Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

ความยินดีในสวรรค์

ความยินดีในสวรรค์

“เราบอกท่านทั้งหลายว่า ในทำนองเดียวกัน จะมีความชื่นชมยินดีในสวรรค์เรื่องคนบาปคนเดียวที่กลับใจใหม่ มากกว่าเรื่องคนชอบธรรมเก้าสิบเก้าคนที่ไม่ยอมกลับใจ” (ลูกา 15:7 THSV11)

มีตัวเลขว่าสี่ปีที่ผ่านมาเรามีผู้ต้อนรับพระเยซูคริสต์ที่คริสตจักรแห่งความสุขถึง 93 คน แปลว่ามีเสียงโห่ร้องชื่นชมยินดีในสวรรค์ถึง 93 ครั้งเป็นอย่างน้อยเพราะมีคนบาปหันกลับจากทางที่เคยเดินมาสู่ครอบครัวของพระเจ้า และแน่นอน คงต้องมีเรื่องอื่นๆอีกที่คริตจักรของเราทำให้พระเจ้ายิ้มและทูตสวรรค์ได้ชื่นชมยินดีนอกเหนือจากเรื่องนี้ 

ดังนั้นเราก็คือคนหนึ่งในผู้ที่นำความชื่นชมยินดีนั้นให้เกิดขึ้นในสวรรค์ ขออย่าให้มีวันใดที่เราทำให้พระเจ้าและทูตสวรรค์ต้องเสียใจ เมื่อเราเลือกที่จะห่างหายไปหรือหันกลับไปสู่ทางเดิม แต่ตรงข้ามขอให้เราเป็นเหตุที่ทำให้ในสวรรค์มีความชื่นชมยินดีมากยิ่งขึ้นที่ได้ช่วยคนบาปให้กลับใจมาหาพระคริสต์ ได้รับความรอดและได้เป็นหนึ่งในครอบครัวของพระเจ้า

ขอถามหน่อย:

1. คุณทำให้สวรรค์มีความชื่นชมยินดีครั้งสุดท้ายเมื่อไร?

2. หากคุณขึ้นไปบนสวรรค์ คุณอยากจะชื่มชมยินดีร่วมกับทูตสวรรค์พร้อมกับใครที่คุณรู้จัก?

3. คุณจะทำอะไร เพื่อให้ในสวรรค์ชื่มชมยินดีและเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า?

พระเยซูจึงตรัสคำอุปมาให้พวกเขาฟังว่า  “สมมุติว่าพวกท่านคนหนึ่งมีแกะหนึ่งร้อยตัวและตัวหนึ่งหายไป เขาจะไม่ละแกะทั้งเก้าสิบเก้าตัวไว้กลางทุ่ง แล้วไปตามหาแกะตัวที่หายไปนั้นจนกว่าจะพบหรือ?  เมื่อเขาพบแล้วก็แบกแกะนั้นใส่บ่าด้วยความชื่นชมยินดี และกลับบ้าน จากนั้นเขาก็เรียกมิตรสหายและเพื่อนบ้านมาพร้อมกัน และกล่าวว่า ‘มาร่วมยินดีกับเราเถิด เรา ได้พบแกะตัวที่หายไปนั้นแล้ว’ (ลูกา 15:3-6 TNCV)

 

บทเฝ้าเดี่ยวโดยทีม Vitamin CJ

(Cr.ภาพ Rainbow Events KC)

Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

เล่นเล็กจบใหญ่

เล่นเล็ก จบใหญ่

เราทุกคนล้วนพลั้งพลาดในหลายๆ ทาง ผู้ที่ไม่เคยทำผิดทางวาจาก็เป็นคนดีเพียบพร้อม สามารถควบคุมร่างกายทั้งหมดของตนได้ (ยากอบ 3:2 TNCV)

เหตุการณ์ล่องเรือสุดหรูกลางทะเลของกลุ่มเพื่อนเก่า กลับกลายเป็นประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมได้ พวกเขากระโดดลงไปว่ายน้ำเล่นกลางทะเลโดยลืมหย่อนบันไดข้างเรือลงไป และเรือก็สูงเกินกว่าจะปีนกลับขึ้นไปได้ พวกเขาจึงต้องลอยคอกลางทะเลลึกห่างจากฝั่งหลายไมล์

ยิ่งไปกว่านั้นหญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่มยังมีอาการวิตกเกินขีด ต้องกดประสาทตัวเองกับความจริงว่าลูกสาวทารกของตัวเองถูกทิ้งอยู่บนเรือเพียงลำพัง เมื่อความกดดันเพิ่มขึ้น เพื่อนๆกลุ่มนี้ก็เริ่มทะเลาะกัน และไม่นานก็ล้ากับการพยุงตัวให้ลอยอยู่บนผืนน้ำ ยิ่งพยายามปีนขึ้นเรือเท่าไร ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นความน่าสะพรึง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง เพราะลืมคิดเรื่องหย่อนบันไดลงไปก่อนเล่นน้ำ คำพูดของเราก็เช่นกัน แม้จะเป็นคำพูดเพียงสองสามคำ หากไม่คิดก่อนพูดก็จะก่อปัญหาใหญ่หลวงเกินกว่าจะรับมือได้

อ่านข้อพระคัมภีร์: ยากอบ 3:1-8

  1. พระคัมภีร์เปรียบลิ้นเหมือนกับอะไรบ้าง? มี 3 สิ่ง
  2. เราควรมีท่าทีต่อคนอื่นและต่อตนเองที่ทำ “ผิดพลาด (ทางคำพูด)” อย่างไร? (ข้อ 2)
  3. คนที่สามารถควบคุมลิ้นของตนเองได้ ผลที่เขาควรได้รับคืออะไรบ้าง?

เรารู้ว่าคำพูดของคนนั้นมีพลังที่เปลี่ยนแปลงและควบคุมสถานการณ์ไปในทิศทางใดก็ได้ พระธรรมสุภาษิต 15:1, 4 เตือนใจเราว่า

“คำตอบนุ่มนวลช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ…ลิ้นที่ปลอบโยนเป็นต้นไม้แห่งชีวิต แต่ลิ้นตลบตะแลงทำให้จิตใจแตกสลาย”

ฉะนั้นเราจึงต้องคอยควบคุมลิ้น อย่าให้สถานการณ์ควบคุมลิ้นของเราได้ ให้ความตั้งใจของตัวเองและพระวิญญาณบริสุทธิ์ผู้สถิตในเรา สอนให้พูดในสิ่งที่เหมาะสม คำพูดที่น่าฟังไม่กี่คำก็เป็นพลังเปลี่ยนชีวิตและสถานการณ์ให้บางคนได้ เล่นไม่ต้องใหญ่ แต่จบใหญ่แน่นอน

 

บทเผ้าเดี่ยวโดยทีม Vitamin CJ

(Cr.ภาพ RCEM learning)

Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

พูดทำไม?

พูดทำไม?

บุคคลที่ยับยั้งถ้อยคำของเขาเป็นคนมีความรู้ และบุคคลผู้มีจิตใจเยือกเย็นเป็นคนมีความเข้าใจ แม้คนโง่หากนิ่งเสียก็นับว่ามีปัญญา เมื่อเขาปิดปากของตนก็นับว่ามีความคิด (สุภาษิต 17:27-28 THSV11)
 
หงส์สองตัวชวนเต่าไปเที่ยวถ้ำทอง โดยที่หงส์ทั้งสองจะใช้เล็บเท้ากุมปลายไม้ทั้งสองข้างไว้ แล้วให้เต่าใช้ปากคาบไม้อยู่ตรงกลาง
 
ระหว่างที่พวกมันกำลังบินพาเต่าไป มันได้กำชับเต่าว่า “ให้อดทน อย่าพูดอะไรออกมา เพราะถ้าแกพูด แกจะตกลงไปตายแน่นอน” เต่าก็รับปากหงส์เป็นอย่างดี แต่เมื่อไปถึงที่แห่งหนึ่ง มีคนเห็นการกระทำของหงส์ คนเหล่านั้นก็ร้องบอกกันต่อๆไปว่า “เฮ้ พวกเรา มาดูหงส์หามเต่าสิ”
 
ทันทีที่เต่าได้ยินก็เกิดความไม่พอใจ มันจึงเปิดปากร้องโอ้อวดไปว่า “ข้าต่างหากเล่าที่เป็นผู้หามหงส์สองตัวนี้” พูดยังไม่ทันจบ มันก็ร่วงตกลงไปที่พื้นเบื้องล่าง กระดองแตกตาย
 

จากข้อพระคัมภีร์: สุภาษิต 17:27-28

1. บุคคลที่มีความรู้และความเข้าใจ พระคัมภีร์บอกว่าคนนั้นมีลักษณะใด? (ข้อ 27)

2. คนที่ยับยั้งปากจากสิ่งที่ต้องการพูด เป็นคนที่มีลักษณะใด? (ข้อ 28)

3. คุณได้เรียนรู้ผลเสียอะไรจากสิ่งที่ได้พลั้งปากไป?

4. หากย้อนเวลากลับไปได้ ในวันที่คุณหลุดคำพูดบางอย่างไป คุณจะเลือกทำสิ่งใดก่อนที่จะเผลอหลุดปากไป?

ประสบการณ์ที่ผ่านมาสามารถเป็นบทเรียนให้แก่เราเป็นอย่างดี อาจไม่จำเป็นต้องพูดทุกสิ่งที่เราอยากพูด บางเรื่องที่พูดใช่ว่าเราจะรู้ทั้งหมด และการที่ไม่พูดก็ใช่ว่าเราจะไม่รู้

ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับกาลเทศะที่เราควรทำความเข้าใจและฝึกฝน อย่าให้เราเป็นเหมือนเต่าที่พูดออกมาไม่ถูกที่ถูกเวลา ไม่ว่าใครจะพูดอะไร เราจะสามารถยับยั้งถ้อยคำของเราและนิ่งเฉยได้ พระวจนะของพระเจ้าพูดถึงคนเช่นนี้ว่าเป็น “คนที่มีปัญญา”

ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นต้องพูด ขอให้นิ่งเสีย เพราะพูดไปมีแต่เสียและเสีย ไม่พูดเสียเลยจะดีกว่า! 

 

บทเฝ้าเดี่ยวจากทีม Vitamin CJ

(Cr.ภาพ Jyls Passion)

Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

เขาวงกต

เขาวงกต

จงทิ้งวาจาคดๆ เสีย และให้คำพูดลดเลี้ยวห่างจากเจ้า ให้ดวงตาของเจ้าเพ่งมองไปเบื้องหน้า และให้การจ้องของเจ้าตรงไปข้างหน้าเจ้า จงทำหนทางแห่งเท้าของเจ้าให้ราบ แล้วทางทั้งสิ้นของเจ้าจะมั่นคง (สุภาษิต 4:24-26 THSV11)
 
คุณเคยดูหนังที่มีคนหลงเข้าไปติดอยู่ในเขาวงกตแล้วหาทางออกไม่ได้หรือไม่? เขาวงกตที่คนสร้างขึ้นส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นกำแพงต้นไม้สูงท่วมหัว ทำให้ยิ่งหาทางออกยิ่งหลงวนไปมา แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือเขาวงกตที่มีกำแพงเป็นกระจกเงา ไม่ว่าคุณหันไปทางไหน คุณจะเห็นแต่ตัวเองในมุมต่างๆ จนยากที่จะเห็นทางออกจากเขาวงกตนี้ได้
 
คำพูดก็เหมือนกัน ถ้าเราเป็นคนที่มีวาจาคดคี้ยวเลี้ยวลด พูดไม่จริง หรือพูดความจริงครึ่งๆกลางๆให้คนเอาไปคิดต่อเอาเอง ไม่นานเราจะติดบ่วงคำพูดของเรา เมื่อติดแล้วก็เหมือนตกอยู่ในเขาวงกตแห่งคำพูดคดเคี้ยวของตัวเอง ไม่ว่าจะพยายามหาทางออกเท่าไร ก็จะยิ่งหลงวนเข้าไปมากเท่านั้น เหมือนคนที่เริ่มด้วยคำโกหก ก็ต้องโกหกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ถูกจับได้
 
อ่านข้อพระคัมภีร์: สุภาษิต 4:24; 18:7

1. พระคัมภีร์ได้ย้ำกับเราว่าสิ่งใดที่เป็นบ่วงดักตนเอง? (18:7)

2. เพราะเหตุใดคุณถึงพูดอ้อมค้อมหรือไม่จริงใจกับคนที่คุณสื่อสาร?

3. วันนี้ขอให้คุณอธิษฐานต่อพระเจ้าที่จะเปลี่ยนคำพูดที่อ้อมค้อมของคุณให้เป็นคำพูดที่จริงใจ เพราะนี่เป็นลักษณะหนึ่งที่เราจะสำแดงพระเจ้าในชีวิตของเราต่อผู้อื่น

ทางแก้วาจาที่อ้อมค้อมนั้นคือการพูดตรงไปตรงมาให้เหมาะสม พูดความจริงครบถ้วน และถูกที่ถูกเวลา ถ้าพลาดไปแล้วก็ให้กลับมาเริ่มต้นใหม่ เมื่อได้ทำ เราก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าผลร้ายอะไรจะเกิดขึ้นตามมา เพราะพระเจ้าพอพระทัยและอยู่ฝ่ายคนที่พูดความจริงเสมอ

วันนี้ขอให้คุณออกมาจากกับดักเขาวงกต และเดินอยู่บนพื้นที่แห่งอิสรภาพในการพูดความจริงได้

 

บทเฝ้าเดี่ยวจากทีม Vitamin CJ

(Cr. ภาพ Luna Park.au)            

Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

ศัลยกรรมช่วยได้จริงหรือ?

ศัลยกรรมช่วยได้จริงหรือ?

ท่านทั้งหลายไม่เห็นหรือ? ว่าสิ่งใดๆ ซึ่งเข้าไปในปากก็ลงไปในท้อง แล้วก็ถ่ายออกลงส้วมไป แต่สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน (มัทธิว 15:17-18 THSV11)

มีคำกล่าวว่า “ดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ” คุณว่าจริงหรือไม่? ในสมัยนี้ใครๆก็เรียนการแสดงที่สามารถส่งความรู้สึกผ่านสายตาที่แตกต่างจากความรู้สึกจริงๆได้อย่างแนบเนียน

นอกเหนือจากฝึกฝนในเชิงการแสดง ศัลยกรรมก็มีส่วนด้วย ผู้คนส่วนใหญ่จะเน้นทำศัลยกรรมที่บนใบหน้า ทำตา ทำจมูก ทำปาก สักคิ้ว ฯลฯ แต่มีบางสิ่งที่ศัลยกรรมทำไม่ได้ คือสิ่งที่อยู่ภายในใจ หากเราไม่ระวังมันก็สามารถส่งผ่านความรู้สึกมาทางสายตา และสามารถส่งสุ้มเสียงผ่านมาทางริมฝีปากของเราได้อีกด้วย

อ่านข้อพระคัมภีร์: มัทธิว 15:17-18

  1. อะไรที่ทำให้คุณเห็นสิ่งที่อยู่ในจิตใจคน? (ข้อ 18)
  2. คุณมักจะพูดจาไม่ดีในสถานการณ์ใด?
  3. คุณจะยั้บยั้งคำพูดที่ไม่ดีของคุณได้อย่างไร?
  4. เพราะเหตุใดคุณถึงพูดอ้อมค้อมหรือไม่จริงใจกับคนที่คุณสื่อสาร

สิ่งที่ออกมาจากปากคือสิ่งที่ออกมาจากใจ

เราอาจจะหลอกคนได้สักระยะหนึ่ง แต่ที่สุดแล้วความจริงจะเผยโฉมออกมา วิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือการสะสมพระวจนะไว้ในใจ ท่องจำพระวจนะ คิดก่อนพูด พูดในสิ่งที่เสริมสร้างและให้กำลังใจ และสำคัญที่สุดคือ สิ่งที่พระเจ้าปรารถนาให้เราพูด ได้แก่เรื่องราวข่าวประเสริฐ คำพูดที่ดีๆและคำพูดที่เสริมสร้างกันและกัน 

การทำศัลยกรรมทำปากรูปกระจับจึงไม่ได้ช่วยให้คุณพูดในสิ่งที่ดีได้  แต่การสะสมพระคำของพระเจ้าต่างหากที่ช่วยให้คุณยั้บยั้งคำพูดที่ไม่ดีได้ เหมือนใน สดุดี 119:11 ที่ได้บอกว่า “ข้าพระองค์ได้เก็บรักษาพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์”

 

บทเฝ้าเดี่ยวจากทีม Vitamin CJ

(Cr. ภาพ Being beautiful)

Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

ฝึกพูด ฝึกฟัง ฝึกตอบ

ฝึกพูด ฝึกฟัง ฝึกตอบ

พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ (ยากอบ 1:19 THSV11)

การฝึกพูดเป็นศิลปะแขนงหนึ่งที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝน ยากง่ายอยู่ที่ความตั้งใจของแต่ละคน แต่มีกี่คนที่รู้ว่าการฝึกฟังนั้นยากยิ่งกว่าหลายเท่า เช่นเดียวกับการฝึกพูด การฝึกฟังก็เป็นศิลปะที่ต้องฝึกฝน และที่ยากกว่านั้นคือต้องฝึกความอดทนและอดกลั้นควบคู่กันไปด้วย ถ้าเราสามารถทำสองสิ่งนี้ได้ดี การฝึกตอบก็ไม่น่าจะยากอีกต่อไป    

กี่ครั้งกันเมื่อเราฟังคนอื่นเล่าเรื่องของเขา แทนที่เราจะฟังให้เข้าใจว่าเขากำลังสื่อสารอะไรทั้งวัจนภาษา (ภาษาที่ใช้ถ้อยคำ) และอวัจนภาษา (ภาษาที่ใช้สีหน้า ท่าทาง) เรากลับคิดหาคำแนะนำในใจ หาจังหวะที่จะตอบ เพราะเราคิดว่าเรารู้ดีเรื่องแบบนี้จะจบลงอย่างไร เราจึง “ตัดบท” และ “ทะลุกลางปล้อง” ขึ้นมา รีบชิ่งให้คำตอบหรือคำแนะนำโดยไม่ฟังเรื่องของเขาให้จบก่อน

อ่านข้อพระคัมภีร์: สุภาษิต 18:13

  1. คุณคิดว่า การตอบก่อนที่คุณจะฟังจบมีประโยชน์หรือไม่?
  2. เพราะเหตุใดคุณจึงตอบก่อนที่คุณจะได้ยิน?
  3. หากการฝึกฟังในวันนี้ยากสำหรับคุณ คุณจะทำสิ่งใดเพื่อคุณจะผู้ฟังคนอื่นมากขึ้นแม้ว่าเรื่องนั้นจะเป็นเรื่องที่คุณรู้แล้วก็ตาม?

การที่เราตอบก่อนที่เราจะได้ยินหรือก่อนที่เราจะเข้าใจ เราไม่เพียงแต่แสดงความโง่หรือสร้างความขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น แต่เรากำลังตัดโอกาสของทั้งสองฝ่าย โอกาสที่จะได้เข้าใจ และโอกาสที่จะตอบสิ่งที่เป็นประโยชน์หรือถ้อยคำแห่งกำลังใจให้กับอีกฝ่ายได้ และอาจจะสูญเสียโอกาสที่เขาจะกลับมาไว้ใจและเล่าเรี่องของเขาให้เราฟังอีกก็เป็นได้ ฉะนั้นจง “…ไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ เพื่อเราจะเป็นผู้ที่ฝึกพูด ฝึกฟัง และฝึกตอบได้เป็นอย่างดี

 

บทเฝ้าเดี่ยวโดยทีม Vitamin CJ

(Cr.ภาพ FP Advance)

Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

ฝึกมองให้ไกล

ฝึกมองให้ไกล

ส่วนเซาโลพยายามทำลายคริสตจักรโดยเข้าไปฉุดลากเอาพวกผู้ชายและพวกผู้หญิงตามบ้านเรือนไปจำไว้ในคุก (กิจการ 8:3 THSV11)

เซาโล (ซึ่งต่อมาเรียกว่าเปาโล) นับได้ว่าเป็นคนหนึ่งที่เคยข่มเหงคริสเตียน และพยายามทำลายคริสตจักรด้วยถึงขั้นเข้าไปฉุดลากทั้งผู้เชื่อชายและหญิงตามบ้านเรือนไปจองจำไว้ในคุก (กิจการ 8:1-3)

และเซาโลคนนี้ยังอยู่เบื้องหลังการตายของสเทเฟนผู้ประกาศข่าวประเสริฐในเวลานั้นด้วย แม้ว่าพระเจ้าจะทอดพระเนตรเห็นสิ่งที่เซาโลทำ แต่พระองค์ไม่ได้ทรงเกลียดชังเซาโล กลับทรงเปลี่ยนชีวิตของท่านและใช้ให้เกิดผลได้อย่างน่าทึ่ง

อ่านข้อพระคัมภีร์: กิจการ 9:1-22 

  1. ทำไมเซาโลถึงยอมจำนนต่อพระเจ้า หลังจากที่เคยข่มเหงคริสเตียนอย่างแข็งกร้าวและดุเดือด? (ข้อ 3-5)
  2. พระเจ้าทรงทำให้เซาโลตาบอดไป 3 วัน ช่วงเวลาเหล่านั้น คุณคิดว่าเซาโลได้เรียนรู้และเข้าใจอะไรบ้าง? (ข้อ 8-9)
  3. เมื่อเซาโลมองเห็นอีกครั้ง ท่านจึงรับบัพติศมา และไม่นานนักท่านเริ่มต้นทำสิ่งใด? (ข้อ 19-20)
  4. คุณอาจมีเพื่อนหรือพี่น้องที่มีพฤติกรรมที่ไม่ดี แน่นอนคุณคงเอือมระอาและหมดหวังในตัวเขา วันนี้คุณจะมองคนเหล่านั้นอย่างที่พระเจ้ามองเซาโลอย่างไร?

เมื่อพระเจ้าสามารถรื้อฟื้นชีวิตคนๆหนึ่งที่เคยข่มเหงคริสเตียนอย่างเซาโลไปเป็นนักประกาศข่าวประเสริฐที่ยิ่งใหญ่ได้ พระเจ้าก็สามารถรื้อฟื้นจิตใจคุณให้มองคนเหล่านั้นด้วยความหวังได้ เพราะไม่ใช่คุณที่เปลี่ยนแปลงเขา แต่เป็นพระเจ้า

ดังนั้นอย่ามองสิ่งที่บางคนเป็นในวันนี้ แต่จงมองสิ่งที่เขาจะเป็นในอนาคต ฝึกมองคนให้ไกล เพราะพระเจ้าไม่เพียงแต่รื้อฟื้นจิตใจผู้คนได้เท่านั้น แต่ทรงเปลี่ยนจิตใจคุณได้เช่นกัน

 

บทเฝ้าเดี่ยวจากทีม Vitamin CJ

(Cr.ภาพ Bibleencyclopedia.com)