Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมทิตัส

มารู้จักกับ ทิตัส (Titus)

  1. ทิตัส (Titus, ภาษากรีก Titos)เป็นคริสเตียนเชื้อสายกรีก ที่คลุกคลีอยู่กับอัครทูต เปาโล เกือบ 20 ปี
  1. ทิตัส ประสบความสำเร็จมาจนกลายเป็นผู้นำคริสตจักรในเมืองโครินธ์ ในดาลมาเทีย แถบทะเลอเดรียติก และในตอนสุดท้ายไปอยู่ที่เกาะครีต
  2. ทิตัสกลายมาเป็นหนึ่งในผู้รับจดหมายจากอัครทูตเปาโล ที่กลายมาเป็นพระธรรมทิตัสในพระคัมภีร์
  3. อัครทูตเปาโลเอ่ยชื่อของทิตัสบ่อยครั้งในจดหมายที่โต้ตอบกับชาวโครินธ์ (แม้ว่าลูกาไม่ได้เอ่ยถึงชื่อของเขาในพระธรรมกิจการเลย)
  4. ทิตัสได้รับการกล่าวถึงครั้งแรกในจดหมายถึงชาวกาลาเทีย ในฐานะเป็นตัวแทนจากอันทิโอกที่เดินทางร่วมกับ เปาโล และบารนาบัส ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ราวๆ  ช่วงปี ค.ศ. 49  (แต่เข้าใจแตกต่างกันว่าการไปเยี่ยมครั้งนี้ เป็นการเยี่ยมในเหตุการณ์ กิจการ 11  หรือกิจการ 15 (ในการประชุม สภาใหญ่)
  • การประชุมสภาครั้งนี้ ถกกันว่า ผู้เชื่อชาวต่างชาติจำเป็นต้องเข้าพิธีสุหนัต รวมทั้งถือบัญญัติอื่น ๆ ด้วยหรือไม่ จึงจะรอดจะได้?
  • มีคริสเตียนในเยรูซาเล็มจำนวนไม่น้อย ขมขื่นใจที่จะยอมรับคริสเตียนชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ในสำนักงานใหญ่ของคริสตจักร ที่อันทิโอกในซีเรีย
  • เปโตรเป็นพยานจากประสบการณ์ส่วนตัว (ที่มีกับโครเนลิอัส) ให้การสนับสนุนตัวแทนคริสตจักรจากอันทิโอก และได้รับการเห็นชอบจากยากอบ ผู้นำและผู้ปกครอง(ผู้อาวุโส) ในคริสตจักร
  1. อ.เปาโล เอาทิตัสมาเป็นกรณีศึกษา และกรณีทดสอบ โดยการนำทิตัสไปกรุงเยรูซาเล็มไปกับท่าน และบารนาบัส ในเวลา 14 ปีต่อมา
  • ทิตัสเป็นผู้เชื่อเชื้อสายกรีก
  • แต่เขาไม่ได้ถูกบังคับให้เข้าสุหนัต (กท.2:1-3)
  1. ต่อมาอีกหลายปี ในระหว่างที่ อ.เปาโล เดินทางรอบที่ 3 และขณะที่อยู่ที่เอเฟซัส อ. เปาโลได้ยินข่าวเรื่องการผิดศีลธรรมทางเพศปรากฏขึ้นในคริสตจักร อ. เปาโลจึงให้คำแนะนำในการจัดการกับกรณีดังกล่าว ผ่านจดหมาย 1 โครินธ์ ที่ส่งไปทางเรือ ในขณะที่ทิโมธีเดินทางบกไปจัดการด้วยตัวเอง
  2. แต่ทั้งจดหมาย 1โครินธ์ และทิโมธี ต่างก็ไม่ได้ทำให้ความปรารถนา อ.เปาโลบรรลุความสำเร็จ อ.เปาโลจึงลงเรือเดินทางไปเมืองโครินธ์ด้วยตัวเอง แม้แต่ตัวท่านเองไม่อาจแก้ไขปฏิรูปชุมชนคริสเตียนในโครินธ์ ให้ดีขึ้นอย่างที่หวังและยังถูกดูหมิ่นดูแคลนเข้าไปอีก
  3. เปาโลจึงเดินทางกลับไปเอเฟซัส และจากที่นั่น ท่านเขียนจดหมายที่รุนแรงฉบับหนึ่ง เป็นจดหมาย (ที่อาจพบใน 2 โครินธ์ 10-13) ซึ่งทิตัส ซึ่งอาวุโสกว่า และมีประสบการณ์มากกว่า ทิโมธี เป็นผู้นำจดหมายฉบับนั้นไปส่งโดยในจดหมายฉบับนี้ อ.เปาโล เรียกร้องให้พวกคริสเตียนชาวโครินธ์คำนึงถึงศีลธรรมอย่างคริสเตียน และให้เกียรติในอัครฑูตเปาโลมากกว่าที่ผ่านมา ในฐานะผู้ก่อตั้งคริสตจักรที่เมืองโครินธ์

“ถ้าใครจะอวด ก็จงอวดองค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้าเถิด” 18เพราะว่าคนที่ยก‍ย่องตัวเองจะไม่‍ได้รับการรับ‍รอง แต่คนที่พระ‍เจ้าทรงยก‍ย่องต่าง‍หากจะได้รับ”   (2โครินธ์ 10: 17-18)

  1. อ.เปาโล รุ่มร้อนใจเกี่ยวกับผลลัพธ์ของสิ่งที่ท่านวิงวอนขอให้พวกในคริสตจักรโครินธ์ปรับปรุงแก้ไขวิถีชีวิตของพวกเขา อ.เปาโลจึงยกเลิกพันธกิจเอเฟซัส ออกเดินทางผ่านโตรอัสไปจนพบกับทิตัสบนเส้นทางขากลับจากโครินธ์ผ่านทางมาซิโดเนียและทิตัส ผู้นำข่าวดีมาแจ้งให้ อ.เปาโล ทราบว่า คริสตจักรที่โครินธ์ได้ทำตามที่ อ.เปาโลขอ และพวกเขาโดยเสียงข้างมากได้จัดการกับคนที่ดูหมิ่นลบหลู่ อ.เปาโล แล้ว
  2. อ.เปาโล เขียนจดหมายอีกฉบับทันที (พบได้ใน 2 โครินธ์ 1-9, โดยข้ามเนื้อหาก่อนหน้า (ของจดหมายนี้) ในจดหมายฉบับนี้ที่ท่านให้อภัยแก่คนที่ต่อต้านท่าน) ปิดการโต้เถียงและจัดการรวบรวมเงินส่งไปช่วยคริสเตียนยากจนในกรุงเยรูซาเล็ม
  3. ในจดหมายฉบับนี้ อ.เปาโลแสดงความรู้สึกผ่อนคลาย อบอุ่น และขอบคุณสำหรับการรายงานของทิตัส

“เมื่อข้าพ‌เจ้าไปถึงเมืองโตร‌อัสเพื่อประ‌กาศข่าว‍ประ‌เสริฐของพระ‍คริสต์นั้น มีช่อง‍ทางเปิดให้กับข้าพ‌เจ้าโดยองค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า 13แต่ข้าพ‌เจ้ายังไม่‍มีความสบาย‍ใจเลย เพราะไม่พบทิ‌ตัสน้องของข้าพ‌เจ้าที่นั่น ข้าพ‌เจ้าจึงอำลาพวกนั้นและเดิน‍ทางไปยังแคว้นมา‌ซิ‌โด‌เนีย” (2โครินธ์ 2:12-13)

“6แต่พระ‍เจ้าผู้ทรงหนุนใจคนที่ท้อ‍ใจ ได้ทรงหนุนใจเราด้วยการมาของทิ‌ตัส 7และไม่เฉพาะเพียงการมาของเขาเท่านั้น แต่ยังด้วยการหนุนน้ำ‍ใจที่เขาได้รับจากพวก‍ท่าน เขาบอกเราถึงความอาลัยและความโศก‍เศร้าของท่าน ทั้งความกระ‌ตือ‍รือ‌ร้นของท่าน‍ทั้ง‍หลายที่มีต่อข้าพ‌เจ้า ทำให้ข้าพ‌เจ้ายิ่งมีความยินดีมากขึ้น 8เพราะถึง‍แม้‍ว่าข้าพ‌เจ้าทำให้ท่านเสีย‍ใจเพราะจด‍หมายฉบับนั้น ข้าพ‌เจ้าก็ไม่เสีย‍ใจ (แม้ก่อนหน้านี้ข้าพ‌เจ้าจะเสีย‍ใจ เพราะข้าพ‌เจ้าเห็นว่าจด‍หมายฉบับนั้นทำให้พวก‍ท่านเสีย‍ใจแม้เพียงชั่ว‍ขณะ) 9แต่บัด‍นี้ข้าพ‌เจ้ามีความยินดี ไม่ใช่เพราะพวก‍ท่านเสีย‍ใจ แต่เพราะความเสีย‍ใจนั้นทำให้ท่านกลับ‍ใจ เพราะว่าท่าน‍ทั้ง‍หลายได้รับความเสีย‍ใจตามพระ‍ประ‌สงค์ของพระ‍เจ้า ท่านจึงไม่‍ได้รับผล‍ร้ายจากเราเลย”  (2โครินธ์ 7:6-9)

“3ข้าพ‌เจ้าไม่‍ได้หมาย‍ความจะให้งานของคนอื่นเบา‍ลง และของพวก‍ท่านหนักขึ้น แต่เป็นเรื่องของความเสมอภาค 14คือที่พวก‍ท่านมีอยู่อย่างเหลือ‍ล้นในเวลา‍นี้ ก็เพื่อช่วยเขา‍ทั้ง‍หลายที่ขัด‍สน และในยามที่เขา‍ทั้ง‍หลายมีอย่างเหลือ‍ล้น เขาก็จะได้ช่วยพวก‍ท่านเมื่อขัด‍สน ซึ่งจะทำให้มีความเสมอภาคกัน 15ตามที่เขียนไว้ว่า “คนที่เก็บได้มากนั้น ไม่‍มีเหลือ และคนที่เก็บได้น้อยก็ไม่ขาด”  (2โครินธ์ 8:13-15)

  1. อ.เปาโลชมเชย และเห็นคุณค่าทักษะด้านอภิบาลและความแยบคายของทิตัสในการจัดการแก้ปัญหา มิฉะนั้น ผลลัพธ์ในคริสตจักรที่โครินธ์คงจะออกมาแตกต่างจากนี้มาก

-ดังนั้น อ.เปาโลจึงได้มอบหมายทิตัสให้ดูแลคริสตจักรโครินธ์ และภารกิจในการรวบรวมเงินช่วยเหลือบรรเทาทุกข์คนยากจน และมอบจดหมายฉบับสุดท้ายให้เขานำไปส่งให้ชาวโครินธ์

 “8เพราะเหตุ‍นี้ เราจึงขอ‍ร้องทิ‌ตัสให้ไปช่วยพวก‍ท่านในการทำคุณ‍ความ‍ดีนี้จนสำเร็จเช่นเดียวกับที่เขาเริ่ม‍ต้นไว้”

“16แต่ขอขอบ‍พระ‍คุณพระ‍เจ้าผู้ทรงให้ทิ‌ตัสมีใจกระ‌ตือ‍รือ‌ร้นเพื่อพวก‍ท่านอยู่ในใจของเขา ซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่เรามีอยู่ 17เพราะเขาไม่เพียงรับคำ‍ขอ‍ร้องของเราเท่านั้น แต่ยังไปหาท่าน‍ทั้ง‍หลายด้วยความกระ‌ตือ‍รือ‌ร้นอย่าง‍ยิ่ง และเขาเองก็มีความตั้ง‍ใจอยู่แล้ว”

“23ส่วนทิ‌ตัส เขาเป็นหุ้น‍ส่วนและผู้‍ร่วม‍งานของข้าพ‌เจ้าในการรับ‍ใช้ท่าน‍ทั้ง‍หลาย ส่วนพี่‍น้องสองคนนั้นของเรา เขาเป็นตัว‍แทนของคริสต‌จักรทั้ง‍หลายซึ่งเป็นการถวายพระ‍เกียรติแด่พระ‍คริสต์” (2โครินธ์ 8:6,16,17,23)

  1. ในพระคัมภีร์พูดถึงทิตัสเป็นครั้งสุดท้าย ในจดหมายฉบับสุดท้าย ของเปาโลที่มีไปถึงทิโมธี (2ทธ.4:10)
  • อ.เปาโลถูกจับอีกครั้ง
  • ถูกตัดสินและรอการประหาร
  • พวกสาวกคนอื่น ๆ ต้องกระจัดกระจาย
  • แม้ว่าส่วนใหญ่จะยังคงใส่ใจกับคริสตจักรทั่วเมดิเตอเรเนียน แต่ทิตัสก็ไปยังดาลมาเทีย ที่อยู่บริเวณชายฝั่งตะวันออกของทะเลอเดรียติก (อาจไป Nicopolis) ตามที่ อ.เปาโลขอให้ไป
  1. จดหมายถึงทิตัสที่กลายมาเป็นพระคัมภีร์ใหม่ เล่มที่ 17 ซึ่งหาก อ.เปาโลเป็นผู้เขียนจริง ๆ ก็ต้องอยู่ในช่วงระหว่างการถูกจองจำ 2 ครั้งในโรม
  • เรื่องราวในจดหมายทิตัสนี้ เปิดเผยว่า ได้จากไปดูแลคริสตจักรบนเกาะครีต
  • ตามประวัติศาสตร์เขาได้กลายเป็นบิชอบคนแรกและถูกฝังที่ Gortyna เมืองหลวงโบราณของเกาะครีต (ดูเพิ่มใน 2คร.2:13,7:6,3,14;8:6-23;12:18;กท .2:1,3; 2ทธ.4:10;ทต.2:4)

บทเรียนที่ได้จากชีวิตของทิตัส

  1. มีอะไรบ้างในชีวิตของทิตัส ที่ประทับใจของคุณ? อย่างไร หรือทำไม?

สิ่งที่ประทับใจ                                 ทำไม?                              อย่างไร?

1)…………………………………………………………………………………………..

2)…………………………………………………………………………………………..

3)……………………………………………………………………………………………

  1. คุณได้รับบทเรียนอะไรเป็นพิเศษจากสิ่งที่ทิตัสเป็นและทำ คุณจะเปลี่ยนแปลงตัวเองในเรื่องใด และลงมือกระทำอะไรบ้าง?

1)…………………………………………………………………………………………………………..

2)………………………………………………………………………………………………………….

3)………………………………………………………………………………………………………….

 

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมดาเนียล บทที่ 12

กษัตริย์ผู้ยกตน(2)

พระธรรม        ดาเนียล 11:20-45

อ้างอิง              อสย.60:17;26:19;28:15;11:14;ยรม.9:5;ดนล.4:17;7:25;8:9-13;24-25;9:27;10:12;12:3,10

บทนำ

ความเย่อหยิ่งมักนำหน้าการล้มลง

ความทะนงมักนำความอับอายมาให้

ความไม่จริงใจ และความล่อลวง ก็มักนำผลลัพธ์ที่ไม่พึงปรารถนากลับมาเช่นกัน

ดังนั้น ขอให้เราเป็นคนที่ซื่อตรง  ถ่อมใจ และมีน้ำใจสร้างมิตร จะดีกว่า!

บทเรียน

 11:20 “แล้วจะมีผู้หนึ่งขึ้นมาแทนที่เขา ผู้นี้จะส่งเจ้าพนักงานเก็บส่วยให้ไปทั่วราชอาณาจักรอันรุ่งโรจน์ แต่ไม่กี่วันเขาก็ประสบหายนะ ไม่ใช่ด้วยความโกรธหรือสงคราม”

   (Then shall arise in his place one who shall send an exactor of tribute for the glory of the kingdom. But within a few days he shall be broken, neither in anger nor in battle.)

11:21 “จะมีคนน่าเกลียดคนหนึ่งตั้งตัวขึ้นแทนที่ โดยไม่มีผู้ใดมอบราชสมบัติให้ เขาจะยกเข้ามาโดยไม่บอกกล่าวแล้วชิงเอาราช‌      อาณาจักรนั้นด้วยเล่ห์กล”

        (In his place shall arise a contemptible person to whom royal majesty has not been given. He shall come in without warning and obtain the kingdom by flatteries. )

11:22 “กองทัพทั้งหลายจะถูกกวาดไปหมดให้พ้นหน้าเขา และถูกทำลาย ส่วนมหาปุโรหิตจะถูกทำลายด้วย

      (Armies shall be utterly swept away before him and broken, even the prince of the covenant. )

11:23 “ตั้งแต่เวลาที่เป็นพันธมิตรกับเขา เขาจะทำการล่อลวงอยู่เสมอ และเขาจะเข้มแข็งขึ้นด้วยคนจำนวนน้อย”

   (And from the time that an alliance is made with him he shall act deceitfully, and he shall become strong with a small people.)

11:24 “เขาจะยกเข้ามาในส่วนของมณฑลซึ่งอุดมที่สุดโดยไม่บอกกล่าว และเขาจะทำสิ่งที่ปู่ทวดหรือบรรพบุรุษของเขาไม่ทำ เขาจะเอาทรัพย์ที่ปล้นมา ของที่ริบมาได้ และข้าวของต่างๆ มาแจกกัน เขาจะออกอุบายต่อสู้กับที่กำบังเข้มแข็ง แต่ก็ชั่วเวลาหนึ่งเท่านั้น”

   (Without warning he shall come into the richest parts of the province, and he shall do what neither his fathers nor his fathers’ fathers have done, scattering among them plunder, spoil, and goods. He shall devise plans against strongholds, but only for a time.)

11:25 “และเขาจะปลุกปั่นกำลังของเขาและความกล้าหาญของเขาด้วยกองทัพมหึมา ยกไปสู้กับพระราชาแห่งถิ่นใต้ และพระ‍ราชาแห่งถิ่นใต้จะทำสงครามด้วยกองทัพเข้มแข็งมหึมายิ่งนัก แต่ท่านก็สู้ไม่ได้เพราะจะมีการปองร้ายท่าน” 

   (And he shall stir up his power and his heart against the king of the south with a great army. And the king  of the south shall wage war with an exceedingly great and mighty army, but he shall not stand, for plots shall be devised against him.)

11:26 “ถึงแม้ว่าผู้ร่วมรับประทานอาหารชั้นสูงของเขาก็จะหักหลังเขา กองทัพของเขาก็จะถูกกวาดไป ที่ถูกฆ่าฟันล้มตายจะมีมาก” 

  (Even those who eat his food shall break him. His army shall be swept away, and many shall fall down slain.)

11:27 “ส่วนพระราชาสององค์นั้น จิตใจต่างคิดปองร้าย เขาจะนั่งร่วมโต๊ะและพูดมุสากัน แต่ก็ไม่ได้ผล เพราะวาระสุดท้ายก็จะมาตามเวลากำหนด” 

    (And as for the two kings, their hearts shall be bent on doing evil. They shall speak lies at the same table, but to no avail, for the end is yet to be at the time appointed.) . 

11:28 “แล้วพระราชาแห่งถิ่นเหนือก็จะกลับเข้าบ้านเข้าเมืองพร้อมกับทรัพย์สมบัติมากมาย แต่จิตใจก็มุ่งร้ายต่อพันธสัญญาบริสุทธิ์ เขาจะลงมือทำตามใจชอบ และกลับเมืองของตน”

   (And he shall return to his land with great wealth, but his heart shall be set against the holy covenant.   And he shall work his will and return to his own land.)

11:29 “พอถึงเวลากำหนด เขาจะกลับมาที่ถิ่นใต้ แต่ครั้งนี้เหตุการณ์จะไม่เป็นไปอย่างครั้งก่อน”

   (At the time appointed he shall return and come into the south, but it shall not be this time as it was before)

11:30 “เพราะว่ากองทัพเรือของเมืองคิทธิมจะมาปะทะกับเขา เขาจะกลัวและกลับไป และจะเกรี้ยวกราดต่อพันธสัญญาบริสุทธิ์และลงมือปฏิบัติงาน เขาจะหันกลับมาสนใจบรรดาผู้ทิ้งพันธสัญญาบริสุทธิ์” 

  (For ships of Kittim shall come against him, and he shall be afraid and withdraw, and shall turn back and be enraged and take action against the holy covenant. He shall turn back and pay attention to those who forsake the holy covenant)

11:31 “กองทัพของเขาจะยกมาทำให้สถานนมัสการคือป้อมปราการเป็นมลทิน และจะให้เลิกเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์นั้นเสีย และพวกเขาจะตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน ซึ่งทำให้เกิดการร้างเปล่าขึ้น” 

  (Forces from him shall appear and profane the temple and fortress, and shall take away the regular burnt offering. And they shall set up the abomination that makes desolate.)

11:32 “เขาจะใช้เล่ห์กลล่อลวงผู้ละเมิดพันธสัญญา แต่บรรดาประชาชนที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้าของตนจะยืนหยัดต่อสู้” 

   (He shall seduce with flattery those who violate the covenant, but the people who know their God shall stand firm and take action.)

11:33 “และคนเหล่านั้นที่ฉลาดจะทำให้คนเป็นอันมากเข้าใจ แม้ว่าเขาจะล้มลงด้วยดาบหรือด้วยเปลวไฟ ด้วยการเป็นเชลยหรือด้วยถูกปล้นสักระยะเวลาหนึ่งก็ตาม” 

   (And the wise among the people shall make many understand, though for some days they shall stumble by sword and flame, by captivity and plunder.)

11:34 “เมื่อเขาล้มลงนั้น เขาจะได้รับความช่วยเหลือเล็กน้อย และจะมีคนจำนวนมากที่เข้าร่วมอย่างไม่จริงใจ” 

     (When they stumble, they shall receive a little help. And many shall join themselves to them with  Flattery)

11:35 “คนฉลาดบางคนจะล้มลงเพื่อพวกเขาจะถูกถลุงและชำระให้หมดจด จนกว่าจะถึงวาระสุดท้าย เพราะวาระก็จะมาตามเวลากำหนด”

    (and some of the wise shall stumble, so that they may be refined, purified, and made white, until  the time of the end, for it still awaits the appointed time.)

11:36 “และพระราชาจะทำตามความพอใจของเขา เขาจะยกตนขึ้น และพองตัวขึ้นเหนือพระทุกองค์และจะพูดสิ่งที่น่าเกลียดต่อสู้พระเจ้าแห่งพระทั้งหลาย เขาจะเจริญขึ้นจนกว่าพระพิโรธจะครบถ้วนเพราะสิ่งใดที่ทรงกำหนดไว้จะต้องสำเร็จ”

   (“And the king shall do as he wills. He shall exalt himself and magnify himself above every god, and shall speak astonishing things against the God of gods. He shall prosper till the indignation is accomplished;  for what is decreed shall be done.)

11:37 “เขาจะไม่เชื่อฟังพระแห่งบรรพบุรุษของเขา หรือพระที่ผู้หญิงปรารถนา เขาจะไม่เชื่อพระองค์ใดเลย เพราะเขาจะถือว่าตัวเองใหญ่กว่าทุกสิ่งทุกอย่าง” 

   (He shall pay no attention to the gods of his fathers, or to the one beloved by women. He shall not pay attention to any other god, for he shall magnify himself above all.)

11:38 “เขาจะยกย่องพระของบรรดาป้อมปราการแทนสิ่งเหล่านี้ พระอีกองค์หนึ่งที่บรรพบุรุษของเขาไม่รู้จัก เขาก็จะให้เกียรติด้วยทองคำและเงิน ด้วยเพชรนิลจินดาและของถวายอันมีค่า” 

   (He shall honor the god of fortresses instead of these. A god whom his fathers did not know he shall honor with gold and silver, with precious stones and costly gifts.)

11:39 “เขาจะสู้รบกับป้อมปราการที่แข็งแรงที่สุดด้วยความช่วยเหลือของพระต่างด้าว ใครๆ ที่นับถือเขา เขาก็พอกพูนศักดิ์ศรีให้ เขาจะแต่งตั้งให้ครอบครองคนเป็นอันมาก และเขาจะแบ่งที่ดินให้เป็นสิ่งตอบแทน”

   (He shall deal with the strongest fortresses with the help of a foreign god. Those who acknowledge him he shall load with honor. He shall make them rulers over many and shall divide the land for a price.)

11:40 “พอถึงวาระสุดท้าย พระราชาแห่งถิ่นใต้จะมาสู้กับเขา และพระราชาแห่งถิ่นเหนือจะพุ่งเข้าใส่ท่านอย่างลมบ้าหมู พร้อม‍ด้วยรถรบ พลม้า และเรือรบเป็นอันมาก เขาจะเข้าประเทศต่างๆ แล้วไหลผ่านเหมือนน้ำท่วม” 

    (At the time of the end, the king of the south shall attack him, but the king of the north shall rush upon him like a whirlwind, with chariots and horsemen, and with many ships. And he shall come into countries and shall overflow and pass through.)

11:41 “เขาจะเข้ามาในแผ่นดินอันรุ่งโรจน์ และประชาชนจะตายเป็นหมื่นๆ แต่เอโดม โมอับ และส่วนใหญ่ของคนอัมโมนจะพ้นจากมือของเขา” 

   (He shall come into the glorious land. And tens of thousands shall fall, but these shall be delivered out of his hand: Edom and Moab and the main part of the Ammonites. )

11:42 “เขาจะยืดมือออกต่อประเทศต่างๆ และแผ่นดินอียิปต์ก็จะพ้นไปไม่ได้” 

   (He shall stretch out his hand against the countries, and the land of Egypt shall not escape.)

11:43 “เขาจะครอบครองทรัพย์สมบัติที่เป็นทองและเงิน และสิ่งมีค่าทั้งหลายของอียิปต์ คนลิเบีย และคนคูชก็จะตามเขาด้วย”

   (He shall become ruler of the treasures of gold and of silver, and all the precious things of Egypt, and the Libyans and the Cushites shall follow in his train.)

11:44 “แต่ข่าวจากทิศตะวันออกและทิศเหนือจะทำให้เขาตกใจ และเขาจะยกออกไปด้วยความเคียดแค้นอย่างยิ่ง มุ่งจะทำลาย และล้างผลาญคนเป็นอันมากอย่างสิ้นซาก” 

   (But news from the east and the north shall alarm him, and he shall go out with great fury to destroy and devote many to destruction.)

11:45 “และเขาจะกางเต็นท์หลวงระหว่างทะเลและภูเขาบริสุทธิ์รุ่งโรจน์ แล้วก็จะสิ้นชีวิตโดยไม่มีใครช่วยเขาเลย

   (And he shall pitch his palatial tents between the sea and the glorious holy mountain. Yet he shall come to his end, with none to help him.)

ข้อมูลมีประโยชน์

 11:20   “ผู้หนึ่งขึ้นมาแทนที่เขา” (arise in his place one who)  = ผู้ครองราชย์สืบต่อจากเขา

ในที่นี้หมายถึง เซลูคัสที่ 4 ฟิโลปาเทอร์ (187-175 B.C) ผู้เป็นโอรสและผู้สืบราชสมบัติของอันทิโอคัส (ที่3) มหาราช

“เจ้าพนักงานเก็บส่วย” (an exactor of tribute) = เก็บภาษีในทีนี้หมายถึง เฮลิโอโดรัส รัฐมนตรีคลังของเซลูคัส ที่ 4 เพื่อรักษาฐานะทางการเงินของตนให้มั่นคง – อสย.60:17

“แต่ไม่กี่วันเขาก็ประสบความหายนะ” (  a few days he shall be broken ) = ถูกทำลาย  นั่นคือเฮลิโอโดรัส สมรู้ร่วมคิดออกอุบายกำจัด เซลูคัส ที่ 4

11:21   “คนน่าเกลียดคนหนึ่ง” (a contemptible person ) = คนที่น่าเหยียดหยาม คือ อันทิโอคัสที่ 4 เอปิฟาเนส ผู้เป็นอนุชาของเซลูคัส ที่ 4 (175-164 B.C)

“ตั้งตัวขึ้นแทนที่ โดยไม่มีผู้ใดมอบราชสมบัติให้” (to whom royal majesty has not been given.  )

= ไม่มีสิทธิในราชบัลลังก์

= อันทิโอคัสที่ 4 ชิงอำนาจในขณะที่รัชทายาทผู้เป็นโอรสของเซลูคัส ที่ 4  (ต่อมาคือ ดีมีตริอัสที่ 1) ที่ยัง

อ่อนพระชันษามาก

“ชิงเอาราชอาณาจักร” (He shall come in without warning and obtain the kingdom)

= ซีเรีย – ปาเลศไตน์

11:22   “กองทัพทั้งหลายจะถูกกวาดไปหมดให้พ้นหน้าเขา” (Armies shall be utterly swept away before him ) –อสย.28:15

“มหาปุโรหิต” (the prince of the covenant) = ภาษาฮีบรู แปลตรงตัวว่า “เจ้านายแห่งพันธสัญญา”

= อาจหมายถึงมหาปุโรหิตโอนิอัสที่ 3 ซึ่งถูกฆาตกรรมใน 170 B.C

ถ้าภาษาฮีบรูวลีนี้แปลว่า “เจ้านายสหพันธ์” ก็หมายถึง ทอเลมีที่ 6 ฟิโลมีเทอร์ (181-146 B.C) แห่งอียิปต์ –ดนล.8:10-11

11:23   “เขา” (him) = อันทิโอคัส ที่ 4

“ทำการล่อลวงอยู่เสมอ” (act deceitfully) =ใช้เล่ห์เพทุบาย –ดนล.8:25

11:24   “มณฑลที่อุดมที่สุด” (the richest parts of the province) = แว่นแคว้นที่มั่นคั่งที่สุด

= หมายถึง ดินแดนอิสราเอล (เยรูซาเล็ม) ที่เรียกว่า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็คือ อียิปต์

“ข้าวของต่างๆ มาแจกกัน” (scattering among them plunder, spoil, and goods)= แจกพรรคพวกกัน

“ป้อม” = ป้อมที่อยู่ในอียิปต์ หรือแปลว่า “ที่กำบังเข้มแข็ง”

11:25   “พระราชาแห่งถิ่นใต้” ( the king of the south    ) = ทอเลมีที่ 6

11:26   “กองทัพของเขา” (His army)  = กองทัพของทอเลมี ที่ 6

11:27   “พระราชาสององค์นั้น” (the two kings)= อันทิโอคัสที่ 4 กับทอเลมี ที่ 6 (ซึ่งกำลังถูกอันทิโอคัสกักตัวไว้)

          “จิตใจต่างคิดปองร้าย” (their hearts shall be bent on doing evil.) = คิดชั่วทั้งคู่ – สดด.64:6

          “พูดมุสากัน” (They shall speak lies) –สดด.12:2;ยรม.9:5

          “วาระสุดท้ายก็จะมาตามเวลากำหนด” (for the end is yet to be at the time) –ฮบก.2:3

11:28   “แต่จิตใจก็มุ่งร้ายต่อพันธสัญญาบริสุทธิ์” (but his heart shall be set against the holy covenant.)

–ในปี 169 B.C. อันทิโอคัสปล้นพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม ตั้งกองกำลังรักษาการประจำที่นั่น แล้วเข่นฆ่าประชาชนชาวยิวไปมากมาย

11:30   “กองทัพเรือของเมืองคิทธิม” (For ships of Kittim) –ภาษาฮีบรู “แห่งคิทธิม” นี้แปลว่า

“แห่งชายฝั่งตะวันตก”   -ปฐก.10:4

ในฉบับภาษากรีก บางฉบับใช้คำว่า “พวกโรมัน”

= กองเรือโรมันภายใต้การบัญชาการของโปฟิเลียส แลนาส

“เขาจะกลัว” (he shall be afraid            ) = เสียขวัญ –1ซมอ.17:32

“เกรี้ยวกราด” (be enraged)= ระบายโทสะ – โยบ 15:13

          “บรรดาผู้ทิ้งพันธสัญญาบริสุทธิ์” (who forsake the holy covenant) = ยิวที่ละทิ้งศาสนาของตน (ข.32)
11:31   “ให้เลิกเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์นั้นเสีย” (shall take away the regular burnt offering) = การถวายเครื่องบูชาประจำวัน  – ฮชย.3:4

“สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน ซึ่งทำให้เกิดการร้างเปล่าขึ้น” (the abomination that makes desolate)

–ดนล.9:27;12:11;มธ.24:15;มก.13:14

= แท่นบูชาเทพเจ้าซุส ซึ่งอันทิโอคัส  ที่ 4 เอปิเฟเนส ตั้งขึ้นในปี 168 ก.ค.ศ. (เล็งถึงสิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่คล้ายกับที่พระเยซูทำนายไว้ว่า จะต้องถูกตั้งขึ้น (มธ.24:15;ลก.21:20)

= เป็นเหตุให้เกิดความวิบัติ –ยรม.19:4;ดนล.8:11-13

11:32   “ที่ซื่อสัตย์ต่อ(พระเจ้า)” (the people who know their God) = ในภาษาฮีบรูตรงกับคำว่า “ที่รู้จัก” (พระเจ้า)

“ยืนหยัดต่อสู้” = ต่อต้าน

คำนี้ภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า “แสดงพลังและทำ” –มคา 5:7-9

11:33   “คนเหล่านั้นที่ฉลาด” (the wise among) = บรรดาผู้มีปัญญา

= พวกยิวผู้ที่ศรัทธาพระเจ้า ซึ่งเป็นผู้นำการต่อต้าน ที่มีชื่อเรียกว่าพวกฮาสิดิม

“จะทำให้คนเป็นอันมากเข้าใจ” (the people shall make many understand) = จะแนะนำสั่งสอน

-ดนล.12:3;มคล.2:7

“จะล้มลงด้วยดาบหรือด้วยเปลวไฟด้วยการเป็นเชลยหรือด้วยถูกปล้น” (though for some days

they shall stumble by sword and flame, by captivity and plunder ) –ฮบ.11:32-38;มธ.24:9;ยน.16:2

11:34   “จะได้รับความช่วยเหลือเล็กน้อย” (they shall receive a little help) = ความสำเร็จขั้นต้นของการรบแบบกองโจร นำ โดยมัทธิอัส และยูดาสแมคคาบี ผู้เป็นบุตร (ช่วง 168 ก.ค.ศ.) ซึ่งเกิดขึ้นที่โมเดอิน ห่างจากกรุงเยรูซาเล็มไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ราว 27 กิโลเมตร

-ต่อมา แท่นบูชาในพระวิหารได้รับการชำระถวายแด่พระเจ้าอีกครั้งในเดือนธันวาคม ปี 165 ก.ค.ศ.

“ที่เข้าร่วมอย่างไม่จริงใจ” (many shall join themselves to them with flattery) –มธ.7:15;รม.16:18

11:35   “จะถูกถลุงและชำระให้หมดจด” (so that they may be refined, purified, and made white) –คำว่า “ชำระให้หมดจด” ในภาษาฮีบรูแปลตรงตัวว่า “ขาว”

          “วาระสุดท้าย” (            the time of the end) –ข.40ว;12:4,9

ดาเนียลสรุปคำพยากรณ์ของเขาเกี่ยวกับอันทิโอคัส ที่ 4  เอปิเฟเนส และเริ่มพยากรณ์เกี่ยวกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง

11:36   -เริ่มจากข้อนี้จนสิ้นบทที่ 11 กล่าวถึงปรปักษ์ของพระคริสต์ (7:8;9:27) แต่รายละเอียดของส่วนนี้ไม่สอดคล้องกับข้อมูลเกี่ยวกับอันทิโอคัส เอปิเฟเนส –2ธส.2:3-4;วว.13:5-8

“ทำตามความพอใจของเขา เขาจะยกตนขึ้นและพองตัวขึ้นเหนือพระทุกองค์” (“And the king shall do as he wills. He shall exalt himself and magnify himself above every god) –ยดา.1:16;วว.13:5-6

          “พระเจ้าแห่งพระทั้งหลาย” (against the God of gods) = พระเจ้าสูงสุด –ฉธบ.10:17;อสย.14:13-14;ดนล.7:25;8:11-12,25;2ทธ.2:4

“พระพิโรธ” (prosper till the indignation) –อสย.10:25;26:20

“ทรงกำหนดไว้” (what is decreed) อสค.35:13;ดนล.8:24

11:37   “พระที่ผู้หญิงปรารถนา” (to the one beloved by women) = หมายถึง “เทพเจ้าที่ทำให้ผู้หญิงสามารถมีบุตรได้”

ปกติมักตีความว่า หมายถึง “พระทัมมุส” (อสค.8:14) หรือ “พระเมสสิยาห์” (ฮกก.2:7)

11:40-45  -มีการตีความว่าปฏิปักษ์ของพระคริสต์กับศัตรู (ทางการเมือง) ของเขาจะขัดแย้งกัน และเขาจะพบจุด

จบที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์อันงดงาม (ภูเขาบริสุทธิ์รุ่งโรจน์) ซึ่งหมายถึง ภูเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับสงคราม อารมาเกดโดน (วว.16:13-16)

11:40   “พระราชาแห่งถิ่นใต้” ( the king of the south) = กษัตริย์ฝ่ายใต้ – อสย.21:1

“จะพุ่งเข้าใส่อย่างลมบ้าหมู พร้อมด้วยรถรบ”(shall rush upon him  like a whirlwind, with chariots)  -อสย.5:28

“ไหลผ่านเหมือนน้ำท่วม” (shall overflow) = กวาดล้างไปทั่วเหมือนน้ำท่วม –อสย.8:7;อสค.38:4

11:41   “แผ่นดินอันรุ่งโรจน์” (the glorious land            ) –บางฉบับแปลว่า “ดินแดนอันงดงาม” -8:9-12;อสค.20:6; มลค. 3:12

“เอโอม” (Edom ) –อสย.11:14

“โมอับ” (Moab)  -ยรม.48:47

11:43   “อียิปต์” (Egypt ) –อสค.30:4

“คนลิเบีย” (the Libyans) 2พศด.12:3;นฮม.3:9

11:45   “ภูเขาบริสุทธิ์โรจน์” (the glorious holy mountain) –ภูเขาศักดิ์สิทธิ์อันงดงาทม – อสย.2:2,4;ดนล.8:9

 

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยทำอะไรเพื่อความอยู่รอด โดยสร้างปัญหาหรือความยุ่งยากให้แก่ผู้อื่นบ้างหรือไม่? อย่างไร? แล้วผลที่เกิดขึ้นคืออะไร?
  2. คุณเคยถูกผู้ใดสร้างภาระหรือความยากลำบากให้แก่คุณ เพื่อความอยู่รอด หรือความมั่งคั่งหรือความสำเร็จของตัวเขาบ้างหรือไม่? อย่างไร? แล้วเกิดอะไรตามมา?
  3. คุณเคยได้รับในสิ่งที่ไม่สมควรได้รับบ้างหรือไม่? เรื่องอะไรและอย่างไร?
  4. คุณเคยพบผู้ใดที่ใช้เล่ห์เพทุบายเพื่อได้ในสิ่งที่เขาต้องการ (อย่างไม่เหมาะสม) บ้างหรือไม่? อย่างไร?
  5. คุณเคยถูกคนรุมเล่นงานบ้างหรือไม่? ใคร? เรื่องอะไร? แล้วผลเป็นอย่างไร?
  6. คุณเคยเห็นคนเจรจาหรือร่วมมือกันอย่างไม่จริงใจบ้างไหม? ใคร? เรื่องอะไร? แล้วเกิดอะไรขึ้น?
  7. คุณเคยโดนหางเลขจากคนที่ผิดหวังในบางเรื่องแล้วมาพาลใส่คุณบ้างไหม? เรื่องอะไร? และอย่างไร?
  8. คุณเคยถูกสบประมาท ลบหลู่อย่างสุดทนต่อไปได้บ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? แล้วคุณโต้ตอบอย่างไร?
  9. คุณเคยเป็นหรือเคยเห็นคนทำอะไรตามใจตัวและลบหลู่พระเจ้าแล้วพบจุดจบอย่างน่าเวทนาบ้างไหม? อย่างไร?
  10. คุณเคยประสบความสำเร็จอย่างมากแล้วตกวูบลงหรือพบจุดจบอย่างไม่คาดฝันบ้างไหม? เรื่องอะไร? (แบ่งปัน)

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

 
Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมดาเนียลบทที่ 11

กษัตริย์ผู้ยกตน(1)

พระธรรม        ดาเนียล 11:1-19

อ้างอิง              ดนล.5:31;7:2;8:4,7-8,21-22,25;8:9;9:26;10:4,13,20-21;11:6,33;12:9,13

บทนำ              สงครามเกิดขึ้นเพราะความหลงในอำนาจ และในตนเองของผู้ปกครอง(อาณาจักร)

ดาเนียลได้รับการเปิดเผยถึงสมรภูมิแห่งอำนาจที่กำลังจะเกิดขึ้นจากกษัตริย์หลายองค์

อย่าให้คริสตจักรของเราต้องกลายเป็นสมรภูมิเพราะคนบางคนที่หลงในอำนาจจอมปลอมที่ไม่ยั่งยืนเลย!

 บทเรียน

 11:1 “ส่วนตัวเรานั้น ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลดาริอัสชาวมีเดีย เรายืนขึ้นเพื่อเสริมกำลังและปกป้องมีคาเอล”

    (And as for me, in the first year of Darius the Mede, I stood up to confirm and strengthen him.) 

11:2 “และบัดนี้ เราจะสำแดงความจริงแก่ท่านคือ จะมีพระราชาอีกสามองค์ขึ้นครองเปอร์เซีย และองค์ที่สี่จะมั่งคั่งยิ่ง‍กว่าองค์อื่นทั้งหมด เมื่อท่านมีอำนาจด้วยความมั่งคั่งของท่านแล้ว ท่านก็จะปลุกปั่นให้ทุกคนต่อสู้กับราชอาณาจักรกรีก”

  (And now I will show you the truth. Behold, three more kings shall arise in Persia, and a fourth shall be far richer than all of them. And when he has become strong through his riches, he shall stir up  all against the kingdom of Greece.)

11:3 “แล้วจะมีพระราชาผู้เก่งกล้าขึ้นมา ท่านจะปกครองด้วยราชอำนาจยิ่งใหญ่ และทำตามความพอใจของตนเอง”

   (Then a mighty king shall arise, who shall rule with great dominion and do as he wills.) 

11:4 “และเมื่อท่านขึ้นมาแล้ว ราชอาณาจักรของท่านจะแตก และแบ่งแยกออกไปตามทางลมทั้งสี่แห่งฟ้าสวรรค์ แต่จะไม่ตกอยู่กับทายาทของท่าน และจะไม่มีราชอำนาจอย่างที่ท่านปกครองอยู่ เพราะว่าราชอาณาจักรของท่านจะถูกถอน และตกไปเป็นของผู้อื่น”

  (And as soon as he has arisen, his kingdom shall be broken and divided toward the four winds of heaven, but not to his posterity, nor according to the authority with which he ruled, for his kingdom shall be plucked up and go to others besides these.)

11:5 “แล้วพระราชาแห่งถิ่นใต้จะเข้มแข็ง แต่แม่ทัพของท่านคนหนึ่งจะเข้มแข็งกว่าท่าน และขยายอำนาจครอบครองมากกว่าท่าน”

   (Then the king of the south shall be strong, but one of his princes shall be stronger than he and  shall rule,  and his authority shall be a great authority)

11:6 “ต่อมาอีกหลายปี พระราชาทั้งสองจะเป็นพันธมิตรกัน และพระธิดาของพระราชาแห่งถิ่นใต้จะมาหาพระราชาแห่งถิ่นเหนือ เพื่อทำสัญญาไมตรี แต่เธอจะไม่รักษากำลังอำนาจของเธอ และอำนาจของพระราชาจะไม่ยั่งยืน เธอจะถูกทรยศ รวมทั้งบรรดาผู้ที่นำเธอมา ผู้ที่ให้กำเนิดเธอ และผู้ที่สนับสนุนเธอในเวลานั้น”

   (After some years they shall make an alliance, and the daughter of the king of the south shall come  to the king of the north to make an agreement. But she shall not retain the strength of her arm, and he and his arm shall not endure, but she shall be given up, and her attendants, he who fathered her, and he who supported her in those times.)

11:7 “คนหนึ่งจากเชื้อสายของเธอจะขึ้นมาแทนที่พระราชาแห่งถิ่นใต้ ท่านจะยกมาต่อสู้กับกองทัพ และเข้าในป้อมของพระราชาแห่งถิ่นเหนือ และจะรบกับพวกเขาและจะชนะ”
   (And from a branch from her roots one shall arise in his place. He shall come against the army and  enter the fortress of the king of the north, and he shall deal with them and shall prevail.)

11:8 “ท่านจะขนเอาบรรดาพระ พร้อมทั้งรูปหล่อโลหะของพระทั้งหลาย และภาชนะมีค่าที่ทำด้วยเงินและทองคำ ไปเป็นของริบยังอียิปต์ และท่านจะอยู่ห่างจากพระราชาแห่งถิ่นเหนือหลายปี”

   (He shall also carry off to Egypt their gods with their metal images and their precious vessels of silver and gold, and for some years he shall refrain from attacking the king of the north.)

11:9 “แล้วพระราชาแห่งถิ่นเหนือจะเข้ามาในเขตพระราชาแห่งถิ่นใต้ แต่ก็จะกลับไปยังแผ่นดินของตนเอง”

  (Then the latter shall come into the realm of the king of the south but shall return to his own land.)

11:10 “บุตรทั้งหลายของเขาจะก่อสงครามและรวบรวมกำลังรบเป็นอันมากไว้ ซึ่งจะยกมาเหมือนน้ำท่วมและผ่านไปและจะทำสงครามอีกไกลไปจนถึงป้อมปราการของท่าน” 

  (His sons shall wage war and assemble a multitude of great forces, which shall keep coming and overflow and pass through, and again shall carry the war as far as his fortress.)

11:11  “แล้วพระราชาแห่งถิ่นใต้จะโกรธมาก จะยกออกมาต่อสู้กับพระราชาแห่งถิ่นเหนือผู้ซึ่งจะจัดกองทัพเป็นอันมากแต่พลมากมายนั้นก็จะถูกมอบไว้ในมือของศัตรู” 

   (Then the king of the south, moved with rage, shall come out and fight against the king of the north. And he shall raise a great multitude, but it shall be given into his hand.)

11:12 “และเมื่อกองทัพเหนือถูกรวบไปแล้ว จิตใจของพระราชาแห่งถิ่นใต้ก็ผยองขึ้น และท่านจะทำลายคนเป็นหมื่นๆแต่การชนะนั้นจะไม่ถาวร”

   (And when the multitude is taken away, his heart shall be exalted, and he shall cast down tens of thousands, but he shall not prevail.)

11:13 “เพราะว่าพระราชาแห่งถิ่นเหนือจะจัดกองทัพเป็นอันมาก ใหญ่โตกว่าครั้งก่อน ต่อมาอีกหลายปี เขาจะยกกองทัพใหญ่นั้นมาพร้อมกับเสบียงอุดมสมบูรณ์”

   (For the king of the north shall again raise a multitude, greater than the first. And after some years he shall come on with a great army and abundant supplies.)

11:14 “ในกาลนั้น หลายกลุ่มจะยกขึ้นต่อสู้กับพระราชาแห่งถิ่นใต้ และพวกหัวรุนแรงท่ามกลางชนชาติของท่านเองก็จะยกตัวขึ้นเพื่อจะทำให้นิมิตสำเร็จ แต่พวกเขาจะล้มเหลว”

   (In those times many shall rise against the king of the south, and the violent among your own  people shall lift themselves up in order to fulfill the vision, but they shall fail.)

11:15 “แล้วพระราชาแห่งถิ่นเหนือจะมาล้อมและก่อเชิงเทินและยึดเมืองที่มีป้อมแข็งแรงได้เมืองหนึ่ง ส่วนกำลังกองทัพของถิ่นใต้จะสู้ไม่ไหว แม้ว่ากองทัพที่คัดเลือกแล้วก็ยังสู้ไม่ได้ เพราะไม่มีกำลังยืนหยัดอยู่ได้” 

   (Then the king of the north shall come and throw up siege works and take a well-fortified city. And the forces of the south shall not stand, or even his best troops, for there shall be no strength to stand.)

11:16 “แต่ผู้ยกมาต่อสู้กับท่านจะทำตามความพอใจของเขาเอง จึงไม่มีใครต่อสู้เขาได้ และเขาจะยั่งยืนอยู่ในแผ่นดินอันรุ่งโรจน์ และตลอดทั้งแผ่นดินก็จะตกอยู่ในอำนาจของเขา”

   (But he who comes against him shall do as he wills, and none shall stand before him. And he shall stand in the glorious land, with destruction in his hand.)

11:17 “เขาจะมุ่งหน้ามาด้วยกำลังทั้งหมดแห่งราชอาณาจักร และเขาจะนำหลักสันติภาพมาเสนอและทำตาม และเขาจะยกธิดาคนหนึ่งให้พระราชาแห่งถิ่นใต้ เพื่อให้ทำลายราชอาณาจักรนั้น แต่เธอจะไม่มั่นคงและไม่เป็นประโยชน์แก่เขาแต่อย่างใด” 

   (He shall set his face to come with the strength of his whole kingdom, and he shall bring terms of  an agreement and perform them. He shall give him the daughter of women to destroy the kingdom,  but it shall not stand or be to his advantage.)

11:18 “ภายหลังเขาจะมุ่งหน้าไปตามเมืองชายฝั่งทะเล และจะยึดได้หลายเมือง แต่แม่ทัพคนหนึ่งจะกำจัดความผยองของเขาเสีย และจะเอาความผยองนั้นมาสนองเขา” 

  (Afterward he shall turn his face to the coastlands and shall capture many of them, but a commander shall put an end to his insolence. Indeed, he shall turn his insolence back upon him.)

11:19 “แล้วเขาจะหันหน้ามุ่งตรงไปยังบรรดาป้อมปราการแห่งแผ่นดินของเขาเอง แต่เขาก็จะสะดุดและล้มลง หาตัวไม่พบอีกต่อไป”

  (Then he shall turn his face back toward the fortresses of his own land, but he shall stumble and  fall, and shall not be found.)

 

ข้อมูลมีประโยชน์

11:1     “ดาริอัสชาวมีเดีย” ( Darius the Mede) -5:31

1:2     “พระราชาอีกสามองค์ขึ้นครองเปอร์เชีย” (three more kings shall arise in Persia)  = หมายถึง

  1. คัมไบเสส (530-522 ก.ค.ศ)
  2. ซูโดสเมอร์ดิส หรือกัวมาตา (522 ก.ค.ศ.)
  3. ดาริอัสที่ 1 (522 – 486 ก.ค.ศ.)

“และองค์ที่สี่” (and a fourth)  = องค์ที่ 4 คือ เซอร์ซีส ที่ 1(486-465 ก.ค.ศ.) –อสธ.1:1

= ผู้ที่พยายามจะพิชิตกรีซในปี 480 ก.ค.ศ.

11:3     “พระราชาผู้เก่งกล้า” (a mighty king) บางฉบับแปลว่า “กษัตริย์เกรียงไกร” = อเล็กซานเดอร์มหาราช (336- 323 ก.ค.ศ.)

“ทำตามความพอใจของตนเอง” (do as he wills) –ดนล.8:4,21

11:4     “ไปตามทางลมทั้งสี่แห่งฟ้าสวรรค์” (toward the four winds of heaven) -7:2-3;7:4-7 (หัวทั้ง 4) ;8:22

“ราชอาณาจักรของท่านจะถูกถอน” (his kingdom shall be plucked up) = ถูกถอนรากถอนโคน

– ยรม.42:10

11:5     “พระราชาแห่งถิ่นใต้” (Then the king of the south ) –บางฉบับแปล = “กษัตริย์ฝ่ายใต้”

= หมายถึง “ทอเลมี ที่ 1 โซเทอร์” แห่งอียิปต์ (323-285 ก.ค.ศ.)

“แม่ทัพของท่านคนหนึ่งจะเข้มแข็งกว่าท่าน” (one of his princes shall be stronger than he )

= เชลูคัส ที่ 1 ชื่อ นิคาเตอร์ (311-280 ก.ค.ศ.)

“ขยายอำนาจครอบครองมากกว่าท่าน” (his authority shall be a great authority) = จากบาบิโลน ก็ขยายอาณาเขตไปทั้งตะวันออกและตะวันตก

11:6     “พระธิดาของพระราชาแห่งถิ่นใต้” ( the daughter of the king of the south ) = เบเรนิส ธิดาของทอเลมี ที่ 2 ฟิลาเดลฟัส (284-246 ก.ค.ศ.) แห่งอียิปต์

“พระราชาแห่งถิ่นเหนือ” ( the king of the north) = พระราชาแห่งซีเรีย หมายถึงแอนทิโอคัสที่ 2 เธออส (ปี 261 – 246 ก.ค.ศ.)

“ทำสัญญาไมตรี” (to make an agreement) บางฉบับแปล = “ไปเจริญสัมพันธไมตรี”

= หมายถึง สนธิสัญญาที่เหนียวแน่น โดยที่เบเรนิส อภิเษกกับอันทิโอคัส

“แต่เธอจะไม่รักษากำลังอำนาจของเธอ” (But she shall not retain the strength of her arm)

คำว่า “กำลังอำนาจ” ภาษาฮีบรู แปลตรงตัวว่า “กำลังแขน”

“อำนาจของพระราชาจะไม่ยั่งยืน เธอจะถูกทรยศ” (she shall not retain the strength of her arm,

and he and his arm shall not endure, but she shall be given up) = เลาดีซ อดีตมเหสีของอันทิโอคัสวางแผนสังหารเบเรนิส กับอันทิโอคัส

“ผู้ที่ให้กำเนิดเธอ” (he who supported her in those times)  = บิดาของนาง หมายถึง ทอเลมี บิดาของเบเรนิส สิ้นพระชนม์ในเวลาไล่เลี่ยกัน

11:7     “คนหนึ่งจากเชื้อสายของเธอ” ( from a branch from her roots one) = คนหนึ่งในวงศ์ตระกูลของนางหมายถึง ทอเลมี ที่ 3 ยูเออร์เกเทส แห่งอียิปต์ พี่ชายของเบเรนิส (246 – 221 ก.ค.ศ.) ขึ้นมากำจัดเลาดีซ

“พระราชาแห่งถิ่นเหนือ” ( the king of the north) = เซลูคัส ที่ 2 คาลลินิคัส แห่งซีเรีย(246– 226 ก.ค.ศ.)

11:8     “ขนบรรดาพระ” (carry off to Egypt their gods) = ชิงรูปเทพเจ้าไป

= เทวรูปซึ่งเป็นเทพเจ้าของซีเรีย และของอียิปต์ด้วย ซึ่งคัมไบเลสแห่งเปอร์เซียขนไปหวังพิชิตอียิปต์ในปี 525 ก.ค.ศ.   –อสย.37:19;46:1-2  ;  “อียิปต์” (Egypt) –ยรม.43:12

11:10   “บุตรทั้งหลายของเขา” (His sons ) = เซลูคัส ที่ 3 เซรอนัส (226-223 ก.ค.ศ.) และอันทิโอคัส ที่ 3  (มหาราช) (223-187 ก.ค.ศ.) บุตรของเซลูคัส ที่ 2

“เหมือนน้ำท่วมและผ่านไป” (overflow and pass through) = ไม่มีใครต้านทานหรือยับยั้งได้ –อสย.8:8; ยรม.46:8;ดนล.9:26

“ป้อมปราการของท่าน” (his fortress) = ป้อมของทอเลมี ที่ ราเฟีย (ตะวันตกเฉียงใต้ของกาซา)

11:11   “พระราชาแห่งถิ่นใต้” (the king of the south) = ทอเลมีที่ 4 ฟิโลปาเทอร์แห่งอียิปต์ (221 – 203 ก.ค.ศ.)

“พระราชาแห่งถิ่นเหนือ” (the king of the north) = อันทิโอคัสที่ 3

“จะถูกมอบไว้ในมือของศัตรู” (it shall be given into his hand) = จะพ่ายแพ้ – ดนล.8:7-8 –ที่ราเฟีย ในปี 217 ก.ค.ศ.

11:12   “ทำลายคนเป็นหมื่นๆ” (he shall cast down tens of thousands) = บางฉบับแปลว่า ”ประหาร คนหลายพันคน” แต่โพลีบิอัส นักประวัติศาสตร์ ชาวกรีก บันทึกว่าอันทิโอคัส เสียไพร่พลไปเกือบหมื่นคนที่ราเฟีย

11:14  “พระราชาถิ่นใต้” ( the king of the south) = กษัตริย์ฝ่ายใต้ คือ อียิปต์ หมายถึง เทอเลมี ที่ 5 เอปิเฟเนส (203-181 ก.ค.ศ.)

“พวกหัวรุนแรงท่ามกลางชนชาติของท่านเอง” (the violent among your own people) = พวกชาวยิวซึ่งเข้าร่วมกองกำลังของอันทิโอคัส

“แต่พวกเขาจะล้มเหลว” (they shall fail)  = ไม่สำเร็จ เพราะสโคปาส แม่ทัพของทอเลมี ทำลายพวกกบฏย่อยยับในปี 200 ก.ค.ศ.

11:15   “จะมาล้อมและก่อเชิงเทินและยึดเมือง” (shall come and throw up siege works and take a well- fortified city)   -อสค.4:2

“ยึดเมืองที่มีป้อมแข็งแรงได้เมืองหนึ่ง” (take a well-fortified city.) = ไซดอน เมืองทางของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

11:16   “ผู้ยกมาต่อสู้กับท่าน” (who comes against him) = ผู้รุกราน  หมายถึง อันทิโอคัส ผู้ปกครองดูแลปาเลสไตน์ (เยรูซาเล็ม) มาจนถึงปี 197 ก.ค.ศ.

“จะทำตามความพอใจของตนเอง” (who comes against him) -ดนล.8:4 = ทำอะไรตามใจชอบ

“จึงไม่มีใครต่อสู้กับท่าน” (none shall stand before him)  = โดยไม่มีใครยับยั้งได้ –ยชว .1:5;ดนล.8:7

“แผ่นดินอันรุ่งโรจน์” (the glorious land) -บางฉบับแปลว่า “ดินแดนอันงดงาม”   -ดนล.8:9-12

“ตกอยู่ในอำนาจของเขา” (the glorious land)= เขามีอำนาจจะทำลายมันลงได้  -ดนล.8:9

11:17   “เขาจะยกธิดาคนหนึ่งให้พระราชาแห่งถิ่นใต้” (He shall give him the daughter of women to destroy the kingdom)= ยกธิดาให้สมรสด้วย

= อันทิโอคัส ยก คลีโอพัตราที่ 1 ผู้เป็นธิดาให้อภิเษกสมรสกับ ทอเลมี ที่ 5 ในปี 194 ก.ค.ศ.

“แต่เธอจะไม่มั่นคง”(it shall not stand or be to his advantage)= จะไม่ประสบความสำเร็จ -สดด.20:4

11:18   “เขา” (he) = อันทิโอคัส

“มุ่งหน้าไปตามเมืองชายฝั่งทะเล” (turn his face to the coastlands)  -อสย.66:19;ยรม.25:22

= เอเชียน้อยและอาจรวมกรีซแผ่นดินใหญ่ด้วย

“แม่ทัพคนหนึ่ง” (commander) = ลูสิอัส โครเนลิอัส สคิปิโอ อาเซียทิคัส ผู้เป็นกงสุลโรมัน ซึ่งมีชัยชนะอันทิโอคัสที่แมกนีเซียในเอเชีย ในปี 190 ก.ค.ศ.

“เอาความผยองนั้นมาสนองเขา” (shall put an end to his insolence) = อันทิโอคัสจะถูกทำให้สิ้นความผยองและถอยทัพกลับไปด้วยอับอาย –ฮชย .12:14

11:9     “เขาก็จะสะดุดและล้มลง” (he shall stumble and fall) = อันทิโอคัส จะพ่ายแพ้ และสิ้นพระชนม์ในปี 187 ก.ค.ศ. ขณะพยายามปล้นวิหารในแคว้นเอลีไมส์ –สดด.27:2-46:2

“หาตัวไม่พบอีกต่อไป” (shall not be found) = ไม่มีใครเห็นเขาอีก –สดด.37:36;อสค.26:21

 

คำถามนำอภิปราย

  1. ในชีวิตของคุณ เคยเผชิญกับความยากลำบากและได้ต่อสู้มาจนมีชัยชนะและคิดว่าคงจะจบหรือได้พักแล้ว แต่กลับต้องเผชิญกับอุปสรรคหรือต้องทำศึกต่อไปอีกบ้างหรือไม่? อย่างไร? (แบ่งปัน)
  2. คุณเคยเห็นการรุ่งเรืองและการตกต่ำของคนใดหรืออาณาจักรใดบ้างหรือไม่? (อาจเป็นอาณาจักรทางธุรกิจการค้าหรือการเมือง ฯลฯ) อย่างไร? สอนอะไรคุณบ้าง?
  3. คุณเคยเห็นคนที่ยิ่งใหญ่หรือประสบความสำเร็จแล้วทำอะไรตามใจก่อนที่จะถึงจุดจบหรือย่อยยับบ้างหรือไม่? อย่างไร? (แบ่งปัน)
  4. คุณเคยเห็นคนที่ทุ่มเทเพื่อจะได้บางสิ่งมา แต่หลังจากที่ได้มาแล้ว ตัวเองกลับไม่ได้มีชีวิตอยู่ชื่นชมกับสิ่งเหล่านั้นที่ครอบครองไว้บ้างไหม (และทุกอย่างที่มีอยู่กลับตกไปเป็นของคนอื่นหมดสิ้น) ? สอนอะไรคุณ?
  5. คุณเคยเห็นคนวางแผนไว้อย่างดี แต่ไม่ประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้บ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? (แบ่งปัน)
  6. คุณเคยเห็นการต่อสู้ที่เดี๋ยวแพ้เดี๋ยวชนะสลับกันไปมาไม่รู้จบของผู้ใดหรือใครบ้างหรือไม่? (แบ่งปัน)
  7. คุณเคยเห็นคนที่ได้ชัยชนะ แต่อยู่ได้ไม่นานบ้างไหม? เรื่องราวเป็นอย่างไร? ทำไมจึงอยู่ได้ไม่นาน? (แบ่งปัน)
  8. คุณเคยเห็นความพยายามของคนบางคนหรือบางกลุ่มที่จะก่อการทำบางอย่าง แต่กลับล้มเหลวและย่อยยับบ้างไหม? ทำไม?
  9. คุณเคยเห็นคน/กลุ่มคนที่พ่ายแพ้ ทั้ง ๆ ที่มีทีมหรือกองกำลังที่ดีที่สุดอยู่ในมือบ้างไหม? ทำไม? (แบ่งปัน)
  10. คุณเคยผยองแล้วจบลงด้วยความอับอายบ้างไหม? (แบ่งปัน) หรือเคยเห็นคนบางคนที่มั่นใจในตัวเองและหยิ่งผยอง แต่จบลงที่ความอับอายพ่ายแพ้ หรือหายนะบ้างไหม? (แบ่งปัน)

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

– twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

 

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมดาเนียล บทที่ 10

ผู้หนึ่งในนิมิต

พระธรรม        ดาเนียล 10:1-21

อ้างอิง             ดนล.1:7,21,4:19;6:18;8:3,15-18,21,26-27;9:3,23:10:13,16;11:2;12:5;อสร.9:4;วว.15:9;19:12;ปฐก.32:24

บทนำ             ไม่ว่าเหตุการณ์ในโลกนี้จะเป็นอย่างไร? ไม่ว่าจะมีเทพหรืออำนาจใด ๆ มาขัดขวางราชกิจของพระเจ้า

แต่สุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดทำให้แผนการหรือนิมิตที่พระเจ้าทรงกำหนดและเปิดเผยไว้แล้วต้องหยุดชะงัก หรือเลิกล้มไม่

เป็นไปตามนั้น

บทเรียน

10:1 “ในปีที่สามแห่งรัชกาลไซรัสกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย มีสิ่งหนึ่งได้เปิดเผยแก่ดาเนียลผู้ได้ชื่อว่า เบลเทชัสซาร์ และสิ่งนั้นก็จริง แต่การเข้าใจการสำแดงนั้นยาก ความเข้าใจนั้นผ่านมาทางนิมิต”

    (In the third year of Cyrus king of Persia a word was revealed to Daniel, who was named Belteshazzar. And the word was true, and it was a great conflict. And he understood the word and had understanding of the vision.)

10:2 “ในคราวนั้น ข้าพเจ้าดาเนียลไว้ทุกข์อยู่ 3 สัปดาห์” 

     (In those days I, Daniel, was mourning for three weeks.)

10:3 “ข้าพเจ้าไม่ได้รับประทานอาหารชั้นสูง เนื้อหรือเหล้าองุ่นก็ไม่ได้เข้าปากข้าพเจ้า ข้าพเจ้าไม่ได้ชโลมตัวเลยตลอด 3 สัปดาห์”
(I ate no delicacies, no meat or wine entered my mouth, nor did I anoint myself at all, for the full three weeks.) 

10:4 “เมื่อวันที่ 24 เดือนที่หนึ่ง ข้าพเจ้ายืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำใหญ่คือแม่น้ำไทกริส”

     (On the twenty-fourth day of the first month, as I was standing on the bank of the great river (that is, the Tigris)

10:5 “ข้าพเจ้าแหงนขึ้นมองดู นี่แน่ะ มีชายคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าป่าน มีทองเมืองอุฟาสคาดเอวไว้”
     (I lifted up my eyes and looked, and behold, a man clothed in linen, with a belt of fine gold from Uphaz around his waist.)

10:6 “ร่างกายของท่านดั่งเบริล และหน้าของท่านก็เหมือนฟ้าแลบ ดวงตาของท่านก็เหมือนกับเปลวไฟของคบเพลิงแขนและเท้าเป็นเงางามเหมือนกับทองสัมฤทธิ์ขัด และเสียงถ้อยคำของท่านเหมือนเสียงมวลชน”
    (His body was like beryl, his face like the appearance of lightning, his eyes like flaming torches, his arms and legs like the gleam of burnished bronze, and the sound of his words like the sound of a multitude. )

10:7 “และข้าพเจ้าดาเนียลเห็นนิมิตนั้นแต่ผู้เดียว บรรดาคนที่อยู่กับข้าพเจ้าไม่ได้เห็นนิมิตนั้น แต่เขากลัวจนตัวสั่นจึงวิ่งไปซ่อนเสีย”
    (And I, Daniel, alone saw the vision, for the men who were with me did not see the vision, but a great trembling fell upon them, and they fled to hide themselves.) 

10:8 “ข้าพเจ้าอยู่แต่ลำพัง และข้าพเจ้าได้เห็นนิมิตใหญ่ยิ่งนี้ ข้าพเจ้าก็สิ้นเรี่ยวสิ้นแรง หน้าของข้าพเจ้าก็ซีดไปข้าพเจ้าหมดแรง”
    (So I was left alone and saw this great vision, and no strength was left in me. My radiant appearance was fearfully changed, and I retained no strength.)

10:9 “แล้วข้าพเจ้าจึงได้ยินเสียงถ้อยคำของท่าน เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเสียงถ้อยคำนั้น ข้าพเจ้าก็ฟุบลงซบหน้ากับดินสลบไป”
    (Then I heard the sound of his words, and as I heard the sound of his words, I fell on my face  in deep sleep with my face to the ground.)

10:10 “นี่แน่ะ มีมือมาแตะข้าพเจ้า ทำให้มือและเข่าของข้าพเจ้าสั่น”

     (And behold, a hand touched me and set me trembling on my hands and knees.)

10:11 “ท่านกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “โอ ดาเนียล ผู้เป็นที่รักอย่างยิ่ง จงพิเคราะห์ถ้อยคำที่เราพูดกับท่าน และจงยืนขึ้น เพราะบัดนี้เราถูกใช้ให้มาหาท่าน” ขณะที่ท่านกล่าวคำนี้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ยืนสั่นสะท้านอยู่”
      (And he said to me, “O Daniel, man greatly loved, understand the words that I speak to you,  and stand upright, for now I have been sent to you.” And when he had spoken this word to me,  I stood up trembling.)

10:12 “แล้วท่านพูดกับข้าพเจ้าว่า “ดาเนียลเอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะตั้งแต่วันแรกที่ท่านตั้งใจจะเข้าใจและถ่อมตัวลงเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าของท่านนั้น พระเจ้าทรงฟังถ้อยคำของท่าน และเรามาด้วยเรื่องถ้อยคำนั้น” 

     (Then he said to me, “Fear not, Daniel, for from the first day that you set your heart to  understand and humbled yourself before your God, your words have been heard, and I have  come because of your words.) 

10:13 “แต่เจ้าผู้ครอบครองราชอาณาจักรเปอร์เซียได้ขัดขวางเราไว้ถึง 21 วัน แต่มีคาเอล เจ้าผู้ครอบครองชั้นหัวหน้าผู้หนึ่งมาช่วยเรา เพราะเราถูกละไว้ที่นั่นให้อยู่กับบรรดากษัตริย์เปอร์เซีย” 

      (The prince of the kingdom of Persia withstood me twenty-one days, but Michael, one of the chief princes, came to help me, for I was left there with the kings of Persia,)

10:14 “เรามาเพื่อช่วยให้ท่านเข้าใจถึงสิ่งซึ่งจะเกิดขึ้นกับชนชาติของท่านในอนาคต เพราะนิมิตนั้นเกี่ยวกับเวลาภายหน้า

      (and came to make you understand what is to happen to your people in the latter days. For the vision is for days yet to come.)

10:15 “ขณะที่ท่านพูดถ้อยคำเหล่านี้ ข้าพเจ้าก้มหน้าลงดินแล้วก็เป็นใบ้ไป” 

       (When he had spoken to me according to these words, I turned my face toward the ground and was mute.)

10:16 “นี่แน่ะ มีท่านผู้หนึ่งที่ดูเหมือนมนุษย์มาแตะริมฝีปากข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าก็อ้าปากพูด ข้าพเจ้ากล่าวกับท่านที่ยืนอยู่ข้างหน้าข้าพเจ้าว่า “นายเจ้าข้า เพราะนิมิตนั้นความเจ็บปวดจึงเกิดกับข้าพเจ้า แล้วข้าพเจ้าก็หมดแรง” 

       (And behold, one in the likeness of the children of man touched my lips. Then I opened my mouth and spoke. I said to him who stood before me, “O my lord, by reason of the vision pains have come upon me, and I retain no strength.)

10:17 “ผู้รับใช้ของเจ้านายของข้าพเจ้าจะพูดกับเจ้านายของข้าพเจ้าได้อย่างไร? เพราะบัดนี้ไม่มีกำลังเหลืออยู่ในข้าพเจ้าเลยลมหายใจพรากไปจากข้าพเจ้าแล้ว

     (How can my lord’s servant talk with my lord? For now no strength remains in me, and no breath is left in me.)

10:18 “ท่านผู้มีรูปร่างอย่างมนุษย์นั้นได้แตะต้องข้าพเจ้าอีกครั้งหนึ่ง และให้กำลังข้าพเจ้า” 

      (Again one having the appearance of a man touched me and strengthened me.)

10:19 “ท่านกล่าวว่า “โอ ท่านผู้เป็นที่รักยิ่ง อย่ากลัวเลย สวัสดิภาพจงมีแก่ท่าน จงเข้มแข็ง เออ จงเข้มแข็งเถิด”เมื่อท่านพูดกับข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้ามีกำลังขึ้นและกล่าวว่า “ขอเจ้านายของข้าพเจ้าจงพูดเถิด เพราะท่านได้ให้กำลังข้าพเจ้าแล้ว” 

      (And he said, “O man greatly loved, fear not, peace be with you; be strong and of good courage.” And as he spoke to me, I was strengthened and said, “Let my lord speak, for you have strengthened me.)

10:20 “แล้วท่านจึงกล่าวว่า “ท่านทราบหรือไม่ว่าเรามาหาท่าน%E

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมดาเนียล บทที่ 9

คำอธิษฐานของดาเนียล

พระธรรม        ดาเนียล 9:1-27

อ้างอิง             ดนล.5:3;7:16;8:16;9:3,11;10:11-19;11:10;อสร.4:6;ยรม.29:10;1พกษ.8:23-30;พคค.1:20;2พกษ.18:12;2พศด.29:6;36:16

บทนำ

บางครั้งเราอาจไม่เข้าใจหรือทำอะไรไม่ได้เลย เพราะเรามีความจำกัดในเรื่องสติปัญญาและความสามารถ สิ่งที่เราทำได้อย่างเดียวก็คือ ต้องทูลวิงวอนขอการเปิดเผยจากพระเจ้า และขอกำลังในการเดินหน้าต่อไปด้วยความเชื่อศรัทธาในพระองค์อย่างมั่นคง!

บทเรียน

9:1 “ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลดาริอัส โอรสกษัตริย์อาหสุเอรัส คนมีเดียโดยกำเนิด ผู้ได้เป็นกษัตริย์เหนืออาณาจักรของคนเคลเดีย”

(In the first year of Darius the son of Ahasuerus, by descent a Mede, who was made king over the realm of  the Chaldeans)

9:2 “ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลของท่าน ข้าพเจ้าดาเนียล ได้ดูในหนังสือพบจำนวนปี ซึ่งตามพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่ทรงมีถึงเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะ จะต้องผ่านพ้นไปก่อนสิ้นวันกรุงเยรูซาเล็มร้างเปล่าคือจำนวน 70 ปี”

(in the first year of his reign, I, Daniel, perceived in the books the number of years that, according to the word of the Lord to Jeremiah the prophet, must pass before the end of the desolations of Jerusalem,  namely, seventy years.)

9:3 “แล้วข้าพเจ้าก็หันหน้าไปหาพระเจ้าองค์เจ้านาย แสวงหาด้วยการอธิษฐานและการวิงวอน ทั้งด้วยการอดอาหาร และนุ่งห่มผ้ากระสอบและนั่งบนขี้เถ้า”

(Then I turned my face to the Lord God, seeking him by prayer and pleas for mercy with fasting and sackcloth and ashes. )

9:4 “ข้าพเจ้าได้อธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้า และสารภาพว่า “ข้าแต่องค์เจ้านาย พระเจ้าผู้ใหญ่ยิ่งและน่าเกรง‍ขาม ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคงต่อผู้ที่รักพระองค์และปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์” 

 (I prayed to the Lord my God and made confession, saying, “O Lord, the great and awesome God, who keeps covenant and steadfast love with those who love him and keep his commandments )

9:5 “ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาป และได้ทำผิด ได้ก่อการอธรรมและการกบฏ ได้หันจากพระบัญญัติและกฎหมายของพระองค์”

 (we have sinned and done wrong and acted wickedly and rebelled, turning aside from your commandments  and rules.)

 9:6 “ข้าพระองค์ไม่ได้ฟังบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้กล่าวในพระนามของพระองค์ต่อบรรดากษัตริย์ของข้า‍พระองค์ทั้งหลาย ทั้งต่อบรรดาผู้นำและบรรพบุรุษของข้าพระองค์ รวมทั้งประชาชนทุกคนของแผ่นดิน”

 (We have not listened to your servants the prophets, who spoke in your name to our kings, our princes, and our fathers, and to all the people of the land.)

9:7 “ข้าแต่องค์เจ้านาย ความชอบธรรมเป็นของพระองค์ แต่ความอับอายควรแก่พวกข้าพระองค์จนถึงทุกวันนี้ คือควรแก่คนยูดาห์ ชาวกรุงเยรูซาเล็ม และคนอิสราเอลทั้งหมด ทั้งผู้อยู่ใกล้และอยู่ไกลออกไป ในแผ่นดินทั้งหลายซึ่งพระองค์ทรงขับไล่พวกเขาไปนั้น เพราะพวกเขาได้ทรยศต่อพระองค์” 

  (To you, O Lord, belongs righteousness, but to us open shame, as at this day, to the men of Judah, to the  inhabitants of Jerusalem, and to all Israel, those who are near and those who are far away, in all the lands to which you have driven them, because of the treachery that they have committed against you.)

9:8 “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ความอับอายควรแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย แก่พระราชา เจ้านาย และบรรพบุรุษของพวกข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์”

 (To us, O Lord, belongs open shame, to our kings, to our princes, and to our fathers, because we have sinned against you.)

9:9 “พระกรุณาและการอภัยโทษเป็นขององค์เจ้านายพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย เพราะว่าพวกข้าพระองค์ได้กบฏต่อพระองค์”

 (To the Lord our God belong mercy and forgiveness, for we have rebelled against him)

9:10 “และไม่เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายที่ให้ทำตามธรรมบัญญัติของพระองค์ ซึ่งทรงตั้งไว้ต่อหน้าข้า‍พระองค์ทั้งหลาย ผ่านบรรดาผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์”

  (and have not obeyed the voice of the Lord our God by walking in his laws, which he set before us by his servants the prophets.)

9:11 “อิสราเอลทั้งชาติได้ทำผิดต่อธรรมบัญญัติของพระองค์และได้หันไปเสีย ไม่เชื่อฟังพระองค์ ดังนั้นคำสาปแช่งและคำปฏิญาณซึ่งจารึกไว้ในธรรมบัญญัติของโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้า จึงเทลงเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย เพราะพวกข้า‍พระองค์ได้ทำบาปต่อพระองค์”

   (All Israel has transgressed your law and turned aside, refusing to obey your voice. And the curse and oath that are written in the Law of Moses the servant of God have been poured out upon us, because we have sinned against him.)

9:12 “พระองค์ได้ทรงยืนยันถ้อยคำของพระองค์ ซึ่งพระองค์ตรัสกล่าวโทษข้าพระองค์ทั้งหลาย และกล่าวโทษผู้ซึ่งปกครองพวก‍ข้าพระองค์ โดยนำวิบัติอย่างใหญ่หลวงมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย ซึ่งภายใต้สวรรค์ทั้งสิ้น ไม่มีสิ่งใดที่ได้ทำเหมือนที่ได้ทำแก่เยรูซาเล็ม”
  (He has confirmed his words, which he spoke against us and against our rulers who ruled us, by bringing upon us a great calamity. For under the whole heaven there has not been done anything like what has been done against Jerusalem.)

9:13 “ดังที่ได้จารึกไว้ในธรรมบัญญัติของโมเสสแล้ว วิบัติทั้งสิ้นก็ได้ตกอยู่เหนือข้าพระองค์ทั้งหลายแล้ว แต่พวกข้าพระองค์ยังไม่ได้ทูลวิงวอนขอพระกรุณาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ด้วยการหันจากความผิดของข้าพระองค์‍ทั้งหลาย หรือใส่ใจในความจริงของพระองค์”

  (As it is written in the Law of Moses, all this calamity has come upon us; yet we have not entreated the favor of the Lord our God, turning from our iniquities and gaining insight by your truth.)

9:14 “เพราะฉะนั้นพระยาห์เวห์ทรงเตรียมความวิบัติไว้พร้อม และได้ทรงนำมาเหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายทรงเป็นผู้ชอบธรรมในพระราชกิจทั้งสิ้นซึ่งพระองค์ได้ทรงทำ และพวกข้าพระองค์ไม่ได้เชื่อ‍ฟังพระองค์”

  (Therefore the Lord has kept ready the calamity and has brought it upon us, for the Lord our God is righteous in all the works that he has done, and we have not obeyed his voice.)

9:15 “ข้าแต่องค์เจ้านายพระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงนำชนชาติของพระองค์ออกจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และได้ทำให้พระนามเลื่องลือมาจนทุกวันนี้ ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปและทำความอธรรม”

 (And now, O Lord our God, who brought your people out of the land of Egypt with a mighty hand, and have made a name for yourself, as at this day, we have sinned, we have done wickedly.)

9:16 “ข้าแต่องค์เจ้านาย ตามการกระทำอันชอบธรรมทั้งสิ้นของพระองค์ ขอให้ความกริ้วและพระพิโรธของพระองค์หันกลับจากเยรูซาเล็มนครของพระองค์ ภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์ เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลาย และความผิดของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย เยรูซาเล็มและประชากรของพระองค์จึงกลายเป็นที่เยาะเย้ยในชนชาติทั้งสิ้นที่อยู่รอบข้าง”

 (“O Lord, according to all your righteous acts, let your anger and your wrath turn away from your city  Jerusalem, your holy hill, because for our sins, and for the iniquities of our fathers, Jerusalem and your people have become a byword among all who are around us.)

9:17 “ฉะนั้น ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ขอพระองค์ทรงสดับคำอธิษฐานของผู้รับใช้ของพระองค์และคำวิงวอนของเขา ข้าแต่องค์เจ้านาย เพื่อเห็นแก่พระองค์ ขอพระพักตร์ของพระองค์ทอแสงเหนือสถานนมัสการของพระองค์ซึ่งร้าง‍เปล่านั้น”

  (Now therefore, O our God, listen to the prayer of your servant and to his pleas for mercy, and for your own  sake, O Lord, make your face to shine upon your sanctuary, which is desolate.)

9:18 “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอเงี่ยพระกรรณสดับ ขอลืมพระเนตรดูความร้างเปล่าของข้าพระองค์ทั้งหลาย ทั้งนครซึ่งมีชื่อตามพระนามของพระองค์ เพราะว่าข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้ถวายคำวิงวอนต่อพระองค์ ด้วยอ้างความชอบธรรมของข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นเหตุ แต่ได้อ้างพระกรุณายิ่งใหญ่ของพระองค์”

  (O my God, incline your ear and hear. Open your eyes and see our desolations, and the city that is called  by your name. For we do not present our pleas before you because of our righteousness, but because of your great mercy.) 

9:19 “ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงฟัง ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงให้อภัย ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอใส่พระทัยและทรงจัดการ ขออย่าทรงเนิ่นช้าเลยเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ เพราะว่านครของพระองค์ และประชากรของพระองค์ก็มีชื่อตามพระนามของพระองค์

 (O Lord, hear; O Lord, forgive. O Lord, pay attention and act. Delay not, for your own sake, O my God, because your city and your people are called by your name.)

9:20 “ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังพูด อธิษฐานสารภาพบาปของข้าพเจ้าและบาปของอิสราเอลประชากรของข้าพเจ้า และเสนอคำวิง‍วอนต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าเพื่อภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์”

  (While I was speaking and praying, confessing my sin and the sin of my people Israel, and presenting my plea before the Lord my God for the holy hill of my God,) 

9:21 “ขณะเมื่อข้าพเจ้ากล่าวคำอธิษฐาน ชายที่ชื่อกาเบรียล ซึ่งข้าพเจ้าได้เห็นในนิมิตครั้งแรกนั้น ได้บินอย่างเร็วมาใกล้ข้าพ‌เจ้า ในเวลาถวายเครื่องบูชาตอนเย็น”

  (while I was speaking in prayer, the man Gabriel, whom I had seen in the vision at the first, came to me in  swift flight at the time of the evening sacrifice.) 

9:22 “ท่านได้กล่าวอธิบายแก่ข้าพเจ้าว่า “โอ ดาเนียล ข้าพเจ้าออกมา ณ บัดนี้เพื่อจะให้ความกระจ่างและความเข้าใจแก่ท่าน”

  (He made me understand, speaking with me and saying, “O Daniel, I have now come out to give you insight and understanding.)

9:23 “เมื่อท่านเริ่มวิงวอนคำตอบก็ปรากฏทันที ข้าพเจ้าจึงมาบอกให้ท่านทราบ เพราะท่านเป็นผู้ที่ทรงรักมาก เพราะฉะนั้นจงพิจารณาคำตอบและเข้าใจนิมิตนั้น”

  (At the beginning of your pleas for mercy a word went out, and I have come to tell it to you, for you are greatly loved. Therefore consider the word and understand the vision)

9:24 “มี 70 สัปดาห์แห่งปีกำหนดไว้สำหรับชนชาติของท่านและนครบริสุทธิ์ของท่าน เพื่อให้ยุติการละเมิด ให้บาปจบสิ้น และให้ลบมลทิน เพื่อนำความชอบธรรมนิรันดร์เข้ามา เพื่อประทับตราทั้งนิมิตและคำของผู้เผยพระวจนะไว้ และเพื่อจะเจิมอภิ‌สุทธิสถาน”

  (“Seventy weeks are decreed about your people and your holy city, to finish the transgression, to put an end to sin, and to atone for iniquity, to bring in everlasting righteousness, to seal both vision and prophet,  and to anoint a most holy place.)

9:25 “เพราะฉะนั้นจงสังเกตและเข้าใจว่า นับตั้งแต่การที่ถ้อยคำนั้นออกไป ให้สร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ จนถึงสมัยประมุขผู้‍ถูกเจิมไว้ก็เป็นเวลา 7 สัปดาห์ และเยรูซาเล็มจะถูกสร้างขึ้นพร้อมด้วยคูและลานเมืองเป็นเวลา 62 สัปดาห์ แต่จะเกิดขึ้นในช่วงเวลายากลำบาก”

  (Know therefore and understand that from the going out of the word to restore and build Jerusalem to the  coming of an anointed one, a prince, there shall be seven weeks. Then for sixty-two weeks it shall be built again with squares and moat, but in a troubled time.)

9:26 “หลังจาก 62 สัปดาห์แล้ว ท่านผู้ถูกเจิมจะต้องถูกตัดออกและจะไม่มีอะไรเหลือ และคนของประมุขผู้ที่จะมานั้นจะทำลายเมืองและสถานนมัสการ แต่ที่สุดปลายของมันจะมาถึงอย่างน้ำท่วม จนกระทั่งในที่สุดจะมีสงคราม การร้างเปล่าได้ถูกกำ‌หนดไว้แล้ว”

 (And after the sixty-two weeks, an anointed one shall be cut off and shall have nothing. And the people of the prince who is to come shall destroy the city and the sanctuary. Its end shall come with a flood, and to the end there shall be war. Desolations are decreed)

9:27 “ท่านจะทำพันธสัญญาอย่างมั่นคงกับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปดาห์ ท่านจะทำให้การถวายสัตวบูชา และเครื่องบูชาอื่นๆหยุดไปครึ่งสัปดาห์ สิ่งน่าสะอิดสะเอียนที่ทำให้ร้างเปล่าตั้งอยู่บนหัวมุมของแท่นบูชาจนความอวสานที่ได้กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้ทำให้เกิดความวิบัตินั้น

  (And he shall make a strong covenant with many for one week, and for half of the week he shall put an end to sacrifice and offering. And on the wing of abominations shall come one who makes desolate, until the decreed end is poured out on the desolator.)

ข้อมูลมีประโยชน์

9:1        “ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลดาริอัส” (In the first year of Darius) = 539 -538 ก.ค.ศ.;ดนล.5:31

“โอรสกษัตริย์อาหสุเอรัส” (the son of Ahasuerus) –บางฉบับแปลว่า “เชอร์ซีส” (ไม่ใช่เซอร์ซิสเดียวกับในพระธรรมเอสเธอร์) –อสร.4:6

9:2        “เยเรมีย์…70  ปี” (Jeremiah … seventy years.) –ยรม.25:11-12;29:10;          “70 ปี” = จำนวนตัวเลขถ้วน ๆ

-เหมือนใน สดด.90:10;อสย.23:15 คือช่วงตั้งแต่ปี 605 (ดนล.1:1) ถึง 538/537 ก.ค.ศ. ซึ่งเป็นเวลาที่ชนยูดาห์เริ่มกลับจากการเป็นเชลย (2พศด.36:20-23) (เวลา 70 ปี ใน ศคย.1:12 ไม่จำเป็นต้องเป็นช่วงเดียวกับข้อนี้ และใน 29:10 แต่น่าจะเป็นช่วงตั้งแต่ปี 586 ก.ค.ศ. (ซึ่งพระวิหารของกษัตริย์ซาโลมอนถูกทำลายลง) จนถึงปี 516 เมื่อ

พระวิหารของเศรุบบาเบลสร้างเสร็จสิ้นสมบูรณ์ cf. ศคย.7:5

9:3-19  = คำอธิษฐานของดาเนียลที่แสดงถึง

  1. ความถ่อมใจ (ข.3) การนมัสการ (ข.4)        3. การสารภาพบาป (ข.5-15)     4. คำวิงวอน (ข.16-19)

ปท. คำอธิษฐานที่คล้ายกันใน อสร.9:5-15;นหม.9:5-37

9:3        “นุ่มห่มผ้ากระสอบและนั่งบนขี้เถ้า” (sackcloth and ashes) –ปฐก.37:34;วว.11:3

9:4        “ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาและความรักมั่นคง” (who keeps covenant and steadfast love) –บางฉบับแปลว่า

“ผู้ทรงรักพันธสัญญาแห่งความรัก” –ฉธบ.7:9,12

“ผู้ที่รักพระองค์และปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์” (who love him and keep his  commandments ) –นหม.1:5; ปท.อพย.20:6

9:5        “ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาป” (we have sinned) –บางฉบับแปลว่า “ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำผิดทำบาป” –สดด.106:6;ยรม.8:14 ; “ได้หันจากพระบัญญัติ” (turning aside from your commandments) –อสย.53:6

“และกฎหมายของพระองค์” (and rules) –พคค.1:20;3:42;ดนล.9:11

9:6        “ไม่ได้ฟัง” (not listened) = ไม่เชื่อฟัง –2พกษ.18:12

“ผู้เผยพระวจนะ” (your servants the prophets) –2พศด.36:16;ยรม.7:25;44:5;ยก.5:10;วว.10:7;ศคย.1:6

9:7        “พระองค์ทรงขับไล่พวกเขาไปนั้นเพราะพวกเขาได้ทรยศต่อพระองค์” (to which you have driven them, because of the treachery that they have committed against you)  บางฉบับแปลว่า  ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกระจัดกระจายไป เพราะเราไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อพระองค์

–2พกษ.17:7-23;2พศด.36:15-20;ฉธบ.4:27;อมส.9:9;ฉธบ.7:3;ยรม.3:25;24:9;อสค.39:23-24

9:8        “ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์”(we have sinned against you)–นหม.9:33;ยรม.14:20;อสค.16:63

9:9        “พระกรุณา และการอภัยโทษเป็นขององค์เจ้านาย” (To the Lord our God belong mercy and forgiveness) –อพย.34:7;2ซมอ.24:14;ยรม.42:12 = ทรงเปี่ยมด้วยความเมตตา และทรงให้อภัย

“กบฏต่อพระองค์” (for we have rebelled against him) –นหม.9:17;ยรม.14:7

9:10      “ผ่านบรรดาผู้เผยพระวจนะ ผู้รับใช้ของพระองค์”(by his servants the prophets) –2พกษ.17:13-15;18:12; วว.10:7

9:11      “อิสราเอลทั้งชาติได้ทำผิดต่อธรรมบัญญัติ” (All Israel has transgressed your law) = ได้ล่วงละเมิดบทบัญญัติของพระองค์ –ยรม.2:29;2พกษ.22:16

“คำสาปแช่ง และคำปฏิญาณ” (curse and oath) –ลนต.26:33;ฉธบ.28:64

บางฉบับแปลว่า “คำสาปแช่งและโทษทัณฑ์ทั้งปวง” –2พกษ.17:23

“ได้ทำบาปต่อพระองค์” (have sinned against him) –อสย.1:4-6;ยรม.8:5-10

9:12      “ทรงยืนยันถ้อยคำของพระองค์” (He has confirmed his words) –บางฉบับแปลว่า “ทรงทำตามที่

ตรัสไว้แล้ว” –อสย.44:26;ศคย.1:6 ;  “ผู้ซึ่งปกครอง” (who ruled) ; “ผู้ครอบครอง” –ยรม.44:23

“ไม่มีสิ่งใดที่ได้ทำเหมือน” (not been done) = ทั่วใต้ฟ้าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเสมอเหมือน –ยรม.30:7

“เยรูซาเล็ม” (Jerusalem) –ยรม.44:2-6;อสค.5:9;ดนล.12:1;ยอล.2:2;ศคย.7:12

9:13      “พระยาห์เวห์” (  the Lord our God) –ฉธบ.4:29;อสย.31:1

“ใส่ใจในความจริงของพระองค์” (insight by your  truth) –อสย.9:13;ยรม.2:30

9:14      “เตรียมความวิบัติไว้พร้อม” (ready the calamity) –ยรม.18:8;44:27

“ผู้ชอบธรรมในพระราชกิจทั้งสิ้นซึ่งพระองค์ได้ทรงทำ” (God is righteous in all the works that he has done) –สดด.4:1;ยรม.12:1;ปฐก.18:25;2พศด.12:6;ยรม.12:1

“ไม่ได้เชื่อฟังพระองค์” (not obeyed his voice) –นหม.9:33;ยรม.32:23;40:3

9:15      “ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์” (a mighty hand) –อพย.3:20;ยรม.32:21

            “ได้ทำให้พระนามเลื่องลือมาจนทุกวันนี้” (have made a name for yourself, as at this day) –นหม.9:10

9:16      “ตามการกระทำอันชอบธรรมทั้งสิ้นของพระองค์” (according to all your righteous acts)–วนฉ.5:11;สดด.31:1

“ขอให้ความกริ้วและพระพิโรธ…หันกลับ” (let your anger and your wrath turn) –อสย.5:25;สดด.85:3

            “เยรูซาเล็ม” (Jerusalem) –ยรม.32:32

            “ภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์” (your holy hill) =ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ –อพย.15:17;สดด.48:1

            “เป็นที่เยาะเย้ย” (a byword) = เป็นที่เหยียดหยาม –สดด.39:8;อสค.5:14

9:17      “ขอพระพักตร์ของพระองค์ทอแสงเหนือสถานนมัสการของพระองค์ซึ่งว่างเปล่านั้น” (make your face to

shine upon your sanctuary, which is desolate) = บางฉบับแปลว่า “โปรดเหลียวแลสถานนมัสการอันเริศร้างของพระองค์ด้วยความโปรดปรานเถิด” –กดว.6:24-26;สดด.80:19

9:18      “ขอเงี่ยพระกรรณสดับ” (incline your ear and hear) –สดด.5:1;116:1

“ขอลืมพระเนตร” = โปรดทอดพระเนตร –สดด.80:14

“นครซึ่งมีชื่อตามพระนามของพระองค์” (and the city that is called by your name) = กรุงซึ่งใช้พระนามของพระองค์

= กรุงเยรูซาเล็ม –1พกษ.11:36;สดด.132:13;ยรม.25:29;7:10-12;25:29;ฉธบ.12:5;28:10;อสย.37:17

“พระกรุณายิ่งใหญ่ของพระองค์” (your great mercy) = เพราะพระเมตตายิ่งใหญ่ของพระองค์

= พระเจ้าตอบคำอธิษฐานเนื่องจากพระคุณของพระองค์ ไม่ใช่เพราะคุณงามความดีของเรา –ลก.18:13

9:19      “ขอทรงให้อภัย” (forgive) –สดด.44:23

“เพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์” (for your own sake) –1ซมอ.12:22

9:20      “อธิษฐานสารภาพบาป” (praying, confessing) –อสย.65:24;อสร.10:1

“ภูเขาบริสุทธิ์” (the holy hill) = ศิโยน –สดด.2:6;145:18;อสย.58:9;ดนล.9:3

9:21      “กาเบรียล” (Gabriel)  -ลก.1:19.26;ดนล.8:16

“ในเวลาถวายเครื่องบูชาตอนเย็น” (the evening sacrifice) –อพย.29:39

9:22      “…เพื่อจะให้ความกระจ่างและความเข้าใจแก่ท่าน”(give you insight and understanding)

–ดนล.7:16;10:34;อมส.3:7

9:23      “เริ่มวิงวอน” (beginning of your pleas) = เริ่มอธิษฐาน – อสย.65:24

“เพราะท่านเป็นผู้ที่ทรงรักมาก” ( you are greatly loved)  -ดนล.10:19;ลก.1:28

“จงพิจารณาคำสอนและเข้าใจนิมิตนั้น”(consider the word and understand the vision)–ดนล.10:11-12;มธ.24:15

9:24      “70 สัปดาห์”( Seventy weeks)–ปท.9:25,26,27 –ในบางฉบับแปลว่า “70 ของ 7”

= คงเป็นเวลาช่วงละ 7 ปี ทำให้เกิดผลรวม ;  = 7 x 70 = 490 ปี แต่จำนวนอาจเป็นแค่สัญลักษณ์

=ข้อนี้บ่งบอกถึงจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ 6 ประการ (ที่จะเป็นจริงโดยทางพระเมสสิยาห์)

  1. ยุติการละเมิด
  2. ให้บาปจบสิ้น
  3. ให้ลบมลทิน –อสย.53:10
  4. นำความชอบธรรมนิรันดร์มา –อสย.56:1;ฮบ.9:12
  5. ประทับตราทั้งนิมิตและคำของผู้เผยพระวจนะ
  6. เจิมอภิสุทธิสถาน

= การเป็นจริงตามนิมิตและคำพยากรณ์อย่างสมบูรณ์

 “นครบริสุทธิ์ของท่าน” (your holy city)  = นครศักดิ์สิทธิ์ของท่าน –อสย.1:26

“ลบมลทิน” (atone for iniquity) = ลบล้างความชั่ว – อสย.53:10

“นำความชอบธรรมนิรันดร์เข้ามา”(to bring in everlasting righteousness) = นำความชอบธรรมอันมั่นคง

นิรันดร์มาให้ – อสย.56:1;ฮบ.9:12

9:25-27 –ระยะเวลาระหว่างการประกาศกฤษฎีกาให้สร้างเยรูซาเล็มใหม่ (ข.25) และการเสด็จมาของพระเมสิยาห์

เสด็จมายังอิสราเอลก็คือ 69 ของเจ็ด (7 บวก 62) หรือก็คือ = 483 ปี (อสร.7:11)

กษัตริย์อารทาเซอร์ซีสที่ 1 มีพระราชสาส์นถึงเอสรา (ผู้เป็นปุโรหิต และครูผู้รอบรู้เกี่ยวกับพระบัญชา และกฎหมายของพระเจ้า)  ให้ชาวอิสราเอลกลับไปเยรูซาเล็มกับเอสราได้

-ทำให้นักวิชาการหลายคนถือว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของคำพยากรณ์ 69 แรกของเจ็ด ในดาเนียล 9:24-27

-แต่มีบางคนถือว่า งานของเนหะมีย์ที่ได้รับมอบหมายจากพระราชาองค์เดียวกัน เป็นจุดเริ่มต้นของคำพยากรณ์นี้ (นหม.1:11;2:1-8)

-และจากปฏิทินสุริยคติ พร้อมกับวันเวลาก่อนหน้า (ปี 458 ก.ค.ศ.) หรือใช้ปฏิทินจันทรคติกับวันเวลาถัดมา (ปี 444 ก.ค.ศ.) สามารถคำนวณวันเวลาได้ใกล้เคียงกับวันที่พระเยซูคริสต์ทรงทำพันธกิจได้อย่างเหลือเชื่อ

9:25      “นับตั้งแต่การที่ถ้อยคำนั้นออกไปให้สร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่” (from the going out of the word to restore and build Jerusalem) = ตั้งแต่มีพระราชกฤษฏีกาให้กอบกู้และสร้างกรุงเยรูซาเล็มขึ้นมาใหม่

– อสร.4:24;6:15

“จนถึงสมัยประมุขผู้ถูกเจิมไว้” (to the coming of an anointed one, a prince)  บางฉบับแปลว่า

= “จนผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งให้เป็นผู้ครอบครองนั้นจะมาถึง”  -มธ.1:17;ยน.4:25

“ช่วงเวลายากลำบาก” (   in a troubled time) = ทุกข์ยากลำบาก –อสร.3:3

9:26      “หลังจาก 62 สัปดาห์แล้ว ท่านผู้ถูกเจิมจะต้องถูกตัดออก” (And after the sixty-two weeks, an  anointed one shall be cut off)  ;      “62 สัปดาห์” = บางฉบับแปลว่า “หกสิบสองของเจ็ด”

  1. “7 สัปดาห์” (ข.25) –ถูกเรียกว่า =เจ็ดของ “เจ็ด”     -มีผู้ตีความว่า หมายถึง = ช่วงเวลาแห่งการรื้อฟื้นเยรูซาเล็มอย่างสมบูรณ์ (เอสราและเนหะมีย์ กล่าวถึงการรื้อฟื้นบางส่วน)
  2. “62 สัปดาห์” (ข.25,26) = ถูกเรียกว่า “หกสิบสองของ “เจ็ด”” = ระยะเวลาระหว่างการรื้อฟื้นนั้นกับการที่พระเมสิยาห์เสด็จมายังอิสราเอล
  3. “หนึ่งสัปดาห์” (ข.27) = เจ็ดสุดท้าย ถูกเรียกว่า “เจ็ด” ที่ เจ็ดสิบที่กล่าวต่อจากคำพยากรณ์เรื่องพาหนะของเยรูซาเล็ม โดยคนของประมุข (จักรพรรดิทิตัสในปี ค.ศ. 70) -มีการตีความต่างกันในเรื่องนี้

1) เจ็ดหลังสุดนี้ = ช่วงพระราชกิจของพระเยซูในโลกและต่อมา

2) ช่วงเวลา “เจ็ด” ที่ 69 และ “เจ็ดที่ 70” เป็นช่วงเวลายาวนานและสงครามและวิบัติ(ที่ไม่อาจบอกเวลายานนานได้)

“ถูกประหาร”  อสย.53:8;มธ.16:21

“ที่สุดปลายของมันจะมาถึงอย่างน้ำท่วม”(Its end shall come with a flood)–อสย.28:2;ดนล.11:10;นฮม.1:8

“การร้างเปล่าได้ถูกกำหนดไว้แล้ว”(Desolations are decreed)

= “มีวิบัติตามที่กำหนดไว้”–สดด.46:8;อสย.61:1;อสค.4:5-6;ฮกก.2:23;ศคย.4:14

= มีการตีความว่า ในเจ็ดที่ 70 เขาเล็กหรือสัตว์ร้าย (ปฏิปักษ์ของพระคริสต์) ซึ่งเป็นผู้ตั้ง “สิ่งน่าสะอิดสะเอียนอันเป็นต้นเหตุของวิบัติ”

9:27      “ท่านจะทำพันธสัญญาอย่างมั่นคงกับคนเป็นอันมากอยู่หนึ่งสัปดาห์” (And he shall make a strong covenant with many for one week) –บางฉบับแปลว่า “ผู้นั้นจะยืนยันคำมั่นสัญญากับคนเป็นอันมาก เป็นเวลาหนึ่งของ “เจ็ด”   = ปฏิปักษ์ของพระเยซูคริสต์ (ข.26) ทำสนธิสัญญากับชาวยิวในอนาคตจากนั้นทำให้ระบบนมัสการของชาวยิววุ่นวายไป น่าสะอิดสะเอียนเป็นเหตุให้วิบัติ (11:31)

-บางคนกลับตีความว่า ในตอนนี้หมายถึง พระเมสิยาห์ (ผู้ที่ถูกเจิม ข.26) ตั้งพันธสัญญาใหม่ และยุติ “ระบบถวายเครื่องบูชา” ของพันธสัญญาเดิม

“จนความอวสานที่ได้กำหนดไว้จะถูกเทลงเหนือผู้ทำให้เกิดความวิบัตินั้น” (until the decreed end is poured out on the desolator) –อสย.10:22

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณได้รับหรือเข้าใจบทเรียนอะไรบ้างจากการศึกษาพระธรรมในบทนี้? แล้วคุณจะนำมาประยุกต์ปฏิบัติในชีวิตอย่างไร?
  2. คุณรู้สึกอย่างไรเมื่อคุณต้องพบกับความทุกข์ยากลำบากทั้ง ๆ ที่คุณติดตามพระเจ้าอยู่? ความรู้สึกเช่นนั้นส่งผลต่อความเชื่อศรัทธาของคุณอย่างไรบ้าง?
  3. คุณเคยอธิษฐานอย่างจริงจังต่อพระเจ้ามากที่สุด (จนถึงขึ้นอดอาหารอธิษฐาน) หรือไม่? เพราะเหตุใด และผลเป็นอย่างไร?
  4. คุณเคยสำนึกว่าคุณทำบาป(หรือเป็นคนบาป)อย่างจริงใจเมื่อใด? ที่ไหน? อย่างไร?
  5. คุณเคยรู้สึกเสียใจ สารภาพบาปต่อพระเจ้า เพราะความผิดบาปที่คนในชาติของเรากระทำหรือไม่? อย่างไร?
  6. คุณยอมรับได้หรือไม่ว่า บางครั้งวิบัติบางอย่างเกิดแก่ตัวคุณหรือชนชาติของคุณ เป็นผลมาจากความบาปที่เรากระทำหรือมาจากการไม่เชื่อ(ไม่เชื่อฟัง) พระเจ้าของเรา? ทำไม?
  7. คุณเคยมีประสบการณ์กับการตอบคำอธิษฐานของพระเจ้าต่อคำวิงวอนทูลของคุณที่ชัดเจนหรือพิเศษมากจนคุณไม่เคยลืมเลยบ้างหรือไม่? อย่างไร?

คุณเคยได้รับคำตอบหรือการเปิดเผยจากพระเจ้าแบบทันทีในการอธิษฐานของคุณบ้างหรือไม่? อย่างไร? (แบ่งปัน)

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมดาเนียล บทที่ 8

นิมิตเรื่องแกะและแพะผู้

พระธรรม        ดาเนียล 8:1-27

อ้างอิง     ดนล.1:17;2:46,34;4:23;5:1;7:2-7,16,20;8:1-2,19;9:21;10:5-9,14-18,20;11:3,11-16,23,31:37;12:6,11-12

บทนำ           คนบางคนอยากรู้อนาคต เพราะคิดว่า รู้แล้วจะได้ป้องกันหรือแก้ไขอะไรเพื่อตัวเองได้ แต่คนบางคนเมื่อรู้อนาคตแล้วก็ตกใจกลัวจนทำอะไรต่อไปไม่ได้ บางครั้งการที่ไม่รู้อนาคตอาจเป็นการต่อชีวิตของเรามากกว่าการได้รับรู้อนาคตที่เราเองไม่มีอำนาจใด ๆ จะไปแก้ไขหรือจัดการกับมันได้ดังนั้น การดำเนินชีวิตแบบวันต่อวันด้วยความใกล้ชิดและเชื่อฟังพระเจ้า ไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จึงน่าจะเป็นวิถีชีวิตที่น่าจะมีความสุขมากกว่า  จริงไหม?

บทเรียน

8:1 “ในปีที่สามแห่งรัชกาลกษัตริย์เบลชัสซาร์ มีนิมิตปรากฏแก่ข้าพเจ้าดาเนียล หลังจากนิมิตที่ปรากฏแก่ข้าพเจ้าครั้งแรกนั้น” 

  (In the third year of the reign of King Belshazzar a vision appeared to me, Daniel, after that which appeared to me at the first. )

8:2 “และในนิมิตนั้น ตามที่ข้าพเจ้าได้เห็น ปรากฏว่า ข้าพเจ้าอยู่ที่สุสาเมืองป้อม ซึ่งอยู่ในมณฑลเอลาม และข้าพเจ้าก็เห็นนิมิต ข้าพเจ้าอยู่ที่แม่น้ำอุลัย” 

 (And I saw in the vision; and when I saw, I was in Susa the citadel, which is in the province of Elam. And I saw in the vision, and I was at the Ulai canal.)

8:3 “ข้าพเจ้าเงยหน้าดู และเห็นแกะผู้ตัวหนึ่งยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำ มีเขาสองเขา เขาทั้งสองก็ยาว แต่ข้างหนึ่งยาวกว่าอีกข้างหนึ่ง และเขาที่ยาวนั้นงอกมาทีหลัง” 

 (I raised my eyes and saw, and behold, a ram standing on the bank of the canal. It had two horns, and both horns were high, but one was higher than the other, and the higher one came up  last. )

8:4 “ข้าพเจ้าเห็นแกะผู้ตัวนั้นขวิดไปทางตะวันตก ทางเหนือ และทางใต้ ไม่มีสัตว์ตัวไหนสู้มันได้และไม่มีใครช่วยให้พ้นจากอำนาจของมันได้ มันทำตามใจชอบและก็พองตัวขึ้น”

  (I saw the ram charging westward and northward and southward. No beast could stand before (him, and there was no one who could rescue from his power. He did as he pleased and became great.)

8:5 “เมื่อข้าพเจ้ากำลังตรึกตรองอยู่ มีแพะผู้ตัวหนึ่งมาจากทิศตะวันตก เหาะข้ามพื้นพิภพมา ไม่แตะต้องพื้นดินเลย และแพะนั้นมีเขาเด่นอยู่ในระหว่างตาของมันเขาหนึ่ง”

 (As I was considering, behold, a male goat came from the west across the face of the whole earth, without touching the ground. And the goat had a conspicuous horn between his eyes.) 

8:6 “มันมาหาแกะผู้ที่มีเขาสองเขา ซึ่งข้าพเจ้าเห็นยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำ มันวิ่งเข้าใส่แกะผู้ตัวนั้นด้วยความโกรธเกรี้ยว”

  (He came to the ram with the two horns, which I had seen standing on the bank of the canal, and he ran at him in his powerful wrath.)

8:7 “ข้าพเจ้าเห็นมันเข้ามาใกล้แกะผู้ มันโกรธและเข้าชนแกะผู้ ทำให้เขาทั้งสองของมันหักไปและแกะผู้ก็ไม่มีกำลังสู้มันได้ มันเหวี่ยงแกะผู้ลงที่ดินและเหยียบเสีย และไม่มีใครช่วยแกะผู้ให้พ้นอำนาจของมันได้”

  (I saw him come close to the ram, and he was enraged against him and struck the ram and broke his two horns. And the ram had no power to stand before him, but he cast him down to the ground and trampled on him.  And there was no one who could rescue the ram from his power. )

8:8 “แล้วแพะผู้ก็พองตัวขึ้นอย่างมาก แต่เมื่อมันแข็งแรงเต็มที่ เขาใหญ่ของมันก็หัก มีเขาเด่นอีกสี่เขางอกขึ้นแทนที่หันไปทางทิศลมทั้งสี่ของฟ้าสวรรค์”

 (Then the goat became exceedingly great, but when he was strong, the great horn was broken,  and instead of it there came up four conspicuous horns toward the four winds of heaven.)

8:9 “และมีเขาเล็กๆ เขาหนึ่งงอกออกมาจากเขาหนึ่งในบรรดาเขาเหล่านี้ ซึ่งงอกขึ้นใหญ่โตเหลือเกินขยายไปทางใต้ไปทางตะวันออก และไปยังแผ่นดินอันรุ่งโรจน์นั้น”

  (Out of one of them came a little horn, which grew exceedingly great toward the south, toward the east, and toward the glorious land.) 

8:10 “มันงอกขึ้นใหญ่โตถึงบริวารแห่งฟ้าสวรรค์ และเหวี่ยงบริวารคือดาวบางดวงลงมายังพื้นดิน แล้วเหยียบย่ำเสีย”

 (It grew great, even to the host of heaven. And some of the host and some of the stars it threw down to the ground and trampled on them.)

8:11 “มันโตขึ้นอีกจนถึงเจ้านายแห่งบริวาร และเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ก็ถูกชิงไปจากพระองค์ และสถานนมัสการของพระองค์ก็ถูกทำให้เสื่อม”

  (It became great, even as great as the Prince of the host. And the regular burnt offering was taken away from him, and the place of his sanctuary was overthrown.)

8:12 “เนื่องจากการละเมิด บรรดาประชากรของพระองค์และเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์ก็ถูกยึด ความจริงก็ถูกเหวี่ยงลงพื้นดิน และเขานั้นก็เจริญขึ้นในกิจการของมัน”

   (And a host will be given over to it together with the regular burnt offering because of transgression, and it will throw truth to the ground, and it will act and prosper.)

8:13 “แล้วข้าพเจ้าได้ยินผู้บริสุทธิ์ท่านหนึ่งพูดอยู่ ผู้บริสุทธิ์อีกท่านหนึ่งมาพูดกับท่านที่พูดอยู่นั้นว่า “นิมิตที่เกี่ยวกับเครื่องเผาบูชาเนืองนิตย์จะอยู่อีกนานเท่าไร ทั้งเรื่องการละเมิดที่ทำให้เกิดการร้างเปล่า และเรื่องการยกสถานนมัสการให้ไป และเรื่องบริวารที่ถูกเหยียบย่ำลง?” 

 (Then I heard a holy one speaking, and another holy one said to the one who spoke, “For how long is the vision concerning the regular burnt offering, the transgression that makes desolate,  and the giving over of the sanctuary and host to be trampled underfoot?” )

8:14 “ท่านผู้นั้นตอบข้าพเจ้าว่า “อยู่นาน 2,300 เวลาเย็นและเวลาเช้า แล้วสถานนมัสการนั้นจะกลับสู่สภาพอันควร

 (And he said to me, “For 2,300 evenings and mornings. Then the sanctuary shall be restored to  its rightful state.)

8:15 “เมื่อข้าพเจ้าดาเนียลได้เห็นนิมิตนั้นแล้ว ข้าพเจ้าก็พยายามเข้าใจ และดูเถิด มีผู้หนึ่งเหมือนมนุษย์ยืนอยู่หน้าข้าพเจ้า”

  (When I, Daniel, had seen the vision, I sought to understand it. And behold, there stood before me one having the appearance of a man.)

8:16 “และข้าพเจ้าได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งจากกลางแม่น้ำอุลัย และเสียงนั้นร้องว่า “กาเบรียลเอ๋ย จงทำให้ชายคนนี้เข้าใจนิมิตนั้นเถิด” 

  (And I heard a man’s voice between the banks of the Ulai, and it called, “Gabriel, make this man understand the vision.) 

8:17 “ดังนั้น ท่านจึงมาใกล้ที่ซึ่งข้าพเจ้ายืนอยู่ และเมื่อท่านมาแล้ว ข้าพเจ้าก็ตกใจซบหน้าลงถึงดิน แต่ท่านกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “โอ มนุษย์เอ๋ย จงเข้าใจเถิดว่า นิมิตนั้นเป็นเรื่องของกาลอวสาน

  (So he came near where I stood. And when he came, I was frightened and fell on my face. But he said to me, “Understand, O son of man, that the vision is for the time of the end.)

18:18 “เมื่อท่านกำลังพูดอยู่กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ซบหน้าติดดินและสลบไป แต่ท่านแตะต้องข้าพเจ้า ให้ข้าพเจ้ายืนขึ้น”

   (And when he had spoken to me, I fell into a deep sleep with my face to the ground. But he touched me and made me stand up.)

18:19 “ท่านกล่าวว่า “นี่แน่ะ ข้าพเจ้าจะทำให้ท่านทราบถึงสิ่งซึ่งจะเกิดขึ้นภายหลังในช่วงเวลาแห่งพระพิโรธ เพราะมันเกี่ยวกับวาระกำหนดแห่งอวสาน”

    (He said, “Behold, I will make known to you what shall be at the latter end of the indignation, for it refers to the appointed time of the end.) 

18:20 “เรื่องแกะผู้มีสองเขาที่ท่านเห็นนั้นคือกษัตริย์ของคนมีเดียและคนเปอร์เซีย 

   (As for the ram that you saw with the two horns, these are the kings of Media and Persia.)

18:21 “และแพะผู้คือกษัตริย์ของกรีก และเขาใหญ่ระหว่างนัยน์ตาคือกษัตริย์องค์แรก

   (And the goat is the king of Greece. And the great horn between his eyes is the first king.) 

18:22  “ส่วนเขาที่หัก และมีอีกสี่ขางอกขึ้นแทนนั้น คืออาณาจักรสี่อาณาจักรจะเกิดขึ้นจากชาตินั้น แต่จะมีอำนาจน้อยกว่าเขาแรกนั้น”

   (As for the horn that was broken, in place of which four others arose, four kingdoms shall arise from his nation, but not with his power.)

18:23 “ตอนปลายรัชสมัยของเขาทั้งหลายนั้น เมื่อผู้ละเมิดได้ทำความชั่วเต็มขนาดแล้ว จะมีพระราชาพระพักตร์ดุร้ายองค์หนึ่งเกิดมา ท่านชำนาญในการคิดกลอุบาย”

    (And at the latter end of their kingdom, when the transgressors have reached their limit, a king of bold face, one who understands riddles, shall arise. )

18:24 “อำนาจของท่านจะใหญ่โตมาก และท่านจะทำให้เกิดความพินาศอย่างน่ากลัว ท่านก็เจริญขึ้นในงานที่ท่านทำ ท่านจะทำลายคนที่มีกำลังมาก และประชาชนของบรรดาผู้บริสุทธิ์”

   (His power shall be great—but not by his own power; and he shall cause fearful destruction and shall succeed in what he does, and destroy mighty men and the people who are the saints.)

18:25 “ด้วยความฉลาดของท่าน ท่านจะทำให้การล่อลวงแพร่ขยายขึ้นด้วยน้ำมือของท่าน ท่านจะคิดว่าตัวท่านเองนั้นยิ่งใหญ่ท่านจะทำลายคนมากมายโดยไม่มีคำเตือนก่อน แล้วจะลุกขึ้นต่อสู้กับจอมเจ้านาย แต่ท่านจะต้องถูกหักทำลายไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์”

  (By his cunning he shall make deceit prosper under his hand, and in his own mind he shall become great. Without warning he shall destroy many. And he shall even rise up against the Prince of princes, and he shall be broken—but by no human hand. )

18:26 “นิมิตเรื่องเวลาเย็นและเวลาเช้าซึ่งบอกเล่านั้นเป็นความจริง แต่จงปิดบังนิมิตนั้นไว้ เพราะเป็นเรื่องของอีกหลายวันข้างหน้า

    (The vision of the evenings and the mornings that has been told is true, but seal up the vision,  for it refers to many days from now.)

18:27 “และข้าพเจ้าดาเนียลก็อ่อนเพลีย และนอนป่วยอยู่หลายวัน แล้วข้าพเจ้าก็ลุกขึ้น ไปปฏิบัติราชการของพระราชาต่อไป แต่ข้าพเจ้าไม่สบายใจเพราะนิมิตนั้น และไม่เข้าใจเรื่องราวเลย”

    (And I, Daniel, was overcome and lay sick for some days. Then I rose and went about the king’s business, but I was appalled by the vision and did not understand it.)

 

ข้อมูลมีประโยชน์

8:1       “ในปีที่สามแห่งรัชกาลกษัตริย์เบลชัสซาร์” (In the third year of the reign of King Belshazzar)

= ประมาณปี 551 ก.ค.ศ.  -เหตุการณ์ในบทที่ 8 นี้เกิดก่อนบทที่ 5  –ปท.ดนล.5:1

“นิมิต” (            vision) = พระเจ้าให้ดาเนียลมีความสามารถในการเข้าใจนิมิตและความฝันต่าง ๆ –ดนล.1:17

“ครั้งแรก” (the first) = เมื่อสองปีก่อน (7:1)

8:2       “สุสาเมืองป้อม” (Susa the citadel) = ป้อมชั้นในเมืองสุสา – อสร.4:9;อสธ.2:8

“ในมณฑลเอลาม” (the province of Elam) –อสธ.1:2;ปฐก.10:22

8:3       “ข้าพเจ้าเงยหน้าดู” (I raised my eyes) –บางฉบับแปลว่า “ข้าพเจ้ามองไป” –ดนล.10:5

“แกะผู้” (a ram)  =อาณาจักรมีเดีย – เปอร์เซีย(ข.20) –วว.13:11

“ข้างหนึ่งยาวกว่าอีกข้างหนึ่ง” (one was higher than the other) = แสดงถึงการที่เปอร์เซียมีอำนาจมากกว่าอีกมีเดีย (7:5)

8:4       “ไม่มีใครช่วยให้พ้นจากอำนาจของมันได้”(there was no one who could rescue from his power)

–อสย.41:3

“มันทำตามใจชอบ” (He did as he pleased) –ดนล.11:3,16

8:5       “แพะผู้ตัวหนึ่ง…เหาะข้ามพื้นพิภพมา” (a male goat … across the face of the whole earth) =กรีซ

“มีเขาเด่นอยู่ในระหว่างตา” (had a conspicuous horn between his eyes) = อเล็กซานเดอร์มหาราชซึ่งเป็นกษัตริย์องค์แรก (ข.21)

8:7       “ทำให้เขาทั้งสองมันหักไป” (broke his two horns) = กรีช บดขยี้พิชิตมีเดียและเปอร์เซีย จนย่อยยับ

“มันเหวี่ยงแกะผู้ลงที่ดินและเหยียบเสีย”(he cast him down to the ground and trampled on him)

= แพะเหยียบย่ำแกะ และไม่มีใครช่วยแกะได้ -ดนล.7:7;11:11,16

8:8       “เขาใหญ่ของมันก็หัก” (the great horn was broken) = การตายของอเล็กซานเดอร์มหาราช ในขณะที่พระองค์กำลังรุ่งเรืองที่สุด (ราว ๆ  ปี 323 ก.ค.ศ.) – 2พศด.26;16-21;ดนล.5:20

          “มีเขาเด่นอีกสี่เขางอกขึ้นแทนที่” (instead of it there came up four conspicuous horns)

= ตรงกับสี่หัวใน 7:6

          “หันไปทางทิศลมทั้งสี่ของฟ้าสวรรค์” (toward the four winds of heaven)  -ดนล.7:2;วว.7:1

8:9       “และมีเขาเล็กๆ เขาหนึ่งงอกออกมาจากเขาหนึ่งในบรรดาเขาเหล่านี้” (Out of one of them came a little horn) –ดนล.7:8

“เขาเล็กๆ” ในที่นี้ ไม่ได้เกิดออกมา เขาซึ่งเป็นอาณาจักรที่สี่ (เหมือนใน 7:8) แต่เกิดจาก 1 ใน 4 เขาของอาณาจักรที่ 3

-เขาที่เริ่มงอกออกมาเล็ก ๆ นี้หมายถึง อันทิโอคัส (ที่4) เอปิฟาเนส ซึ่งเป็นผู้ที่พยายามทำลายล้างความเชื่อศรัทธาของชาวยิวในปลาย ๆ รัชสมัยของพระองค์ (168-164 ก.ค.ศ.)

-พระองค์เป็นต้นแบบของสัตว์ร้ายที่โหดเหี้ยมกว่านี้มากกว่าในปลายยุคสุดท้าย ที่เรียกว่า “ปฏิปักษ์ของพระคริสต์” ซึ่งใน 7-8 ก็เอ่ยถึงว่าเป็น “เขาเล็ก ๆ” ด้วย

“แผ่นดินอันรุ่งโรจน์”(the glorious land) –ในบางฉบับแปลว่า “ดินแดนอันงดงาม” –อสค.20:6;

ดนล.11:16  = อิสราเอล (ข.9;ยรม.3:19)

8:10     “มันงอกขึ้นใหญ่โต …เหวี่ยงบริวารคือ ดวงบางดวงลงมา” (It grew great… some of the host and some of the stars it threw down) –อสย.14:13   = อันทิโอคัส จะแผ่อำนาจมาเหนืออิสราเอล และกวาดล้างผู้ที่ดำเนินอยู่ในทางของพระเจ้า (บริวารแห่งฟ้าสวรรค์)ที่นั่น

          “เหยียบย่ำเสีย” (trampled on them ) = ซึ่งจะทำให้หลายคนต้องตายเพราะความเชื่อศรัทธา

– วว.8:10;12:4;ดนล.7:7

8:11     “มันโตขึ้นอีกจนถึงเจ้านายแห่งบริวาร” (It became great, even as great as the Prince of the host) = ตัวของอันทิโอคัสจะฮึกเหิมยกตนเสมอพระเจ้า (ข.11) และสั่งให้หยุดถวายเครื่องบูชาประจำวันแด่พระเจ้า (อสค.46:13-14)

          “ถูกทำให้เสื่อม” (was overthrown) = ทำให้สถานนมัสการพระเจ้าตกต่ำลง (ดนล.11:31;12:11)

= เป็นเหตุให้ในเวลาต่อมายูดาส มัคคาบีนำกำลังเข้ายึดเยรูซาเล็มคืนและอุทิศถวายวิหารต่อพระเจ้าอีกครั้ง (ข.14) ในราวเดือนธันวาคม 165 ก.ค.ศ. ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของเทศกาลฮานุคคาห์ (ปท. ยน.10:22)  ซึ่งชาวยิวเฉลิมฉลองมาจนถึงทุกวันนี้

8:12     “ความจริงก็ถูกเหวี่ยงลงพื้นดิน” (and it will throw truth to the ground) – อสย.48:1

8:13     “ผู้บริสุทธิ์ท่านหนึ่ง” (holy one speaking) = ทูตสวรรค์

“นิมิต…จะอยู่อีกนานเท่าไร” (For how  long is the vision) = อีกนานแค่ไหน นิมิตเรื่องการละเมิดกบฏต่อพระเจ้า และการเหยียบย่ำประชากรของพระองค์จะเกิดขึ้นตามกำหนด –อสย.28:18;ลก.21:24;วว.11:2;ดนล.12:6

8:14     “อยู่นาน 2300 เวลาเย็นและเวลาเช้า” (For 2,300 evenings and mornings) = ปกติจะมีการเผาเครื่องบูชาประจำวันอยู่ 2 อย่าง -9:21;อพย.29:38-39 ซึ่งแสดงถึงการยกโทษบาปต่อชนชาติอิสราเอลทั้งหมด

คำว่า “2300” นี้ น่าจะหมายถึงจำนวนเครื่องบูชาที่ถวาย 1150 วัน ซึ่งเป็นช่วงเวลา(ระหว่างวัน) ที่อันทิโอคัส ทำให้แท่นบูชาของพระเจ้าเป็นมลทิน จนถึงวันที่ยูดาสมัคคาบีอุทิศถวายวิหารใหม่ในวันที่ 25 เดือนคิสเลฟ ปี 165 ก.ค.ศ.

8:15     “เมื่อข้าพเจ้าดาเนียลให้เห็นนิมิตนั้นแล้ว” (When I, Daniel, had seen the vision) –ดนล.8:1

“ผู้หนึ่งเหมือนมนุษย์” (  one having the appearance of a man) –อสค.2:1;ดนล.10:16-18

8:16     “แม่น้ำอุลัย” (the banks of the Ulai) –ดนล.8:2

“กาเบรียลเอ๋ย” (Gabriel) =ทูตสวรรค์ (ลก.1:19;ดนล.9:21)

“จงทำให้ชายคนนี้เข้าใจนิมิตนั้นเถิด” (make this man understand the vision) –ดนล.7:16

8:17     “ตกใจซบหน้าลงถึงดิน” (I was frightened and fell on my face  ) = ตกใจกลัว และล้มตัวลงกราบ

– อสค.1:28;44:4;ดนล.2:46;วว.1:17

“นิมิตนั้นเป็นเรื่องของการอวสาน” (that the vision is for the time of the end) –ดนล.8:19;ฮบก.2:3

8:18     “ซบหน้าติดดิน” (my face to the ground) –ดนล.10:9

“แตะต้องข้าพเจ้าให้ข้าพเจ้ายืนขึ้น” (touched me and made me stand up) = พยุงให้ยืนขึ้น

–อสค.2:2;ดนล.10:16-18;ศคย.4:1

8:19     “ช่วงเวลาแห่งพระพิโรธ” (the latter end of the indignation) –อสย.10:25

“วาระกำหนดแห่งอวสาน” (the appointed time of the end) –สดด.102:13;ฮบก.2:3

8:20     “กษัตริย์ของคนมีเดียและคนเปอร์เซีย” (the kings of Media and Persia.) –อสค.27:10

8:21     “กษัตริย์ของกรีก”(the king of Greece) –ดนล.10:20;  “กษัตริย์องค์แรก” (the first king) –ดนล.11:3

8:23-25 = เนื้อหาที่บรรยายถึงลักษณะของอันทิโอคัสที่ 4 และการใช้กลอุบายขึ้นสู่การครอบครองอำนาจ เพราะว่าเขาไม่ใช่เป็นผู้มีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์โดยตรงของราชวงศ์เซลูซิด

8:24     “จะทำลายคนที่มีกำลังมาก และประชากรของบรรดาผู้บริสุทธิ์” (destroy mighty men and the people who are the saints.) ดนล.7:25;11:36

8:25     “ทำให้การล่อลวงแพร่ขยายขึ้น” (make deceit prosper  ) –ดนล.11:23

“คิดว่าตัวเองนั้นยิ่งใหญ่” (his own mind he shall  become great) = ถือว่าตัวเองเหนือกว่าผู้อื่น

-อันทิโอคัส 4 เรียกตัวเองว่า เอปิเฟเนส (พระเจ้าสำแดง)

                    “จอมเจ้านาย” (Prince of princes) = พระเจ้า

“จะถูกหักทำลาย ไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์” (shall be broken—but by no human hand) = อันทิโอคัสตายในปี 164 ก.ค.ศ. ที่เมืองทาแบในเปอร์เซีย เพราะโรคร้ายหรืออุบัติเหตุซึ่งพระเจ้าใช้ในการทำลายเขา

8:26     “นิมิตเรื่องเวลาเย็นและเวลาเช้าซึ่งบอกเล่านั้นเป็นความจริง” ( The vision of the evenings and the mornings that has been told is true) –ดนล.10:1

          “จงปิดบังนิมิตนั้นไว้” (seal up the vision) = บางฉบับแปลว่า “จงประทับตราเก็บไว้”

–อสย.8:16;29:11;วว.10:4;22:10

“เป็นเรื่องของอีกหลายวันข้างหน้า” (for it refers to many days from now) = บางฉบับแปลว่า “เกี่ยวกับอนาคตอันไกล” –ดนล.10:14

8:27     “อ่อนเพลียและนอนป่วย” (was overcome and lay sick) –ดนล.10:8

“ปฏิบัติราชการของพระราชา” (about the king’s business) = ปฏิบัติหน้าที่ถวายกษัตริย์ –ดนล.2:48

          “ไม่สบายใจ” (appalled) = วิตกกังวล –อสย.21:3;ดนล.4:19

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยได้รับหรือเห็นนิมิตมากกว่า 1 ครั้ง หรือไม่? เรื่องอะไรบ้าง? แล้วคุณทำอะไรตอบสนองบ้าง?
  2. คุณจดจำนิมิตเรื่องอะไรได้ชัดเจนที่สุดในชีวิตของคุณ และความทรงจำนั้นส่งผลอะไรต่อชีวิตของคุณในปัจจุบันนี้บ้าง?
  3. การที่คุณได้รับรู้หรือเรียนรู้ว่า ไม่มีใครใหญ่ค้ำฟ้าได้ตลอดไป สอนบทเรียนอะไรแก่คุณเป็นพิเศษในการทำงาน และการดำเนินชีวิต?
  4. ความหยิ่งผยองมักนำเอาความหายนะมาสู่ตัวเองและคนรอบตัว คุณเคยเสียใจ เจ็บปวด หรือเสียหายเพราะความหยิ่งผยองของคุณบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร?
  5. คุณเคยเสียหายหรือเจ็บปวดเพราะความหยิ่งผยองของคนอื่นบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? อย่างไร?
  6. คุณเคยมีประสบการณ์กับการได้พบทูตสวรรค์หรือคนบางคนที่เหมือนทูตสวรรค์ในชีวิตจริงของคุณบ้างหรือไม่? (แบ่งปัน)
  7. คุณเคยตกใจกลัวจนมือไม้หรือเข่าอ่อนบ้างไหม? เรื่องอะไร? แล้วคุณผ่านมาได้อย่างไร?
  8. คุณกระตือรือร้นอยากทราบเหตุการณ์ในอนาคต(ไกล)บ้างหรือไม่? ทำไม?
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

 

  • คุณเคยถูกหลอกลวงหรือเห็นใครถูกหลอกเพราะคนบางคนที่อ้างว่ารู้อนาคตบ้างหรือไม่? อย่างไร?

 

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมดาเนียล บทที่ 7

ความฝัน  VS สัตว์ 4 ชนิด

พระธรรม        ดาเนียล 7:1-28

อ้างอิง             ดนล.1:17;2:21,39-44;4:13-19;5:1;7:22;8:9,24;11:36

บทนำ

ไม่ว่าเราจะเชื่อพระเจ้ามาแล้วนานสักเพียงใด ก็ยังมีเรื่องที่เราไม่รู้และไม่เข้าใจในพระสติปัญญา และแผนการของพระองค์อยู่มากมาย เราจึงต้องจัดเวลาอย่างมีวินัยในการเรียนรู้จักความจริงและพระทัยของพระองค์ ผ่านการศึกษาพระคัมภีร์ด้วยกัน

ในพระคัมภีร์มีทั้งเรื่องราวที่เข้าใจง่าย ในขณะที่เดียวกันก็มีบางเรื่องที่เข้าใจยาก แต่สิ่งที่เราต้องมีก็คือ ความเชื่อฟังต่อพระวจนะของพระองค์ด้วยความศรัทธาอย่างวางใจ และทำตามนั้น เพราะนั่นคือ มาตรการที่ปลอดภัยที่สุดในชีวิตของเรา!

 บทเรียน

7:1 “ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลเบลชัสซาร์กษัตริย์บาบิโลน ดาเนียลมีความฝันและนิมิตในศีรษะของท่าน เมื่อท่านนอนบนที่นอนท่านจึงบันทึกความฝันนั้นไว้ และบรรยายเนื้อเรื่องนั้น” 

 (In the first year of Belshazzar king of Babylon, Daniel saw a dream and visions of his head as he lay in his bed. Then he wrote down the dream and told the sum of the matter. )

7:2 “ดาเนียลกล่าวว่า “ในนิมิตเวลากลางคืน ข้าพเจ้าได้เห็น นี่แน่ะ ลมทั้งสี่ของฟ้าสวรรค์ได้ปลุกปั่นทะเลใหญ่นั้น” 

(Daniel declared, “I saw in my vision by night, and behold, the four winds of heaven were stirring up the  great sea.)

7:3 “และสัตว์มหึมา 4 ตัวได้ออกมาจากทะเล มีลักษณะต่างกัน”

 (And four great beasts came up out of the sea, different from one another.)

7:4 “ตัวแรกเหมือนสิงโตมีปีกนกอินทรี เมื่อข้าพเจ้ามองดูนั้น ปีกก็ถูกฉีกออกไป และมันถูกยกขึ้นจากแผ่นดิน ให้ยืนสองเท้าเหมือนมนุษย์ และใจของมนุษย์ถูกมอบให้มัน”

 (The first was like a lion and had eagles’ wings. Then as I looked its wings were plucked off, and it was lifted up from the ground and made to stand on two feet like a man, and the mind of a man was given to)

7:5 “แล้วมีสัตว์อีกตัวหนึ่งเป็นตัวที่สองเหมือนหมี มันขยับตัวข้างหนึ่งขึ้น มีกระดูกซี่โครงสามซี่อยู่ในปากของมันระหว่างซี่ฟัน มีเสียงบอกมันว่า ‘จงลุกขึ้นกินเนื้อให้มากๆ’ 

  (And behold, another beast, a second one, like a bear. It was raised up on one side. It had three ribs in its mouth between its teeth; and it was told, ‘Arise, devour much flesh.’ )

7:6 “ต่อจากนั้น ข้าพเจ้าได้มองดู นี่แน่ะ สัตว์อีกตัวหนึ่งเหมือนเสือดาว บนหลังมีปีกนกสี่ปีก สัตว์นั้นมีหัวสี่หัว และอำนาจปกครองถูกมอบให้มัน”

 (After this I looked, and behold, another, like a leopard, with four wings of a bird on its back. And the beast had four heads, and dominion was given to it. )

7:7 “ต่อจากนั้น ในนิมิตเวลากลางคืน ข้าพเจ้าได้เห็นสัตว์ตัวที่สี่มันร้ายกาจ น่ากลัว และแข็งแรงยิ่งนัก มันมีฟันเหล็กมหึมา มันกินและหักเป็นชิ้นๆ และกระทืบสิ่งที่เหลือกินนั้นเสีย มันต่างกับสัตว์อื่นทั้งหมดที่อยู่ก่อนมัน มันมีเขาสิบเขา” 

(After this I saw in the night visions, and behold, a fourth beast, terrifying and dreadful and exceedingly strong. It had great iron teeth; it devoured and broke in pieces and stamped what was left with its feet. It was different from all the beasts that were before it, and it had ten horns.)

7:8 “ขณะที่ข้าพเจ้าพิเคราะห์เรื่องเขาเหล่านั้น นี่แน่ะ มีเขาเล็กๆ อีกเขาหนึ่งงอกขึ้นมาท่ามกลางเขาเหล่านั้น เขารุ่นแรกสามเขา ได้ถูกถอนรากออกไปต่อหน้ามัน ในเขาอันนี้มีตาเหมือนตามนุษย์ มีปากพูดคุยโว”

  (I considered the horns, and behold, there came up among them another horn, a little one, before which three of the first horns were plucked up by the roots. And behold, in this horn were eyes like the eyes of a man, and a mouth speaking great things.)

7:9 “ขณะที่ข้าพเจ้ายืนดูอยู่มีหลายบัลลังก์มาตั้งไว้ และผู้หนึ่งซึ่งเจริญด้วยวัยวุฒิมาประทับ ฉลองพระองค์ขาวอย่างหิมะพระเกศาบนพระเศียรเหมือนขนแกะขาวสะอาด พระบัลลังก์ของพระองค์เป็นเปลวเพลิง กงจักรของบัลลังก์นั้นเป็นไฟลุก”

  (“As I looked, thrones were placed, and the Ancient of Days took his seat; his clothing was white as snow,  and the hair of his head like pure wool; his throne was fiery flames; its wheels were burning fire.)

7:10 “ธารไฟพุ่งออก และไหลออกมาเฉพาะพระพักตร์พระองค์ คนนับแสนๆ ปรนนิบัติพระองค์ คนนับล้านๆ เข้าเฝ้าพระองค์ ผู้‍พิพากษาก็ขึ้นนั่งบัลลังก์ บรรดาหนังสือก็เปิดออก”

 (A stream of fire issued and came out from before him; a thousand thousands served him, and ten thousand times ten thousand stood before him; the court sat in judgment, and the books were  opened.)

7:11 “ข้าพเจ้าก็จ้องดู เพราะเขาเล็กนั้นคุยโว และเมื่อข้าพเจ้าจ้องดู สัตว์ตัวนั้นก็ถูกฆ่า และศพก็ถูกทำลายมอบให้เผาด้วยไฟ” 

(“I looked then because of the sound of the great words that the horn was speaking. And as I looked, the beast was killed, and its body destroyed and given over to be burned with fire.)

7:12 “ส่วนเรื่องสัตว์ที่เหลืออยู่นั้น อำนาจปกครองของพวกมันก็ถูกถอนไปเสีย แต่ชีวิตของพวกมันให้ยืดต่อไปถึงฤดูหนึ่ง และวาระหนึ่ง”

(As for the rest of the beasts, their dominion was taken away, but their lives were prolonged for a season and a time.)

7:13 “ข้าพเจ้าเห็นในนิมิตเวลากลางคืน นี่แน่ะ มีท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์มา พร้อมกับบรรดาเมฆของสวรรค์และท่านมา‍หาผู้เจริญด้วยวัยวุฒินั้น มีคนนำท่านมาเฝ้าเฉพาะพระพักตร์พระองค์”

 (“I saw in the night visions, and behold, with the clouds of heaven there came one like a son of man, and he came to the Ancient of Days and was presented before him.)

7:14 “ราชอำนาจ ศักดิ์ศรี กับราชอาณาจักรทรงมอบไว้กับท่าน เพื่อชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษา จะปรนนิบัติท่าน ราชอาณาจักรของท่านเป็นราชอาณาจักรนิรันดร์ซึ่งจะไม่มีที่สิ้นสุด และแผ่นดินของท่านเป็นแผ่นดิน ซึ่งจะไม่ถูกทำลายเลย”

  (And to him was given dominion and glory and a kingdom, that all peoples, nations, and Languages should serve him; his dominion is an everlasting dominion, which shall not pass away, and his kingdom one that shall not be destroyed.)

7:15 “ส่วนข้าพเจ้าคือดาเนียลจิตใจข้าพเจ้าเป็นทุกข์เพราะความฝันและนิมิตในศีรษะของข้าพเจ้าทำให้ข้าพเจ้าตกใจ” 

  (“As for me, Daniel, my spirit within me was anxious, and the visions of my head alarmed me.)

7:16 “ข้าพเจ้าเข้าไปใกล้ท่านผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ที่นั่น และถามความจริงของเรื่องราวนี้ ท่านก็บอกข้าพเจ้า และให้ข้าพเจ้ารู้ความ‍หมายของเรื่องเหล่านี้” 

 (I approached one of those who stood there and asked him the truth concerning all this. So he told me and made known to me the interpretation of the things.)

7:17 “‘สัตว์มหึมาทั้งสี่คือ กษัตริย์ 4 องค์ซึ่งเกิดมาจากแผ่นดินโลก”

 (‘These four great beasts are four kings who shall arise out of the earth.) 

7:18 “แต่บรรดาผู้บริสุทธิ์ขององค์ผู้สูงสุดจะรับราชอาณาจักร และถือกรรมสิทธิ์ราชอาณาจักรนั้นสืบๆ ไปเป็นนิตย์นิรันดร์’”

 (But the saints of the Most High shall receive the kingdom and possess the kingdom forever,  forever and ever.’)

7:19 “แล้วข้าพเจ้าก็อยากทราบความจริงเกี่ยวกับสัตว์ตัวที่สี่นั้นซึ่งผิดแปลกจากสัตว์อื่นๆ ทั้งสิ้น ร้ายกาจเหลือเกินมีฟันเหล็ก  และเล็บเท้าทองสัมฤทธิ์ ซึ่งกินและฉีกเป็นชิ้นๆ และกระทืบสิ่งที่เหลือนั้นเสีย” 

  (“Then I desired to know the truth about the fourth beast, which was different from all the rest, exceedingly  terrifying, with its teeth of iron and claws of bronze, and which devoured and broke in pieces and stamped  what was left with its feet, )

7:20 “และเกี่ยวกับเขาสิบเขา ซึ่งอยู่บนหัวของมัน และเขาอีกเขาหนึ่งซึ่งงอกขึ้นมาต่อหน้าเขารุ่นแรกสามเขาที่หลุดไป เขาซึ่งมีตาและมีปากที่พูดคุยโว และซึ่งดูเหมือนจะใหญ่โตกว่าเพื่อน” 

  (and about the ten horns that were on its head, and the other horn that came up and before which three of them fell, the horn that had eyes and a mouth that spoke great things, and that seemed greater than its companions.)

7:21 “เมื่อข้าพเจ้ามองดู เขานี้ทำสงครามกับบรรดาผู้บริสุทธิ์และชนะ” 

  (As I looked, this horn made war with the saints and prevailed over them, )

7:22 “จนกว่าผู้เจริญด้วยวัยวุฒิเสด็จมาถึง การพิพากษาถูกมอบให้แก่บรรดาผู้บริสุทธิ์ขององค์ผู้สูงสุดนั้น และเวลากำหนดได้มาถึงที่บรรดาผู้บริสุทธิ์จะรับราชอาณาจักร”

  (until the Ancient of Days came, and judgment was given for the saints of the Most High, and the time came when the saints possessed the kingdom.)

7:23 “ท่านผู้นั้นกล่าวดังนี้ว่า ‘เรื่องสัตว์ตัวที่สี่นั้น จะมีราชอาณาจักรที่สี่บนพิภพ ซึ่งจะผิดกับราชอาณาจักรทั้งสิ้นและจะกินทั้งพิภพนี้เสีย และเหยียบพิภพลง และทำให้เป็นชิ้นๆ”

  (“Thus he said: ‘As for the fourth beast, there shall be a fourth kingdom on earth, which shall be different  from all the kingdoms, and it shall devour the whole earth, and trample it down, and break it to pieces.)

7:24 “ส่วนเรื่องเขาสิบเขานั้น จากราชอาณาจักรนี้จะมีกษัตริย์ 10 องค์เกิดขึ้น และมีกษัตริย์อีกองค์หนึ่งเกิดขึ้นภายหลังแตก‍ต่างจากกษัตริย์ที่มีมาก่อน และจะโค่นกษัตริย์เสีย 3 องค์”

 (As for the ten horns, out of this kingdom ten kings shall arise, and another shall arise after them; he shall be different from the former ones, and shall put down three kings.)

7:25 “ท่านจะพูดคำกล่าวร้ายองค์ผู้สูงสุด และจะข่มเหงบรรดาผู้บริสุทธิ์ขององค์ผู้สูงสุดนั้น และจะคิดเปลี่ยนแปลงวาระและธรรมบัญญัติต่างๆ และเขาทั้งหลายจะถูกมอบไว้ในมือของท่าน ตลอดหนึ่งวาระ สองวาระ กับครึ่งวาระ”

  (He shall speak words against the Most High, and shall wear out the saints of the Most High, and shall think to change the times and the law; and they shall be given into his hand for a time, times, and half a time.)

7:26 “แต่ผู้พิพากษาก็จะขึ้นนั่งบัลลังก์ และจะทรงนำเอาราชอำนาจของท่านไปเพื่อจะทรงเผาผลาญและทำลายเสียให้สิ้นสุด”

  (But the court shall sit in judgment, and his dominion shall be taken away, to be consumed and destroyed to the end.)

7:27 “และราชอาณาจักรกับราชอำนาจ และความยิ่งใหญ่แห่งบรรดาราชอาณาจักรภายใต้สวรรค์ทั้งสิ้น จะต้องถูกมอบไว้แก่บรรดาผู้บริสุทธิ์คือ ประชากรขององค์ผู้สูงสุดนั้น แผ่นดินของท่านเหล่านี้จะเป็นแผ่นดินนิรันดร์ และราชอาณาจักรทั้งสิ้นจะปรนนิบัติและเชื่อฟังท่านเหล่านี้’”

  (And the kingdom and the dominion and the greatness of the kingdoms under the whole heaven shall be  given to the people of the saints of the Most High; his kingdom shall be an everlasting kingdom, and all  dominions shall serve and obey him.’)

7:28 “เรื่องราวก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ส่วนข้าพเจ้าคือดาเนียล ความคิดของข้าพเจ้าก็ทำให้ข้าพเจ้าตกใจมาก และหน้าของข้าพ‌เจ้าก็ซีดไป แต่ข้าพเจ้าก็เก็บเรื่องราวนี้ไว้ในใจ

 (“Here is the end of the matter. As for me, Daniel, my thoughts greatly alarmed me, and my color changed,  but I kept the matter in my heart.”)

 

ข้อมูลมีประโยชน์

7:1       “ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลเบลชัสซาร์” (In the first year of Belshazzar king of Babylon) = ราว ๆ ปี 553 ก.ค.ศ. –ดนล.5:1

“ดาเนียลมีความฝันและนิมิต” (Daniel saw a dream and visions)= ฝันเห็นนิมิต–อสค.40:2;ดนล.1:17

“เมื่อท่านนอนบนที่นอน” (his head as he lay in his bed) = ขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ – สดด.4:4; ดนล.4:13

“ท่านจึงบันทึกความฝันนั้นไว้” (he wrote down the dream) –ยรม.36:4

7:2       “ลมทั้งสี่ของฟ้าสวรรค์” (the four winds of heaven) = ลมทั้ง 4 ทิศจากฟ้าสวรรค์ – อสค.37:9;ดนล.8:8;วว.7:1

“ทะเลใหญ่นั้น” (the great sea) = โลกที่มีประเทศและชนชาติต่าง ๆ (ข.3,17)

7:3       “สัตว์มหึมา 4 ตัว” (four great beasts) –วว.13:1;17:8

7:4       “ตัวแรกเหมือนสิงโต” (first was like a lion ) –2พกษ.24:1;สดด.7:2;ยรม.4:7;วว.13:2

“มีปีกนกอินทรี” (had eagles’ wings) –อสค.17:3

= ภาพของเครูบ ซึ่งเล็งถึงอาณาจักรบาบิโลน (ปฐก.3:34)

          “ปีกก็ถูกฉีกออกไป…” (its wings were plucked off) = พรรณนาถึงความตกต่ำของเนบูคัดเนสซาร์ ที่บันทึกไว้ในบทที่ 4

7:5       “ตัวที่สองเหมือนหมี มันขยับตัวข้างหนึ่งขึ้น” (a second one, like a bear. It was raised up on one side) = เปอร์เซียที่กำลังเข้าสู่สภาวะอันยิ่งใหญ่ในกลุ่มพันธมิตรมีเดีย – เปอร์เซีย

“มีกระดูกซี่โครง 3 ซี” (It had three ribs) = วลีนี้สามารถแปลได้อีกว่า “มีงาสามกิ่ง”

= อาจหมายถึง 3 อาณาจักรใหญ่ที่เปอร์เซีย พิชิตได้แก่  ลิเดีย (546 ก.ค.ศ.) , บาบิโลน (539 ก.ค.ศ.) และอียิปต์ (525 ก.ค.ศ.)

“จงลุกขึ้นกินเนื้อให้มาก ๆ” (‘Arise, devour much flesh) =  บางฉบับแปลว่า “ลุกขึ้นเถิด จงกินเนื้อให้อิ่ม” –ดนล.2:39

7:6       “สัตว์อีกตัวหนึ่งเหมือนเสือดาว” (another, like a leopard) = หมายถึง อเล็กซานเดอร์มหาราช (กรีก) (334-330 ก.ค.ศ.)

“บนหลังมีปีกนกสี่ปีก” (with four wings of a bird on its back) = ความรวดเร็วในการพิชิตศึกของกรีกเหมือนพยัคฆ์ติดปีก

“มีหัวสี่หัว” (the beast had four heads) = เล็งถึงอาณาจักรกรีกที่ต่อมาแตกออกเป็น 4 ส่วนใหญ่ ๆ หลังอเล็กซานเดอร์สิ้นพระชนม์ก่อน เวลาอันควรในปี 323 ก.ค.ศ. (8:22)

ดินแดนทั้ง 4 คือ

  1. มาเซดอน และกรีก (ปกครองโดยอันทิพาเทอร์ และคาสซันเดอร์)
  2. เธรส และเอเชียน้อย (ปกครองโดยไลซิมาคัส)
  3. ซีเรีย (ปกครองโดยเซลูคัสที่ 1)
  4. อียิปต์ (ปกครองโดย ทอเลมี ที่ 1)

“อำนาจปกครองถูกมอบให้มัน” (dominion was given to it.) –วว.13:2

7:7       “ในนิมิตยามกลางคืน” (the night visions)  -อสค.40:2

“สัตว์ตัวที่สี่ มันร้ายกาจ น่ากลัว และแข็งแรงยิ่งนัก” (a fourth beast, terrifying and dreadful and exceedingly strong) = จักรวรรดิโรม ที่มีพลังอำนาจด้วยกองทัพที่แข็งแกร่งกว่าทุกอาณาจักรที่มาก่อนหน้า (ปท.11:30) ;  “มีฟันเหล็กมหึมา” (It had great iron teeth) –ดนล.2:40-43

“กระทืบสิ่งที่เหลือกินนั้นเสีย” ( stamped what was left with its feet) –ดนล.8:7,10 = เหยียบย่ำจนแหลกลาญ

“มันมีเขาสิบเขา” (it had ten horns) = แสดงถึงอำนาจอันยิ่งใหญ่ไพศาลของอาณาจักรโรม  –วว.12:3;13:1   = ตรงนิ้วเท้าทั้งสิบใน  ดนล.2:41-42

7:8       “มีเขาเล็ก ๆ อีกเขาหนึ่งงอกขึ้นมา” (them another horn, a little one) = นักวิชาการส่วนหนึ่งตีความว่า นี่เล็กถึงปฏิปักษ์ของพระคริสต์ (หรือมหาอำนาจของโลกซึ่งมีลักษณะเป็นปฏิปักษ์ต่อพระคริสต์)

“มีตาเหมือนตามนุษย์” (eyes like the eyes of a man) –วว.9:7

“มีปากพูดคุยโว” (a mouth speaking great things) –วว.13:5-6;ดนล.11:36;2ธส.2:4;สดด.12:3

7:9       “มีหลายบัลลังก์มาตั้งไว้” (thrones were placed) –วว.20:4

“ผู้หนึ่งซึ่งเจริญด้วยวัยวุฒิมาประทับ” (the Ancient of Days took his seat) = ในบางฉบับแปลว่า

“องค์ผู้ดำรงอยู่ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ประทับที่บัลลังก์ของพระองค์”  -ดนล.7:22

= หมายถึงพระเจ้า –1พกษ.22:19;2พศด.18:18;มธ.19:28;วว.4:2;20:4

“ฉลองพระองค์ขาวเหมือนหิมะ” (his clothing was white as snow)  = เสื้อผ้า –มธ.28:3

“พระเกศา” (the hair)  = ผม

“เหมือนขนแกะขาวสะอาด” (his head like pure wool) –วว.1:14;อสค.1:15;10:6

“บัลลังก์….กงจักร” (his throne …wheels) –อสค.1:15-21,26-27 -กงจักรในที่นี้คือ ล้อ

7:10    “ธารไฟ” (stream of fire) = แม่น้ำเพลิง –สดด.50:3;97:3;อสย.30:27

“เฉพาะพระพักตร์พระองค์” (came out from before him) = เบื้องพระพักตร์ของพระองค์ –ฉธบ.33:2; สดด.68:17;ยด.1:14;วว.5:11

          “คนนับแสน  ๆ …คนนับล้าน ๆ“ (a thousand thousands …ten thousand)  –วว.20:12;1ซมอ.18:7

= บรรดาเหล่าทูตสวรรค์ทั้งหลาย

“ผู้พิพากษาก็ขึ้นบัลลังก์ บรรดาหนังสือก็เปิดออก” (the court sat in judgment, and the books were opened) = การพิจารณาคดีเริ่มขึ้น –วว.20:12

7:11     “เขาเล็กนั้นคุยโว” (the horn was speaking) = พูดโอ้อวด –วว.13:5-6

“สัตว์ตัวนั้นก็ถูกฆ่า และศพก็ถูกทำลายมอบให้เผาด้วยไฟ” (the beast was killed, and its body destroyed and given over to be burned with fire) –วว.19:20

7:13     “มีท่านผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์มา” (there came one like a son of man) –มธ.24:30;26:64;มก.8:31; 13:26;14:62;ลก.21:27;วว.1:7,13;14:14

= นี่เป็นครั้งแรกที่กล่าวถึงพระเมสสิยาห์ว่า เป็นมนุษย์ (ซึ่งต่อมาองค์พระเยซูคริสต์ทรงใช้เรียกพระองค์เอง นักวิชาการพระคัมภีร์กลุ่มหนึ่งเชื่อว่า พระคริสต์จะได้ประทับบนบัลลังก์ปกครองโลกนี้  และอาณาจักรของพระองค์จะไม่มีวันถูกทำลาย(เหมือนอาณาจักรอื่น ๆ ที่มาก่อนหน้า) –ข.14

“พร้อมกับบรรดาเมฆของสวรรค์” (with the clouds of heaven) = เสด็จมาพร้อมกับหมู่เมฆแห่งฟ้าสวรรค์  –มก.14:62;วว.1:7

“ผู้เจริญด้วยวัยวุฒิ” (he came to the Ancient of Days) = พระเจ้าผู้ดำรงอยู่ตั้งแต่ดึงดำบรรพ์

7:14     “ราชอำนาจ ศักดิ์ศรี กับราชอาณาจักร ทรงมอบไว้กับท่าน” (given dominion and glory and a kingdom) = บางฉบับแปลว่า “พระองค์ได้รับสิทธิอำนาจ เกียรติสิริและอำนาจปกครองสูงสุด”

–มธ.28:18

          “เพื่อชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษาจะปรนนิบัติท่าน” (that all peoples, nations, and languages should serve him) –วว.11:15  = บางฉบับแปลว่า “ชาวโลกทุกชาติทุกภาษา นมัสการพระองค์”

“ราชอาณาจักรของท่านเป็นราชอาณาจักรนิรันด์ซึ่งจะไม่มีที่สิ้นสุด” (his kingdom one that shall not be destroyed) =จะไม่มีวันถูกทำลาย (ข.14) –ดนล.2:44;ฮบ.12:28;วว.11:15

7:15     “ทำให้ข้าพเจ้าตกใจ” (alarmed me) = ทำให้ข้าพเจ้าว้าวุ้นสับสน –โยบ 4:15;ดนล.4:19

7:16     “ผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ที่นั่น” (who stood there) = ทูตสวรรค์

“ทำให้ข้าพเจ้ารู้ความหมายของเรื่องเหล่านี้” (made known to me the interpretation of the things)

= อธิบายความหมายของสิ่งทั้งปวงนี้ให้เข้าใจ –ดนล.8:16;9:22;ศคย.1:9

7:17     “สัตว์มหึมาทั้งสี่คือกษัตริย์สี่องค์” (These four great beasts are four kings) ในบางฉบับแปลว่า

สัตว์มหึมาทั้งสี่คืออาณาจักรทั้งที่จะรุ่งเรืองขึ้นในโลก” -2:38-43

“แผ่นดินโลก” (the earth)  = ประเทศและชนชาติต่าง ๆ เปรียบเป็น “ทะเลใหญ่” ในข้อ 2-3

7:18     “แต่บรรดาผู้บริสุทธิ์ขององค์สูงสุด” (But the saints of the Most High ) = ผู้ที่เชื่อศรัทธาและติดตามพระคริสต์ – สดด.16:3

“จะรับราชอาณาจักรและถือกรรมสิทธิ์ราชอาณาจักรนั้นสืบ ๆ ไปเป็นนิตย์นิรันดร์“ ( shall receive the kingdom and possess the kingdom forever) = จะได้ชื่นชมกับสิทธิพิเศษในอาณาจักรของพระเมสสิยาห์   -มธ.19:28-29;ลก.22:29-30;วว.1:6;20:2-6;สดด.49:14

“เป็นนิตย์นิรันดร์” (forever and ever) –อสย.60:12-14;ลก.12:32;ฮบ.12:28;วว.2:26;20:4

7:20     “เขาสิบเขา” ( the ten horns) = เขาทั้งสิบ –วว.17:12

“มีปากที่พูดคุยโว” (a mouth that spoke great things) –วว.13:5-6

7:21    “และชนะ” (prevailed) = ได้ชัยชนะ –วว.13:8

7:22     “จะรับราชอาณาจักร” (possessed the kingdom) = ได้ครอบครองอาณาจักร –มก.8:35

7:23     “เหยียบพิภพลงและทำให้เป็นชิ้น ๆ” (trample it down, and break it to pieces) = เหยียบย่ำและบดขยี้ให้แหลกลาญ –ดนล.2:40

7:24     “เขาสิบเขา” (the ten horns) –วว.17:12

“กษัตริย์ 10 องค์”  (this kingdom ten kings)  = อำนาจทางการเมืองทั้งสิ้น (1:12;วว.17:12-14)

–ซึ่งจะเกิดจากอาณาจักรที่ 4 แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน (2:44)

“โค่นกษัตริย์เสีย 3 องค์” (shall put down three kings) = เลข 3 ในที่นี่เป็นตัวเลขแสดงจำนวนน้อย หรือสั้น  โดยไม่ได้จำกัดจำนวนตายตัว (ดู อพย.3:18;ปฐก.22:4,) (ปท. ปฐก.30:36;อพย.5:3;8:27;15:22;กดว.10:33; 33:8;ยชว.9:16;ยนา.1:17;3:3)

7:25     “พูดคำกล่าวร้ายองค์ผู้สูงสุด” (speak words against the Most High) –อสย.37:23;ดนล.11:36

“ข่มเหงบรรดาผู้บริสุทธิ์ขององค์ผู้สูงสุดนั้น” (shall wear out the saints of the Most High) –วว.16:6

“ตลอดหนึ่งวาระสองวาระกับครึ่งวาระ” (for a time, times, and half a time.) –วว.11:2;12:14;13:5-6;ดนล.8:24;12:7         = บางฉบับแปลว่า “หนึ่งปี สองปีและครึ่งปี”

7:26     “ทรงเผาผลาญและทำลายเสียให้สิ้นสุด” (to be consumed and destroyed to the end) –วว.19:20

7:27     “ความยิ่งใหญ่แห่งราชอาณาจักร” ( he greatness of the kingdoms) –อสย.14:2

“จะต้องถูกมอบให้แก่” (shall be given) –พระเจ้าและพระเมสสิยาห์จะเป็นผู้ปกครองประชากรของพระองค์เพื่อประโยชน์ของพวกเขา –วว.19-22

“บรรดาผู้บริสุทธิ์คือประชากรขององค์ผู้สูงสุดนั้น” (the people of the saints of the Most High)

–1คร.6:2;ปฐก.14:18

คำถามนำอภิปราย

  1. พระเจ้าเคยสำแดงหรือเปิดเผยนิมิตอะไรแก่คุณทางความฝันบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร?
  2. คุณเคยได้รับนิมิต แต่ไม่เข้าใจบ้างหรือไม่? แล้วใครช่วยให้คุณเข้าใจ? แล้วคุณทำตามนิมิตนั้นหรือไม่? ผลที่ตามมาเป็นอย่างไร?
  3. คุณเคยตกใจหรือเป็นทุกข์กับการเปิดเผยของพระเจ้าต่อคุณเรื่องใดมากที่สุด? ทำไม?
  4. การเปิดเผยของพระเจ้าในพระคัมภีร์ที่ครอบคลุมเวลายาวไกลเช่นนี้ ส่งผลต่อความเชื่อศรัทธาของคุณต่อ พระเจ้าอย่างไรบ้าง? ทำไม? และอย่างไร?
  5. การมาศึกษาพระคัมภีร์ร่วมกันที่คริสตจักรช่วยให้คุณเข้าใจแผนการของพระเจ้าหรือความลับลึกของพระเจ้าที่มีต่อโลกนี้และต่อชีวิตของคุณอย่าไรบ้าง? (แบ่งปัน)
  6. การที่คุณรู้ว่า พระเจ้าทรงทราบเหตุการณ์ในอนาคตล่วงหน้าหมดแล้ว รวมทั้งจุดจบของโลกนี้แล้ว ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายชีวิตและการดำเนินชีวิตของคุณอย่างไรบ้าง? (แบ่งปัน)
  7. การที่คุณยังไม่รู้หรือไม่เข้าในพระคัมภีร์บางข้อบางตอน(ที่เข้าใจยาก) ส่งผลกระทบอะไรแก่คุณบ้าง?โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความเชื่อศรัทธาที่คุณมีต่อพระเจ้าและต่อพระคัมภีร์

ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์