Categories
วันนี้ที่ CJ

วันที่ประเทศไทยร้องไห้

เมื่อ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมายอมรับว่าฉันเครียดมากๆ ถึงแม้จะอยู่ที่อเมริกาก็ตาม แต่ตาของฉันคอยจับจ้องดูข่าวในประเทศไทยจนม่อยหลับคาคอมฯเกือบทุกคืน โดยเฉพาะตอนที่ศ.อ.ฉ. สั่งกระชับพื้นที่เพื่อขอสี่แยกราชประสงค์คืนจากผู้ชุมนุมในวันที่ 19 พ.ค. ซึ่งทำให้ผู้ชุมนุมโกรธแค้น เผายางรถยนต์ ศูนย์การค้า ตึกรามบ้านช่อง รวมทั้งศาลากลางจังหวัดหลายแห่ง ฉันเห็นแล้วรู้สึกเศร้าสลดใจอย่างยิ่ง น้ำตาคลอที่เห็นประเทศไทยที่ฉันรักมากกำลังถูกเผาทำลายโดยปราศจากการช่วยเหลือใดๆ แน่นอน!ไม่ใช่ฉันคนเดียวที่รู้สึกเช่นนี้ คนไทยทุกคนรวมทั้งคนไข้คนไทยที่คลีนิคของฉัน ต่างเป็นห่วงประเทศไทยจนอดหลับอดนอนแทบทุกคน  เมื่อปลายปีที่แล้วฉันได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ Central World เป็นครั้งแรก แต่ได้ไปแค่แป๊บเดียว น่าเสียดายที่จะไม่มีโอกาสไปเดินเที่ยวที่นั่นอีกเพราะมันถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไปหมดแล้ว

ฉันเห็นประชาชนร้องไห้เศร้าโศกกับการสูญเสียญาติสนิท มิตรสหาย ร้านค้า รวมทั้งทรัพย์สมบัติสิ่งของที่เก็บหามาทั้งชีวิต ถูกเผาทำลายหมด โดยไม่สามารถรับการชดใช้จากประกันภัยเพราะมันเป็นวินาศกรรม ไม่ใช่ภัยจากธรรมชาติ  ฉันรู้สึกอยากร้องไห้ออกมาดังๆแทนคนเหล่านั้น เพื่อปลดปล่อยความรู้สึกต่างๆมากมายที่ผสมปนกันจนบอกไม่ถูก  ฉันคิดว่าคนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งคนไทยที่อยู่ตามต่างประเทศทั่วทุกมุมโลกคงจะมีความรู้สึกเช่นเดียวกัน และถ้าประเทศไทยสามารถมีความรู้สึกสัมผัสได้ ฉันแน่ใจว่าในวันนั้น…วันที่ประเทศไทยถูกเผา…มันคงจะร้องไห้อย่างขมขื่นแน่ๆ  แต่ในพระคัมภีร์ไม่ได้บอกว่า “การร้องไห้”…เป็นสัญลักษณ์แห่งความอ่อนแอ อ.เปาโลให้กำลังใจคริสเตียนว่า “จงชื่นชมยินดีร่วมกับผู้ที่ชื่นชมยินดี จงโศกเศร้าร่วมกับผู้ที่โศกเศร้า” (โรม12:15)

เหตุการณ์นี้สอนให้ฉันเรียนรู้ว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ยั่งยืนและแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุสิ่งของหรือทรัพย์สมบัติที่เราเห็น หรือมีในวันนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้มันอาจจะอันตรธานหายไปได้หมด แล้วเรามัวทำงานหนักทุกวันเพื่อได้สิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืนเหล่านี้หรือ? เป้าหมายชีวิตของคนส่วนใหญ่คือการเรียนจบให้สูงๆเพื่อได้งานดีๆที่ทำเงินมากๆ แต่ทั้งชีวิตต้องทำงานหนัก เพื่อหาเงินมาจ่ายค่าบ้าน ค่ารถที่แพงๆ  แล้ววันหนึ่งถ้าสมบัติเหล่านี้ที่สะสมมานานอันตรธานหายไป เหมือนในวันนั้นที่ประเทศไทยถูกเผา แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่เราต้องตรากตรำทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยตลอดชีวิตเพื่อสิ่งเหล่านี้  แล้วอะไรที่มันยั่งยืนถาวรล่ะ? คงมีแต่ความรักของพระเจ้าและชีวิตนิรันดร์ที่พระเยซูคริสต์ให้กับเราเท่านั้นที่ยั่งยืนถาวร!

บทเรียนจากนางฮักการ์:- นางฮักการ์คิดว่าตัวเองและลูกชายต้องตายเพราะความหิวและกระหายน้ำ “และขณะนั่งอยู่ที่นั่น นาง(ฮาการ์)ร้องไห้สะอึกสะอื้น”(ปฐมกาล 21:16) แต่ทูตสวรรค์ของ พระเจ้าได้มาช่วยเหลือเขาและลูกชายของเขา  ถึงแม้ในวันนั้นในขณะประเทศไทยกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นกับอัคคีภัยที่กำลังเผาผลาญประเทศไทยอย่างไร้ปราณี  แต่ด้วยคำอธิษฐานของคริสเตียนในประเทศไทยและทั่วโลก พระเจ้าได้ส่ง…ทูตสวรรค์มาช่วยเหลือประเทศไทย…ช่วยให้ค้นพบระเบิดต่างๆ และช่วยทำให้ระเบิดด้านไม่สามารถทำงานได้ (เช่นคาร์บอมและระเบิดอื่นๆมากมายที่ถูกซ่อนหรือฝังไว้ทั่วกรุงเทพฯ) มิฉะนั้นระเบิดเหล่านั้นจะทำลายเผาผลาญทั้งกรุงเทพฯให้เป็นทะเลเพลิง!!

จากวันนั้นทำให้ฉันรู้แน่ว่า.“พระเจ้าทรงเป็นที่ลี้ภัยและเป็นกำลังของเรา เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมเสมอในยามทุกข์ร้อน ฉะนั้นเราจะไม่กลัว ถึงแม้โลกจะสั่นสะเทือน และภูเขาทลายราบลงสู่ใจกลางทะเล ถึงแม้มหาสมุทรคำรามก้อง และซัดคลื่นเป็นฟองฟูฟ่อง และภูเขาสะเทือนเลื่อนลั่น….พระเจ้าสถิตในนคร นครนั้นจะไม่ล่มสลาย พระเจ้าจะทรงช่วยในยามรุ่งอรุณพระองค์ทรงกระทำให้สงครามยุติทั่วโลก ทรงหักคันธนู และทำให้หอกหักสะบั้น พระองค์ทรงเผาโล่ จงนิ่งสงบและรู้ว่าเราเป็นพระเจ้า…..พระยาห์เวห์ผู้ทรงฤทธิ์สถิตกับเรา พระเจ้าของยาโคบทรงเป็นป้อมปราการของเรา”(สดุดี 46)

ใน 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมาฉันสนใจฟังแต่ข่าวร้ายๆที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย แต่บ่อยครั้งที่ลืมหรือไม่ค่อยสนใจหรือใส่ใจในข่าวดีๆที่พระเจ้าพยายามบอกเราโดยผ่านพระเยซูคริสต์ ข่าวดีที่สุดก็คือ − ทุกคนที่ได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์มาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดแล้ว เราได้รับประกันด้วยโลหิตของพระเยซูคริสต์ที่

หลั่งบนไม้กางเขน ว่าเราจะมีชีวิตนิรันดร์“เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลกจนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระบุตรนั้น จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”(ยอห์น 3:16)

ไชโย! เราจะได้ไปสวรรค์และอยู่กับพระองค์ตลอดๆไป ที่นั่นเราไม่ต้องร้องไห้ เศร้าโศก หรือเสียใจอีกแล้ว  อ.ยอห์นบอกเราว่า บนสวรรค์ ทุกสาเหตุที่ทำให้เราเศร้าโศกเสียใจจะหายไปหมด เพราะว่า “พระองค์จะซับน้ำตาทุกๆหยดของพวกเขา จะไม่มีความตาย หรือการคร่ำครวญ หรือการร่ำไห้ หรือความจ็บปวดรวดร้าวอีกต่อไป เพราะระบบเก่าได้ผ่านพ้นไปแล้ว” (วิวรณ์ 21:4)

ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจ๋า! เธอไม่ต้องร้องไห้อีกต่อไปแล้ว!

(คุณหมอสุจิต ตู้สิริ USA)

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงฟังคำอธิษฐานของพี่น้องคริสเตียนไทยทั่วโลก และทรงตอบคำอธิษฐานของพวกเรา ทำให้เราฝ่าวิกฤติของประเทศไทยมาได้ เราคงต้องอธิษฐานต่อไปเพื่อการพลิกฟื้นผืนแผ่นดินนี้ให้คืนสู่สภาพดีกว่าเดิม
  • อธิษฐานเผื่อคุณหมอสุด้วย ที่ทำงานประกาศอย่างแข็งขันในทุกที่ๆมีโอกาสได้ไป ขอพระเจ้าอวยพระพรให้ทำพันธกิจต่างๆที่ตั้งใจไว้ให้เกิดผล – ขอพระเจ้าอวยพระพรค่ะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

บริสุทธิ์ผ่านความทุกข์ยาก

“จิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ย ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่ ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายภายในข้าพเจ้า จงหวังใจในพระเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะถวายสดุดีแด่พระองค์อีก ผู้ทรงเป็นความอุปถัมภ์ และพระเจ้าของข้าพเจ้า” (สดุดี 42:5)

นี่คือสมอในจิตวิญญาณของคุณในช่วงที่ต้องเผชิญกับพายุชีวิต: “ฉันจะเติบโตขึ้นโดยแผนการของพระองค์”

พระเจ้าทรงมีแผนการใดสำหรับคุณ? พระองค์จะขยายขอบเขตคุณ ไม่ใช่ยอมตามใจคุณ พระเจ้าไม่ได้สนพระทัยทำในสิ่งที่จะทำให้คุณมีความสุข มีสุขภาพดี เท่ากับที่จะทำให้คุณบริสุทธิ์ พระองค์จึงทรงอนุญาตให้ปัญหาต่างๆเข้ามาหล่อหลอมคุณให้เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากยิ่งขึ้น

ลองคิดถึงเวลาที่คุณเติบโตได้มากที่สุด นั่นคือเวลาที่เพื่อนของคุณ “เจ้าตัวปัญหา” มาเยี่ยมเยียน ผมเองเติบโตมากที่สุดในช่วงชีวิตที่จมลึกอยู่ในความท้อแท้ และสิ้นหวัง

คุณสามารถมองไปที่ปัญหาในชีวิตของคุณ ไม่ใช่เป็นเหมือนปฏิปักษ์ แต่เป็นเหมือนเพื่อนได้หรือไม่? ลองมองดูอีกที แต่ในมุมมองของพระเจ้า ลองดูว่าคุณจะถูกหล่อหลอมให้บริสุทธิ์ได้อย่างไรในท่ามกลางปัญหา

โดย: Pastor Adrian Rogers

Daily devotional

Love worth finding ministries: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • ศุกร์-เสาร์นี้ 17.00-20.00 น.แวะไปอุดหนุนร้านขนม Church of Joy ที่บูธขายของเอ็มโพเรี่ยมกันหน่อย รายได้ทั้งหมดจะยกให้ กทม.เพื่อช่วยเหลือผู้สูญเสียร้านค้าไปในกองเพลิง (มีกระหรี่พัฟพี่ปุ๊ด้วย อร่อยน้ำลายหกขอบอก)
  • ใครมีเสื้อผ้าเด็กใช้แล้ว ของเล่นที่ยังอยู่ในสภาพดี รวบรวมมาให้ที่คริสตจักรได้เลยค่ะ เราจะนำไปมอบให้เด็กกำพร้าที่ “บ้านแห่งความหวัง” 27 มิ.ย.นี้ (จะถวายเป็นเงินก็ได้ค่ะ จะนำไปซื้อข้าวสารให้เด็ก)
  • อธิษฐานเผื่อพันธกิจต่างๆของคริสตจักรด้วย – ละครทางเลือก / ค่าย / พันธกิจเยี่ยมเยียน / ฉลอง 60 ปีแบ๊บติสต์ – ขอพระเจ้าอวยพระค่ะ
Categories
วันนี้ที่ CJ สารจากศบ.

สารจากศ.บ. 30 พฤษภาคม 2010

30 พฤษภาคม 2010

ขอพระคุณ ความรัก และสันติสุขจากพระเจ้าจงดำรงอยู่กับทุกท่าน!

ผมขอเริ่มต้นทักทายพี่น้องด้วยบทเพลงสดุดี 122 ที่ว่า…

“ข้าพเจ้ายินดีเมื่อเขากล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า ให้เราไปยังพระนิเวศของพระเจ้าเถิด” (สดด.122:1)

ใช่ครับ! ที่ ๆ ดีที่สุดที่เราควรจะไปเป็นประจำคือที่พระนิเวศของพระเจ้า

ในสมัยโบราณนั้น เราต้องไปหาพระเจ้าที่พระวิหาร แต่บัดนี้ ที่ไหน ๆ ก็ได้ ขอแต่ให้แน่ใจว่าเป็นสถานที่ที่พระเจ้าทรงประทับอยู่ที่นั่น  เพราะทุกที่ ๆ พระองค์สถิตอยู่ ที่นั่นเป็นที่บริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์! สำหรับพวกเรา เราเลือกสถานที่นี้เป็นที่ ๆ จะนมัสการพระเจ้า ที่แห่งนี้จึงเป็นศูนย์รวมจิตวิญญาณของเราทั้งหลาย ผมจึงขอต้อนรับทุกท่านสู่การนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง ณ พระนิเวศแห่งนี้!

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ผมขอบคุณพระเจ้าที่ได้ไปร่วมกลุ่มแคร์ที่บ้านคุณบอยด์ หลังจากต้องว่างเว้นไปเพราะปัญหาความไม่สงบภายในบ้านเมือง การอภิปรายแสดงความคิดเห็นในขณะที่ศึกษาพระคัมภีร์เป็นสิ่งที่ช่วยให้ความกระจ่างในจุดยืนและแนวทางปฏิบัติอย่างคริสตชนพึงกระทำได้ชัดเจนมาก ผมได้สัมผัสถึงความเจริญเติบ โต ฝ่ายจิตวิญญาณของพี่น้องในกลุ่มแคร์เป็นอย่างยิ่ง (แม้ว่าบางคนยังไม่เคยมีโอกาสได้มาคริสตจักรเลยก็ตาม!)

สำหรับในวันพุธ ผมต้องขอบคุณพระเจ้าเป็นพิเศษอีก เพราะว่าผมและพี่น้องคริสเตียนจากทุกคณะนิกายหลายร้อยคนได้เป็นผู้นำนมัสการและอธิษฐานเผื่อผู้ว่าฯ และคณะผู้บริหารระดับสูงทั้งคณะ ของกรุงเทพมหา นครฯ รวมทั้งเผื่อกรุงเทพฯ ประเทศไทย และสถาบันพระมหากษัตริย์ ท่ามกลางคนที่ร่วมชุมนุมและรายล้อมที่ได้ยินเสียเพลงและคำเทศนาได้อย่างชัดเจนนับพันคน (อย่างน้อยมีหลักฐานเป็นภาพปรากฎอยู่ในหลาย ๆ สื่อ อาทิ  เดลินิวส์ ฉบับ 27 พ.ค. 2553 หน้า 2)

ท่านผู้ว่าฯ เองก็รู้สึกซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหล และขอเทปที่บันทึกทุกเสียงเพลง ทุกคำพูดและทุกคำอธิษฐาน ทั้งหมดในรายการนั้นด้วย แต่ที่น่าเสียดายก็คือ ทางคณะผู้จัดงาน ไม่ได้บันทึกภาพและเสียงทั้งรายการไว้! ผมเห็นถึงความพร้อมเพรียงและความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของคริสเตียนไทยอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในอดีต! ทุกคนมีน้ำใจและกระตือรือร้นที่จะสำแดงความรักของพระเจ้าออกมาอย่างทันทีทันใด (หลายคนหลายโบสถ์ก็ออกไปช่วยทำความสะอาดหรือทำกิจอันมีคุณค่าต่าง ๆ ตามที่ภาครัฐหรือสังคมเรียกร้อง)

ผมเห็นพระหัตถ์ของพระเจ้ากำลังเคลื่อนไหวอย่างยิ่งใหญ่ในประเทศไทยนี้ ขอพวกเราอธิษฐานเผื่อประเทศไทยของเราต่อไป

แต่ที่แปลกใจมากที่สุดอีกรายการหนึ่งในเย็นวันพุธที่ผ่านมาก็คือ ผมได้รับเชิญให้ไปรับประทานอาหารค่ำกับเอกอัครราชฑูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ที่บ้านของท่านในสถานฑูตฯ ผมเข้าใจว่าคงจะมีคนจำนวนเป็นร้อยที่ได้รับเชิญไป แต่เมื่อไปถึงก็แปลกใจ เพราะว่ามีคนไทยที่ได้รับเชิญไปพูดคุยสนทนากันอย่างเป็นกันเองเพียง 5 คนเท่านั้น รวมทั้งท่านฑูตฯและที่ปรึกษาอีก 3 คน ทั้งโต๊ะอาหารจึงมีแค่ 9 คนนั้น ที่โต๊ะมีชื่อแต่ละคนตั้งไว้ มีเมนูอาหารพิมพ์รายการอย่างดี เหมือนไปงานเลี้ยงรับรองใหญ่ ๆ ในโรงแรม อาหารก็สุดยอดจริง ๆ !

แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือบรรยากาศแห่งมิตรภาพที่ผมเองไม่คาดคิด พวกเราสนทนากันในเรื่องจิปาถะ จากนั้นก็ถ่ายรูปร่วมกันก่อนอำลาแยกย้ายกลับบ้าน!

ผมยังงง ๆ อยู่เลยว่า ท่านเอกอัครราชฑูต พอล กริกสัน ท่านเชิญเราไปทำอะไร  นอกจากคุยและกินอาหารร่วมกัน?  แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้เพิ่มรายการเข้าไปในสมุดบันทึกพระคุณของพระเจ้าในชีวิตของผมอีกหนึ่งรายการแล้ว!

นอกจากนี้ในตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีเรื่องต่าง ๆ อีกมากมายที่ผมรู้สึกขอขอบคุณพระเจ้า อาทิ ชั้นศึกษาพระคัมภีร์วันพฤหัสของ CJ ที่ back to normal อีกครั้ง บรรยากาศและมิตรภาพนั้นดีเยี่ยม ใครยังไม่ได้ไปเรียนเชิญเลยครับ!

จากนั้นผมต้องเดินทางไปเป็นวิทยากรที่ ราชบุรี ศุกร์-เสาร์ ต้องเทศนาถึง 5 ครั้ง เพราะพี่น้องต่าง จังหวัดหิวกระหายพระวจนะของพระเจ้าเป็นอย่างมาก  ในประเทศไทยมีคริสตจักรที่ได้รับการโปรดปรานมีนักเทศน์ดี ๆ มาเทศน์หลากหลายอย่าง CJ นี้น้อยกว่า 1 % แต่คริสตจักรส่วนใหญ่ทั่วประเทศมีปัญหาเหมือนกัน นั่นคือ ขาดนักเทศน์

ดังนั้น เราทุกคนที่ CJ จึงควรจะซาบซึ้งและขอบคุณพระเจ้าในเรื่องนี้!

วันนี้ขอขอบคุณ อ.เลิศ ทิสยากร ที่ได้มาแบ่งปันพระวจนะกับเราในวันนี้

แล้วพบกันใหม่ครับ อย่าลืมอธิษฐานเผื่อกันและกัน รวมทั้งตัวผมและเผื่อประเทศไทยด้วย ขอให้พวกเรารักกันมาก ๆ นะครับ ขอให้มองข้ามความคิดและความรู้สึก(ขื่น ๆ )ของเราและมองดูผู้อื่นอย่างที่พระเจ้ามองอยู่เสมอ!

ด้วยรักจากใจ

ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ศิษยาภิบาล

(ในนามของคณะผู้อภิบาล)

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • วันนี้หลังทานข้าวเที่ยงอยู่อธิษฐานเพื่อคริสตจักรของเรา ประเทศของเราด้วยกันก่อน
  • ต้องการคำอธิษฐานเผื่อ แบ่งปันคำพยาน เรื่องราวหนุนใจ หรือส่งข้อมูลข่าวสาร ส่งเมล์มาได้ที่ churchofjoy@hotmail.com หรือโทร 081-988 1244
  • จอดรถที่ บ.ยอห์นสันอย่าล็อคเบรกมือนะคะ คนอื่นเขาออกไม่ได้ค่ะ

อธิษฐานเผื่อ

คริสตจักร

  • ค่าย – ลงทะเบียน จัดห้องพัก โปรแกรมค่าย สูจิบัตร ทีมนมัสการ วิทยากรณ์ และผู้ไปค่าย
  • พันธกิจเยี่ยมเยียน – เผื่อการจัดเตรียมในเดือนหน้า ขอพระเจ้านำ
  • สมาชิก – กระตือรือร้น รับการเสริมสร้าง พัฒนาของประทานเพื่อร่วมรับใช้ด้วยกัน เรามีชั้นเรียน 09.00 น.เช้าวันอาทิตย์หลายชั้น สนใจเข้าไปนั่งฟังได้เลยค่ะ ทุกชั้นเรียน

ประเทศไทย

  • การเยียวยาพลิกฟื้นผืนแผ่นดินไทย ทั้งด้านเศรษฐกิจ จิตใจ และจิตวิญญาณ
  • ปกป้องผู้นำ เจ้าหน้าที่รัฐ สถานที่สำคัญ และความปลอดภัยในการดำเนินชีวิตของคนไทย รวมถึงการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย
  • ขอพระเจ้าช่วยเหลือเพื่อนๆ พี่น้องเราหลายคนที่เดือดร้อนเพราะที่ทำกินถูกเผา ที่ทำงานขาดรายได้ ธุรกิจที่ต้องปิดตัวลง และเจ้าหน้าที่หลายคนที่ต้องตกงาน
Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

คุณคือปัญหา

“ถ้าคุณไม่เป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหา คุณก็คือส่วนหนึ่งของปัญหา!”

(You’re either part of the solution or part of the problem.)

ผู้ที่กล่าวประโยคข้างต้นคือ เอ็ลดริดจ์ คลีเวอร์ (Eldridge Cleaver) นักเขียนและนักเรียกร้องสิทธิมนุษยชนผิวดำ ซึ่งได้กล่าวไว้ในปี ค.ศ. 1968 ในช่วงนั้นมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นปัญหาใหญ่ คนผิวดำถูกกีดกันและริดรอนสิทธิ์หลายประการ ดุจไม่ใช่คน! ทั้งๆ ที่พระเจ้าตรัสสอนไว้ชัดเจนมาตั้งแต่โบราณกาลแล้วว่า…

“มนุษย์ทุกคนล้วนเป็นพระฉายของพระเจ้า!” ทุก ๆ คนจึงมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกัน แม้ว่าจะ..

มีฐานะความเป็นอยู่ไม่เท่ากัน

มีความรู้ความสามารถไม่เท่ากัน

มีตำแหน่งยศศักดิ์ไม่เท่ากัน

มีระดับสติปัญญาไม่เท่ากัน    หรือ

มีผิวสีหรือเชื้อชาติที่แตกต่างกัน   ฯลฯ

ดังนั้น “การมี” (to have) แม้ไม่เท่าเทียมกัน แต่ “การเป็น” (to be) นั้นทุกคนเป็นเหมือนกัน นั่นคือเป็นฝีพระหัตถ์ของพระเจ้าและเป็น “มนุษย์” ที่ถูกเนรมิตสร้างตามแบบอย่าง “พระฉายา” ของพระองค์ (His image) เราจึงเป็นผู้ที่มีความคิดสติปัญญา มีคุณธรรมโดยมีคุณสมบัติที่ถอดแบบออกมาจากพระเจ้านานาประการ อาทิ ความรัก ความดี ความยุติธรรม ความรู้ และสติปัญญา  ฯลฯ และหนึ่งในนั้นที่พิเศษก็คือ “ความสามารถในการแก้ปัญหา” ได้!  ด้วยเหตุนี้เอง

…เมื่อเกิดปัญหาเรื่องการเดินทางที่ต้องใช้เวลานาน มนุษย์จึงสร้าง รถ รถไฟ เรือ และเครื่องบิน ฯลฯ

…เมื่อเกิดปัญหาเรื่อง อาหารการกิน ที่ไม่พอเพียง มนุษย์จึงสร้างระบบเกษตรกรรม หลากหลายที่สนองความต้องการ

…เมื่อเกิดปัญหาเรื่องความไม่เท่าเทียมหรือความอยุติธรรมมนุษย์จึงสร้างระบอบการปกครองและระบบกฎหมายขึ้นมาเพื่อลดหรือแก้ปัญหาเหล่านั้น  ฯลฯ

ดังนั้น ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา  เมื่อมนุษย์ต้องเผชิญกับปัญหานานาชนิด  พวกเขาจึงนำศักยภาพที่มีอยู่ออกมาใช้ มนุษย์จึงสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ มาได้โดยตลอด! แต่เพราะด้วยธรรมชาติบาปที่เกิดขึ้นจากการกบฎต่อพระเจ้า ทำให้มนุษย์เราใช้ศักยภาพนั้นเพื่อประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่ให้เกียรติแก่พระเจ้าผู้ทรงสร้างเขาและต่อทรัพยากรธรรมชาติในโลก ทำให้มนุษย์กลายเป็นผู้ก่อปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิมขึ้นมาและเขาเองได้กลายเป็นส่วนของปัญหาเหล่านั้น! และสาเหตุที่ทำให้ปัญหาเหล่านั้นกลายเป็นปัญหาที่แก้ไขยากขึ้นก็คือ การที่แต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างมองดูฝ่ายตรงข้ามเป็น “ตัวปัญหา” หรือ “สาเหตุของปัญหา” โดยยืนกรานว่าตัวของเขาเองไม่ได้มีส่วนในการก่อปัญหาขึ้น หรือหากว่าเขามีส่วนร่วมในปัญหานั้นเขาก็จะมองเห็นว่า ที่เขาต้องเข้าร่วมในปัญหาดังกล่าวนั้นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นตัวสาเหตุในการก่อปัญหาขึ้นโดยแท้! และที่ทำให้ปัญหาบานปลายยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ การที่เรามักมีวิธีที่เอาตัวเองเข้าไปสู่ปัญหามากกว่าหาวิธีที่จะเอาตัวเองออกจากปัญหาเหล่านั้น ดังคำกล่าวที่ว่า…

“เหตุผลหนึ่งสำหรับบรรดาปัญหาของโลกนี้ก็คือ เรารู้จักวิธีเข้าสู่ปัญหามากกว่าวิธีเอาตัวเองออกจากปัญหานั้น”

(One reason for the world’s problems is that we know more ways to get into trouble than to get out of it.)

ในพระคริสตธรรมคัมภีร์มีคำเตือนมากมายให้เราเอาตัวออกห่าง และอย่านำตัวเข้าไปสู่ปัญหายุ่งยากโดยไม่จำเป็น อย่าข้องแวะกับปัญหาอันโง่เขลาและไม่เป็นสาระ ด้วยรู้แล้วว่าปัญหาเหล่านั้นก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน” (2ทธ.2:23) ดังนั้น หากเป็นไปได้ อย่าให้ความโกรธ ความเกลียดชังหรือความขมขื่นที่อยู่ในใจของเรา กระพือปัญหาความยุ่งยากให้รุนแรงมากยิ่งขึ้น! ขอให้วันนี้เราระลึกถึงพระวจนะและกระทำตามดังนี้

จงระวังให้ดีอย่าให้ใครเพิกเฉยต่อพระคุณของพระเจ้า และอย่าให้มีรากขมขื่น*งอกขึ้นมา ทำความยุ่งยากให้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้คนเป็นอันมากเสียไป” (ฮบ.12:15)

จงรีบถอนรากถอนโคนต้นขมขื่นนี้ทิ้งไป ณ บัดนี้…แล้วปัญหาทุกปัญหาจะแก้ไขได้ง่ายขึ้น และทุกอย่างจะจบลงโดยเร็ว!

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ที่ๆถูกเผาไหม้

มีชายสองสามคนติดอยู่ในทุ่งหญ้าที่ไฟกำลังไหม้ลามอยู่ เปลวไฟลุกท่วมหัว สูงเหนือยอดหญ้า ยิ่งลมพัดแรงไฟยิ่งขยายลามเป็นวงกว้าง  และกำลังมุ่งมาที่ชายเหล่านี้ พวกเขาไม่มีทางวิ่งออกไปทัน

ใครบางคนตะโกนขึ้นมาว่า “เราต้องตายแน่ๆ” ชายอีกคนล้วงมือลงไปในกระเป๋า หยิบกล่องไม้ขีดออกมา และเริ่มจุดไฟเผาหญ้าตรงด้านหน้าที่พวกเขายืนอยู่ มีเสียงร้องโวยวายว่า “จะบ้าเหรอ ทำอย่างนี้เราก็จะถูกไฟคลอกตาย” คนที่จุดไฟกล่าวว่า “ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร รอให้ไฟไหม้ไปสักหน่อย แล้วเราเข้าไปยืนตรงที่ไหม้ไฟกัน ไฟมันจะไม่ย้อนกลับมาไหม้ตรงที่ไหม้ไปแล้ว”

ทำนองเดียวกัน  ไฟแห่งพระอาชญาของพระเจ้าตกลงบนองค์พระเยซูคริสต์ที่บนกางเขน และที่โคนกางเขนนี้เองที่เราต้องยืนอยู่ เพราะไฟจะไม่ไหม้ในพื้นที่ๆมันไหม้ไปแล้ว ที่บนกางเขนนั้น พระเยซูทรงรับพระอาชญาที่สมควรตกแก่คนอย่างคุณและผมไปแล้ว

พระธรรมโรม 8:1-2 กล่าวว่า เหตุฉะนั้นการลงโทษจึงไม่มีแก่คนทั้งหลาย ที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ เพราะว่ากฎของพระวิญญาณแห่งชีวิตในพระเยซูคริสต์ได้ทำให้ข้าพเจ้าพ้นจากกฎแห่งบาปและความตาย – สรรเสริญพระเจ้ากันครับ!!

โดย : Pastor Adrian Rogers

Daily treasure from the Words

Love worth finding ministries: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • อธิษฐานเผื่อการนมัสการอาทิตย์นี้ เทศนาโดย ดร.เลิศ ทิสยากร มาให้ทันเวลานะคะ
  • กลุ่มสามัคคีธรรม Sing & Join โดยครูแอน และครูแป้ง บ่ายวันเสาร์ 16.00-18.00 น.
  • อธิษฐานเผื่อการเยียวยาฟื้นฟูประเทศไทยด้วยค่ะ – ขอพระเจ้าอวยพร
Categories
วันนี้ที่ CJ

โครงกระดูกในตู้เสื้อผ้า

โครงกระดูกในตู้เสื้อผ้าเป็นคำมาจากภาษาอังกฤษ (Skeleton in the cupboard) หมายถึงความลับของใครบางคน บางครอบครัวที่เปิดเผยออกมาไม่ได้ เพราะถ้าถูกเปิดเผย คนๆนั้น หรือวงศ์ตระกูลนั้นจะเดือดร้อน เสื่อมเสียชื่อเสียงจนขายขี้หน้าไปทั่ว เพราะฉะนั้นความลับนี้ต้องถูกปิดตายอยู่ในตู้ของบ้านใดบ้านหนึ่ง

บางครอบครัวมีโครงกระดูกนี้อยู่ในตู้เสื้อผ้ามาตั้งแต่สมัยเจ้าคุณปู่ คุณทวด อากง อาม่า เป็นความลับประจำครอบครัว เป็นตำนานที่ลูกหลานเล็กๆจะต้องแอบกระซุบกระซิบกัน แล้วโดนผู้ใหญ่เอ็ดว่าไม่ให้พูดไป และยิ่งถ้าใครเป็นพวกคอละครย้อนยุค จะนึกถึงบางเรื่องได้ เช่นท่านเจ้าคุณทวดฆ่าเมียน้อยแล้วเอาศพไปโยนในบ่อน้ำหลังบ้าน แล้วมีอาถรรพ์ต่างๆเกิดขึ้นกับตระกูล หลอกหลอนจนลูกหลานรุ่นหลังต้องเป็นผู้มาแก้ปมอาถรรพ์นี้

มนุษย์คิดว่าเก็บความลับไว้ในตู้เสื้อผ้าแล้วปิดให้แน่น น่าจะเก็บความลับได้ดีที่สุด ในพระธรรม 2 ซามูเอล กษัตริย์ดาวิดทำบาปผิดใหญ่หลวง แล้วพยายามกลบเกลื่อนความผิดนั้นโดยทำความผิดอื่นเพิ่มขึ้น พระเจ้าทรงส่งคนมาเตือน และเมื่อท่านกลับใจสำนึกผิดพระเจ้าทรงอภัยให้ แต่ผลของบาปนั้นยังมี แม้เป็นถึงกษัตริย์ สิ่งที่ท่านทำในที่ลับก็ถูกเปิดเผยในที่แจ้ง เพราะฉะนั้นแน่ใจได้ ที่บอกว่า “ความลับไม่มีในโลก” ขอเพิ่มว่า “ความลับไม่มีแน่ ในโลกหลังความตาย” และยิ่งถ้าเป็นความลับเรื่องการชั่ว ยิ่งน่ากลัวเป็นที่สุด เพราะโครงกระดูกมันจะคอยออกจากตู้มาหลอกหลอนคนทำนั้นเอง

พระเยซูตรัสเตือนไว้ว่า แต่ไม่มีสิ่งใดปิดบังไว้ที่จะไม่ต้องเปิดเผย หรือการลับที่จะไม่เผยให้ประจักษ์ เหตุฉะนั้นสิ่งสารพัดซึ่งพวกท่านได้กล่าวในที่มืด จะได้ยินในที่แจ้ง และซึ่งได้กระซิบในหูที่ห้องส่วนตัว จะต้องประกาศบนดาดฟ้าหลังคาบ้าน (ลูกา 12:2-3)

ในประเทศไทยเรา มีตู้แบบนี้เต็มไปหมด และแต่ละตู้โครงกระดูกพวกนี้ไม่ยอมอยู่นิ่ง กำลังเปิดประตูเผยตัวตนออกมา บางตัวแค่โผล่หน้าออกมาก็สยดสยองน่ากลัวอย่างนึกไม่ถึง สำหรับคริสเตียนเรา ใครที่เก็บงำโครงกระดูกไว้ในตู้แห่งจิตใจ สารภาพขอพระเจ้าช่วยเถอะ ปลดปล่อยโครงกระดูกที่ตามหลอกหลอนนั้นออกมาให้พระเจ้าจัดการ และเติมเต็มตู้แห่งจิตใจของเราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ แล้วชีวิตเราจะปลอดภัยไม่ขายขี้หน้าใครทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า

แต่เมื่อสิ่งสารพัดที่ได้แสดงเปิดเผยออกโดยความสว่าง สิ่งนั้นก็ปรากฏแจ้ง เพราะว่าทุกๆสิ่งที่ปรากฏแจ้ง ก็คือความสว่าง เหตุฉะนั้นจึงมีคำกล่าวว่า นี่แน่ะคนที่หลับอยู่ จงตื่นขึ้น และจงฟื้นขึ้นมาจากความตาย และพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่ท่าน  เหตุฉะนั้นท่านจงระมัดระวังในการดำเนินชีวิตให้ดี อย่าให้เหมือนคนไร้ปัญญา แต่ให้เหมือนคนมีปัญญา จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้เป็นกาลที่ชั่ว เหตุฉะนั้นอย่าเป็นคนโง่เขลา แต่จงเข้าใจน้ำพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นอย่างไร และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ (เอเฟซัส 5:13-18)

(CJ ป้านุ้ย)

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • ขอพระเจ้าเปลี่ยนแปลงเราให้เป็นแก้วใสทั้งในทั้งนอก เป็นตู้ที่ใครเปิดมาก็จะเจอแต่พระวิญญาณบริสุทธิ์
  • เรากำลังคิดทำพันธกิจหลากหลายรูปแบบ พี่น้อง CJ ของเราใครมีของประทานอะไรและอยากร่วมรับใช้ มาแจ้งที่ครูแอน หรือป้านุ้ยได้เลยค่ะ
  • ฝนตกทุกวัน หลายคนไม่สบาย ระวังสุขภาพด้วยนะคะ และใครที่จะไปเยี่ยมบ้านพักคนชราปทุมธานี อย่ามามือเปล่านำของใช้เล็กๆน้อยไปฝากผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่นด้วยเพื่อเป็นน้ำใจ – ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

จงจับสุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก

“และท่านจงเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกัน และอภัยโทษให้กันเหมือนดังที่พระเจ้าได้ทรงโปรดอภัยโทษให้แก่ท่านในพระคริสต์นั้น” (เอเฟซัส 4:32)

ทุกวันฮอลลี่มีความลำบากในการเอารถเข้าจอดในโรงรถ เพราะคับแคบและมีมุมที่ยื่นออกมา เธอจึงเฉี่ยวกำแพงโรงรถเป็นประจำ ดูที่รถจะเห็นรอยบุบและขีดข่วนเป็นพยานได้ แดนสามีของเธอเลือกที่จะตอบสนองได้หลายวิธี – โมโห ตำหนิ หรือแม้แต่โวยวายใส่ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น แต่เลือกที่จะให้อภัย ทำให้นึกถึง “สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆ” ที่เอ่ยถึงในหนังสือเพลงซาโลมอน  2:15: “จงจับสุนัขจิ้งจอกมาให้เรา คือสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กที่ทำลายสวนองุ่น เพราะว่าสวนองุ่นของเรากำลังมีดอกแล้ว” มีหลายสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดความแตกแยก แต่เป็นเพราะท่าทีที่มีเมตตาของแดน “สุนัขจิ้งจอกตัวเล็ก” เหล่านี้จึงไม่สามารถทำลาย “สวนองุ่นแห่งความรัก” ได้

คุณเคยมี “สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆ” เข้ามาในชีวิตสมรสของคุณหรือไม่? ไม่ว่าคู่สมรสของคุณจะพูดจาห้วนๆใส่ ไม่ได้สนใจความต้องการของคุณเท่าที่ควร ไม่ใกล้ชิดเหมือนเมื่อก่อน ลืมวันครบรอบแต่งงาน หรือกลับบ้านดึกโดยไม่โทรมาบอก ในทุกๆชีวิตคู่ มีโอกาสนับครั้งไม่ถ้วนที่จะเลือกกล่าวตำหนิ หรือให้อภัยตามคำสอนในพระวจนะด้านบน

ปราศจากการให้อภัย เราจะรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ ขมขื่น และออกห่างจากคู่สมรส เพื่อนคนหนึ่งสอนเคล็ดลับเพื่อป้องกันเหตุนี้ไม่ให้เกิดขึ้น : “ทันที” ที่รู้สึกถูกขุ่นเคืองใจ ฉันเลือกที่จะให้อภัย ถ้าสามีพูดในสิ่งที่ทำให้ฉันโกรธหรือเจ็บใจ ฉันจำต้องเริ่มอธิษฐานและให้อภัยได้ในทันที ทำเช่นนี้แล้วพระเจ้าจะทรงทำให้จิตใจของเราให้อ่อนโยนลงในทันที

นอกเหนือจากจัดการกับสุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆที่ทำให้รำคาญใจ บางทีเราจำต้องการการอภัยให้กับคู่สมรสในเรื่องใหญ่ๆด้วย เราอาจถูกทรยศเรื่องความซื่อสัตย์ ความไว้ใจของเราถูกสับออกเป็นชิ้นๆ ความลับที่ต่างฝ่ายต่างเก็บงำเอาไว้ หรือคู่สมรสของเราทำในสิ่งที่เราเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าจะมีคุณสมบัติใดที่ทำให้ชีวิตสมรสของคริสเตียนโดดเด่นจากผู้คนทั่วไป คือการเลือกให้อภัยแก่คู่สมรส เราอาจรู้สึกว่าถ้าเราละเลยไม่จัดการให้ถูกต้องโดยไปเลือกให้อภัยแทน ความยโสและความกลัวของเราอาจกลับขึ้นมา : แล้วถ้าคู่สมรสของเราทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า? ฉันจะแลดูเป็นเหมือนคนโง่หรือเปล่า? คนอื่นๆจะคิดกับฉันยังไง?

เลือกให้อภัยเป็นท่าทีที่เชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้า การให้อภัยมาพร้อมกับการตัดสินใจเลือก อย่าปล่อยให้ตกอยู่ในความขุ่นเคืองใจครั้งแล้วครั้งเล่าจนกลายไปเป็นรากขมขื่น แต่ต้องให้ชัดเจนว่า – ถ้าต้องรับมือกับความบาปในชีวิตสมรส จงเลือกที่จะให้อภัย แต่ต้องมีการพูดคุยกัน  อธิษฐานส่วนตัว และอธิษฐานด้วยกันเพื่อขอการทรงนำจากพระเจ้า

การให้อภัยเป็นทัศนคติที่สำคัญที่สุดในการเป็นหนึ่งเดียวกันในชีวิตสมรส และเป็นสิ่งที่หลั่งไหลมาจากสัมพันธภาพระหว่างเรากับองค์พระเยซูคริสต์

โดย : Melanie Chitwood

Encouragement  for today: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • หมาจิ้งจอก และอีกาเปลี่ยนสีขนไม่ได้ เปลี่ยนอุปนิสัยเจ้าเล่ห์ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าให้มันเข้ามามีอำนาจในชีวิตของเรา
  • อธิษฐานเผื่อพันธกิจเยี่ยมเยียนครั้งแรกของเราในวันศุกร์นี้ เราจะไปบ้านพักคนชราปทุมธานีกันค่ะ ใครต้องการถวายเป็นสิ่งของ หรือเป็นเงินติดต่อที่คริสตจักรด่วนค่ะ
  • และเรากำลังจะทำพันธกิจใหม่ๆตามของประทานที่พระเจ้าให้แก่คริสตจักรของเราในอนาคตอันใกล้นี้ ขอพระเจ้าอวยพรด้วยค่ะ