เพราะว่าที่นี่เราไม่มีนครที่ถาวร แต่ว่าเราแสวงหานครที่จะมีในภายหน้า (ฮีบรู 13:14)
ไอแซค อสิมอฟ กล่าวว่า “ผมไม่เชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ดังนั้นผมจึงไม่จำเป็นต้องใช้ทั้งชีวิตกลัวเรื่องนรก หรือกลัวสวรรค์ยิ่งกว่า ไม่ว่าในนรกจะทรมานขนาดไหน ผมคิดว่าความน่าเบื่อในสวรรค์นั้นยิ่งทรมานกว่า”
ใครก็ตามที่เข้าใจในคำสอนของพระคัมภีร์ จะรู้ดีว่าสวรรค์ไม่มีวันน่าเบื่อ พระคัมภีร์อธิบายถึงสวรรค์ ในแบบที่สามารถพันผูกจิตใจของเราเอาไว้ แต่ส่วนหนึ่งของปัญหาคือ เรามีภาพสวรรค์อยู่ในหัวจากที่เห็นในภาพยนต์ ทีวี ภาพวาด เสียงเพลง หรือจากประวัติศาสตร์ วัฒนะธรรม ตำนานต่างๆ ซึ่งไม่ใช่เป็นคำสอนของพระคัมภีร์แต่อย่างใด
สวรรค์เป็นสถานที่ๆมีอยู่จริง พระเยซูตรัสว่า “….เราไปจัดเตรียมที่สำหรับท่านทั้งหลาย” (ยอห์น 14:2) เรามีแนวโน้มที่จะคิดว่าโลกนี้คือของจริง และสวรรค์เป็นแค่ภาพฝัน แต่มันตรงกันข้ามครับ โลกเป็นเพียงภาพเลือนๆของสวรรค์ บางครั้งโลกเราก็สวยงาม เราเห็นความงามในที่หลายแห่งบนโลก แต่ว่าในสวรรค์สวยงามเกินอธิบาย โลกเป็นเพียงเงารางๆของสิ่งยิ่งใหญ่ที่คอยเราอยู่เบื้องหน้า อย่างที่ ซี.เอส.ลูว์วิสกล่าวเกี่ยวกับสวรรค์ “ทุกสิ่งที่เกาะกุมจิตวิญญาณคุณอย่างเหนียวแน่น เป็นเพียงสิ่งที่กำลังบ่งชี้ไปถึงบางสิ่ง….”
พระคัมภีร์นิยามสวรรค์ว่าเป็นเมืองบรมสุขเกษม พระเยซูตรัสกับโจรบนไม้กางเขนว่า “เราบอกความจริงแก่เจ้าว่า วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม” (ลูกา 23:43) อ.เปาโลใช้คำว่า “เมืองบรมสุขเกษม” เมื่อเอ่ยถึงสวรรค์ที่ท่านมีโอกาสได้เห็น (2โครินธ์ 12:3) และในพระธรรมฮีบรู ผู้เขียนใช้คำว่า “นคร” เพื่ออธิบายถึงสวรรค์ (ฮีบรู 12:22; 13:14) และยังใช้คำว่า “บ้านเมือง” และ “เมืองประเสริฐ” ด้วย (ฮีบรู 11:16)
สวรรค์จึงมีอยู่จริง เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับทุกคนที่มอบดวงใจทั้งสิ้นให้แก่องค์พระเยซูคริสต์ครับ
Pastor Greg Laurie
อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie
PO Box 4000, Riverside, CA 92514.
ข่าวประชาสัมพันธ์
- คำถามประจำวันนี้คือ “คุณเชื่อว่านรก และสวรรค์มีจริงหรือไม่?” และ “เมื่อตายจากไปคุณจะไปอยู่ที่ไหน?”
- ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ยังมีโอกาสเลือกได้ ขอให้เลือกให้ถูกนะคะ เอาใจช่วยค่ะ