Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

สู้หรือคล้อยตาม

สู้หรือคล้อยตาม (มัทธิว 4:1-11)

มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘มนุษย์จะดำรงชีวิตด้วยอาหารเพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องดำรงชีวิตด้วยพระวจนะทุกคำซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า’ (มัทธิว 4:4 THSV11)

ในสมองของเรามีปุ่มๆหนึ่งที่เรียกว่า “อามิกดาลา” (Amygdala) ทำหน้าที่สำคัญ 2 อย่างคือ สร้างการตอบสนองทางอารมณ์ และสร้างความกลัวให้เกิดขึ้น ปุ่มนี้จะช่วยให้เกิดความระมัดระวัง และสร้างการตอบสนองต่อเหตุการณ์ใหม่ๆที่เข้ามาว่าจะเผชิญหน้าดีหรือหนีดี หรือควรทำสิ่งใด จากนั้นก็จะส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังสมองส่วนหน้าโดยงอัตโนมัติ เพื่อทำหน้าที่ประเมินสถานการณ์ และช่วยคิดว่าควรตอบสนองอย่างไร

เมื่อพระเยซูถูกซาตานมาทดลองในถิ่นทุรกันดาร พระองค์เองก็อยู่ในสภาพของมนุษย์ที่มีกลไกความคิดในแบบเดียวกัน คือจะสู้ หรือจะหนี เกิดความไม่แน่ใจ จะตอบสนองคล้อยตามสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ในที่สุดแล้วพระเยซูเลือกที่จะเชื่อฟังพระบิดา

สำหรับเรา ถ้าได้สะสมพระคำของพระเจ้าไว้ในชีวิต เราจะไม่ตอบสนองต่อการล่อลวงไปตามสัญชาตญาณ หรือเมื่อรู้สึกว่าเราอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็มักจะคล้อยตามคนหมู่มาก และแยกแยะสิ่งที่เผชิญอยู่ตามมาตรฐานของเรา

แต่พระเยซูได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พระองค์ไม่ได้อ่อนข้อให้กับความบาปหรือความต้องการใดๆ แม้ว่าพระองค์ทรงอยากพระกายาหาร แต่กลับทรงใช้พระวจนะต่อสู้กับเสียงของซาตาน

ที่ผ่านมาถ้าคุณเคยพ่ายแพ้ต่อความโกรธ การยั่วยวน ความโลภ ฯลฯ ขอให้ใช้พระวจนะมาควบคุมการตอบสนองต่อการทดลองหรือการยั่วยวนนั้น คุณจะได้รับชนะด้วยฤทธิ์เดชแแห่งพระวจนะของพระเจ้า แต่ก่อนอื่นเราควรมีพระวจนะสะสมอยู่ในใจมากพอ ขอให้เริ่มจากวันนี้ เริ่มอ่านและสะสมพระวจนะของพระเจ้าเอาไว้ในหัวใจ

 

บทเฝ้าเดี่ยวโดยทีม Vitamin CJ

(Cr. ภาพ The Converstion)

 

Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

หมดหน้าตัก

หมดหน้าตัก

“พระบัญญัติของพระองค์ทำให้ข้าพระองค์ฉลาดกว่าศัตรูของข้าพระองค์ เพราะพระบัญญัตินั้นอยู่กับข้าพระองค์เป็นนิตย์ ข้าพระองค์ฉลาดกว่าครูทั้งหมดของข้าพระองค์ เพราะพระโอวาทของพระองค์เป็นคำภาวนาของข้าพระองค์ ข้าพระองค์เข้าใจมากกว่าผู้อาวุโส เพราะข้าพระองค์รักษาข้อบังคับของพระองค์” (สดุดี 119: 98-100 THSV2011)

คนรุ่นคุณย่าคุณยายจะรู้จักกับคำว่า “หมดหน้าตัก” เป็นอย่างดี เพราะหมายถึงการเข้าสมาคม “รำพัด” ซึ่งสมาชิกจะอดหลับอดนอนรำพัดกันข้ามวันข้ามคืนจนลืมคนที่บ้านสิ้น สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ในสมาคมนี้คือ “ทุนหน้าตัก” ทุนหน้าตักนี้จะไม่นิ่ง จะขี้นลงตลอดเวลา มีบางเวลาที่ทุนนี้หนาแน่นไปจนถึง “หมดหน้าตัก” ถ้าไม่ทันระวัง หมดหน้าตักขึ้นมาเมื่อไร แปลว่าชีวิตเจ้าของตักกำลังตกที่นั่งลำบาก

เมื่อโลกเข้าสู่โหมดดิจิตัล สมาคมรำพัดและกองทุนหน้าตักก็เริ่มจางหายเปลี่ยนรูปแบบไป คำว่า “หมดหน้าตัก” จึงถูกนำมาใช้เปรียบเทียบในเรื่องอื่นๆ เช่นทุนในการดำเนินชีวิต อาจเป็นทุนเดิมที่มี หรือที่ไขว่คว้าหามาเอง หนึ่งในนั้นคือการเสาะหาและสั่งสมความรู้ในศาสตร์และวิทยาการต่างๆ เพื่อพรักพร้อมนำมาใช้และแบ่งปันออกสู่คนรุ่นต่อๆไป

ในฐานะผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์ เราต้องสั่งสมคำสอน พระวจนะ และประสบการณ์ชีวิตที่ได้ติดตามพระเยซูคริสต์ ผู้รับใช้ของพระเยซูต้องไม่หยุดนิ่ง ต้องนำหน้าศัตรูหรือก้าวทันแผนการของมันเสมอ ต้องแบ่งปันสิ่งที่ได้รับมาไปสู่ผู้เชื่อรุ่นใหม่ สามารถตอบคำถามผู้สนใจ ถ้าผู้รับใช้ของพระเยซูมีอาการ “หมดหน้าตัก” เมื่อไร ก็อาจแพ้ภัย หมดสิ่งดีที่จะแบ่งปันออกไป กลายเป็นผู้รับใช้ที่ไร้ผลในแผ่นดินของพระเจ้า

วันนี้ที่หน้าตักของคุณมีเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน?

 

บทเฝ้าเดี่ยวโดยทีม Vitamin CJ

(Cr.ภาพ ChurchArt)

Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

น้ำตาอยู่ในขวด คำขอบคุณอยู่ในพระทัย

น้ำตาอยู่ในขวด คำขอบคุณอยู่ในพระทัย

พระองค์ทรงนับการระหกระเหินของข้าพระองค์ ทรงเก็บน้ำตาของข้าพระองค์ใส่ขวดของพระองค์ไว้ น้ำตานั้นไม่อยู่ในบันทึกของพระองค์หรือพระเจ้าข้า? (สดุดี 56:8 THSV11)

พระเจ้าบอกเราว่าความทุกข์ยาก ความอธรรมที่ได้รับ การระหกระเหินของเราขณะอยู่บนโลกใบนี้ เราเสียน้ำตาไปเท่าไร พระองค์จะทรงเก็บน้ำตาทุกหยดนั้นไว้ในขวดของพระองค์ เพราะพระองค์ทรงรัก และห่วงใยความรู้สึกของเราเสมอ

เมื่อเรารู้จักพระเจ้าและเป็นลูกของพระองค์โดยทางพระเยซูคริสต์ พระวจนะสอนเราให้ขอบคุณพระองค์ใน “ทุกกรณี” (1เธสะโลนิกา 5:18)

ทุกกรณีแปลว่า ทุกความทุกข์ความสุข ความยินดีและความเลวร้ายต่างๆที่เผชิญในโลกนี้เหตุเพราะเรารักพระองค์ พระองค์สัญญาว่า “…เหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า” (โรม 8:28 THSV11)

ในทุกครั้งที่เราร้องขอบพระคุณ พระองค์จะไม่ทรงเก็บทุกคำขอบคุณนั้นไว้ในพระทัยหรือ?

แน่นอน  นอกจาก “พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขาทั้งหลาย” (วิวรณ์ 21:4 THSV11) พระองค์จะทรงเก็บทุกคำขอบพระคุณไว้ในพระทัยพระองค์ด้วย และทรงรอยิ้มรับในวันที่เราได้กลับบ้านไปพบพระองค์

อย่าลืมขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะพระเจ้าของเราทรงเก็บทุกคำขอบพระคุณไว้ในพระทัยเสมอ

 

บทเฝ้าเดี่ยวโดยทีม Vitamin CJ

(Cr.ภาพ Devianart)

Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

หลักกิโลเมตรต่อไป

หลักกิโลเมตรต่อไป

ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าได้รับแล้ว หรือดีพร้อมแล้ว แต่ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปเพื่อที่จะฉวยไว้เพราะพระเยซูคริสต์ทรงฉวยข้าพเจ้าไว้ (ฟีลิปปี 3:12THSV11)

บนเส้นทางการดำเนินชีวิตคริสเตียน มีเป้าหมายและมีจุดมุ่งหมายที่ให้เราต้องมุ่งไป ชีวิตคริสเตียนและคริสตจักรจึงไม่อาจหยุดนิ่งอยู่กับที่ เราต้องเคลื่อนไปข้างหน้าตลอดเวลา เราต้องออกจากที่เดิมที่เราเคยยืนอยู่ มุ่งหน้าไปสู่หลักชัยที่พระเจ้ามีพระประสงค์ให้เราไปให้ถึง

ระหว่างทางเรามีหลักกิโลเมตรเป็นเหมือนตัววัดระยะและเวลาที่ใช้ไป ศิษยาภิบาลท่านหนึ่งกล่าวว่าทุกหลักกิโลเมตรที่ไปถึงต้องมีการเฉลิมฉลองเพื่อให้รู้ว่าเรามาไกลแค่ไหนแล้วเพื่อเราจะได้มองย้อนกลับไป ทบทวนและประเมินสิ่งต่างๆที่ผ่านมา รวมถึงหยุดเพื่อมองไปข้างหน้า มีสิ่งใดรอเราอยู่ มีสิ่งใดที่ต้องฝ่าฟันเพื่อไปให้ถึงหลักกิโลเมตรต่อๆไป?

อ่านข้อพระคัมภีร์: ฟีลิปปี 3:12-16

  1. วันนี้คุณกำลังเดินหน้าอยู่ในเส้นทางที่พระเจ้ามีพระประสงค์ให้คุณหรือเปล่า?
  2. จากวันที่คุณต้อนรับพระเยซูคริสต์จนถึงวันนี้ คุณมาได้ไกลแค่ไหน? หลักกิโลเมตรที่เท่าไร?
  3. คุณได้มีโอกาสหยุดเฉลิมฉลอง ประเมินในจุดที่คุณยืนอยู่หรือไม่?

หรือคุณมัวแต่มองไปที่หลักกิโลเมตรทางโลก มองจำนวนเงินในธนาคาร มองความสำเร็จในการงาน หรือเฉลิมฉลองแต่สิ่งที่โลกเห็นว่าดี อย่าลืมว่าสิ่งที่โลกมองเห็น และสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้อาจเป็นคนละเส้นทางหรืออาจเป็นเส้นทางที่ซ้อนทับกัน จงมีสายตาฝ่ายวิญญาณที่ดี แยกแยะให้ออก มองให้เห็นทั้งอดีตและอนาคตฝ่ายวิญญาณของคุณ

วันนี้ลองทบทวนดู ที่ผ่านมาคุณมีเรื่องใดที่จะเฉลิมฉลองฝ่ายวิญญาณได้บ้าง?

หรือคุณยังยืนอยู่ที่เดิมในขณะที่คนอื่นเดินหน้าต่อไปจนทิ้งห่างคุณไปแล้ว

 

บทเฝ้าเดี่ยวจากทีม Vitamin CJ

(Cr.ภาพ Nuisri)

Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

อย่าขมขื่น อย่าวิ่งหนี อย่าสงสัย

อย่าขมขื่น อย่าวิ่งหนี อย่าสงสัย

พี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อพวกท่านพบกับการทดลองใจต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง เพราะพวกท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน และจงให้ความทรหดอดทนนั้นมีผลอย่างสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่สมบูรณ์และดีพร้อม โดยไม่ขาดสิ่งใดเลย (ยากอบ 1:2-4 THSV11)

หยุดเดี๋ยวนี้ ฉันโดนไฟที่ร้อนระอุมากพอแล้ว คุณจะเผาฉันจนฉันจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว

ช่างตีมีดยังคงไม่ฟังเสียง แต่กลับแหย่มีดลงไปในกองไฟที่ลุกโชน ทำให้มีดร้อนระอุจนเป็นสีขาว

หยุดตีฉันเสียที ฉันถูกตีจนน่วมไปหมดแล้วไม่ทันขาดคำค้อนอันหนักก็ฟาดลงมาอีก แล้วจุ่มลงในน้ำเย็น

เอาฉันออกจากน้ำเย็น และเลิกเอาฉันเข้ากองไฟได้แล้ว คุณจะฆ่าฉันให้ตายรึในไม่ช้าช่างตีมีดเริ่มนำมีดลับกับหินลับมีดเอาฉันอยู่ห่างๆหินลับมีดนั้น ฉันถูกขัดจนถลอกปอกเปลือกไปหมดแล้ว

ช่างตีมีดยังคงลับต่อไป ขัดจนมีดเล่มนั้นวาววับเปล่งปลั่งราวกับเงิน แข็งแกร่งราวกับเพชร และมีคุณค่ามากมาย เช่นเดียวกับชีวิตคริสเตียนที่ต้องอดทนต่อการถูกข่มเหง ถูกวิจารณ์เรื่องความเชื่อ รวมทั้งถูกมองว่าเป็นพวกโลกสวย เนื่องจากการเชื่อฟังและการติดตามพระเยซู

อ่านข้อพระคัมภีร์: ยากอบ 1:2-4

  1. เมื่อเกิดการทดลองใจ” (ความทุกข์ยากลำบาก เพราะเหตุที่เราติดตามพระเยซูคริสต์) พระคัมภีร์สอนให้เรามีทัศนคติอย่างไร? (ข้อ 2)
  2. คุณเคยถูกว่า ถูกมองไม่ดี หรือมีคนไม่ชอบ เพราะว่าคุณเป็นคริสเตียนหรือไม่ เรื่องอะไร
  3. คุณรู้สึกอย่างไร เมื่อคุณได้เลือกทำตามสิ่งที่พระคัมภีร์ได้บอกไว้ แต่มีคนอื่นไม่ชอบในสิ่งที่เราคิดหรือทำ หรือแม้กระทั่งการมาคริสตจักรในวันอาทิตย์?

ไม่ว่าคุณจะทำอะไร หรือเผชิญอะไรที่ถูกต้องเพื่อพระคริสต์แล้วบ่นด้วยความเจ็บปวด อย่าลืมที่จะชื่นชมยินดี เพราะคุณกำลังอยู่ในกระบวนการที่ทำให้เกิดความหนักแน่นมั่นคงซึ่งใช้ต้องเวลา เพื่อให้เป็นคนที่ดีมีวุฒิภาวะ และมีคุณสมบัติครบถ้วน

ในการติดตามพระเจ้าจะมีความยากลำบาก แต่ความลำบากเหล่านั้นจะทำให้คุณเกิดความทรหดอดทน เพราะความทรหดอดทนจะส่งผลต่อคุณลักษณะชีวิตของคุณ แต่ความสะดวกสบายไม่เคยสร้างใคร

ดังนั้นอย่าขมขื่น อย่าวิ่งหนี และอย่าสงสัย จงเผชิญหน้าด้วยความชื่นชมยินดี เพราะอีกไม่นานชีวิตของคุณจะแข็งแกร่งขึ้น!

 

บทเฝ้าเดี่ยวจากทีม Vitamin  CJ

(cr.ภาพ folding Knife)

Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

ของขวัญชิ้นใหม่ในยามเช้า

ของขวัญชิ้นใหม่ในยามเช้า

ความรักมั่นคงของพระยาห์เวห์ไม่เคยหยุดยั้ง และพระกรุณาของพระองค์ไม่มีสิ้นสุด เป็นของใหม่ทุกเวลาเช้า ความเที่ยงตรงของพระองค์ใหญ่ยิ่งนัก จิตใจข้าพเจ้าว่า “พระยาห์เวห์ทรงเป็นมรดกส่วนของข้าพเจ้า เพราะฉะนั้นข้าพเจ้ามีความหวังในพระองค์” (เพลงคร่ำครวญ 3:22-24 THSV11)

คนส่วนใหญ่มักจะเห่อของใหม่เรียกว่าอยู่ในระดับเบอร์ห้าได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาการเห่อก็ค่อยๆทุเลาลงเหลือเป็นเฉยๆ และอีกไม่นานก็ออกอาการเบื่อหรือไม่ก็เลิกสนใจไปเลย ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยได้ยินใครพูดถึงคนที่ “เห่อของเก่า” มีแต่เบื่อของเก่ามองหาของใหม่เพื่อจะได้เห่อใหม่อีกครั้ง

แต่มีบางสิ่งที่เก่าแก่โบราณ เก่าแก่ตั้งแต่โลกนี้ยังไม่มีตัวตน สิ่งนี้มีอยู่ก่อนแล้ว นั้นคือความรักของพระเจ้า และความรักของพระเจ้านี่เอง ทุกสรรพสิ่งจึงถูกเนรมิตสร้างขึ้น ที่น่ามหัศจรรย์และน่าปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งคือ แม้จนทุกวันนี้ความรักของพระเจ้ายังเป็น “ของใหม่ทุกเวลาเช้า” ความรักมั่นคงของพระองค์ “ไม่เคยหยุดยั้ง” และพระกรุณาของพระองค์ก็ “ไม่มีสิ้นสุด” เลย

อ่านข้อพระคัมภีร์: เพลงคร่ำครวญ 3:22-24

1. ในทุกวันนี้ อะไรคือความปิติยินดีในชีวิตของคุณ? (เช่น เงิน, แฟน, การกิน ฯลฯ )

2. คุณเห่ออะไรในชีวิตประจำวันของคุณบ้าง?

เราอาจจะเห่อสิ่งใหม่ๆ รถคันใหม่ เฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ แฟนคนใหม่ แม้กระทั่งคนเกิดใหม่ฝ่ายวิญญาณ แต่วันนี้และในวันต่อๆไปอยากให้เราเฉลิมฉลองและขอบคุณพระเจ้าสำหรับความรักของพระเจ้าที่มาแต่ก่อนเริ่มสร้างโลก พระองค์ตรัสบอกเราว่า “เป็นของใหม่ทุกเวลาเช้า” แปลว่าทุกเช้าที่เราตื่นขึ้นมาเรามีของขวัญชิ้นใหม่จากพระเจ้ารออยู่ เพื่อให้มั่นใจและเดินหน้าไปได้อย่างอุ่นใจตลอดทั้งวัน

คนที่ตื่นเช้าคงไม่พลาดของขวัญชิ้นใหม่ประจำวันจากพระเจ้าแน่ ที่น่าคิดคือ พระองค์ไม่ได้เอ่ยถึงพวกที่ตื่นสายเลย

 

บทเฝ้าเดี่ยวจากทีม Vitamin CJ

(Cr.ภาพ Good morning wishes)

Categories
เฝ้าเดี่ยว จาก Daily Devotional

โลกนี้มีแต่ความอธรรมจริงหรือ?

โลกนี้มีแต่ความอธรรมจริงหรือ?

สีขาวสีดำ ตรงข้ามกันอย่างไร ความเที่ยงธรรมกับความอธรรมก็ตรงข้ามกันอย่างนั้น บนโลกนี้เราอาจรู้สึกว่ามีแต่ความไม่ยุติธรรม หรือมีแต่ความชั่วร้ายต่างๆ ในความเป็นจริงไม่มีใครสามารถนับได้ว่าความดีมีมากกว่าความชั่วจริงหรือ แต่สิ่งหนึ่งที่เราทราบดีคือพระเจ้าของเราเที่ยงธรรม และทรงครอบครองอยู่เหนือทุกสิ่ง แม้บนโลกใบนี้ก็ตาม

“คนชอบธรรมจะงอกงามอย่างต้นอินทผลัม เขาจะเจริญขึ้นอย่างต้นสนสีดาร์ในเลบานอน ซึ่งปลูกไว้ในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ และงอกงามในบริเวณพระนิเวศของพระเจ้าของเรา มันยังออกผลเมื่อแก่แล้ว มันมีน้ำเลี้ยงเต็มและเขียวสดอยู่ เพื่อแสดงว่าพระยาห์เวห์นั้นเที่ยงธรรม พระองค์ทรงเป็นศิลาของข้าพระองค์ ในพระองค์ไม่มีความอธรรม” (สดุดี 92:12-15)

  1. พระธรรมตอนนี้ทำให้คุณเห็นภาพความงดงามอะไรบ้าง?
  2. ให้สังเกตคำต่อไปนี้ เป็นต้นไม้ที่ “แก่แล้ว” แต่ยัง “ออกผล” และ “มีน้ำเลี้ยงเต็มและเขียวสด” คุณได้ข้อคิดอะไรเกี่ยวกับความเที่ยงธรรมของพระเจ้าบ้าง?

พระวจนะไม่ได้พูดถึงต้นไม้ในพระนิเวศเท่านั้น ข้อ 15 อธิบายว่า คนชอบธรรมของพระเจ้าจะไม่ใช่แค่งอกงาม แข็งแรงและออกผลได้แม้ในยามแก่เฒ่า แต่พระเจ้าของเรายังคงความเที่ยงธรรม และเป็นพระศิลาให้เรายืนอยู่ได้อย่างมั่นคง

แม้ว่าโลกรอบตัวมีแต่ความอธรรม และพวกเราหลายคนก็ได้รับผลจากความอธรรมนั้น แต่สิ่งที่น่ายินดีที่สุดและนำมาซึ่งความหวังใจในพระเจ้าก็คือ “ในพระองค์ไม่มีความอธรรม”

ถ้าคุณกำลังได้รับความไม่เป็นธรรม แม้จะนานแค่ไหน ขอให้รอคอยพระเจ้า เพราะในพระองค์มีแต่ “ความเที่ยงธรรม” เสมอ

ขอให้ใจเย็นๆ เพราะมันคุ้มค่าที่จะรอ

 

บทเฝ้าเดี่ยวจากทีม Vitamin CJ

(CR.ภาพ Mobile wallpapers)