Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

หากจะรักต้องรู้จักคำว่า ขอบคุณ!

Thongchai3(26 ธันวาคม 2009)

หากจะรักต้องรู้จักคำว่า ขอบคุณ!

“เราควรขอบคุณสำหรับสิ่งดี ที่เรามี และสำหรับสิ่งแย่ ที่เราไม่มี!”

(We should be thankful for the good things that we have and, also, for the bad things we don’t have.)

ผมไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้กล่าวประโยคข้างต้น แต่ผมชอบและเห็นด้วย! เราควรมีใจขอบคุณต่อทุกคน และต่อทุกสิ่ง! ใช่ครับ ผมรวมหมายถึง “คน” หรือ “สิ่ง” ที่ (ดูเหมือน) ไม่ดีด้วย! แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราต้องมีใจขอบคุณต่อผู้ที่รักเราเป็นพิเศษ! แน่นอนว่า อันดับแรกต้องเป็นพระเจ้า และอันดับต่อมาคงหนีไม่พ้นบุพการีหรือผู้ที่ลำบากลำบนในการเลี้ยงดูราจนเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา รวมทั้งผู้ที่อยู่ในข่ายผู้มีพระคุณ และครูบาอาจารย์ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้แก่เรา  และลำดับสุดท้ายที่เราไม่อาจจะลืมเป็นอันขาด นั่นคือ แฟนหรือคู่ชีวิตของเรา! หากคุณลืมขอบคุณเธอหรือเขาเมื่อใด ปัญหาจะตามมาเมื่อนั้น!

ตามศัพท์ คำว่า “ขอบคุณ” นั้นหมายความว่า …“คำกล่าวแสดงความรู้สึกบุญคุณ” (เป็นคำที่ใช้กับบุคคลที่เสมอกันหรือผู้น้อยใช้แก่ผู้ใหญ่!) แต่หากต้องการคำที่ใช้กับผู้น้อยก็ให้ใช้คำว่า “ขอบใจ”! (คำกล่าวแสดงความรู้สึกพอใจในความดีที่ผู้อื่นได้มีต่อตน) ด้วยเหตุนี้เอง หากเราดำเนินชีวิตอย่างมีสติ เราย่อมสำนึกได้ว่า เรามีเรื่องที่จะขอบคุณได้ตลอดเวลา  แม้แต่สิ่งที่ดูเหมือนว่าไม่ดีเลย อาทิ

จงขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์

จงขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่บันดาลให้ได้สติคิด

จงขอบคุณความอิจฉาริษยา ที่ทำให้ระวังและสร้างสรรค์

จงขอบคุณการคอรัปชั่น ที่ทำให้ตื่นตัวและระมัดระวัง

จงขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้เจ็บแล้วจำ

จงขอบคุณการปรักปรำ ที่ทำให้จำเป็นต้องชี้แจง

จงขอบคุณกระเป๋าแห้ง ที่เป็นแรงผลักดันให้ขยัน

จงขอบคุณความดื้อรั้น ที่ทำให้บรรลุเป้าหมาย

จงขอบคุณความเจ็บป่วยกาย ที่ทำให้รู้ว่ามีสุขภาพต้องดูแล

จงขอบคุณความพ่ายแพ้ ที่ทำให้มุมานะมากยิ่งขึ้น

จงขอบคุณการขัดขืน ที่ทำให้รู้จักความอดทน

จงขอบคุณคำบ่น ที่ทำให้รู้จักอดกลั้นใจ

จงขอบคุณความทุกข์เสียใจ ที่ทำให้รู้จักคุณค่าความสุขสันต์

จงขอบคุณการคาดคั้น ที่ทำให้หมั่นคิดหาคำตอบ

จงขอบคุณการมีกรอบ ที่ทำให้รอบคอบในการปฏิบัติ

จงขอบคุณการพลัดพราก ที่ทำให้รู้จักละสิ่งยึดมั่น

จงขอบคุณความหวาดหวั่น ที่ทำให้รู้ตัวว่าไม่อาจจองหอง

จงขอบคุณการทดลอง ที่ทำให้รู้ว่าไม่เก่งอย่างที่คิด

จงขอบคุณการติดขัด ที่ทำให้รู้จักชะลอความเร็ว

จงขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เชี่ยวชาญพัฒนา

จงขอบคุณความมรณา ที่ทำให้ได้พักสงบอยู่กับพระเจ้าตราบนิจนิรันดร์…

หากว่าแม้แต่สิ่งที่ดูไม่ดีเหล่านี้ยังมีเหตุผลที่จะให้รู้จักขอบคุณแล้ว  ทำไมกับคนที่อยู่ข้าง ๆ ตัวของคุณ หรือคนที่อยู่ร่วมห้องกับคุณ คุณจะไม่มีเรื่องขอบคุณเขาหรือเธอเลยหรือ ? ลองคิดดูใหม่ได้ดี ๆ อีกสักครั้ง แล้วคุณจะมีสุขและปลอดภัย!

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ –

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • พรุ่งนี้เทศนาโดย อ.สิริวรรณ อานุภาพโยธา  อยู่กรุงเทพฯไม่ไปไหน มาให้กำลังใจ CJ One ของเราหน่อยสิคะ
  • ช่วงระหว่างสัปดาห์หน้า หลายคนคงเดินทางไกลไปที่ต่างๆ ขอพระเจ้าคุ้มครองให้ปลอดภัยทั้งกายใจนะคะ
  • ถ้าทำได้แวะไปเยี่ยมเยียนคริสตจักรแถวจังหวัดที่ไปก็ดี
  • อธิษฐานเผื่อประเทศไทย คนไทย ความสงบสุข ทั้งภายใน ภายนอกประเทศด้วย – พรุ่งนี้เจอกันค่ะ
Categories
วันนี้ที่ CJ

เอาความโกรธโยนทิ้งไป….เอาการคืนดีกลับมา

Giftสวัสดีค่ะ  (25 ธันวาคม 2009)

หลายปีก่อน ติ๊บเคยได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือที่ไม่เคยอ่านจบ เป็นเรื่องยังไงก็จำไม่ได้  ที่พอจะรู้คือเป็นเรื่องของพี่น้อง 4 สาว คนที่สองชื่อโจ มีเพื่อนผู้ชายอีกคนชื่อ ลอรี่ กับชื่อหนังสือ  “Little Women” (4 ดรุณี)

ถึงจะจำเนื้อหาไม่ได้เลย แต่จำประโยคนึงได้  “Don’t let the sun go down upon your anger.”  คืออย่าให้เราปล่อยให้วันนี้ผ่านไปโดยที่ใจเรายังเคืองใครอยู่

จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่” (เอเฟซัส 4:26)

เป็นประโยคเดียวที่จำได้แม่น และเป็นกลายเป็นวิธีที่ติ๊บยึดไว้ในการรักษาความสัมพันธ์กับคนรอบตัว  แต่ติ๊บก็เคยได้รู้จักกับบางคนที่อยากจะปล่อยให้ความมืดของกลางคืนนั้น กลบเอาความโกรธของวันเก่า แล้วเมื่อตื่นมาพบกับแสงวันใหม่ก็ลืมความโกรธนั้นไป หากความมืดสามารถลบความโกรธได้ก็คงดี  แต่หลายครั้งมันเป็นเพียงแค่การหลบอาการขุ่นเคืองเอาไว้ และเมื่อไหร่ก็ตามที่มีใครสะกิดมันขึ้นมาใหม่ ความโกรธนั้นก็ฟื้นคืนชีพมาได้อย่างน่าอัศจรรย์

บางครั้งเวลาเราโกรธ เรามัวแต่คิดเคืองคนที่ทำให้เราโกรธว่าทำไมไม่ทำให้เราหายโกรธซักที แต่ก็ลืมไปว่าเราอาจจะเป็นคนเดินเข้าไปหาเค้าเพื่อคืนความโกรธนี้ให้กับเค้าได้  และพร้อมที่จะกลับสู่การคืนดีกัน ติ๊บเชื่อว่าความสัมพันธ์เหมือนผ้าสะอาด (จะสีอะไรก็แล้วแต่) บางครั้งตัวเราเอง หรือคนอื่นอาจทำมันเปื้อน หากเราหมั่นที่จะซักผ้านี้ทุกครั้ง ผ้าก็จะคงความสะอาดไว้ได้ แต่ถ้าเราปล่อยให้มันเปื้อนหลายๆ ครั้งแล้วค่อยซักทีเดียว ผ้าก็หมอง ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าไม่คิดจะซักเลย วันนึงผ้าสะอาดของเราก็กลายเป็นผ้าขึ้ริ้ว….!!!

วันนี้คุณยังโกรธใครอยู่รึเปล่า?

“คนโมโหร้ายประพฤติโง่เขลา แต่คนเฉลียวฉลาดนั้นอดทน” (สุภาษิต 14:17)

“คำตอบอ่อนหวานช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ” (สุภาษิต 15:1)

(CJ กระติ๊บ – ฑิตยา ตีวกุล)

Tip

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • ใกล้ปีใหม่แล้วเอาผ้าเก่าๆไปซักบ้างก็ดี ปีหน้าจะได้มีเสื้อผ้าสะอาดๆใส่
  • ขอส่งความสุขในวันคริสตมาสถึงแฟนคลับ CJ Website ทุกท่าน ขอให้ได้รับพระพรอันดีเลิศของพระเจ้า เพื่อจะส่งต่อให้ผู้อื่นได้
  • ใครที่ไม่ไปไหน มาอยู่เฝ้ากรุงเทพฯด้วยกันดีกว่า เขียนมามาทักทายกันบ้าง และขอพระเจ้าดูแลทุกท่านที่เดินทางไกลให้ปลอดภัยและมีความสุขค่ะ
Categories
วันนี้ที่ CJ

ขอพระเจ้าดลใจอีก

ChristmasTree

สวัสดีครับ (24 ธันวาคม 2009)

ผมเป็นผู้เชื่อใหม่จากลำปาง ได้ชมรายการ “คริสตจักรในบ้าน” เป็นครั้งแรกโดยพระเจ้าดลใจเมื่อเช้ามืดวันเสาร์ที่ 12 ธ.ค. 52 ผมตื่นตาใสเวลา 04:18 น. เลยเปิดโทรทัศน์เพราะทราบแว่วๆมาว่ามีเทศนาช่วงเวลาประมาณนี้ พอเปิดปุ๊บก็เจอช่อง 11 ขึ้นมาเลย เป็นรายการ “คริสตจักรในบ้าน” เทศนาโดย น.พ.ภากร จันทนมัฏฐะ แต่ไม่กล้าเปิดดัง เกรงจะรบกวนคนอื่น อากาศหนาวกำลังหลับสบาย แต่ปรากฏว่าคนข้างๆบอก “พ่อเปิดดังๆหน่อย” เป็นงั้นไป เราเป็นผู้เชื่อใหม่ทั้งคู่ครับ เคยอ่านเรื่องของคุณปุ๊อัญชลี และน้องโบ มาเจอในจออีกก็ดีใจ

ผมและภรรยาเป็นศาสนิกชนอื่นโดยกำเนิด ในวัยเด็กผมเป็นนักเรียนประจำในโรงเรียนคาทอลิก อยากให้มีคริสต์มาสทุกวันเพราะได้ของเล่น จำได้ว่าชิ้นแรกเป็นรถจี๊ปแบบไสแล่น เล่นกันสนุกทั้งคืน ภรรยาผมเคยเป็นพยาบาลผู้ช่วยหมอในโรงพยาบาลแวนแซนต์วูร์ด เป็นโรงพยาบาลคริสเตียนแห่งเดียวในจังหวัดลำปาง เธอบอกว่าอธิษฐานเป็นประจำทุกเช้าที่โรงพยาบาล ผมเกษียณจากราชการแล้วย้ายมาอยู่บ้านภรรยาที่ลำปางเมื่อวันคริสตมาสปี 2551

เมื่อวันพุธที่ 21 ตุลาคม 52 ผมนั่งซ้อนท้ายรถเครื่องภรรยาขับ ผ่านหน้าโบสถ์คริสต์จักรที่ 1 ลำปาง ผมเอ่ยปากชวนภรรยาว่า “สุมาลี วันอาทิตย์นี้เราไปโบสถ์กันนะ” เธอตอบตกลง นี่เป็นจุดเริ่มต้นซึ่งมีแค่นี้เองครับ เราเข้าโบสถ์ครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 25 ตุลา 52 ภรรยาผมรู้จักผู้คนในโบสถ์เยอะ ผมเลยไม่รู้สึกเคอะเขิน แล้วเราก็ศึกษาพระคัมภีร์กันครั้งแรก โดยเริ่มจากหนังสือปฐมกาล นับแต่วันนั้นเราไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์เป็นเวลา 7 อาทิตย์แล้ว 20 ธันวาคมนี้จะเป็นอาทิตย์ที่ 8

ผมมีเรื่องจะเล่าให้ฟัง เมื่อวันจันทร์ที่ 26 ตุลา ผมไปธุระที่เชียงใหม่กับครอบครัว ขากลับเกือบถึงปากทางเข้าลำพูน แวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊ม ปตท. เดินลงจากรถรู้สึกเดินตัวเบา เซเล็กน้อย เวียนศีรษะ พอขึ้นรถจึงบอกภรรยาให้กลับรถ เพื่อไปโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ (โรงพยาบาลสวนดอกเดิม) ทันใดนั้นก็นึกแวบขึ้นมาว่าถ้าไปเชียงใหม่คงจะโดนหมอจับตัวนอนโรงพยาบาลแน่ เป็นห่วงแม่ที่ลำปาง ถึงแม้จะมีน้องภรรยาอยู่เป็นเพื่อน แต่ท่านก็อายุ 86 ปีแล้ว เกรงว่าจะวิตกกังวล จึงบอกให้ภรรยากลับรถไปหาหมอที่ลำปางแทน ในใจก็เกรงว่าเส้นเลือดในสมองจะแตกอย่างที่เคยได้ยินมา ผมจึงอธิษฐานขอพระเจ้าให้ถึงบ้านโดยปลอดภัยเพื่อไปหาแม่…จากนั้นไม่นาน อาการเวียนศีรษะก็ลดลง พอถึงบ้านวัดความดันได้ 182/92 ก็บอกแม่ว่าผมจะไปหาหมอ หมอให้นอนพักและให้ยา นอนประมาณ 45 นาที ก็กลับบ้านได้ ผมขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์นำทางให้ผมถึงบ้านโดยปลอดภัย ได้พบแม่ และพบหมอดังประสงค์

ปัจจุบันแม่ผมเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ระยะที่ 3 ท่านศาสนาจารย์อยากไปเยี่ยม แต่ผมไม่กล้าบอกแม่ เกรงว่าท่านจะปฏิเสธ ผมปรึกษาอาจารย์อีกท่านดู ท่านบอกให้ผมอธิษฐานให้แม่เปิดใจรับพระเยซูคริสต์ อาจารย์จะช่วยอธิษฐานด้วย ผมก็ทำตาม และบอกแม่แบบกล้าๆกลัวๆ  แม่ไม่ปฏิเสธเลยสักนิด ยินดีด้วยซ้ำ …. ในที่สุดแม่ก็ได้รับความรอด

ต่อมาท่านศาสนาจารย์ทินกรขอไปเยี่ยมแม่ และได้อธิษฐานขอพระเจ้าคุ้มครองท่านก่อนที่จะเข้าฉายแสง หมอบอกว่าแม่อายุมากแล้ว เกรงว่าจะรับไม่ไหว อาจมีอาการท้องเสีย อ่อนเพลีย กินข้าวไม่ได้ ให้ผมตัดสินใจว่าจะรักษาไปตามอาการหรือจะฉายแสง ผมตัดสินใจให้ฉายแสง เพราะมีโอกาสที่จะยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ถึงจะเสี่ยงแต่ก็ตั้งใจจะอธิษฐาน พอแม่เข้าห้องฉายแสงผมอธิษฐาน พอแม่ออกมาก็ยิ้มแต้ทุกครั้ง จนบัดนี้ฉายได้ 5 ครั้งแล้วต้องหยุด 2 สัปดาห์เพราะเกล็ดเลือดต่ำ หมอถามถึงอาการ ผมบอกแม่ไม่เป็นตามที่หมอคาดสักอย่าง ท่านกินได้ ไม่ท้องเสีย ไม่อ่อนเพลีย หมอดีใจ บอกคุณยายอารมณ์ดี ขาซ้ายที่บวมเป่งก็ยุบลงเกือบเท่าขาขวา เดินสะดวก ขึ้นรถ ลงรถเองได้ ขอบคุณพระเจ้าที่คุ้มครองแม่

ก่อนหน้านี้ผมเคยอยู่หมู่บ้านแถว ม.ราม 2 บางนา ปากทางเข้ามีห้างโลตัส ถัดไปก็เป็นโบสถ์คริสต์ นั่งรถเมล์เข้าออก ผมก็ลองอธิษฐานขอทุกครั้งที่มีทุกข์ พระเจ้าก็ทรงตอบคำอธิษฐานครับ….เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมา พระเจ้ากำหนดให้ผมตื่นเวลาเดิม ทั้งๆที่ปกติจะตื่นไม่เป็นเวลา เช่น ตีสองบ้างตีสามบ้างเพื่อลุกมาเข้าห้องน้ำตามประสาผู้สูงอายุ แต่ทั้งสองเสาร์นี้ผิดแผกไป เสาร์นี้เทศนาโดย ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ คราวหน้าขออธิษฐานพระเจ้าดลใจให้ผมตื่นตอนตีสี่เพื่อให้ทันดูเทศนา – ขอบคุณพระเจ้าล่วงหน้าครับ

(คุณอัศวิน และคุณสุมาลี ไตรญาณ – คริสตจักรที่ 1 ลำปาง)

….. ทุกๆเช้าพระองค์ทรงปลุก ทรงปลุกหูของข้าพเจ้า เพื่อให้ฟังอย่างผู้ที่พระองค์ทรงสอน พระเจ้าได้ทรงเบิกหูข้าพเจ้า  และข้าพเจ้าก็ไม่ดื้อดัน ข้าพเจ้าไม่หันกลับ (อิสยาห์ 50:4-5)

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • ขอบคุณพระเจ้าสำหรับคุณอัศวินจากลำปางนะคะ แฟนคลับรายการ “คริสตจักรในบ้าน” ของเรา
  • ใครมีเรื่องดีๆอย่างนี้อีก ส่งมาได้เลยค่ะที่อีเมล์ churchofjoy@hotmail.com จะมีทีมช่วยขัดเกลาและทยอยเอาลงในเว็บให้ค่ะ
  • วันนี้เป็นวันที่ฝรั่งเขาเรียกว่าวัน Christmas eve คงจะคล้ายๆวันสุกดิบของไทยเรา ก่อนวันเฉลิมฉลองจริง ดังนั้นไม่ว่าเราจะเป็นใครอยู่ที่ไหนขอให้มีความสุขกันถ้วนหน้านะคะ
  • อย่าลืมอธิษฐานเผื่อกันและกัน เผื่อหลายคนที่จะเดินหน้าเข้ามาเป็นสมาชิกแห่งแผ่นดินของพระเจ้า ที่คุ้มเกินคุ้มจริงๆ – Merry Christmas ค่ะ
Categories
วันนี้ที่ CJ

คุณจำเป็นต้องมี….พระผู้ช่วยให้รอด

AngelandShepherds(23 ธันวาคม 2009)

อะไรคือสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับเราในทุกวันนี้? ข้อมูลข่าวสารหรือ? เรากำลังจมอยู่ในทะเลแห่งข้อมูลข่าวสาร ความรู้เราอาจเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แต่ความจริงก็คือความจริงไม่มีวันเป็นอื่น ถ้าข้อมูลข่าวสารเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับเรา พระเจ้าคงส่งนักศึกษาศาสตร์มาให้เรา

อะไรคือสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับเราในทุกวันนี้? เทคโนโลยี่หรือ? ไม่ใช่ ที่จริงเราเริ่มหวั่นวิตกกับเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วในทุกวันนี้ ถ้าเรื่องเทคโนโลยี่เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับเรา พระเจ้าก็คงส่งนักวิทยาศาสตร์มาให้

อะไรคือสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับเราในทุกวันนี้? เงินหรือ? ไม่ใช่ คุณคิดว่าปัญหาของคุณทั้งหมดจะแก้ไขได้ถ้าคุณมีเงินมากขึ้นหรือ? ถ้าเงินเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับเรา พระเจ้าก็คงจะส่งนักเศรษฐศาสตร์มาให้

คุณคิดว่าเราจำเป็นต้องมีความบันเทิงมากกว่านี้หรือ? ถ้าใช่ พระเจ้าคงส่งนักแสดง นักร้องมาให้คุณเพลิดเพลินใจ

ไม่ใช่เลยครับ – เรื่องจำเป็นที่สุดของเราคือ “ความรอด” จากความผิดบาป ดังนั้นพระเจ้าจึงส่งพระผู้ช่วยให้รอดมาให้

ผมรู้สึกทึ่ง และซาบซึ้งใจที่พระองค์ทรงส่งทูตมายังผู้เล็กน้อยอย่างคนเลี้ยงแกะ – ฝ่ายทูตองค์นั้นกล่าวแก่เขาว่าอย่ากลัวเลย เพราะเรานำข่าวดีมายังท่านทั้งหลาย คือความปรีดียิ่ง ซึ่งจะมาถึงคนทั้งปวง เพราะว่าในวันนี้พระผู้ช่วยให้รอดของท่านทั้งหลาย คือพระคริสตเจ้า มาบังเกิดที่เมืองดาวิด…. ใช่แล้ว พระองค์คือพระผู้ช่วยให้รอด  – “พระผู้ช่วยให้รอดองค์นี้คือพระเยซูคริสต์ พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (ลูกา 2:10-11)

โดย: Pastor Adrian Rogers

จาก:  Daily treasure from the Words

Love worth finding ministries: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • วันคริสตมาสคือวันที่เราย้อนรำลึกและเฉลิมฉลองที่พระเจ้าพระบิดา ทรงส่งพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เป็นพระกุมารน้อยที่อีก 33 ปีต่อมาจะทรงสิ้นพระชนม์อย่างทนทุกข์ทรมานบนไม้กางเขน เพื่อรับโทษบาปแทนเราทั้งหลาย และฟื้นคืนพระชนม์ขึ้นมาในวันที่สาม ทรงมีชัยเหนือความตาย
  • ดังนั้นถ้าเราเชื่อและวางใจในสิ่งที่พระเยซูทำ เมื่อเราจากโลกนี้ไปจะไม่ถูกพิพากษาเอาโทษ แต่จะขึ้นไปอยู่กับพระเจ้าพระบิดาโดยมีพระเยซูคริสต์ (พระผู้ช่วยให้รอด) เป็นใบเบิกทางเข้าสู่สวรรค์ เพราะพระเยซูรับโทษแทนเราไปแล้ว
  • เรื่องราวของพระเยซูคือข่าวดีที่สุดในชีวิต และเป็นเหตุให้เราเฉลิมฉลองกันด้วยความสุข เพราะเมื่อกว่าสองพันปีที่แล้ว พระเจ้าทรงเปิดหนทางให้มนุษย์ได้รับการอภัย ได้รับความรอดจากโทษบาป เพื่อเข้าสู่สวรรค์
  • อธิษฐานให้เทศกาลคริสตมาสนี้จะมีหลายๆคนได้ยินเรื่องราวนี้ และยินดีรับเอาของขวัญยิ่งใหญ่ที่สุด คือรับการอภัยโทษจากพระเจ้า – ขอพระเจ้าเมตตา
  • สัปดาห์นี้ไม่มีเรียนพระคัมภีร์คืนวันพฤหัสฯ ไม่มีชั้นเรียน Sing & Join บ่ายวันเสาร์นะคะ… อย่ามาเก้อเชียว
Categories
วันนี้ที่ CJ

เรื่องของน้องโอ๊ต (ควันหลงจากบัพติศมา)

Oatสวัสดีค่ะ  (22 ธันวาคม 2009)

ถ้าใครได้ดูรูปของพี่น้องในวันรับบัพติศมาจากทางเว็บไซด์ของเรา  และลองสังเกตดี ๆ จะได้เห็นภาพเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งติดขอบสระ ทำตาละห้อย เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่สักอย่าง ถ้ามองเผิน ๆ คงคิดว่าตานี่ต้องอยากลงไปเล่นน้ำเหมือนเด็กทั่วไปแน่ๆ แต่จริงแล้วเค้ากำลังคิดอะไรมากไปกว่านั้น เรามารู้จักพ่อหนุ่มรูปหล่อคนนี้ก่อนดีกว่าแล้วจะเล่าสาเหตุของความละห้อยให้ฟังคะ

น้องโอ๊ตเป็นเด็กผู้ชายวัยเพียง 5 ขวบที่เพิ่งมารับเชื่อพร้อมกับคุณพ่อ (คุณอ๊อด) และคุณแม่ (คุณอ้อ)ได้ไม่นานแต่ก็แสดงความรักความจริงใจต่อพระเจ้าได้อย่างชัดเจนทุกครั้งที่ได้พูดคุยกัน วันที่รับบัพติศมาเป็นวันที่พ่อกับแม่ของน้องโอ๊ตก็รับบัพติศมาด้วย ก็เลยได้เห็นน้องโอ๊ตนั่งติดขอบสระเหมือนมาเชียร์อยู่ข้างๆ ตามธรรมดาทั่วไป แต่ความไม่ธรรมดาของพ่อหนุ่มน้อยคนนี้ก็ปรากฏขึ้นเมื่อถึงช่วงเวลาทานข้าว วรรณได้นั่งอยู่ตรงที่แจกบัตรคริสตมาส และได้เห็นน้องโอ๊ตกำลังคุยกับคุณแม่ของเค้าเหมือนกำลังงอแงอยากได้อะไรสักอย่าง จนสักพักคุณอ้อเดินมาหาวรรณแล้วเล่าเรื่องน้องโอ๊ตว่า เค้างอแงเพราะน้องโอ๊ตถามคุณแม่ว่า ทำไมเค้าไม่ได้รับบัพติศมาทั้งๆ ที่เค้าก็รักและเชื่อพระเจ้าเหมือนกัน !!!!!

อาจารย์สอนผู้เชื่อใหม่อย่างวรรณถึงกับอึ้ง.ง.ง.ง.ง ไปเลย เราพลาดไปแล้วหรือเนี่ยะ อ.วรรณ ประเมินน้องโอ๊ตน้อยไปซะแล้ว แต่ด้วยความไม่ชัวร์เลยต้องเรียกเจ้าตัวมาเช็คความเชื่ออีกรอบ (อาจอยากลงเล่นน้ำมั้ง…) ที่ไหนได้ น้องโอ๊ตยังยืนยันว่าเค้าเชื่อและรักพระเจ้ามาก เค้าต้องได้รับบัพติศมาด้วย ระหว่างสนทนาอยู่นี้มีสักขีพยานมาเพิ่มอีกหนึ่งคนคือ ครูแอน วรรณก็เลยมีเพื่อนมาช่วยอึ้งในความเชื่อของน้องโอ๊ตด้วยกัน เราสองคนก็เลยบอกน้องโอ๊ตว่า น้องโอ๊ตต้องมาเรียน sing and join  และมาเรียนชั้นผู้เชื่อใหม่ก่อนเราจึงจะให้รับบัพติศมาได้ น้องโอ๊ตตอบตกลงทันที และเราก็จากวงสนทนาตรงนั้นด้วยการที่น้องโอ๊ตร้องเพลง “รักวิเศษ” ให้วรรณและครูแอนฟังเพื่อตอกย้ำว่าเค้ารักพระเจ้าจริงๆ

อยากให้เรื่องของน้องโอ๊ตจะบอกเราถึงความรักและจริงใจที่เราจะมีต่อพระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นใคร มาจากไหน อายุเท่าไหร่ หัวใจดวงเล็กหรือหัวใจดวงใหญ่ก็ไม่สำคัญ  แต่พระองค์ดูว่าเราให้พระองค์หมดใจเลยรึเปล่า เพราะอย่างใจดวงเล็กๆ ของน้องโอ๊ตเค้ามอบให้พระเจ้าหมดแล้ว และวรรณก็เชื่อว่าพระองค์ทรงรับไว้ด้วยความรักและพระเมตตา ของคุณบทเรียนจากน้องโอ๊ตและขอบคุณพระเจ้าที่ทรงรักเราเสมอคะ

“จงยอมให้เด็กเล็กๆเข้ามาหาเรา อย่าห้ามเขาเลย เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้าเป็นของคนเช่นเด็กอย่างนั้น เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้หนึ่งผู้ใดมิได้รับแผ่นดินของพระเจ้าเหมือนเด็กเล็กๆ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินนั้นไม่ได้” แล้วพระองค์ทรงอุ้มเด็กเล็กๆเหล่านั้น วางพระหัตถ์บนเขา แล้วทรงอวยพรให้ (มาระโก 10:14-16)

(CJ One – อ. สิริวรรณ อานุภาพโยธา)

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • โอ๊ต (เด็ก) นี่เขาไม่ธรรมดาจริงๆ ร้องเพลงดังลั่นตอนประชุมอธิษฐานเมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมา โอ๊ต (ผู้ใหญ่) ระวังนะคะ “มาแรงแซงโค้ง” ขอบอก
  • ใครที่ได้ไปชมคอนเสิร์ตของเราช่วง Young talent จะเห็นความสามารถของเด็กๆ และหนุ่มสาว CJ …นี่แหละ อนาคตโบสถ์ของเรา
  • อธิษฐานเผื่อเด็กๆ เผื่อคริสตจักรเด็ก ครูรวี และผู้ปกครอง / เผื่อหนุ่มสาวของคริสตจักรที่จะเป็นกำลังสำคัญรองรับงานต่อจากรุ่นพี่ๆน้าๆในอนาคต / เผื่อ อ.ธงชัย ทีมผู้อภิบาล และทีมผู้นำของคริสตจักร
  • เผื่อผู้เชื่อใหม่ และอีกหลายๆดวงวิญญาณที่จะได้รับความรอดในเทศกาลวันคริสตมาสนี้ – ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
  • ชมภาพจากงานคอนเสิร์ต Because Of You บางส่วนได้แล้วที่หน้ารวมภาพหรือกด…ที่นี่
Categories
วันนี้ที่ CJ

ไฟใหม้หน้าโบสถ์

Fireบัดนี้ พระเจ้าผู้ได้สร้างท่านยาโคบ พระองค์ผู้ได้ทรงปั้นท่าน อิสราเอลตรัสดังนี้ว่า “อย่ากลัวเลย เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว เราได้เรียกเจ้าตามชื่อ เจ้าเป็นของเรา เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า เมื่อข้ามแม่น้ำ น้ำจะไม่ท่วมเจ้า เมื่อเจ้าลุยไฟ  เจ้าจะไม่ไหม้  และเปลวเพลิงจะไม่เผาผลาญเจ้า (อิสยาห์ 43:1-2)

สวัสดีค่ะ (21 ธันวาคม 2009)

ข้อพระคำด้านบนลงอยู่ในสูจิบัตรโบสถ์เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม 2006 ก่อนเกิดเหตุไฟใหม้บ้านพักคนงานฝั่งตรงข้ามโบสถ์ที่มีถนนซอยเล็กๆคั่นเพียง 5 วัน – วันนั้นเป็นวันพฤหัสบดีที่ 21 ธันวาคม 2006 ขณะที่สมาชิกกำลังรับประทานอาหารเย็นก่อนชั้นเรียนพระคัมภีร์ จู่ๆก็มีเสียงร้องดังว่า “ดูโน่นสิ ไฟไหม้ๆ” พร้อมกับชี้ไปที่ด้านหลังบ้านพักคนงานตรงข้ามโบสถ์ ต้นเพลิงเป็นบ้านของคนในซอย เราเห็นเปลวไฟพลุ่งขึ้นมา แต่ดูเหมือนยังอยู่อีกไกล จึงเย็นใจคิดว่าเดี๋ยวก็ดับได้

พักใหญ่ลมก็เปลี่ยนทิศ พัดโหมมาทางบ้านพักคนงาน และทวีความรุนแรงขึ้น…. ไฟกำลังมุ่งมาที่โบสถ์…. กว่าจะรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เราเห็นกับตา ท้ายบ้านพักคนงานที่เป็นเรือนแถวสังกะสีเริ่มติดไฟ คนงานนับร้อยๆแตกฮือขนข้าวของวิ่งเข้ามาในโบสถ์ ลานจอดรถเต็มด้วยผู้คน ถังแก๊ส ตู้โต๊ะ เครื่องซักผ้า ข้าวของเครื่องใช้  และไฟดับมืด น้องๆผู้ชายวิ่งข้ามถนนไปช่วยคนงานขนของ นำเด็ก และคนแก่ข้ามมาอยู่ที่โบสถ์

เราเห็นไฟใหม้อย่างรวดเร็วไกล้เข้ามาทุกที ต่อหน้าต่อตาเปลวไฟสูงเท่าตึกสามชั้น ความร้อนที่แผ่ออกมาสัมผัสได้บนผิวของเรา เสียงถังแก๊สระเบิด ภาพและเสียงประทุของไฟทำให้เรากลัว เราช่วยขนของออกจากสำนักงานด้านหน้าที่เป็นคริสตจักรเด็กมาใส่ตามรถสมาชิก เพราะกระจกและอุณหภูมิในห้องร้อนจนอยู่ไม่ได้ สุนัขหลายตัวของเราต้องให้แต่ละคนอุ้มหรือจูงเอาไว้เผื่อฉุกเฉิน ขณะเดียวกันก็ต้องหาคนคอยเฝ้าข้าวของและประตูอาคาร เพราะมีขโมยแอบแฝงเข้ามาด้วย ที่เหลือคืออธิษฐานฝากไว้กับพระเจ้า เพราะเรามีทางออกเพียงทางเดียว คือด้านหน้าที่ไฟกำลังโหมไหม้มาถึง

รถดับเพลิงมาถึง แต่ไม่มีน้ำ หัวจ่ายน้ำแดงๆที่เคยอยู่ริมถนนก็ถูกรถชนพังหายไปนานแล้ว ไม่มีน้ำดับไฟ! ทำยังไงดี? เพื่อนนักข่าวบนเฮลิคอปเตอร์โทรมาบอกว่าลมแรงมาก โบสถ์ต้องโดนไฟใหม้แน่ๆ เตรียมหนีเถอะ เรายังคงอธิษฐานต่อไป เราอธิษฐานเผื่อเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามที่รั้วอยู่ติดกับบ้านพักคนงานด้วย พี่น้องของเราพอทราบข่าวก็วิ่งลุยฝ่าฝูงชนเข้ามาเพิ่มพลังขึ้นเรื่อยๆ ไฟใหม้มาจนถึงประตูใหญ่หน้าที่พักคนงาน ตรงข้ามประตูโบสถ์ห่างไปไม่เกิน 5 เมตร

พระเจ้าทรงดูแลลูกๆของพระองค์ ทันทีที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงชี้ไปที่สระว่ายน้ำในโบสถ์ ทุกคนต่างช่วยกันต่อสายเครื่องสูบน้ำ สูบน้ำจากสระไปต้านเปลวเพลิงที่กำลังโหมหนักเข้ามา น้ำยั้งไฟได้ระดับหนึ่ง แต่ดูจากสภาพการณ์แล้ว ไม่มีทางรอดแน่ หลายคนตกใจกลัวทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งร้องไห้ พี่น้องเราตามที่ต่างๆพอทราบข่าว ต่างก็ระดมช่วยกันอธิษฐาน (ไกลไปถึงทั้งวิทยาลัยพระคริสตธรรมพะเยาโน่น)

แต่จู่ๆต่อหน้าต่อตาเรา ลมพัดเปลี่ยนทิศ พัดไฟกลับไปทิศตรงข้ามและเริ่มอ่อนกำลังลง จนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงควบคุมอยู่ แต่กว่าไฟจะมอดหมดก็เกือบเช้าวันใหม่

สิ่งที่เราเห็นในเช้าวันรุ่งขึ้นคือบ้านพักคนงานทั้งหมดพื้นที่กว่า 3 ไร่ ดำราบเป็นหน้ากลอง เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามรั้วไหม้หมด ตัวบ้านเสียหายไปเกือบครึ่ง ที่อัศจรรย์ที่สุดและพวกเราเป็นพยานเห็นกับตาคือ ต้นไม้ใหญ่หลายต้นริมรั้วด้านหน้าโบสถ์ที่ยื่นออกไปถึงฝั่งตรงข้าม แม้สักใบก็ไม่โดนไฟไหม้!!!…(ไม่อยากคิดว่าถ้าใบไม้แห้งใบเดียวติดไฟจะเกิดอะไรขึ้น) และเราได้เห็นพี่น้องของเรามีโอกาสสำแดงความรักของพระเจ้า ออกไปซื้ออาหารและของใช้จำเป็นมาแจกจ่ายให้กับคนงานที่หนีไฟข้ามมา เราเรียนรู้เรื่องการวางใจในพระเจ้า เราเรียนรู้ว่าเมื่อยามคับขันเราควรตอบสนองอย่างไร เราเห็นน้ำใจของพี่น้องที่วิ่งข้ามไปช่วยคนงานขนของหนีไฟ เราเห็นพลังยิ่งใหญ่ของการอธิษฐาน

มองย้อนกลับไปทีไร เห็นแต่พระหัตถ์ของพระเจ้าที่ปกอยู่เหนือเหตุการณ์ทั้งสิ้น เป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวแต่ล้ำค่ายิ่งสำหรับพี่น้อง CJ ที่อยู่ด้วยกันในค่ำคืนนั้น ….เรารอดมาได้อย่างอัศจรรย์ เพราะพระเจ้าดูแลปกป้องตามที่พระองค์แจ้งไว้ล่วงหน้าในอิสยาห์ 43:2 ทุกประการ – ฮาเลลูยา ลูกๆของพระองค์ สรรเสริญพระองค์

(CJ ป้านุ้ย)

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • พี่น้องที่อยู่ด้วยกันในวันนั้น คงจำกันได้ดี ถึงเราจะกลัว แต่เราไม่หยุดยั้ง อธิษฐานกันจนเสียงแหบ น้ำในสระว่ายน้ำที่ใช้ดับไฟจนเกลี้ยง คือน้ำที่เราใช้ในพิธีบัพติศมาในวันอาทิตย์ก่อนหน้า 16 ธันวาคม 2006
  • เราสัมผัสได้ชัดเจนถึงการปกป้องของพระเจ้า เห็นความรักของพี่น้อง CJ ที่อยู่สู้ด้วยกันจนเช้าวันใหม่ และหนึ่งในพนักงานดับเพลิงวันนั้นคือคุณกายชาติของเรานี่เอง ในที่สุดชาติก็ได้มาเป็นสมาชิก CJ อย่างเต็มตัว
  • เราเห็นพี่กุ้งส่งพนักงานบริษัทไปซื้อข้าวของจำเป็นมาแจกจ่ายคนงานที่ข้ามมาหลบภัย ทุกสิ่งที่เราทำลงไปในคืนนั้น เป็นที่ซาบซึ้งใจแก่เจ้าของบ้านพักคนงานที่ไฟใหม้ เขาได้แต่ซาบซึ้งและขอบคุณคริสตจักรของเรา
  • พระเจ้าของเรายิ่งใหญ่เสมอ และเป็นพระเจ้าที่….อยู่ใกล้นิดเดียว….ยืนยันได้ – ขอบคุณพระเจ้า

Categories
วันนี้ที่ CJ สารจากศบ.

สารจาก ศบ. 13 ธันวาคม 2009

Thongchai313 ธันวาคม 2009

สวัสดีครับพี่น้องที่รักทุกท่าน

ขอทุกท่านมีความสุขและความยินดีกับการนมัสการพระเจ้าในวันนี้นะครับ!

ผมเองขอขอบคุณทีมนมัสการที่นำโดยคุณปุ๊ เป็นพิเศษ ที่นำเราทั้งหลายด้วยบทเพลงไพเราะ และขอ ขอบคุณ อ. สมศักดิ์ ที่ได้มาแบ่งปันพระวจนะในวันนี้

ผมขอย้ำนะครับว่า…

  • วันเสาร์ที่ 19 ธ.ค. ขอเชิญสมาชิก CJ ทุกท่านชวนญาติมิตรและเพื่อนบ้านมาสังสรรค์ที่บ้าน แล้วเปิด TV  ช่อง 5 เวลา 16.30 – 16.55 น. ชมรายการ “ยังมีหวัง” (ฟังเพลงเพราะๆ จากคุณอัญชลี จงคดีกิจ) แล้วชวนพวกเขามาโบสถ์หรือนำต้อนรับพระคริสต์
  • แต่หากผู้ใดไม่สะดวกที่จะใช้บ้านของท่าน CJ ของเราร่วมกับคริสตจักรนิมิตใหม่ และ BSC เปิดใช้ห้องนมัสการของนิมิตใหม่ สี่แยกพญาไท ที่จุได้ 350 คน ขอเชิญเพื่อนๆ ดูพร้อมกันเลย โดยเราจะจัดรายการตั้งแต่เวลา 16.00  – 17.30 น. (มีของขวัญแจกแขกทุกคนที่มาร่วมรายการ และปิดท้ายด้วยอาหารว่าง! ฟรี)  และสุดท้าย อ.วรรณ จะเป็นผู้นำรับเชื่อ!

จากนั้น เราก็ชวนผู้สนใจให้มาที่คริสตจักรในเช้าวันอาทิตย์ที่ 20 ธ.ค. ที่ CJ และร่วมรายการต่อในรายการคริสตมาสในสวน “Because of You” เวลา 16.30 – 20.30 น. ณ สวนเบญจกิติ ที่มีคุณกุ้ง เป็นประธานใหญ่ในการจัดงาน โดยขอรับบัตรเชิญด่วน ฟรี! ในวันนี้!

ด่วน! ….

สำหรับพฤหัสที่ 17 ธ.ค. เรามีศึกษาพระคัมภีร์ที่ CJ เหมือนเดิม เวลา 19.00 – 21.00 น.

แต่วันที่ 24,31 ธ.ค.นี้จะงด และเริ่มต้นใหม่อีกทีวันที่ 7 ม.ค. 2010 เลยนะครับ!

ดังนั้น วันพฤหัสที่ 17 ธ.ค. นี้ อย่าพลาดนะครับ มาสังสรรค์คริสตมาสด้วยกัน!

ขอให้คริสตมาสนี้ปี ทุกคนมีความสุขมาก ๆ และช่วยกันทำให้คนอื่น ๆ รอบตัวของคุณมีความสุขมากขึ้นด้วยเช่นกันนะครับ!

ในท้ายนี้ ขอร่วมขอบคุณพระเจ้ากับหมอต๊วด และหมอสกลสำหรับพิธีหมั้นระหว่าง หมอตั้ม กับหมอ  อ๊อบ (10 ธ.ค.) ที่ผ่านมา คนร่วมร้อยได้รับฟังข่าวประเสริฐของพระคริสต์และสัมผัสกับพระสิริของพระเจ้า และขอขอบคุณ CJ ทุกคนที่ไปร่วมและช่วยงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ.วรรณ และคุณโบ ที่ทำให้เจ้าภาพและแขกที่มาร่วมงานประทับใจกันมาก!

ขอแสดงความยินดีกับคุณบอยด์และคุณเจี๊ยบ (อิทธิ) ที่คอนเสิร์ตของทั้ง 2 รายการผ่านไปด้วยดี (ในวันที่ 5-6 ธ.ค. และ 11 ธ.ค.) และขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกท่านที่ฟันฝ่าอุปสรรคและวิกฤตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณแม่ของคุณแดง จึงขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ไปเยี่ยมเยียน และให้กำลังใจแก่ท่าน!

อย่าลืมอธิษฐานเผื่อซึ่งกันและกันให้มากขึ้นนะครับ!

ขอพระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วยและอวยพร

ด้วยรักในพระคริสต์และในทุกท่าน

ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

(ในนามของคณะผู้อภิบาล)

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • รับบัตรเชิญงานคริสตมาส 20 ธ.ค. – ที่โต๊ะประชาสัมพันธ์หลังเลิกโบสถ์ค่ะ
  • จะรับบัตรได้ต้องเป็นสมาชิก CJ และใช้สำหรับเชิญคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนเท่านั้น
  • ต้องให้แน่ใจว่าคนเชิญมาแน่ ถ้าไม่แน่ใจให้ลงชื่อจองไว้ก่อน และมารับบัตรทีหลังหรือที่หน้างานค่ะ บัตรทุกใบมีไว้แลกอาหาร และของที่ระลึก แต่ไม่มีบัตรก็เข้างานได้ทุกคนค่ะ
  • และรับได้ไม่เกินคนละ 5 ใบค่ะ

อธิษฐานเผื่อ

  • พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์
  • ทีมงานรับใช้ในกิจกรรมต่างๆของ คจ. / ทีมครูรวี ทีมผู้อภิบาล และทีมนมัสการ
  • รายการประกาศทางโทรทัศน์ “ยังมีหวัง” ช่อง 5 วันเสาร์ 19 ธ.ค. 16.30-17.55 น.
  • งานคริสตมาส 20 ธ.ค. ช่วงเช้าที่ ค.จ. และคอนเสิร์ตตอนบ่ายที่สวนเบญจกิติ
  • สุขภาพ และความปลอดภัยของทุกคนที่ร่วมกันรับใช้ ขอพระเจ้าปกป้องคุ้มครอง