Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ผลไม้ปรับรส

สดุดี 138:2 “ข้าพระองค์กราบลงตรงมายังพระวิหารศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ และถวายโมทนาพระคุณแก่พระนามของพระองค์ เพราะความรักมั่นคงและความสัตย์สุจริตของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเชิดชูพระนามและพระวจนะของ พระองค์เหนือสารพัด”

อเล็กซานเดอร์ ไวท์  นักเทศน์ชาวสก็อตเริ่มต้นคำอธิษฐานของท่านทุกครั้งด้วยคำสรรเสริญ ในวันอาทิตย์หนึ่งที่อากาศหนาวจัด ผู้คนต่างก็รีบเร่งเข้ามาในโบสถ์ และสงสัยว่าวันนี้นักเทศน์จะหาถ้อยคำใดมาสรรเสริญพระเจ้าในวันที่ย่ำแย่เช่นนี้ได้ อเล็กซานเดอร์ ไวท์ยืนขึ้น ก้มศีรษะลงและอธิษฐาน “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า เราขอบพระคุณพระองค์ที่มันไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกวัน”

มีบ้างไหมที่คุณรู้สึกไม่อยากสรรเสริญพระเจ้า? บอกตามตรง ความรู้สึกของเราไม่เกี่ยวกับการสรรเสริญพระเจ้า การสรรเสริญไม่เกี่ยวกับเรา การสรรเสริญเกี่ยวกับพระเจ้า การสรรเสริญเป็นการเลือก เป็นอุปนิสัยที่เรียนรู้ได้ นำมาซึ่งความสุขใจ และทัศนคติที่สำนึกในพระคุณ

หนังสือฟีลิปปี 4:11 อ.เปาโลเขียนไว้ว่า “…ข้าพเจ้าก็เรียนรู้แล้วที่จะพอใจอยู่อย่างนั้น” คำว่า “เรียนรู้แล้ว” หมายถึงการ “เรียนรู้ได้โดยประสบการณ์” และคำว่า “พอใจ” แปลว่า “บรรจุเต็มอยู่” ความพอใจของ อ.เปาโลเป็นผลมาจากสิ่งที่บรรจุอยู่ในใจของท่าน หมายความว่า อ.เปาโลใช้สถานการณ์มาเป็นครูผู้ฝึกในโรงเรียนแห่งการสรรเสริญ ท่านเรียนรู้ที่จะสรรเสริญพระเจ้าถึงแม้ถูกโบยตี เย้ยหยันที่ในคุก จนถึงขั้นเผชิญหน้ากับความตาย ทัศนคติของท่านไม่ได้เป็นไปตามสถานการณ์ ท่านเลือกที่จะสรรเสริญพระเจ้า – ไม่ว่าในกรณีใด ทำไมเช่นนั้น? เพราะท่านรู้ดีว่าถึงแม้ไม่เข้าใจกระบวนการของพระเจ้า แต่ท่านวางใจในพระทัยของพระองค์

ลองสมมุติดู – ฉันไปที่ธนาคารพยายามนำเช็คของตัวเองไปขึ้นเงินสักพันดอลลาร์ แน่ใจได้ว่าทันทีที่ยื่นเช็คให้เจ้าหน้าที่ เธอคงหัวเราะออกมา เพราะรู้ว่าฉันมีเงินในธนาคารเท่าไร แต่ถ้าเป็นบิล เกตส์เดินเข้าไปในธนาคาร ยื่นเช็คจำนวนหนึ่งพันเหรียญของตัวเองให้เจ้าหน้าที่ คงไม่มีใครขำเป็นแน่ มีแต่จะกุลีกุจอรีบเบิกเงินให้ เพราะรู้ดีว่าบิล เกตส์มีเงินเท่าไหร่ในบัญชี

เมื่อเรามาพบพระเยซู พระองค์ทรงประทานพระสัญญาต่างๆเข้าในบัญชีจิตวิญญาณของเรา และในทุกๆพระสัญญาล้วนแต่มีพระพรคืนกลับมา นี่คือสาเหตุที่ทำไมเราจึงสรรเสริญพระองค์ – ไม่ว่าในกรณีใด

คำสรรเสริญเป็นคำเชิญพระเจ้าให้เข้ามาอยู่ในท่ามกลางอุปสรรคใดๆที่เรากำลังเผชิญอยู่ สดุดี 22:3 กล่าวว่า “ถึงอย่างไรพระองค์ทรงเป็นองค์บริสุทธิ์ พระองค์ประทับเหนือคำสรรเสริญของคนอิสราเอล” คำสรรเสริญทำให้เราวางใจในพระเจ้า และเสริมความเชื่อเราให้แกร่งขึ้น

สดุดี 42:11 “จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่ ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายภายในข้าพเจ้า จงหวังใจในพระเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะถวายสดุดีแด่พระองค์อีก ผู้ทรงเป็นความอุปถัมภ์ และพระเจ้าของข้าพเจ้า”

ในอัฟริกามีผลไม้ชนิดหนึ่งมีชื่อว่า “ผลปรับรส” เป็นผลไม้ที่จะเปลี่ยนปุ่มรับรสของคุณเป็นรสชาติที่หวานและอร่อยชื่นใจ หลังจากคุณกินผลไม้นี้ไปหลายชั่วโมงแล้วลองไปกินผลไม้อื่นๆที่มีรสเปรี้ยว ผลไม้รสเปรี้ยวจะเปลี่ยนเป็นรสหวานและอร่อยอย่างเหลือเชื่อ

คำสรรเสริญพระเจ้าก็เป็นเหมือนผลไม้นี้สำหรับคริสเตียนทุกคน คำสรรเสริญเป็นมากกว่าอารมณ์หรือคำพูด ร้องเพลงหรือชูมือนมัสการ การสรรเสริญที่แท้จริงเป็นการเฉลิมฉลองพระเจ้า พระราชอำนาจ พระราชกิจ และความยิ่งใหญ่ของพระองค์ สรรเสริญเป็นผลมากจากจิตใจที่ยอมรับพระเจ้า และเป็นอุปกรณ์ชีวิตที่สำแดงการยอมจำนนหมดสิ้นให้แก่พระองค์

  • เมื่อเราท้อใจ คำสรรเสริญเตือนเราว่ายังมีความหวังในพระเจ้า
  • เมื่อเรากลัว คำสรรเสริญเตือนเราว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พระเจ้าทรงอยู่กับเรา
  • เมื่อเราหลงทาง คำสรรเสริญเตือนเราว่าพระเจ้าทรงไปอยู่ที่นั่นแล้วเพื่อนำเรากลับมา
  • เมื่อเราสับสน คำสรรเสริญเตือนเราว่าสวรรค์คือที่ๆสงบ ปราศจากความวิตกังวล

ดังนั้น พี่น้องคะ เงยหน้าขึ้นและสรรเสริญพระเจ้า พระองค์ทรงอยู่กับคุณ มีพระองค์ก็มากกินพอแล้ว

โดย: Mary Southerland

Girlfriends in God: www.crosswalk.com

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ไม่มีรากอื่นอีก

เพราะว่าผู้ใดจะวางรากอื่นอีกไม่ได้แล้ว นอกจากที่วางไว้แล้วคือพระเยซูคริสต์ (1โครินธ์ 3:11)

คุณสร้างชีวิตของคุณอยู่บนอะไรครับ? บางคนสร้างรากฐานฝ่ายวิญญาณอยู่บนสัมพันธภาพของผู้อื่นที่มีต่อพระเจ้า บางทีสัมพันธภาพของพวกเขาขึ้นอยู่กับสัมพันธภาพของสามีหรือภรรยาที่มีต่อพระเจ้า บางทีขึ้นอยู่กับพ่อแม่ที่ใกล้ชิดพระเจ้า หรือขึ้นอยู่กับเพื่อนที่เติบโตฝ่ายวิญญาณ แต่ปัญหาคือ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคนเหล่านั้น แล้วเขาจากไป จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ? คุณวางรากของคุณอยู่บนผู้คน หรืออยู่บนพระเยซูคริสต์ครับ?

บางคนวางรากตัวเองไว้กับโบสถ์ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับโบสถ์ แต่ถ้าวันหนึ่งมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่โบสถ์ ที่พวกเขาไม่ชอบใจ อาจเป็นศิษยาภิบาล หรือผู้นำโบสถ์ทำให้พวกเขาผิดหวังล่ะครับ? รากฐานไม่ควรวางอยู่บนผู้นำฝ่ายวิญญาณ เพราะพวกเขาเป็นเพียงมนุษย์ อาจทำให้ผิดหวัง ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ต่างก็มีข้อด้อย หรือผิดพลาดได้ในบางอย่าง

ถ้าเราวางรากบนมนุษย์ บนโบสถ์ บนสัมพันธภาพ หรือบนอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆ ฐานรากเราก็อ่อนไหว เพราะสิ่งเหล่านี้ขยับเคลื่อนไปมาได้เหมือนทราย คนเหล่านี้จะเป็นประเภทที่ชอบทางลัด ต้องการรับแต่พระพร แต่ไม่ต้องการพระเจ้า ต้องการความสุข แต่ไม่ต้องการชีวิตที่บริสุทธิ์

ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม พายุจะพัดเข้ามาในชีวิตเรา กระแสน้ำจะท่วมสูง หรือบางครั้งคลื่นลมแห่งการทดลองก็พัดมารุนแรง อาจมีบางครั้งก็คืบคลานมาอย่างช้าๆ กัดกร่อนทีละนิดๆโดยไม่ทันรู้ตัว พายุอาจพัดมาอย่างรวดแร็วและรุนแรง ทิ้งโศกนาฏกรรมเอาไว้ ทำให้ชีวิตคุณพลิกผันชั่วข้ามคืน และนี่คือบททดสอบความเชื่อของคุณ

แล้วคุณจะทำอย่างไร? ถ้าคุณวางรากฝ่ายวิญญาณของคุณไว้ที่คนหรือสิ่งอื่น คุณจะไปไม่รอด ดังนั้นจงวางรากชีวิตของคุณไว้บนพระเยซูคริสต์ พระองค์จะคอยพยุงคุณไว้เมื่อภัยมา

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000, Riverside, CA 92514

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • หลายคนติดโบสถ์ ติดคน ติดพี่เลี้ยง ติดกิจกรรม หรือติดสังคมที่โบสถ์ แต่ลืมติดตามพระเยซูคริสต์ไปอย่างน่าเสียดาย
  • เริ่มต้นชีวิตคริสเตียนด้วยการวางรากบนพระเยซูคริสต์ ชีวิตท่านจะไม่สั่นคลอนง่ายดาย ที่เหลือเป็นตัวช่วยที่พระเจ้าประทานให้ค่ะ – ขอพระเจ้าอวยพร
Categories
วันนี้ที่ CJ สารจากศบ.

สารจากศบ. 28 พฤศจิกายน 2010

28 พฤศจิกายน 2010

สวัสดีครับทุกท่าน

ผมดีใจที่ทุกท่านมานมัสการได้ในวันนี้  ขอให้ทุกท่านมีความสุข เมื่อเปิดใจต่อพระวจนะของพระเจ้า

ผมดีใจที่ในวันต่าง ๆ ที่ผมไปร่วมกลุ่ม cell รวมทั้งไปชั้นเรียนพระคัมภีร์ทุกวันพฤหัส จะพบหน้าคนใหม่ ๆ ที่ได้รับการเชิญจากสมาชิก CJ ให้ไปร่วม และมีหลายคนที่สนใจและเปิดใจต่อพระวจนะของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา

ผมขอขอบคุณทุกคนที่รักห่วงใยเพื่อนฝูงและคนในครอบครัว และได้พยายามเชิญชวนคนเหล่านั้นด้วยความอดทน เพื่อให้พวกเขาได้รู้จักกับพระเจ้า และมีวิถีชีวิตที่นำไปสู่ความสุขและความรอดพ้นบาปและความทุกข์

ผมดีใจที่(แทบ)ทุกครั้งที่ผมเปิดโอกาสให้ผู้มาร่วมนมัสการแสดงตนรับเชื่อพระเยซูคริสต์ จะมีผู้ตอบสนองด้วยความยินดีอยู่เสมอ (แม้ดูเหมือนว่าจะมีการฉุดกระชากลากถู ปรากฎให้เห็นในบางครั้งแบบนาน ๆ มีที ดังนั้นขออย่าให้เราฝืนใจผู้ใดเลยนะครับ!   แต่หากว่าเรายังไม่รู้จักกับพระเจ้า เราต้องฝืนใจ (ที่ดื้อและไม่เชื่อ) เพื่อจะมาหาพระเจ้า และรับความรอดจากพระองค์!)

ผมดีใจที่ทุกวันอาทิตย์มีคนมาศึกษาพระคัมภีร์ตอนเช้ามากขึ้น  ในปีหน้า 2011 นี้ เราอาจมีชั้นเรียนพิเศษเปิดในบางอาทิตย์  เพื่อเสริมสร้างสมาชิกให้มีความรู้ความเข้าใจในการดำเนินชีวิตคริสเตียนให้มากขึ้น   ขอติดตามข่าวต่อไป นะครับ!

ผมดีใจที่ใน

  • วันที่ 12 ธค.นี้  เราจะมีสมาชิกสาวสวยคือ คุณซี เข้าพิธีแต่งงาน
  • วันที่ 15 ธค. นี้ เราจะไปร่วมงานประกาศที่การประปาส่วนภูมิภาค (กับคริสตจักรไมตรีจิต)
  • วันที่ 17 ธค. นี้ เราจะมีสมาชิกบางคนไปร่วมงานประกาศคริสตมาสที่ แม่สอด จังหวัดตาก
  • วันที่ 19 ธค. นี้ มี “การอบรมผู้จะรับบัพติศมารุ่นสุดท้ายของปี 2010” (ผู้ใดประสงค์จะรับกรุณาติดต่อ อ.วรรณด่วน)
  • วันที่ 24 ธค. นี้ เราจะไปออกรายการสด “บุษบาบานเช้า” ช่อง 5 แบ่งปันเรื่องราวของวันคริสตมาส
  • วันที่ 25 ธค. นี้ เราจะเฉลิมฉลอง “คริสตมาส : Love is in the Air” ด้วยกัน ระหว่างเวลา 16.30 -20.30 น. ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทแมงป่อง ลาดพร้าว 90  แต่คำเตือนคือ “ไม่มีบัตรไม่มีสิทธิ์(กิน)” เพราะว่าเขาจัดเป็นโต๊ะจีน ดังนั้น ขอให้รีบติดต่อจองบัตรได้ที่คุณ…………(หากใครมีปัญหาเรื่องไม่มีเงินซื้อบัตร กรุณาติดต่อ คุณแดง หรือคณะผู้อภิบาลโดยด่วน เราช่วยกันได้!)
  • วันที่ 26 ธค. เราจะมี “พิธีบัพติศมาที่ CJ” รุ่นสุดท้ายของปีนี้ หากคุณยังไม่ได้รับบัพติศมา นี่คือข่าวดีสำหรับคุณ!

ประกาศพิเศษ ชั้นเรียนพระคัมภีร์วันพฤหัสจะเรียนในวันที่ 23 ธค. นี้ เป็นวันสุดท้ายของปี และจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในวันพฤหัสที่ 6 มกราคม 2011

วันนี้ ขอให้อธิษฐานเผื่อสมาชิกหมายเลข 77-80

  1. คุณวุฒิพงษ์  เหล่าอมต (ชิว)
  2. คุณศิรินันท์  จิงวังสะ(ผิง)
  3. คุณโอภาส ทศพร (อ๊อด)
  4. คุณปิยมาภรณ์  เชยชุ่ม(ยีนส์)

โดยอธิษฐานเผื่อตามหัวข้อต่อไปนี้

  1. สุขภาพกายจิตและวิญญาณที่แข็งแรง สมบูรณ์
  2. คำพูดและชีวิตที่บริสุทธิ์เป็นพร และเป็นพยานถวายเกียรติแด่พระเจ้า และนำหลายคนให้ สนใจหรือมาหาพระคริสต์
  3. ปัจจัยอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตมีอย่างพอเพียง เช่น ทรัพย์อื่นๆ เงินทองและการงานอาชีพ ฯลฯ
  4. สติปัญญา ความรู้ความเข้าใจ และความรักอย่างเหลือล้น ที่จำเป็นอย่างยิ่ง ต่อการศึกษา  การทำงาน
  5. การ รับใช้และความสัมพันธ์กับคนอื่น และในการแก้ไขปัญหาที่เผชิญ  ฯลฯ
  6. มีส่วนร่วมในชีวิตและกิจกรรมของคริสตจักรอย่างทุ่มเทเกิดผล เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและนำให้คริสตจักรเจริญก้าวหน้าขึ้น

ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรทุกท่านในวันนี้ อธิษฐานเผื่อผมด้วย เช้านี้ต้องเทศนาอยู่ที่ คจ.มหาพร(สะพานควาย) และบ่าย 14.00 น. ที่คริสตจักรสะพานเหลือง (80 ปีสตรีสะพานเหลือง)

ด้วยรักเสมอ

(ธงชัย  ประดับชนานุรัตน์)

ศิษยาภิบาล

ในนามของคณะผู้อภิบาล

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

ความล้มเหลวคือโอกาส!

“ความล้มเหลวเป็นเพียงแค่โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ให้ฉลาดกว่าเดิม!”

(Failure is only the opportunity to begin again more intelligently.)

-เฮนรี่ ฟอร์ด- (Henry Ford)

หากว่าผู้ที่กล่าวข้อคิดข้างต้น ไม่ใช่  เฮนรี่ ฟอร์ด  (ค.ศ. 1863-1947)  ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมรถยนต์ชาวอเมริกันที่โด่งดัง คนทั้งหลายก็คงจะไม่สนใจคำกล่าวข้างต้นนัก เพราะคิดว่าเป็นคำพูดไร้สาระของคนบางคน!

แต่เพราะว่าคำกล่าวข้างต้นนั้นออกมาจากปากของผู้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวดในระดับโลก คำกล่าวข้างต้นจึงไม่อาจที่จะถูกมองข้ามไป

สำหรับพวกเราโดยทั่วไป ความล้มเหลวคือ สิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งที่ทำให้สถานการณ์ดูสิ้นหวังและทำให้ตัวของเราดู ไร้ค่า!

เพราะตามความหมายศัพท์ คำว่า…

“สิ้นหวัง” หมายความว่า “ไม่มีความหวังเหลืออยู่เลย” หรือ “หมดหวัง”

ในภาษาอังกฤษ คำว่า “Failure” หมายความว่า …

“การขาดความสำเร็จในบางสิ่ง หรือ ไม่ประสบความสำเร็จในการพยายามกระทำบางอย่าง”

(a lack of success in something or an unsuccessful attempt at doing something.)

สำหรับคนทั่วไป เมื่อคนใด “ล้มเหลว” (failure) ต้องถือว่า คนนั้น “สิ้นท่า!” คือ “หมดกระบวนท่าในการต่อสู้ ไม่มีทางสู้”

อาจกลายเป็นคน “สิ้นไร้ไม้ตอก” คือ “ยากไร้ขัดสนจนที่สุด” และในบั้นปลายคงต้องกลายเป็นคนที่ “สิ้นเนื้อประดาตัว” คือ “ไม่มีทรัพย์สมบัติเหลือติดตัว”

ดังนั้น จึงไม่มีใครสักคนอยากจะล้มเหลว!

แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงมีคนที่ล้มเหลว ทั้ง ๆ ที่เขาเองไม่อยากจะล้มเหลว!

บางที สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาล้มเหลวอาจเป็นเพราะว่า เขาหยิ่งทรนง และเชื่อมั่นในตนเองมากเกินไป จนไม่ยอมรับฟังหรือขอคำปรึกษาจากผู้ใด

ผลที่ตามมาก็คือ การล้มคะมำ ล้มเหลวลงอย่างสิ้นท่า!

เป็นจริงตามคำเตือนสติในพระธรรมสุภาษิต ที่ว่า…

“ปราศจากการปรึกษาหารือ แผนงานก็ล้มเหลว แต่มีผู้แนะนำมากๆ แผนงานนั้นก็สำเร็จ”

(สภษ.15:22)

พระวจนะของพระเจ้ายังเตือนสติพวกเราให้ดำเนินชีวิตโดยใช้สติปัญญาควบคู่ไปกับพึ่งพาวางใจในพระองค์

โดยมีพระสัญญาว่า หากเราเชื่อฟังและดำเนินชีวิตตามทางของพระองค์ เราจะไม่มีวันล้มเหลวหรือถูกทอดทิ้ง

“จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรืออย่าครั่นคร้ามเขาเลย เพราะว่าผู้ที่ไปกับท่านคือพระเยโฮวาห์

พระเจ้าของท่าน พระองค์จะไม่ทรงปล่อยท่านให้ล้มเหลวหรือทอดทิ้งท่านเสีย”   (ฉธบ.31:6)

“ผู้ที่ไปข้างหน้าคือพระเจ้า พระองค์ทรงสถิตอยู่ด้วย พระองค์จะไม่ทรงปล่อยท่านให้ล้มเหลว หรือทอดทิ้งท่านเสียอย่ากลัวและอย่าขยาดเลย”  (ฉธบ.31:8)

แม้ว่า บางครั้งเราอาจจะเผชิญกับปัญหาหรืออุปสรรคใหญ่และยากที่ขวางกั้นจนทำให้เรา “ล้ม” ลง  แต่เราไม่จำเป็นต้องนอน “แหลก” หรือ “เหลว” อยู่ ณ ตรงนั้น … เรายังสามารถลุกขึ้นได้ และเดินไปข้างหน้าต่อไป

และหากว่าเราไม่ท้อใจ ไม่กลัว ไม่ขยาด แต่เข้มแข็งและกล้าหาญ ในการเดินหน้าไปกับพระเจ้า พระองค์สัญญาว่า พระองค์จะไม่ปล่อยให้เราล้มเหลวอย่างแน่นอน (1พศด.28:20)

ในตอนบั้นปลายชีวิต  ท่านโยชูวาก็เป็นพยานยืนยันในเรื่องนี้ว่า…

“”บัดนี้ข้าพเจ้ากำลังจะเป็นไปตามทางของโลกแล้ว ท่านทุกคนได้ทราบในจิตในใจของท่านแล้วว่า ไม่มีสักสิ่งเดียวซึ่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านสัญญาเกี่ยวกับท่านแล้วล้มเหลวไป สำเร็จหมดทุกอย่าง ไม่มีสักอย่างเดียวที่ล้มเหลว(ยชว.23:14)

ขอจงจำไว้เสมอว่า…

หากพระเจ้าทรงสัญญาอะไรไว้กับเราพระองค์จะทรงช่วยเราให้กระทำจนสำเร็จทุกอย่าง จะไม่มีสักสิ่งเดียวที่ล้ม เหลว ขอให้เราเพียงยึดพระสัญญาของพระเจ้าไว้ให้มั่นและก้าวตรงต่อไปข้างหน้าด้วยทัศนคติเช่นเดียวกับ เฮนรี่ ฟอร์ด ที่ว่า..

“ความล้มเหลวเป็นโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ให้ฉลาดขึ้นกว่าเดิม!”

หากเรากระทำตามคำแนะนำนั้น เราจะได้สัมผัสกับ “ความสำเร็จ” ที่พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะประทานให้ในวันหนึ่งข้างหน้า!

คุณเชื่อเช่นนี้ไหมครับ?

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Twitter.com/thongchaibsc

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ความเชื่อเกิดจากการได้ยิน

เราทุกคนมีความเชื่ออยู่ในขอบเขตตามธรรมชาติ เราเชื่อว่าเก้าอี้จะรับน้ำหนักตัวเราได้ เครื่องบินจะพาเราไปถึงสู่จุดหมายปลายทาง และอาหารที่เราซื้อกินจะปลอดภัยพอ

แต่นี่ไม่ใช้ความเชื่อในแบบที่ อ.เปาโลกล่าวถึง เมื่อท่านพูดว่า “ฉะนั้นความเชื่อเกิดขึ้นได้ก็เพราะการได้ยิน และการได้ยินเกิดขึ้นได้ก็เพราะการประกาศพระคริสต์” (โรม 10:17) ความเชื่อตามพระคัมภีร์เช่นนี้เกิดขึ้นอย่างเหนือธรรมชาติ คุณไม่สามารถสร้างความเชื่อเช่นนี้ได้เอง คุณไม่สามารถกำหมัด กัดฟัน พร้อมกับพูดว่าคุณกำลังจะเชื่อ

ไม่มีผู้ใดเชื่อในพระเจ้าได้ เว้นเสียแต่พระเจ้าทรงทำให้เขาเชื่อ และทางเดียวที่คุณจะเชื่อพระเจ้าได้คือการได้ยินพระคำของพระองค์ ถ้าไม่มีถ้อยคำจากพระเจ้า คุณจะไม่มีพื้นฐานสำหรับความเชื่อเลย

ความเชื่อไม่ใช่การกระโจนเข้าสู่ความมืด แต่ความเชื่อคือการก้าวออกมาสู่ความสว่าง

โดย : Pastor Adrian Rogers

Daily treasure from the Words

Love worth finding ministries: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • ความเชื่อเกิดจากการได้ยิน การได้ยินเกิดจากที่บางคนมีความรัก และห่วงใยพอที่จะออกไปเล่าเรื่องพระเยซูคริสต์ให้คนอื่นๆฟัง
  • ตัวเราเองมาเชื่อก็เพราะได้ยิน เช่นกัน ถ้าเราอยากให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น อยากให้ผู้คนเมื่อจากโลกนี้ไปจิตวิญญาณรอดปลอดภัย เราก็ต้องออกไปเล่าเรื่องราวข่าวประเสริฐนี้ให้คนทั่วไปได้ฟัง…ขอพระเจ้าใช้เราให้เกิดผลด้วย
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

อย่าลืมขอบพระคุณ

ฝ่ายพระเยซูตรัสว่า “มีสิบคนหายสะอาดมิใช่หรือ แต่เก้าคนนั้นอยู่ที่ไหน ไม่เห็นผู้ใดกลับมาสรรเสริญพระเจ้า เว้นไว้แต่คนต่างชาติคนนี้” (ลูกา 17:17-18)

ลูกาบทที่ 17 เป็นเรื่องเกี่ยวกับบางคนที่มีเรื่องขอบพระคุณมากมาย ก่อนที่เขาจะได้รับการสัมผัสอย่างอัศจรรย์จากพระเยซูพวกเขาถูกสังคมรังเกียจ — เป็นภัยและหายนะแก่สังคม ทั้งสิบคนมีเชื้อโรคที่รุนแรงที่สุดในสมัยนั้น โรคเรื้อน เป็นโรคที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้ ไม่มีใครตกต่ำไปกว่านี้แล้วในประวัติศาสตร์ของยุคนั้น เป็นโรคร้ายที่ไม่มีทางหาย

คนที่พบว่าตัวเองเป็นโรคเรื้อนจะไม่สามารถติดต่อกับคนอื่นๆได้ ต้องออกจากบ้าน ทิ้งครอบครัวและญาติมิตรไป แยกตัวไปอยู่ตามลำพัง มีชีวิตที่น่าสงสาร เสื้อผ้าของพวกเขาคงฉีกขาดจากการคร่ำครวญ ศีรษะเกลี้ยงเหมือนกระโหลกไม่มีสิ่งใดปกคลุม และไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องคอยร้องตะโกนว่า “ไม่สะอาดๆ เป็นมลทินๆ” เพื่อให้เป็นไปตามธรรมบัญญัติโมเสส แต่เมื่อพวกเขาได้ยินเรื่องพระเยซู และมองเห็นพระองค์แต่ไกล จึงร้องตะโกนว่า “เยซูนายเจ้าข้า โปรดได้เมตตาข้าพเจ้าทั้งหลายเถิด” (ลูกา  17:12-13)

ผมว่าน่าสนใจเมื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงตอบสนองต่อเสียงร้องนั้น ไม่มีแสงสีเสียงกระหึ่มใดๆประกอบ – ไม่มีแม้การแตะต้องตัว มีแต่คำสั่ง พระเยซูเพียงตรัสว่า “จงไปสำแดงตัวแก่พวกปุโรหิตเถิด” (ข้อ 14) ตามบทบัญญัติในเลวีนิติ ปุโรหิตต้องนำพวกเขาเข้าสู่การเฉลิมฉลองเป็นเวลาแปดวัน ตรวจสอบพวกเขา เพื่อให้แน่ใจว่าหายขาดจากโรคเรื้อนจริงๆ

ตอนนั้นพวกเขายังไม่หาย แต่ก็ไปตามที่พระเยซูสั่ง – และพระเจ้าทรงรักษาพวกเขาจนหายขาด แต่มีเพียงหนึ่งในสิบคนเท่านั้นที่ตัดสินใจกลับมาขอบพระคุณ เป็นคนสะมาเรียเสียด้วย พวกยิวดูถูกคนสะมาเรีย แต่ก็มีคนสะมาเรียเท่านั้นที่กลับมาขอบพระคุณ

แลดูจะเหมือนพวกเรา ที่มักลืมขอบพระคุณเสมอ เวลาเร่งด่วนเราทูลขอความช่วยจากพระเจ้า แต่อย่าลืมที่จะสรรเสริญขอบพระคุณพระองค์ด้วยเมื่อทรงตอบคำอธิษฐาน

Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000, Riverside, CA 92514

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • ขวบปีที่ผ่านมาสมาชิกทีมอธิษฐานของเรา เรียนรู้เรื่องการขอบคุณพระเจ้าได้ “ในทุกกรณี” โดยไม่จำเป็นต้องรอการตอบคำอธิษฐาน เพราะเรารู้ดีว่าพระองค์ทรงฟัง และทรงรอเวลาที่เหมาะสมเพื่อจะตอบเรา…สรรเสริญพระเจ้า
  • ขอให้เราเป็นคนที่สำนึกในพระคุณเสมอ แม้ในยามทุกข์หรือยามสุข เพราะพระเจ้าอยู่ด้วยกับเราในทุกสถานการณ์ …ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

เรียกความดีว่าชั่วร้าย เรียกความชั่วร้ายว่าดี

“วิบัติแก่คนเหล่านั้นที่เรียกความชั่วร้ายว่าความดี และความดีว่าความชั่วร้าย ผู้ถือเอาว่าความมืดเป็นความสว่าง และความสว่างเป็นความมืด ผู้ถือเอาว่าความขมเป็นความหวาน และความหวานเป็นความขม” (อิสยาห์ 5:20)

ผู้คนอาจมีความคิดที่บิดเบือนไปเสียจนแยกแยะความดีความชั่วไม่ออก

ผมฟังรายการวิทยุในเช้าวันหนึ่ง ในรายการพูดคุยกันถึงเรื่องที่นักวิทยาศาสตร์ต้องการนำเนื้อเยื่อของทารกที่แท้งออกมา ไปทำการทดลองวิจัย พวกเขาเล่าว่าเดี๋ยวนี้มีผู้หญิงบางคนตั้งใจให้ท้อง เพื่อจะทำแท้งทารก แล้วเอาเนื้อเยื่อไปขายให้ทำการวิจัย ในแวดวงนักวิทยาศาสตร์เองก็ส่งสริมการประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้ พวกเขาอ้างว่า การวิจัยนี้จะดีมีประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ! แล้วมวลมนุษยชาติที่เริ่มก่อตัวอยู่ในมดลูกล่ะครับ?

ผู้คนในทุกวันนี้จะหลอกล่อ กล่อมเกลาความคิดของตัวเอง จนในที่สุดพวกเขาก็ยอมรับความชั่วด้วยจิตสำนึกว่าเป็นสิ่งที่ดีที่ควรทำ

คุณล่ะครับ จุดยืนในเรื่องนี้อยู่ที่ตรงไหน? อะไรคือสิ่งถูก และอะไรคือสิ่งผิด?

ใช้เวลาในวันนี้อ่านพระธรรมสดุดี 139 และให้พระเจ้าสำแดงความจริงของพระองค์กับคุณนะครับ

โดย: Pastor Adrian Rogers

Daily devotional

Love worth finding ministries: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • นักวิทยาศาสตร์ต่างชาติทำสิ่งผิด กล่อมความคิดตัวเองว่านี่คือสิ่งดีมีประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ ของไทยเราที่เป็นข่าวอยู่ไม่รู้จะอ้างอย่างไร?
  • ปฐมกาล 9:6 พระเจ้าเตือนว่า “ผู้ใดฆ่ามนุษย์ให้โลหิตไหล มนุษย์จะฆ่าผู้นั้นให้โลหิตไหลเหมือนกัน เพราะพระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ ตามพระฉายาของพระองค์” น่ากลัวนะคะ