“ช่างเป็นเรื่องน่าอนาถใจยิ่งนัก หากว่าคุณจะตัดสินว่า เด็กคนใดต้องตาย
เพื่อว่า คุณจะได้มีชีวิตอยู่อย่างที่คุณปรารถนา!”
(It is a poverty to decide that a child must die so that you may live as you wish.)
-Mother Teresa-
เราได้คุยกันไปแล้วว่า ชีวิตของเราและของเด็กที่อยู่ในครรภ์ของหญิงคนใดก็แล้วแต่ ไม่ใช่เป็นสิทธิหรืออำนาจของเราที่จะทำลายทิ้งไป แต่เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของผู้เป็นเจ้าของที่แท้จริงแต่ผู้เดียว นั่นคือ พระเจ้า!
ในปัจจุบันมีขบวนการสิทธิสตรีได้เรียกร้องสิทธิในการตัดสินใจว่า สตรีควรมีสิทธิ์ในร่างกายของตนเอง!
พวกเธอคิดว่า พวกเธอเป็นเจ้าของร่างกายของตนเอง พวกเธอไม่ยอมรับว่า พวกเธอไม่ใช่เจ้าของร่างกายที่แท้จริง พวกเธอไม่ยอมรับว่า พวกเธอได้รับอนุญาตให้ยืมร่างกายหรือได้รับการประทานร่างกายมาให้ใช้เพียงชั่วคราว
พวกเธอคิดอย่าง คุณมาร์กาเร็ต แซนเจอร์ (Margaret Sanger) ที่เธอพูดว่า…
“ไม่มีผู้หญิงคนใดจะเรียกตัวเธอเองได้ว่า เสรีชน
จนกว่าเธอจะสามารถพิจารณาเลือกว่าเธอจะเป็นหรือจะไม่เป็น “แม่” คน!
(No woman can call herself free until she can choose consciously
whether she will or will not be a mother.)
ใช่ ซึ่งเธอคิดถูก แต่ถูกเพียงครึ่งเดียว! เธอมีเสรีภาพที่จะเป็นแม่คนหรือไม่ ก่อนที่เธอจะตั้งครรภ์ เธอมีสิทธิ์จะไม่แต่งงาน เธอมีสิทธิ์ที่จะไม่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ใด หรือแม้แต่ในยามที่จะมีเพศสัมพันธ์กัน เธอก็มีสิทธิ์ที่จะป้องกันตัวไม่ให้ตั้งครรภ์ แต่เมื่อใดที่เธอใช้สิทธิ์และสละสิทธิ์จนปล่อยให้เกิดทารกขึ้นในครรภ์ของเธอ พวกเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะทำลายทารกในครรภ์ของเธอแล้ว เพราะความจริงก็คือว่า พวกเธอไม่ใช่เจ้าของชีวิตของเด็กในท้องของเธอ หรือแม้แต่กระทั่งชีวิตของตัวเธอเอง!
เธอคงเหมือนกับคนในโลกส่วนใหญ่ที่ไม่ทราบความจริง (จากพระวจนะของพระเจ้า) ว่า เสรีภาพไม่ใช่ “สิทธิที่จะทำอะไรก็ได้ตามที่เธออยาก!” แต่เสรีภาพหมายความถึง “สิทธิที่จะทำอะไรก็ได้ที่เธอควร!”
ใช่ครับ เธอควรจะใช้ชีวิตและร่างกายในทางที่บริสุทธิ์และดีงามตามครรลองที่เจ้าของร่างกายได้กำหนดไว้ให้ปฏิบัติ แต่เพราะเธอไม่ได้อ่านหรือไม่ฟัง เธอจึงไม่รู้ หรือเธอรู้แต่เธอไม่เชื่อฟังหรือไม่ยอมรับแต่การที่เธอไม่ทราบหรือไม่ยอมรับไม่ได้เป็นข้ออ้างอันชอบธรรมที่เธอจะเอาร่างกายของเธอไปใช้ตามใจของเธอเอง!
ดุจเดียวกับการที่เราไม่ทราบกฎหมาย ไม่ได้เป็นความชอบธรรมที่เราจะทำผิดกฎหมาย หรือการที่เรายืมสิ่งของ ๆ ผู้ใดมาใช้ โดยที่เราไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นเจ้าของ ก็ไม่ได้เป็นความชอบธรรมที่จะให้เราใช้สิ่งของเหล่านั้นตามใจประดุจเป็นทรัพย์สินของเราเอง!
ฉะนั้น เราควรรีบเรียนกฎหมายหรือกฎกติกาในการใช้ “ร่างกาย” และ “ชีวิต” ของเราให้เร็วที่สุด เพื่อจะไม่ผิดพลาดในการใช้ “ร่างกาย” ที่เรายืมมาใช้ เพราะเวลาที่ “เจ้าของ” จะเรียกคืนพร้อมกับให้เรารายงานการใช้ “ร่างกาย” นั้นกำลังใกล้เข้ามาแล้ว!
ผมเองเห็นด้วยกับที่ คุณ แอนน์ บี.โรส (Ann B. Ross) ที่กล่าวไว้ว่า..
“แน่นอนว่า ฉันสนับสนุนสตรีที่จะใช้สิทธิ์ในการเลือก แต่ตามความคิดของฉันนั้น เวลาที่จะเลือกนั้นควรเป็นเวลาก่อน ไม่ใช่เวลาหลังจากที่ข้อเท็จจริง (คือเธอตั้งครรภ์) ได้เกิดขึ้นแล้ว!”
(I certainly supported a woman’s right to choose, but to my mind the time to choose was before, not after the fact.)
ดังนั้น เรามีสิทธิ์ 100 % ในการเลือกปฏิบัติใช้ร่างกายของเราในการกระทำอะไรก็ได้ ก่อนที่เราจะลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แต่หลังจากที่เราทำสิ่งนั้นลงไปแล้ว เราจะบ่ายเบี่ยงไม่ขอรับหรือไม่ยอมรับผิดชอบต่อข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นตามมานั้น คงเป็นไปไม่ได้!
เพราะเราต้องเก็บเกี่ยวในสิ่งที่เราหว่าน!
“อย่าหลงเลย ท่านจะล้อเล่นกับพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าใครหว่านอะไรลง ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น” (กาลาเทีย 6:7-8)
ดังนั้น ขอให้คุณสุภาพสตรีที่รักทุกท่าน จงระวังการใช้ชีวิตและร่างกายของคุณให้ดี จงเลือกใช้เสรีภาพของคุณอย่างถูกต้อง เพราะว่า คุณจะต้องรับผลที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีทางปฏิเสธได้ แต่หากว่าคุณไม่ยอมรับ และเลือกวิธีแก้ปัญหาผิดพลาดอีก ผลลัพธ์ที่ตามมาจะกลายเป็นหายนะมากกว่าความเสียหายแรกที่คุณก่อไว้อีก!
เราจะสนทนากันในหัวข้อนี้อีกครั้งในตอนต่อไป ว่าเราควรจะรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่เกิดจากปัญหารือความผิดพลาดที่ทำให้เกิดการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์นี้อย่างไร?
แต่ในท้ายนี้ ขอย้ำเตือนสติไว้ก่อนว่า คุณไม่มีสิทธิ์จะฆ่าผู้ใด แม้แต่ตัวของคุณหรือเด็กในท้องคุณ!
ธงชัย ประดับชนานุรัตน์– twitter.com/thongchaibsc, e-mail thongchaibsc@gmail.com