Categories
บทเรียน

ไม่เป็นภัยต่อศัตรู

ไม่เป็นภัยต่อศัตรู

เพราะว่าทุกๆ สิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็เป็นความสว่าง ดังนั้นจึงมีคำกล่าวว่า คนที่หลับอยู่ จงตื่นขึ้น และจงเป็นขึ้นจากตายแล้วพระคริสต์จะทรงส่องสว่างแก่ท่าน (เอฟซัส 5:14)

พระคัมภีร์บันทึกเรื่องราวของแซมสัน  แซมสันเป็นคนที่มีศักยภาพมากแต่ปล่อยให้สูญเปล่า กำลังกายแข็งแกร่งที่มีเป็นของประทานจากพระเจ้า และพระองค์ทรงอวยพระพรชีวิตของเขา แซมสันน่าจะได้เป็นหนึ่งในผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล แต่ที่เกิดขึ้น กลับกลายเป็นต้นแบบชีวิตที่ไม่ควรเอาอย่าง

แซมสันเป็นผู้ชายเต็มตัว แต่จิตใจอ่อนราวสตรีเพศ เมื่อคิดถึงแซมสัน เราจะคิดถึงดีไลลาห์ที่แอบตัดผมของเขาและทำให้หมดกำลัง ในความเป็นจริง เป็นเรื่องของการยอมประนีประนอมไปทีละน้อยๆ จนในที่สุดก็ต้องจบชีวิตลงเพราะสตรีอย่างดีไลลาห์ แซมสันหลงออกจากทางของพระเจ้า นอนหลับหนุนบนตักของดีไลลาห์ – ครับ นอนหลับอยู่บนตักของศัตรู

มีหลายคนทุกวันนี้ที่เป็นเหมือนแซมสัน นอนหลับไหลอยู่บนความพินาศ บางคนรู้สึกเพลิดเพลินดีจนไม่คิดอยากจะทำอะไร พวกเขากำลังเสื่อมถอยไป และรู้สึกสบายดี

บางทีศัตรูมองดูคนพวกนี้แล้วพูดว่า “ไม่ต้องไปสนใจ คนพวกนี้ไม่น่าห่วง เพราะมีเรื่องอื่นๆที่เอาเวลาไปหมดแล้ว ไม่สนใจพระเจ้า ทำให้เราสะดวกและทำงานง่ายขึ้น พวกเขาอยู่ในที่ๆเราอยากให้อยู่”

คริสเตียนเองหลายคนเป็นเช่นนั้น เหมือนเป็นอัมพฤกษ์  ไม่เกิดผล อยู่ในที่ๆพวกมารอยากให้อยู่ พวกมันจึงรามือไป

อาจมีคนบอกว่า “ฉันกำลังเผชิญกับความขัดแย้ง เผชิญกับการทดลอง” นั่นคือตัวบ่งว่าคุณกำลังไปผิดทิศในฐานะคริสเตียน

แน่นอน มารมีอำนาจที่พยายามผูกมัดเรา แต่ขณะเดียวกันจอมเจ้านายของเราก็กำลังนำเราไปสู่ชัยชนะถ้าเรายอมให้พระองค์นำ

จอมทัพอย่างพระเยซู จะนำคนที่เดินใกล้ชิดพระองค์ไปจนถึงหลักชัย!

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr.ภาพ Free Bible images)

Categories
บทเรียน

คุณมอบทางทั้งสิ้นไว้กับพระเจ้าหรือยัง?

สุขกายสบายใจ

จงมอบทางของท่านไว้กับพระเจ้า วางใจในพระองค์ และพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จ (สดุดี 37:5)

ทุกคนบนโลกนี้มีคำถามพื้นฐานที่ถามกัน : “ฉันเป็นใคร?” และ “ฉันมาทำอะไรที่นี่?”

เคยมีสมัยที่บางคนไปเปิดพระคัมภีร์ดูแล้วได้พบคำตอบ แต่ยุคนี้ คนกลับมุ่งไปในทิศทางไปที่แตกต่างกัน บางคนไปเข้าลัทธินิวเอจ เข้ากลุ่มเน้นเรื่องวิญญาณ พึ่งพิงคนทรง หมอดู หรือนักจิตวิทยา เพื่อหาคำตอบ ความหมาย และจุดประสงค์ของชีวิต

แต่เวลาผ่านไป คริสเตียนกลับเก็บกักความจริงเรื่องพระเยซูคริสต์ไว้ บางคนไม่สนใจเรื่องคนอื่น สนใจว่าจะอธิษฐานให้ตนเองในเรื่องใดดี?   “ข้าแต่พระเจ้า ขอชีวิตที่มีความสุข ชีวิตที่ปลอดภัย ปลอดหนี้ มั่งคั่ง สะดวกสบายทั้งใจและกาย”

พวกเขานำข่าวประเสริฐแห่งพระกิตติคุณมาใช้เป็นป้อมปราการหลบภัยมากกว่านำออกไปสู่ผู้อื่น พวกเขารวมกลุ่มกันไปโบสถ์ ใช้เวลาด้วยกันเองในกลุ่ม ในองค์กร สมาคม หรือเข้าร่วมในกิจกรรมที่สัญญาจะให้สุขภาพดี ความงาม หรือหารายได้เสริมจนลืมเรื่องไม้กางเขนไปสนิท

แต่ผมอยากจะบอกว่าคริสเตียนที่มุ่งหาแต่ความสะดวกสบาย และสุขใจ จะไปไม่ถึงไหน เพราะนี่ไม่ใช่คำตอบของคำถามสองข้อด้านบน คริสเตียนที่จะไปถึงเป้าหมายของพระเจ้า จะลุกขึ้นมากระตือรือร้นฝ่ายวิญญาณ ละความสบาย รับคำท้า มุ่งออกไปหาผู้คนด้วยข่าวประเสริฐแห่งพระเยซูคริสต์

วันเวลาแห่งความเรื่อยเปื่อยผ่านไปแล้ว นมัสการแบบสุขกายสบายใจกำลังจะหมดไป นี่เป็นเวลาที่คริสตจักรของพระเจ้าต้องยืนหยัดในความเชื่อ และในพระคุณที่ได้รับมา ถึงเวลาที่จะต้องมอบทาง “ทั้งสิ้น” ให้กับพระเจ้า อุทิศตนเพื่อพระประสงค์ของพระองค์ มีชีวิตที่ถวายพระสิริทุกเวลานาทีให้กับพระเจ้าของเรา

ถ้าคุณยังเป็นคริสเตียนที่เรื่อยเปื่อย จงเปลี่ยนเสีย อุทิศตนโดย “มอบทางทั้งสิ้น” ให้กับองค์พระเยซูคริสต์นะครับ

 

อนุญาตโดย Pastor Jack Graham

Jack  Graham Power Point Ministry : www.jackgraham.org

(Cr. ภาพ dravenstales.com)

Categories
บทเรียน

1โครินธ์ 7/2

ปัญหาเรื่องการแต่งงาน (2)

(คนโสด และคนแต่งงานและแม่ม่าย)

พระธรรม      1โครินธ์ 7:25-40

อ้างอิง          1คร.7:1,6,8,20,21,25,29,36,2คร.4:1;6:14;8:8;ฮบ.3:4

บทนำ           ไม่ว่าจะโสดหรือแต่งงาน ทุกคนต่างก็ล้วนมีปัญหาของตัวเอง  แต่ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพไหน ขอให้เราถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าได้อยู่เสมอไป!

 บทเรียน

7:25 “เรื่องบรรดาคนโสดนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้รับพระบัญชาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็ขอออกความเห็น ในฐานะที่เป็คนไว้ใจได้ด้วยพระเมตตาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า 

  (Now concerning the betrothed, I have no command from the Lord, but I give my judgment as  one who by the Lord’s mercy is trustworthy.)

7:26 “เพราะเหตุความทุกข์ยากที่ใกล้จะมาถึง ข้าพเจ้าคิดว่าเป็นเรื่องดีที่ทุกคนจะอยู่อย่างที่เขาเป็นอยู่ 

       (I think that in view of the present distress it is good for a person to remain as he is.)

7:27 “ท่านผูกพันกับภรรยาแล้วใช่ไหม? อย่าหาทางทิ้งภรรยาเลย ท่านยังไม่มีภรรยาใช่ไหม? อย่าหาภรรยาเลย

    (Are you bound to a wife? Do not seek to be free. Are you free from a wife? Do not seek a wife.)

7:28 “ถ้าท่านจะแต่งงานก็ไม่ได้ทำผิด และถ้าหญิงพรหมจารีจะแต่งงานก็ไม่ได้ทำผิด แต่คนเหล่านี้จะมีความยาก‍ลำบากในชีวิต และข้าพเจ้าอยากจะกันพวกท่านไว้จากความยากลำบากนั้น 

  (But if you do marry, you have not sinned, and if a betrothed woman marries, she has not sinned.  Yet those who marry will have worldly troubles, and I would spare you that.)

7:29 “พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าหมายความว่าเวลากำหนดก็สั้นมากแล้ว ตั้งแต่นี้ไปให้พวกที่มีภรรยาดำเนินชีวิต​เหมือนกับไม่มีภรรยา

  (This is what I mean, brothers: the appointed time has grown very short. From now on, let those  who have wives live as though they had none,)

7:30 “พวกที่เศร้าโศก เหมือนกับไม่ได้เศร้าโศก พวกที่ชื่นชมยินดี เหมือนกับไม่ได้ชื่นชมยินดี บรรดาคนที่ซื้อ ก็​เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเลย 

   (and those who mourn as though they were not mourning, and those who rejoice as though they  were not rejoicing, and those who buy as though they had no goods)

7:31 “และพวกที่ใช้ของโลกนี้ ก็เหมือนกับว่าไม่ได้ใช้อย่างเต็มที่ เพราะระบอบของโลกนี้กำลังล่วงไป

    (and those who deal with the world as though they had no dealings with it. For the present form  of this world is passing away.)

7:32 “ข้าพเจ้าต้องการให้พวกท่านพ้นจากความพะวง ชายที่ไม่แต่งงานก็ห่วงใยในสิ่งที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อจะให้เป็นที่พอพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้า

     (I want you to be free from anxieties. The unmarried man is anxious about the things of the Lord,  how to please the Lord.)

7:33 “แต่คนที่แต่งงานก็พะวงในสิ่งที่เป็นของโลกนี้ เพื่อจะใหเป็นที่พอใจของภรรยา

     (But the married man is anxious about worldly things, how to please his wife,) 

7:34 “เป็นการสองฝักสองฝ่าย หญิงที่ไม่แต่งงาน และหญิงพรหมจารี ก็ห่วงใยในสิ่งที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้าเพื่อเธอจะได้เป็นคนบริสุทธิ์ทั้งกายและจิตวิญญาณ แต่หญิงที่แต่งงานแล้วก็พะวงในสิ่งี่เป็นของโลกนี้ เพื่อ​จะให้เป็นที่พอใจของสามี 

    (and his interests are divided. And the unmarried or betrothed woman is anxious about the things of the Lord, how to be holy in body and spirit. But the married woman is anxious about worldly things, how to please her husband.) 

7:35 “ข้าพเจ้าพูดอย่างนี้ ก็เพื่อประโยชน์ของท่านทั้งหลาย ไม่ใช่จะเอาบ่วงคล้องท่าน แต่เพื่อชีวิตที่เหมาะสม และ​เพื่อให้การอุทิศตัวต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ถูกจำกัด

   (I say this for your own benefit, not to lay any restraint upon you, but to promote good order and to secure your undivided devotion to the Lord.)

7:36 “แต่ถ้าชายใดคิดว่าไม่อาจจะปฏิบัติอย่างสมควรต่อคู่หมั้นของเขา มีความรักร้อนแรง และต้องทำอย่างใด​อย่างหนึ่งก็ให้เขาทำตามความต้องการ คือให้เขาแต่งงานเสียเพราะไม่เป็นความผิด

  (If anyone thinks that he is not behaving properly toward his betrothed, if his passions are strong,  and it has to be, let him do as he wishes: let them marry—it is no sin.)

7:37 “แต่ถ้าชายใดตั้งใจแน่วแน่ และเห็น่าไม่มีความจำเป็น และเขามีอำนาจเหนือความอยากของตนเอง และตัด‍สินใจว่าจะให้หญิงนั้นเป็นคู่หมั้นของเขาต่อไป เขาก็ทำดีแล้ว

   (But whoever is firmly established in his heart, being under no necessity but having his desire  under control, and has determined this in his heart, to keep her as his betrothed, he will do well.)

7:38 “เพราะฉะนั้นใครที่แต่งงานกับคู่หมั้นของตนก็ทำดีอยู่ แต่ผู้ที่ไม่แต่งงานก็ทำดีกว่า

     (So then he who marries his betrothed does well, and he who refrains from marriage will do even  better.

7:39 “ตราบใดที่สามียังมีชีวิตอยู่ ภรรยาต้องผูกพันกับเขา ถ้าสามีตายไป นางก็เป็นอิสระที่จะแต่งงานกับชายใดก็​ได้ตามความต้องการ แต่ต้องเป็นผู้ที่เชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า

   (A wife is bound to her husband as long as he lives. But if her husband dies, she is free to be married to whom she wishes, only in the Lord.)

7:40 “แต่ตามความเห็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเห็นว่าถ้านางอยู่คนเดียวจะเป็นสุขกว่า และข้าพจ้าคิดว่าข้าพเจ้าเอง​ก็มีพระวิญญาณของพระเจ้าด้วย”

       (Yet in my judgment she is happier if she remains as she is. And I think that I too have the Spirit  of God.)

ข้อมูลมีประโยชน์

 7:25     “เรื่องบรรดาคนโสดนั้น” (concerning the betrothed) – ในบางฉบับแปลว่า “เกี่ยวกับผู้ที่เป็นพรหมจารีนั้น”

ตามเรื่องที่ชาวโครินธ์เขียนถามมา (ข้อ 1)

“ขอออกความเห็นในฐานะที่เป็นคนไว้ใจได้” (I give my judgment as one who…is trustworthy)

–อ.เปาโล บอกว่า ไม่ได้รับพระบัญชาโดยตรงมาจากพระคริสต์ (ข.10, กจ.20:35) แต่ได้แสดงความคิดเห็นของตัวเองในเรื่องนี้ และไม่ได้ปฏิเสธว่า ท่านเขียนภายใต้การดลใจของพระเจ้า (ข.40) ดังนั้น สิ่งที่ท่านแนะนำจึงเป็นสิ่งที่ควรจะกระทำตาม

7:26    “เพราะเหตุความยุ่งยากที่ใกล้จะมาถึง“ (think that in view of the present distress) = วิกฤตการณ์ในปัจจุบันหรือความกดดันในชีวิต (ติดตามพระคริสต์) อาจเป็นเรื่องสภาพแวดล้อมที่ผิดศีลธรรมหรือบรรยากาศการเป็นศัตรูกับพระเจ้า (ข.2,28;5:1;2ทธ.3:12)

= คำแนะนำที่ใช้กับเฉพาะที่เฉพาะเวลาไม่ได้ใช้กับทุกสถานการณ์ทุกเวลา

7:27     “อย่าหาภรรยาเลย” (Do not seek to be free) –1คร.7:20,21

7:28     “ความยากลำบากในชีวิต” (worldly troubles ) = เวลาแห่งความทนทุกข์ และการถูกข่มเหงเพื่อพระคริสต์ ในสถานการณ์เช่นนั้น การแต่งงานมีครอบครัวจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก ลำบากมากขึ้นในการดูแลคนในครอบครัวด้วย

7:29-31 –คริสเตียนต้องดำเนินชีวิต โดยตระหนักและตื่นตัวอยู่เสมอว่า พระเยซูคริสต์อาจเสด็จกลับมาเมื่อไรก็ได้และโลกในปัจจุบันจะผ่านพ้นไป ดังนั้น คริสเตียนจะไม่อยู่ในสภาพปัจจุบันนี้ตลอดไป

7:29     “พี่น้องทั้งหลาย” (brothers ) –รม.1:13

“เวลากำหนดก็สั้นมากแล้ว” (the appointed time has grown very short  ) = วันเวลาก็เหลือน้อยแล้ว (รม.13:11,12;1คร.7:31)

7:31     “ระบอบของโลกนี้กำลังล่วงไป” (this world is passing away) = โลกอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ กำลังจะผ่านพ้นไป” –1คร.7:29;ฮบ.12:27   ปท.1ยน.2:17

7:32    “สิ่งที่เป็นขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (about the things of the Lord) –1ทธ.5:5

7:34     “เป็นการสองฝักสองฝ่าย” (his interests are divided) = ความสนใจของเขาแบ่งเป็น 2 ฝัก 2 ฝ่าย

= ไม่อาจรับใช้พระคริสต์เจ้าโดยไม่วอกแวกได้ (ข.35) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการกดขี่ข่มเหงคริสเตียนอยู่

“ทั้งกายและจิตวิญญาณ” (in body and spirit) -ลก.2:37

7:35     “การอุทิศตัวต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ถูกจำกัด” (to secure your undivided devotion to the Lord)

= ไม่เป็นใจที่สองฝักสองฝ่าย –สดด.86:11

7:36    “ปฏิบัติอย่างไม่สมควรต่อคู่หมั้น” (is not behaving properly toward his betrothed)

คำว่า “คู่หมั้น” นี้ ภาษากรีกแปลตรงตัวว่า “หญิงพรหมจารี”

“มีความรักร้อนแรง” (his passions are strong) -แปลได้อีกอย่างว่า “มีอายุเลยวัยแล้ว” หรือมีอายุมากขึ้นทุกที

“คือให้เขาแต่งงานเสียเพราะไม่เป็นความผิด” (  let them marry—it is no sin) –1คร.7:28

7:37     “มีอำนาจเหนือความอยากของตนเอง…เขาก็ทำดีแล้ว” (but having his desire

under control, …he will do well.)= ผู้ชายตัดสินใจได้ว่า ไม่มีความจำเป็นจะต้องแต่งงานกับคู่หมั้นในสถานการณ์เช่นนั้นและ สามารถควบคุมความตั้งใจของตนเองได้ก็เท่ากับว่า เขาได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

7:38     “ใครที่แต่งงานกับคู่หมั้นของตนก็ทำดีอยู่” (who marries his betrothed does well) –ฮบ.13:4

7:39     “ตราบใดที่สามียังมีชีวิตอยู่ ภรรยาต้องผูกพันกับเขา” (  A wife is bound to her husband as long as he lives) –การแต่งงานเป็นพันธะตลอดชีวิต ยกเว้น ในกรณีผิดประเวณี ตามที่กล่าวไว้ใน มัทธิว 19:9 และ กรณีตาย (รม.7:2,3)

“ถ้าสามีตายไป” (if her husband dies) – ความตายเป็นจุดสิ้นสุดพันธะผูกพัน ทำให้ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ มีเสรีภาพที่จะแต่งงานใหม่ได้ แต่ต้องแต่งงานกับผู้เชื่อเท่านั้น (2คร.6:14)

7:40     “แต่ตามความเห็นของข้าพเจ้า” (in my judgment) –1คร.7:25

“อยู่คนเดียว” (she remains ) = หญิงม่ายควรจะอยู่คนเดียวจะดีกว่า

“ข้าพเจ้าคิดว่า ข้าพเจ้าเองก็มีพระวิญญาณของพระเจ้าด้วย” (I think that I too have the Spirit

of God.) -อ.เปาโลเขียนด้วยความเชื่อมั่นว่า ตัวท่านเองได้รับการทรงนำจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้เขียนเช่นนั้น

คำถามนำอภิปราย

  1. หากคุณเป็นคนโสด คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่า การอยู่เป็นโสดคนเดียวนั้นดีอยู่แล้ว? ทำไมคุณคิดอย่างนั้น?
  2. หากคุณเป็นคนโสด อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเป็นโสด?

…..1) คนชอบอยู่คนเดียว และมีความสุขดีอยู่แล้ว

…..2) คุณต้องการแต่งงาน แต่ยังหาคนเหมาะสมไม่ได้

…..3) คุณอยากแต่งงาน แต่คนที่คุณชอบเขาไม่อยากแต่งงานกับคุณ

…..4) คุณอยากแต่งงาน แต่คุณยุ่งกับงานหรือภารกิจต่าง ๆ จนไม่มีเวลาคบหากับผู้ใด

…..5) คุณอยากแต่งงาน แต่คุณมีภาระหนักที่ต้องแบกอยู่ไม่สามารถที่จะมีครอบครัวได้?

…..6) คุณอยากแต่งงาน แต่คุณแต่งไม่ได้ เพราะ………………………………………………

  1. หากคุณเป็นโสด คุณต้องทำอะไรบ้าง จึงจะมีครอบครัวได้ในเวลาอีกไม่นาน? วิธีการนั้นสอดคล้องกับแนวทางของพระวจนะของพระเจ้าอย่างไรบ้าง?
  2. หากคุณมีคู่หมั้นแล้ว ตัดสินใจที่จะแต่งงาน คุณคิดว่า เหตุผลที่ชอบธรรมพอที่จะสนับสนุนการตัดสินใจนั้นคืออะไร? (คุณเคยพบผู้ใดกระทำเช่นนั้นบ้าง?)
  3. หากคุณเป็นคนแต่งงานแล้ว คุณรู้สึกอย่างไรกับชีวิตสมรสของคุณ?   คุณอยากกลับไปเป็นโสดหรือไม่? ทำไม?
  4. หากคุณแต่งงานแล้ว คุณสาละวนในการทำให้คู่สมรสของคุณพอใจหรือไม่? อย่างไร? แล้วเขา/เธอพอใจจริง ๆ หรือไม่? ทำไม?
  5. หากคุณเป็นม่าย (หย่าร้างหรือคู่สมรสเสียชีวิต) คุณอยากแต่งงานใหม่หรือไม่? ทำไม?
  6. หากคุณเป็นม่าย คุณควรวางตัวอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด?

หากคุณคิดแต่งงานใหม่ คุณควรทำอย่างไรบ้างจึงจะสอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้ามากที่สุด?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์