สวัสดีค่ะพี่น้อง CJ ที่ร้าก… (26 พฤศจิกายน 2009)
กลับมาอีกแล้วตามคำเรียกร้อง เมื่อวานได้อ่านบทความหนึ่งที่ดีมากๆ ได้ แบ่งปันให้พี่ปิ๊กกับลูกมีมี่ฟัง ทั้งสองคนเห็นว่าน่าจะ แบ่งปันให้คนอื่นๆ ฟังด้วย บทความนี้เขียนโดย Dr. John Ortberg ในนิตยสารของ Eagle Communications ชื่อว่า Leading with Hope (นำด้วยความหวัง)
การจะนำคนอื่นได้ ตัวเราเองต้องมีความหวังก่อน ในทุกองค์กร ทุกครอบครัว ทุกหน่วยงานต้องมีความหวัง…ความหวังทำให้เรามีแรงจูงใจที่จะทำสิ่งต่างๆ เราสามารถมอบหมายสิ่งอื่นๆ ได้ (delegate) แต่มีสิ่งหนึ่งที่เรามอบหมายให้ใครไม่ได้ คือความหวัง ผู้ที่ตามเรา ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ลูกๆ ลูกน้อง หรือสมาชิกคริสตจักร ต้องการที่จะรู้ว่าผู้นำของเขามีทัศนคติที่สำคัญคือ “มีความหวังที่จับต้องได้หรือไม่?”
ดังนั้นเราต้องเรียนรู้ที่จะตรวจเช็คระดับของความหวังของเรา (Hope detection) เพื่อจะรู้แต่เนิ่นๆว่าระดับความหวังของเราอยู่ตรงไหนในระบบตรวจสอบความหวัง ตัวชี้วัดความหวังของเราอันหนึ่งคือ ความรู้สึกที่เราตื่นขึ้นมาเผชิญกับวันใหม่ในตอนเช้า ในแง่จิตวิทยาบอกว่าช่วงเช้า เป็นช่วงเวลาที่ความวิตกกังวล (anxiety) กับความรู้สึกซึมเศร้า (depression) จะแผลงฤทธิ์มากที่สุด…และนั่นก็คงเป็นเหตุผลว่าทำไมพระคัมภีร์จึงเขียนไว้ว่า ความรักและความหวังของพระเจ้าใหม่เสมอทุกเวลาเช้า
“ความรักมั่นคงของพระเจ้าไม่เคยหยุดยั้ง และพระเมตตาของพระเจ้าไม่มีที่สิ้นสุด เป็นของใหม่อยู่ทุกเวลาเช้า..
.พระเจ้าทรงเป็นส่วนของข้าพเจ้า เหตุฉะนี้ข้าพเจ้าจะหวังในพระองค์” (บทเพลงคร่ำครวญ 3:22-24)
วันไหนที่เราตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกว่างานที่ต้องทำในวันนี้ช่างท่วมท้นซะจริงๆ เราก็รู้ได้เลยว่าความหวังของเรากำลังลดระดับลงต่ำ ตัวชี้วัดอีกอันหนึ่งคือ เวลาแห่งการฟื้นตัว (Recovery time) เวลาที่เรารู้ตัวว่า ต้องมีเบรกกับงานได้แล้ว และก็ลาไปพักร้อน พักผ่อน แต่พอกลับมากลับรู้สึกเหมือนเดิมเล้ย…….ทั้งๆที่ได้ไปพักผ่อนเป็นอาทิตย์แล้ว ก็ยังไม่สามารถชาร์ทไฟแบทเตอรี่ในตัวได้ จึงควรรู้ตัวว่าความหวังของเรากำลังจะมอดแล้ว
เวลาที่ความหวังของเราเต็มถัง เราจะมีพลังงานสำหรับกิจกรรมอื่นๆนอกจากปกติ แต่เวลาที่ความหวังของเราลดระดับลงต่ำ การทำอะไรใหม่ๆ จะทำให้เรารู้สึกไม่มีกระจิตกระใจ ไม่ต่างจากน้ำที่ถูกเททิ้งลงท่อ ซู่ ซู่..ๆ
ตัววัดอีกอันคือ ความอ่อนไหวในอารมณ์ของเราในทุกๆ ความสัมพันธ์ ในช่วงที่ความหวังมีระดับน้อยนิด เราจะมีความอ่อนไหวมาก ใครพูดอะไรนิดหน่อยก็น้ำตาคลอแล้ว…..ฮือ ฮือ แง แง
ทีนี้พอเรารู้ระดับความหวังของเรา เราก็ต้องเรียนรู้ว่าควรจะจัดการกับความหวังของเราอย่างไร เพิ่มได้อย่างไร กันไม่ให้รั่วไหลอย่างไร จะไปหาเติมได้ที่ไหน (Hope Management) เราต้องเรียนรู้ที่จะจัดลำดับชีวิต (rearrange) ให้สามารถเติมเต็มความหวังได้อยู่เสมอ…..วันนี้เขียนเท่านี้ก่อนนะคะ พบกันครั้งหน้าสำหรับ Hope Management (การบริหารความหวัง) โปรดติดตามตอนต่อไป (ด้วยความ…..ระทึกใจ)
(CJ หนูนา สุวรรณา อัครพงศ์พิศักดิ์)
ข่าวประชาสัมพันธ์
- ขอบคุณค่ะคุณครูหนูนา ได้ข้อคิดมาทบทวนเยอะทีเดียว และต้องกลับมาวัดดูระดับความหวังของตัวเองโดยด่วน ก่อนจะดิ่งลง…..รออ่านตอนหน้าอยู่นะคะ
- สำหรับทุกคนที่กำลังเหนื่อย ท้อ ล้า ผิดหวัง – อย่าลืมว่าพระเจ้าเป็นแหล่งแห่งความหวังและกำลังใจ อธิษฐานทูลขอจากพระองค์ได้ อย่าให้ความบาปรอบตัวที่มันพอกพูนขึ้น บดบังความหวังเราจนริบหรี่มองไม่เห็นพระเจ้า
- และอย่าลืมมาเรียนพระคัมภีร์ 1ซามูเอล 28 เพื่อเสริมพลังด้วยกันคืนนี้นะคะ – แล้วพบกันค่ะ