได้ชื่อว่า เป็น”คริสตชน” ก็ควรมีจิตใจเปี่ยมด้วยเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหนก็ตาม โดยไม่เลือกภูมิหลัง ชั้นวรรณะ เชื้อชาติ หรือ ศาสนาใด

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเองได้รับความสุขใจมากล้น จากการได้แสดงความเมตตาต่อผู้อื่น ในวิสัยที่พอจะทำได้ อาทิ ได้

  • 1.มีส่วนร่วมสมทบทุนช่วยเหลือเพื่อนสมัยเป็นนักเรียนโรงเรียนวัดที่มีปัญหาเรื่องฟันและเรื่องเงิน
  • 2.ช่วยค่าอาหารลูกคนขับแท็กซี่ ที่มีปัญหาหนี้สินและปัญหาครอบครัว
  • 3.หนุนใจและให้กำลังใจกับพี่น้องที่สูญเสียสมาชิกที่รักในครอบครัว ในงานศพ
  • 4.ให้คำปรึกษาช่วยเหลือครอบครัวที่แตกสลายแต่ประสงค์จะเริ่มต้นกันใหม่
  • 5.ช่วยประกอบพิธีสมรสให้กับคู่บ่าวสาวที่มีความขัดแย้งในครอบครัวทั้งสองฝ่ายและคืนดีกัน
  • 6.เยี่ยมเยียนผู้อาวุโสในสถานดูแล และประกาศข่าวดีคริสต์มาสและมีผู้รับเชื่อ มีกำลังใจสู้ชีวิต
  • 7.ให้คำปรึกษาแก่ผู้มีความสงสัย ความทุกข์ใจ และเจ็บป่วยท้อแท้หลายคนในกลุ่มแคร์ต่างๆ

พี่น้องที่รัก

ให้เรามาทำคริสต์มาสของเราให้มีความหมาย เหมือนอย่างที่ Calvin Coolidge แนะนำที่ว่า

“คริสต์มาสไม่ใช่เวลาหรือฤดูกาล แต่เป็นสภาวะทางความคิด การทะนุถนอมสันติสุข และ ความปรารถนาดี การบริบูรณ์ด้วยความเมตตา
เหล่านี้ คือ การมีจิตวิญญาณที่แท้จริงของวันคริสต์มาส!”

(Christmas is not a time nor a season, but a state of mind. To cherish peace and goodwill, to be plenteous in mercy, is to have the real spirit of Christmas.)

ใช่ครับ ขอให้เราแสดงความเมตตาและจิตไมตรี โดยเริ่มจาก

1.ต่อตัวเอง โดยการ

  • 1).ปล่อยวางทุกสิ่งที่ถ่วงชีวิตเราให้ต่ำลง
  • 2).ปลดปล่อยตัวเราเองให้เป็นอิสระจากความโกรธกลียด และความขมขื่นใจ
  • 3).ปฏิบัติต่อตัวด้วยความทะนุถนอมและให้รางวัลชีวิตแก่ตัวเองบ้าง

2.ต่อผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่กำลังจำเป็นต้องได้รับความอนุเคราะห์ช่วยเหลือ โดยการ

  • 1).อธิษฐานเผื่อเขา หรือ อธิษฐานกับเขา ให้เขามีกำลังจากพระเจ้าในการสู้ชีวิต
  • 2).แบ่งปันหรือให้ปัจจัยหรือสิ่งที่จำเป็นต่อการอยู่รอดปลอดภัยให้แก่พวกเขาในยามวิกฤติ
  • 3).ช่วยพวกเขาให้พ้นจากสภาพที่ช่วยตัวเองไม่ได้ ไม่ว่าจะทางกายจิต หรือวิญญาณ

ขอให้เรามาเริ่มทำพันธกิจแห่งความเมตตานี้ เหมือนที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงกระทำต่อคนตาบอดในเรื่องนี้ ในทันที ในคริสต์มาสนี้ และปีใหม่นี้ เลย

…จะดีไหมครับ?

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ (22 ธันวาคม 2022)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม :   ”พระคัมภีร์กล่าวถึงความเมตตาของพระเจ้า และของพระเยซูคริสต์ไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ “พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องพระเมตตาของพระเจ้าและของพระเยซูคริสต์ไว้ดังนี้

1. พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา และการหนุนใจ
“แต่พระเจ้าทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา พระองค์ทรงรักเราโดยความรักอันใหญ่หลวงของพระองค์” ~เอเฟซัส 2:4 THSV11

“สาธุการแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระเมตตากรุณา พระเจ้าแห่งการหนุน ใจทุกอย่าง” ~2 โครินธ์ 1:3 THSV11

2. พระเจ้าทรงช่วยเราให้รอดด้วยพระเมตตาของพระองค์ ไม่ขึ้นอยู่กับความดีของเรา
“พระองค์ก็ทรงช่วยเราให้รอด ไม่ใช่เพราะความชอบธรรมที่เราทำเอง แต่ด้วยพระเมตตาของพระองค์โดยผ่านการชำระให้บังเกิดใหม่และสร้างใหม่ของพระวิญญาณบริสุทธิ์” ~ทิตัส 3:5 THSV11

3. พระเจ้าทรงเมตตาและอภัยโทษ ต่อการอธรรมของเราและไม่จดจำบาปของเรา
“เพราะเราจะเมตตาต่อการอธรรมของพวกเขา และจะไม่จดจำบรรดาบาปของพวกเขาไว้เลย”” ~ฮีบรู 8:12 THSV11

4. เราควรสำนึกผิด ถ่อมใจขอความเมตตาจากพระเจ้า สำหรับการละเมิดของเรา
“ส่วนคนเก็บภาษีนั้นยืนอยู่แต่ไกล ไม่ยอมแม้แต่แหงนหน้าดูฟ้า แต่ตีอกชกตัวกล่าวว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเมตตาแก่ข้าพระองค์ผู้เป็นคนบาปเถิด’” ~ลูกา 18:13 THSV11

“ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงพระเมตตาข้าพระองค์ ตามความรักมั่นคงของพระองค์ ตามพระกรุณาอันอุดมของพระองค์ ขอ ทรงลบบรรดาการละเมิดของข้าพระองค์” ~สดุดี 51:1 THSV11

5.เราควรซาบซึ้งในพระเมตตา ที่พระเยซูคริสต์ทรงรอคอยและอดทนต่อเราอย่างมาก เพื่อให้เราเป็นแบบอย่าง

“แต่เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงได้รับพระเมตตา เพื่อว่าพระเยซูคริสต์จะได้ทรงสำแดงความอดทนอย่างยิ่งต่อข้าพเจ้าซึ่งเป็นตัวเอ้นั้น เพื่อเป็นแบบอย่างแก่คนทั้งหลาย ที่จะเชื่อในพระองค์ แล้วได้รับชีวิตนิรันดร์”   ~1 ทิโมธี 1:16 THSV11

“เพราะฉะนั้น พระยาห์เวห์ทรงรอคอยที่จะเมตตาท่าน เพราะฉะนั้น พระองค์จะทรงลุกขึ้นเพื่อกรุณาพวกท่าน เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าที่ยุติธรรม ทุกคนที่รอคอยพระองค์ก็เป็นสุข” ~อิสยาห์ 30:18 THSV11

6. เราควรตระหนักว่า ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับพระเมตตาของพระเจ้า ไม่ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของเรา
“เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งจึงไม่ขึ้นกับความตั้งใจหรือความมานะของมนุษย์ แต่ขึ้นอยู่กับพระเมตตาของพระเจ้า” ~โรม 9:16 THSV11

7. เราควรรู้จักพระประสงค์ของพระเจ้าที่จะให้เราเป็นคนที่ยุติธรรมและมีรักเมตตาต่อคนอื่น
“มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี? และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า? นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตา และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ” ~มีคาห์ 6:8 THSV11

8. เราควรเป็นคนที่มีใจเมตตาต่อทุกคน อดทนและไม่ชอบทะเลาะ
“ส่วนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไม่เป็นคนที่ชอบทะเลาะ แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นอาจารย์ที่เหมาะสม และมีความอดทน” ~2 ทิโมธี 2:24 THSV11

9. เราควรเรียนพระคัมภีร์ให้เข้าใจว่า พระเจ้าประสงค์ความเมตตามากกว่าเครื่องบูชาและเราควรแสดงความเมตตาต่อคนที่ทุกข์เดือดร้อน
“ท่านจงไปเรียนความหมายของคัมภีร์ข้อนี้ ที่ว่า ‘เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา’ ด้วยว่าเราไม่ ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาป”” ~มัทธิว 9:13; THSV11

“เพราะเขามีเสื้อคลุมตัวนั้นตัวเดียวเป็นเครื่องปกคลุมร่างกาย มิฉะนั้นเวลานอนเขาจะเอาอะไรห่มเล่า? เมื่อเขาร้องทุกข์ต่อเรา เราจะฟังเพราะเรามีใจเมตตากรุณา” ~อพยพ 22:27 THSV11

10. เราควรถวายตัวเป็นเครื่องบูชาที่บริสุทธิ์และมีชีวิตแด่พระเจ้าเพราะเห็นแก่ความเมตตาของพระองค์
“ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน” ~โรม 12:1 THSV11

11. เราควรแสดงความเมตตาต่อผู้อื่นอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเรามีของประทานในการแสดงความเมตตานั้น
“ถ้าเป็นผู้เตือนสติก็จงเตือนสติ ผู้ที่ให้ ก็จงให้ด้วยใจกว้างขวาง ผู้ที่ครอบครอง ก็จงครอบครองด้วยเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตา ก็จงแสดงด้วยใจยินดี” ~โรม 12:8 THSV11

12. เราควรถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยการเมตตาต่อคนขัดสน และคนที่กำลังเดือดร้อน
“ผู้กดขี่คนยากจนก็ดูถูกพระผู้สร้างของเขา แต่ผู้เมตตาคนขัดสนก็ถวายพระเกียรติแด่พระองค์” ~สุภาษิต 14:31 THSV11

“เขาทูลตอบว่า “คือคนนั้นแหละที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปทำเหมือนอย่างนั้น”” ~ลูกา 10:37 THSV11

13. เราควรสอนคนที่อยู่ในการดูแลของเราให้มีความเมตตาต่อคนอื่นๆ ด้วย

“มีสติสัมปชัญญะ เป็นคนบริสุทธิ์ ดูแลบ้านเรือนอย่างดี มีความเมตตาและเชื่อฟังสามีของตน เพื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าจะไม่ถูกดูหมิ่น” ~ทิตัส 2:5 THSV11

14. เราควรให้ถ้อยคำจากปาก หรือจากแป้นพิมพ์ของเราประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ
“จงให้ถ้อยคำของท่านทั้งหลายประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ  ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้ว่าควรจะตอบแต่ละคนอย่างไร” ~โคโลสี 4:6 THSV11

15. เราควรอยู่เย็นเป็นสุข ด้วยการแสดงความเมตตาและดำเนินกิจการด้วยความยุติธรรม
“คนที่เมตตาคนอื่นและให้ยืม ก็อยู่เย็นเป็นสุข คือผู้ที่ดำเนินกิจการของเขาด้วยความยุติธรรม” ~สดุดี 112:5 THSV11

16.เราควรเมตตาต่อผู้อื่นด้วยความยำเกรงพระเจ้า
“จงช่วยคนให้รอดด้วยการฉุดเขาออกจากไฟ และจงเมตตาผู้อื่นด้วยความยำเกรงพระเจ้า และจงรังเกียจแม้แต่เสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนด้วยกายที่เป็นมลทิน” ~ยูดา 1:23 THSV11

17. เราควรขอพระเจ้าทรงเมตตาคนที่มีความเมตตาในการปฏิบัติต่อคนอื่นๆ ด้วย
“ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงพระเมตตาต่อครอบครัวของโอเนสิโฟรัสด้วยเถิด เนื่องจากเขาทำให้ข้าพเจ้าชื่นใจบ่อยๆ เขาไม่มีความอับอายในโซ่ตรวนของข้าพเจ้าเลย” ~2 ทิโมธี 1:16 THSV11

“เขาปรนนิบัติข้าพเจ้าที่เมืองเอเฟซัสมากเพียงไรท่านก็รู้ดีอยู่แล้ว ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าประทานให้เขาได้รับพระเมตตาจากพระองค์ ในวันพิพากษาด้วยเถิด” ~2 ทิโมธี 1:18 THSV11

18. เราควรคอยพระเมตตาของพระเยซูคริสต์ที่นำเราไปสู่ชีวิตนิรันดร์ที่สมบูรณ์ ในขณะที่เรารักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า
“จงรักษาตัวให้อยู่ในความรักของพระเจ้า ขณะคอยให้พระเมตตาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรานำท่านไปสู่ชีวิตนิรันดร์” ~ยูดา 1:21 THSV11

19. เราควรขอให้มีความเมตตา และความรักจากพระเจ้าเพิ่มพูนขึ้นในท่ามกลางพวกเรา
“ขอพระเมตตา สันติสุข และความรักจงเพิ่มพูนแก่ท่านทั้งหลายยิ่งๆ ขึ้นเถิด” ~ยูดา 1:2 THSV11

20. เราควรขอพระเจ้าให้เมตตาและอวยพรแก่เราทั้งหลายเสมอไป
“ขอพระเจ้าทรงพระเมตตาและทรงอวยพรข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอทรงให้พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย” ~สดุดี 67:1 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-