หมวดหมู่: วันนี้ที่ CJ

ต่อคนอ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอเพื่อจะได้คนอ่อนแอ ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกชนิดต่อคนทั้งปวง เพื่อจะช่วยเขาให้รอดได้บ้างโดยทุกวิถีทาง ข้าพเจ้าทำอย่างนี้ เพราะเห็นแก่ข่าวประเสริฐเพื่อข้าพเจ้าจะได้มีส่วนในข่าวประเสริฐนั้น (1โครินธ์ 9:22-23)

ไม่มีสูตรสำเร็จ หรือวิธีการตายตัวในการประกาศข่าวประเสริฐ เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับไปตามสถานการณ์ เมื่อคุณกำลังแบ่งปันความเชื่อ ผู้ฟังจะพยายามเบี่ยงความสนใจคุณไปเรื่องอื่น โดยอาจพูดว่า “ขอถามคำถามหน่อย แล้วพวกลัทธินิกายหลากหลายในทุกวันนี้ล่ะ คุณเป็นพวกนิกายไหน?” หรือ “คุณสนใจพรรคการเมืองไหนเป็นพิเศษ เลือกตั้งครั้งหน้า คุณว่าเลือกใครดี? คุณคิดว่ารัฐบาลอ่อนด้อยในเรื่องใด?”

“ประเด็นรอง” จะพาคุณออกนอกทางและไปจบลงที่ไหนไม่รู้ เมื่อผมประกาศเรื่องพระเยซูกับใครบางคน ผมพยายามไม่พูดจนหลงประเด็น พยายามนำกลับมาที่ประเด็นหลักเสมอ นี่คือสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงทำเมื่อสนทนากับหญิงชาวสะมาเรียที่บ่อน้ำ นางพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย แต่พระเยซูทรงยืนหยัดในประเด็นสำคัญ และเป็นสิ่งที่เราต้องทำด้วย

เมื่อคุณไปตกปลา คุณต้องใช้เหยื่อต่างกันสำหรับปลาแต่ละแบบ  และเมื่อคุณประกาศข่าวประเสริฐ คุณอาจเน้นบางเรื่องเป็นพิเศษสำหรับบางคน ในการเข้าไปทำความรู้จักกับผู้คน คุณอาจมีหลายวิธี แต่ที่สุดแล้วคุณต้องเข้าสู่หัวใจหลักของข่าวประเสริฐ ตัวอย่างเช่น เปโตร เมื่อท่านยืนขึ้นและประกาศพระกิตติคุณไปสู่ชาวยิว (กิจการ 2) และ อ.เปาโลเมื่อไปประกาศกับชาวต่างชาติ (กิจการ 17) ผู้ฟัง และวิธีในการประกาศข่าวประเสริฐต่างกันอย่างสิ้นเชิงในทั้งสองกรณี แต่ทั้งคู่นำเสนอประเด็นสำคัญประเด็นเดียวกัน

นี่คือที่เรียกว่าเป็นคนทุกชนิดต่อคนทั้งปวง อ.เปาโลกล่าวว่า “ต่อคนอ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอเพื่อจะได้คนอ่อนแอ ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกชนิดต่อคนทั้งปวง เพื่อจะช่วยเขาให้รอดได้บ้างโดยทุกวิถีทาง” (1โครินธ์ 9:22)

ที่สำคัญคืออย่าไปทำให้เขาอับอาย หรือสร้างความอึดอัดใจ แต่ไปสร้างบรรยากาศสนิทสนมคุ้นเคย และให้เขามีส่วนร่วมในการสนทนา เราจึงจำเป็นต้องปรับวิธีการครับ

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000, Riverside, CA 92514

ข่าวประชาสัมพันธ์

• ข่าวประเสริฐต้องเร่งประกาศออกไป แต่ด้วยท่าที จังหวะเวลา และสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า ให้ผู้คนอยากเข้ามาใกล้มากกว่าอยากวิ่งหนีเราไปให้ไกลๆ
• อธิษฐานเผื่อสถานการณ์โลก ภัยก่อการร้าย ความขัดแย้งรุนแรง และภัยพิบัติโดยเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่น ความปลอดภัย อาหารการกิน สุขภาพผู้คน รวมถึงผู้เชื่อและคริสตจักรที่นั่นจะเร่งทำการขององค์พระผู้เป็นเจ้า – ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

“จงละความกระวนกระวายของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย” (1เปโตร 5:7)

เพื่อนสนิทของฉันรอนนี่ และน้องชายผ่านไปเห็นอุบัติเหตุรถชนกัน รอนนี่กระโจนเข้าไปช่วย ขณะเปิดประตูรถกลับโดนสายไฟหลายพันโวลท์ที่ตกลงมาพาดอยู่บนรถ เขาถูกไฟช๊อทล้มหงายท้องลงไปที่พื้นถนน กว่าน้องชายจะช่วยออกมาได้เขาก็อ่อนปวกเปียกจนหมดสติไป รถพยาบาลต้องรีบนำไปส่งที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน

เมื่อได้ยินข่าวว่าขาของรอนนี่ทั้งสองข้างต้องถูกตัด ความคิดของฉันพุ่งไปที่ “รอนนี่คงไม่รอดแน่” ไม่ใช่กลัวว่าเขาจะตาย แต่กลัวว่าเขาจะต้องต่อสู้กับความสูญเสีย รอนนี่เป็นนักกีฬา เป็นคนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก สมัยเรียนมหาวิทยาลัย เขาเคยเจ็บขาเพราะตกมอเตอร์ไซด์ และจำต้องพึ่งคนอื่น มันทำให้เขารู้สึกแย่เอามากๆ

ทันทีที่ถึงโรงพยาบาล ฉันไปยืนที่ข้างเตียง ร้องไห้เมื่อเห็นสภาพเพื่อนรักนอนหมดสติ หลายเดือนหลังจากนั้น รอนนี่ต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกหลายครั้ง บางครั้งฉันก็ไม่ได้ติดต่อไป จนกระทั่งวันหนึ่งเขาโผล่มาหาที่โบสถ์ มาพร้อมกับครอบครัว มีบุตรชายตัวน้อย และบุตรสาวอีกคน พวกเขาย้ายมาอยู่บ้านใกล้ๆกันกับเรา

รอนนี่เปลี่ยนไปหลายอย่าง มีผมหงอกประปราย อ้วนขึ้น แต่สิ่งสวยงามสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป อารมณ์ขันและความเชื่อที่หยั่งรากลึก เขาสารภาพว่าต้องผ่านวันคืนอันมืดมิด โดยเฉพาะช่วงแรกที่รู้ว่าต้องพึ่งพิงภรรยาและทีมจากที่โรงพยาบาล แต่ในช่วงเวลานั้นเขาเริ่มเรียนรู้ที่จะพึ่งพิงพระเจ้า พระบิดาผู้ทรงเยียวยาและกอบกู้เขาออกจากโศกนาฏกรรมของชีวิต

รอนนี่เป็นครูอยู่ที่โรงเรียนสอนคนตาบอด เรื่องราวของเขาที่ถ่ายทอดไปทำให้เข้าถึงจิตใจของพวกนักเรียนได้ และด้วยความรักในงานสอนความผูกพันระหว่างตัวเขากับนักเรียนนั้นยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้น เขาไม่เพียงแต่ต้องเดินด้วยขาเทียมทั้งสองข้าง เขายังทำไร่ ขับรถแทร็กเตอร์ และเดินทางไปทำงานนอกสถานที่ได้อีก เขาเดินทางไปพร้อมกับเพื่อนที่สูญเสียขาเหมือนกัน ช่วยกันและกันให้ยืนขึ้นได้อีกครั้ง

รอนนี่เป็นคนแรกที่ยอมสารภาพว่าเมื่อเขาช่วยเหลือตนเองไม่ได้ ต้องพึ่งพิงคนอื่น ทำให้ชีวิตฝ่ายวิญญาณของเขาต้องพึ่งพิงพระเจ้าอย่างไม่เคยทำมาก่อน เป็นของขวัญที่มาจากพระเจ้า

เมื่อเราจำต้องพึ่งผู้อื่น เราจะยอมจำนนได้ ไม่ใช่กับสถานการณ์หรือความสูญเสีย แต่ยอมกับพระเจ้า นักเขียน แม๊กซ์ ดาวิส กล่าวว่า “เมื่อต้องพึ่งพิงผู้อื่นอย่างหมดสิ้น เมื่อนั้นเราจะเลิกดำเนินชีวิตด้วยกำลังของเราเอง” และเราจะพบกำลังใหม่ในพระเจ้าที่ทำงานในเราและผ่านเราออกไป … นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเพื่อนรักของฉันรอนนี่ และอาจเกิดขึ้นกับพวกเราได้

โดย: T. Suzanne Eller

Encouragement for today: www.crosswalk.com

ข่าวประชาสัมพันธ์

• ขณะที่ทำอะไรมากไม่ได้กับสถานการณ์ร้ายต่างๆที่เกิดขึ้นรอบโลก คำอธิษฐานของพวกเราช่วยได้ เพราะในคำอธิษฐานเรากำลังเข้าพึ่งพิงองค์พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพไม่จำกัดค่ะ – ขอพระเจ้าอวยพร

“ส่วนพืชซึ่งหว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นก็เกิดผลร้อยเท่าบ้าง หกสิบเท่าบ้าง สามสิบเท่าบ้าง” (มัทธิว 13:23)

เวลาผมพาหลานสาวไปทานข้าวข้างนอก บางครั้งผมก็บอกกับหลานว่า “นี่เป็นประตูหน้าที่ใครๆก็เข้าไป แต่ยังมีทางลับอื่นอีก ใครอยากเข้าไปทางลับกันบ้าง?”

“หนูค่ะคุณตา” เธอรีบบอก แล้วเราก็จะเดินอ้อมไปข้างๆเข้าไปทางประตูอีกด้าน ระหว่างเปิดประตูเข้าไปผมจะพูดว่า “เงียบๆนะ อย่าให้ใครเห็นเรา เพราะนี่เป็นทางลับ?”

บางครั้งเราเองก็หาทางลับเพื่อเข้าสู่ชีวิตฝ่ายวิญญาณ เราอยากใช้เส้นทางลัดฝ่ายวิญญาณ ผมไม่อยากบอกว่า “มันไม่มีหรอกครับทางลับ ทางลัดที่ว่านี้” การเติบโตฝ่ายวิญญาณต้องใช้เวลา และใช้เยอะด้วย ความเชื่อเกิดขึ้นได้ในทันที แต่การเปลี่ยนแปลงใช้ทั้งชีวิตครับ

ในอุปมาเรื่องผู้หว่านพืช พระเยซูตรัสถึงคนที่ได้ยินพระวจนะแล้วดำเนินตามตั้งแต่ต้นจนจบ : ““ส่วนพืชซึ่งหว่านตกในดินดีนั้น ได้แก่บุคคลที่ได้ยินพระวจนะนั้นและเข้าใจ คนนั้นก็เกิดผล…” (มัทธิว 13:23) การซึมซับพระวจนะเป็นเรื่องสำคัญ ยิ่งเราสามารถทำได้มากเท่าไรยิ่งดี แต่ยังไม่พอ เราจำเป็นต้องเข้าใจด้วย

เราต้องนำพระวจนะมาศึกษา พิจารณา ใคร่ครวญ โดยใช้เวลาทั้งวันทั้งคืน (ดูสดุดี 1:1-2) ซี เอช สเปอร์เจียนกล่าวว่า “ไม่มีใครเรียนรู้พระวจนะได้ทั้งหมดจนไม่ต้องเรียนอีกแล้ว พระคัมภีร์เป็นหนังสือที่ขยายออกไป และลึกลงไปได้ตลอดทั้งปีเดือนของเรา” สิ่งที่คุณจะได้รับกลับคืนคือผลของพระวิญญาณ

เป้าหมายในชีวิตคริสเตียนของเราคือเปลี่ยนแปลงไปให้เหมือนองค์พระเยซูคริสต์ และให้เกิดผลฝ่ายวิญญาณในชีวิตของเรา เพื่อพระเกียรติและพระสิริทั้งสิ้นจะเป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า นี่คือเป้าหมายที่เราต้องมุ่งไปครับ

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000, Riverside, CA 92514

ข่าวประชาสัมพันธ์

• หลายคนเป็นคริสเตียนได้ไม่เท่าไหร่ก็คิดว่าตัวเองโตเต็มที่แล้ว เริ่มประมาท คิดว่าตัวเองเก่งกล้า หารู้ไม่ว่ามารชอบใจยิ่งนัก คนประเภทนี้เมื่อลมพายุพัดมา จะปลิวหายไปกับสายลมเร็วกว่าคนอื่นๆ ชีวิตคริสเตียนต้องบากบั่นมุ่งไป ใช้เวลา ความอดทนอดกลั้น ยึดพระเจ้าไว้ และอื่นๆอีกมากมาย แต่เราจะโตขึ้นและมีผลของพระวิญญาณจนเห็นได้ค่ะ
• อธิษฐานเผื่อสถานการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นรอบโลก โดยเฉพาะที่ประเทศญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และตะวันออกกลางค่ะ – ขอพระเจ้าอวยพร

“ฉะนั้นการพิพากษาลงโทษได้มาถึงคนทั้งปวง เพราะการละเมิดครั้งเดียวฉันใด การกระทำอันชอบธรรมครั้งเดียว ก็นำการปลดปล่อยและชีวิตมาถึงทุกคนฉันนั้น” (โรม 5:18)

วันหนึ่งอับราฮัม ลินคอล์นไปที่ตลาดค้าทาส ท่านเห็นทาสสาวหน้าตาดีคนหนึ่งกำลังถูกนำมาประมูลขาย ผู้ชายท่าทางหื่นหลายคนพยายามประมูลซื้อเธอ  ลินคอล์นจึงเริ่มประมูลบ้าง ในที่สุดท่านก็ให้ราคาสูงที่สุดและได้เธอมาเป็นกรรมสิทธิ ท่านนำใบถือกรรมสิทธิมายื่นให้เธอพร้อมกับกล่าวว่า “เธอเป็นอิสระแล้ว”

เธอถาม  “แปลว่าอะไร – เป็นอิสระ?” ท่านตอบว่า “เธอเป็นอิสระแล้ว” เธอถามต่อ “เป็นอิสระที่จะทำตามความต้องการของฉันเองหรือ?” ท่านตอบว่า  “ถูกต้อง”  “เป็นอิสระ อยากพูดอะไร ก็พูดได้หรือ?” ท่านตอบ “ถูกต้อง” เธอจึงกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้น ดิฉันจะไปกับท่าน”

เพื่อนๆครับ พระเยซูปลดปล่อยคุณให้เป็นอิสระแล้ว คุณถูกไถ่มาด้วยพระโลหิตมีค่ายิ่งของพระองค์ เพื่อสำนึกในพระคุณ คุณควรมอบชีวิตทั้งสิ้นให้แก่พระองค์

คุณรู้จักใครหรือไม่ที่ยังตกเป็นทาสของบาป? เล่าให้พวกเขาฟังถึงการไถ่ด้วยความรักขององค์พระเยซูคริสต์สิครับ

โดย: Pastor Adiran Rogers

จาก:  Daily devotional

Love worth finding ministries: www.lfw.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

• เราอยู่ในประเทศที่มีอิสระเสรีมากกว่าบางประเทศ เราเลือกติดตามพระเยซูคริสต์ได้อย่างมีเสรี แต่บางทีเรากลับเลือกตามสิ่งอื่นๆของโลก ในขณะที่บางประเทศที่ไม่อิสระเลือก แต่พวกเขายังยืนหยัดติดตามพระเยซูไปอย่างยากลำบากเพราะเขามองเห็นอนาคตที่แจ่มชัดอยู่ปลายทางค่ะ
• อธิษฐานเผื่อสถานการณ์แผ่นดินไหว ทสึนามิ และความเสียหายมากมายในประเทศญี่ปุ่น เผื่อความขัดแย้งมากมายในทั่วทุกมุมโลก ยุคสุดท้ายใกล้เข้ามาแล้วตามคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ทุกประการ – มาช่วยกันทำงานเพื่อแผ่นดินของพระเจ้าเถอะค่

‏ครั้นเวลาสามยามเศษ พระองค์จึงทรงดำเนินบนน้ำทะเลไปยังเหล่าสาวก เมื่อเหล่าสาวกเห็นพระองค์ทรงดำเนินมาบนทะเลเขาก็ตกใจนัก ร้องอึงไปเพราะกลัว คิดว่าเป็นผี ในทันใดนั้นพระเยซูตรัสกับเขาว่า “ทำใจให้ดีไว้เถิด เราเอง อย่ากลัวเลย” ฝ่ายเปโตรจึงทูลตอบพระองค์ว่า “พระองค์เจ้าข้า ถ้าเป็นพระองค์แน่แล้ว ขอทรงโปรดบอกให้ข้าพระองค์เดินบนน้ำไปหาพระองค์” พระองค์ตรัสว่า “มาเถิด” เปโตรจึงลงจากเรือเดินบนน้ำไปหาพระเยซู (มัทธิว 14:25−29)

ผมรู้สึกตื่นเต้นเมื่อหลายปีมาแล้วที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกเราให้ย้ายจากฟลอริด้ากลับไปบ้านที่เท็กซัส แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้งก็คิดถึงการได้อาศัยอยู่บนฝั่งมหาสมุทร ผมรักท้องน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาล คลื่นสูงที่โยนตัวกระแทกชายฝั่ง พระเจ้าเป็นผู้สร้างท้องทะเล และนี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวของฤทธิ์อำนาจอันยิ่งใหญ่ของพระองค์

การได้อาศัยอยู่ที่ชายฝั่งทะเลทำให้ผมจินตนาการเห็นภาพคืนที่พายุพัดรุนแรงที่ในทะเลกาลิลี เป็นภาพที่อึงคนึงไปด้วยความสับสนอลหม่าน  แล้วจู่ๆก็มีบุรุษท่านหนึ่งเดินมาบนคลื่นที่กำลังคึกคะนองนั้น!

ทราบหรือไม่ว่าพระเยซูเสด็จมาหาสหายของพระองค์ในเวลาที่เหมาะสมพอดี — ท่ามกลางทะเลที่คึกคะนองราวตีสามถึงหกโมงเช้า พระองค์เสด็จมาในเวลาที่มืดมิดและสิ้นหวังเป็นที่สุด

พระวจนะด้านบนสอนเราว่า ไม่ว่าสถานการณ์จะดูมืดมิด เวลาที่พระองค์เสด็จมา จะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้นไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ใด พระองค์จะเสด็จมาเมื่อถึงเวลา ไม่เคยเร็วไป และไม่เคยสายไป เวลาของพระองค์เหมาะสมที่สุด!

เมื่อถูกพายุชีวิตโถมใส่ จงวางใจว่าพระเจ้าจะมาทันเวลา ไม่ว่าจะมืดมิดแค่ไหน เวลาของพระองค์เหมาะสมที่สุด

โดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point  Ministry: www.powerpoint.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

• ช่วยกันอธิษฐานเผื่อสถานการณ์โลก เผื่อความขัดแย้งทั้งภายในและภายนอกประเทศต่างๆที่กำลังเกิดขึ้น
• และเผื่อสถานการณ์ราคาสินค้าที่แพงขึ้นในประเทศไทย หลายครอบครัวกำลังเดือดร้อน ขอพระเจ้าเมตตาค่ะ