Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

โบว์สีม่วง

ตอนเป็นเด็ก ผมมีโบว์สีม่วงติดบนกำแพงสำหรับทุกๆการวิ่งแข่ง แต่ไม่เคยมีสีฟ้า หรือมีคำว่า “ที่หนึ่ง” ติดอยู่เลย ทุกอันเป็นสีม่วงหมด สีม่วงเป็นตัวแทนของ “รางวัลชมเชย” รางวัลชมเชยไม่ใช่รางวัลที่หนึ่ง ที่สอง ที่สาม หรือที่สี่ แต่หมายถึง “ได้เข้าร่วมแข่งด้วย”  แปลว่า “ไม่อยากให้เสียใจ” เลยให้โบว์สีม่วง

ครับ ใครๆก็อยากเป็นที่หนึ่ง ใครๆก็อยากได้เหรียญทอง เพราะมาพร้อมกับเกียรติและชื่อเสียง คุณได้รับคำชมเชยและกำลังใจ แต่ขอบอกว่า ผมกำลังวิ่งแข่งอยู่ในชีวิตนี้ พระคัมภีร์บอกว่าสักวันหนึ่งในสวรรค์จะมีรางวัลคอยอยู่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผมทำมากแค่ไหน หรือเป็นที่รู้จักมากแค่ไหนในชีวิตนี้ แต่ขึ้นอยู่กับผมสัตย์ซื่อแค่ไหนกับภาระที่พระเจ้าเรียกให้ทำ คุณเองก็เช่นกัน รางวัลของคุณขึ้นอยู่กับความสัตย์ซื่อในการทรงเรียกที่มีต่อชีวิตคุณบนโลกใบนี้

ผู้เขียนหนังสือฮีบรูกล่าวว่า “เหตุฉะนั้นเมื่อเรามีพยานพรั่งพร้อมอยู่รอบข้างเช่นนี้แล้ว ก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เราวิ่งแข่งด้วยความเพียรพยายาม ตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับเรา” (ฮีบรู 12:1)

ขอพูดอีกว่าผมไม่ได้วิ่งแข่งเพื่อให้ได้รางวัล หรือวิ่งเพื่อผู้อื่น หรือวิ่งสะสมคะแนน แต่ผมกำลังวิ่งเพื่อพระเยซูคริสต์ พระองค์เป็นผู้เดียวที่เราควรวิ่งเพื่อพระองค์

อ.เปาโลพูดทำนองเดียวกันในฟีลิปปี 3:10: “ข้าพเจ้าต้องการจะรู้จักพระองค์ และได้รับประสบการณ์ในฤทธิ์เดช เนื่องในการที่พระองค์ทรงคืนพระชนม์นั้น และร่วมทุกข์กับพระองค์ คือยอมตั้งอารมณ์ตายเหมือนพระองค์” อ.เปาโลกำลังบอกว่า “นี่คือสาเหตุที่ผมทำ ที่ลงวิ่งแข่งนี้ก็เพราะต้องการอยากรู้จักพระเยซูคริสต์” เป็นสิ่งสำคัญสำหรับท่าน และควรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเราครับ

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 

Categories
วันนี้ที่ CJ สารจากศบ.

สารจากศบ. 21 ตุลาคม 2012

สวัสดีพี่น้อง CJ และแขกที่รักทุกท่าน

ผมภูมิใจที่จะกล่าวคำต้อนรับทุกท่านในนามของคณะผู้อภิบาลคริสตจักรแห่งนี้ ด้วยความยินดี!

คริสตจักรแห่งนี้ไม่ใช่คริสตจักรที่ดีที่สุดและไม่ใช่คริสตจักรที่เฉียดใกล้ความสมบูรณ์แบบ (perfect) เลยแม้แต่นิด แต่ผมได้เห็น “ชีวิต” มากมายได้รับการสัมผัสด้วยความรักของพระเจ้าผ่านคนที่ไม่สมบูรณ์แบบในคริสตจักรแห่งนี้!  ผมได้พบว่า  พวกเขาแทบทุกคนมีบุคลิกนิสัยที่แตกต่างกันอยู่ในตัวเอง พูดง่าย  ๆ คือ แต่ละคนในคริสตจักรนี้มีทั้ง

1.ตัวดี   และ   2.  ตัวร้าย อยู่ภายในคน ๆ เดียวกัน

ในพระคัมภีร์เรียก “ตัว(ที่)ดี”  ว่า “วิญญาณ” (spirit) และ “ตัว(ที่)ร้าย” มีชื่อว่า “เนื้อหนัง” (flesh) ซึ่งอาจเปรียบได้กับวัว 2 ตัวที่กำลังดึง “ชีวิตของเรา” แต่ละคนอยู่ในเวลานี้ และวัวทั้ง 2 ตัวนี้ทั้งดึง ทั้งสู้กันตลอดเวลา ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ โดยมีตัวแปรอยู่ที่ปัจจัย ซึ่งก็คือ “อาหาร”

  1. ถ้าตัวใดได้อาหารไปก็จะเข้มแข็งขึ้นจนสามารถเอาชนะอีกตัวได้
  2. ถ้าทั้ง 2 ตัวต่างได้อาหารพอ ๆ กันก็จะเสมอกัน ต่างฝ่ายต่างเอาชนะกันไม่ได้กินกันไม่ลง!
  3. ดังนั้นหากเราอยากให้ “ตัวฝ่ายวิญญาณ” ชนะตัว “เนื้อหนัง” เราก็ให้อาหารฝ่ายจิตวิญญาณมากกว่า โดยการ

1) อ่านพระคัมภีร์ทั้งเป็นประจำส่วนตัว (ด้วยความเชื่อฟัง)

2) ศึกษาพระคัมภีร์เป็นกลุ่ม เช่น ในชั้นเรียนของ CJ ทุกเย็นพฤหัส และวันอาทิตย์

3) เข้าร่วมสามัคคีธรรม(กลุ่มแคร์/กลุ่มเซล)ตามบ้าน/สำนักงานหรือที่โบสถ์ เช่น ที่บริษัทคุณบอยด์ บริษัทแมงป่อง

4) เข้าร่วมกิจกรรมรับใช้หรืออาสาสมัคร อาทิ  ร่วมรับใช้ที่ BSC สอนภาษาหรือนำกิจกรรม ฯลฯ

5) เป็นพยานหรือประกาศเรื่องราวของพระเจ้าเป็นส่วนตัวทุกวันหรือเป็นกลุ่ม ฯลฯ

หากเราทำตามคำแนะนำข้างต้น “จิตวิญญาณ” ของเราจะเติบโตและแข็งแรง  แต่หากว่าเราทำตรงกันข้าม คือ เอาแต่ให้อาหารเนื้อหนัง เรากำลังนำตัวเองสู่หายนะ และอาจนำหายนะนั้นไปสู่คนรอบตัวด้วยก็ได้ หากไม่ระวัง!  อาทิ

  1. ดูสิ่งที่ไม่ควรดู  -ไม่ว่าจะในหนังสือ  DVD หรือ ในเน็ต ฯลฯ
  2. ฟังสิ่งที่ไม่ควร –ฟังคำนินทาว่าร้าย คำเสียดสีกระแนะกระแหน ที่ไม่สร้างสรรค์
  3. คิดในสิ่งที่ไม่ควรคิด –คิดเล็กคิดน้อย หรือคิดมากคิดลบ อันจะแต่ผลเสียมาสู่ตัวเองและความสัมพันธ์กับคนอื่น
  4. เอาตัวเองไปอยู่ในที่ไม่ควรจะไปที่เรียกว่า “ที่อโคจร” ที่สภาพแวดล้อมเหล่านั้นเป็นการทดลองที่ทำให้ “เนื้อหนัง” แข็งแรงขึ้น และ “จิตวิญญาณ” อ่อนแอลง!

ผมได้พบ ได้เห็น และได้มีประสบการณ์กับพี่น้องที่ CJ นี้ทั้ง 2 มิติ นั่นคือ

คน ๆ เดียวกัน อาจ “ดีแบบสุด ๆ” เมื่อได้รับอาหารฝ่ายจิตวิญญาณอย่างสม่ำเสมอ (และห่างไกลจากอาหารเนื้อหนัง)

แต่ในขณะเดียวกันก็อาจ “โหดอย่างสุด ๆ” ได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะรับอาหารฝ่ายเนื้อหนังทุกชนิด ยกเว้น อาหารฝ่ายจิตวิญญาณ!

ดังนั้น ผมจึงวิงวอนและเตือนสติ ให้ทุกท่านที่มา ณ ที่ CJ ของเราในวันนี้ จะเลือกรับแต่อาหารฝ่ายจิตวิญญาณ โดยเฉพาะจากพระวจนะของพระเจ้าที่ อ. กฤษฎา จะนำมาแบ่งปันในวันนี้

ขอให้เราต่างอธิษฐานเผื่อกันและดูแลเลี้ยงดูซึ่งกันและกันด้วยอาหารฝ่ายจิตวิญญาณอยู่เสมอ

แต่ในขณะเดียวกันขอให้ระวัง “ยาพิษ” ที่แฝงมากับ “อาหารฝ่ายจิตวิญญาณ” ที่มีบางคนพยายามยัดเยียดหรือล่อลวงเราด้วยนะครับ!

ขอพระเจ้าอวยพรและมีความสุขกับชีวิตในทางของพระเจ้าอย่างเต็มที่ครับ!

ด้วยรัก

ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์  ศิษยาภิบาล

(ในนามของคณะผู้อภิบาล)

ปล. ขอขอบคุณสำหรับ “น้ำใจ” ของพี่น้อง ทั้งเป็นส่วนตัว และผ่านคริสตจักร CJ มาถึงผมเนื่องในวันเกิดของ ผม  ขอบคุณจริง ๆ ครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Surprise ในวันพฤหัสที่ผ่านมา ที่ผมประทับใจมาก ขอบคุณสำหรับ เค็ก ผลไม้ และ “รองเท้า” ที่คุณปุ๊ และทีมงานอุตสาห์ไปเลือกสรรด้วยตัวเอง!
อย่าลืม!   วันพฤหัสหน้า มาเรียนพระคัมภีร์และวันอาทิตย์มานมัสการพระเจ้าด้วยกัน!

 

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

คุ้มไหม?


“ในชีวิตของเรา บางครั้งเราได้ในสิ่งที่ต้องการ

แต่เราก็มักลงเอยด้วยการคิดถึงสิ่งที่เราละทิ้งไว้เบื้องหลัง!”

(Sometimes in life when you get what you want,

you end up missing what you left behind.)

   จริงครับ

คนเรายิ่งแก่ตัวลงมากเท่าไร เราก็ยิ่งคิดถึงอดีตมากขึ้นเท่านั้น!

บางครั้งสิ่งที่เราได้มา หลังจากชื่นชมอยู่สักพักก็หมดความหมายลง ใจกลับคิดถวิลหา “บุคคล” หรือ “สิ่ง” ที่คุ้นเคยในอดีต! ยิ่งได้มองเห็น “ภาพ” หรือได้ยินเสียงเพลงที่คุ้นหูก็จะยิ่งเห็นภาพความทรงจำต่าง ๆ ผุดขึ้นมาอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น!

ความเร่าร้อนที่อยากจะได้เห็น “สถานที่” แห่งความหลังเหล่านั้น หรือจะได้สัมผัส “สิ่ง” เหล่านั้น หรือได้พบ พูดคุย กับ “บุคคล” เหล่านั้น จึงเป็นหนึ่งในสุดยอดแห่งความปรารถนาของเรา!

อย่างที่กล่าวมาแล้วว่า…คนบางคนต้อง “ละ” หรือต้อง “ทิ้ง”  บาง  “คน” หรือ “บางอย่าง” ไว้เบื้องหลังเพื่อจะได้บรรลุความสำเร็จ ตามความฝันที่เคยมี! แต่บางทีเมื่อได้มาแล้ว บางคนกลับรู้สึก “โหวงเหวง” หรือ “ว่างเปล่า” กับความสำเร็จที่ปราศจาก “คนคุ้นเคย” อยู่เคียงข้างหรืออยู่รอบตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อร่างกาย หรือสังขารเริ่มเสื่อมโทรมลง เมื่ออวัยวะต่าง ๆ ในตัวเริ่มทำงานไม่ประสานกัน หรือหนักขึ้นไปอีก เมื่อบางอวัยวะหยุดทำงานลงแล้ว ในขณะที่อวัยวะบางอย่างถูกจู่โจมหรือกัดกินทำลายด้วยโรคร้ายแบบไม่ทันตั้งตัว!

“เพื่อนเก่า” , “แฟนเก่า”  หรือ  “คนเก่า ๆ” ที่คลุกคลีกันมา คือสิ่งที่อยากจะได้เจอะเจอมากที่สุด! บางครั้งก็ต้องการเพียงแค่ได้กล่าวคำว่า “ขอโทษ” กับสิ่งที่ได้กระทำให้ผิดหวังหรือเสียใจ ! บางทีก็อาจเพียงต้องการกลับไปกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” สำหรับน้ำใจและความรักเสียสละที่เขาหรือเธอได้มอบให้กับเรา!

สำหรับคนบางคน ปีเดือนในอดีตเหล่านั้นอาจเป็น “ความทรงจำ” ที่ปวดร้าว!

ดังที่ผู้เขียนพระธรรมสดุดี กล่าวไว้…

“พระองค์ทรงจับหนังตาของข้าพเจ้าไว้ไม่ให้ปิด  ข้าพเจ้าทุกข์มากจนพูดไม่ออก ข้าพเจ้าพิจารณาถึงสมัยก่อน  ข้าพเจ้าจำปีที่นมนานมาแล้วได้!” (สดุดี 77:4-5)

สำหรับตัวคุณล่ะ? เวลานี้ ความทรงจำของคุณกำลังทรมานคุณหรือให้ความสุขความยินดีต่อคุณ?

ผู้เขียนสดุดีคนเดียวกันได้เลือกที่จะระลึกถึงความทรงจำที่ให้กำลังใจและความสุขแก่ท่าน ดังคำกล่าวของท่านที่ว่า

    “ข้าพเจ้าจะระลึกถึงพระราชกิจทั้งปวงของพระเจ้า  พระเจ้าข้า ข้าพระองค์จะจดจำบรรดาการอัศจรรย์ของพระองค์ ในสมัยก่อนๆ  ข้าพระองค์จะตรึกตรองถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์ และรำพึงถึงพระราชกิจอันทรงฤทธิ์ของพระองค์” (สดุดี 77:11-12)

    วันนี้ ขอให้คุณถามตัวเองว่า คุ้มหรือไม่ที่คุณได้ “สละ” , “ละ” หรือ “ทิ้ง” บางอย่างเพื่อจะ “ได้”  หรือ “เสีย” อย่างที่คุณเป็นอยู่ในทุกวันนี้?

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, e-mail <thongchaibsc@gmai.com>

 

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

เรียนกับมือวางอันดับหนึ่ง

 

“ข้าพระองค์กราบลงตรงมายังพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และถวายโมทนาพระคุณแก่พระนามของพระองค์ เพราะความรักมั่นคงและความสัตย์สุจริตของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเชิดชูพระนามและพระวจนะของ พระองค์เหนือสารพัด” (สดุดี 138:2)

มีชายคนหนึ่งรักการเรียนพระคัมภีร์มาก และทุกครั้งที่เจอข้อพระคำที่ไม่เข้าใจ เขาจะถามเพื่อนชื่อชาลี  “ชาลี ข้อนี้แปลว่าอะไร?” วันหนึ่งขณะเรียนพระคัมภีร์ พระวิญญาณตรัสกับเขาว่า “ทำไมเจ้าไม่ถามเรา? เราเองที่เป็นคนสอนชาลี”

ครับ ผมขอบคุณคุณครูทุกท่านที่สอนพระวจนะของพระเจ้า แต่พระเจ้าองค์เดียวกันนี้ที่สอนคุณครูทั้งชายและหญิงเหล่านั้น  และพระองค์ปรารถนาจะสอนเราด้วย

เมื่อคุณอ่านพระคัมภีร์ ผมอยากขอให้คุณทูลขอพระเจ้าให้ช่วยตอบคำถามต่อไปนี้

  1. มีสิ่งใดบ้างที่ต้องเรียนรู้?
  2. มีบาปใดบ้างที่ควรหลีกเลี่ยง?
  3. มีพระพรใดที่ควรชื่นชมยินดี?
  4. มีพระสัญญาข้อใดที่เราควรอ้างและยึดไว้?
  5. มีข้อคิดใดที่เราควรจำใส่ใจให้อยู่ในเรา?

อนุญาตโดย: Pastor Adrian Rogers

Daily devotional

Love worth finding ministries: www.lwf.org

 

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ของขวัญยิ่งใหญ่ที่สุดที่มอบให้คนที่คุณรักได้

บุตรชายของเราเอ๋ย จงฟังคำเตือนของพ่อเจ้า และอย่าทิ้งคำสั่งสอนของแม่เจ้า เพราะทั้งสองนั้นเป็นมงคลงามสวมศีรษะของเจ้า  เป็นจี้ห้อยคอของเจ้า (สุภาษิต 1:8-9)

‏สมมุติวันหนึ่งมีเพื่อนมาหาคุณแล้วพูด “ผมอยากพาคุณไปกินสเต๊กอร่อยที่สุดในเมือง” ฟังดูดีมั้ยครับ? คุณเฝ้ารอคอยวันนัด ยอม อดอาหารเช้าและเที่ยงเพื่อจะได้กินสเต๊กให้สมใจอยาก ในที่สุดก็ถึงเวลา คุณไปที่ภัตตาคารและนั่งลง

แล้วคุณก็สั่ง “ขอสเต๊กที่ดีที่สุดในเมืองให้ผมหนึ่งที่” คุณรอสักครู่ แล้วก็มีจานใบใหญ่มีเสียงฉ่าของสเต๊กร้อนๆมาเสิร์ฟ เมื่อมองในจาน คุณกลับเห็นชิ้นเนื้อเล็กๆยาวประมานหนึ่งนิ้ว หนาครึ่งนิ้ว คุณก็พูดว่า “เดี๋ยวก่อนครับ…ผมมาที่นี่เพื่อกินสเต๊กที่ดีที่สุดของเมืองนี้ ของดีมีคุณภาพน่ะครับ”

คุณภาพมาพร้อมปริมาณน้อยนิดไม่นับว่าเป็นคุณภาพ ไม่มีคู่สมรสหรือลูกคนไหนจะบอกคุณหลังยี่สิบปีผ่านไปว่า “คุณน่าจะได้ใช้เวลาอยู่ที่ทำงานมากกว่า และอยู่กับพวกเราน้อยลง” แต่ความจริงที่น่าเศร้าคือ พ่อแม่หลายคนทุกวันนี้ไม่ค่อยอยู่บ้าน ไปใช้เวลาคุณภาพตามที่ต่างๆข้างนอก แต่ไม่ได้ให้เวลาที่มีคุณภาพกับคนที่บ้านอย่างที่พวกเขาอยากได้

คนที่คุณรักไม่เพียงแต่ต้องการเวลาที่มีคุณภาพ พวกเขาต้องการปริมานด้วย เป็นของขวัญยิ่งใหญ่ที่คุณให้พวกเขาได้ ใช้เวลากับคนที่คุณรัก และคุณจะได้เห็นพระพรในความสัมพันธ์นี้อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ใช้เวลาที่มีคุณภาพ และ ปริมานกับคนที่คุณรัก และพระเจ้าจะทรงอวยพระพรความสัมพันธ์ในครอบครัวของคุณ

อนุญาตโดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

 

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

คุณรักสิ่งใดมากกว่าพระเยซู?

“ดังนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ทรงยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเราทั้งหลาย และเราทั้งหลายก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง” (1ยอห์น 3:16)

เศรษฐีคนหนึ่งมาถามพระเยซูว่า “ท่านอาจารย์ผู้ประเสริฐ ข้าพเจ้าจะกระทำประการใด จึงจะได้ชีวิตนิรันดร์” (มาระโก  10:17) พระเยซูจึงถามว่าเขาถือรักษาตามธรรมบัญญัติหรือเปล่า เขาตอบว่าใช่ ด้วยความรักพระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านยังขาดอยู่สิ่งหนึ่ง จงไปขายบรรดาสิ่งของซึ่งท่านมีอยู่แจกจ่ายให้คนอนาถา แล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วจงตามเรามาและเป็นสาวกของเรา”  (มาระโก 10:21ข) แต่เศรษฐีคนนั้นกลับ ”สลดลง แล้วคนนั้นออกไปเป็นทุกข์ เพราะเขามีทรัพย์สิ่งของเป็นอันมาก” (มาระโก 10:22)

พระเยซูจึงให้เขาไป พระองค์ไม่ได้วิ่งตามไปหน่วงเหนี่ยวไว้ และอีกอย่างที่ผมอยากให้คุณเห็นคือ – พระเยซูไม่ยอมลดมาตรฐานของพระองค์ลงมา

มีสิ่งใดที่คุณรักมากกว่าพระเยซูครับ? คุณจำต้องนำมันมาวางไว้เพื่อจะได้รับความรอด

อนุญาตโดย: Pastor Adrian Rogers

Daily devotional

Love worth finding ministries: www.lwf.org

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ดีกว่าดิสนีย์แลนด์

สมัยเป็นเด็กผมอยากไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ทุกวันเกิด

จำได้ว่านั่งอยู่เบาะหลังรถพูดกับตัวเองว่า คอยดูนะ พอโตเป็นผู้ใหญ่หาเงินได้เอง ผมจะซื้อรถ และจะไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ทุกวันเลย ถ้าเกิดทำไม่ได้ก็จะหาทางไปอย่างน้อยอาทิตย์ละสองวัน

หลายปีมาแล้ว มีคนให้บัตรผ่านเข้าดิสนีย์แลนด์ทั้งปีกับผม จะไปเที่ยวเมื่อไรก็ได้ แต่คุณรู้มั้ยผมได้ไปกี่ครั้ง? เอาเป็นว่าไม่ใช่ทุกวัน ไม่ใช่อาทิตย์ละสองวันแล้วกัน เพราะมักมีเหตุทำให้ไปไม่ได้อยู่เสมอ น่าจะประมานปีละสองครั้ง

เรามีบัตรตรงเข้าหาพระเจ้า

เรามีสิทธินั้นที่จะเข้าเฝ้าพระเจ้าได้ เราเข้าเฝ้าพระองค์ได้ 24 ชั่วโมง 7 วัน เวลาไหนก็ได้ที่ต้องการ แต่ว่าเราเข้าเฝ้าพระองค์บ่อยแค่ไหนกันครับ?

นี่เป็นแนวคิดแบบสุดโต่งของคนสมัยพระเยซูโดยเฉพาะพวกยิว คนต่างชาติไม่มีความหวังใดๆที่จะได้เข้าไปในพระนิเวศของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ บทลงโทษสำหรับคนที่พยายามเข้าไปคือความตาย คนยิวทำได้แค่นั้น ม่านที่กั้นอภิสุทธิสถานในพระวิหาร ที่มีแต่มหาปุโรหิตเท่านั้นที่เข้าไปเฝ้าพระเจ้าได้ปีละหนึ่งครั้ง

กำแพงกั้นระหว่างพระเจ้าและมนุษย์ถูกรื้อทำลายลง

อ.เปาโลเขียนว่า “เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นสันติสุขของเรา เป็นผู้ทรงกระทำให้ทั้งสองฝ่ายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และทรงรื้อกำแพงที่กั้นระหว่างสองฝ่ายลง” (เอเฟซัส 2:14)

เดี๋ยวนี้โดยทางพระเยซูคริสต์ เราสามารถเข้าไปในอภิสุทธิสถานได้ สำหรับคนยิว ม่านถูกฉีกขาดเป็นสองท่อน สำหรับคนต่างชาติ กำแพงถูกรื้อทำลายลง เราทุกคนสามารถเฝ้าอยู่จำเพาะพระพักตร์พระเจ้าได้เพราะโลหิตพระเยซูคริสต์ที่หลั่งออกเพื่อเราทั้งหลาย

มันอัศจรรย์ เป็นความจริงที่เหลือเชื่อ แต่เราจะรับสิทธิประโยชน์ที่เหลือเชื่อนี้ได้อย่างไร ถ้าเราไม่เคยยื่นมือออกไป ที่จริง เราไม่มีโอกาสได้ชื่นชมความจริงนี้โดยการพูดถึง (หรือเขียนถึง) หรือใคร่ครวญว่ามันอัศจรรย์ขนาดไหน สิทธิประโยชน์จะเกิดขึ้นเมื่อเราได้เข้าเฝ้าจำเพาะพระพักตร์โดยทางที่ทรงเตรียมไว้ให้เรา จงถวายสาธุการแด่พระองค์ และชื่นชมยินดีจำเพาะพระพักตร์พระองค์

ในชั่วขณะนั้น เราได้เข้าไปสู่ความจริงอันยิ่งใหญ่

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514