Categories
Uncategorized

ความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งมีลักษณะอย่างไร?

ความสัมพันธ์ที่เข้มแข็งมีลักษณะอย่างไร?

“ความสัมพันธ์เข้มแข็งขึ้น เมื่อทั้ง 2 ฝ่ายเต็มใจที่จะเข้าใจในความผิดพลาด และให้อภัยแก่กันและกัน”

(Relationship gets stronger when both are willing to understand mistakes and forgive each other.)

ไม่มีใครที่ไม่เคยผิดพลาด ดังนั้น หากเราคบกับใครหรือมีความสัมพันธ์กับผู้ใด อย่างไรก็จะต้องเกิดเรื่องที่ทำให้หงุดหงิด เพราะว่าอย่างไร ๆ  เขาต้องจะทำผิดพลาด ไม่เรื่องใดก็เรื่องหนึ่ง

ในทำนองเดียวกัน

หากใครจะคบค้าสมาคมกับเรา เขาก็ต้องทำใจกับความผิดพลาดของเราเช่นกัน เพราะว่าเราก็ไม่สมบูรณ์

ความสัมพันธ์ที่ดีตั้งอยู่บนความเต็มใจหรือความตั้งใจที่จะยอมรับในความผิดพลาดของกันและกัน ตั้งแต่ความผิดพลาดยังไม่เกิดขึ้น นี่เป็นหลักประกันที่ดีของการคบหาสมาคมกันให้ดำรงอยู่ได้

 ยิ่งกว่านั้น หากทั้ง 2 ฝ่ายตั้งใจที่จะให้อภัยแก่กันและกันด้วยล่ะก็  ก็จะยิ่งทำให้สัมพันธภาพที่มีต่อกันนั้นมั่นคงยืนนาน

การให้อภัยแก่กันจึงเป็นยาสมานแผลของความสัมพันธ์ที่สำคัญยิ่ง ดังนั้นหากว่าคุณคิดจะคบหาสมาคมหรือมีความสัมพันธ์กับผู้อื่น แต่ไม่อาจทำใจรับความแตกต่างหรือความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นได้  คุณก็ไม่ควรที่จะมีความสัมพันธ์กับมนุษย์คนใดในโลกนี้ เพราะว่า ไม่มีใครเป็นเหมือนกับคุณที่คุณต้องการ 100 % สักคนเดียวในโลกนี้

บางทีหากมีอีกคนหนึ่งที่เหมือนอย่างที่คุณต้องการนั้นขึ้นมาจริง ๆ ก็รับรองได้เลยว่า เขาจะทนอยู่กับคนอย่างคุณไม่ได้นาน

มีคน ๆ หนึ่งกล่าวว่า

“ในความสัมพันธ์นั้นรวมถึงการต่อสู้ การอิจฉา  การถกเถียง ความศรัทธา น้ำตาการไม่เห็นพ้องต้องกัน แต่สัมพันธภาพที่แท้จริงจะต่อสู้ฟันฝ่าสิ่งเหล่านั้นมาได้ด้วยความรัก”

(Relationships include : Fights, Jealousy, Arguments, Faith, Tears, Disagreements, But a real relationship fights through all that with Love.)

ความสัมพันธ์ยิ่งเจอกับอุปสรรคปัญหา และฟันฝ่ามาได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้สัมพันธภาพที่มีนั้นเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราให้ความรักเป็นตัวนำในความสัมพันธ์ที่เรามีต่อกันและกัน เพราะความรักทำให้เราสามารถอดทนต่อกันและกันได้ยาวนานขึ้น และทำให้เราสามารถให้อภัยต่อความผิดพลาดของคนอื่นได้ง่ายขึ้น และการให้อภัยแก่กันและกันนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญของสัมพันธภาพตามที่พระเจ้าทรงเรียกร้องจากเรา!

“ เพราะ​ว่า​ถ้า​พวก‍ท่าน​ให้​อภัย​การ​ล่วง‍ละ‌เมิด​ของ​เพื่อน​มนุษย์ พระ‍บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์​จะ​ทรง​ให้​อภัย​การ​ล่วง‍ละ‌เมิด​ของ​พวก‍ท่าน​ด้วย แต่​ถ้า​พวก‍ท่าน​ไม่‍ให้​อภัย​การ​ล่วง‍ละ‌เมิด​ของ​เพื่อน​มนุษย์ พระ‍บิดา​ของ​ท่าน​จะ​ไม่​ทรง​ให้​อภัย​การ​ล่วง‍ละ‌เมิด​ของ​พวก‍ท่าน​เหมือน‍กัน” (มธ.6:14-15)

ดังนั้น ขอให้สัมพันธภาพที่เรามีต่อกันและกันนั้น ประกอบด้วยการที่เรามองดูส่วนดีของกันและกันอยู่เสมอ พร้อมเคียงข้างและช่วยเหลือกันในยามที่ต้องการและส่งเสริมพัฒนากันและกันให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้นตอลดเส้นทางแห่งมิตรภาพที่ร่วมกันเดินไป ดุจเดียวกับที่เหล็กลับเหล็ก ขอให้เรามาลับเพื่อนของเราให้คม!

“เหล็ก​ลับ​เหล็ก​ให้​คม​ได้​ฉัน‍ใด คน​หนึ่ง​ก็​ลับ​เพื่อน​ของ​ตน​ให้​เฉียบ‍แหลม​ได้​ฉัน‍นั้น”    (สภษ.27:17)

แล้วสัมพันธภาพที่เรามีต่อกันจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ The Indian Express)

Categories
Uncategorized

บางที่มันอาจจะง่ายๆ

%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%b2

บางทีมันอาจจะง่ายๆ

มนุษย์เอ๋ย พระ‍องค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี?และพระ‍ยาห์‌เวห์ทรงประ‌สงค์อะไรจากเจ้า? นอก‍จากให้ทำความยุติ‍ธรรมและให้รักความเมตตาและให้ดำ‌เนินชีวิตไปกับพระ‍เจ้าของเจ้าด้วยความถ่อม‍ใจ (มีคาห์ 6:8)

ชีวิตมีเรื่องให้สับสน ฉันอยากจะให้การตัดสินใจเป็นเรื่องง่ายเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะตัดสินใจเรื่องความสัมพันธ์ ความรับผิดชอบ หรือรายได้  แต่มันกลับสับสน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้

เมื่อมาถึงจุดหนึ่งในชีวิตที่ไม่แน่ใจว่าควรเลือกเดินทางไหน  บางทีหนทางก็ดูชัดเจน แต่ตอนนี้ … ทุกสิ่งเปลี่ยนไป สิ่งที่เคยเหมือนเติมให้ชีวิต กลับเหือดแห้ง…  ถึงเวลาต้องทำสิ่งใหม่ๆแล้ว

แต่ว่าถ้าผิดพลาดล่ะ? บางทีพระเจ้าต้องการให้อดทนไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน หรือว่าหน้าที่ๆได้รับมอบหมายเสร็จลงแล้ว  ถึงเวลาต้องทำสิ่งใหม่ๆ … แต่ทำไมพระองค์ไม่บอกใบ้ หรือชี้ป้ายบอกทางเลย?

คุณเคยเจอกับการตัดสินใจที่ทางถูกต้องแต่ดูคลุมเคลือหรือไม่?  เคยคิดว่าพระเจ้ามีทางเลือกเดียวที่ถูกต้องให้เลือก ไม่เช่นนั้นอาจพลาดจากน้ำพระทัย ที่สำคัญ ฉันตระหนักได้ว่าพระเจ้าต้องการให้ฉันวางหัวใจไว้ในที่ๆถูกต้อง และงานรับใช้ไม่ใช่อันดับแรก

ตลอดประวัติศาสตร์ คนของพระเจ้ามักนำสองสิ่งนี้มาปนกัน ธรรมชาติของมนุษย์ต้องการควบคุมผู้คนและสถานการณ์ให้เป็นอย่างที่ตนเองต้องการ แม้แต่ควบคุมความคิดเห็นของพระเจ้า บางทีการมีกฎระเบียบและบทบัญญัติก็เป็นสิ่งดี เพื่อให้เรารู้สถานะที่ตนเองยืนอยู่เสมอ

แม้พระเจ้าจะกำหนดพระบัญญัติเพื่อผลดีจะตกอยู่กับเรา พระองค์ไม่เคยคิดจะนำเอากฎเกณฑ์เหล่านั้นมาแทนที่ความสัมพันธ์กับพระองค์ พระเจ้าต้องการให้เราวางใจในพระองค์ มากกว่าวางใจในบทบัญญัติเหล่านั้น

ด้วยตัวเลือกที่ดูดีและหลากหลายทุกวันนี้ ทำให้รู้สึกว่าเลือกสิ่งที่ถูกกลายเป็นเรื่องยาก เราอาจทุ่มเทให้บางสิ่งมากเกินไป เพราะอยากเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า หรือเราอาจเรื่อยเปื่อยไม่ใส่ใจ เพราะเบื่อเลือกหรือยอมแพ้ง่ายๆ

คนอิสราเอลก็มีปัญหาในแบบเดียวกัน หลายชั่วอายุคนพวกเขาเคร่งตามบทบัญญัติเพื่อจะให้พระเจ้าพอพระทัยด้วยพิธีกรรมและถวายบูชาในรูปแบบต่างๆ หรือไม่ก็เลิกราและทำจิตใจให้แข็งกระด้าง

ในเวลาของผู้เผยพระวจนะมีคาห์ จิตใจของผู้คนหันเหไปจากพระเจ้า สร้างศาสนาของตนเองขึ้นมา ยึดอยู่บนพิธีกรรมและกฎเกณฑ์ที่ไม่มีใครทำตามได้ บางคนละทิ้งพระเจ้าไปนมัสการรูปเคารพ แต่พระเจ้าก็ทรงตามหาและเรียกให้กลับมามีความสัมพันธ์กับพระองค์

มีคาห์พยายามบอกผู้คนว่าการติดตามพระเจ้านั้นง่ายกว่าที่พวกเขาพยายามทำมากนัก :  มนุษย์เอ๋ย พระ‍องค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี?และพระ‍ยาห์‌เวห์ทรงประ‌สงค์อะไรจากเจ้า? นอก‍จากให้ทำความยุติ‍ธรรมและให้รักความเมตตาและให้ดำ‌เนินชีวิตไปกับพระ‍เจ้าของเจ้าด้วยความถ่อม‍ใจ (มีคาห์ 6:8)

 

โดย : Glynnis Whitwer

Encouragement for today : www.christianity.com

(Cr ภาพ spiritofhealth.com)

Categories
Uncategorized บทความแปล

ทำให้ธุรกิจแย่หรือ?

%e0%b8%9d%e0%b8%b9%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%95%e0%b8%81%e0%b8%ab%e0%b8%99%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%9c%e0%b8%b2

ทำให้ธุรกิจแย่หรือ?

นี่‍แน่ะ คนทั้งเมืองพากันออกมา‍หาพระ‍เยซู เมื่อพบพระ‍องค์แล้ว พวก‍เขาจึงอ้อน‍วอน‍ขอให้พระ‍องค์เสด็จไปเสียจากเขต‍แดนของพวก‍เขา (มัทธิว 8:34)

คุณคงคิดว่าหลังจากพระเยซูทำอัศจรรย์ขับผีออกจากชายสองคน ผู้คนคงพูดกันว่า “พระเยซู… นี่แหละ ใช่เลย ขอบคุณที่มาช่วย เดี๋ยวนี้พวกเรากล้าไปที่สุสานแล้ว ไปเคารพศพ นำดอกไม้ไปให้คนรักที่จากไป เมื่อก่อนไม่มีใครกล้าไป คนผีสิงสองคนนี้อาละวาดน่ากลัว ขอบคุณพระเยซูที่มาที่หมู่บ้านของเรา”

แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น พวกเขากลับมาขอร้องให้พระเยซูไปเสีย ทำไมครับ? เพราะพระองค์ทำให้ธุรกิจพวกเขาเสียหาย

พระเยซูทรงขับผีออกจากชายสองคน พวกผีจึงเข้าไปสิงในฝูงหมู ทำให้หมูทั้งฝูงพากันวิ่งตกหน้าผาตาย ผมไม่แน่ใจว่าคนเลี้ยงหมูเป็นยิวหรือเปล่า เพราะยิวไม่ทานหมู หรือพวกเขาเพียงหารายได้จากการเลี้ยงหมู แน่นอนไม่มีการนำหมูกลับไปทำอาหาร แต่พวกเขาคิดว่า “นี่ไม่ดีแน่ ธุรกิจคงเจ๊ง ถ้าปล่อยให้ชายคนนี้อยู่ต่อ บอกให้รีบๆไปเถอะ”

สำหรับบางคน พระเยซูไม่ดีต่อธุรกิจพวกเขา การทำมาหากินบนความทุกข์ของผู้อื่น — หรือเป็นการส่งเสริมรายได้บนความเดือดร้อนของผู้คน ถ้าคุณคิดว่าพระเยซูเป็นปัญหาสำหรับธุรกิจของคุณ ผมคิดว่าคุณควรมองหางานใหม่

ในเขตเมืองกาดารา ผู้คนเริ่มตระหนักว่าพระเยซูไม่ดีต่อการทำมาหากินของพวกเขา ต้องให้พระองค์ไปให้พ้นจากเมือง พระกิตติคุณมัทธิวบันทึกว่า “นี่‍แน่ะ คนทั้งเมืองพากันออกมา‍หาพระ‍เยซู เมื่อพบพระ‍องค์แล้ว พวก‍เขาจึงอ้อน‍วอน‍ขอให้พระ‍องค์เสด็จไปเสียจากเขต‍แดนของพวก‍เขา (มัทธิว 8:34)

เราคงเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น… พระเยซูเสด็จออกไปจากเมืองนั้น

พระองค์ไม่บังคับใจผู้ใดให้ต้อนรับพระองค์ แม้แต่คุณเอง

คุณเชิญพระองค์เข้ามาประทับในใจคุณหรือยังครับ?

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ texemarrs.com)

Categories
Uncategorized บทความแปล

แรงดึงดูดจากสวรรค์

%e0%b9%81%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b6%e0%b8%87%e0%b8%94%e0%b8%b9%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%9a%e0%b8%b7%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%9a%e0%b8%99

แรงดึงดูดจากสวรรค์

เพราะ‍ว่าข้า‍พระ‍องค์‍ทั้ง‍หลายเป็นคนต่าง‍ด้าวต่าง‍แดนเฉพาะ‍พระ‍พักตร์พระ‍องค์ และเป็นคนอาศัยอยู่ชั่ว‍คราว ดัง‍เช่นบรรพ‌บุรุษทั้ง‍หมดของข้า‍พระ‍องค์ วันปีของข้า‍พระ‍องค์บนแผ่น‍ดินโลกเป็นเหมือนเงา และไม่‍มีความหวัง (1พงศาวดาร 29:15)

เวลาที่เราอายุน้อย ชีวิตดูจะเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า แต่พออายุมากขึ้น แทบไม่เชื่อเลย เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เดี๋ยวก็สัปดาห์ เดี๋ยวก็เดือน เดี๋ยวก็สิ้นปี…

พระคัมภีร์พูดถึงชีวิตของเรา : “เพราะ‍ว่าข้า‍พระ‍องค์‍ทั้ง‍หลายเป็นคนต่าง‍ด้าวต่าง‍แดนเฉพาะ‍พระ‍พักตร์พระ‍องค์ และเป็นคนอาศัยอยู่ชั่ว‍คราว ดัง‍เช่นบรรพ‌บุรุษทั้ง‍หมดของข้า‍พระ‍องค์ วันปีของข้า‍พระ‍องค์บนแผ่น‍ดินโลกเป็นเหมือนเงา และไม่‍มีความหวัง” (1พงศาวดาร 29:15)

พระคัมภีร์ยังพูดต่อด้วยว่า “พระ‍องค์ทรงกระ‌ทำให้สรรพ‍สิ่งงด‍งามตามวาระของมัน พระ‍องค์ทรงบรร‌จุนิ‌รันดร์‍กาลไว้ในจิต‍ใจมนุษย์ด้วย แต่มนุษย์ยังค้นไม่พบว่า พระ‍เจ้าทรงกระ‌ทำอะไรไว้ตั้ง‍แต่ปฐม‍กาลจนกาลสุด‍ท้าย” (ปัญญาจารย์ 3:11) เราไม่ได้วิวัฒนาการมาจากสัตว์ เราถูกสร้างมาให้เหมือนพระฉายของพระเจ้า มีจิตวิญญาณและความปรารถนาที่จะรู้จักกับพระผู้สร้าง

สำหรับเราที่ได้วางใจในพระเยซูคริสต์ เราเป็นพลเมืองของสถานที่ๆแตกต่าง คุณอาจพูดว่าเราเป็นพลเมืองสองสัญชาติ เรามีสัญชาติในโลกนี้ แต่เราถือสัญชาติพลเมืองของสวรรค์ด้วย ฟีลิปปี 3:20 กล่าวว่า “แต่เราเป็นพล‍เมืองแห่งสวรรค์ และเรารอ‍คอยผู้ช่วยให้รอดจากสวรรค์คือพระ‍เยซู‍คริสต์องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า”

ผมเคยได้ยินเรื่องเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนำว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้า ว่าวขึ้นสูงจนมองแทบไม่เห็น มีคนเห็นเขายังดึงเชือกอยู่จึงถามว่า

“ไหนล่ะว่าว?”

“อยู่บนนั้นไง” เขาตอบ

“มองไม่เห็นเลย รู้ได้ยังไงว่ามันยังอยู่?”

“อยู่สิ” เด็กตอบ “ผมยังรู้สึกถึงแรงดึงอยู่”

เราเองก็รู้สึกเช่นกัน เรารับรู้ถึงแรงดึงดูดอยู่ลึกๆภายใน เช่นเดียวกับที่ออกัสตินเขียน “พระเจ้าพันผูกเราไว้กับพระองค์ ทำให้ใจเราไม่อาจนิ่งเฉย จนกว่าได้พักสงบในพระองค์”

มีแรงปรารถนาฝังลึกอยู่ภายใน คอยกระตุ้นเตือนว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเติมเต็มความต้องการของใจเราได้ ไม่มีเลย

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ Jiltakesahike.com)

Categories
Uncategorized

สารจากศิษยาภิบาล

bulletin-15117

15  มกราคม 2017

ขอส่งความสุขมายังชาว CJ วันนี้ ดีใจที่พี่น้องมาโบสถ์ได้

ขอต้อนรับญาติมิตรทุกท่านที่มาเยี่ยมเยียนเราวันนี้เช่นกัน เราดีใจที่ทุกท่านได้เข้าใกล้พระเจ้า ร่วมร้องเพลง ร่วมสามัคคีธรรมและร่วมนมัสการพระเจ้าด้วยกัน ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกท่านให้มีชีวิตที่มีความสุขและความยินดีมากยิ่งขึ้น

ขอทุกท่านกรุณาส่งยิ้มให้แก่กัน พร้อมส่งคำพูดทักทาย และคำพูดดี ๆ ที่ฟังแล้วชื่นใจให้แก่กันด้วยนะครับ

ขอให้ทุกท่านพัฒนาความสัมพันธ์กับพระเจ้า พี่น้องในคริสตจักร คนในครอบครัว คนในที่ทำงาน(ที่เรียน) และคนในชุมชน ให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น

ขอให้ท่านสำแดงชีวิตที่เป็นพยาน เป็นเกลือ และเป็นแสงสว่างแก่คนทั้งหลาย และทำให้พวกเขาหิวกระหายที่จะรู้จักกับพระเจ้าผู้ทรงประทานความสุข

ขอให้เราอธิษฐานเผื่อกันให้มากขึ้น และให้อยู่ในทางของพนระเจ้า คือ ดำเนินชีวิตในทางของความรัก และความบริสุทธิ์

และเป็นพิเศษ….

ขอให้พวกเราอธิษฐานเผื่อพี่น้องภาคใต้ ผู้ซึ่งกำลังประสบภัยน้ำท่วมอยู่ในเวลานี้ ให้ผ่านพ้นวันเวลาที่สุดย่ำแย่นี้ไปได้ ด้วยพระคุณและพระเมตตาของพระเจ้า ผ่านความรักเมตตาของเราทั้งหลาย

เวลานี้ คริสตจักร CJ ของเราได้มีมติส่งเงินไปช่วยเหลือจำนวน 100,000 บาท และหากพี่น้องท่านใดประสงค์จะสำแดงความห่วงใยและความรัก เมตตาต่อพี่น้องเหล่านั้น ร่วมกับคริสตจักร กรุณาถวายทรัพย์ ผ่านคริสตจักร โดยเจาะจงว่า “ถวายเพื่อช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม!” ขอขอบพระคุณครับ

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านให้คลาดแคล้วจากภยันตรายทั้งปวง   และ

ขอทุกท่านได้พัฒนาชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณของท่าน ให้เจริญเติบโต เข้มแข็งขึ้นทุก ๆ วัน โดยเข้าเฝ้าพระเจ้าทุกวัน นมัสการพระเจ้ากับพี่น้องทุกอาทิตย์ เข้ากลุ่มแคร์ในระหว่างสัปดาห์ ไม่ขาด นะครับ!

ด้วยความรักและผูกพัน

(ธงชัย  ประดับชนานุรัตน์) ศิษยาภิบาล

Categories
Uncategorized

อะไรคือพระพรสองชั้น?

%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%aa%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99

อะไรคือ…พระพรสองชั้น?

มีบางที่ที่จะไป ก็คือ บ้าน มีคนที่จะรัก ก็คือ ครอบครัว มีทั้ง 2 นั้น คือ พระพร!

(Having somewhere to go is Home Having someone to love is Family Having both is a Blessing!)

น่าเศร้าที่บางคนไม่มีบ้านจะอยู่ แต่น่าเศร้ายิ่งไปกว่านั้นอีก เมื่อบางคนแม้มีบ้านอยู่ แต่ไม่มีครอบครัวที่แท้จริงอยู่ในบ้านนั้น คนบางคนอยู่ที่ไหนก็ได้ ด้วยความสบายใจ แต่บางคนไม่มีสิทธิ์เลือกไปอยู่ไหน ต้องอยู่ในบ้านที่มีแต่สงคราม!

บางคนไม่มีบ้าน ก็พยายามขวนขวายที่จะได้บ้านมาครอบครอง จากบ้านเล็ก ก็ขยายให้บ้านใหญ่ เพราะคิดว่า นั่นจะเป็นความสุขและความมั่นคงต่อชีวิต แต่สุดท้ายเขาก็ตระหนักว่า เขาคิดผิด

เพราะ…

“สิ่งที่สำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่า บ้านนั้นมีขนาดใหญ่แค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าครอบครัวนั้นมีความสุขมากเพียงใด?” (It’s not how big the house is, It’s how happy the home is.)

คนบางคนไม่มีบ้านที่จะให้ไปอยู่ คนบางคนมีบ้าน แต่ไม่มีครอบครัวที่มีความสุขอยู่ด้วย แล้วชีวิตจะมีความหมายอะไร?

ดังนั้น วันนี้ หากว่า คุณมี “บ้าน” ที่จะไป และอยู่พักอาศัยอยู่ได้ จงขอบคุณพระเจ้า!

วันนี้ หากคุณมี “ครอบครัว” ที่พร้อมจะรับและรักคุณ จงรักและรักษาพวกเขาไว้ เป็นไปได้ว่า แม้คุณจะรักเขา และพวกเขารักคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความขัดแย้งหรือการปะทะกันเลย

ดังคำกล่าวที่ว่า…

“ไม่มีครอบครัวใดที่สมบูรณ์แบบ เราถกเถียงกัน เราต่อสู้กัน บางครั้งเราถึงกับไม่คุยกันเลยช่วงเวลาหนึ่ง แต่ในตอนท้าย ครอบครัวก็คือครอบครัว  ความรักจะอยู่ที่นั่นเสมอไป!”

(No family is perfect…We argue, we fight. We ever stop talking to each other at times, but in the end, Family is family…the love will always be there.)

ดังนั้น….

หากเวลานี้ คุณมีบ้านและครอบครัว จงทำให้ที่นั่นมี “ความรัก” ที่พร้อมมอบให้แก่กันเสมอไป แล้วชีวิตของคุณและคนที่อยู่ที่นั่นกับคุณ  จะไม่ขาดพระพรอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าตลอดไป!

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ dangerous-glow deviantart)

Categories
Uncategorized

บทเรียนพระธรรมทิตัส บทที่ 3

คำสอนที่ถูกต้อง

พระธรรม        ทิตัส 2:1-15

อ้างอิง           1ทธ.6:1-14;5:1-2,14;3:2-3,8-11;อฟ.5:22;6:5;อพย.19:5;มธ.5:16;ทต.1:8,13;1ปต.2:12;ลก.1:47; 2ปต.1:1;มธ.20:28;5:16;รม.3:24;1คร.1:7;สภษ.16:7

บทนำ

การกระทำและคำพูดของเรา มักเป็นผลมาจากสิ่งที่เราคิด และสิ่งที่เราคิดมักเกิดจาก สิ่งที่เราได้เห็นหรือได้ยินได้ฟัง หรือได้อ่านมา

ดังนั้น จงระวังในการอ่าน เห็น หรือได้ยินอะไรมาแล้วส่งต่อทันที โดยไม่ตรวจดูให้แน่นอนก่อน เพราะสิ่งที่เราส่งต่อไปอาจเป็นความเท็จหรือคำสอนเท็จ(ที่อันตราย)ก็เป็นได้

บทเรียน

2:1 “ส่วนท่านจงสอนให้สอดคล้องกับคำสอนที่ถูกต้อง 

   (But as for you, teach what accords with sound doctrine.) 

2:2 “สอนบรรดาผู้ชายสูงอายุให้รู้จักประมาณตน มีความน่านับถือ มีสติสัมปชัญญะ มีความเชื่อที่ถูกต้อง มีความรัก และความทรหดอดทน” 

   (Older men are to be sober-minded, dignified, self-controlled, sound in faith, in love, and in steadfastness.)

2:3 “ส่วนบรรดาผู้หญิงสูงอายุก็เหมือนกัน สอนพวกนางให้ประพฤติด้วยความน่านับถือ ไม่ใส่ร้าย ไม่ติดเหล้า แต่เป็นผู้สอนสิ่งที่ดีงาม”

   (Older women likewise are to be reverent in behavior, not slanderers or slaves to much wine. They are to teach what is good,)

2:4 “เพื่ออบรมหญิงสาวให้รักสามีและบุตรของพวกตน” 

  (and so train the young women to love their husbands and children,)

2:5 “มีสติสัมปชัญญะ เป็นคนบริสุทธิ์ ดูแลบ้านเรือนอย่างดี มีความเมตตาและเชื่อฟังสามีของตน เพื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าจะไม่ถูกดูหมิ่น”

  (to be self-controlled, pure, working at home, kind, and submissive to their own husbands, that the word of God may not be reviled.)

2:6 “ส่วนพวกชายหนุ่มก็เหมือนกัน จงเตือนสติพวกเขาให้มีสติสัมปชัญญะ” 

   (Likewise, urge the younger men to be self-controlled.)

2:7 “ท่านเองจงประพฤติตนให้เป็นแบบอย่างในการดีทุกด้าน ในการสอนอย่างจริงใจ จริงจัง” 

   (Show yourself in all respects to be a model of good works, and in your teaching show integrity, dignity,) 

2:8 “และถูกต้องที่ไม่มีใครจะตำหนิได้ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามอับอายและไม่สามารถกล่าวร้ายอะไรต่อเรา” 

  (and sound speech that cannot be condemned, so that an opponent may be put to shame, having nothing evil to say about us. )

2:9 “จงให้ทาสทั้งหลายเชื่อฟังนายของตน และทำสิ่งที่ถูกใจนายทุกอย่าง อย่าให้เถียงเลย” 

   (Bondservants are to be submissive to their own masters in everything; they are to be well- pleasing, not argumentative,)

2:10 “อย่าให้ยักยอกแต่ให้สำแดงความซื่อสัตย์และดีงามในทุกอย่าง เพื่อเขาทั้งหลายจะเทิดพระเกียรติพระดำรัสสอนของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเราในทุกๆ ด้าน”

   (not pilfering, but showing all good faith, so that in everything they may adorn the doctrine of God our Savior.)

2:11 “เพราะว่าพระคุณของพระเจ้าปรากฏแล้ว เพื่อช่วยทุกคนให้รอด” 

    (For the grace of God has appeared, bringing salvation for all people, )

2:12 “และเพื่อสอนเราให้ละทิ้งความอธรรมและโลกียตัณหา และให้ดำเนินชีวิตในยุคนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะอย่างชอบธรรมและให้ดำเนินตามทางพระเจ้า” 

    (training us to renounce ungodliness and worldly passions, and to live self-controlled, upright,  and godly lives in the present age,)

2:13 “ในขณะที่เรากำลังรอคอยความหวังอันน่ายินดี และการมาปรากฏของพระสิริของพระเจ้ายิ่งใหญ่คือพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา” 

    (waiting for our blessed hope, the appearing of the glory of our great God and Savior Jesus Christ,)

2:14 “พระองค์ประทานพระองค์เองแก่เรา เพื่อไถ่เราให้พ้นจากการอธรรมทุกอย่าง และเพื่อชำระเราให้บริสุทธิ์ จะได้เป็นประชากรของพระองค์โดยเฉพาะซึ่งมีใจกระตือรือร้นที่จะทำการดี”

   (who gave himself for us to redeem us from all lawlessness and to purify for himself a people for his own possession who are zealous for good works.)

2:15 “จงใช้ข้อความข้างบนนี้พูด เตือนสติและตักเตือนพวกเขาด้วยอำนาจอย่างเต็มที่ อย่าให้ใครสบประมาทท่านได้”

    (Declare these things; exhort and rebuke with all authority. Let no one disregard you.)

ข้อมูลมีประโยชน์

2:1       “ส่วนท่าน” (for you) = เน้นย้ำให้เห็นความแตกต่างระหว่างงานของทิตัส กับงานของผู้สอนเท็จ ที่เพิ่งกล่าวถึงใน 1:10-16

“คำสอนที่ถูกต้อง” (sound doctrine) –บางฉบับแปลว่า “คำสอนอันมีหลัก” –1ทธ.1:10;ทต.1:9

2:2-10 –กล่าวถึงคำสอนอันมีหลัก ถูกต้อง ที่เรียกร้องให้ผู้เชื่อในพระเจ้าทุกคนประพฤติตนอย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด เพศใด หรือสถานภาพใด

2:2    “บรรดาผู้ชายสูงอายุ” (Older men) = พวกเขาสมควรเป็นผู้นำที่เป็นแบบอย่างด้านศีลธรรมและจิตวิญญาณ –1ทธ.5:1

“ให้รู้จักประมาณตน” (to be sober-minded) = ไม่ทำตัวไม่เหมาะสม อย่างชาวครีตทั่วไปที่ “ตะกละตะกลาม” และเกียจคร้าน (1:12) ;1ทธ.3:2

“มีความน่านับถือ”  (dignified) = ผู้ชายสูงอายุ หรือผู้อาวุโสเหล่านี้ควรเป็นคนน่านับถือ

คำ ๆ นี้สามารถแปลได้ว่า “เอาจริงเอาจัง”

“มีสติสัมปชัญญะ” (self-controlled) ความหมายในที่นี้ = “ควบคุมตนเองได้” คือ มีความรับผิดชอบที่จะทำและไม่ทำ –ทต.1:8;2:5-6,12

2:3       “ก็เหมือนกัน” (likewise) = มาตรฐานศีลธรรมผู้หญิงก็เช่นเดียวกับของผู้ชาย

“ไม่ใส่ร้าย” (not slanderers)  = ไม่พูดจาใส่ร้ายป้ายสี ซึ่งคงเป็นนิสัยไม่ดีที่ผู้หญิงชาวครีตกระทำกันเป็นประจำ –1ทธ.3:11

“ไม่ติดเหล้า” (slaves to much wine) –1ทธ.3:8

2:4       “หญิงสาว” (the young women)  -1ทธ.5:2

“ให้รักสามี” ( love their husbands) = เหมือนที่สามีถูกเตือนให้รักภรรยาใน อฟ.5:25

2:5       “มีสติสัมปชัญญะ” ( be self-controlled) = เป็นผู้ที่ควบคุมตนเองได้ –ทต.1:8;2:2,6,12

“ดูแลบ้านเรือนอย่างดี” (working at home) = เอาใจใส่ดูแลบ้านเรือน –1ทธ.5:14

“เชื่อฟังสามีของตน”  (submissive to their own husbands) = ยอมฟังสามี –อฟ.5:22;คส.3:18; 1ปต.3:1

“เพื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าจะไม่ถูกดูหมิ่น” (that the word of God may not be reviled) =เพื่อไม่ให้ใครว่าร้ายพระวจนะของพระเจ้าได้ อ.เปาโลใส่ใจกับการดำเนินชีวิตของคริสเตียนที่ควรส่งเสริมการประกาศข่าวประเสริฐ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการเผยแพร่ข่าวประเสริฐ –1ทธ.6:1

2:6       “พวกชายหนุ่ม” (younger men) –ทธ.5:1

“ให้มีสติสัมปชัญญะ” ( to be self-controlled) = ให้รู้จักควบคุมตัวเอง

2:7-8 –ทิตัสอาจยังหนุ่ม และยังไม่ได้รับความเคารพนับถือจากคนในคริสตจักรครีตเท่าที่ควร ซึ่งอาจกล่าวอะไรที่ไม่ให้เกียรติแก่เขา อ.เปาโลจึงกำชับให้ชีวิตของทิตัสต้องเป็นแบบอย่าง เพื่อจะกลายเป็นสิทธิอำนาจในการนำและการสอนของเขาด้วย

2:7       “เป็นแบบอย่าง” (to be a model) –1ทธ.4:12

“ในการดี” (of good works) –ทต.2:14

2:8       “ไม่สามารถกล่าวร้ายอะไรต่อเรา” (cannot be condemned) –1ปต.2:12

2:9-10 –ทาสเป็นองค์ประกอบพื้นฐานหนึ่งของสังคมโรมัน คำสอนของคริสเตียนมีผลกระทบต่อสถาบันทาสเป็นอย่างยิ่ง การสอนเรื่องแนวการประพฤติตนของพวกทาสจึงเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง – อฟ.6:5

2:9       “นาย” ( masters) –ในสังคมเวลานั้น นายมีสิทธิ์ขาดเหนือชีวิตของทาส ทาสในสังคมโรมไม่มีสิทธิตามกฎหมาย  ชะตากรรมของทาสอยู่ในมือของนายอย่างสิ้นเชิง (คส.3:22-4:1)

“ทุกอย่าง” (in everything) = ทุกสิ่งอย่างสิ้นเชิง -อฟ.6:5

2:10     “เทิดพระเกียรติพระดำรัสสอนของพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของเราในทุก ๆ ด้าน” (so that in everything they may adorn the doctrine of God our Savior.) = “ทำให้คำสอน….น่าเลื่อมใส”

ดังนั้น คริสเตียนที่เป็นทาสจึงสามารถแสดงชีวิตที่เป็นพยานอันเป็นเอกลักษณ์และมีพลังผ่านการซื่อสัตย์และการเต็มใจเชื่อฟังนาย – ลก.1:47;มธ.5:16

2:11-14 – พระคุณส่งเสริมให้เกิดผลในชีวิตของเราใหม่ คือให้ละทิ้งความประพฤติที่ไม่ชอบธรรมและนำชีวิตของเราให้บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับที่ อ.เปาโลยืนยันมาครั้งแล้วครั้งเล่าว่า เราต้องประกาศเรื่องพระคริสต์ ควบคู่ไปกับการดำเนินชีวิตที่ชอบธรรม ( ข.1-2,4-5,10;3:8)

2:11     “เพราะว่า” (For) = แสดงถึงหลักความเชื่อที่เพิ่งกล่าวว่า ความประพฤติที่ถูกต้องต้องตั้งอยู่บนหลักความเชื่อที่ถูกต้อง

“พระคุณของพระเจ้า” (the grace of God) = สิ่งที่เราได้รับจากพระเจ้า ทั้ง ๆ ที่เราไม่สมควรจะได้รับ ที่ แสดงถึงความรักของพระเจ้าต่อเราผ่านทางพระเยซูคริสต์ ในขณะที่เรายังเป็นคนบาปและเป็นศัตรูกับพระองค์ (รม.5:8-10)

และเป็นเหตุที่ทำให้เรารอดโดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับความดีเลิศทางศีลธรรม และการปฏิบัติทางศาสนาใด ๆ ของตัวเรา -3:5;อฟ.2:8-9

แต่พระคุณเดียวกันนี้ จะทำให้เรากระตือรือร้นในการทำดี (ข.14;อฟ.2:10)

2:12     “สอน” (          training            ) –ในที่นี้มีความหมายมากกว่าแค่สอน (โดยการพูดและฟังเฉย ๆ ) แต่หมายถึงกระบวนการฝึกฝนเด็กให้เป็นและอยู่ในทางที่เขาควรจะเป็น รวมทั้งการสั่งสอน การให้กำลังใจ การแก้ไขข้อบกพร่อง และการสร้างวินัย

“ยุคนี้” (            in the present age) –2คร.4:4

2:13     “ความหวังอันน่ายินดี” (for our blessed hope) ในบางฉบับแปลว่า “ความหวังอันเปี่ยมด้วยพระพร”

= การปรากฏพระองค์อย่างบริบูรณ์ด้วยพระเกียรติสิริหรือการเสด็จมาครั้งที่ 2 ขององค์พระเยซูคริสต์

“พระสิริของพระเจ้ายิ่งใหญ่คือพระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา” (of the glory of our great God  and Savior Jesus Christ, ) = เน้นการเป็นพระเจ้าขององค์พระเยซูคริสต์  -รม.9:5;1คร.1:7; 1ทธ.6:14;2ปต.1:1

2:14     “พระองค์ประทานพระองค์เองแก่เรา” (who gave himself for us) –มธ.20:28

“เพื่อไถ่เราให้พ้นจากการอธรรมทุกอย่าง” (to redeem us  from all lawlessness) = ไถ่ให้พ้นจากความชั่วทั้งปวง –มธ.1:21

          “เพื่อชำระเราให้บริสุทธิ์” (purify for himself)  -ฮบ.1:3;1ยน.1:7

“จะได้เป็นประชากรของพระองค์ โดยเฉพาะ” (a people for his own possession) = เป็นประชากรของพระองค์เพียงผู้เดียว  -อพย.19:5;ฉธบ.4:20;14:2;สดด.135:4;มลค.3:17;1ปต.2:9

“มีใจกระตือรือร้นที่จะทำดี” (who are zealous for good works) –สภษ.16:7;มธ.5:16;2คร.8:21; อฟ.2:10;ทต.2:7;3:1,8,14;1ปต.2:12,15;3:13

สรุป การที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เราให้รอดนั้นเกี่ยวข้องกับงาน 2 อย่าง

  1. งานทรงไถ่เราจากบาปผิด และการพิพากษาโทษนั้น –รม.3:24
  2. การเกิดผลในชีวิตบริสุทธิ์ทางศีลธรรม และการรับใช้ที่ดีอันเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น

2:15     เป็นการสรุปความรับผิดชอบและสิทธิอำนาจของทิตัสในการรับใช้ตามการมอบหมายของพระเจ้า และเปาโล

คำถามนำอภิปราย

  1. ใครคือผู้ชายสูงอายุในคริสตจักรของคุณ ที่มีคุณลักษณะครบต่อไปนี้

……….1) รู้จักประมาณตน

……….2) มีความน่านับถือ

……….3) มีสติสัมปชัญญะ

……….4) มีความเชื่อที่ถูกต้อง

……….5) มีความรัก

……….6) มีความทรหดอดทน

คุณประทับใจลักษณะใดมากที่สุด? ทำไม?

  1. ใครคือผู้หญิงสูงอายุที่มีลักษณะใกล้เคียงกับคุณลักษณะต่อไปนี้

……….1) ประพฤติตัวน่านับถือ

……….2) ไม่นินทาว่าร้าย/ใส่ร้ายผู้อื่น

……….3) ไม่ติดเหล้า

……….4) เป็นผู้สอนสิ่งที่ดีงาม เช่น อบรมสาว ๆ ให้รักสามีและบุตร

……….5) มีสติสัมปชัญญะ

……….6) เป็นคนบริสุทธิ์

……….7) ดูแลบ้านเรือนอย่างดี

……….8) มีความเมตตา

……….9) เชื่อฟังสามีของตน?

คุณประทับใจข้อใดเป็นพิเศษ? ทำไม?

  1. ใครคือคนหนุ่ม(ผู้นำ)ที่มีคุณลักษณะใกล้เคียงดังต่อไปนี้

……….1) มีสติสัมปชัญญะ

……….2) เป็นแบบอย่างในการดีทุกด้าน

……….3) สอนอย่างจริงใจ จริงจัง และถูกต้อง

คุณประทับใจเขาในด้านใด? ทำไม?

  1. หากคุณเป็นคนงานหรือลูกจ้าง มีข้อใดต่อไปนี้ ที่คุณทำตามได้ยากที่สุด? ทำไม?

……….1) เชื่อฟังนายในทุกสิ่ง

……….2) พยายามทำให้นายพอใจทุกอย่าง

……….3) ไม่โต้เถียงนายหรือหัวหน้า

……….4) ไม่ยักยอก

……….5) แสดงให้เห็นว่า เป็นคนซื่อสัตย์ และเป็นคนที่ไว้ใจได้เต็มที่

หรือมีใครบ้างที่คุณประทับใจเพราะมีคุณสมบัติดังกล่าวเหล่านั้น?

  1. คุณคิดหรือรู้สึกอย่างไรในเวลาที่เห็น

……….1) คนที่ไม่เชื่อพระคริสต์ (ไม่รอด) แต่นิสัยดีและทำดี

…………2) คนที่บอกว่าเชื่อพระคริสต์ (รอดแล้ว) แต่นิสัยไม่ดี ไม่กระตือรือร้น(ในการทำดี)และหรือชอบทำไม่ดี?

คุณทำอะไรได้บ้างในเหตุการณ์เหล่านั้น? ทำไม?

  1. คุณได้ให้กำลังใ“ผู้รับใช้” (ไม่ว่าจะเต็มเวลาหรืออาสาสมัคร) ครั้งสุดท้ายเมื่อไร? อย่างไร คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้ทำเช่นนั้น? ทำไม?
  2. หากคุณเป็นผู้รับใช้ (หนุ่ม/สาว) คุณกลัวถูกผู้อื่นดูแคลน หรือสบประมาท ในเรื่องใดมากที่สุด? แล้วคุณรับมือหรือแก้ไข และพัฒนาตัวเองให้พร้อมมากขึ้นอย่างไรบ้าง? (แบ่งปัน) หรือมีผู้ใดช่วยคุณให้ทำหน้าที่เหล่านั้นได้ดีขึ้นบ้าง? (แบ่งปัน)

 

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์