บทเฝ้าเดี่ยว Holy Week คริสตจักรแห่งความสุข
วันจันทร์ที่ 5 เมษายน 2021
ลองชิมดู
อ่านข้อพระคัมภีร์: สุดดี 34, ยอห์น 6:35-40
“เชิญชิมดูแล้วจะเห็นว่า พระยาห์เวห์ประเสริฐ คนที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์ก็เป็นสุข บรรดาวิสุทธิชนของพระองค์ จงยำเกรงพระยาห์เวห์ เพราะผู้ที่ยำเกรงพระองค์ไม่ขาดแคลน เหล่าสิงห์หนุ่มยังขาดแคลนและหิวโหย แต่ผู้ที่แสวงหาพระยาห์เวห์ไม่ขาดสิ่งดีใดๆ” – สดุดี 34:8-10
ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งได้เชิญนักวิชาการชื่อเสียงโด่งดังมาบรรยายร่วม 2 ชั่วโมงครึ่งในการบรรยายว่า พระเยซูไม่ได้เป็นขึ้นมาจากความตาย เขาได้ยกตัวอย่างตัวอย่างหนึ่งและข้อความจากหนังสือต่างๆมากมายมาอธิบายว่า การฟื้นคืนชีพนั้นไม่มีอยู่จริงและเป็นสิ่งหลอกลวง หลังจากการบรรยายนั้นจบเขาจึงถามขึ้นว่า “มีใครจะถามคำถามอะไรหรือไม่?”
สักครู่หนึ่งก็มีศิษยาภิบาลอาวุโสท่านหนึ่งลุกขึ้นมาและพูดว่า “ผมขอถามสักคำถามได้ไหม?” นักวิชาการตอบว่า “ได้ครับ” ศิษยาภิบาลผู้นั้นจึงหยิบแอปเปิ้ลผลหนึ่งขึ้นมากินและถามนักวิชาการคนนั้นว่า “ผมไม่เคยอ่านหนังสือที่ท่านอ่าน ผมไม่เคยท่องพระคัมภีร์เป็นภาษากรีก แต่ผมอยากถามคำถามง่ายๆว่า แอปเปิ้ลที่ผมกินอยู่นี้ขมหรือหวาน” นักวิชาการก็ตอบอย่างมีหลักการไปว่า “ผมไม่มีทางรู้ได้หรอก ว่าแอปเปิ้ล มีรสชาติอย่างไร เพราะผมไม่เคยได้ชิมแอปเปิ้ลที่คุณกินอยู่นั้น” ศิษยาภิบาลผู้นั้นจึงวางแอปเปิ้ลที่เขากินลงและพูดว่า “คุณก็ยังไม่เคยได้ชิมองค์พระเยซูคริสต์ของผมเหมือนกัน”
หลังจากที่ศิษยาภิบาลคนนั้นพูดจบลง คนที่ร่วมฟังบรรยายกว่า 1,000 คนก็ลุกขึ้นตบมือและร้องตะโกนสนั่นหวั่นไหว นักวิชาการคนนั้นเพียงกล่าวคำขอบคุณแล้วรีบเดินหนีออกจากห้องไปทันที
ผมเชื่อว่าคำถามของศิษยาภิบาลคนนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจของเขา ศิษยาภิบาลคนนั้นรู้ดีว่าเขาได้ชิมพระองค์ (มีประสบการณ์ และมีความสัมพันธ์กับพระองค์) ตลอดชีวิตของเขาแล้ว และได้สัมผัสถึงความดี ความงดงามของพระองค์มาก่อนอย่างนับไม่ถ้วน ทุกวันนี้มีคนมากมายนับไม่ถ้วนที่ได้ชิมพระเยซูแล้ว ไม่คิดที่จะเลิกติดตามพระเยซู แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม แต่น่าเสียดายที่ผู้เชื่อบางคนได้ชิมแล้วแต่กลับไม่ใส่ใจ เพราะเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระองค์ เขาจึงไม่เข้าใจว่าพระเจ้าดีเกินกว่าจะหาคำไหนมาอธิบายอย่างไร
แล้วคุณล่ะได้ชิมพระเยซูคริสต์ผู้เป็นอาหารแห่งชีวิตแล้วหรือยัง? ถ้าชิมแล้วความสัมพันธ์กับพระเจ้าตอนนี้เป็นอย่างไร?
“I believe in God not because my parents told me, not because the church told me, but because I’ve experienced His goodness and mercy myself.” anonymous
“ฉันเชื่อพระเจ้า ไม่ใช่เพราะพ่อแม่บอกฉัน ไม่ใช่เพราะคริสตจักรบอกฉัน แต่เป็นเพราะฉันมีประสบการณ์ในความดี และความเมตตาของพระองค์ด้วยตัวของฉันเอง” นิรนาม
อ คัมภีร์ สุมามาลย์กุล
คริสตจักรแห่งความสุข