1ยอห์น 2
พระธรรม 1ยอห์น 2:1-29
อ้างอิง 1ธส.2:11;1ยน.2:1,9,12,13,28;3:7,14;มธ.11:29;1คร.10:14;รม.8:34;13:11,12;3:25;กจ.20:30; 2คร.1:21;ยน.14:15;16:33;5:38;สภษ.27:20;คส.3:4;ทต.1:16;ลนต.19:17;ปฐก.3:6;2ปต.1:12
บทนำ หากเรารู้จักกับพระเจ้า เราจะประพฤติตามพระบัญญัติของพระเจ้า เราจะแสดงออกมาโดยการรักคนอื่น อย่างที่พระคริสต์ทรงบัญชา!
บทเรียน
2:1 “ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ถึงท่านทั้งหลายเพื่อท่านจะได้ไม่ทำบาป และถ้าใครทำบาปเราก็มีผู้ช่วยทูลขอพระบิดาเพื่อเรา คือพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเที่ยงธรรมนั้น”
(My little children, I am writing these things to you so that you may not sin. But if anyone does sin, we have an advocate with the Father, Jesus Christ the righteous.)
2:2 “และพระองค์ทรงเป็นเครื่องบูชาลบบาปของเรา และไม่ใช่แค่บาปของเราเท่านั้น แต่ของทั้งโลกด้วย”
(He is the propitiation for our sins, and not for ours only but also for the sins of the whole world.)
2:3 “ถ้าเราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ เราจะมั่นใจได้ว่าเรารู้จักพระองค์”
(And by this we know that we have come to know him, if we keep his commandments.)
2:4 “ผู้ที่กล่าวว่า “ข้าพเจ้ารู้จักพระองค์” แต่ไม่ได้ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ คนนั้นเป็นคนพูดมุสาและสัจจะไม่ได้อยู่ในเขาเลย”
(Whoever says “I know him” but does not keep his commandments is a liar, and the truth is not in him)
2:5 “แต่ผู้ที่ประพฤติตามพระวจนะของพระองค์ ความรักของพระเจ้าก็บริบูรณ์อยู่ในผู้นั้นอย่างแท้จริง เพราะเหตุนี้แหละเราจึงรู้ว่าเราอยู่ในพระองค์”
(but whoever keeps his word, in him truly the love of God is perfected. By this we may know that we are in him: )
2:6 “ผู้ที่กล่าวว่าตนอยู่ในพระองค์ ผู้นั้นก็ควรดำเนินชีวิตเหมือนพระองค์”
(whoever says he abides in him ought to walk in the same way in which he walked.)
2:7 “ท่านที่รักทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนบัญญัติใหม่ถึงท่านเลย แต่เป็นบัญญัติเก่าซึ่งท่านเคยมีอยู่ตั้งแต่เริ่มแรกบัญญัติเก่านั้นคือคำซึ่งท่านได้ยินมาแล้ว”
(Beloved, I am writing you no new commandment, but an old commandment that you had from the beginning. The old commandment is the word that you have heard.)
2:8 “อีกนัยหนึ่งก็กล่าวได้ว่าข้าพเจ้าเขียนบัญญัติใหม่ถึงพวกท่านซึ่งเป็นความจริงทั้งในพระองค์และในท่าน เพราะว่าความมืดนั้นกำลังจะผ่านพ้นไป และความสว่างแท้กำลังส่องอยู่แล้ว”
(At the same time, it is a new commandment that I am writing to you, which is true in him and in you, because the darkness is passing away and the true light is already shining.)
2:9 “ผู้ที่กล่าวว่าตนอยู่ในความสว่าง ขณะที่ยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความมืด”
(Whoever says he is in the light and hates his brother is still in darkness.)
2:10 “ผู้ที่รักพี่น้องของตนก็อยู่ในความสว่าง และในตัวเขานั้นไม่มีอะไรทำให้สะดุด”
(Whoever loves his brother abides in the light, and in him there is no cause for stumbling.)
2:11 “แต่ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตนก็อยู่ในความมืด และเดินในความมืดและไม่รู้ว่าตนกำลังไปไหน เพราะว่าความมืดทำให้ตาของเขาบอดไปเสียแล้ว”
(But whoever hates his brother is in the darkness and walks in the darkness, and does not know where he is going, because the darkness has blinded his eyes.)
2:12 “ลูกทั้งหลายเอ๋ย ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน เพราะว่าบาปของท่านได้รับการอภัยแล้ว ด้วยเห็นแก่พระนามของพระองค์”
(I am writing to you, little children, because your sins are forgiven for his name’s sake.)
2:13 “ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน เพราะท่านรู้จักพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ปฐมกาล ท่านทั้งหลายที่เป็นคนหนุ่ม ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน เพราะท่านได้ชนะมารร้ายนั้น”
(I am writing to you, fathers, because you know him who is from the beginning. I am writing to you, young men, because you have overcome the evil one. I write to you, children, because you know the Father.)
2:14 “ท่านทั้งหลายที่เป็นลูก ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน เพราะพวกท่านรู้จักพระบิดา ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่าน เพราะท่านรู้จักพระองค์ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ปฐมกาล ท่านทั้งหลายที่เป็นคนหนุ่ม ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะพวกท่านมีกำลังมาก และพระวจนะของพระเจ้าดำรงอยู่ในพวกท่านและท่านชนะมารร้ายนั้นแล้ว”
(I write to you, fathers, because you know him who is from the beginning. I write to you, young men, because you are strong, and the word of God abides in you, and you have overcome the evil one.)
2:15 “อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าใครรักโลก ความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น”
(Do not love the world or the things in the world. If anyone loves the world, the love of the Father is not in him.)
2:16 “เพราะว่าทุกสิ่งที่อยู่ในโลก คือตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลก”
(For all that is in the world—the desires of the flesh and the desires of the eyes and pride of life—is not from the Father but is from the world.)
2:17 “และโลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกกำลังผ่านพ้นไป แต่คนที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์”
(And the world is passing away along with its desires, but whoever does the will of God abides forever.)
2:18 “ลูกทั้งหลายเอ๋ย บัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแล้ว และตามที่พวกท่านได้ยินได้ฟังมาว่าศัตรูของพระคริสต์จะมาเดี๋ยวนี้ศัตรูของพระคริสต์จำนวนมากก็มาแล้ว เพราะฉะนั้นเราจึงรู้ว่าบัดนี้เป็นวาระสุดท้ายแล้ว”
(Children, it is the last hour, and as you have heard that antichrist is coming, so now many antichrists have come. Therefore we know that it is the last hour.)
2:19 “พวกเขาได้ออกไปจากเรา แต่เขาก็ไม่ได้เป็นของเรา เพราะว่าถ้าเขาเป็นของเรา เขาก็จะอยู่กับเราต่อไป แต่การที่เขาได้ออกไปนั้นแสดงให้เห็นชัดว่าเขาไม่ได้เป็นของเรา”
(They went out from us, but they were not of us; for if they had been of us, they would have continued with us. But they went out, that it might become plain that they all are not of us.)
2:20 “แต่พวกท่านได้รับการชโลมจากพระองค์ผู้บริสุทธิ์แล้ว และท่านทุกคนก็มีความรู้”
(But you have been anointed by the Holy One, and you all have knowledge. )
2:21 “ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงพวกท่าน ไม่ใช่เพราะท่านไม่รู้ความจริง แต่เพราะท่านรู้แล้ว และรู้ว่าคำมุสาไม่ได้ มาจากความจริง”
(I write to you, not because you do not know the truth, but because you know it, and because no lie is of the truth.)
2:22 “ใครล่ะเป็นคนที่โกหก ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากคนที่ปฏิเสธว่าพระเยซูไม่ใช่พระคริสต์ ผู้ที่ปฏิเสธพระบิดาและพระบุตร ผู้นั้นแหละเป็นศัตรูของพระคริสต์”
(Who is the liar but he who denies that Jesus is the Christ? This is the antichrist, he who denies the Father and the Son.)
2:23 “ทุกคนที่ปฏิเสธพระบุตร ไม่มีพระบิดา ผู้ที่ยอมรับพระบุตรก็มีพระบิดาด้วย”
(No one who denies the Son has the Father. Whoever confesses the Son has the Father also.)
2:24 “ท่านทั้งหลาย จงให้สิ่งที่ท่านได้ยินมาตั้งแต่ต้นนั้นดำรงอยู่กับท่านเถิด ถ้าสิ่งที่ท่านได้ยินตั้งแต่ต้นนั้นดำรงอยู่กับท่าน ท่านก็จะอยู่ในพระบุตรและในพระบิดาด้วย”
(Let what you heard from the beginning abide in you. If what you heard from the beginning abides in you, then you too will abide in the Son and in the Father..)
2:25 “นี่แหละเป็นสิ่งที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้กับเรา คือชีวิตนิรันดร์”
(And this is the promise that he made to us—eternal life)
2:26 “ข้าพเจ้าเขียนข้อความนี้ถึงพวกท่าน กล่าวถึงพวกที่พยายามหลอกลวงท่าน”
(I write these things to you about those who are trying to deceive you.)
2:27 “ส่วนท่านทั้งหลาย การชโลมซึ่งท่านได้รับจากพระองค์นั้นก็ดำรงอยู่กับท่าน และไม่จำเป็นต้องมีใครสอนท่านเพราะว่าการชโลมของพระองค์นั้นสอนท่านให้รู้ทุกสิ่ง และเป็นความจริง ไม่ใช่ความเท็จ การชโลมนั้นสอน พวกท่านแล้วอย่างไร ท่านจงอยู่ในพระองค์อย่างนั้น”
(But the anointing that you received from him abides in you, and you have no need that anyone should teach you. But as his anointing teaches you about everything, and is true, and is no lie—just as it has taught you, abide in him.)
2:28 “และบัดนี้ลูกทั้งหลายเอ๋ย จงอยู่ในพระองค์ เพื่อว่าเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะได้มีความมั่นใจ และไม่ต้องหลบพระพักตร์พระองค์ด้วยความละอาย เมื่อพระองค์เสด็จมา”
(And now, little children, abide in him, so that when he appears we may have confidence and not shrink from him in shame at his coming.)
2:29 “ถ้าพวกท่านรู้ว่าพระองค์ทรงเที่ยงธรรม ท่านก็รู้ว่าทุกคนที่ประพฤติตามความเที่ยงธรรมนั้นเกิดมาจากพระองค์ด้วย”
(If you know that he is righteous, you may be sure that everyone who practices righteousness has been born of him.)
ข้อมูลมีประโยชน์
2:1 “ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย” (My little children) –ในบางฉบับแปลว่า “ลูกที่รักของข้าพเจ้า”
-ยอห์นเป็นอัตรทูตอาวุโส นิยมใช้สำนวนนี้แสดงความเอ็นดูต่อผู้อ่าน (ข.12-13,28;3:7,18;4:14;5:21)
“ผู้ช่วยทูลขอ…เพื่อเรา” (we have an advocate with the Father ) = ทูลขอแก้ต่างเพื่อเราทั้งหลาย
คำนี้ในภาษากรีก หมายถึงผู้ที่พูดในนามของจำเลย (ยน.14:16)
“ผู้ทรงเที่ยงธรรม” (the righteous.) = องค์ผู้ชอบธรรม ในศาลของพระเจ้า ผู้ที่จะเป็นพยานแก้ต่างให้จำเลยต้องเป็นผู้ที่ไม่มีบาปอยู่ในตัว ปท.กจ.3:14
2:2 “เครื่องบูชาลบบาปของเรา” (the propitiation for our sins) –ความบริสุทธิ์ของพระเจ้าเรียกร้องให้มีการลงโทษบาปของมนุษย์ผู้กระทำ แต่ความรักของพระเจ้าเรียกร้องให้พระบุตรของพระเจ้าต้องลงมารับโทษเพื่อไถ่บาปของมนุษย์ที่สำนึกกลับใจ และรับความช่วยกู้ (1ยน.4:10)
-การตายไถ่บาปของพระคริสต์พระบุตรทำให้พระพิโรธของพระเจ้าต่อบาปของมนุษย์อย่างเราสงบลง เพราะพระพิโรธนั้นได้หันเหไปตกลงที่พระคริสต์แทน – รม.3:25
“…แต่ของคนทั้งโลกด้วย” (… the whole world) = การอภัยโทษบาปมนุษย์ที่ผ่านการสิ้นพระชนม์บนกางเขนของพระคริสต์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่สำหรับคนทั้งโลก (ยน.1:29) โดยไม่ลำเอียง อย่างไรก็ตาม เขาจะต้องรับการอภัยบาปนั้นด้วยความเชื่อ (ยน.3:16)
2:3 “รู้จัก” (to know ) = ใน 1 ยอห์น มีการใช้คำกรีก 2 คำที่แปลว่า “รู้จัก” ทั้งหมด 42 ครั้ง โดยคำหนึ่ง คือ “Gnosis” สัมพันธ์กับชื่อนอสติก ซึ่งเป็นลัทธิที่สอนผิด อ้างตัวว่า มีความรู้พิเศษเรื่องพระเจ้า
“ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์” (keep his commandments) –บางฉบับแปลว่า “เชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์”
นั่นคือ ผู้เชื่อนอกจากต้องไม่กบฏหรือดื้อดึงต่อพระเจ้าแล้ว (1:8-9) เขายังต้องดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อฟังในเรื่องต่าง ๆ ด้วย
2:4 “สัจจะไม่ได้อยู่ในเขาเลย” (the truth is not in Him)–1ยน.1:6,8
2:5 “ความรักของพระเจ้าก็บริบูรณ์อยู่ในผู้นั้นอย่างแท้จริง” (in him truly the love of God is perfected) = ความรักของพระเจ้าที่มีต่อผู้เชื่อจะสมบูรณ์ ก็ต่อเมื่อความรักนั้นผลักดันให้ผู้เชื่อนั้นแสดงออกมาเป็นความประพฤติที่เชื่อฟัง (4:12) หรืออาจหมายความว่า ความรักที่เรามีต่อพระเจ้า จะสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อเราแสดงออกมาเป็นการกระทำด้วยความเชื่อฟัง (ยน.13:16-18)
“เราอยู่ในพระองค์”(we are in him)=ความเป็นหนึ่งเดียวในฝ่ายวิญญาณจิตกับพระเจ้า(ยน.17:21;อฟ.1:1)
2:6 “ควรดำเนินชีวิตเหมือนพระองค์” (to walk in the same way in which he walked) –มธ.11:29
2:7 “ท่านที่รักทั้งหลาย” (Beloved) บางฉบับแปลว่า “เพื่อนที่รัก”
= เป็นอีกสำนวนหนึ่งคล้าย “ลูกของข้าพเจ้าเอ๋ย” (ลูกที่รัก) ที่ยอห์นชอบใช้ คือใช้ 10 ครั้งในจดหมาย 2 ฉบับ ดังนี้ 3:2,21;4:1,7,11;3ยน.1-2,5,11
“บัญญัติใหม่” (new commandment) –ยน.13:34-35
เรื่องที่พระเจ้าสั่งให้รัก ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีมาตั้งแต่ในพระคัมภีร์เดิม –ลนต.19:18;มะ.22:39-40
-แต่ที่ว่าใหม่นั้น เห็นได้ชัดจาก
1) การที่พระเจ้าสำแดงความรักออกมาอย่างชัดเจน และในรูปแบบใหม่ที่ไม้กางเขน
2) การที่พระเยซูคริสต์อรรถาธิบายพระบัญญัติในพันธสัญญาเดิมในมุมมองและแนวทางใหม่ (มธ.5) ที่แปลกใหม่ในความคิดของผู้ฟัง
3) การที่ผู้เชื่อมีประสบการณ์ใหม่กับการเติบโตขึ้นในความรักที่มีต่อกัน
2:8 “ความสว่างแท้” (the true light) –ในพระคัมภีร์ใหม่ ใช้เฉพาะที่นี่ และใน ยน.1:9
วลีนี้หมายถึงข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นความสว่างของโลก (ยน.8:12)
2:9 “ความสว่าง…ความมืด” (the light … darkness) = ความสว่างแทนสิ่งดี จริงและบริสุทธิ์ ความมืดแทนสิ่งชั่วและสิ่งปลอม สิ่งไม่บริสุทธิ์ (ยน.3:19-21) ปท.1ยน1:5;3:14
“เกลียดชังพี่น้องของตน” (hates his brother) –ลนต.19:17;1ยน.2:11;3:10,15,16,4:20-21
-ความเกลียดชังในข้อนี้ และความรักในข้ออื่น ๆ (ข.10)
-ทั้ง 2 ไม่ใช่เป็นอารมณ์ แต่เป็นท่าที(ความตั้งใจ) ที่แสดงออกมาเป็นการกระทำ (3:15-16)
2:10 “สะดุด” (stumbling.) = ล้มลงในบาป –สดด.119:165;1ยน.2:11
2:11 “ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตน” (whoever hates his brother) 1ยน.2:9
“เดินในความมืด” (walks in the darkness) -บางฉบับแปลว่า “เดินวนเวียนในความมืด” -1ยน.1:6
“ความมืดทำให้ตาของเขาบอดไปเสียแล้ว” (the darkness has blinded his eyes) –ยน.11:9;12:35
2:12 “ลูกทั้งหลายเอ๋ย” (little children) = ผู้อ่านของยอห์นทุกคน
“ข้าพเจ้าเขียนจดหมายถึงท่านเพราะ” (I am writing to you) –ยอห์นกล่าวย้ำใน 3 ข้อ(2:12-14) นี้เพื่อให้ผู้อ่านมั่นใจว่า แม้จะมีการทดสอบอย่างหนักตามเนื้อความในจดหมาย แต่ยอห์นก็มั่นใจว่า พวกเขาได้รับความรอดแล้ว
“ด้วยเห็นแก่พระนามของพระองค์” (his name’s sake) –1ยน.3:23
= พวกเขารอดเพราะพระนามขององค์พระเยซูคริสต์ (3:23;5:13;กจ.4:12)
2:13 “ท่านทั้งหลายที่เป็นบิดา” (you, fathers ) = ในบรรดาผู้อ่านและฟังจดหมายของยอห์น ซึ่งเป็นลูกที่รักฝ่ายจิตวิญญาณของยอห์นนั้น มีผู้ที่เป็นผู้ใหญ่ในฝ่ายจิตวิญญาณด้วย
“ผู้ทรงดำรงอยู่ตั้งแต่ปฐมกาล” (who is from the beginning) –ข.14 หมายถึงพระคริสต์ (1:1)
“ท่านทั้งหลายที่เป็นคนหนุ่ม” (you, young men)= ในคริสตจักรมีคนที่มีระดับจิตวิญญาณที่แตกต่างกัน
“ท่านได้ชนะมารร้ายนั้น” (overcome the evil one.) –มธ.5:37;1ยน.2:14;ยน.16:33
2:14 “ท่านทั้งหลายที่เป็นลูก” (you) = “ลูกที่รัก” –1ยน.2:10
“มีกำลังมาก”(are strong) = เข้มแข็ง (อฟ.6:10); “ดำรงอยู่ในพวกท่าน” (in you) –ฮบ.4:12;ยน.5:38
2:15 “โลก” ( the world) = อาณาจักรของบาป (ข.16;ยก.4:4) ซึ่งถูกควบคุม โดยซาตานและถูกสร้างให้เป็นระบบที่ต่อต้านความชอบธรรม และพระเจ้า (ยน.1:9) ไม่ใช่หมายถึงมนุษย์โลก (ยน.3:16) หรือโลกที่ พระเจ้าทรงสร้าง (ยน.17:24)
“ความรักของพระบิดา” (the love of the Father ) = ความรักต่อพระบิดา –ยก.4:4
2:16 “ตัณหาของเนื้อหนัง” (the desires of the flesh ) –ปฐก.3:6;รม.13:14;อฟ.2:3
“ตัณหาของตา” (the desires of the eyes) –สภษ.27:20
2:17 “กำลังผ่านพ้นไป” (is passing away) = กำลังล่วงไป –ฮบ.12:27
“ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้า”(whoever does the will of God) = ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
–มธ.12:50
2:18 “วาระสุดท้าย” ( the last hour) ยอห์นและผู้เขียนพันธสัญญาใหม่ท่านอื่น ๆ มองว่ายุคสุดท้ายเริ่มตั้งแต่พระเยซูเสด็จเข้ามาครั้งแรก (กจ.2:17;2ทธ.3:1) คำ ๆ นี้ยังมีนัยของความเร่งด่วนและใกล้จะมาถึงด้วย เป็นการเตือนให้ผู้เชื่อต้องตื่นตัวพร้อมสำหรับการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ (มธ.25:1-13)
“ศัตรูของพระคริสต์” (antichrists) = “ปฏิปักษ์ของพระคริสต์” หรือ “คนนอกกฎหมาย” (2ธส.2:3) และ “สัตว์ป่า” (วว.13:1-10) ที่มีมากกว่าจะปรากฏขึ้นก่อนพระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา พวกนี้มีลักษณะอย่างไร?
- ปฏิเสธการบังเกิดมาเป็นมนุษย์ของพระคริสต์ (4:2,2ยน.7) และปฏิเสธเรื่องพระเยซูเป็นพระคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเจ้า (ข.22)
- ปฏิเสธพระบิดา (ข.22)
- เป็นพวกที่ไม่มีพระบิดา( ข.23)
- เป็นคนโกหก (ข.22) และเป็นผู้ล่อลวง (2ยน.7)
- มีจำนวนมากมาย (ข.18)
- ออกไปจากคริสตจักร(ในสมัยของยอห์น) –ข.19
= ปฏิปักษ์พระคริสต์ในที่นี้เป็นพวกนอสติกในยุคก่อตัว
คำว่า “ศัตรู” หรือ “ปฏิปักษ์” นี้หมายถึง “ต่อต้าน” ปท. 2ธส.2:4;วว.13:6-7
2:20 “ได้รับการชโลม” (have been anointed ) -บางฉบับแปลว่า “การเจิม” = พระวิญญาณบริสุทธิ์
(ข.27;ยน.14:16-17;15:26;16:13;กจ.10:38
“พระองค์ผู้บริสุทธิ์” (by the Holy One) = องค์บริสุทธิ์อาจหมายถึงพระเยซู (มก.1:24;ยน.6:69;กจ.2:27; 3:14;22:14) หรือพระบิดา (2พกษ.19:22;โยบ 6:10)
2:21 “ท่านรู้แล้ว” (you know ) –2ปต.1:12;ยด.5
2:22 “พระเยซูไม่ใช่พระคริสต์” (Jesus is the Christ) –พระเยซูผู้เป็นมนุษย์ก็คือ องค์พระคริสต์ผู้เป็นพระเจ้า (5:5,10) แต่พวกนอสติกปฏิเสธความจริงนี้
“ ปฏิเสธพระบิดาและพระบุตร” (he who denies the Father and the Son) –1ยน.4:3;2ยน7
2:23 “ผู้ที่ยอมรับพระบุตรก็มีพระบิดาด้วย” ( Whoever confesses the Son has the Father also)
–ใน 2ยน.9 มีความคิดอย่างเดียวกัน – ยน.8:19;14:7;1ยน.4:15,5:1
2:24 “ได้ยินมาตั้งแต่ต้น” (heard from the beginning ) = ได้ยินมาตั้งแต่แรก –1ยน.2:7
“จะอยู่ในพระบุตรและในพระบิดาด้วย” (too will abide in the Son and in the Father) –ยน.14:23; 15:4;1ยน.1:3;2ยน9
2:25 “คือชีวิตนิรันดร์” (eternal life) –มธ.25:46;ยน.3:15; ปท.มธ.19:16
2:26 “พยายามหลอกลวงท่าน” (trying to deceive you) –บางฉบับแปลว่า พยายามชักจูงให้ท่านหลงผิด
= เป็นอีกหนึ่งวัตถุประสงค์ของจดหมายฉบับนี้ในการเตือนให้ระวังคนพวกนี้
2:27 “ไม่จำเป็นต้องมีใครสอนท่าน” (you have no need that anyone should teach you) = เนื่องจากพระคัมภีร์สนับสนุนเรื่องการสอนพระ วจนะของพระเจ้า (มธ.28:20;1คร.12:28;อฟ.4:11;คส.3:16; 1ทธ.4:11;2ทธ.2:2,24) ยอห์นไม่ได้ปฏิเสธการสอนหรือครูสอนที่เป็นมนุษย์ แต่พวกนอสติกยืนกรานว่า
คำสอนของพวกอัครทูตไม่พอ ต้องเสริมด้วย “ความรู้ที่สูงกว่า” ของพวกเขา ยอห์นจึงประกาศว่า สิ่งที่ผู้อ่านเรียนรู้จากอัครทูตภายใต้การสำแดงให้เข้าใจโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์นั้น ไม่เพียงแค่เพียงพอ แต่เป็นความจริงที่ต้องยึดถือไว้เป็นหเหนหลักปฏิบัติตามด้วย
“สอนท่าน” (teaches you) = พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการสอนเพื่อให้ความกระจ่างแก่เรา (ผู้อื่น) ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสำแดงความจริงใหม่ แต่พัฒนาความสามารถที่จะชื่นชมและรู้จักนำความจริงที่พระเจ้าทรงสำแดงแล้วไปใช้อย่างเหมาะสมและเกิดผลมากกว่าทำให้พระวจนะของพระเจ้ามีความหมายทั้งในด้านความคิด ความรู้ และในด้านการดำเนินชีวิต
“ทุกสิ่ง” (everything) = ทุกสิ่งที่จำเป็นต้องรู้ เพื่อได้รับความรอดและการดำเนินชีวิตคริสเตียนอย่างที่พระเจ้าประสงค์
2:28 “จงอยู่ในพระองค์” (abide in him) –บางฉบับแปลว่า “จงดำรงอยู่ในพระองค์สืบไป” –ข.24,27
“เมื่อพระองค์ทรงปรากฏ” (when he appears) –คส.3:4;1ยน.3:2
“มีความมั่นใจ” (have confidence) -3:21;4:17;5:14;อฟ.3:12
“เมื่อพระองค์เสด็จมา” (at his coming) 1ธส.2:19
2:29 “พระองค์ทรงเที่ยงธรรม” (he is righteous) –บางฉบับแปลว่า “พระองค์ทรงชอบธรรม” -1ยน.3:7
“ประพฤติตามความเที่ยงธรรมนั้น” (practices righteousness) –บางฉบับแปลว่า “ทำสิ่งที่ถูกต้อง”
= สมาชิกในครอบครัวของพระเจ้าต้องทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ชอบธรรมและเที่ยงธรรม
“เกิดมาจากพระองค์” (born of him) -ยน.1:13
คำถามนำอภิปราย
- คุณคิดว่า คริสเตียนทำบาปได้หรือไม่? หากเขาทำบาปแล้วจะส่งผลกระทบอะไรบ้าง?
- พระเยซูคริสต์มีบทบาทสำคัญอะไรในชีวิตของคุณบ้าง? (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนที่เกี่ยวกับบาปของคุณ)
- เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า เรารู้จักพระเยซูคริสต์จริง ๆ แล้ว ? เราต้องสำแดงออกมาอย่างไร?
- หากเราประพฤติตามพระวจนะของพระเจ้าจริง ๆ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
- คุณเคยพบคนที่ปากบอกว่ารักพระเจ้า หรือตัวเขาอยู่ในความสว่างแล้ว แต่ยังเกลียดชังพี่น้องของเขาบ้างหรือไม่? คุณรู้สึกอย่างไร? คุณจะเตือนสติเขาอย่างไร?
- คุณเชื่อหรือไม่ว่าบาปของคุณได้รับการอภัยแล้ว? ทำไมคุณเชื่อเช่นนั้น?
- คุณเป็นคริสเตียนที่อยู่ในประเภทใด
…..1) เด็ก …..2) คนหนุ่มสาว …..3) คนแก่
ทำไมคุณคิดเช่นนั้น?
- เวลานี้คุณกำลังมีปัญหาในการต่อสู้กับเรื่องใดมากที่สุด?
…..1) ตัณหาของเนื้อหนัง …..2) ตัณหาของตา …..3) ความทะนงในลาภยศ
อย่างไร? และผลเป็นเช่นใด?
- คุณคิดว่า ศัตรูของพระคริสต์เข้ามาในประเทศไทยแล้วหรือยัง? ในรูปแบบใด? คุณรู้ได้อย่างไร? และคุณจะรับมืออย่างไร?
- คุณคิดว่า จำเป็นต้องมีการสำแดงหรือการเปิดเผยใหม่ ๆ จากพระเจ้านอกเหนือพระคัมภีร์หรือไม่? (ในเรื่องอะไร? ) ทำไม?
ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์