Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

มีบางอย่างที่ฉันพอทำได้

พระองค์จึงตรัสสั่งคนทั้งปวง ให้นั่งรวมกันที่หญ้าสดเป็นหมู่ๆ ประชาชนก็ได้นั่งรวมกันเป็นหมู่ๆ หมู่ละร้อยคนบ้าง ห้าสิบบ้าง  (มาระโก 6:39-40)

เหน็ดเหนื่อย หิวโหย ไม่มีอะไรติดตัว รอบตัวมีแต่ความต้องการ นี่คือสิ่งที่สาวกของพระเยซูต้องเผชิญหลังจากวันอันเหน็ดเหนื่อยจากพระราชกิจ แม้แต่พระเยซูเองก็ต้องการพักผ่อน พระองค์จึงบอกให้พวกสาวกนั่งเรือข้ามฟากไปก่อน ไปหาที่เงียบๆพักผ่อน เป็นความคิดที่ดีใช่มั้ย? แต่จริงๆแล้ว มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

จากพระราชกิจที่พระเยซูทำ มีผู้คนมากมายติดตามพระองค์ไปทุกหนแห่ง อันที่จริงพวกเขาโหยหาการสัมผัสจากพระองค์ พวกเขาวิ่งไปตามแนวชายฝั่ง และข้ามฟากไปก่อนพระองค์จะไปถึงด้วยซ้ำ

ลองนึกภาพท่าทีของสาวกที่เห็นคนคนหิวกระหายวิ่งไล่ตามขนาดนั้น ฉันคิดว่าพวกเขาคงรู้สึกกลวงโบ๋ข้างใน คุณเคยรู้สึกแบบเดียวกันหรือไม่? … เหน็ดเหนื่อยหมดแรงจากการเรียกร้องของผู้คนรอบข้าง  … ไม่มีอารมณ์ชื่นชมหลงเหลือ  …หมดเกลี้ยงไม่มีอะไรเหลือให้ใครอีกต่อไป

ขณะที่พวกสาวกต้องการล้มตัวลงพัก พระเยซูกลับเริ่มต้นสั่งสอนประชาชนอีก พระองค์ไม่เห็นหรือว่าพวกเขาหมดเรี่ยวแรงแล้ว?  ไม่ต้องการทำอะไรอีก เพราะพวกเขาคิดว่าไม่มีอะไรให้ทำได้มากไปกว่านี้

พวกสาวกพยายามแม้กระทั่งยับยั้งไม่ให้พระเยซูเทศนาต่อ บอกประชาชนให้กลับบ้านไป พวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบเสียที พวกเขาพูดว่า  “…ที่นี่กันดารอาหารนัก และบัดนี้เวลาก็เย็นลงมากแล้ว ขอพระองค์ทรงให้ประชาชนไปเสียเถิด เพื่อเขาจะได้ไปซื้ออาหารรับประทานตามบ้านไร่ บ้านนาที่อยู่แถบนี้” (มาระโก 6:35ข−36)

ไม่เพียงแต่สาวกเท่านั้นที่เหนื่อย แถวนั้นยังเป็นที่ “กันดารอาหาร” อีกด้วย ฉันรู้จักความรู้สึกนี้เป็นอย่างดี หลายครั้งในชีวิตที่หันไปทางไหนก็เจอแต่ความต้องการ สถานการณ์และผู้คนที่คอยบีบบังคับ ความหวังก็ริบหรี่เหมือนเทียนใกล้ดับ ในเวลาเช่นนั้น ดูเหมือน “ไม่มีอะไรที่ฉันทำได้”

ในวันนั้น วันที่พวกสาวกรู้สึกแบกรับต่อไปไม่ไหว พระเยซูทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แทนที่จะปล่อยให้พวกสาวกส่งประชาชนกลับบ้าน พระองค์ตรัสว่า “พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด” (มาระโก 6:37)

พระเยซูให้สาวกไปดูว่าพอมีอาหารหรือไม่  มี…แต่ว่าน้อยนิด พวกเขานำขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวส่งให้พระองค์ พระเยซูจึงสั่งสาวกให้จัดประชาชนนั่งลงเป็นหมู่ๆ (ข้อ 39) ขณะที่สาวกออกไปทำตามนั้น พระเยซูทรงขอบพระคุณพระบิดาสำหรับอาหารในพระหัตถ์  และส่งอาหารนั้นให้สาวกนำไปแจกจ่าย พระเยซูทรงทำการอัศจรรย์ในวันนั้น ทุกคนได้กินอิ่ม และยังมีเหลืออีก 12 กระบุงเต็ม

ฉันอ่านเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่อไม่นานมานี้บางอย่างโดดเด่นสะดุดตาออกมา ทำไมพระเยซูต้องให้ประชาชนนั่งลงด้วย? และทำไมต้องนั่งเป็นกลุ่มๆ? คำตอบที่น่าจะชัดเจนคือเป็นเพราะสถานการณ์เกินจะรับมือไหว พระเยซูรู้ว่าประชาชนต้องหยุดและฟังคำสั่ง

เป็นเรื่องแสนธรรมดา หยุดและรอฟังว่าให้ทำอะไรต่อไป จะเป็นอย่างไรถ้าพระเยซูต้องการให้พวกสาวกเบนความสนใจไปจากสิ่งที่พวกเขาคิดว่า “ทำไม่ได้” ไปยังสิ่งที่พวกเขา “พอทำได้”? และพระองค์จะทรงทำสิ่งที่เหลือกำลังของพวกเขาเอง − ทรงทำการอัศจรรย์

พวกสาวกมองไปที่ความขาดแคลนของตัวเอง และคิดว่ายังไงๆก็ไม่มีทางตอบสนองความต้องการอันมหาศาลนี้ได้ จึงตัดสินใจไม่ทำอะไรเลย ที่แย่กว่าคือพวกเขาลืมไปว่ากำลังยืนอยู่ข้างๆบุคคลที่ช่วยได้ แต่พระเยซูต้องการให้พวกเขาลงมือทำบางสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ได้ก่อน เพื่อเตรียมสำหรับการอัศจรรย์ที่พระองค์จะทรงประทานให้ต่อมา

เมื่อเผชิญหน้ากับความยากลำบากในชีวิต มีสติปัญญาสำหรับฉันเสมอ บ่อยครั้งฉันมัวแต่คิดว่าเรื่องนี้ “เกินความควบคุม” และเพ่งไปแต่ที่ปัญหา คิดว่ามันไม่ยุติธรรม ถึงแม้จะอธิษฐานแล้ว ทูลพระองค์ถึงความต้องการและมอบสิ่งที่มีให้องค์พระเยซูแล้ว ฉันก็ยังเพ่งไปในสิ่งที่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้อยู่ดี นับเป็นการกำหนดกรอบมุมมองที่จำกัดของตัวเองอย่างน่าเสียดาย

บางครั้งก็ลืมไปว่าตัวเองยืนอยู่ใกล้บุคคลที่สามารถเลี้ยงคนห้าพันคนได้ด้วยขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัว …แถมยังมีเหลืออีก! บางครั้งแทนที่จะทำในสิ่งที่พระเจ้าวางไว้ตรงหน้า ฉันกลับยืนเฉยไม่ทำอะไรเลย

บางทีแทนที่จะยืนบิดมือด้วยความกังวล ฉันควรจะตั้งต้นทำในสิ่ง “ควบคุมได้” ก่อน มีบางสิ่งที่เราสามารถทำได้เสมอเพื่อให้สถานการณ์อยู่ในการควบคุม ไม่ใช่วิธีเบนความสนใจไปที่อื่น  … แต่เป็นการกระทำที่เกิดจากความเชื่อ พระเยซูยังทรงทำการอัศจรรย์อยู่ และที่แน่ๆฉันไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้

โดย: Glynnis Whitwer

Girlfriends in God: www.crosswalk.com

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • อันนี้ตัวเองเป็น พอคิดว่าทำอะไรไม่ได้ ก็เฉยๆไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้สถานการณ์พาไป แต่ขอบคุณพระเจ้าที่มีพี่น้องรอบตัวหลายคนเป็นประเภท “ไฮเปอร์” นิ่งไม่เป็น ต้องทำอะไรก็ได้ไปก่อน เดี๋ยวที่เหลือจะค่อยๆตามมาเอง
  • เราคงต้องไม่เอากรอบความคิดของตัวเองปิดกั้นการอัศจรรย์ของพระเจ้า สิ่งนี้คงต้องอาศัยความเชื่อ และการไว้วางใจที่ต้องฝึกฝนพัฒนาไปเรื่อยๆค่ะ – ขอพระเจ้าเป็นกำลังให้ทุกท่านค่ะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ออกเดินทางไปในปีใหม่นี้

“ที่ใดๆที่ไม่มีการเผยธรรม ประชาชนก็ละทิ้งความยับยั้งชั่งใจเสีย แต่คนที่รักษาธรรมบัญญัติจะเป็นสุข” (สุภาษิต 29:18)

เฮเลน เคลลเลอร์เกิดมาเป็นคนตาบอด แต่เธอเป็นคนมีวิสัยทัศน์ ผู้สื่อข่าวถามเธอว่า “มีอะไรที่แย่กว่าเกิดมาตาบอดหรือเปล่าครับ?”

“มีสิ” เธอตอบ “คือมีตาดี แต่ไม่มีวิสัยทัศน์”

คุณมีวิสัยทัศน์สำหรับชีวิตของคุณในปีใหม่นี้หรือไม่? เมื่อก้าวเข้าสู่ปีใหม่ ผมจะทบทวนเป้าหมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ ความสัมพันธ์ ความรอบรู้ ร่างกาย และเป้าหมายในเรื่องการเงิน ผมอธิษฐานกับพระเจ้าในเรื่องเหล่านี้ ทูลขอน้ำพระทัยในแต่ละเรื่องสำหรับชีวิตของผม โดยนำทุกสิ่งมาวางไว้บนมือและมอบถวายให้กับพระองค์ ขอพระองค์ประทานสติปัญญา ทิศทาง และพระประสงค์ตามที่พระองค์หมายพระทัยไว้ ผมไม่อยากเป็นคนที่ขาดวิสัยทัศน์ และไม่ต้องการให้คุณเป็นด้วย

ตั้งต้นคิดว่าคุณต้องการมีเป้าหมายใดในชีวิต อธิษฐานและแสวงหาพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขณะใคร่ครวญถึงชีวิตของคุณในอนาคตนะครับ

โดย: Pastor Adrian Rogers

Daily devotional

Love worth finding ministries: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • เป็นเรื่องที่ควรทำมาก นำความตั้งใจทั้งหมดของเรามาวางไว้บนมือ ยกมอบให้องค์พระผู้เป็นเจ้า ให้พระองค์ปรับเปลี่ยนไปตามพระประสงค์ เพื่อในอีก 361 วันข้างหน้าเราจะเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง ปลอดภัย และเป็นที่พอพระทัย
  • ขอพระเจ้าอวยพระพรให้ทุกท่านรู้น้ำพระทัย กล้าดำเนินตามพระประสงค์ พึ่งพิงพระวจนะ ดูแลร่วมรับใช้ด้วยกันในแผ่นดินของพระองค์ และที่ขาดไม่ได้เลยคืออธิษฐานตลอดเวลาค่ะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ก่อสร้าง และคุ้มกัน

ตั้งแต่วันนั้นมา ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งทำการก่อสร้าง อีกครึ่งหนึ่งถือหอก โล่ คันธนู และเสื้อเกราะ บรรดาประมุขทั้งหลายหนุนหลังพวกยูดาห์ ผู้ที่ก่อสร้างกำแพง และบรรดาผู้ที่ขนของก็ยกของขึ้น ทุกคนมือหนึ่งทำงาน อีกมือหนึ่งถืออาวุธไว้ (เนหะมีย์ 4:16-17)

เมื่อพระเจ้าเรียกเนหะมีย์ ผู้เชิญถ้วยเหล้าองุ่นของพระราชาอารทาเซอร์ซีส ให้มาสร้างกำแพงเมืองเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ เนหะมีย์กำลังมีชีวิตที่สะดวกสบาย อยู่ในตำแหน่งและมีฐานะ แต่เนหะมีย์รู้สึกมีบางอย่างรบกวนจิตใจ เพราะท่านรู้ว่าขณะที่ท่านมีความสุขดีอยู่นั้น เพื่อนร่วมชาติชาวยิวกำลังอาศัยอยู่ในซากปรักหักพัง กำแพงสูงที่ครั้งหนึ่งเคยล้อมอยู่รอบกรุงเยรูซาเล็มนั้นกลายเป็นเศษอิฐหักๆกองอยู่ ทั้งถูกไฟเผาและถูกทำลาย พระเจ้าทรงสั่งให้เนหะมีย์ใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อทำการนี้ เนหะมีย์จึงอธิษฐานและไปเข้าเฝ้าพระราชา ทูลขอพระราชานุญาตกลับไปสร้างกำแพงเมืองขึ้นมาใหม่ พระราชาทรงอนุญาต และเนหะมีย์ได้กลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เริ่มจัดการหาคนมาช่วยกันสร้างกำแพง

ตอนแรก พวกเขาไม่มีใครสนใจเลย แต่ในที่สุดเนหะมีย์ก็รวบรวมคนได้ ทุกคนช่วยกันทำงาน ไม่ช้าเมื่อคนอิสราเอลเริ่มสร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ การต่อต้านก็เกิดขึ้น

เป็นที่สิ่งเตือนเราว่า เมื่อไรก็ตามที่คนของพระเจ้าพูดกันว่า “ลุกขึ้นเถอะ และมาเริ่มลงมือกัน” พวกมารและสมุนของมันก็จะพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ ไปต่อต้านกัน” เรื่องท้าทายยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่งขององค์กรที่เราทำอยู่ คือเมื่อใดก็ตามที่เราจะไปประกาศ ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่เรื่องเอกสาร ใบปลิว สถานที่ หรือสิ่งจำเป็นต่างๆที่ต้องใช้ สิ่งที่ยากที่สุดคือปลุกคริสตจักรท้องถิ่นให้ตื่นขึ้น เพื่อออกไปประกาศข่าวประเสริฐที่ในชุมชนของพวกเขาเอง

และนี่คือสิ่งที่เนหะมีย์ต้องทำ เราเองก็ต้องทำด้วย ทางหนึ่งคือเราต้องเสริมสร้างตัวเองขึ้นในความเชื่อ และอีกทางเราต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อความเชื่อ เราสร้างขึ้นและคุ้มกัน สองสิ่งนี้ต้องไปด้วยกันครับ

Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000, Riverside, CA 92514

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • เป็นความจริงที่ทุกครั้งเราออกไปทำงาน นำคนมาสู่แผ่นดินของพระเจ้า เรามักถูกขวางด้วยสารพัดเรื่อง ทั้งๆที่รู้ แต่พอเกิดขึ้นรับมือแทบไม่ทัน
  • สิ่งที่ทำได้คือรู้ทันเล่ห์กลของมาร ถ้าพลาดพลั้งเผลอไป ต้องไว หันกลับมาตั้งตัว สู้ อย่ายอมแพ้ แล้วการงานของพระเจ้าจะสำเร็จลงอย่างสวยงาม – อย่าลืม “สร้าง และคุ้มกัน” ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

Categories
วันนี้ที่ CJ สารจากศบ.

สารจาก ศบ. 26 ธัวาคม 2010

26 ธันวาคม 2010

สุขสันต์วันคริสตมาสและปีใหม่ครับ!

วันนี้ขอยินดีกับพี่น้อง 7 ท่านที่จะรับบัพติศมารุ่น 5 (ซึ่งกลายเป็นรุ่นที่ 4 ไปโดยปริยาย เพราะว่า เรามีรุ่น 3.5 มาแทรกกลาง!  คือ

1. คุณกรุณา  จันวินิจ

2. คุณเถกิง  ลิ่มพันธ์

3. คุณกิตติธัช บุญ-หลง

4. คุณธันย์ชนก ศิวบุณยวงศ์

5. คุณโกเมนต์  ใจปินตา

6. คุณวัชรี  สิงทอง

7. คุณโยษิตา  บัวเสถียร

ขอสมาชิกทุกท่านร่วมแสดงความยินดีและร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีในวันนี้ด้วยครับ!

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับคริสตมาสในปีนี้ที่พวกเราหลายคนมีโอกาสได้รับใช้มากมายในหลายโอกาส ทั้งไปต่างจังหวัด ทั้งผ่านรายการโทรทัศน์  ทั้งภายในคริสตจักร ภายในบ้านของสมาชิก ทั้งในบริษัท (โรงงาน) ในสำนักงาน  ในโรงแรม  ในห้าง ทั้งในสนามกีฬา และในห้องประชุม ฯลฯ

ผมดีใจที่เห็นพี่น้องรักพระเจ้าและเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น เดี๋ยวนี้หลายคนเป็นพยานได้ดี บางคนเริ่มเชื่อเป็นพี่เลี้ยงได้ บางคนก็เป็นครูแล้ว น่าภูมิใจจริง ๆ

ผมดีใจที่มีผู้รับเชื่อผ่านสายสัมพันธ์ของสมาชิก CJ ของเรามากยิ่งขึ้น

หวังว่าในปี 2011 นี้จะมีผู้รับบัพติศมาถึง 100 คน!

ขอให้ปีใหม่นี้สมาชิกทุกคนที่เดินทางจะได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาจากพระเจ้าให้ไป – กลับปลอดภัย

ในวันที่ 2 มค.2011 นี้ ผมภูมิใจเสนอทีมผู้อภิบาลในการนำนมัสการและแบ่งปันกับพี่น้องทุกท่าน (ส่วนในวันเดียวกันนั้น ผมจะแบ่งปันพระวจนะของพระเจ้าที่คริสตจักรพระคุณเชียงใหม่ ในตอนเช้า และที่คริสตจักรจีนฟ้าฮ่าม เชียงใหม่ ในตอนบ่าย!)

ดังนั้น ขอพี่น้องทุกท่านที่อยู่ใน กทม. อย่าพลาดการนมัสการพิเศษในวันนั้นนะครับ!

ขอบคุณพระเจ้าสำหรับรายการคริสตมาสของ CJ ปีนี้ ในวันเสาร์นี้ (25 ธค.) ที่บริษัทแมงป่อง คนคับคั่ง คึกคัก  ทุกคนได้รับความสนุกสนานแบบสาระบันเทิงกันอย่างเต็มล้น คนราว 500 คน ร่วมงาน นับว่ามากที่สุดตั้งแต่จัดงานมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวันที่มีการกินโต๊ะจีนเช่นนี้

ขอขอบคุณทุกคนที่เตรียมและจัดงานนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 3 ประธาน ป้อง, แป้ง และโบ ขอให้มีความสุข   มาก ๆ !

วันนี้ ขอให้อธิษฐานเผื่อสมาชิกหมายเลข 93-96 คือ

93. คุณสุจินดา (แหม่ม) ฉัตรทอง

94. คุณรัชดาภา(แป้ง) รัชตะวรรณ

95. คุณชีวิน (บอยด์) โกสิยพงษ์

96. คุณวรกัญญา(ตุ้ย) โกสิยพงษ์

โดยอธิษฐานเผื่อตามหัวข้อต่อไปนี้

1. สุขภาพกาย – จิตและวิญญาณที่แข็งแรง สมบูรณ์

2. คำพูดและชีวิตที่บริสุทธิ์เป็นพร และเป็นพยานถวายเกียรติแด่พระเจ้า และนำหลายคนให้ สนใจหรือมาหาพระคริสต์

3. ปัจจัยอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตมีอย่างพอเพียง เช่นทรัพย์อื่น เงินทองและการงานอาชีพ ฯลฯ

4. สติปัญญา ความรู้ความเข้าใจ และความรักอย่างเหลือล้น ที่จำเป็นอย่างยิ่ง ต่อการศึกษา  การทำงานการ รับใช้และความสัมพันธ์กับคนอื่น และในการแก้ไขปัญหาที่เผชิญ  ฯลฯ

5. มีส่วนร่วมในชีวิตและสามัคคีธรรมกับพี่น้องอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในวาระโอกาสต่าง ๆ อย่างเช่นในกลุ่มแคร์ หรือ กิจกรรมต่าง ๆ ของคริสตจักร อย่างเช่นเคย

6. มีความตั้งใจ ความพยายาม และความสม่ำเสมอ ในการมานมัสการพระเจ้าที่คริสตจักร โดยให้พระองค์ทรงเป็นที่หนึ่งในชีวิตอย่างแท้จริง

7. มีความเสียสละ  ทุ่มเท ในการมีส่วนร่วมในการรับใช้และในพันธกิจต่าง ๆ ของคริสตจักร ทั้งโดยการถวายทรัพย์  แรงงาน  สติปัญญา ความสามารถ หรือเวลา ฯลฯ

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านครับ

ด้วยรัก

ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์  ศิษยาภิบาล

(ในนามของคณะผู้อภิบาล)

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

พระเจ้าประทานความรักให้ในวันคริสตมาส

คุณกำลังมองหาของขวัญให้ใครบางคนในคริสตมาสนี้หรือเปล่า? ทำไมไม่ให้พวกเขาในสิ่งที่พระเจ้าประทานให้เรา? “ความรักของพระองค์” พระกิตติคุณยอห์น 3:16 กล่าวว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”

เมื่อพระเจ้าประทานพระบุตร คือพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงประทานของขวัญแห่งความรัก

โลกของเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่ความสิ้นหวัง เรามีผู้เชี่ยวชาญเรื่องเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีกลุ่มไฮโซ มีผู้มีอำนาจบารมี มีแพทย์ที่เขียนใบสั่งยารักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆของมนุษย์ แต่เพลงหรือคำพูดที่ว่า “สิ่งที่โลกนี้กำลังต้องการคือความรัก” จึงเป็นเรื่องจริงครับ

ในช่วงท้ายๆของชีวิต พระเยซูตรัสว่า “ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง เพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป” (มัทธิว 24:12) ความรักเป็นสิ่งจำเป็นที่โลกนี้ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลคริสตมาส

โดย: Pastor Adrian Rogers

Daily treasures from the Words: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • คริสตมาสเป็นเทศกาลแห่งการมอบความรัก แต่เรามักถูกทดสอบว่าจะทำได้จริงหรือไม่ บางทีเราเจอแต่เรื่องร้ายๆ เจอผู้คนไม่น่ารัก หรือไม่เราก็ทำตัวไม่น่ารักเสียเอง เราคงต้องเอาชนะ เพื่อจะสามรถให้ของขวัญแห่งความรักออกไปได้
  • อธิษฐานเผื่อการประกาศเรื่องราวความรักในเทศกาลคริสตมาสนี้ มีพี่น้องคริสเตียนทั่วโลกกำลังขมักเขม้นทำงานนี้เพื่อเป็นของขวัญถวายแด่องค์พระเยซูคริสต์ค่ะ – Merry Christmas นะคะ
Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

ปีใหม่นี้จะใส่อะไรเข้าไป?

“สิ่งที่ปีใหม่นำมาสู่เราส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรานำเข้าสู่ปีใหม่”

(What the New Year brings us will depend a great deal on what we bring to the New Year.)

วันนี้ผมขอนำข้อคิดเกี่ยวกับปีใหม่มาชวนคบคิด

คนเรามักจะคาดหวังแบบลมๆ แล้งๆ ว่า  เมื่อวันปีใหม่มาถึง ชีวิตของเราน่าจะดีขึ้น หรือมีความสุขมากขึ้นอย่างอัตโนมัติ  ทั้งๆ ที่เราก็รู้ว่า ความเป็นจริงของชีวิตไม่ได้เป็นเช่นนั้น!

ก็ไม่แตกต่างจากคนที่คิดจะแต่งงาน โดยคาดหวังว่าหากเขาได้แต่งงาน นับจากวันแต่งงานเป็นต้นไป เขาจะมีชีวิตที่ดีขึ้น และมีความสุขมากขึ้นโดยอัตโนมัติ  แต่ในความเป็นจริง ชีวิตสมรสหรือชีวิตคู่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น!

“ความสุข” ไม่ได้รออยู่พร้อมในวันปีใหม่หรือในวันแต่งงาน

วันก็คือวัน ปีก็คือปี มันมีแต่ “ความสามารถจุ” ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า เราจะบรรจุอะไรลงไปในวัน เดือน ปี เหล่านั้น?

ใช่ครับ ใน “วัน” เหล่านั้นมีแต่ “ความว่างเปล่า” ที่รอให้เราเติมเต็มลงไปใน “พื้นที่” ที่มีอยู่ เราอาจบรรจุความทุกข์ความขมขื่นลงไป หรือบรรจุความสุข ความยินดีลงไปก็ได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง!

หากเราต้องการให้วันคืนต่าง ๆ ในชีวิตของเรามีความสุข เราสามารถกระทำได้ 2 แนวทาง ดังนี้

1) แนวทางที่หนึ่ง เราต้องตั้ง “ระบบแปลงทัศนคติ” หรือ “บ่อบำบัดของเสียทางอารมณ์และความคิด” ขึ้นมาเพื่อรับมือกับ “มลภาวะทางอารมณ์หรือมลพิษทางความคิด” ที่เข้ามากระทบชีวิตของเรา! ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า  “การรู้จักมองโลกในแง่ดี หรือในแง่บวก” นั่นคือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา นับจากวันนี้ไปเราจะนำสิ่งเหล่านั้นเข้าสู่ระบบบำบัดของเรา …หากสิ่งที่เกิดกับเราเป็นสิ่งดีที่น่ายินดี และให้ความสุข เราก็จะแยกเก็บไว้ในคลังใจของเรา แต่หากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรานั้นเป็นสิ่งไม่ดี หรือน่าเศร้าเสียใจก็ให้เรานำเข้า “บ่อบำบัดของเสียทางอารมณ์หรือความคิด” ที่เตรียมไว้ในทันที แล้วให้มลพิษเหล่านั้นได้รับการบำบัดให้กลายเป็น “ความสุข” และ “ความยินดี” ที่ใสบริสุทธิ์แทน!

สำหรับคนที่รู้จักและเชื่อในพระเจ้า “บ่อบำบัด” ที่ว่านั้นคือ การมีทัศนคติอย่างที่องค์พระเยซูคริสต์ทรงมี

ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์” (ฟิลิปปี 2:5)

คำว่า “น้ำใจ” ในข้อนี้หมายถึง “ความคิด” หรือ “ทัศนคติ”!  แล้วองค์พระเยซูคริสต์ทรงมีความคิดหรือทัศนคติอย่างไร?

พระองค์มีทัศนคติที่ไม่ติดยึด พระองค์ทรงพร้อมสละทุกอย่างเพื่อกระทำตามพระทัยของพระเจ้าไม่ว่าจะต้องจ่ายราคาแพงมากขนาดไหน รวมทั้งการตาย!

ด้วยเหตุนี้เอง พระองค์จึงทรงรับมือได้กับทุกสถานการณ์ที่เผชิญ!

อัครทูตเปาโลก็เรียนรู้จักเคล็ดลับนี้ ท่านจึงกำชับให้เรามีความยินดีในทุกสถานการณ์ของชีวิตเช่นกัน แม้แต่ในยามที่ท่านถูกคุมขังอย่างไม่เป็นธรรมอยู่ในคุก ท่านยังย้ำกับคนนอกคุกว่า …

“จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด” (ฟิลิปปี4:4)

เราจึงสามารถมีความสุขความยินดีอย่างนั้นได้เช่นกันหากเรามีทัศนคติเช่นนั้นเช่นกัน!

“ความสุข” ของเราจึงไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกใด ๆ ในชีวิต เพราะเป็น “ความสุขแท้” ที่เกิดมาจากการรู้จักพระคริสต์ คิดอย่างพระคริสต์และประสงค์จะได้รับใช้กระทำตามพระทัยของพระองค์  ดังนั้น ไม่ว่า “ปีใหม่” ของเราหรือ “ชีวิตครอบครัว” ของเราจะเป็นอย่างไร?  เราสามารถมองดูและรับมือกับสถานการณ์เหล่านั้นได้โดยอาศัย “ทัศนะ” และ “กำลัง” ที่มาจากองค์พระเยซูคริสต์

“ข้าพเจ้าผจญทุกสิ่งได้ โดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า” (ฟิลิปปี 4:13)

นั่นคือ ช่องทางที่ 1 ที่จะทำให้เรามีความสุขในปีใหม่นี้

2) แนวทางที่สอง เราต้อง “สร้างความสุข” หรือ บรรจง “เลือกนำความสุข” เข้าสู่ปีใหม่หรือครอบครัวหรือจิตใจของเรา!

นั่นคือ นับจากวันนี้ไปเราต้องเป็นเหมือนนักประดิษฐ์ หรือนักสร้างผู้ยิ่งใหญ่ที่ออกแบบในการสร้างความสุขให้เกิดขึ้นในชีวิตของเราที่สอดคล้องกับพระทัยของพระเจ้า เราต้องเป็นดุจนักธุรกิจที่รู้จักเลือกเฉพาะ “กิจการ” ที่นำความสุขมาสู่ตัวของเรา หรือเป็นดุจ “พ่อค้า” ที่รู้จักเลือกสินค้าที่ทำให้เรามีความสุข ความเจริญมาสู่อาชีพของเรา

เราต้องเป็นคนที่รู้จักคิดใคร่ครวญและคัดสรรแต่สิ่งที่นำเอาความสุข ความยินดีจากพระเจ้ามาสู่ชีวิตของเรา และคนรอบข้างตัวของเรา ดังคำแนะนำของอาจารย์เปาโลที่ว่า…

“ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ขอจงใคร่ครวญถึงสิ่งที่จริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ทรงคุณ คือถ้ามีสิ่งใดที่ล้ำเลิศ สิ่งใดที่ควรแก่การสรรเสริญ ก็ขอจงใคร่ครวญดู จงกระทำทุกสิ่งที่ท่านได้เรียนรู้และได้รับไว้ ได้ยิน และได้เห็นในข้าพเจ้าแล้ว และพระเจ้าแห่งสันติสุขจะทรงสถิตกับท่าน(ฟิลิปปี 4:8-9)

นอกจากนี้ เรายังควรรู้จักอธิษฐานขอสิ่งดี ๆ จากพระเจ้า และเชื่อวางใจว่าพระองค์จะประทานสิ่งที่นำความสุขเหล่านั้นให้แก่เรา

“อย่าทุกข์ร้อนในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลเรื่องความปรารถนาของท่านทุกอย่างต่อพระเจ้า ด้วยการอธิษฐาน การวิงวอน กับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขแห่งพระเจ้าซึ่งเกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจ และความคิดของท่านไว้ในพระเยซูคริสต์(ฟิลิปปี 4:6-7)

บัดนี้ คุณผู้อ่านคงทราบแล้วใช่ไหมครับว่า  คุณผู้อ่านจะทำให้เกิด “ความสุข” ขึ้นในปีใหม่และในชีวิตขอคุณ ผู้อ่านได้อย่างไร?

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Twitter.com/thongchaibsc

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

คริสตมาสปลอดหนี้

“เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไม่ได้” (ลูกา 1:37)

ความจริงที่เรายากจน เพราะเราเลือกที่จะมีปัญหาการเงิน  เป็นความจริงที่ฉันและสามีต้องเผชิญไม่กี่วันก่อนคริสตมาสเมื่อหลายปีมาแล้ว เวลาที่ควรจะมีงานเลี้ยงและเฉลิมฉลองกลับกลายเป็นความเครียดของชีวิตเรา เราจะหาเงินไปซื้อของขวัญที่ลูกๆอยากได้จากที่ไหน เราไม่อยากปฏิเสธพวกเขา แต่ถ้าเราซื้อก็แปลว่าเรกำลังเพิ่มยอดหนี้ที่สูงอยู่แล้ว ให้สูงขึ้นไปอีก เราเชื่อตามพระคำของพระเจ้าที่ว่าไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทำไม่ได้ แต่เราก็ยังนั่งกลุ้มใจ เพราะไม่มีทางแก้ปัญหาหนี้สินนี้ได้

หลายปีทีเดียว เราพยายามแก้ไขภาพพจน์ด้านปัญหาการเงินของเรา ซึ่งแลดูไม่มีหวัง เราไม่ต้องการใช้บัตรเครดิตอีกต่อไป แต่ก็มีเรื่องฉุกเฉินต่างๆเกิดขึ้น ทำให้เราไม่อาจเลี่ยง ต้องกลับใช้บัตรเครดิตอีก เราอยากจะถวายให้พระเจ้า อยากจะมีเงินออม แต่ไม่เคยมีเงินเหลือพอให้ทำเช่นนั้น เราต้องการผ่อนใช้หนี้ไปทีละนิด แต่ยังไม่เห็นหนทาง เรารู้สึกมืดแปดด้าน เราเอาตัวเราเข้าไปพัวพันกับหนี้สินที่ยุ่งเหยิงนี้เอง ไม่มีค่ำคืนไหนที่เรารู้สึกว่าจำเป็นต้องทำบางสิ่งเพื่อให้หลุดจากพันธนาการนี้ให้ได้

ฉันเห็นผู้คนบนท้องถนน จับจ่ายซื้อของและขนขึ้นรถกลับไปบ้าน อดสงสัยไม่ได้ว่ามีกี่คนกันที่ยิ่งซื้อยิ่งจมดิ่งลงไปในบ่อแห่งหนี้สิน คืนนั้นฉันและสามีนั่งคุยกันเป็นชั่วโมง เราคุยกันถึงวิธีที่จะเปลี่ยนนิสัยการใช้เงิน เพื่อจะให้ไปถึงเป้าหมายที่เราเป็นอิสระ ปลอดจากการเป็นหนี้ พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย หลอมรวมใจเราไว้ด้วยกัน  เพื่อพระประสงค์ให้เราเอาชนะและผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้

แผนที่เราวางไว้ดูง่ายและน่าจะแก้ปัญหาได้ดี เป็นเรื่องจริงต่างๆที่เราต้องยอมรับและเผชิญหน้า ตอนนั้นเรายังไม่รู้ตัวว่านั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเรา เรากำลังเริ่มออกเดินทางเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการแห่งหนี้สิน และมีชีวิตที่เป็นอิสระ แผนการนี้ใช้เวลาถึงสี่ปีครึ่งกว่าจะเกิดเป็นรูปเป็นร่าง แต่เราก็ดีใจที่ตัดสินใจทำ เพราะมันทำให้ภาพพจน์เรื่องการเงินของครอบครัวเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเวลาคริสตมาสใกล้เข้ามา ถ้าคุณยังมีความกลัว หวาดวิตก อย่าปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปโดยไม่มีการวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ก้อนใหม่ขึ้นมาอีก ถ้าคุณแต่งงานแล้ว ต้องหันหน้าปรึกษากับภรรยาหรือสามีของคุณ คริสตมาสปีหน้าอาจยังไม่ปลอดหนี้ 100% แต่ก็ดีกว่าปีนี้แน่นอน และในทุกๆคริสตมาส ด้วยความอดทน มันจะดียิ่งๆขึ้น อาจไม่ง่ายนัก แต่เป็นสิ่งดีที่สุดที่คุณสามารถให้กับครอบครัวได้ ฉันรู้ดี เพราะผ่านมาแล้ว

โดย: Marybeth Whalen

Encouragement for today: www.crosswalk.com

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • คุณหมอภากรเทศนาเมื่อวันอาทิตย์กล่าวว่า− เรามักมองหาของขวัญที่ใต้ต้นไม้ (ต้นคริสตมาส) แต่ของขวัญที่แท้จริงนั้นอยู่บนต้นไม้ที่องค์พระเยซูคริสต์ถูกตรึงจนสิ้นพระชนม์ … ลองมองหาของขวัญชิ้นนี้กัน เพื่อจะขอบพระคุณพระองค์
  • อย่าให้ของขวัญที่ผู้รับ รับแล้วไปเก็บใส่ตู้ไว้เฉยๆ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรดี แต่ผู้ให้ต้องวิ่งหาเงินมาจ่ายหนี้บัตรเครดิตไปอีกหลายเดือนข้างหน้า คิดก่อนซื้อนะคะ ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ