Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมดาเนียล บทที่ 6

ดาเนียลในถ้ำสิงห์

พระธรรม        ดาเนียล 6:1-28

อ้างอิง             ดนล.1:20-21;2:44-49,25;3:2-6,8-12,17,27-29;4:1-3;5:12-14,28,31;6:7,22,27;10:3;12:7

บทนำ              ในชีวิตจริง ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว เพราะจะมีคนที่ไม่พอใจเรา เพียงเพราะเราทำดีหรือเด่นเกิน (ไม่ว่าจะมีเจตนาหรือไม่?) เราจึงมักมีศัตรูอยู่ข้างตัวและรอบตัวของเราโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น คุณจงเตรียมพร้อมรับมือกับภัยที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากคนที่เป็นเพื่อนร่วมงานของคุณ และคนอื่น ๆ ที่มีความริษยาคุณ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร จงรักษาความเชื่อและความจงรักภักดีของคุณที่มีต่อพระเจ้าไว้ตลอดไป!

บทเรียน

6:1 “ดาริอัสพอพระทัยแต่งตั้งอุปราช 120 คน เพื่อให้ปกครองทั่วราชอาณาจักร” 

 (It pleased Darius to set over the kingdom 120 satraps, to be throughout the whole kingdom)

6:2 “และทรงตั้งอภิรัฐมนตรี 3 คนอยู่เหนือพวกอุปราช ดาเนียลเป็นอภิรัฐมนตรีคนหนึ่ง ซึ่งจะรับรายงานจากอุปราช เพื่อกษัตริย์จะไม่ขาดประโยชน์” 

 (and over them three high officials, of whom Daniel was one, to whom these satraps should give account, so that the king might suffer no loss.)

6:3 “แล้วดาเนียลคนนี้ก็มีชื่อเสียงกว่าอภิรัฐมนตรีอื่นๆ และอุปราชทั้งหลาย เพราะวิญญาณเลิศสถิตกับท่าน และกษัตริย์ทรงมีแผนจะแต่งตั้งท่านให้ครอบครองราชอาณาจักรนั้นทั้งหมด” 

  (Then this Daniel became distinguished above all the other high officials and satraps, because an excellent spirit was in him. And the king planned to set him over the whole kingdom.)

6:4 “อภิรัฐมนตรีและอุปราชทั้งหลายจึงหาเหตุฟ้องดาเนียลในเรื่องราชอาณาจักร แต่ก็หาความผิดไม่ได้ เพราะท่านเป็นคนซื่อสัตย์ จะหาความพลั้งพลาดหรือการทุจริตในท่านไม่ได้เลย” 

   (Then the high officials and the satraps sought to find a ground for complaint against Daniel with regard to the kingdom, but they could find no ground for complaint or any fault, because he was faithful, and no error or fault was found in him.) 

6:5 “คนเหล่านี้จึงพูดกันว่า “ไม่มีทางหาเหตุฟ้องดาเนียลได้ นอกจากเราจะหาเหตุในเรื่องธรรมบัญญัติแห่งพระเจ้าของเขา

   (Then these men said, “We shall not find any ground for complaint against this Daniel unless we find it in connection with the law of his God.)

6:6 “แล้วอภิรัฐมนตรีและอุปราชเหล่านี้ได้พากันเข้าเฝ้าพระราชาทูลว่า “ข้าแต่พระราชาดาริอัส ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์” 

   (Then these high officials and satraps came by agreement to the king and said to him, “O King Darius, live forever!)

6:7 “อภิรัฐมนตรีทุกท่านแห่งราชอาณาจักร ทั้งองคมนตรี อุปราช และผู้ว่าราชการมณฑลทั้งสิ้นได้ตกลงกันว่า พระราชาควรจะตรากฎหมายและออกคำประกาศว่า ในสามสิบวันนี้ ถ้ามีใครทูลขอต่อพระหรือมนุษย์นอกเหนือจากพระองค์ ข้าแต่พระราชา ก็ให้โยนคนนั้นลงในถ้ำสิงโต”

   (All the high officials of the kingdom, the prefects and the satraps, the counselors and the governors are agreed that the king should establish an ordinance and enforce an injunction, that whoever makes petition to any god or man for thirty days, except to you, O king, shall be cast into the den of lions.)

6:8 “ข้าแต่พระราชา บัดนี้ ขอฝ่าพระบาททรงตราคำประกาศและลงพระนามในหนังสือสำคัญ เพื่อจะเปลี่ยนแปลง​ไม่ได้ ตามกฎหมายของคนมีเดียและคนเปอร์เซีย ซึ่งจะแก้ไขไม่ได้เป็นอันขาด

   (Now, O king, establish the injunction and sign the document, so that it cannot be changed, according to the law of the Medes and the Persians, which cannot be revoked.)

6:9 “เพราะฉะนั้น กษัตริย์ดาริอัสจึงลงพระนามในหนังสือสำคัญและในประกาศ”

  (Therefore King Darius signed the document and injunction.(

6:10 “เมื่อดาเนียลทราบว่ากษัตริย์ลงพระนามในหนังสือสำคัญนั้นแล้ว ท่านก็กลับบ้าน ซึ่งมีหน้าต่างห้องชั้นบนเปิดตรงไปยังกรุงเยรูซาเล็ม และท่านก็คุกเข่าลงวันละ 3 ครั้ง อธิษฐานและขอบพระคุณพระเจ้าของท่านอย่างที่เคยทำเสมอ” 

  (When Daniel knew that the document had been signed, he went to his house where he had windows in his upper chamber open toward Jerusalem. He got down on his knees three times a day and prayed and gave thanks before his God, as he had done previously.)

6:11 “เมื่อพวกที่สมรู้ร่วมคิดพากันมาพบดาเนียลกำลังอธิษฐานและวิงวอนต่อพระเจ้าของท่าน” 

  (Then these men came by agreement and found Daniel making petition and plea before his God.)

6:12 “เขาทั้งหลายก็ไปเข้าเฝ้า และทูลกษัตริย์เกี่ยวกับประกาศห้ามว่า “ข้าแต่พระราชา ฝ่าพระบาทได้ลงพระนามในหนังสือสำคัญฉบับหนึ่งไม่ใช่หรือว่า ถ้ามีใครทูลขอต่อพระหรือมนุษย์นอกเหนือจากพระองค์ ในสามสิบวันนี้ ข้าแต่พระราชา ก็ให้โยนคนนั้นลงในถ้ำสิงโต?” กษัตริย์ตรัสตอบว่า “เรื่องนั้นยังคงอยู่ ตามกฎหมายของคนมีเดียและคนเปอร์เซีย ซึ่งจะแก้ไขไม่ได้เป็นอันขาด” 

  (Then they came near and said before the king, concerning the injunction, “O king! Did you not sign an injunction, that anyone who makes petition to any god or man within thirty days except to you, O king, shall be cast into the den of lions?” The king answered and said, “The thing stands fast, according to the law of the Medes and Persians, which cannot be revoked.)

6:13 “แล้วเขาจึงทูลต่อกษัตริย์ว่า “ดาเนียลผู้เป็นคนหนึ่งในพวกที่ถูกกวาดเป็นเชลยจากยูดาห์ ไม่ได้เชื่อฟังฝ่าพระบาท ข้าแต่พระราชา และไม่เชื่อฟังคำประกาศในหนังสือสำคัญซึ่งฝ่าพระบาทลงพระนามไว้ แต่ได้ทูลขอต่อพระของเขาวันละ 3 ครั้ง”

  (Then they answered and said before the king, “Daniel, who is one of the exiles from Judah, pays no attention to you, O king, or the injunction you have signed, but makes his petition three times a day)

6:14 “เมื่อกษัตริย์ทรงสดับถ้อยคำเหล่านี้แล้ว ก็ทรงโทมนัสยิ่งนัก และตั้งพระทัยหาทางช่วยกู้ดาเนียล ทรงพยายามหาทางช่วยจนถึงเวลาดวงอาทิตย์ตก 

  (Then the king, when he heard these words, was much distressed and set his mind to deliver Daniel. And he labored till the sun went down to rescue him.)

6:15 “แล้วคนเหล่านั้นที่สมรู้ร่วมคิดกันก็พากันมาเข้าเฝ้ากษัตริย์และทูลว่า “ข้าแต่พระราชา ขอฝ่าพระบาททรงทราบว่ากฎหมายของคนมีเดียและคนเปอร์เซียที่ประกาศห้ามก็ดี หรือ กฎหมายก็ดี ซึ่งพระราชาทรงประทับตราแล้วย่อมเปลี่ยนแปลงไม่ได้

  (Then these men came by agreement to the king and said to the king, “Know, O king, that it is a law of the Medes and Persians that no injunction or ordinance that the king establishes can be changed)

6:16 “แล้วกษัตริย์ทรงบัญชา ดาเนียลก็ถูกโยนในถ้ำสิงโต กษัตริย์ตรัสแก่ดาเนียลว่า “ขอพระเจ้าของท่านผู้ที่ท่านปรนนิบัติอยู่ตลอดมานั้น ทรงช่วยกู้ท่านเถิด” 

  (Then the king commanded, and Daniel was brought and cast into the den of lions. The king declared to Daniel, “May your God, whom you serve continually, deliver you!)

6:17 “แล้วเขานำศิลาก้อนหนึ่งมาปิดปากถ้ำไว้ กษัตริย์ก็ทรงประทับตราของพระองค์ และตราของบรรดาข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของพระองค์ เพื่อว่าจะไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของดาเนียลได้” 

   (And a stone was brought and laid on the mouth of the den, and the king sealed it with his own  signet and with the signet of his lords, that nothing might be changed concerning Daniel.) 

6:18 “แล้วกษัตริย์ก็เสด็จกลับพระราชวัง ทรงอดอาหารตลอดคืนนั้น ไม่ให้นำสิ่งบันเทิงมาถวายพระองค์ และบรรทมไม่หลับ”

   (Then the king went to his palace and spent the night fasting; no diversions were brought to him,  and sleep fled from him.)

6:19 “พอเช้าตรู่ กษัตริย์ก็ตื่นบรรทม รีบเสด็จไปยังถ้ำสิงโต” 

   (Then, at break of day, the king arose and went in haste to the den of lions.)

6:20 “เมื่อพระองค์เสด็จมาใกล้ถ้ำที่ดาเนียลอยู่ พระองค์ก็ตรัสเรียกดาเนียลด้วยเสียงโทมนัสว่า “โอ ดาเนียลผู้รับใช้ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ พระเจ้าของท่านซึ่งท่านปรนนิบัติอยู่เนืองนิตย์นั้น ทรงสามารถช่วยกู้ท่านจากสิงโตได้แล้วหรือ?” 

   (As he came near to the den where Daniel was, he cried out in a tone of anguish. The king declared to Daniel, “O Daniel, servant of the living God, has your God, whom you serve continually, been able to deliver you from the lions?)

6:21 “แล้วดาเนียลทูลกษัตริย์ว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์” 

  (Then Daniel said to the king, “O king, live forever! )

6:22 “พระเจ้าของข้าพระบาททรงใช้ทูตสวรรค์มาปิดปากสิงโตไว้ มันไม่ได้ทำอันตรายแก่ข้าพระบาท เพราะ​พระองค์ทรงเห็นว่า ข้าพระบาทไร้ความผิดต่อพระพักตร์พระองค์ ข้าแต่พระราชา ข้าพระบาทไม่ได้ทำผิดประการใดต่อพระพักตร์ฝ่าพระบาทด้วย

  (My God sent his angel and shut the lions’ mouths, and they have not harmed me, because I was found blameless before him; and also before you, O king, I have done no harm.) 

6:23 “ฝ่ายพระราชาก็ทรงโสมนัสยิ่งนัก และทรงบัญชาให้นำดาเนียลออกมาจากถ้ำ เขาจึงเอาดาเนียลออกจากถ้ำ ไม่ปรากฏว่ามีอันตรายอย่างใดที่ตัวท่านเลย เพราะท่านได้วางใจในพระเจ้าของท่าน”

  (Then the king was exceedingly glad, and commanded that Daniel be taken up out of the den.  So Daniel was taken up out of the den, and no kind of harm was found on him, because he had trusted in his God.) 

6:24 “แล้วกษัตริย์ทรงบัญชาให้นำคนเหล่านั้นที่ใส่ร้ายดาเนียลมาโยนทิ้งในถ้ำสิงโต ทั้งตัวเขา บุตรทั้งหลาย และภรรยาของพวกเขาด้วย ยังไม่ทันตกไปถึงพื้นถ้ำ พวกสิงโตก็ขย้ำพวกเขา และหักกระดูกของเขาทั้งหลายจนแหลก”

  (And the king commanded, and those men who had maliciously accused Daniel were brought and cast into the den of lions—they, their children, and their wives. And before they reached the bottom of the den, the lions overpowered them and broke all their bones in pieces.)

6:25 “แล้วกษัตริย์ดาริอัสมีพระราชสาสน์ไปถึงชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษาที่อาศัยอยู่ในพิภพทั้งสิ้นว่า “สันติสุขจงมีแก่ท่านทั้งหลายอย่างทวีคูณ”

   (Then King Darius wrote to all the peoples, nations, and languages that dwell in all the earth: “Peace be multiplied to you.)

6:26 “เราออกกฤษฎีกาว่า ให้คนทั้งหลายในราชอาณาจักรทั้งหมดของเรากลัวและยำเกรงพระเจ้าของดาเนียล เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์ ราชอาณาจักรของพระองค์จะไม่ถูกทำลาย และการปกครองของพระองค์จะดำรงจนถึงที่สุด”

  (I make a decree, that in all my royal dominion people are to tremble and fear before the God of  Daniel, for he is the living God, enduring forever; his kingdom shall never be destroyed,  and his dominion shall be to the end.)

6:27 “พระองค์ทรงช่วยกู้และช่วยให้พ้นภัย พระองค์ทรงทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ในฟ้าสวรรค์และบนพื้นพิภพพระองค์คือพระผู้ช่วยดาเนียลให้รอด จากอำนาจของสิงโต

  (He delivers and rescues; he works signs and wonders in heaven and on earth, he who has saved Daniel from the power of the lions.)

6:28 “ดังนั้น ดาเนียลผู้นี้จึงได้เจริญก้าวหน้าในรัชสมัยของดาริอัส และในรัชสมัยของไซรัสชาวเปอร์เซีย”

   (So this Daniel prospered during the reign of Darius and the reign of Cyrus the Persian.)

 

ข้อมูลมีประโยชน์

6:1       “ดาริอัส” (Darius) –ดนล.5:31

          “อุปราช” (satraps) = ในบางฉบับแปลว่า “เสนาบดี” –อสธ.1:1

6:2       “ดาเนียลเป็นอภิรัฐมนตรีคนหนึ่ง” (of whom Daniel was one) –ดนล.2:48-49

“รับรายงานจากอุปราช” (these satraps should give account) –อสร.4:22

6:3       “กษัตริย์ทรงมีแผนจะแต่งตั้งท่านให้ครอบครองราชอาณาจักรทั้งหมด” (And the king planned to set him over the whole kingdom) –ปฐก.41:41;อสธ.10:3;ดนล.1:20;5:12-14

6:4       “หาเหตุฟ้องดาเนียล” (complaint against Daniel) = พยายามจับผิด – ยรม.20:10

6:5       “นอกจากเราจะหาเหตุในเรื่องธรรมบัญญัติแห่งพระเจ้าของเขา” (unless we find it in connection with the law of his God) –กจ.24:13-16

6:6       “ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์” (live forever) –นหม.2:3

6:7       “อภิรัฐมนตรี…องคมนตรี อุปราช และผู้ว่าราชการ มณฑลทั้งสิ้นได้ตกลงกันว่า” (the high officials of the kingdom, the prefects and the satraps, the counselors and the governors are agreed that) = พวกสมรู้ร่วมคิดได้ร่วมกันทูลความเท็จว่า คน “ทั้งสิ้น” ที่พูดถึงนั้นเห็นพ้องให้ตรากฎหมาย และออกคำประกาศ (ออกพระราชทฤษฏีกา) ไม่ให้ใครอธิษฐานต่อผู้ใดนอกจากองค์กษัตริย์ในช่วง 30 วัน – ดนล.3:2

“โยนคนนั้นลงในถ้ำสิงโต” (shall be cast into the den of lions) = หลุมซึ่งมีช่องเปิดขนาดเล็กด้านบน (ข.17) ทำให้นักโทษไม่อาจหลบหนีออกมาได้ –สดด.59:3;64:2-6;ดนล.3:6

6:8       “ตามกฎหมายของคนมีเดียและคนเปอร์เซีย ซึ่งจะแก้ไขไม่ได้เป็นอันขาด” (to the law of the Medes and the Persians, which cannot be revoked) –อสธ.1:19;8:8;ดนล.6:12,15;3:8-12

6:10     “เปิดตรงไปยังกรุงเยรูซาเล็ม” (open toward Jerusalem) –2พศด.6:38-39

“คุกเข่าลงวันละ 3 ครั้ง อธิษฐานและขอบพระคุณพระเจ้า” (He got down on his knees three times a day and prayed and gave thanks before his God) –สดด.55:17

“อย่างที่เคยทำเสมอ” (as he had done previously) = ตามที่เคยปฏิบัติเสมอมา

= แม้แต่ความตายก็ไม่อาจคุกคามหรือขวางกั้นไม่ใด้ดาเนียลแสดงความเคารพศรัทธาต่อพระเจ้าผ่านการอธิษฐานตามที่ท่านปฏิบัติมาเป็นประจำ

6:11     “กำลังอธิษฐานและวิงวอนต่อพระเจ้าของท่าน” (making petition and plea before his God.)

–1พกษ.8:48-50;สดด.55:17;1ทธ.5:17-18

6:13     “ดาเนียลผู้เป็นคนหนึ่งในพวกที่ถูกกวาดมาเป็นเชลยจากยูดาห์” ( Daniel, who is one of the exiles from Judah) –อสค.14:14;ดนล.2:25

“ไม่ได้เชื่อฟังฝ่าพระบาท” ( pays no attention to you) = บางฉบับแปลว่า “ไม่ใส่ใจในฝ่าพระบาท”

–ปท.อสธ.3:8

6:14     “ทรงโทมนัสยิ่งนัก” (was much distressed) –มก.6:26

6:16     “ดาเนียลก็ถูกโยนในถ้ำสิงโต” (Daniel was brought and cast into the den of lions) –ดนล.6:7

“ขอพระเจ้าของท่านผู้ที่ท่านปรนนิบัติอยู่ตลอดมานั้นทรงช่วยกู้ท่านเถิด” (May your God, whom you serve continually, deliver you) –1คร.15:58;โยบ 5:19;สดด.37:39-40;97:10

6:17     “กษัตริย์ประทับตราพระธำมรงค์ที่หินนั้น” (the king sealed it with his own signet) –มธ.27:66

6:18     “ทรงอดอาหารตลอดคืนนั้น” (spent the night fasting) -บางฉบับแปลว่า “ทรงงดเสวย”

-2ซมอ.12:17;ดนล.10:3

          “และบรรทมไม่หลับ” (sleep fled from him )  -2:1;อสธ.6:1  = บรรทมไม่หลับตลอดคืนนั้น

6:20     “พระเจ้า…ทรงช่วยกู้ท่าน … ได้แล้วหรือ?” (God, whom you serve continually, been able to

deliver you from the lions?) –ดนล.3:17

6:21     “ข้าแต่พระราชา ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์” (O king, live forever) –นหม.2:3;ดนล.3:9

6:22     “พระเจ้า…ทรงใช้ทูตสวรรค์มาปิดปากสิงโตไว้” (God sent his angel and shut the lions’ mouths)

–ปฐก.32:1;ดนล.3:28;สดด.91:11-13;ดนล.6:27;ฮบ.11:33

“ข้าพระบาทไม่ได้ทำผิดประการใดต่อพระพักตร์ฝ่าพระบาทด้วย” (I was found blameless before him) –กจ.12:11;2ทธ.4:17

6:23     “ไม่ปรากฏว่ามีอันตรายอย่างใดที่ตัวท่านเลย” (no kind of harm was found on him) -3:27

“วางใจในพระเจ้าของท่าน” (he had trusted in his God) –1พศด.5:20;อสย.12:2

6:24     “คนเหล่านั้นที่ใส่ร้ายดาเนียล” (those men who had maliciously accused Daniel) –ในภาษาอาราเมค แปลตรงตัวว่า “คนเหล่านั้นที่ได้กัดกินชิ้นส่วนของดาเนียล”

-บางฉบับแปลว่า “บรรดาผู้ที่กล่าวหาดาเนียลอย่างผิด ๆ“

“ถ้ำสิงโต” (the den of lions) –ฉธบ.19:18-19;อสธ.7:9-10;สดด.54:5

“ทั้งตัวเขา บุตรทั้งหลาย และภรรยาของพวกเขาด้วย” (they, their children, and their wives)

= วิธีปฏิบัติตามธรรมเนียมของชาวเปอร์เซีย (ปท. ยชว.7:24) –ฉธบ.24:16;2พกษ.14:6

“พวกสิงโตก็ขย้ำพวกเขา และหักกระดูกของเขาทั้งหลายจนแหลก” (the lions overpowered them and broke all their bones in pieces.) –อสย.38:13

6:25     “ชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษา” (all the peoples, nations)  -ดนล.3:4

“สันติสุขจงมีแก่ท่านทั้งหลายอย่างทวีคูณ” (Peace be multiplied to you) = บางฉบับแปลว่า “ขอท่านทั้งหลายเจริญรุ่งเรืองเถิด” –ดนล.4:1

6:26     “กลัวและยำเกรงพระเจ้าของดาเนียล” (fear before the God of Daniel) –สดด.5:7;อสธ.8:17; สดด.99:1-3;ดนล.3:29

“เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่” (for he is the living God) –ยชว.2:11;3:10

          “ทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์” (enduring forever) – ยรม.10:10 ;ดนล.12:7;วว.1:18

“การปกครองของพระองค์จะดำรงจนถึงที่สุด” (his dominion shall be to the end) –ดนล.2:44

6:27     “พระองค์ทรงช่วยกู้ และช่วยให้พ้นภัย” (He delivers and rescues) –บางฉบับแปลว่า “พระองค์ทรงช่วยและทรงกอบกู้”  –ดนล.3:29

“ทรงทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์” (he works signs and wonders) –ดนล.4:3

“พระองค์คือพระผู้ช่วยดาเนียลให้รอดจากอำนาจของสิงโต” ( he who has saved Daniel from the power of the lions ) –ดนล.6:22

6:28     “ไซรัสชาวเปอร์เซีย” (Cyrus the Persian) –2พศด.36:22;ดนล.1:21

 

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณคิดว่า ทำไมกษัตริย์ดาริอัสจึงแต่งตั้งดาเนียลให้อยู่ในตำแหน่งสูง เป็นถึง 1 ใน 3 ของอภิรัฐมนตรี ปกครองเหนือราชอาณาจักรของพระองค์?
  2. คุณเคยได้รับการแต่งตั้งให้อยู่ในตำแหน่งสูงสุดบ้างหรือไม่? ในตำแหน่งใด? ทำอะไรบ้าง? ทำไม?
  3. ทำไมดาริอัสจึงมีแผนแต่งตั้งดาเนียลให้ครอบครองราชอาณาจักรทั้งหมด?
  4. ทำไมดาเนียลจึงถูกอภิรัฐมนตรีและอุปราชทั้งหลาย หาเหตุเล่นงาน? คุณเคยถูกคนอื่นรวมหัวสมรู้ร่วมคิดกันเล่นงานหรือกล่าวหาคุณบ้างหรือไม่? ทำไม?  เรื่องอะไร? แล้วผลเป็นอย่างไร?
  5. คุณเคยเจ็บปวด เสียหาย (หรือเกือบตาย) เพราะคุณยืนหยัดในความเชื่อของคุณที่มีต่อพระเจ้าบ้างไหม? เรื่องอะไร? แล้วผลสุดท้ายเป็นอย่างไร?
  6. เคยมีผู้ใดที่เป็นคนนอกครอบครัวของคุณที่รู้สึกเสียใจหรือห่วงใยในสวัสดิภาพของคุณอย่างมากบ้างหรือไม่? อย่างไร? เขาเป็นใคร? แล้วทำไมจึงห่วงใยคุณมากเช่นนั้น?
  7. คุณเคยได้รับการช่วยให้รอดพ้นความตายหรือโทษร้ายแรง โดยพระเจ้าบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? และอย่างไร?
  8. เคยมีผู้ใดที่คิดเล่นงานคุณ สูดท้ายกรรมสนองพวกเขาอย่างแสนสาหัสบ้างหรือไม่? เป็นอย่างไร? แบ่งปัน

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมดาเนียล บทที่ 5

เบลชัสซาร์ VS ลายพระหัตถ์บนผนังวัง

พระธรรม        ดาเนียล 5:1-30

อ้างอิง             ดนล.1:2,17;12:5-10,22,27,30,37-38,48;3:9;4:5-7;4:18,22,31; 5:14,30;6:28;7:1;8:1;9:1:11:1;

บทนำ             ไม่ว่าคุณจะยิ่งใหญ่ มีอำนาจบารมีมากเพียงใด หากคุณหยิ่งยะโส และลบหลู่พระเจ้า คุณอาจจะร่วงหลุดจากทุกสิ่งที่คุณครอบครองอยู่ภายในชั่วข้ามคืน  ดังนั้น จงเรียนรู้จักยำเกรงพระเจ้า และดำเนินชีวิตที่ถวายเกียรติแด่พระองค์ แล้วคุณจะไม่ขาดสิ่งดีใด ๆ เลย

บทเรียน

5:1 “กษัตริย์เบลชัสซาร์ได้ทรงจัดงานเลี้ยงใหญ่แก่เจ้านายหนึ่งพันคน และเสวยเหล้าองุ่นท่ามกลางคนหนึ่งพันนั้น” 

   (King Belshazzar made a great feast for a thousand of his lords and drank wine in front of the thousand.)

5:2 “เมื่อเบลชัสซาร์เสวยเหล้าองุ่นแล้ว จึงทรงบัญชาให้นำภาชนะทองคำและเงิน ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ราชบิดาได้ทรงกวาดมาจากพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม ออกมาให้พระราชาและบรรดาเจ้านายของพระองค์ทั้งมเหสีและนาง‍สนม เพื่อใช้ใส่เหล้าองุ่นดื่ม” 

  (Belshazzar, when he tasted the wine, commanded that the vessels of gold and of silver that Nebuchadnezzar his father had taken out of the temple in Jerusalem be brought, that the king  and his lords, his wives, and his concubines might drink from them. )

5:3 “เขาทั้งหลายจึงนำภาชนะทองคำซึ่งยึดมาจากพระวิหารคือพระนิเวศของพระเจ้าในกรุงเยรูซาเล็มออกมา และพระราชาและบรรดาเจ้านายของพระองค์ทั้งมเหสีและนางสนมก็ได้ดื่มจากภาชนะเหล่านั้น” 

  (Then they brought in the golden vessels that had been taken out of the temple, the house of God in Jerusalem, and the king and his lords, his wives, and his concubines drank from them.)

5:4 “เขาทั้งหลายดื่มเหล้าองุ่นและสรรเสริญพระที่ทำด้วยทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้ และหิน”

  (They drank wine and praised the gods of gold and silver, bronze, iron, wood, and stone.)

5:5 “ในทันใดนั้น นิ้วมือคนได้ปรากฏขึ้นและเขียนลงที่ผนังพระราชวังของกษัตริย์หน้าคันประทีป และกษัตริย์ก็ทอดพระเนตรมือที่เขียนนั้น” 

 (Immediately the fingers of a human hand appeared and wrote on the plaster of the wall of the king’s palace, opposite the lamp stand. And the king saw the hand as it wrote.)

5:6 “แล้วพระพักตร์ของกษัตริย์ก็ซีดไป พระองค์ตกพระทัย จนกระทั่งพระเพลาก็อ่อนเปลี้ย พระชานุก็สั่น” 

  (Then the king’s color changed, and his thoughts alarmed him; his limbs gave way, and his knees knocked  together.)

5:7 “กษัตริย์มีรับสั่งเสียงดังให้นำหมอดู คนเคลเดีย และหมอดูฤกษ์ยาม เข้ามาเฝ้า และกษัตริย์ตรัสกับพวกนักปราชญ์ของบาบิโลนว่า “ผู้อ่านข้อเขียนนี้และแปลความให้เราได้ เราจะให้ผู้นั้นสวมเสื้อสีม่วงและสวมสร้อยคอทองคำ และเราจะตั้งให้เป็นอุปราชตรีในราชอาณาจักรของเรา

   (The king called loudly to bring in the enchanters, the Chaldeans, and the astrologers. The king declared to the wise men of Babylon, “Whoever reads this writing, and shows me its interpretation,  shall be clothed with purple and have a chain of gold around his neck and shall be the third ruler in the kingdom.” 

5:8 “แล้วพวกนักปราชญ์ของกษัตริย์ก็เข้ามาทั้งหมด แต่พวกเขาอ่านข้อเขียน หรือแปลความหมายให้กษัตริย์ไม่ได้”

   (Then all the king’s wise men came in, but they could not read the writing or make known to the king the interpretation.)

5:9 “แล้วกษัตริย์เบลชัสซาร์ก็ตกพระทัยมาก และพระพักตร์ของพระองค์ก็ซีดไป และเจ้านายทั้งหลายของพระองค์ก็สนเท่ห์”

   (Then King Belshazzar was greatly alarmed, and his color changed, and his lords were perplexed.)

5:10 “พระราชินีเสด็จเข้ามาในการเลี้ยง เพราะได้ยินถ้อยคำของกษัตริย์และเจ้านายทั้งหลาย และพระราชินีตรัสว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์ ขอฝ่าพระบาทอย่าได้ตกพระทัย หรือให้พระพักตร์ของพระองค์ซีด​ไป” 

   (The queen, because of the words of the king and his lords, came into the banqueting hall, and the queen declared, “O king, live forever! Let not your thoughts alarm you or your color change.)

5:11 “ในราชอาณาจักรของฝ่าพระบาทมีชายคนหนึ่งมีวิญญาณของบรรดาพระผู้บริสุทธิ์ในตัวเขา ในสมัยรัชกาลของพระราชบิดา ความสว่าง ความเข้าใจ และปัญญาเหมือนปัญญาของบรรดาพระทั้งหลายได้มีประจำอยู่ที่ชายคนนี้ และพระราชาเนบูคัดเนสซาร์ พระราชบิดาของฝ่าพระบาท ได้ทรงแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าของพวกโหร หมอดู คนเคลเดีย และหมอดูฤกษ์ยาม” 

   (There is a man in your kingdom in whom is the spirit of the holy gods. In the days of your father,  light and understanding and wisdom like the wisdom of the gods were found in him, and King Nebuchadnezzar, your father—your father the king—made him chief of the magicians,  enchanters, Chaldeans, and astrologers, )

5:12 “เขาคือดาเนียล ซึ่งพระราชาประทานนามว่าเบลเทชัสซาร์ เขามีวิญญาณเลิศ มีความรู้และความเข้าใจที่จะแก้ความฝัน แก้ปริศนาและแก้ปัญหาต่างๆ ขอทรงเรียกดาเนียลให้เข้ามาเฝ้าเดี๋ยวนี้ แล้วเขาจะแปลความหมายถวายฝ่าพระบาท

    (because an excellent spirit, knowledge, and understanding to interpret dreams, explain riddles, and solve problems were found in this Daniel, whom the king named Belteshazzar. Now let  Daniel be called, and he will show the interpretation.”)

5:13 “ดาเนียลจึงถูกเรียกให้เข้าเฝ้าพระราชา พระราชาตรัสถามดาเนียลว่า “ท่านคือดาเนียลคนนั้นในพวกที่ถูกกวาดเป็นเชลยมาจากยูดาห์ ที่พระราชาเสด็จพ่อของเรานำมาจากยูดาห์หรือ?” 

    (Then Daniel was brought in before the king. The king answered and said to Daniel, “You are that Daniel, one of the exiles of Judah, whom the king my father brought from Judah. )

5:14 “เราได้ยินว่าท่านมีวิญญาณของบรรดาพระในตัวท่าน และท่านมีความสว่าง ความเข้าใจ และปัญญาเลิศประจำตัว” 

   (I have heard of you that the spirit of the gods is in you, and that light and understanding and excellent wisdom are found in you.)

5:15 “พวกนักปราชญ์และพวกหมอดูถูกเรียกมาให้อ่านข้อความนี้ และแปลความหมายให้เรา แต่เขาแปลความหมายของเรื่องราวนี้ไม่ได้”

    (Now the wise men, the enchanters, have been brought in before me to read this writing and make known to me its interpretation, but they could not show the interpretation of the matter. )

5:16 “แต่เราได้ยินว่าท่านสามารถแปลและแก้ปัญหาได้ บัดนี้ถ้าท่านอ่านข้อความและแปลความหมายให้ได้ ท่านจะได้สวมเสื้อสีม่วงและสวมสร้อยคอทองคำ และเป็นอุปราชตรีในราชอาณาจักร

   (But I have heard that you can give interpretations and solve problems. Now if you can read the writing and make known to me its interpretation, you shall be clothed with purple and have a chain of gold around your neck and shall be the third ruler in the kingdom.)

5:17 “แล้วดาเนียลทูลพระราชาว่า “ขอทรงเก็บของพระราชทานไว้เป็นของฝ่าพระบาทเถิด และขอประทานรางวัลแก่ผู้อื่น ส่วนข้าพระบาทจะขออ่านข้อเขียนถวายพระราชาและถวายคำแปลความหมายให้ฝ่าพระบาททรงทราบ” 

   (Then Daniel answered and said before the king, “Let your gifts be for yourself, and give your rewards to another. Nevertheless, I will read the writing to the king and make known to him the interpretation.)

5:18 “ข้าแต่พระราชา พระเจ้าสูงสุดได้ประทานราชอาณาจักร ความยิ่งใหญ่ ศักดิ์ศรี และบารมีแก่เนบูคัดเนสซาร์ราชบิดาของฝ่าพระบาท” 

   (O king, the Most High God gave Nebuchadnezzar your father kingship and greatness and glory and majesty.)

5:19 “และเพราะความยิ่งใหญ่ซึ่งพระองค์ประทานแก่เนบูคัดเนสซาร์ ชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษาจึงสั่นสะท้านและเกรงขามพระราชา พระองค์จะทรงประหารผู้ใดก็ทรงประหารเสีย จะทรงให้ผู้ใดดำรงชีวิตอยู่ก็ทรงให้ดำรงชีวิต จะทรงแต่งตั้งผู้ใดก็ทรงแต่งตั้ง จะทรงทำให้ผู้ใดต่ำต้อยลงก็ทรงทำ” 

   (And because of the greatness that he gave him, all peoples, nations, and languages trembled and feared before him. Whom he would, he killed, and whom he would, he kept alive; whom he would, he raised up, and whom he would, he humbled. )

5:20 “แต่เมื่อพระทัยของราชบิดาผยองขึ้น จิตวิญญาณของพระองค์ก็แข็งกระด้างไป จึงทรงประกอบกิจด้วยความเห่อเหิม พระเจ้าทรงถอดพระองค์จากราชบัลลังก์ และทรงริบศักดิ์ศรีของพระองค์ไปเสีย

   (But when his heart was lifted up and his spirit was hardened so that he dealt proudly, he was brought down from his kingly throne, and his glory was taken from him.)

5:21 “พระเจ้าทรงขับไล่เนบูคัดเนสซาร์ไปจากท่ามกลางมนุษย์ และทรงทำให้พระทัยเป็นเหมือนใจสัตว์ป่า และทรงให้อยู่กับลาป่า ทรงให้เสวยหญ้าเหมือนโค และพระกายก็เปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ จนกว่าจะทรงสำนึกว่า​พระเจ้าสูงสุดทรงปกครองราชอาณาจักรของมนุษย์ และทรงแต่งตั้งผู้ที่พระองค์จะทรงแต่งตั้งให้ปกครอง” 

   (He was driven from among the children of mankind, and his mind was made like that of a beast, and his dwelling was with the wild donkeys. He was fed grass like an ox, and his body was wet with the dew of heaven, until he knew that the Most High God rules the kingdom of mankind and sets over it whom he will.)

5:22 “ข้าแต่เบลชัสซาร์ ฝ่าพระบาทเป็นราชโอรส แม้ฝ่าพระบาททรงทราบสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็ไม่ได้ถ่อมพระทัย” 

    (And you his son, Belshazzar, have not humbled your heart, though you knew all this) 

5:23 “แต่กลับทรงยกองค์ขึ้นสู้กับองค์เจ้านายแห่งสวรรค์ และทรงให้นำภาชนะแห่งพระนิเวศของพระองค์มาต่อพระพักตร์ฝ่าพระบาท แล้วฝ่าพระบาท พวกเจ้านายของฝ่าพระบาท ทั้งมเหสี และนางสนมของฝ่าบาทก็ดื่มเหล้าองุ่นจากภาชนะเหล่านั้น และฝ่าพระบาททรงสรรเสริญพระที่ทำด้วยเงิน ทองคำ ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้ และหิน ซึ่งจะดูหรือฟังหรือเข้าใจก็ไม่ได้ แต่ฝ่าพระบาทไม่ได้ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า ผู้ซึ่งลมปราณของฝ่าพระบาทอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์ และทางทั้งสิ้นของฝ่าพระบาทก็ขึ้นอยู่กับพระองค์”

    (but you have lifted up yourself against the Lord of heaven. And the vessels of his house have been brought in before you, and you and your lords, your wives, and your concubines have drunk wine from them. And you have praised the gods of silver and gold, of bronze, iron, wood, and stone, which do not see or hear or know, but the God in whose hand is your breath, and whose are all your ways, you have not honored.)

5:24 “ฉะนั้นจึงมีมือซึ่งรับใช้มาจากพระเจ้าได้จารึกข้อเขียนนี้ลงไว้” 

    (Then from his presence the hand was sent, and this writing was inscribed.)

5:25 “ต่อไปนี้เป็นข้อเขียนที่จารึกไว้คือเมเน เมเน เทเคล และ ฟารสิน” 

    (And this is the writing that was inscribed: Mene, Mene, Tekel, and Parsin.)

5:26 “ต่อไปนี้เป็นคำแปลข้อความนั้น เมเน พระเจ้าได้ทรงคำนวณวาระแห่งราชอาณาจักรของฝ่าพระบาทไว้แล้ว และทรงนำราชอาณาจักรนั้นมาถึงที่สิ้นสุด” 

    (This is the interpretation of the matter: Mene, God has numbered the days of your kingdom and  brought it to an end )

5:27 “เทเคลฝ่าพระบาทได้ถูกชั่งในตราชู ทรงเห็นว่ายังขาดอยู่” 

   (Tekel, you have been weighed in the balances and found wanting)

5:28 “เปเรส ราชอาณาจักรของฝ่าพระบาทถูกแบ่งออกให้แก่คนมีเดียและคนเปอร์เซีย

    (Peres, your kingdom is divided and given to the Medes and Persians.)

5:29 “แล้วเบลชัสซาร์ก็ทรงบัญชาให้ดาเนียลสวมเสื้อสีม่วงและสวมสร้อยคอทองคำ และทรงให้ประกาศเกี่ยวกับท่านว่า ท่านได้เป็นอุปราชตรีในราชอาณาจักร”

   (Then Belshazzar gave the command, and Daniel was clothed with purple, a chain of gold was put around his neck, and a proclamation was made about him, that he should be the third ruler in the kingdom.)

5:30 “ในคืนวันนั้นเอง เบลชัสซาร์พระราชาคนเคลเดียทรงถูกสังหาร 

   (That very night Belshazzar the Chaldean king was killed) 

5:31 “และดาริอัสชาวมีเดียก็ทรงรับราชอาณาจักรเมื่อมีพระชนมายุ 62 พรรษา”

   (And Darius the Mede received the kingdom, being about sixty-two years old.)

 

ข้อมูลมีประโยชน์

5:1-4     เหตุการณ์ที่ออกอาการสำเริงสำราญ สำมะเลเทเมา และหมิ่นประมาทพระเจ้าในงานเลี้ยงเช่นนี้ ได้รับการ

บันทึกโดยนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกโบราณ คือ เฮโรโดทัส และเซโนโฟน เช่นกัน

5:1       “กษัตริย์เบลชัสซาร์” (King Belshazzar) ชื่อ “เบลชัสซาร์” แปลว่า “ขอพระเบลคุ้มครององค์กษัตริย์”

-เขาเป็นโอรสและอุปราชของเนโบนีดัส เขาถูกเรียกว่า “โอรส” ของเนบูคัดเนสซาร์ (ข.22)

แต่คำภาษาอาราเมค ที่ใช้อยู่นี้ สามารถหมายถึง หลานหรือวงศ์วานหรือผู้สืบเชื้อสายได้ด้วย

5:2       “ภาชนะทองคำและเงิน ซึ่งเนบูคัดเนสซาร์ราชบิดาได้ทรงกวาดมาจากพระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม”

(the vessels of gold and of silver that Nebuchadnezzar his father had taken out of the temple in Jerusalem) = เนบูคัดเนสซาร์ ยึดมาในช่วงปีที่ 8 ที่พระองค์ครองราชย์ (ปี 597 ก.ค.ศ.) –2พกษ.24:12-13

5:5       “ในทันใดนั้น” (Immediately) -4:31;สภษ.29:1;1ธส.5:3

5:7       “เราจะตั้งให้เป็นอุปราชตรีในราชอาณาจักรของเรา” (shall be the third ruler in the kingdom) = ให้ครองอำนาจเป็นที่ 3 ในราชอาณาจักร ผู้ที่เป็นที่ 1 คือ เนโบนีดัส    ที่ 2 คือเบลชัสซาร์

5:10     “พระราชินี” (The queen) พระนางอาจหมายถึง

  • มเหสีของเนบูคัดเนสซาร์ หรือ
  • ธิดาของเนบูคัดเนสซาร์ และเป็นมเหสีของเนโบนีดัส ด้วย
  • มเหสีของเนโบนีดัส (แต่ไม่ใช่ธิดาของเนบูคัดเนสซาร์)

5:11     “ในสมัยรัชกาลของพระราชบิดา” (In the days of your father) = เนบูคัดเนสซาร์ สิ้นพระชนม์ในปี 562 ก.ค.ศ.  แต่ตอนนี้คือปี 539 ก.ค.ศ.

5:16     “เป็นอุปราชตรีในราชอาณาจักร” (shall be the third ruler in the kingdom) = ให้ครองอำนาจเป็นที่ 3 (ข.7)

5:17     “ขอทรงเก็บของพระราชทานไว้เป็นของฝ่าพระบาทเถิด” (Let your gifts be for yourself)

–ปฐก.14:23;2พกษ.5:16

5:21     “ทรงทำให้พระทัยเป็นเหมือนใจสัตว์ป่า” (his mind was made like that of a beast) -4:25

“จนกว่าจะทรงสำนึกว่าพระเจ้าสูงสุดทรงปกครองราชอาณาจักรของมนุษย์” (until he knew that the Most High God rules the kingdom of mankind ) = จนกว่าพระองค์เรียนรู้ว่า พระเจ้าสูงสุดเป็นผู้ครอบครองเหนืออาณาจักรทั้งปวงของมนุษย์ – อสค.17:24;ดนล.4:16-17

5:22-23  -เบลชัสซาร์ ทำผิด 3 ประการ

  1. พระองค์ทำบาป – เพราะใจเย่อหยิ่ง (ข.22)
  2. พระองค์ลบหลู่พระเจ้า –โดยทำให้ภาชนะศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าเป็นมลทิน (ข.23 ก)
  3. พระองค์สรรเสริญรูปเคารพ ไม่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า (ข.23ข)

5:23     “ทรงยกองค์ขึ้นสู้กับองค์เจ้านายแห่งสวรรค์ ทรงสรรเสริญพระที่ทำด้วยเงิน ทองคำ ทองสัมฤทธิ์ เหล็ก ไม้ และหิน” (you have lifted up yourself against the Lord of heaven…you have praised the gods of silver and gold, of bronze, iron, wood, and stone)  = เบลชัสซาร์ นมัสการพระเทียมเท็จ ที่แตกต่างจากพระเจ้าเที่ยงแท้องค์เดียวอย่างสิ้นเชิง ประเด็นเรื่องพระเที่ยงแท้กับพระเทียมเท็จ ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์ตลอดมา –ดนล.3:29;อสย.41:5-10; 44:6-23;ยรม.10:1-16;อสค.8-9;ฮชย.13:18;ฮบก.2:18—20;สดด.115:5-8;135:15-18

5:24     “ฉะนั้น จึงมีมือซึ่งรับใช้มาจากพระเจ้า” (Then from his presence the hand was sent)

= พระเจ้าจึงทรงส่งมือ

= ดาเนียลรอจนจังหวะสุดท้ายจึงเปิดเผยว่า พระเจ้าเป็นผู้ที่ให้ข้อความบนผนังมา

5:25     “เมเน เมเน เทเคล…ฟารสิน” (Mene, Mene, Tekel… Parsin ) = ภาษาอารเมค ใช้คำว่า “อูปาร์ซิน”

(อูฟารสิน) ที่แปลออกมาว่า “และฟารสิน”

5:26     “เมเน” (Mene ) = นับ หรือมินา (เป็นหน่วยของเงินตรา) = พระเจ้านับวันเวลาแห่งรัชกาลและนำมาถึงจุดจบ

5:27     “เทเคล” (Tekel)  = ชั่ง หรือเชเขล (เป็นหน่วยเงินตรา) = ตราชั่งตามมาตรฐานของพระเจ้า (โยบ 31:6;สดด.62:9)

5:28     “เปเรส” (Peres) = เป็นรูปเอกพจน์ของปาร์ซิน หรือ ฟารสิน แปลว่า “แบ่งแยก” หรือ เปอร์เซีย หรือครึ่งมินาหรือครึ่งเชเขลก็ได้

= ดาเนียลใช้การเล่นคำ “แบ่งแยก เปอร์เซีย”  – มีเดียและเปอร์เซีย คือ อาณาจักรที่ 2 จาก 4 อาณาจักรที่ทำนายในบทที่ 2

5:26-28  -ดังนั้น ในตอนนี้ คำที่เขียนจึงหมายถึงมาตราชั่งทั้ง 3 คือ มินา – เชเขล และครึ่ง (มินา/เชเขล) ซึ่งเล็งถึงผู้ปกครองทั้ง  3 เรียงลำดับได้ดังนี้

  1. เนบูคัดเนสซาร์
  2. เอวิลเมโรดัก (2พกษ.25:27)

หรือ ไม่ก็ เนโบนีดัส

  1. เบลชัสซาร์

5:29     “สวมสร้อยคอทองคำ” (a chain of gold was put around his neck) –ปฐก.41:42

= สัญลักษณ์ของสิทธิอำนาจ

5:30     “ในคืนวันนั้นเอง” (That very night) –สภษ.6:15;ลก.12:20

5:31     “ดาริอัสชาวมีเดีย” ( Darius the Mede) = อาจเป็นอีกชื่อหนึ่งของกูบารุ ที่ถูกกล่าวถึงในจารึกของบาบิโลนว่า เป็นผู้ว่าการซึ่งไซรัสตั้งให้ดูดินแดนที่บาบิโลนพิชิตได้ในภายหลัง หรือ “ดารอัสแห่งมีเดีย” อาจเป็นพระนามอย่างเป็นทางการ ซึ่งไซรัสได้รับจากการบรมราชาภิเษก ในบาบิโลน (6:28;1พศด.5:26)

“รับราชอาณาจักร” (received the kingdom) = ยึดบาบิโลนได้ในปี 539 ก.ค.ศ.

= เวลานี้ไม่มีศีรษะทำด้วยทองคำอีกต่อไป (2:38) ตามที่ดาเนียลทำนายฝันไว้ใน 2:39

 

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยเดือดร้อนเพราะความทรนงฮึกเหิม หรือหยิ่งยะโสเกินไปหรือไม่? อย่างไร? ผลที่เกิดขึ้นคืออะไร?
  2. คุณเคยเจอปัญหาไม่คาดฝัน เพราะการกินดื่มหรือรื่นเริงของคุณบ้างหรือไม่? (แบ่งปัน)
  3. คุณเคยไหว้รูปเคารพหรือไม่? (แบ่งปัน) แล้วคุณเลิกกราบไหว้บูชาได้อย่างไร?  เมื่อไร?
  4. คุณเคยประสบกับเหตุการณ์ที่ทำให้คุณ “ช็อคมาก” แบบไม่คาดฝันบ้างไหม? อย่างไร?
  5. คุณเคยมีปัญหาใหญ่หรือคำถามสำคัญที่ไม่มีใครตอบได้บ้างหรือไม่? แล้วคุณได้คำตอบมาจากไหน? อย่างไร?
  6. คุณเคยมีผู้ที่ช่วยเตือนสติคุณหรือช่วยคุณไม่ให้สติแตกบ้างไหม? เขา/เธอเป็นใคร? และเหตุการณ์เป็นอย่างไร? (แบ่งปัน)
  7. คุณเคยได้รับการเสนอรางวัลหรือการมอบสิ่งที่มีค่ามาก แต่คุณปฏิเสธบ้างหรือไม่? เป็นอย่างไร (แบ่งปัน) ทำไม?
  8. คุณมีประสบการณ์กับการรับใช้(พระเจ้า/ผู้อื่น) โดยไม่หวังผลตอบแทนที่คุณหรือคนอื่นประทับใจแบบไม่รู้ลืมบ้างหรือไม่? อย่างไร?
  9. คุณเคยเห็นการขึ้นและการลงจากอำนาจของผู้มีตำแหน่งสูงที่คุณรู้จักบ้างไหม? และมีบทเรียนอะไรสอนใจคุณบ้าง?

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมดาเนียล บทที่ 4

พระสุบินที่ 2

ของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์

พระธรรม        ดาเนียล 4:1-37

อ้างอิง             ดนล.3:4;6:25-27;7:1,15,28;8:27;2:1-3,20,13,21,28,44-48;4:5,7-10,18-19,23,32;5:6-8,11-12, 8-21,28;11:21

บทนำ             ไม่ว่าคุณจะยิ่งใหญ่สักแค่ไหน พระเจ้าก็ทรงสามารถดึงคุณให้ต่ำลงได้ และไม่ว่าคุณจะตกต่ำลงสักเพียงใด พระเจ้าก็ทรงสามารถนำคุณให้กลับคืนสู่ศักดิ์ศรีและเริ่มต้นใหม่ได้!

บทเรียน

4:1 “เรา กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ ส่งสาสน์มายังชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษา ซึ่งอาศัยอยู่บนพิภพทั้งสิ้น ขอให้ความสุขความเจริญ      เพิ่มพูนแก่ท่าน” 

   (King Nebuchadnezzar to all peoples, nations, and languages, that dwell in all the earth: Peace be multiplied to you! )

4:2 “เราเห็นสมควรที่กล่าวถึงหมายสำคัญและการอัศจรรย์ ซึ่งพระเจ้าสูงสุดได้ทรงทำแก่เรา”

    (It has seemed good to me to show the signs and wonders that the Most High God has done for me.)

4:3 “หมายสำคัญของพระองค์ใหญ่ยิ่ง การอัศจรรย์ของพระองค์มีอานุภาพยิ่ง ราชอาณาจักรของพระองค์ถาวรเป็นนิตย์และการปกครองของพระองค์นั้นดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ”

   (How great are his signs, how mighty his wonders! His kingdom is an everlasting kingdom, and his dominion endures from generation to generation.)

4:4 “ตัวเราคือ เนบูคัดเนสซาร์อยู่อย่างสบายในนิเวศของเรา และมีความเจริญอยู่ในวัง”

       ( I, Nebuchadnezzar, was at ease in my house and prospering in my palace.)

4:5 “ขณะเมื่อเรานอนบนที่นอน เราฝันเห็นเรื่องซึ่งทำให้เรากลัว ความคิดและนิมิตอันผุดขึ้นในศีรษะของเราเป็นเหตุให้เราตกใจ”

     (I saw a dream that made me afraid. As I lay in bed the fancies and the visions of my head alarmed me.)

4:6 “เราก็สั่งให้เรียกนักปราชญ์ของบาบิโลนทั้งสิ้นมาหาเรา เพื่อแก้ความฝันให้เรา” 

   (So I made a decree that all the wise men of Babylon should be brought before me, that they might make known to me the interpretation of the dream.)

4:7 “พวกโหร หมอดู คนเคลเดีย และหมอดูฤกษ์ยามก็มาเข้าเฝ้า เราก็เล่าความฝันแก่พวกเขา แต่เขาแก้ฝันให้เราไม่ได้” 

 (Then the magicians, the enchanters, the Chaldeans, and the astrologers came in, and I told them the dream, but they could not make known to me its interpretation.)

4:8 “ในที่สุดดาเนียลก็เข้ามาเฝ้าเรา เขามีชื่อว่าเบลเทชัสซาร์ ตามนามพระของเรา เขามีวิญญาณของบรรดาพระผู้บริสุทธิ์ เราก็เล่าความฝันให้เขาฟังว่า” 

 (At last Daniel came in before me—he who was named Belteshazzar after the name of my god, and in whom  is the spirit of the holy gods—and I told him the dream, saying,)

4:9 “โอ เบลเทชัสซาร์ หัวหน้าของพวกโหร เพราะเราทราบว่าวิญญาณของบรรดาพระผู้บริสุทธิ์อยู่ในท่าน และไม่มีความล้ำลึกใดๆ ทำให้ท่านงุนงง เรื่องที่เราฝันเห็นเป็นดังนี้ ขอแก้ฝันให้แก่เราเถิด”

  (“O Belteshazzar, chief of the magicians, because I know that the spirit of the holy gods is in you and that no mystery is too difficult for you, tell me the visions of my dream that I saw and their interpretation.)

4:10 “นิมิตที่ผุดขึ้นในศีรษะของเราเมื่อนอนอยู่บนที่นอน คือเราได้เห็นต้นไม้ต้นหนึ่งท่ามกลางพิภพมันสูงมาก”

 (The visions of my head as I lay in bed were these: I saw, and behold, a tree in the midst of the earth, and its height was great.)

4:11 “ต้นไม้นั้นเติบโตและแข็งแรง ยอดของมันขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ และแม้อยู่ถึงสุดปลายพิภพ ก็ยังมองเห็น”

 (The tree grew and became strong, and its top reached to heaven, and it was visible to the end of the whole earth.)

4:12 “ใบงดงาม และผลก็อุดมสมบูรณ์ และจากต้นไม้นั้น มีอาหารให้แก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวง สัตว์ในท้องทุ่งอาศัยอยู่ใต้ร่มของมันนกบนฟ้าก็อาศัยอยู่ที่กิ่งก้านของมัน และสิ่งมีชีวิตทั้งปวงก็เลี้ยงชีพอยู่ด้วยมัน”

  (Its leaves were beautiful and its fruit abundant, and in it was food for all. The beasts of the field found  shade under it, and the birds of the heavens lived in its branches, and all flesh was fed from it.)

4:13 “ในนิมิตที่ผุดขึ้นในศีรษะของเราเมื่อเราอยู่บนที่นอนคือ เราได้เห็นทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์องค์หนึ่งลงมาจากฟ้าสวรรค์” 

 (“I saw in the visions of my head as I lay in bed, and behold, a watcher, a holy one, came down from heaven.) 

4:14 “ท่านเปล่งเสียงดังและพูดว่า ‘โค่นต้นไม้นี้และตัดกิ่งออกเสีย ลิดใบออกแล้วให้ผลของมันกระจายไป ให้สัตว์ป่าหนีไปจากใต้ต้น และให้นกหนีไปจากกิ่งของมัน” 

     (He proclaimed aloud and said thus: ‘Chop down the tree and lop off its branches, strip off its leaves and scatter its fruit. Let the beasts flee from under it and the birds from its branches.) 

4:15 “แต่จงปล่อยให้ตอรากติดอยู่ในดิน มีแถบเหล็กและทองสัมฤทธิ์มัดไว้ ให้อยู่ท่ามกลางหญ้าอ่อนในทุ่งนา ให้เปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ ให้มีส่วนอยู่กับสัตว์ป่าในหญ้าที่พื้นดิน” 

  (But leave the stump of its roots in the earth, bound with a band of iron and bronze, amid the tender grass of the field. Let him be wet with the dew of heaven. Let his portion be with the beasts in the grass of the earth.)

4:16 “ให้จิตใจเปลี่ยนจากจิตใจมนุษย์เป็นจิตใจสัตว์ป่า และปล่อยให้เป็นอยู่อย่างนั้นจนครบเจ็ดวาระ” 

   (Let his mind be changed from a man’s, and let a beast’s mind be given to him; and let seven periods of time       pass over him.)

4:17 “คำพิพากษานั้นเป็นคำสั่งของบรรดาทูตสวรรค์ คำตัดสินนั้นเป็นวาทะของผู้บริสุทธิ์ทั้งหลาย เพื่อบรรดาผู้มีชีวิตอยู่จะได้ทราบว่าพระองค์ผู้สูงสุดทรงปกครองบรรดาราชอาณาจักรของมนุษย์ และประทานราชอาณาจักรนั้นแก่ผู้ที่พระองค์พอพระทัย และทรงตั้งผู้ต่ำต้อยที่สุดให้ปกครอง’ 

   (The sentence is by the decree of the watchers, the decision by the word of the holy ones, to the end that the living may know that the Most High rules the kingdom of men and gives it to whom he will and sets over it the lowliest of men.’)

4:18 “ความฝันนี้ตัวเราคือกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้เห็น และโอ เบลเทชัสซาร์ ท่านจงกล่าวคำแก้ฝันเถิด เพราะพวกนักปราชญ์ทั้ง‍  สิ้นแห่งราชอาณาจักรของเราไม่สามารถให้คำแก้ความฝันแก่เรา แต่ท่านสามารถ เพราะวิญญาณของบรรดาพระผู้บริสุทธิ์อยู่ในตัวท่าน

   (This dream I, King Nebuchadnezzar, saw. And you, O Belteshazzar, tell me the interpretation, because all  the wise men of my kingdom are not able to make known to me the interpretation, but you are able, for the  spirit of the holy gods is in you.)

4:19 “แล้วดาเนียล ผู้มีชื่อว่าเบลเทชัสซาร์ตะลึงอยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง ความคิดของท่านก็ทำให้ท่านตกใจ กษัตริย์ตรัสว่า “เบลเทชัสซาร์เอ๋ย อย่าให้ความฝันหรือคำแก้ความฝันทำให้ท่านตกใจเลย” เบลเทชัสซาร์ทูลตอบว่า “เจ้านายของข้าพระบาท ขอให้ความฝันนั้นเป็นของบรรดาศัตรูของพระองค์เถิด และขอให้คำแก้ความฝันนั้นตกแก่พวกอริของพระองค์” 

  (Then Daniel, whose name was Belteshazzar, was dismayed for a while, and his thoughts alarmed him. The king answered and said, “Belteshazzar, let not the dream or the interpretation alarm you.” Belteshazzar answered and said, “My lord, may the dream be for those who hate you and its interpretation for your enemies! )

4:20 “ต้นไม้ที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตร ซึ่งเติบโตขึ้นและแข็งแรง จนยอดขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ และแม้จะอยู่ถึงสุดปลายพิภพ ก็ยั’มองเห็น” 

  (The tree you saw, which grew and became strong, so that its top reached to heaven, and it was visible to the end of the whole earth,)

4:21 “ใบงดงามและผลก็อุดมสมบูรณ์ และจากต้นไม้นั้น มีอาหารให้แก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวง สัตว์ในท้องทุ่งอาศัยอยู่ใต้ร่มของมัน นกบนฟ้าก็ทำรังอยู่ที่กิ่งก้านของมัน” 

   (whose leaves were beautiful and its fruit abundant, and in which was food for all, under which beasts of the field found shade, and in whose branches the birds of the heavens lived) 

4:22 “ข้าแต่พระราชา นี่คือฝ่าพระบาทเอง ผู้ทรงเจริญและเข้มแข็ง ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้เจริญขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ และการครอบครองของพระองค์ไปถึงสุดปลายพิภพ” 

  (it is you, O king, who have grown and become strong. Your greatness has grown and reaches to heaven, and your dominion to the ends of the earth.) 

4:23 “และที่พระราชาทอดพระเนตรทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์ลงมาจากฟ้าสวรรค์ และพูดว่า ‘โค่นต้นไม้นี้ลงและทำลายเสีย แต่จงปล่อยให้ตอรากติดอยู่ในดิน มีแถบเหล็กและทองสัมฤทธิ์ล่ามไว้ ให้อยู่ท่ามกลางหญ้าอ่อนในทุ่งนา ให้เปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรคให้อยู่ร่วมกับสัตว์ในท้องทุ่ง และปล่อยให้อยู่อย่างนั้นจนครบเจ็ดวาระ

   (And because the king saw a watcher, a holy one, coming down from heaven and saying, ‘Chop down the tree and destroy it, but leave the stump of its roots in the earth, bound with a band of iron and bronze, in the tender grass of the field, and let him be wet with the dew of heaven, and let his portion be with the beasts of the field, till seven periods of time pass over him,’)

4:24 “ข้าแต่พระราชา ต่อไปนี้เป็นคำแก้พระสุบิน เป็นพระราชกฤษฎีกามาจากพระผู้สูงสุด ซึ่งมาถึงพระราชาเจ้านายของข้า‍พระบาทว่า” 

  (this is the interpretation, O king: It is a decree of the Most High, which has come upon my lord the king,)

4:25 “ฝ่าพระบาทจะทรงถูกขับไล่ไปจากท่ามกลางมนุษย์ และฝ่าพระบาทจะอยู่กับสัตว์ในท้องทุ่ง ฝ่าพระบาทจะต้องเสวยหญ้าอย่างกับโค และต้องเปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ จะเป็นอยู่อย่างนั้นจนครบเจ็ดวาระ จนกว่าฝ่าพระบาทจะทราบว่า พระผู้สูงสุดนั้นทรงปกครองราชอาณาจักรของมนุษย์ และพระองค์จะประทานราชอาณาจักรนั้นแก่ผู้ที่พระองค์พอพระทัย” 

  (that you shall be driven from among men, and your dwelling shall be with the beasts of the field.You shall be made to eat grass like an ox, and you shall be wet with the dew of heaven, and seven periods of time shall pass over you, till you know that the Most High rules the kingdom of men and gives it to whom he will.) 

4:26 “และที่ทรงบัญชาให้เหลือตอรากต้นนั้นไว้ก็หมายความว่า ราชอาณาจักรจะยังเป็นของฝ่าพระบาท เมื่อฝ่าพระบาททรงยอมรับว่าการปกครองนั้นเป็นของสวรรค์”

   (And as it was commanded to leave the stump of the roots of the tree, your kingdom shall be  confirmed for you from the time that you know that Heaven rules.)

4:27 “ข้าแต่พระราชา เพราะฉะนั้นขอทรงรับคำแนะนำของข้าพระบาท ขอฝ่าพระบาททรงเลิกทำบาปเสียโดยการทำความชอบธรรม และเลิกทำบาปชั่วโดยการสำแดงความกรุณาต่อผู้ถูกบีบบังคับ เผื่อว่าความเจริญของฝ่า พระบาทอาจจะยืดยาวไปอีกได้

  (Therefore, O king, let my counsel be acceptable to you: break off your sins by practicing righteousness, and your iniquities by showing mercy to the oppressed, that there may perhaps be a lengthening of your prosperity.”)

4:28 “สิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นได้เกิดขึ้นแก่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์”

        (All this came upon King Nebuchadnezzar.)

4:29 “ต่อมาอีกสิบสองเดือน พระองค์ทรงดำเนินอยู่บนดาดฟ้าพระราชวังที่บาบิโลน

        (At the end of twelve months he was walking on the roof of the royal palace of Babylon)

4:30 “แล้วกษัตริย์ตรัสว่า “นี่เป็นมหา‍บา‌บิ‌โลน ซึ่งเราได้สร้างไว้ด้วยอำนาจใหญ่ยิ่งของเรา ให้เป็นพระ‍ราช‌ฐานและเพื่อเป็นศักดิ์‍ศรีอันสูงส่งของเรามิใช่หรือ?” 

    (and the king answered and said, “Is not this great Babylon, which I have built by my mighty power as a royal residence and for the glory of my majesty?” )

4:31 “เมื่อกษัตริย์ตรัสยังไม่ทันจบ ก็มีเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ว่า “โอ กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ เราประกาศแก่เจ้าว่า ราชอาณาจักรได้พรากไปจากเจ้าแล้ว” 

  (While the words were still in the king’s mouth, there fell a voice from heaven, “O King  Nebuchadnezzar, to you it is spoken: The kingdom has departed from you,) 

4:32 “และเจ้าจะถูกขับไล่ไปจากท่ามกลางมนุษย์ เจ้าจะอยู่กับสัตว์ในท้องทุ่ง จะต้องกินหญ้าอย่างกับโค จะเป็นอยู่อย่างนั้นจนครบเจ็ดวาระ จนกว่าเจ้าจะเรียนรู้ได้ว่า พระผู้สูงสุดทรงปกครองบรรดาราชอาณาจักรของมนุษย์ และประทานราชอาณาจักรเหล่านั้นแก่ผู้ที่พระองค์พอพระทัย” 

  (and you shall be driven from among men, and your dwelling shall be with the beasts of the field. And you shall be made to eat grass like an ox, and seven periods of time shall pass over you, until you know that the Most High rules the kingdom of men and gives it to whom he will.”)

4:33 “ในทันใดนั้นเอง พระดำรัสเกี่ยวกับเนบูคัดเนสซาร์ก็สำเร็จ พระองค์ทรงถูกขับไล่ไปจากท่ามกลางมนุษย์ และเสวยหญ้าอย่างกับโค และพระกายก็เปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ จนขนงอกยาวอย่างกับขนนกอินทรี และเล็บก็เหมือนเล็บนก”

  (Immediately the word was fulfilled against Nebuchadnezzar. He was driven from among men and ate grass like an ox, and his body was wet with the dew of heaven till his hair grew as long as eagles’ feathers, and his nails were like birds’ claws.)

4:34 “เมื่อสิ้นสุดวาระนั้นแล้ว ตัวเราเนบูคัดเนสซาร์ก็แหงนหน้าดูฟ้าสวรรค์ และจิตใจของเราก็กลับคืนเป็นปกติ และเราก็ร้องสาธุการแด่พระผู้สูงสุดนั้น และสรรเสริญถวายพระเกียรติแด่พระองค์ผู้ดำรงอยู่เป็นนิตย์ เพราะการปกครองของพระองค์เป็นการปกครองนิรันดร์ และราชอาณาจักรของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ”

   (At the end of the days I, Nebuchadnezzar, lifted my eyes to heaven, and my reason returned to me, and I blessed the Most High, and praised and honored him who lives forever, for his dominion is an everlasting dominion, and his kingdom endures from generation to generation;)

4:35 “สำหรับพระองค์ ชาวพิภพทั้งสิ้นนับว่าไร้ค่า พระองค์ทรงทำตามชอบพระทัยท่ามกลางกองทัพแห่งสวรรค์และท่ามกลางชาวพิภพด้วย ไม่มีผู้ใดยับยั้งพระหัตถ์ของพระองค์ได้ หรือทูลถามพระองค์ได้ว่า “ทำไมจึงทรงทำเช่นนี้?”

    (all the inhabitants of the earth are accounted as nothing, and he does according to his will  among the host of heaven and among the inhabitants of the earth; and none can stay his hand or say to him, “What have you done?”)

4:36 “ในเวลานั้นเองจิตใจของเราก็กลับคืนเป็นปกติ ความสูงส่งและสง่าราศีกลับมาสู่เราอีก เพื่อศักดิ์ศรีแห่งราชอาณาจักรของเรา พระสหายและข้าราชบริพารของเรากลับมาหาเรา และเราก็รับการสถาปนาไว้ในราชอาณาจักรของเรา ความยิ่งใหญ่กลับเพิ่มพูนแก่เราขึ้นอีก” 

  (At the same time my reason returned to me, and for the glory of my kingdom, my majesty and splendor returned to me. My counselors and my lords sought me, and I was established in my kingdom, and still more greatness was added to me.)

4:37 “บัดนี้ตัวเราคือเนบูคัดเนสซาร์ ขอสรรเสริญ ยกย่องและถวายพระเกียรติแด่พระมหาราชาแห่งสวรรค์ เพราะว่าพระราชกิจของพระองค์ถูกต้อง และพระมรรคาของพระองค์ก็เที่ยงธรรม บรรดาผู้ดำเนินอยู่ในความเย่อหยิ่ง พระองค์ก็ทรงสามารถให้ต่ำลง”

  (Now I, Nebuchadnezzar, praise and extol and honor the King of heaven, for all his works are right and his ways are just; and those who walk in pride he is able to humble.)

ข้อมูลมีประโยชน์

4:1       “ทุกเผ่าทุกภาษา” (all peoples, nations, and languages) –ดนล.3:4

“ความสุขความเจริญเพิ่มพูน” (Peace be multiplied) –ดนล.6:25

4:2       “หมายสำคัญ” ( the signs) –สดด.105:27;ดนล.6:27

“พระเจ้าสูงสุด” (the Most High God)=เนบูคัดเนสซาร์ ได้รับประสบการณ์กับพระเจ้ามา 2 ครั้ง แล้ว  ทำให้ท่านประกาศยอมรับพระเจ้า – ดนล.3:26

4:3       “การอัศจรรย์ของพระองค์มีอานุภาพยิ่ง” (mighty his wonders)

“ราชอาณาจักร…ทุกชั่วอายุ” (His kingdom …. generation to generation) –ข.34;สดด.105:27;ดนล.6:27,2:44

4:4       “อยู่อย่างสบาย” (was at ease) = อย่างผาสุก – สดด.30:6;อสย.32:9

4:5       “นอนบนที่นอน….เราฝันเห็น” (As I lay in bed the fancies)  -สดด.4:4;ดนล.2:1

“ความคิด” (the visions) –ดนล.2:28

“เป็นเหตุให้เราตกใจ” (that made me afraid) –ปฐก. 41:8;โยบ 3:26;ดนล.2:3;4:19;5:6

4:7       “พวกโหร…หมอดูฤกษ์ยาม” (the magicians) –ปฐก.41:8;อสย.44:25;ดนล.2:2

4:8       “เบลเทชัสซาร์” (Belteshazzar) = อีกชื่อของดาเนียลที่ถูกตั้งให้ เป็นชื่อที่ตั้งตามนามของเทพเจ้าเบล (เจ้านาย) ซึ่งเป็นอีกชื่อของพระมาร์ดุค ของบาบิโลน  ชื่อนี้แปลว่า “พระเบล (มาร์ดุค) ปกป้องชีวิตเขา”

4:9       “หัวหน้าของพวกโหร” (chief of the magicians) = หัวหน้าของนักเล่นอาคม – ดนล.2:48

“วิญญาณของบรรดาพระผู้บริสุทธิ์” (the spirit of the holy gods) –บางฉบับแปลว่า “วิญญาณของเทพเจ้าศักดิ์สิทธิ์” –ดนล.5:11-12

4:10     “ต้นไม้ต้นหนึ่ง…มันสูงใหญ่มาก” (a tree … height was great) –อสค.31:3-4

4:11     “เติบโตและแข็งแรง” (grew and became strong) –บางฉบับแปลว่า “เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง”

-ในจารึกหนึ่งของเนบูคัดเนสซาร์ เปรียบบาบิโลนกับต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขา (เทียบกับข้อ 22)

“ยอดของมันขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์” (its top reached to heaven)= ยอดสูงจรดฟ้า เป็นวลีที่ใช้กับหอวิหารของเมโสโปเตเมีย (ปฐก.11:4)

“แม้อยู่ถึงสุดปลายพิภพก็ยังมองเห็น”(it was visible to the end of the whole earth.)อสย.19:11;31:6

4:12     “อาศัยอยู่ที่กิ่งก้านของมัน” (lived in its branches, and all flesh was fed from it.)–อสค.17:23;มธ.13:32

4:13     “เมื่อเราอยู่บนที่นอน” (I lay in bed) = นอนอยู่บนเตียง –ดนล.4:10;7:1

“ผู้บริสุทธิ์” (a holy)  -ฉธบ.33:2;ดนล.4:23

4:14     “โค่นต้นไม้นี้” (Chop down the tree) –โยบ 24:20
“ให้นกหนีไปจากกิ่งของมัน” (the birds from its branches.) – อสย.31:21;มธ.3:10

4:15     “จงปล่อยให้ตอรากติดอยู่ในดิน” (But leave the stump of its roots in the earth) = เป็นนัยว่า ต้นไม้นี้จะงอกขึ้นมาอีกในภายหลัง (ข.26)

4:16     “จนครบเจ็ดวาระ” (let seven periods of time pass over him) –ดนล.4:23,32

“เจ็ด” = ความสมบูรณ์ (เต็มขนาด) -7:25;            “วาระ”  ยังหมายถึง = ช่วงเวลาไม่จำกัด,หรือหมายถึง “ปี”

4:17     “ทูตสวรรค์” (the watchers) = ผู้แทนของพระเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าของสรรพสิ่ง

“พระองค์ผู้สูงสุด” (the Most High) –สดด.83:18;ดนล.4:2,25

“ทรงปกครอง” (sets over it) –สดด.103:19;ยรม.27:5-7;ดนล.2:21;5:18-21;รม.13:1

4:18     “พวกนักปราชญ์…ไม่สามารถให้คำแก้ความฝันแก่เรา” (all the wise men of my kingdom are not able to make

known to me) –ปฐก.41:8;ดนล.5:8,15

“แต่ท่านสามารถ” (but you are able) = สามารถอธิบายความหมายของความฝันได้ –ปฐก.41:15

“วิญญาณของบรรดาพระผู้บริสุทธิ์”(the spirit of the holy gods)–บางฉบับแปลว่า “วิญญาณของเทพเจ้าศักดิสิทธิ์” –ปฐก.41:38    ;   “อยู่ในตัวท่าน” (is in you) –ดนล.1:20;4:7-9

4:19     “เบลเทซัสซาร์ตะลึงอยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง” (whose name was Belteshazzar, was dismayed) = ดาเนียลตกตะลึงและว้าวุ่นใจ อาจเพราะไม่รู้จะแปลความหมายอย่างไรให้ออกมาดีที่สุดในการรับฟังของกษัตริย์

“ความคิดของท่านทำให้ท่านตกใจ” (his thoughts alarmed him)= ทำให้หวาดวิตก- ปฐก.41:8;ดนล.4:5;7:15,28; 8:27;10:16-17

“เบลเทซัสซาร์เอ๋ย อย่าให้ความฝันหรือคำแก้ฝันทำให้ท่านตกใจเลย” (“Belteshazzar, let not the dream or the interpretation alarm you) –ปฐก.40:12

4:22     “นี่คือฝ่าพระบาท”(it is you,O king)–ปท. 2:37-38 = ต้นไม้ในฝันนี้คือตัวกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์–2ซมอ.12:7

“การครอบครองของพระองค์ไปถึงสุดปลายพิภพ” (your dominion to the ends of the earth) = แผ่นอำนาจไปทั่วโลก ในสมัยนั้นถือว่า อาณาจักรของเนบูคัดเนสซาร์ เป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ และทรงอำนาจที่สุดในซีกโลกนั้น

– ยรม.27:7;ดนล.5:18-19

4:23     “ทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์” (a holy one) –ดนล.4:13;8:13

“ปล่อยให้อยู่อย่างนั้นจนครบเจ็ดวาระ” (till seven periods of time) = อาศัยอยู่เยี่ยงสัตว์ไปจนครบ 7 วาระ

– อสค.31:3-4

4:24     “พระราชกฤษฎีกา” (It is a decree )= บางฉบับแปลว่า “ประกาศิต”-โยบ 40:12;สดด.107:40;ยรม.40:2

4:25     “ต้องเสวยหญ้าอย่างกับโค และต้องเปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์” (You shall be made to eat grass like an ox, and you shall be wet with the dew of heaven) = นักวิชาการตีความว่า เนบูคัดเนสซาร์ อาจทนทุกข์ทรมานด้วยอาการป่วยทางจิตที่หาพบยากชนิดหนึ่ง (ข.34) ชื่อโรคมนุษย์วัว(Boanthropy) ซึ่งผู้ป่วยจะแสดงลักษณะท่าทางพฤติกรรมเหมือนวัว (ข.33)

“จนกว่าฝ่าพระบาทจะทราบว่าพระเจ้าสูงสุดนั้นทรงปกครองราชอาณาจักรของมนุษย์” (till you know that the Most High rules the kingdom of men) ปท. ข้อ 30 กับ ข้อ 37 , ดนล.4:17

4:26     “การปกครองนั้นเป็นของสวรรค์”(the time that you know that Heaven rules)= ชาวยิวใช้คำว่า“สวรรค์” หมายถึงพระเจ้า และสะท้อนในสำนวนพระคัมภีร์ใหม่“แผ่นดินสวรรค์”(หรืออาณาจักรสวรรค์)ปท. มธ.5:3 กับ ลก.6:20;ดนล.2:37

4:27     “สำแดงความกรุณาต่อผู้ถูกบีบบังคับ” (showing mercy to the oppressed) –อสย.55:6-7

“เผื่อว่าความเจริญของฝ่าพระบาทอาจยืนยาวไปอีกได้”(that there may perhaps be a lengthening of your prosperity.) -ยรม.29:7;ฉธบ.24:13;1พกษ.21:29;สดด.41:3;สภษ.28:13;อสค.18:22

4:28     “สิ่งเหล่านี้ทั้งสิ้นได้เกิดขึ้น” (All this came upon) = ก็เพียงเพราะ เนบูคัดเนสซาร์ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของดาเนียล (ข.27) –กดว.23:19

4:30     “นี่เป็นมหาบาบิโลนซึ่งเราได้สร้างไว้ด้วยอำนาจใหญ่ยิ่งของเรา” (this great Babylon, which I have built by my mighty power as a royal residence) = ปรากฏให้เห็นจากป้อมปราการของเมือง  วิหาร  สวนลอย ฯลฯ

(อสย.13:19)   -อสย.10:13,37:24-25;ดนล.5:20;ฮบก.1:11;2:4

4:31     “เมื่อกษัตริย์ตรัสยังไม่ทันจบ” (While the words were still in the king’s mouth) = ตรัสยังไม่ทันขาดคำ

–ลก.12:19-20

“ราชอาณาจักรได้พรากไปจากเจ้าแล้ว”(The kingdom has departed from you)–2ซมอ.22:28;ดนล.5:20

4:32     “ประทานราชอาณาจักรเหล่านั้นแก่ผู้ที่พระองค์พอพระทัย” (the Most High rules the kingdom of men and gives it to whom he will.) –โยบ 9:12

4:33     “พระดำรัสเกี่ยวกับเนบูคัดเนสซาร์ก็สำเร็จ”(the word was fulfilled against Nebuchadnezzar)–สภษ.11:2

“พระองค์ทรงถูกขับไล่ไปจากท่ามกลางมนุษย์” (He was driven from among men ) = คงถูกไล่ไปอยู่ในราชอุทยาน ดาเนียลเป็นผู้นำเหล่าเสนาอำมาตย์ บริหารราชการแผ่นดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ (2:48-49)

“พระกายก็เปียกน้ำค้าง” ( his body was wet with the dew of heaven) –โยบ 24:8

“จนขนงอกยาวอย่างกับขนนกอินทรีและเล็บก็เหมือนเล็บนก” (till his hair grew as long as eagles’ feathers, and his nails were like birds’ claws.) –ดนล.5:20-21

4:34     “เมื่อสิ้นสุดวาระนั้นแล้ว” (At the end of the days) = เมื่อครบกำหนดแล้ว อาจเป็นเวลา 7 ปี (ข.16)

“จิตใจของเราก็กลับคืนเป็นปกติ”(my reason returned to me) = สติสัมปชัญญะก็กลับคืนมา –โยบ 12:20

“ผู้ดำรงอยู่เป็นนิตย์” (lives forever,) –ดนล.12:7

“ราชอาณาจักรของพระองค์ดำรงอยู่ทุกชั่วอายุ”(his kingdom endures from generation to generation)

= เนบูคัดเนสซาร์ กลับสู่ประเด็นที่สำคัญยิ่งที่เริ่มไว้ก่อนนี้ (ข.3;6:26;7:14)  -อสย.37:16;สดด.145:13;ดนล.2:44; 5:21;6:26;ลก.1:33

4:35     “ชาวพิภพทั้งสิ้นนับว่าไร้ค่า”(all the inhabitants of the earth are accounted as nothing)–อสย.40:17

“ทรงทำตามชอบพระทัย” (he does according to his) –ฉธบ.21:8;สดด.115:3;135:6;ยน.1:14

“ยับยั้ง” (none can) –อสย.14:27;  “พระหัตถ์ของพระองค์” (stay his hand) –ฉธบ.32:39

“ทำไมจึงทรงทำเช่นนี้?” (“What have you done?) –โยบ 9:4;อสย.14:24;45:9;ดนล.5:21;รม.9:20

4:36     “เมื่อศักดิ์ศรีแห่งราชอาณาจักรของเรา” (for the glory of my kingdom) –สภษ.22:4;ดนล.5:18 ปท.โยบ 42:10,12

4:37     “ขอสรรเสริญ ยกย่อง และถวายพระเกียรติ” (praise and extol and honor) –อสย.15:2;สดด.34:3

“พระราชกิจของพระองค์ถูกต้อง และพระมรรคาของพระองค์ก็เที่ยงธรรม” (for all his works are right and his ways are just) –อสย.18:25

“บรรดาผู้ดำเนินอยู่ในความเย่อหยิ่ง พระองค์ก็ทรงสามารถให้ต่ำลง” (those who walk in pride he is able to

humble) = พระเจ้าทำให้คนหยิ่งยโสต่ำและถ่อมลง –สภษ.3:34;ยก.4:6,10:1ปต.5:5-6;สดด.18:27;119:21;โยบ 31:4;

40:11-12;อสย.13:11;ดนล.5:20,23;มธ.23:12

 

คำถามนำอภิปราย

  1. พระเจ้าเคยสำแดงปาฏิหาริย์ อะไรให้คุณเห็นหรือประสบมาบ้าง? (แบ่งปัน)
  2. คุณเคยตกใจกลัว เพราะความฝันของคุณบ้างหรือไม่? อย่างไร? (แบ่งปัน)
  3. คุณเคยตกใจเพราะรู้ความลับที่น่ากลัวของใครบางคนบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร และอย่างไร? แล้วคุณทำอย่างไร?
  4. เคยมีใครเปิดเผยความจริงบางเรื่องที่สำคัญยิ่งต่อคุณบ้างหรือไม่? (ผ่านทางช่องทางใด?) ให้คุณทราบบ้างหรือไม่? อย่างไร? แล้วผลที่ตามมาคืออะไร?
  5. คุณเคยเห็นพระเจ้าจัดการกับคนบางคนที่ชัดเจนต่อคุณมากบ้างหรือไม่? อย่างไร?
  6. คุณเคยได้รับการแนะนำให้ทำบางอย่างที่จะช่วยคุณได้ แต่คุณไม่ยอมทำตามนั้นบ้างไหม? แล้วผลที่ตามมาเป็นอย่างไร?
  7. คุณเคยได้รับความเสียหายหรือความทุกข์อย่างร้ายแรงเพราะคุณหยิ่งยโสบ้างไหม? อย่างไร?
  8. คุณเคยตกต่ำ เจ็บปวด ทนทุกข์อับอาย แล้วพระเจ้านำคุณกลับคืนสู่สภาพดี เกียรติและศักดิ์ศรีอีกครั้งบ้างหรือไม่? อย่างไร

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

 

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมดาเนียล บทที่ 4

ปฏิมากรทองคำ & เตาไฟ

พระธรรม        ดาเนียล 3:1-30

อ้างอิง             ดนล. 1:6,7,17;2:12-14;4:1;5:11,13;6:7,13,20,25

บทนำ              แม้เราจะได้รับพระพรมากมายในชีวิต เพราะความเชื่อศรัทธาในพระเจ้า แต่เราอาจประสบกับอุบัติภัยอย่างไม่คาดฝัน เพราะการยืนหยัดในความเชื่อของเราเช่นกัน ดังนั้นขอให้เราตื่นตัว หนักแน่น และพร้อมเผชิญกับวิกฤติต่าง ๆ ของชีวิตด้วยการมอบชีวิตให้กับพระเจ้าด้วยความไว้วางใจอย่างสิ้นเชิง!

บทเรียน

3:1 “กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงสร้างปฏิมากรรูปหนึ่งด้วยทองคำ สูง 27 เมตร กว้างเกือบ 3 เมตร ทรงตั้งไว้ ณ ที่ราบดูราในมณฑลบาบิโลน” 

   (King Nebuchadnezzar made an image of gold, whose height was sixty cubits and its breadth six cubits. He set it up on the plain of Dura, in the province of Babylon.)

3:2 “แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์รับสั่งให้ประชุมพวกอุปราช องคมนตรี ผู้ว่าราชการมณฑล มนตรี นายคลัง ผู้พิพากษา ตุลาการ และบรรดาเจ้าหน้าที่ของมณฑล ให้เข้ามาในงานฉลองปฏิมากรซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งขึ้น” 

  (Then King Nebuchadnezzar sent to gather the satraps, the prefects, and the governors, the counselors, the treasurers, the justices, the magistrates, and all the officials of the provinces to  come to the dedication of the image that King Nebuchadnezzar had set up.)

3:3 “แล้วพวกอุปราช องคมนตรี ผู้ว่าราชการมณฑล มนตรี นายคลัง ผู้พิพากษา ตุลาการ และบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายของมณฑลได้เข้ามาประชุมเพื่องานฉลองปฏิมากร ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งขึ้น เมื่อเขาทั้งหลายมายืนอยู่หน้าปฏิมากร ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งขึ้น” 

  (Then the satraps, the prefects, and the governors, the counselors, the treasurers, the justices, the magistrates, and all the officials of the provinces gathered for the dedication of the image that  King Nebuchadnezzar had set up. And they stood before the image that Nebuchadnezzar had set)

3:4 “โฆษกก็ประกาศเสียงดังว่า “พระราชามีพระราชโองการมายังชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษา” 

   (And the herald proclaimed aloud, “You are commanded, O peoples, nations, and languages, )

3:5 “เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินเสียงเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด ให้ท่านกราบลงนมัสการปฏิมากรทองคำ ซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งไว้”

    (that when you hear the sound of the horn, pipe, lyre, trigon, harp, bagpipe, and every kind of music, you are to fall down and worship the golden image that King Nebuchadnezzar has set up.)

3:6 “ผู้ใดไม่กราบนมัสการก็ให้โยนผู้นั้นเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ทันที” 

    (And whoever does not fall down and worship shall immediately be cast into a burning fiery furnace.)

3:7 “เพราะฉะนั้นพอประชาชนได้ยินเสียงเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด ชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษาก็กราบนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ได้ทรงตั้งไว้”

    (Therefore, as soon as all the peoples heard the sound of the horn, pipe, lyre, trigon, harp, bagpipe, and every kind of music, all the peoples, nations, and languages fell down and  worshiped the golden image that King Nebuchadnezzar had set up.)

3:8 “ในครั้งนั้นพวกเคลเดียบางคนมาเข้าเฝ้า และฟ้องพวกยิวโดยเจตนาร้าย” 

   (Therefore at that time certain Chaldeans came forward and maliciously accused the Jews.)

3:9 “เขาทูลกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์” 

    (They declared to King Nebuchadnezzar, “O king, live forever! )

3:10 “ข้าแต่พระราชา ฝ่าพระบาททรงออกกฤษฎีกาแล้วว่า ทุกคนที่ได้ยินเสียงเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด จะต้องกราบนมัสการปฏิมากรทองคำ” 

    (You, O king, have made a decree, that every man who hears the sound of the horn, pipe, lyre, trigon, harp, bagpipe, and every kind of music, shall fall down and worship the golden image.)

3:11 “ผู้ใดไม่กราบนมัสการก็จะถูกโยนเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่”

    (And whoever does not fall down and worship shall be cast into a burning fiery furnace.)

3:12 “มีคนยิวบางคนที่ฝ่าพระบาทแต่งตั้งให้เป็นผู้บริหารมณฑลบาบิโลนคือ ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ข้าแต่พระราชา คนเหล่านี้ไม่เชื่อฟังกฤษฎีกาของฝ่าพระบาท เขาไม่ยอมปรนนิบัติบรรดาพระของฝ่าพระบาท หรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งไว้

     (There are certain Jews whom you have appointed over the affairs of the province of Babylon: Shadrach, Meshach, and Abednego. These men, O king, pay no attention to you; they do not serve your gods or worship the golden image that you have set up.”)

3:13 “แล้วเนบูคัดเนสซาร์กริ้วจัด มีรับสั่งให้นำตัวชัดรัค เมชาคและอาเบดเนโกเข้ามา แล้วมีผู้พาคนเหล่านี้เข้ามาเฝ้ากษัตริย์” 

   (Then Nebuchadnezzar in furious rage commanded that Shadrach, Meshach, and Abednego be brought. So they brought these men before the king.)

3:14 “เนบูคัดเนสซาร์ตรัสแก่เขาว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกเอ๋ย เป็นความจริงหรือไม่ ที่เจ้าไม่ยอมปรนนิบัติบรรดาพระของเราหรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งเราได้ตั้งไว้?” 

   (Nebuchadnezzar answered and said to them, “Is it true, O Shadrach, Meshach, and Abednego,  that you do not serve my gods or worship the golden image that I have set up?)

3:15 “เอาเถอะ ถ้าเจ้าพร้อมใจแล้ว พอเจ้าได้ยินเสียงเขาสัตว์ ปี่ พิณเขาคู่ พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง และเครื่องดนตรีทุกชนิด เจ้าจงกราบนมัสการปฏิมากรซึ่งเราได้สร้างไว้ แต่ถ้าเจ้าไม่นมัสการ ก็จะต้องโยนเจ้าเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ทันที แล้วพระองค์ไหนจะช่วยกู้เจ้าให้พ้นจากมือของเราได้?”

   (Now if you are ready when you hear the sound of the horn, pipe, lyre, trigon, harp, bagpipe, and  every kind of music, to fall down and worship the image that I have made, well and good. But if you do not worship, you shall immediately be cast into a burning fiery furnace. And who is the god who will deliver you out of my hands?”)

3:16 “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกทูลพระราชาว่า “ข้าแต่เนบูคัดเนสซาร์ ข้าพระบาททั้งหลายไม่จำเป็นจะต้องตอบฝ่าพระบาทในเรื่องนี้” 

   (Shadrach, Meshach, and Abednego answered and said to the king, “O Nebuchadnezzar, we have no need to answer you in this matter.)

3:17 “ข้าแต่พระราชา ถ้าพระเจ้าของพวกข้าพระบาท ผู้ซึ่งพวกข้าพระบาทปรนนิบัตินั้น พอพระทัยจะช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากเตาที่ไฟลุกอยู่ พระองค์ก็จะทรงช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท” 

  (If this be so, our God whom we serve is able to deliver us from the burning fiery furnace, and he will deliver us out of your hand, O king.)

3:18 “ถึงแม้ไม่เป็นเช่นนั้น ข้าแต่พระราชา ขอฝ่าพระบาททรงทราบว่า พวกข้าพระบาทจะไม่ปรนนิบัติพระของฝ่าพระบาท หรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งขึ้น

   (But if not, be it known to you, O king, that we will not serve your gods or worship the golden  image that you have set up.)

3:19 “แล้วเนบูคัดเนสซาร์ทรงเกรี้ยวกราดยิ่งนัก พระพักตร์ของพระองค์ก็แสดงความไม่พอพระทัยชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก พระองค์มีรับสั่งให้ทำเตาไฟให้ร้อนกว่าปกติอีกเจ็ดเท่า”

    (Then Nebuchadnezzar was filled with fury, and the expression of his face was changed against Shadrach, Meshach, and Abednego. He ordered the furnace heated seven times more than it was  usually heated.)

3:20 “และพระองค์มีรับสั่งให้บางคนที่มีกำลังมากในกองทัพมามัดชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก และให้โยนเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่”

  (And he ordered some of the mighty men of his army to bind Shadrach, Meshach, and Abednego, and to cast them into the burning fiery furnace.)

3:21 “แล้วคนเหล่านี้ก็ถูกมัดไว้ขณะที่ใส่เสื้อ กางเกง หมวก และเครื่องแต่งกายอื่นๆ และถูกโยนเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่”

  (Then these men were bound in their cloaks, their tunics, their hats, and their other garments, and they were thrown into the burning fiery furnace.) 

3:22 “เนื่องจากพระบัญชาของกษัตริย์นั้นเร่งด่วนมาก และเตาไฟก็ร้อนจัด เปลวไฟจึงได้ฆ่าคนที่อุ้มชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก” 

  (Because the king’s order was urgent and the furnace overheated, the flame of the fire killed  those men who took up Shadrach, Meshach, and Abednego.)

3:23 “และชายทั้งสามนี้คือ ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกก็ตกลงไปในเตาไฟที่ลุกอยู่ทั้งๆ ที่ยังถูกมัด”

  (And these three men, Shadrach, Meshach, and Abednego, fell bound into the burning fiery furnace.)

3:24 “ขณะนั้นกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ประหลาดพระทัย ทรงลุกขึ้นโดยฉับพลัน พระองค์ตรัสกับบรรดาพระสหายของพระองค์ว่า “เรามัดสามคนโยนเข้าไปในไฟไม่ใช่หรือ?” เขาทูลตอบพระราชาว่า “ข้าแต่พระราชา จริง พ่ะย่ะค่ะ” 

  (Then King Nebuchadnezzar was astonished and rose up in haste. He declared to his counselors, “Did we not cast three men bound into the fire?” They answered and said to the king, “True, O  king.”)

3:25 “พระองค์ตรัสตอบว่า “แต่เราเห็นสี่คนกำลังเดินอยู่กลางไฟ ไม่ถูกมัดและไม่เป็นอันตราย รูปร่างของคนที่สี่นั้นดูเหมือนองค์เทพบุตร

   (He answered and said, “But I see four men unbound, walking in the midst of the fire, and they are not hurt; and the appearance of the fourth is like a son of the gods.”)

3:26 “แล้วเนบูคัดเนสซาร์เสด็จมาใกล้ประตูเตาที่ไฟลุกอยู่นั้น ตรัสว่า “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกผู้รับใช้ของพระเจ้าสูงสุด จงออกมาเถิด จงมาที่นี่” แล้วชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกก็เดินออกมาจากไฟ”

  (Then Nebuchadnezzar came near to the door of the burning fiery furnace; he declared, “Shadrach, Meshach, and Abednego, servants of the Most High God, come out, and come here!” Then Shadrach, Meshach, and Abednego came out from the fire.)

3:27 “พวกอุปราช องคมนตรี ผู้ว่าราชการมณฑล และพระสหายของกษัตริย์ก็ห้อมล้อมเข้ามา เห็นว่าไฟไม่มีอำนาจอะไรเหนือร่างกายของคนเหล่านี้ ผมบนศีรษะของเขาก็ไม่งอ เสื้อก็ไม่เสียหาย ไม่มีกลิ่นไฟที่ตัวพวกเขาเลย” 

  (And the satraps, the prefects, the governors, and the king’s counselors gathered together and  saw that the fire had not had any power over the bodies of those men. The hair of their heads was not singed, their cloaks were not harmed, and no smell of fire had come upon them. )

3:28 “เนบูคัดเนสซาร์ตรัสว่า “สาธุการแด่พระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก พระองค์ผู้ทรงใช้ทูตสวรรค์มาช่วยกู้ผู้รับใช้ของพระองค์ ผู้ที่วางใจในพระองค์ ไม่ฟังคำบัญชาของกษัตริย์ และยอมพลีชีวิตของเขาเสียดีกว่าปรนนิบัติและนมัสการพระอื่น นอกจากพระเจ้าของพวกเขาเอง”

  (Nebuchadnezzar answered and said, “Blessed be the God of Shadrach, Meshach, and Abednego, who has sent his angel and delivered his servants, who trusted in him, and set aside the king’s command, and yielded up their bodies rather than serve and worship any god except their own God.)

3:29 “เพราะฉะนั้นเราจึงออกกฤษฎีกาว่า ชนทุกชาติทุกเผ่าทุกภาษาคนใด ที่กล่าวลบหลู่พระเจ้าของชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก จะถูกทึ้งแขนขาออกเสีย และบ้านเรือนของเขาจะถูกทำให้เป็นเศษเล็กเศษน้อย เพราะไม่มีพระอื่นใดที่สามารถช่วยกู้แบบนี้ได้” 

  (Therefore I make a decree: Any people, nation, or language that speaks anything against the God  of Shadrach, Meshach, and Abednego shall be torn limb from limb, and their houses laid in ruins,  for there is no other god who is able to rescue in this way.” )

3:30 “แล้วกษัตริย์ทรงเลื่อนยศชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก ให้สูงขึ้นอีกในมณฑลบาบิโลน”

   (Then the king promoted Shadrach, Meshach, and Abednego in the province of Babylon.)

 

ข้อมูลมีประโยชน์

3:1       “ปฏิมากร” (image) –ในบางฉบับแปลว่า “เทวรูป” –เป็นรูปปั้นขนาดใหญ่ บุด้วยแผ่นทองคำ สูง (รวมฐาน) 60 ศอก (ประมาณ 27 เมตร) กว้าง 6 ศอก (2.7 เมตร) ปท. อสธ.5:14 – อสย.46:6;ยรม.16:20;ดนล.3:14;ฮบก.2:19

“ที่ราบดูรา” (on the plain of Dura) = อาจอยู่ห่างจากบาบิโลนไปทางใต้ไม่กี่กิโลเมตร หรืออาจเป็นคำนามทั่วไปแปลว่า “พื้นที่ซึ่งมีกำแพงปิดล้อม”

3:2       “อุปราช” (the satraps) –บางฉบับแปลว่า “เสนาบดี”  -อสธ.1:1

“อุปราช องคมนตรี ผู้ว่าราชการมณฑล มนตรี นายคลัง ผู้พิพากษา ตุลาการ และบรรดาเจ้าหน้าที่ของมณฑล” (the satraps the prefects, and the governors, the counselors, the treasurers, the justices, the magistrates, and all the officials of the provinces) บางฉบับแปลว่า “เสนาบดี ข้าหลวงภาค  ผู้ว่าการ  ราชมนตรี  ขุนคลัง  ผู้พิพากษา  ตุลาการ และเจ้าหน้าที่ของทุกมณฑล”

= คนเหล่านี้ต้องมารวมตัวยืนต่อหน้าเทวรูปนี้ และกระทำสัตย์สาบานตนที่จะภักดีต่ออาณาจักรบาบิโลนที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ (เทวรูปน่าจะเป็น เทวรูปพระเนโบ ซึ่งใช้เป็นพยางค์ต้นของชื่อ เนบูคัดเนสซาร์ (2พกษ.24:1)

3:4       “ทุกเผ่าทุกภาษา” (peoples, nations, and languages) = บาบิโลนของเนบูคัดเนสซาร์ กลายมาเป็นมหานครที่มีประชากรจากหลากหลายประเทศ หลายเชื้อชาติ ที่พูดภาษาต่าง ๆ กัน  – ดนล.4:1;6:25; วว.10:11

3:5       “พิณสี่สาย พิณใหญ่ ปี่ถุง” (trigon, harp, bagpipe) –คำที่แปลคำเหล่านี้ ดาเนียลยืมมาจากภาษากรีก นักดนตรี + เครื่องดนตรีกรีกถูกเอ่ยถึงในจารึกต่าง ๆ ของอัสซีเรีย ตั้งแต่ก่อนสมัยเนบูคัดเนสซาร์

“ให้ท่านกราบลงนมัสการปฏิมากรทองคำ” (you are to fall down and worship the golden image)

–อพย.20:4-5

3:6       “ผู้ใดไม่กราบนมัสการ ก็ให้โยนผู้นั้นเข้าไปในเตาที่ไฟลุกอยู่ทันที” (whoever does not fall down and worship shall immediately be cast into a burning fiery furnace.)  -ยรม.29:22;ดนล.3:11,15, 21;5:19;6:7;มธ.13:42,50;วว.13:15

3:7       “ที่กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ทรงสร้างขึ้น” (that King Nebuchadnezzar had set up) -3:5,10,15

3:8       “พวกเคลเดีย” ( Chaldeans) –บางฉบับแปลว่า “โหราจารย์”

-พวกโหราจารย์บางคนมาฟ้องกษัตริย์เรื่องพวกยิว (ลดรูปจากคำว่า “ชาวยูดาห์”) –ยรม.34:9

3:9       “ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์” (O king, live forever!) –นหม.2:3;ดนล.5:10;6:6

3:10     “ออกกฤษฎีกา” (made a decree) –ดนล.6:12

3:12     “คนเหล่านี้ ไม่เชื่อฟัง กฤษฎีกาของฝ่าพระบาท เขาไม่ยอมปรนนิบัติบรรดาพระของฝ่าพระบาท หรือนมัสการปฏิมากรทองคำ ซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งไว้” (These men, O king, pay no attention to you; they do not serve your gods or worship the golden image that you have set up.)

= พวกเขาเชื่อฟังพระเจ้ามากกว่ากษัตริย์  (อพย.20:3-5) –ดนล.2:49;6:13;อธส.3:3

3:13     “เนบูคัดเนสซาร์กริ้วจัด” (hen Nebuchadnezzar in furious rage) –ดนล.2:12

3:14     “เป็นความจริงหรือไม่… ที่เจ้าไม่ยอมปรนนิบัติบรรดาพระของเรา” (“Is it true, O Shadrach, Meshach, and Abednego, that you do not serve my gods) –อสย.46:1;ยรม.50:2

3:15     “แล้วพระองค์ไหมจะช่วยกู้เจ้าให้พ้นจากมือของเราได้?” (And who is the god who will deliver you out of my hands?)  = คำสบประมาทโอ้อวดอันเป็นลักษณะของผู้ปกครองที่เย่อหยิ่งแห่งโมเสโปเตเมีย

–อสย.36:18-20;2พศด.32:15

3:17     “ถ้าพระเจ้าของพวกข้าพระบาท…พอพระทัยจะช่วยกู้…พระองค์ก็จะทรงช่วยกู้ข้าพระองค์”

(If this be so, our God whom we serve is able to deliver us from the burning fiery furnace, and he will deliver us out of your hand, O king.) = พระเจ้าสามารถช่วยกู้ได้ – ข.26-27;4:37;6:16-22;ฮบ.11:34;รม.11:23;2คร.9:8;ฮบ.7:25;ยด.24-25

3:18     “ถึงแม้ไม่เป็นเช่นนั้น” (But if not) = แม้พระเจ้าไม่ทรงช่วยหรือไม่ว่าพระเจ้าจะตัดสินพระทัยช่วยพวกเขาหรือไม่ (ข.17) พวกเขาก็ศรัทธามอบชีวิตให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม แต่พวกเขาจะไม่ปรนนิบัติเทวรูปหรือพระเหล่านั้นเด็ดขาด  – ปท.อพย.1:17;ยชว.24:15;ดนล.3:28

3:19     “ให้ทำเตาไฟให้ร้อนกว่าปกติอีกเจ็ดเท่า” (the furnace heated seven times more than it was usually heated.)  -อาจเป็นสำนวนโวหาร หมายความว่า “ให้ทำให้ร้อนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” (7 เป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์)

3:25     “เทพบุตร” (a son of the gods) –เนบูคัดเนสซาร์ พูดจากภูมิหลังของการนับถือเทพเจ้าหลายองค์ จึงคิดว่า คนทั้ง 4 นั้น เป็นเทวบริวาร (หรือทูตสวรรค์ ,ข.28) ซึ่งพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุดของชาวยิวส่งมา (6:22)

3:26     “พระเจ้าสูงสุด” (the Most High God) = แท้จริงกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์เคยยอมรับมาแล้วว่า พระเจ้าของดาเนียลเป็นพระเจ้าที่เหนือพระทั้งหลายและทรงเป็นองค์เจ้านายเหนือพระราชาทั้งปวง (2:47) ปท.4:2,34

3:27     “พวกอุปราช องคมนตรี ผู้ว่าราชการมณฑล และพระสหายของกษัตริย์” (the satraps, the prefects, the governors, and the king’s counselors) –ดนล.3:2;6:7

“ก็ห้อมล้อมเข้ามา” (gathered together ) –สดด.91:3-11;อสย.43:2;ฮบ.11:32-34

“ไฟ” (the fire) –ดนล.6:23

3:28     “พระองค์ผู้ทรงใช้ทูตสวรรค์ช่วยกู้ผู้รับใช้ของพระองค์” (who has sent his angel and delivered his servants) –สดด.34:7;97:10;กจ.12:11;ดนล.6:22;กจ.5:19

“ผู้วางใจในพระองค์” (who trusted in him) -6:23;สดด.11:16;23:31,52;26:1;84:12;สภษ.3:5; ฉธบ.31:20;โยบ 13:15

3:29     “เราจึงออกกฤษฎีกา” (I make a decree) –ดนล.6:26

“บ้านเรือนของเราจะถูกทำให้เป็นเศษเล็กเศษน้อย” (their houses laid in ruins) –อสร.6:11

“เพราะไม่มีพระอื่นใดที่สามารถช่วยกู้แบบนี้ได้” (for there is no other god who is able to rescue in this way) -2:5;อสย.40:18-20;41:24;44:17; ปท.ยน.14:6

3:30     “ได้สูงขึ้นอีกในมณฑลบาบิโลน” (… promoted … in the province of Babylon.) –ดนล.2:49

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยได้รับคำสั่งจากผู้มีอำนาจปกครองคุณให้ทำบางสิ่งบางอย่างที่คุณไม่ต้องการกระทำบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? อะไรคือเหตุผลที่คุณใช้เป็นหลักในการตัดสินใจ?
  2. โทษที่คุณเคยได้รับสูงสุดจากการปฏิเสธไม่ทำตามคำสั่งของผู้มีอำนาจคืออะไร? แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร?
  3. คุณเคยถูกบางคนมุ่งร้ายจ้องเล่นงานคุณด้วยเจตนาร้ายบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? อย่างไร? และทำไมเขาจึงมุ่งร้ายคุณ? แล้วคุณผ่านช่วงเวลาดังกล่าวมาได้อย่างไร?
  4. คุณเคยถูกท้าทายความเชื่อในพระเจ้าของคุณที่รุนแรงที่สุดในเรื่องอะไร? แล้วคุณจัดการกับมันอย่างไร? ผลที่เกิดขึ้นคืออะไร?
  5. ในชีวิตของคุณ เคยประสบกับเหตุร้ายใดที่ร้ายแรงดุจการถูกโยนเข้าไปในเตาไฟที่กำลังลุกอยู่บ้างหรือไม่? เพราะอะไร? แล้วคุณผ่านพ้นมาได้อย่างไร?
  6. คุณมีคำพยานเรื่องใดที่สำแดงถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผ่านการปกป้องคุ้มครองหรือความอัศจรรย์ที่ใคร ๆ ที่เห็นล้วนยอมรับด้วยความยำเกรงพระองค์?
  7. คุณเคยได้รับการอวยพรจากพระเจ้าเพราะความซื่อสัตย์ภักดีที่คุณมีต่อพระองค์ในเรื่องใดบ้าง? (แบ่งปัน)

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมดาเนียล บทที่ 3

พระสุบินของกษัตริย์ (2)

พระธรรม        ดาเนียล 2:24-45

อ้างอิง             ดนล.1:6-7,17-20,2:6,10-14,22,28,44-45;3:30;4:5,9,25-26;5:11-13;6:13,27;7:5-7,23;8:17,25;11:36

บทนำ             ดาเนียลรู้ความลี้ลับของความฝันจากการเปิดเผยของพระเจ้า เราก็เรียนรู้จักความจริงที่ซ่อนไว้ในพระวจนะของพระองค์ จากการเปิดเผยของพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าเป็นผู้ครอบครองทุกสิ่ง ให้เราติดตามและรับใช้พระองค์ด้วยความเชื่อฟังและวางใจตลอดไป

 

บทเรียน

2:24 “แล้วดาเนียลก็เข้าไปหาอารีโอค ผู้ซึ่งกษัตริย์แต่งตั้งให้ประหารนักปราชญ์ของบาบิโลน ท่านได้เข้าไปและ​กล่าวว่า “ขออย่าประหารนักปราชญ์ของบาบิโลน โปรดนำข้าพเจ้าเข้าเฝ้าพระราชา และข้าพเจ้าจะถวายคำ​แก้ฝันแก่พระราชา

       (Therefore Daniel went in to Arioch, whom the king had appointed to destroy the wise men of Babylon. He went and said thus to him: “Do not destroy the wise men of Babylon; bring me in before the king, and I will show the king the interpretation.”)

2:25 “แล้วอารีโอคก็รีบนำดาเนียลเข้าเฝ้ากษัตริย์ และทูลพระองค์ว่า “ข้าพระบาทพบชายคนหนึ่ง ในพวกที่ถูก​กวาดเป็นเชลยจากยูดาห์ ผู้จะทูลให้พระราชาทราบคำแก้พระสุบินได้” 

      (Then Arioch brought in Daniel before the king in haste and said thus to him: “I have found  among the exiles from Judah a man who will make known to the king the interpretation.) 

2:26 “กษัตริย์จึงตรัสแก่ดาเนียลผู้มีชื่อว่าเบลเทชัสซาร์ว่า “เจ้าสามารถให้เรารู้ถึงความฝันที่เราได้ฝันและคำแก้ฝัน​นั้นได้หรือ?” 

     (The king declared to Daniel, whose name was Belteshazzar, “Are you able to make known to me the dream that I have seen and its interpretation?) 

2:27 “ดาเนียลทูลกษัตริย์ว่า “ไม่มีนักปราชญ์ หรือหมอดู หรือโหร หรือหมอดูฤกษ์ยามคนใดเปิดเผยความลึกลับซึ่ง​พระราชาไต่ถามแด่พระองค์ได้” 

       (Daniel answered the king and said, “No wise men, enchanters, magicians, or astrologers can  show to the king the mystery that the king has asked,)

2:28 “แต่มีพระเจ้าองค์หนึ่งในฟ้าสวรรค์ผู้ทรงเปิดเผยความลึกลับทั้งหลาย และพระองค์ทรงให้พระราชาเนบูคัด‌เนสซาร์รู้ถึงสิ่งซึ่งจะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย และนิมิตที่ผุดขึ้นในพระเศียรของพระองค์บนพระแท่นบรรทมนั้นเป็น​ดังนี้ พ่ะย่ะค่ะ” 

      (but there is a God in heaven who reveals mysteries, and he has made known to King Nebuchadnezzar what will be in the latter days. Your dream and the visions of your head as you  lay in bed are these) 

2:29 “ข้าแต่พระราชา ขณะเมื่อฝ่าพระบาทบรรทมบนพระแท่น พระดำริในเรื่องซึ่งจะเกิดมาภายหลังได้ผุดขึ้น และ​พระองค์นั้นผู้ทรงเปิดเผยความลึกลับก็ทรงให้ฝ่าพระบาทรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น”

      (To you, O king, as you lay in bed came thoughts of what would be after this, and he who reveals  mysteries made known to you what is to be.)

2:30 “ส่วนข้าพระบาทนั้น ได้รับการเปิดเผยความลับลึกนี้ ไม่ใช่เพราะข้าพระบาทมีปัญญามากกว่าคนอื่นๆ ที่ยังมี​ชีวิตอยู่ แต่เพื่อพระราชาจะรู้คำแก้พระสุบิน และเพื่อฝ่าพระบาทจะเข้าใจพระดำริในพระทัยของฝ่าพระบาท”

      (But as for me, this mystery has been revealed to me, not because of any wisdom that I have  more than all the living, but in order that the interpretation may be made known to the king, and that you may know the thoughts of your mind.)

2:31 “ข้าแต่พระราชา ฝ่าพระบาททอดพระเนตร และดูเถิด มีปฏิมากรขนาดใหญ่ ปฏิมากรนี้มหึมาจริงๆ และสุกใส​ยิ่งนัก ตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์ฝ่าพระบาท และรูปร่างน่ากลัว” 

      (“You saw, O king, and behold, a great image. This image, mighty and of exceeding brightness, stood before you, and its appearance was frightening.)

2:32 “หัวของปฏิมากรนี้เป็นทองนพคุณ อกและแขนเป็นเงิน ท้องและโคนขาเป็นทองสัมฤทธิ์” 

 (The head of this image was of fine gold, its chest and arms of silver, its middle and thighs of  bronze, )

2:33 “ขาเป็นเหล็ก เท้าเป็นเหล็กปนดิน” 

     (its legs of iron, its feet partly of iron and partly of clay. )

2:34 “ขณะพระองค์ทอดพระเนตร มีหินก้อนหนึ่งถูกตัดออกมาไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์ หินนั้นกระทบปฏิมากรที่เท้าอันเป็นเหล็กปนดิน ทำให้มันแตกเป็นชิ้นๆ” 

     (As you looked, a stone was cut out by no human hand, and it struck the image on its feet of iron and clay, and broke them in pieces. them could be found. But the stone that struck the image became a great mountain and filled the whole earth.)

2:35 “แล้วส่วนเหล็ก ดินเหนียว ทองสัมฤทธิ์ เงิน และทองคำ ก็แตกเป็นชิ้นๆ พร้อมกัน กลายเป็นเหมือนแกลบจากลานนวดข้าวในฤดูร้อน ลมก็พัดพาเอาไปทั่ว จึงหาร่องรอยไม่พบอีกเลย แต่ก้อนหินที่กระทบปฏิมากรนั้นกลายเป็นภูเขาใหญ่จนเต็มพิภพ”

     (Then the iron, the clay, the bronze, the silver, and the gold, all together were broken in pieces, and became like the chaff of the summer threshing floors; and the wind carried them away, so that not a trace of them could be found. But the stone that struck the image became a great  mountain and filled the whole earth.)

2:36 “นี่เป็นพระสุบิน พ่ะย่ะค่ะ บัดนี้เหล่าข้าพระบาทขอกราบทูลคำแก้พระสุบินให้พระราชาทรงทราบ”

                 (“This was the dream. Now we will tell the king its interpretation.)

2:37 “ข้าแต่พระราชา พระราชาเหนือพระราชาทั้งหลาย ผู้ซึ่งพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์ได้ประทานราชอาณาจักร อานุภาพ ฤทธิ์เดช และศักดิ์ศรี” 

       (You, O king, the king of kings, to whom the God of heaven has given the kingdom, the power,  and the might, and the glory)

2:38 “และได้ทรงมอบบรรดามนุษย์ สัตว์ในท้องทุ่งและนกบนฟ้า ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใด ไว้ในพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท ให้ฝ่าพระบาทปกครองทุกอย่าง เศียรทองคำนั้นคือฝ่าพระบาทเอง” 

       (and into whose hand he has given, wherever they dwell, the children of man, the beasts of the  field, and the birds of the heavens, making you rule over them all—you are the head of gold. )

2:39 “ต่อจากฝ่าพระบาทไป จะมีราชอาณาจักรด้อยกว่าของฝ่าพระบาทปรากฏขึ้น และยังมีราชอาณาจักรที่สามเป็นทองสัมฤทธิ์ ซึ่งจะปกครองอยู่ทั่วพิภพ”

      (Another kingdom inferior to you shall arise after you, and yet a third kingdom of bronze, which  shall rule over all the earth.) 

2:40 “และจะมีราชอาณาจักรที่สี่ แข็งแรงดั่งเหล็ก เพราะเหล็กตีสิ่งทั้งหลายให้หักและแตกเป็นชิ้นๆ อย่างไร ราชอาณาจักรนั้นจะหักและทุบสิ่งเหล่านี้ดังเหล็กซึ่งทุบให้แหลกอย่างนั้น”

      (And there shall be a fourth kingdom, strong as iron, because iron breaks to pieces and shatters  all things. And like iron that crushes, it shall break and crush all these.) 

2:41 “ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตร เท้าและนิ้วเท้าเป็นดินของช่างปั้นหม้อบ้าง เหล็กบ้าง จะเป็นราชอาณาจักรที่แตกแยก แต่ความแข็งของเหล็กจะยังอยู่ในนั้นบ้าง ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรเหล็กปนดินเหนียว”

       (And as you saw the feet and toes, partly of potter’s clay and partly of iron, it shall be a divided  kingdom, but some of the firmness of iron shall be in it, just as you saw iron mixed with the soft  clay.) 

2:42 “และนิ้วเท้าเป็นเหล็กปนดินอย่างไร ราชอาณาจักรนั้นจึงแข็งแรงบ้างเปราะบ้างอย่างนั้น”

       (And as the toes of the feet were partly iron and partly clay, so the kingdom shall be partly strong and partly brittle.)

2:43 “ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรเหล็กปนดินเหนียว พวกเขาพยายามจะมีเอกภาพด้วยการสมรส แต่จะไม่ยึดกันแน่น เช่นเดียวกับที่เหล็กไม่ประสมเข้ากับดิน”

       (As you saw the iron mixed with soft clay, so they will mix with one another in marriage, but they  will not hold together, just as iron does not mix with clay.)

2:44 “และในสมัยของพระราชาเหล่านั้น พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์จะทรงสถาปนาราชอาณาจักรหนึ่ง ซึ่งไม่มีวันถูกทำลาย หรือถูกมอบให้ชนชาติอื่น ราชอาณาจักรนั้นจะทำให้ราชอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแตกเป็นชิ้นๆ จนพินาศไป และราชอาณาจักรนั้นจะตั้งมั่นอยู่เป็นนิตย์” 

     (And in the days of those kings the God of heaven will set up a kingdom that shall never be destroyed, nor shall the kingdom be left to another people. It shall break in pieces all these kingdoms and bring them to an end, and it shall stand forever)

2:45 “ดังที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตรก้อนหินถูกตัดออกจากภูเขา ไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์ และก้อนหินนั้นได้ทำให้เหล็กทองสัมฤทธิ์ ดินเหนียว เงิน และทองคำแตกเป็นชิ้นๆ พระเจ้ายิ่งใหญ่ได้ทรงให้พระราชารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ พระสุบินนั้นเป็นจริง และคำแก้พระสุบินก็แน่นอน

      (just as you saw that a stone was cut from a mountain by no human hand, and that it broke in  pieces the iron, the bronze, the clay, the silver, and the gold. A great God has made known to  the king what shall be after this. The dream is certain, and its interpretation sure.”)

2:46 “แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ทรงกราบลงและเคารพดาเนียล และทรงบัญชาให้นำเครื่องบูชาและเครื่องหอมมาถวายดาเนียล”

       (Then King Nebuchadnezzar fell upon his face and paid homage to Daniel, and commanded that an offering and incense be offered up to him.) 

2:47 “กษัตริย์ตรัสกับดาเนียลว่า“แน่นอนทีเดียว พระเจ้าของท่านทรงเป็นพระเจ้าเหนือพระทั้งหลายและทรงเป็นองค์‍เจ้านายเหนือพระราชาทั้งปวง ทรงเป็นผู้เปิดเผยความลึกลับเพราะท่านสามารถเปิดเผยความลึกลับนี้ได้” 

        (The king answered and said to Daniel, “Truly, your God is God of gods and Lord of kings, and  a revealer of mysteries, for you have been able to reveal this mystery.)

2:48 “แล้วกษัตริย์ทรงให้ดาเนียลเป็นใหญ่ และประทานของกำนัลใหญ่จำนวนมาก อีกทั้งทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ครอบครองมณฑลทั้งหมดของบาบิโลน และเป็นประธานองคมนตรีของนักปราชญ์ทั้งสิ้นของบาบิโลน” 

      (Then the king gave Daniel high honors and many great gifts, and made him ruler over the whole province of Babylon and chief prefect over all the wise men of Babylon.)

2:49 “ดาเนียลก็ทูลขอต่อกษัตริย์ และพระองค์ทรงตั้งชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก เป็นผู้บริหารมณฑลบาบิโลน แต่ดาเนียลยังคงอยู่ในราชสำนัก”

       (Daniel made a request of the king, and he appointed Shadrach, Meshach, and Abednego over  the affairs of the province of Babylon. But Daniel remained at the king’s court.)

 

ข้อมูลมีประโยชน์

2:24     “อารีโอค” (Arioch) –ดนล.2:14

2:25     “ข้าพระบาทพบชายคนหนึ่งในพวกที่ถูกกวาดเป็นเชลยจากยูดาห์” (I have found among the exiles  from Judah a man) –ฉธบ.21:10;ดนล.1:6;5:13;6:13

2:26     “เบลเทชัสซาร์” (Belteshazzar) –ดนล.1:7

2:27     “ไม่มี…คนใดเปิดเผยความลึกลับซึ่งพระราชาไต่ถามแด่พระองค์ได้” (No …. can show to the king the  mystery that the king has asked) –ดนล.2:10;ปฐก.41:8

2:28     “แต่มีพระเจ้าองค์หนึ่งในฟ้าสวรรค์ ผู้ทรงเปิดเผยความลึกลับทั้งหลาย” ((but there is a God in heaven  who reveals mysteries) – ปฐก.40:8;ยรม.10:7;อมส.4:13

“ทรงให้พระราชาเนบูคัดเนสซาร์รู้ถึงสิ่งซึ่งจะเกิดขึ้นในยุคสุดท้าย” (and he has made known to  King Nebuchadnezzar what will be in the latter days)  -สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต –ปฐก.49:1;

ดนล.10:14;มธ.24:6;วว.1:1

“ที่ผุดขึ้นในพระเศียร” (the visions of your head lay) = ที่ผ่านเข้ามาในพระดำริ –ดนล.4:5

“บนพระแท่นบรรทม”  (in bed are these)  -สดด.4:4; ปท.อสค.28:3;ดนล.1:20

2:29     “พระองค์นั้นผู้ทรงเปิดเผยความลึกลับ” (he who reveals mysteries) = พระเจ้า (ข.47)

“ให้ฝ่าพระบาทรู้ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น” (made known to you what is to be) –ปฐก.41:25

2:30     “ได้รับการเปิดเผยความลับลึกนี้” (this mystery has been revealed)= ได้ให้ความล้ำลึกนี้ประจักษ์แจ้ง

–อสย.45:3;ดนล.1:17;อมส.4:13

2:31     “มีปฏิมากรขนาดใหญ่” (This image, mighty ) = รูปปั้นขนาดมหึมา – ฮบก.1:7

“รูปร่างน่ากลัว” (its appearance was frightening) = น่าครั่นคร้าม – อสย.25:3-5

2:32-43 = พรรณนาถึงรูปปั้น(ปฏิมากร) ในส่วนต่าง ๆ

  1. หัวของปฏิมากรเป็นทองนพคุณ = บาบิโลนใหม่ (ข.38;ยรม.51:7)
  2. อก และแขนเป็นเงิน = อาณาจักรเปอร์เซีย ซึ่งกษัตริย์ไซรัสสถาปนาขึ้นในปี 539 ก.ค.ศ. (วันที่บาบิโลนถูกทำลาย)
  3. ท้อง และโคนขา = ทองสัมฤทธิ์ = อาณาจักรกรีก ซึ่งอเล็กซานเดอร์มหาราช สถาปนาขึ้นราวปี 330 ก.ค.ศ.
  4. ขาเป็นเหล็ก เท้าเป็นเหล็กปนดิน = อาณาจักรโรมัน
  1. นิ้วเท้า(ในข้อ 4) = บางคนเข้าใจว่า หมายถึงสมาพันธรัฐในสมัยต่อมา ซึ่งยึดครองดินแดนที่แต่ก่อนอยู่ในการควบคุมของอาณาจักรโรมัน

– การลดทอนค่าของโลหะจากทองไปเป็นเงิน เป็นทองสัมฤทธิ์  เหล็ก และดิน

= การอธิบายถึงศักดานุภาพที่ค่อย ๆ ลดลง (ข.39) ของผู้ปกครองในแต่ละอาณาจักรที่ปกครองต่อ ๆ มาจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช ของเนบูคัดเนสซาร์ ไปจนถึงระบอบสาธารณรัฐ และประชาธิปไตย ที่มีการตรวจสอบ และถ่วงดุล(ในลักษณะสภาซีเนต และที่ประชุมของโรมัน)

2:33     “เท้าเป็นเหล็กปนดิน” (its feet partly of iron and partly of clay) = มีส่วนที่แข็งแกร่ง และส่วนที่

เปราะบาง (ข.42)

2:34     “ถูกตัดออกมาไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์” (was cut out by no human hand) –โยบ 12:19;ศคย.4:6

“ทำให้มันแตกเป็นชิ้นๆ ” (filled the whole earth)  = ทำให้แตกกระจาย – ดนล.2:44-45;8:25;

สดด.1:4;37:10;อสย.17:13;41:15-16;อสย.2:3;มคา.4:1;ศคย.12:3

2:35     “ทำให้มันแตกเป็นชิ้น ๆ” (were broken in pieces) = แหลกเป็นชิ้น ๆ – ลก.20:18

“ลมก็พัดพาเอาไปทั่ว” ( and the wind carried them away) –สดด.1:4;37:10;

= ลมพัดปลิวหายไปไม่เหลือร่องรอย – อสย.17:13;41:15-16

“กลายเป็นภูเขาใหญ่” (became a great mountain) = กลับกลายเป็นภูเขามหึมา  -อสย.2:3;มคา.4:1

“จนเต็มพิภพ” ( filled the whole earth) = ปกคลุมทั่วโลก – ศคย.12:3

2:36     “ขอกราบทูลคำแก้พระสุบินให้พระราชาทรงทราบ” (tell the king its interpretation) –ปฐก.41:12

2:37     “พระราชาเหนือพระราชาทั้งหลาย” (the king of kings)  = บางฉบับ แปลว่า “จอมกษัตริย์” หมายถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด – ปท. ข.47;อสร.7:12;1ทธ.6:15;วว.17:14;19:16

2:38     “ไม่ว่าจะอาศัยอยู่ที่ใด” (wherever they dwell) –ยรม.27:6;ดนล.4:21-22;5:18

2:39     “ซึ่งจะปกครองอยู่ทั่วพิภพ” (shall rule over all the earth) –ดนล.7:5

2:40     “จะหักและทุบสิ่งเหล่านี้ดังเหล็กซึ่งทุบให้แหลกอย่างนั้น” (it shall break and crush all these)

-ดนล.7:7,23

2:43     “พวกเขาพยายามจะมีเอกภาพด้วยการสมรส” (so they will mix with one another in marriage)

= ภาษาอาราเมคแปลตรงตัวว่า “ปนกันด้วยเชื้อสายของมนุษย์”

2:44     “อาณาจักรนั้นจะทำให้ราชอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแตกเป็นชิ้นจนพินาศไป” (It shall break in pieces all these kingdoms bring them to an end) –ปฐก.27:29;สดด.2:9;110:5;มธ.21:43-44;1คร.15:24;  1ซมอ.9:20;ฮกก.2:22 -บางฉบับแปลว่า “อาณาจักรจะบดขยี้อาณาจักรอื่น ๆ ทั้งปวงจนราบคาบ”

“ราชอาณาจักรนั้นจะตั้งมั่นอยู่เป็นนิตย์” (and it shall stand forever)

= อาณาจักรนี้(เป็นอาณาจักรที่ 5) คือ อาณาจักรนิรันดร์ของพระเจ้า(วว.11:15)ที่จะยั่งยืนมั่นคงตลอดกาล

= สร้างขึ้นบนซากปรักหักพังของอาณาจักรต่าง ๆ ของโลกที่เต็มไปด้วยบาป และสิ้นสลายไป

-อาณาจักรของพระเจ้าจะขยายแผ่คลุมไป “ทั่วโลก” (ข.35) จนถึง “ฟ้าใหม่และโลกใหม่”

(วว.21:1)  -สดด.145:13;อสย.9:7;ดนล.4:34;6:26;7:14,27;อบด.1:21;มคา.5:7,13;ลก.1:33;วว.11:5

2:45     “ทอดพระเนตรก้อนหิน” (just as you saw that a stone ) = บางฉบับแปลว่า “นิมิตเรื่องหิน”

–อสย.28:16;   “ไม่ใช่ด้วยมือมนุษย์”  (by no human hand) –ดนล.8:25

“ได้ทรงให้พระราชารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้” (has made known to the king what shall be after this) = ให้ฝ่าพระบาททราบถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต – ปฐก.41:25

“พระสุบินในนั้นเป็นจริงและคำแก้พระสุบินก็แน่นอน” (The dream is certain, and its interpretation sure)  = ความฝันนั้นเป็นความจริง และการตีความนี้ก็เชื่อถือได้ –วว.22:6

2:46     “แล้วกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ทรงกราบลง และเคารพดาเนียล” (Then King Nebuchadnezzar fell upon  his face and paid homage to Daniel)  = บางฉบับแปลว่า “กษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์ก็ทรงทรุดองค์ลงกราบดาเนียล” – ดนล.8:17;กจ.10:25

“ทรงบัญชาให้นำเครื่องบูชา” (commanded that an offering) –กจ.14:13

2:47     “แน่นอนทีเดียว พระเจ้าของท่านเป็นพระเจ้าเหนือพระทั้งหลาย” ( Truly, your God is God of gods and  Lord of kings) = พระเจ้าของท่านทรงเป็นพระเจ้าเหนือพระทั้งหลายแน่นอน  -ฉธบ.10:17;ดนล.11:36

“ทรงเป็นองค์เจ้านายเหนือพระราชาทั้งปวง” (Lord of kings) = บางฉบับแปลว่า “ทรงเป็นจอมราชัน”  –ดนล.4:25;1ทธ.6:15

“ทรงเป็นผู้เปิดเผยความลึกลับ” (a revealer of mysteries) = ผู้เปิดเผยความล้ำลึกทั้งมวล

–ดนล.2:22,28

“เพราะท่านสามารถเปิดเผยความล้ำลึกนี้ได้” (for you have been able to reveal this mystery)

–ดนล.4:9;1คร.14:25

2:48     “แล้วกษัตริย์ทรงให้ดาเนียลเป็นใหญ่” (Then the king gave Daniel high honors) = ให้ดำรงตำแหน่งสูง – 2พกษ.25:28

“ทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ครอบครองมณฑลทั้งหมดของบาบิโลน และเป็นประธานองคมนตรีของนักปราชญ์ทั้งสิ้นของบาบิโลน” (made him ruler over the whole province of Babylon and chief prefect over all the wise men of Babylon) –อสธ.8:2;ดนล.1:20;2:6;4:9;5:11;8:27

= เปรียบดาเนียลแห่งบาบิโลนได้กับ โยเซฟแห่งอียิปต์ (ปฐก.41:41-43)

2:49     “ดาเนียลก็ทูลขอต่อกษัตริย์” (Daniel made a request of the king) = ดาเนียลทูลขอให้เนบูคัดเนสซาร์แบ่งอำนาจบริหารของตนให้แก่เพื่อนทั้ง 3 คน โดยที่ดาเนียลยังคงอยู่ที่ราชสำนัก –ดนล.1:7;3:30;6:2

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยกล้าหาญเข้าไปหาหรือขอเข้าไปหา “ผู้ใด” ที่ให้คุณให้โทษแก่คุณด้วยความมั่นใจว่า พระเจ้าจะช่วยคุณให้รอดพ้นบ้างหรือไม่? (แบ่งปัน)
  2. คุณดำเนินชีวิตจนเป็นที่รักหรือเป็นที่ยอมรับน่าเชื่อถือของผู้ที่ไม่ได้เชื่อพระเจ้า จนพวกเขายินดีช่วยเหลือคุณในเรื่องต่าง ๆ หรือไม่? เรื่องอะไร? คุณทำอย่างไร? (แบ่งปัน)
  3. คุณยอมรับหรือไม่ว่า “สติปัญญา” , “ความรู้” และ “ความสามารถ” (รวมทั้งทรัพย์สิ่งของ ตำแหน่ง ชื่อเสียง ฐานะ  ฯลฯ)  ของคุณล้วนเป็นมาจากพระเจ้าทั้งนั้น?  การยอมรับเช่นนี้ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตการทำงานและการรับใช้ของคุณอย่างไรบ้าง?
  4. คุณเคยมีประสบการณ์กับ “ความฝัน” หรือ “นิมิต” ที่มีความหมาย และส่งผลกระทบต่อชีวิตของคุณอย่างรุนแรงหรือไม่? อย่างไร?
  5. คุณเคยรับรู้ความจริงในเรื่องอะไรที่ทำให้ “ตื่นเต้น” หรือ “ตกใจ” บ้างหรือไม่? เรื่องอะไรและ อย่างไร?
  6. การที่คุณรู้ว่า ผู้มีอำนาจปกครอง ทุกอาณาจักร ในทุกยุคทุกสมัย ล้วนแล้วแต่อยู่ใต้อำนาจของพระเจ้าที่จะให้อยู่หรือจะให้ไป ได้ส่งผลอย่างไรต่อชีวิตของคุณ?
  7. คุณเคยได้รับการเคารพให้เกียรติจากผู้มีอำนาจปกครองบ้างหรือไม่? ในเรื่องอะไร? และอย่างไร? คุณรู้สึกอย่างไร และส่งผลกระทบต่อคุณอย่างไรบ้าง?
  8. เกียรติที่คุณเคยได้รับสูงสุดในชีวิตคืออะไร? (แบ่งปัน)
  9. คุณเคยแบ่งปัน “เกียรติ” , “อำนาจ” และ “สิ่งดี” ใด ๆ ให้แก่มิตรสหายของคุณบ้างหรือไม่? อย่างไร? (แบ่งปัน)

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรมดาเนียล บทที่ 2

พระสุบินของกษัตริย์ (1)

พระธรรม        ดาเนียล 2:1-23

อ้างอิง              ปฐก.20:3;40:8;31:5;41:8,32;อพย.7:11;3:15;ยรม.23:24;32:19;27:9;33:3

บทนำ              พระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ทรงปัญญาและฤทธานุภาพ พระองค์สามารถแก้ไขปัญหาหรือตอบคำถามได้ทุกคำถาม พระองค์พร้อมประทานสติปัญญาและกำลังให้แก่เรา  หากว่าเราติดสนิท ติดตามและพร้อมรับใช้พระองค์ด้วยความเชื่อและวางใจ

บทเรียน

2:1 “ในปีที่สองของรัชกาลเนบูคัดเนสซาร์ พระองค์ทรงสุบิน พระองค์ทุกข์พระทัยจนบรรทมไม่หลับ”

     (In the second year of the reign of Nebuchadnezzar, Nebuchadnezzar had dreams; his spirit was troubled, and his sleep left him.)

2:2 “แล้วกษัตริย์จึงทรงบัญชาให้เรียกพวกโหร หมอดู นักวิทยาคม และคนเคลเดียเข้ามาเพื่อทูลกษัตริย์ให้รู้เรื่องที่​ทรงสุบิน เขาทั้งหลายก็เข้ามาเฝ้ากษัตริย์”

      (Then the king commanded that the magicians, the enchanters, the sorcerers, and the Chaldeans be summoned to tell the king his dreams. So they came in and stood before the king.)

2:3 “และกษัตริย์ตรัสกับพวกเขาว่า “เราได้ฝัน และจิตใจของเราก็เป็นทุกข์ อยากรู้ว่าฝันเรื่องอะไร” 

      (And the king said to them, “I had a dream, and my spirit is troubled to know the dream.)

2:4 “แล้วคนเคลเดียจึงทูลกษัตริย์เป็นภาษาอาราเมคว่า “ข้าแต่พระราชา ขอทรงพระเจริญเป็นนิตย์ ขอเล่าพระสุบินแก่​บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ แล้วเหล่าข้าพระบาทจะได้ถวายคำแก้พระสุบิน” 

      (Then the Chaldeans said to the king in Aramaic, “O king, live forever! Tell your servants the dream,  and we will show the interpretation.)

2:5 “กษัตริย์ทรงตอบคนเคลเดียว่า “คำของเรานั้นเด็ดขาด ถ้าเจ้าไม่บอกให้เรารู้ความฝันพร้อมทั้งคำแก้ฝัน เจ้าจะถูกทึ้ง​แขนขาออก และบ้านเรือนของเจ้าจะถูกทำให้เป็นเศษเล็กเศษน้อย”

      (The king answered and said to the Chaldeans, “The word from me is firm: if you do not make known to me the dream and its interpretation, you shall be torn limb from limb, and your houses shall be laid in ruins.)

2:6 “แต่ถ้าเจ้าเปิดเผยความฝันและคำแก้ฝันให้เรา เจ้าจะได้รับของขวัญ รางวัล และเกียรติยศยิ่งใหญ่ ฉะนั้นจงเปิดเผย​ความฝันและคำแก้ฝันแก่เรา

      (But if you show the dream and its interpretation, you shall receive from me gifts and rewards and great honor. Therefore show me the dream and its interpretation.)

2:7 “เขาทั้งหลายทูลเป็นครั้งที่สองว่า “ขอพระราชาเล่าพระสุบินแก่บรรดาผู้รับใช้ของพระองค์ และเหล่าข้าพระบาท​จะถวายคำแก้พระสุบิน พ่ะย่ะค่ะ

      (They answered a second time and said, “Let the king tell his servants the dream, and we will show its interpretation.)

2:8 “กษัตริย์ทรงตอบว่า “เรารู้แน่แล้วว่า เจ้าพยายามจะถ่วงเวลาไว้ เพราะเจ้าเห็นว่าคำของเรานั้นเด็ดขาด”

     (The king answered and said, “I know with certainty that you are trying to gain time, because you see that the word from me is firm)

2:9 “ถ้าเจ้าไม่ให้เรารู้ความฝัน ก็มีคำตัดสินเจ้าอยู่ข้อเดียว เจ้าทั้งหลายตกลงจะพูดเท็จและพูดทุจริตต่อเรา เผื่อว่า​สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นเจ้าจงบอกความฝันแก่เรา แล้วเราจะรู้ว่าเจ้าแก้ความฝันให้เราได้” 

     (if you do not make the dream known to me, there is but one sentence for you. You have agreed to speak lying and corrupt words before me till the times change. Therefore tell me the dream,  and I shall know that you can show me its interpretation.)

2:10 “คนเคลเดียจึงทูลกษัตริย์ว่า “ไม่มีใครในพิภพเปิดเผยเรื่องของพระราชาได้ เพราะว่าไม่มีพระราชายิ่งใหญ่และทรงฤทธิ์​องค์ใดไต่ถามสิ่งเหล่านี้จากโหร หรือหมอดู หรือคนเคลเดีย”

    (The Chaldeans answered the king and said, “There is not a man on earth who can meet the king’s demand, for no great and powerful king has asked such a thing of any magician or  enchanter or Chaldean.) 

2:11 “สิ่งซึ่งพระราชาตรัสถามนั้นยากเกินไป ไม่มีใครจะเปิดเผยแด่พระราชาได้นอกจากบรรดาพระผู้ไม่ได้อยู่กับมนุษย์

       (The thing that the king asks is difficult, and no one can show it to the king except the gods, whose  dwelling is not with flesh.)

2:12 “เพราะเรื่องนี้กษัตริย์จึงกริ้วและทรงพระพิโรธยิ่งนัก และมีรับสั่งให้ประหารพวกนักปราชญ์ทั้งหมดของบาบิโลน”

       (Because of this the king was angry and very furious, and commanded that all the wise men of Babylon be destroyed.)

2:13 “เพราะฉะนั้นจึงมีพระราชกฤษฎีกาประกาศไปว่าให้ฆ่านักปราชญ์เสียทั้งหมด เขาจึงตามหาดาเนียลและเพื่อนๆเพื่อจะประหารชีวิต”

       (So the decree went out, and the wise men were about to be killed; and they sought Daniel and his companions, to kill them.)

2:14 “แล้วดาเนียลก็ตอบอารีโอคหัวหน้าราชองครักษ์ ผู้ออกไปประหารนักปราชญ์ของบาบิโลน ด้วยคำแยบคายและ​ด้วยความรอบคอบ” 

       (Then Daniel replied with prudence and discretion to Arioch, the captain of the king’s guard, who  had gone out to kill the wise men of Babylon.)

2:15 “ท่านถามอารีโอคหัวหน้าว่า “ไฉนพระราชกฤษฎีกาของพระราชาจึงเร่งด่วนนัก?” แล้วอารีโอคก็เล่าเรื่องให้​ดาเนียลรู้”

       (He declared to Arioch, the king’s captain, “Why is the decree of the king so urgent?” Then Arioch  made the matter known to Daniel.)

2:16 “แล้วดาเนียลก็เข้าไปเฝ้าและทูลขอให้กษัตริย์ทรงเลื่อนกำหนดเวลาเพื่อท่านจะถวายคำแก้พระสุบินแด่กษัตริย์”

        (And Daniel went in and requested the king to appoint him a time, that he might show the interpretation to the king.)

2:17 “แล้วดาเนียลก็กลับไปยังบ้านของท่าน และแจ้งเรื่องแก่ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์สหายของท่าน”

        (Then Daniel went to his house and made the matter known to Hananiah, Mishael, and Azariah,   his companions) 

2:18 “และบอกพวกเขาให้ทูลขอพระกรุณาจากพระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์เรื่องความลึกลับนี้ เพื่อดาเนียลและเพื่อนของท่านจะไม่พินาศพร้อมกับบรรดานักปราชญ์อื่นๆ ของบาบิโลน”

       (and told them to seek mercy from the God of heaven concerning this mystery, so that Daniel  and his companions might not be destroyed with the rest of the wise men of Babylon.) 

2:19 “ในนิมิตเวลากลางคืน พระองค์ทรงเปิดเผยความลึกลับนั้นแก่ดาเนียล แล้วดาเนียลก็ถวายสาธุการแด่พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์”

      (Then the mystery was revealed to Daniel in a vision of the night. Then Daniel blessed the God of heaven.)

2:20 “ดาเนียลกล่าวว่า “สาธุการแด่พระนามของพระเจ้าเป็นนิตย์สืบไป ปัญญาและฤทธานุภาพเป็นของพระองค์”

           (Daniel answered and said: “Blessed be the name of God forever and ever, to whom belong wisdom  and might.)

2:21 “พระองค์ทรงเปลี่ยนวาระและฤดูกาล ทรงถอดบรรดากษัตริย์และทรงตั้งขึ้นใหม่ พระองค์ประทานปัญญาแก่นักปราชญ์ และความรู้แก่คนฉลาด”

       (He changes times and seasons; he removes kings and sets up kings; he gives wisdom to the Wise and knowledge to those who have understanding)

2:22 “พระองค์ทรงเปิดเผยสิ่งที่ลึกซึ้งและลี้ลับ พระองค์ทรงทราบสิ่งที่อยู่ในความมืด และความสว่างก็อยู่กับพระองค์”

       (he reveals deep and hidden things; he knows what is in the darkness, and the light dwells with him.)

2:23 “โอ พระเจ้าแห่งบรรพบุรุษของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอบพระคุณและสรรเสริญพระองค์ เพราะพระองค์ประทานปัญญาและกำลังแก่ข้าพระองค์ สิ่งนั้นที่พวกข้าพระองค์ทูลขอ พระองค์ก็ทรงให้ข้าพระองค์ทราบแล้วเพราะ​พระองค์ได้ทรงเปิดเผยเรื่องของพระราชาแก่พวกข้าพระองค์

       (To you, O God of my fathers, I give thanks and praise, for you have given me wisdom and might, and have now made known to me what we asked of you, for you have made known to us the king’s  matter.)

 ข้อมูลมีประโยชน์

2:1       “ในปีที่สองของรัชกาลเนบูคัดเนสซาร์” (In the second year of the reign of Nebuchadnezzar)

= ปี 605 ก.ค.ศ.

“พระองค์ทรงสุบิน” (Nebuchadnezzar had dreams) –ปฐก.20:3;โยบ 33:15,18;ดนล.2:3;4:5

“ทุกข์พระทัย” (his spirit was troubled) –ปฐก.41:8

จนบรรทมไม่หลับ” ( sleep left him) –อสธ.6:1;ดนล.6:18

2:2       “พวกโหร หมอดู นักวิทยาคม และคนเคลเดีย” (the magicians, the enchanters, the sorcerers, and the Chaldeans) =บางฉบับแปลว่า “นักเล่นอาคม นักเวทมนตร์ พ่อมดหมอผี และพวกโหราจารย์”     -ปฐก.41:8;อพย.7:11;ยรม.27:9;ฉธบ.18:9-14;อสย.19:3;44:25;ดนล.2:10

“เพื่อทูลกษัตริย์ให้รู้เรื่องที่ทรงสุบิน” (be summoned to tell the king his dreams) = มาทูลให้กษัตริย์ทรงทราบว่า ทรงฝันเรื่องอะไร–ดนล.4:8

2:3       “จิตใจของเราก็เป็นทุกข์”(my spirit is troubled) –ดนล.4:5

2:4       “เป็นภาษาอาราเมค” (Aramaic) = เนื่องจากว่า พวกโหราจารย์มาจากหลายเชื้อชาติ จึงสื่อสารกันด้วยภาษาอาราเมค ซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจได้  (จากนี้ไปจนจบบทที่ 7 เป็นภาษาอาราเมค) ด้วยทั้ง 6 บทนี้ เป็นเรื่องสำคัญต่อชนชาติในตะวันออกใกล้ จึงต้องเขียนเป็นภาษาที่ทุกชาติเข้าใจกัน -แต่ใน 5 บทหลัง (8-12) กลับใช้ภาษาฮีบรูเขียน เพราะเนื้อหาเกี่ยวข้องกับประชากรของพระเจ้าเป็นพิเศษ –อสร.4:7

“ขอทรงพระเจริญ” (live forever) –นหม.2:3

2:5       “คำของเรานั้นเด็ดขาด” (The word from me is firm) – ดู ดนล.3:29

-บางฉบับแปลว่า “เราตั้งใจแน่วแน่แล้วว่า” –ปฐก.41:32

“เจ้าจะถูกทิ้งแขนขาออกและบ้านเรือนของเจ้าจะถูกทำให้เป็นเศษเล็กเศษน้อย” (you shall be torn limb from limb, and your houses shall be laid in ruins) –บางฉบับแปลว่า เราจะสับพวกเจ้าเป็นชิ้น และทำลายบ้านเรือนของเจ้าให้กลายเป็นกองขยะ  – ดนล.2:12;อสร.6:11;ดนล.3:29

2:6       “เจ้าจะได้รับของขวัญ รางวัล และเกียรติยศยิ่งใหญ่” (you shall receive from me gifts and rewards and great honor) –ดนล.2:48;5:7,16

2:9       “ก็มีคำตัดสินเจ้าอยู่ข้อเดียว” (one sentence for you) = “ก็มีโทษทัณฑ์สถานเดียว”  -อสธ.4:11

“แล้วเราจะรู้ว่าเจ้าแก้ความฝันให้เราได้” (I shall know that you can show me its interpretation.)                       –อสย.41:22-24

2:10    “คนเคลเดีย” (The Chaldeans)- บางฉบับแปลว่า “โหราจารย์ทั้งหมด” –ดนล.2:2;3:8;4:7

“ไม่มีใครในพิภพเปิดเผยเรื่องราวของพระราชาได้” (There is not a man on earth who can meet the king’s demand)  = “ไม่มีใครในโลกสามารถทำอย่างที่ฝ่าพระบาทประสงค์ได้” ดนล.2:27;5:8

2:11     “นอกจากบรรดาพระผู้ไม่ได้อยู่กับมนุษย์” (except the gods,  whose dwelling is not with flesh  )

-บางฉบับแปลว่า “มีแต่เทพเจ้าเท่านั้นจะบอกได้” –ปฐก.41:38

2:12     “กษัตริย์จึงกริ้วและทรงพระพิโรธยิ่งนัก” (the king was angry and very furious) –ดนล.3:13,19

“มีรับสั่งให้ประหาร” (commanded that all the wise men of  Babylon be destroyed) –ดนล.2:5

2:13     “เขาจึงตามหาดาเนียลและเพื่อน ๆ เพื่อจะประหารชีวิต” (they sought Daniel and his companions, to kill them) –ดนล.1:20;5:19

2:14     “อารีโอค หัวหน้าราชองครักษ์” (Arioch, the captain) = ชื่อนี้เป็นชื่อของกษัตริย์เมโสโปเตเมีย เมื่อหลายศตวรรษก่อนหน้านั้นด้วย (ปฐก.14:1,9) แต่ในที่นี้คือ ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์

2:17     “ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์” (Hananiah, Mishael, and Azariah) –ดนล.1:6

2:18     “ทูลขอพระกรุณา” (to seek mercy) –อสย.37:4

“พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์” (the God of heaven) = ในตอนนี้เอาชื่อภาษาเปอร์เซียที่ใช้เรียกพระเจ้าสูงสุดมาใช้เรียกพระยาห์เวห์ แห่งอิสราเอล –อสร.1:2;นหม.1:4;ยนา.1:9;วว.11:13

“เรื่องความลึกลับนี้“ (concerning this mystery)  = เรื่องล้ำลึก = เป็นคำสำคัญในพระธรรมดาเนียล

(ข.19,27-30;47;4:9)  และพบบ่อยครั้งในงานเขียนหนังสือม้วนทะเลตาย  ที่คุมรานด้วย)

ในพระคัมภีร์ใหม่ ใช้คำกรีกที่มีความหมายเทียบเท่ากัน หมายถึง พระประสงค์อันล้ำลึกของพระเจ้าที่เคยปิดบังไว้ บัดนี้เปิดเผยให้ผู้เผยพระวจนะและอัครทูตได้ทราบ (รม.11:25;วว.10:7)

2:19     “ในนิมิตเวลากลางคืน พระเจ้าองค์เดียวเปิดเผยความลึกล้ำนั้นแก่ดาเนียล” (Then the mystery was revealed to Daniel in a vision of the night ) –โยบ 33:15;ดนล.1:17;ยชว.22:33

2:20     “เป็นนิตย์สืบไป” (forever and ever) –สดด.113:2;145:1-2

“ปัญญาและฤทธานุภาพ” (to whom belong wisdom and might  ) –โยบ 9:4;ยรม.32:19

2:21    “เปลี่ยนวาระและฤดูกาล” (changes times and seasons) –ดนล.7:25

“ทรงถอดบรรดากษัตริย์ และทรงตั้งขึ้นใหม่” ( he removes kings and sets up kings) –ดนล.4:17;โยบ.12:19;สดด.75:6-7;รม.13:1; “ประทานปัญญา” (gives wisdom)  -สดด.119:34;ยก.1:5

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยทุกข์ใจจนนอนไม่หลับบ้างไหม? ในเรื่องอะไร? แล้วคุณแก้ปัญหานั้นอย่างไร?
  2. คุณเคยมีปัญหาหรือทุกข์ใจโดยไม่รู้สาเหตุหรือไม่รู้จะแก้ไขปัญหานั้นอย่างไรบ้างไหม? เรื่องอะไร? แล้วภายหลังเป็นอย่างไร?
  3. คุณเคยถูกสั่งหรือถูกขอให้แก้ปัญหาที่ดูแล้ว ไม่มีทางแก้ได้เลย (นอกจากพระเจ้าลงมือทำเอง) บ้างไหม?เรื่องอะไร? แล้วคุณผ่านพ้นมาได้อย่างไร?
  4. คุณเคยเห็นพระเจ้าแก้ปัญหาใดที่อัศจรรย์เกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาจะทำได้บ้างหรือไม่? เรื่องอะไร และอย่างไร?
  5. คุณเคยประสบกับภัยที่ไม่คิดไม่คาดฝันบ้างไหม? แล้วคุณรอดมาได้อย่างไร?
  6. คุณเคยมีประสบการณ์กับการผนึกพลังอธิษฐานในเรื่องใหญ่หรือสำคัญเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วพระเจ้าทรงตอบคำขอนั้นอย่างอัศจรรย์บ้างไหม? (แบ่งปัน)
  7. คุณเคยมีประสบการณ์กับความฝัน หรือนิมิตพิเศษอะไรที่มาจากพระเจ้าเป็นส่วนตัวบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร? แล้วคุณรู้ได้อย่างไรว่า นั่นมาจากพระเจ้า?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

Categories
บทเรียนพระคัมภีร์

บทเรียนพระธรรม “ดาเนียล” บทที่ 1

4 หนุ่ม  โดดเด่น

พระธรรม        ดาเนียล 1:1-21

อ้างอิง             2พกษ.24:1,10-16,20:17-18;2พศด.36:5-6,10;อสย.39:7-8

บทนำ             ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพใด

ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด

เราสามารถถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า และเป็นพยานเพื่อพระองค์ได้เสมอ หากเรามีชีวิตและจุดยืนที่แน่วแน่ในพระองค์!

บทเรียน

1:1 “ในปีที่สามของรัชกาลเยโฮยาคิมกษัตริย์ของยูดาห์ เนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์ของบาบิโลนเสด็จมายังกรุงเยรูซาเล็ม และ​ทรงล้อมเมืองไว้” 

      (In the third year of the reign of Jehoiakim king of Judah, Nebuchadnezzar king of Babylon came to Jerusalem and besieged it.)

1:2 “และองค์เจ้านายทรงมอบเยโฮยาคิมกษัตริย์ของยูดาห์ไว้ในหัตถ์ของท่าน พร้อมทั้งภาชนะบางชิ้นแห่งพระนิเวศของ​พระเจ้า และท่านก็นำภาชนะเหล่านั้นมายังแผ่นดินชินาร์ มายังนิเวศแห่งพระของท่าน และบรรจุภาชนะเหล่านั้นไว้ใน​คลังของพระของท่าน” 

      (And the Lord gave Jehoiakim king of Judah into his hand, with some of the vessels of the house of God.   And he brought them to the land of Shinar, to the house of his god, and placed the vessels in the  treasury of his god.)

1:3 “แล้วกษัตริย์นั้นทรงบัญชาอัชเปนัสหัวหน้าขันทีของท่านไปนำคนอิสราเอลบางคน ทั้งเชื้อพระวงศ์และเชื้อสายขุนนาง 

       (Then the king commanded Ashpenaz, his chief eunuch, to bring some of the people of Israel, both of  the royal family and of the nobility,)

1:4 “พวกหนุ่มๆ ที่ปราศจากตำหนิ มีรูปร่างหน้าตาดี เชี่ยวชาญในสรรพปัญญา มีความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถที่​จะรับใช้ในวังกษัตริย์ และทรงให้สอนวรรณคดีและภาษาของคนเคลเดียแก่พวกเขา” 

      (youths without blemish, of good appearance and skillful in all wisdom, endowed with knowledge,  understanding learning, and competent to stand in the king’s palace, and to teach them the literature  and language of the Chaldeans.)

1:5 “กษัตริย์ทรงกำหนดอาหารชั้นสูงและเหล้าองุ่นซึ่งกษัตริย์เสวยแก่เขาเหล่านั้นทุกวัน พวกเขารับการเลี้ยงดูอยู่สามปี เมื่อครบกำหนดเวลานั้นแล้ว พวกเขาก็เข้ารับราชการ” 

       (The king assigned them a daily portion of the food that the king ate, and of the wine that he drank. They were to be educated for three years, and at the end of that time they were to stand before the king.)

1:6 “ในบรรดาคนเหล่านั้น มีคนเผ่ายูดาห์คือดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอล และอาซาริยาห์” 

       (Among these were Daniel, Hananiah, Mishael, and Azariah of the tribe of Judah.)

1:7 “และหัวหน้าขันทีตั้งชื่อให้ใหม่ ดาเนียลนั้นเรียกว่าเบลเทชัสซาร์ ฮานันยาห์เรียกว่าชัดรัค มิชาเอลเรียกว่า เมชาค และ​อาซาริยาห์เรียกว่าอาเบดเนโก”

        (And the chief of the eunuchs gave them names: Daniel he called Belteshazzar, Hananiah he called  Shadrach, Mishael he called Meshach, and Azariah he called Abednego.)

1:8 “แต่ดาเนียลตั้งใจว่าจะไม่ทำให้ตัวเป็นมลทินด้วยอาหารชั้นสูงของกษัตริย์ หรือด้วยเหล้าองุ่นซึ่งพระองค์เสวยท่านจึง​ขอหัวหน้าขันทีให้อนุญาตเพื่อท่านจะไม่ทำตัวเองเป็นมลทิน” 

      (But Daniel resolved that he would not defile himself with the king’s food, or with the wine that he drank.  Therefore he asked the chief of the eunuchs to allow him not to defile himself.)

1:9 “และพระเจ้าทรงให้หัวหน้าขันทีชอบและสงสารดาเนียล” 

       (And God gave Daniel favor and compassion in the sight of the chief of the eunuchs,)

1:10 “หัวหน้าขันทีกล่าวแก่ดาเนียลว่า “ข้าเกรงว่าพระราชาเจ้านายของข้า ผู้ทรงกำหนดอาหารและเครื่องดื่มของพวกเจ้าจะทอดพระเนตรเห็นว่า พวกเจ้ามีหน้าซูบซีดกว่าบรรดาคนหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน พวกเจ้าก็จะทำให้ชีวิตของ​ข้ามีอันตรายเพราะพระราชา” 

        (and the chief of the eunuchs said to Daniel, “I fear my lord the king, who assigned your food and your drink; for why should he see that you were in worse condition than the youths who are of your own age?  So you would endanger my head with the king.”)

1:11 “แล้วดาเนียลกล่าวแก่มหาดเล็กผู้ที่หัวหน้าขันทีกำหนดให้ดูแลดาเนียล ฮานันยาห์ มิชาเอลและอาซาริยาห์ว่า” 

        (Then Daniel said to the steward whom the chief of the eunuchs had assigned over Daniel, Hananiah,  Mishael, and Azariah,)

1:12 “ขอทดลองผู้รับใช้ของท่านสักสิบวัน ขอนำผักมาให้เรากินและน้ำมาให้เราดื่ม” 

         (“Test your servants for ten days; let us be given vegetables to eat and water to drink.)

1:13 “แล้วให้ท่านตรวจดูหน้าตาของเรา เทียบกับหน้าตาของบรรดาคนหนุ่มผู้รับประทานอาหารชั้นสูงของพระราชา และ​เมื่อท่านเห็นอย่างไร แล้วจงทำแก่ผู้รับใช้ของท่านอย่างนั้น” 

       (Then let our appearance and the appearance of the youths who eat the king’s food be observed by  you, and deal with your servants according to what you see.” )

1:14 “เขาก็ยอมทำตามคำขอของคนเหล่านั้นในเรื่องนี้ และทดลองพวกเขาอยู่สิบวัน” 

         (So he listened to them in this matter, and tested them for ten days.)

1:15 “เมื่อครบสิบวันแล้วจึงเห็นว่าบรรดาคนเหล่านั้นรูปร่างหน้าตาดีกว่า และเนื้อหนังเปล่งปลั่งกว่าบรรดาคนหนุ่มที่รับ‍ประทานอาหารชั้นสูงของกษัตริย์” 

          (At the end of ten days it was seen that they were better in appearance and fatter in flesh than all the  youths who ate the king’s food.)

1:16 “ดังนั้นมหาดเล็กจึงเอาอาหารชั้นสูงส่วนของพวกเขาและเหล้าองุ่นซึ่งเขาควรจะได้ดื่มนั้นไปเสียแล้วให้ผักแทน”

           (So the steward took away their food and the wine they were to drink, and gave them vegetables.)

1:17 “คนหนุ่มทั้งสี่คนนี้ พระเจ้าประทานความรู้ ความเข้าใจในวรรณกรรมทั้งปวง และปัญญา และดาเนียลเข้าใจนิมิต และความฝันทุกประการ”

           (As for these four youths, God gave them learning and skill in all literature and wisdom, and Daniel had  understanding in all visions and dreams.)

1:18 “พอถึงกำหนดเวลาที่กษัตริย์ทรงบัญชาให้นำเขาทั้งหลายเข้าเฝ้าหัวหน้าขันทีจึงนำเขาทั้งหลายเข้ามาเฝ้าเนบูคัดเนสซาร์”

           (At the end of the time, when the king had commanded that they should be brought in, the chief of the eunuchs brought them in before Nebuchadnezzar.)

 1:19 “และกษัตริย์ก็ทรงสัมภาษณ์พวกเขา ในบรรดาคนหนุ่มเหล่านั้นไม่พบสักคนหนึ่งที่เหมือนดาเนียล ฮานันยาห์  มิชาเอล และอาซาริยาห์ เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงได้เข้ารับราชการ” 

        (And the king spoke with them, and among all of them none was found like Daniel, Hananiah,  Mishael, and Azariah. Therefore they stood before the king.)

1:20 “ในบรรดาเรื่องราวอันเกี่ยวกับปัญญาและความรอบรู้ซึ่งกษัตริย์ตรัสถามพวกเขา ทรงเห็นว่าพวกเขาดีกว่าพวกโหร​ และพวกหมอดูทั้งหมดซึ่งอยู่ในอาณาจักรของพระองค์สิบเท่า”

      (And in every matter of wisdom and understanding about which the king inquired of them, he found them ten times better than all the magicians and enchanters that were in all his kingdom.)

1:21 “และดาเนียลก็ได้รับราชการเรื่อยมาจนต้นรัชกาลกษัตริย์ไซรัส”

        (And Daniel was there until the first year of King Cyrus.)

ข้อมูลมีประโยชน์

1:1       “ในปีที่ 3 ของรัชกาลเยโฮยาคิมกษัตริย์ของยูดาห์” (In the third year of the reign of Jehoiakim king of Judah) = ตรงกับปีที่ 605 ก่อน ค.ศ   (การเริ่มครองราชย์จะนับเริ่มจากวันปีใหม่หลังจากขึ้นครองราชย์ ในปี 608 ก.ค.ศ. ตามระบบคำนวณของบาบิโลน) แต่หากตามระบบของยูดาห์ จะนับปีที่ขึ้นครองราชย์เป็นปีที่ 1 ตอนนี้ จึงจะกลายเป็น “ปีที่ 4” แห่งรัชกาลเยโฮยาคิม (ยรม.25:1;46:2) ตามระบบของยูดาห์

“เยโฮยาคิม” (Jehoiakim) เป็นกษัตริย์แห่งยูดาห์ (2พกษ.23:34;2พศด.36:5-8;ยรม.46:2)

“เนบูคัดเนสซาร์” (Nebuchadnezzar) = กษัตริย์แห่งบาบิโลน ขึ้นครองราชย์ในปี 605 ก.ค.ศ.

(ยรม.25:1;28:14;2พกษ.24:1)  ;  “บาบิโลน” (Babylon) –ยรม.50:1

“มายังกรุงเยรูซาเล็มและทรงล้อมเมืองไว้” (came to Jerusalem and besieged it.) –2พกษ.24:1; 2พศด.36:5-7;ยรม.35:11

1:2   “นำ…ไปยังแผ่นดินชินาร์” (brought them to the land of Shinar) = ยูดาห์ถูกกวาดต้อนไปบาบิโลน เพราะไม่เชื่อฟังคำเตือนจากพระเจ้าเรื่องการกระทำตามพันธสัญญาปีสะบาโต และเรื่องรูปเคารพ (ลนต.25:4;26:27-35;ฉธบ.28:15-68;2พกษ.25:1;2พศด.36:20-21)

-การกวาดต้อนคนยูดาห์ไปบาบิโลนครั้งนี้ เป็นครั้งแรก (ปี 605 ก.ค.ศ.) ซึ่งมีดาเนียลติดไปด้วย และครั้งที่ 2 (ปี 597 ก.ค.ศ.) มีเอเสเคียลไปด้วย และครั้งที่ 3 (ปี 586 ก.ค.ศ.) เป็นครั้งที่บาบิโลนทำลายกรุงเยรูซาเล็ม และทำลายพระวิหารที่ซาโลมอนสร้าง – 2พกษ.24:13

“ไว้ในคลังของพระของท่าน” (placed the vessels in the treasury of his god) = เทพเจ้าของพวกบาบิโลน หมายถึง พระมาร์ดุค (อสย.45:4;2พศด.36:7;ยรม.27:19-20;ศคย.5:5-11)

1:3       “ทั้งเชื้อพระวงศ์และเชื้อสายขุนนาง” ( both of the royal family and of the nobility) –2พกษ.20:18; 24:15;อสย.39:7

1:4       “รูปร่างหน้าตาดี” (of good appearance) –ปฐก.39:6

“เชี่ยวชาญในสรรพปัญญา มีความรู้” (skillful in all wisdom, endowed with knowledge  ) –ดนล.1:17

“สอนวรรณคดีและภาษาของคนเคลเดีย” (to teach them the literature and language of the Chaldeans) –เคลเดีย = บาบิโลน

-การสอนนี้รวมถึงวรรณกรรมที่เป็นอักษร คูนิฟอร์ม ภาษาสุเมเรียน และอัคเคเดียน ซึ่งมีระบบการเขียนพยางค์ที่ซับซ้อน แต่ภาษาที่ใช้สื่อสารกันปกติทั่วไปในบาบิโลน (ซึ่งมีหลายเชื้อชาติ) กลับเป็นภาษาอารเมค ซึ่งเขียนด้วยพยัญชนะที่เข้าใจง่าย (2:4)  -อสร.4:7

1:5   “กษัตริย์ทรงกำหนดอาหารชั้นสูงและเหล้าองุ่น” (The king assigned them a daily portion of the food that the king ate, and of the wine that he drank) ดนล.1:8,10

          “ซึ่งกษัตริย์เสวย” (the king ate) = จากโต๊ะเสวย –อสธ.2:9

“รับการเลี้ยงดูอยู่สามปี” (to be educated for three years) –ดนล.1:18

“พวกเขาก็เข้ารับราชการ” (at the end of that time they were to stand before the king)

–ดนล.1:19;อสธ.2:5-6

:6       “ดาเนียล” (Daniel) –ชื่อ “ดาเนียล” แปลว่า “พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา (ของข้าพเจ้า)”

“ฮานันยาห์” (Hananiah ) แปลว่า “พระยาห์เวห์ทรงสำแดงพระคุณ”

“มิซาเอล” (Mishael) แปลว่า “ใครจะเป็นอย่างพระเจ้าได้”

“อาซาริยาห์” (Azariah) แปลว่า “พระยาห์เวห์ทรงช่วย”

1:7       “ตั้งชื่อให้ใหม่” (gave them names)  = เพื่อแสดงว่า บัดนี้ คนหนุ่มเหล่านี้ตกอยู่ใต้สิทธิอำนาจของกษัตริย์เนบูคัดเนสซาร์แล้ว (ปฐก.17:5;41:45;2พกษ.23:34;24:17)

“เบลเทชัสซาร์” (Belteshazzar) เป็นภาษาบาบิโลนแปลว่า “พระเบล (พระมาร์ดุค) ปกป้องชีวิตเขา”

–ดนล.2:26;4:8;5:12;10:1

“ซัดรัค” (Shadrach) แปลว่า “บัญชาของพระอาคู”  (เทพดวงจันทร์ของชาวสุเมเรียน)

“อาเบดเนโก” (Abednego) แปลว่า “ผู้รับใช้ของพระเนโก” (เนโบ/พระนาบู)–อสย.39:7;ดนล.2:49;3:12

1:8       “ตั้งใจว่าจะไม่ทำให้ตัวเป็นมลทิน” (But Daniel resolved that he would not defile himself) ตั้งปณิธานไว้ว่า จะไม่ยอมให้ตัวเองเป็นมลทิน–อสค.4:13-14

“ด้วยอาหารชั้นสูงของกษัตริย์หรือด้วยเหล้าองุ่น ซึ่งพระองค์เสวย” (with the king’s food, or with the wine that he drank)

–คนอิสราเอลถือว่าอาหารจากโต๊ะเสวยของเนบูคัดเนสซาร์ เป็นมลทิน เพราะอาหารส่วนแรกได้ถวายแก่รูปเคารพ เหล้าองุ่นส่วนหนึ่งก็เทถวายบนแท่นบูชาแด่พระต่างชาติ รวมทั้งเนื้อสัตว์ก็เป็นมลทินตามระเบียบพิธีกรรม ไม่ได้ฆ่าหรือเตรียมตามธรรมบัญญัติของยิวกำหนดไว้

1:9       “พระเจ้าทรงให้หัวหน้าขันทีชอบและสงสารดาเนียล” (God gave Daniel favor and compassion in the sight of the chief of the eunuchs) = พระเจ้าทรงนำชีวิตของดาเนียล คล้ายคลึงกับชีวิตของโยเซฟหลายประการ (ปฐก.39-41) ปท.สภษ.16:7  ;    “สงสาร” = เห็นใจ –1พกษ.8:50

1:10     “ผู้ทรงกำหนดอาหารและเครื่องดื่มของพระเจ้า”(who assigned your food and your drink)–ดนล.1:5

1:12     “ขอทดลองผู้รับใช้ของท่าน” (Test your servants ) = ดาเนียลหาทางออกที่ดี โดยเสนอทางเลือกแทนการแข็งข้อ  ;  “สักสิบวัน” (for ten day) ; “สิบ” = สัญลักษณ์ของความสมบูรณ์

1:13     “และเมื่อท่านเห็นอย่างไรแล้วจงทำแก่ผู้รับใช้ของท่านอย่างนั้น” (observed by you, and deal with your servants according to what you see.) = เมื่อเปรียบเทียบผลลัพธ์แล้วก็ให้ปฏิบัติกับดาเนียลตามที่เห็นสมควร –ดนล.1:16

1:14     “ทดลองพวกเขาอยู่สิบวัน” (tested them for ten days) –วว.2:10

1:15     “รูปร่างหน้าตาดีกว่าและเนื้อหนังเปล่งปลั่งกว่าบรรดาคนหนุ่มที่รับประทานอาหารชั้นสูงของกษัตริย์” (they were better in appearance and fatter in flesh than all the youths who ate the king’s food)  –อพย.23:25

1:16    “แล้วให้ผักแทน” (gave them vegetables) = ให้คนทั้ง 4 รับประทานผัก (มังสวิรัติ) แทน –ดนล.1:12-13

1:17     “พระเจ้าประทานความรู้ ความเข้าใจในวรรณกรรมทั้งปวงและปัญญา” (God gave them learning and skill in all literature and wisdom) –โยบ 12:13;ดนล.2:23;คส.1:9;ยก.1:5

“ดาเนียลเข้าใจนิมิต และความฝันทุกประการ” (Daniel had understanding in all visions and dreams    ) –ดาเนียลได้พิสูจน์ให้เห็นว่า วรรณกรรมทั้งปวงของคนต่างชาติทั้งสิ้นล้วนไร้ค่า (วว.2:2-11;4:6-7) มีแต่การสำแดงของพระเจ้าเท่านั้นที่ทำให้ดาเนียลทำนายฝันได้อย่างถูกต้อง (2:17-28)

–ดนล.2:19,30;5:11;7:1;8:1

1:18     “พอถึงกำหนดเวลา” (the end of the time) = ครบกำหนดที่กษัตริย์ทรงบัญชา –ดนล.1:5

1:19     “พวกเขาจึงได้เข้ารับราชการ” ( Therefore they stood before the king) –ปฐก.41:8

1:20     “พวกโหร” และ “หมอดู” (the magicians and enchanters) –บางฉบับแปลว่า “พวกเล่นอาคมและนักเวทนมตร์” –ปฐก.41:8;  “สิบเท่า”( ten times)–1พกษ.4:30;อสธ.2:15;อสค.28:3;ดนล.2:13;28,4:18;6:3

1:21     “ก็ได้รับราชการเรื่อยมา” (Daniel was there)= รับราชการอยู่ในบาบิโลน

“จนต้นรัชกาลกษัตริย์ไซรัส” (until the first year of King Cyrus) = ปีที่หนึ่งที่กษัตริย์ไซรัสครองราชย์เหนือบาบิโลน (ปี 539 ก.ค.ศ.) – ดาเนียลใช้ชีวิตในบาบิโลนประมาณ 70 ปี และยังมีชีวิตอยู่จนถึงปี 537 ก.ค.ศ. (10:1) และได้เห็นบรรดาเชลยเดินทางจากบาบิโลนกลับสู่ยูดาห์

คำถามนำอภิปราย

  1. คุณเคยตกอับจนต้องอยู่ภายใต้อุ้งมือของใครบางคนหรือไม่? ทำไม?
  2. คุณเคยถูกกดดัน บังคับหรือถูกเรียกร้องให้ทำสิ่งที่ฝืนใจ หรือฝืนจิตสำนึกของคุณที่ยากจะบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยงบ้างไหม ? เรื่องอะไร? แล้วคุณรอดตัวออกมาได้อย่างไร?
  3. คุณเคยมีประสบการณ์กับการใช้สติปัญญาที่พระเจ้าประทานให้มา ในการแก้ปัญหาได้อย่างไม่น่าเชื่อบ้างหรือไม่? เรื่องอะไร และอย่างไร?
  4. คุณได้รับการฝึกฝนอบรมจนเกิดทักษะพิเศษเฉพาะในด้านใดบ้าง แล้วคุณได้ใช้ความชำนาญหรือความเชี่ยวชาญนั้นอย่างไรบ้าง? มีอะไรบ้างที่คุณใช้เพื่อขยายแผ่นดินของพระเจ้า?
  5. เวลานี้คุณมีสุขภาพที่แข็งแรงหรืออ่อนแอ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? คุณจะทำอะไรได้บ้างที่ทำให้คุณมีพลานามัยที่ดีกว่าเดิมหรือดีกว่าคนอื่น ๆ ?
  6. คุณเคยมีประสบการณ์กับนิมิตหรือความฝันบ้างหรือไม่? อย่างไร? แล้วคุณเคยเข้าใจในนิมิต/ความฝันในเรื่องใดบ้างหรือไม่? อย่างไร? และมีอะไรเป็นผลตามมา?
  7. คุณเคยรับใช้ในหลวงหรือผู้ปกครองประเทศหรือผู้มีตำแหน่งสูงในรัฐบาล (หรือราชการ) บ้างหรือไม่? ด้านใดแล้วผลเป็นอย่างไร? ทำไม?
  8. คุณเคยมีประสบการณ์ในการเป็นพยานเรื่องพระเจ้าให้แก่คนในตำแหน่งสูงบ้างหรือไม่? กับใคร? ที่ไหน?  เมื่อไร? แล้วผลเป็นอย่างไร?
  9. คุณเคยมีประสบการณ์กับการก้าวหน้าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอาชีพการงานบ้างหรือไม่? อย่างไร? แล้วมีส่วนต่อการรับใช้พระเจ้าของคุณบ้างหรือไม่?  อย่างไร?

 

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์