ดับเบิลยู ซัมเมอร์เซ็ท เมอแฮม (W. Somerset Maugham) (1874-1965) เคยกล่าวไว้อย่างน่าสะกิดใจว่า…
“เรื่องที่น่าเศร้าที่สุดในชีวิต ไม่ใช่เรื่องที่คนเราต้องตาย แต่เป็นเรื่องที่คนเราหยุดที่จะรักกัน”
(The greatest tragedy of life is not that men perish but that they cease to love.)
คนเราไม่ว่าจะลำบากยากแค้นหรืออดอยากขัดสนปานใด ก็คงจะยังมีแรงใจสู้ชีวิตต่อไป หากว่ายังรักใครสักคนหนึ่ง หรือรู้ว่ามีใครบางคนยังรักเขาอยู่!
ไม่ว่าบ้านเมืองของเราจะประสบวิกฤติอะไรมากี่ที หรือมากี่เรื่อง มากี่ยุคกี่สมัยก็ตาม หากว่าเรายังมี “ความรัก”หลงเหลือพอที่จะมอบให้แก่กันและกันอยู่ บ้านเมืองของเราก็ยังมีความหวังและความรอดอยู่เสมอไป!
ใช่ครับ! ความรักทำให้คนที่สิ้นหวังได้สัมผัสกับความหวังใจ เหมือนคนที่หมดหวังในอุโมงค์มืดมิด ที่พลันเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์!
สัมผัสแห่งรัก คือสิ่งที่คนในสังคมทุกสังคมปรารถนาที่จะได้รับ!
น่าเสียดายที่ยิ่งนานวัน “ความรัก” เริ่มกลายเป็นสิ่งหายากและขาดแคลนมากขึ้นในสังคมไทย และสังคมโลก!
ดังคำตรัสขององค์พระเยซูคริสต์ที่จารึกไว้ในพระคัมภีร์ เป็นคำเตือนถึงสภาพในตอนจะสิ้นยุค ที่ว่า…
“ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง เพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป” (มัทธิว 24:12)
และวิกฤติในตอนจะสิ้นยุคนี้กำลังคืบคลานเข้ามา แม้แต่ในบ้านเรือน และในคริสตจักรของเรา!
ดังนั้น เราต้องตื่นตัวและระวัง!
หากชีวิตของเราเปรียบเหมือนรถยนต์ หรือพาหนะอื่น ๆ ที่ต้องใช้เชื้อเพลิง อย่างเช่น น้ำมัน หรือแก๊ส ก็ขอให้เราหมั่นตรวจดูเข็มชี้ปริมาณน้ำมันหรือเชื้อเพลิงของเรา!
หากชีวิตของเราหรือครอบครัวของเราดำเนินอยู่ได้เพราะ “ความรัก” ที่เปรียบประดุจ “เชื้อเพลิงแห่งชีวิต” เราต้องหมั่นเติมความรักนั้นให้เต็มอยู่เสมอในชีวิตของเรา และในจิตใจของทุกคนในครอบครัวของเรา เพราะหากว่าเราประมาทชะล่าใจ ชีวิตของเราหรือคนในครอบครัวของเราอาจหมดพลังขับเคลื่อน หยุดนิ่งตายอยู่กับที่ เหมือนสภาพของรถที่ขาดน้ำมันหรือแก๊สก็เป็นได้!
ดังนั้น หากว่าวันนี้ คุณรู้สึกว่าความรักของคุณกำลังพร่องไปจากชีวิต ให้รีบแวะปั๊มเติมความรักโดยด่วน … แล้วจะไปเติม “ความรัก” นั้นได้ที่ไหน?
ในพระคัมภีร์บอกไว้ชัดว่า พระเจ้าทรงเป็น “แหล่งแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่” กว่าปั๊มใด ๆ ในจักรวาลนี้!
“ฉะนั้นเราทั้งหลายจึงรู้ และเชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรักและผู้ใดที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในผู้นั้น” (1 ยอห์น 4:16)
ความรักของพระเจ้าจึงมีไม่จำกัด และพร้อมประทานให้แก่ทุกคนที่เข้าไปหาพระองค์ เพื่อรับความรักนั้น!
น่าแปลกที่หลายคนไม่ยอมไปหาพระเจ้าเพื่อรับความรักจากพระองค์ แต่กลับพยายามหาเองจากแหล่งอื่น ๆ และในบั้นปลายก็พบว่า แม้แต่ปั๊มต่าง ๆ ที่เราคิดว่ามี “น้ำมัน(แห่งความรัก)” นั้นให้เติม พอไปถึงปั๊มนั้นจริงๆ เข้าก็พบป้ายเขียนไว้ว่า “น้ำมันหมด!” ทำให้เรายิ่งผิดหวังซ้ำสอง!
พี่น้องที่รัก…ในยุคที่ทุกอย่าง “delivery” ให้ถึงบ้าน คือ ส่งให้ถึงที่ได้…
“ความรัก” ของพระเจ้าก็เช่นกัน สามารถจัดส่งให้ถึง “หัวใจ” ของเราได้เช่นกัน!
ในพระคัมภีร์กล่าวว่า…
“ความรักของพระเจ้าได้หลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว” (รม.5:5)
ฉะนั้น หากว่าเราเข้ามาหาพระเจ้าและขอให้พระองค์ประทาน “ความรัก” อันไม่จำกัดของพระองค์ให้ แก่เราแบบชนิดวันต่อวัน เราจะไม่ขาดแคลนความรักในตัวของเราเลย และหากเราจุนเจือแบ่งปันความรักที่ได้นั้นให้กับคนที่เรารักหรือคนที่อยู่รอบข้างตัวของเรา หรือนำพวกเขาให้เข้ามาหาพระเจ้าแห่งความรัก และรับความรักดังกล่าวที่พระองค์ทรงบริการจัดส่งให้ถึงจิตใจของเขาโดยตรงเลย บ้านหรือชุมชนที่เราเป็นส่วนหนึ่งอยู่ด้วยจะกลายเป็นสังคมที่น่าอยู่มากขึ้นทีเดียว เพราะอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความรัก!
แต่น่าเศร้าที่ในความเป็นจริง คนในสังคมของเรากลายเป็น “โรคขาดรัก” เพราะความรักที่คนเคยมีอยู่ต่อกันหมดลง แล้วไม่รู้ว่าจะเติมที่ไหน? หรือรู้แต่ก็มีทิฐิไม่ยอมไปเติมที่นั่น !
ผลที่ตามมาก็คือคนเราหยุดรักกัน!
เมื่อคนเราไม่มีความรักเหลือ ครอบครัวก็หยุดรักกัน…
สังคมของเราก็เลยเกิดกันดารความรัก คนรุ่นต่อมาเริ่มไม่เคยสัมผัสหรือเห็นหน้าตาแห่งความรักอีกต่อไป แถมยังติดเชื้อร้ายแห่งความเกลียดชังที่แพร่ระบาดไปทั่วอย่างรวดเร็ว กลายมาเป็นโศกนาฎ กรรมของมนุษย์โลกในปัจจุบัน
ดังนั้นพี่น้องที่รัก…ข่าวดีก็คือ…ยังไม่สายเกินไปที่คุณจะกลับมาฟื้นฟูชีวิตและสังคมของคุณใหม่อีกครั้งหนึ่ง โดยเริ่มต้นจากการ “รับการเติมความรัก” จากพระเจ้าแห่งความรักนี้
…และคุณสามารถทำเช่นนั้นได้ ณ บัดนี้เลย ! เพียงแต่ว่าคุณต้องการหรือไม่เท่านั้นเอง?
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
Twitter.com/thongchaibsc