Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

เพื่อนดีมีค่าเกินราคา!

ตั้งแต่เยาว์วัย ผมท่องจำบทกลอนหนึ่งซึ่งผมชอบมากได้อย่างขึ้นใจ มีเนื้อความว่า:

“เพื่อนดีมีหนึ่งถึงจะน้อย ดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา เหมือนมีเกลือนิดหน่อยด้อยราคา ยังดีกว่าน้ำเค็มเต็มทะเล!”

แม้เวลานี้ ผมจะมีวัยเกินครึ่งศตวรรษเข้าไปแล้ว แต่ผมก็ยังจดจำข้อคิดมีคตินี้ได้อย่างฝังใจ!..ใช่ครับ คนเราไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเป็นจำนวนมาก แม้ว่าเราควรจะหยิบยื่นความเป็นเพื่อนให้กับทุกคนโดยไม่ถือชั้นวรรณะ และไม่จำกัดจำนวน แต่ในความเป็นจริงแล้วเราไม่มีทางที่จะพัฒนามิตรภาพกับคนจำนวนมากให้ลึกซึ้งได้ด้วยความจำกัดของปัจจัยหลาย ๆ ประการ ด้วยเหตุนี้… คุณค่าของเพื่อนจึงไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ (Quantity) แต่อยู่ที่คุณภาพ (Quality) หากว่าคุณมีเพื่อนที่มีคุณภาพแม้จะเป็นเพียงแต่หยิบมือเดียว แต่ก็ทำให้ชีวิตของคุณมีความรื่นรมย์อย่างสุดที่จะพรรณนาได้แล้ว

เพื่อนดีมีคุณภาพคือเพื่อนที่เสริมหรือเพิ่มคุณค่าให้กับชีวิตของคุณ! ดังนั้น เพื่อนคนใดที่ยิ่งคบหาก็ยิ่งฉุดคุณให้ตกต่ำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องคุณธรรม ศีลธรรมและพฤติกรรม เพื่อนอย่างนั้นคุณควรรีบออกห่างไว้จะปลอดภัยกว่า! ในพระคัมภีร์แนะนำไว้ว่าเพื่อนที่ดีคือ …เพื่อนที่ลับเพื่อนของตนให้คมยิ่ง หรือมีประโยชน์มากกว่าเดิม

“เหล็กลับเหล็กได้ คนหนึ่งก็ลับเพื่อนของตนได้” (สุภาษิต 27:17)

และเพื่อนที่ดีจะพยุงเพื่อนของเขาให้ลุกขึ้นในยามที่เขาล้มลง…ใคร ๆ ก็พูดได้ว่า เขาเป็นเพื่อนของเรา แต่สิ่งที่จะเป็นตัวพิสูจน์ให้เห็นแจ้งชัดว่า ใครคือเพื่อนแท้ ก็คือต้องดูในยามที่เราต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ ! ดังคำภาษิตที่ว่า “เพื่อนแท้คือเพื่อนในยามยาก!” (A friend in need is a friend indeed!)

โดยปกติแล้ว ในโลกนี้คงจะมีแต่พ่อแม่ (ที่ดี) เท่านั้นที่รักเรา ใกล้เคียงกับความคาดหวังนี้หรือ อาจมีเพื่อนบางคนที่รักเราจริงๆ จนยอมเคียงข้างเราในทุกวาระโอกาสของชีวิต ไม่ว่าจะยากดีมีจนเพียงใด! แต่เพื่อนในอุดมคติที่จะยืนหยัดเคียงคู่เราไปจนวันตายคือคู่สมรส (สามีหรือภรรยา) ของเรา!

ช่างน่าเศร้าใจที่ความเป็นจริงซึ่งปรากฎให้เห็นในปัจจุบัน เพื่อนประเภทที่กล่าวถึงนี้ช่างหายากเหลือเกินในท่ามกลางมวลมิตร หรือแม้แต่คนที่เรียกว่า “คู่ชีวิต” ! หากว่าวันนี้คุณนั่งลงใคร่ครวญคิดถึงเพื่อนดีที่เข้มข้นในมิตรภาพดุจเกลืออันมีคุณค่า ในชีวิตของคุณที่ผ่านมาคุณสามารถจะเขียนชื่อออกมาได้กี่ชื่อ? และทำไมคุณจึงมั่นว่าเขาจะไม่ทิ้งคุณในยามยากลำบาก หรือไม่ทรยศต่อความไว้วางใจที่คุณมีต่อเขา? หากคุณหาและมีเพื่อนชนิดนี้ได้ต้องถือว่าคุณ “โชคดี” แต่หากว่าคุณหาเพื่อนชนิดนี้ไม่ได้ก็ยังไม่นับว่า  “โชคร้าย!” ซะทีเดียว  เพราะว่า องค์พระเยซูคริสต์ทรงยินดีเป็นเพื่อนหรือสหายของคุณ! พระองค์สัญญาว่าจะเป็นเพื่อนแท้ของคุณที่เต็มพระทัยยอมตายเพื่อไถ่บาปคุณ แม้แต่ในยามที่คุณเป็นศัตรูกับพระองค์ อ.เปาโลได้ยืนยันในเรื่องนี้ไว้ดังนี้

“แต่พระเจ้าทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลายคือขณะที่เรายังเป็นคนบาปอยู่นั้นพระคริสต์ได้ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อเรา เพราะว่าถ้าขณะที่เรายังเป็นศัตรูต่อพระเจ้าเราได้กลับคืนดีกับพระองค์ โดยที่พระบุตรของพระองค์สิ้นพระชนม์  ยิ่งกว่านั้นอีกเมื่อเรากลับคืนดีแล้วเราก็จะรอดโดยพระชนม์ชีพของพระองค์แน่” (โรม.5:8,10)

บัดนี้พระคริสต์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย และทรงพระชนม์อยู่ ทรงพร้อมที่จะเคียงข้างคุณในทุกมรสุมชีวิตของคุณ! คุณเองล่ะ… พร้อมที่จะให้พระองค์ทรงเป็นเพื่อนที่เยี่ยมยอดที่สุดในชีวิตของคุณหรือไม่?

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • ขอบคุณพระเจ้าที่ทรงประทานพระเยซูคริสตมาให้เป็นเพื่อนแท้ เป็นสหายเลิศ และเป็นต้นแบบให้แก่เราในการสร้างมิตรภาพกับผู้อื่น…ใครมีเพื่อนดีๆ อย่าปล่อยให้หลุดมือไปนะคะ
  • อธิษฐานเผื่อหลายๆคนที่มิตรภาพแตกร้าว ให้สามารถถ่อมใจ ลดทิฐิและกลับมาคืนดี เริ่มต้นกันใหม่
  • อาทิตย์นี้มาฟังคำเทศนาดีๆจาก ศบ.ของเรา ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์
  • และอย่าลืมให้พระเจ้าเป็นหนึ่ง อธิษฐานเผื่อเพื่อนพี่น้องของเรา เผื่อคริสตจักร และเผื่อประเทศไทย ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

การศึกษาที่มีประสิทธิภาพ!

Adversityมีคำกล่าวไว้เป็นข้อคิดว่า…“ไม่มีการศึกษาใดเปรียบได้กับความทุกข์ยาก” (There is no education like adversity) -M. Aurelius-

คำว่า “ความทุกข์ยาก” (adversity) หมายความว่า “สภาพการณ์หรือเหตุการณ์ที่ยุ่งยากหรือโชคไม่ดี” ความยุ่งยากจึงเป็นตัวทดสอบคนว่า เขาแน่หรือไม่แน่! หาก “แน่” ก็สอบผ่านเติบโตหรือความเจริญขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง แต่หาก “แย่” คือสอบไม่ผ่านด่านแห่งความทุกข์ยากนั้นก็คงต้อง “อยู่กับที่” หรือ “ตกต่ำ” ลงไปอีกอย่างน้อยหนึ่งระดับ!  “ความทุกข์ยาก” หรือ “ความยุ่งยาก” จึงอาจทำให้คนบางคนพบจุดจบในขณะที่ทำให้คนบางคนพบจุดเริ่มต้น (ใหม่)!

วิลเลี่ยม อาร์เธอร์ วอร์ด (William Arthuor Ward) กล่าวไว้ดีมากว่า …“ความทุกข์ยากทำให้คนบางคนสติพังทลาย แต่ทำให้คนบางคนทำลายสถิติ” (Adversity causes some men to break, others to break records.) ข้อสังเกตก็คือ…คนที่มองความทุกข์ยากในแง่ลบ มักจะพ่ายแพ้ และได้รับผลเลวร้ายจากความทุกข์ยากนั้น แต่คนที่รู้จักมองให้เห็นแง่บวกในท่ามกลางความทุกข์ยากนั้น มักจะพบลู่ทางแห่งชัยชนะ หรือประโยชน์ที่นำไปสู่ความก้าวหน้าและความเจริญ เติบโตอันน่าชื่นชมยินดี! อ.ยากอบเคยแนะนำให้เรามีทัศนคติเชิงบวกดังเช่นที่ว่านี้ เมื่อท่านกล่าวว่า “ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายประสบความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดี” (Consider it pure joy, my brothers, whenever you face trials of many kinds) (ยากอบ 1:2)

ท่านให้เหตุผลว่า ความทุกข์ยากเหล่านั้นเป็นการทดลองหรือการทดสอบความเชื่อของพวกเรา เพื่อทำให้เราหนักแน่น มั่นคง  และหากว่าความมั่นคงนั้นบรรลุผลสมบูรณ์เมื่อไรล่ะก็ เมื่อนั้น เราจะเป็นคนที่ดีพร้อม! นั่นหมายความว่า เราจะเป็นคนดีพร้อม บริสุทธิ์สุกใส มีคุณสมบัติสมบูรณ์ครบถ้วนไม่ได้หากว่าเราไม่ถูกถลุงหรือฝัดร่อนด้วยความทุกข์ยากที่จำเป็น! แน่นอนว่าเมื่อเราประสบความทุกข์ยาก เราคงอยากร้องไห้หรือยอมแพ้! แต่หากเรายอมแพ้เร็วเกินไป ทุกอย่างที่เราเคยผ่านมา เคยทุ่มเท หรือเคยลงทุนมาจะกลับกลายเป็น ศูนย์ (0) ในทันใด! แต่หากเราอดทนยืนหยัดต่อไป โดยไม่ท้อใจหรือยอมแพ้ง่าย ๆ เราจะเก็บเกี่ยวผลอันคุ้มค่าเมื่อถึงเวลา   ดังที่ อ.เปาโล กล่าวไว้ว่า…“อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเกี่ยวเก็บในเวลาอันสมควร” (กาลาเทีย 6:9)

ดังนั้น เราต้องอดทน!  และเราจะเกิดความอดทนได้ง่ายขึ้นหากเรามีความเชื่อและมีความชื่นชมยินดีกับในสิ่งที่เรากำลังจะได้รับจากความทุกข์ยากเหล่านั้น! ดังนั้น อ.เปาโลกล่าวไว้อีกว่า  “ยิ่งกว่านั้น เราชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากของเราด้วย เพราะเรารู้ว่า ความทุกข์ยากนั้นทำให้เกิดความอดทน!” หากเราอดทนได้นานพอ เราก็พิสูจน์ได้ว่า เราผ่านการทดสอบ และเป็นบุคคลที่พระเจ้าทรงรับรอง และทรงใช้ได้ (โรม.5:3-5) แน่นอนว่าเราจะอดทนและชื่นชมยินดีได้ง่ายขึ้นหากว่าเรารู้จักพระเจ้าผู้ที่สามารถช่วยเหลือหรือเล้าโลมใจของเราได้ในทุกยามทุกข์ยากเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำสัญญาของพระเจ้าที่ปรากฎอยู่ในพระคริสตธรรมคัมภีร์ “นี่คือการเล้าโลมในความทุกข์ยากของข้าพระองค์  คือพระสัญญาของพระองค์ให้ชีวิตแก่ข้าพระองค์” (สดุดี 119:50)

หากวันนี้ คุณกำลังเผชิญกับความทุกข์ยากของชีวิต อย่าฟูมฟายหรือวีนแตก! จงมีความเชื่อศรัทธาและมองทะลุ “ความทุกข์ยาก” เหล่านั้นให้เห็นพระเจ้าองค์เบื้องบน ผู้ทรงพร้อมช่วยคุณอยู่ทุกวินาที ดังข้อคิดที่ว่า….

“ความทุกข์โศกทำให้เรามองย้อนหลัง

ความวิตกกังวล ทำให้เรามองไปรอบ ๆ

แต่ความศรัทธา ทำให้เรามองสู่เบื้องบน!”

(Sorrow looks back, Worry looks around, Faith looks up!)Thongchai

ฉะนั้น ขอให้วันนี้ คุณจะมองขึ้นสู่เบื้องบนอยู่เสมอในยามทุกข์ยาก แล้วคุณจะเรียนรู้จักบทเรียนล้ำค่าจากพระองค์ผู้ทรงสถิตในเบื้องบนฟ้านั้นเสมอไป! …เพราะ นี่คือการศึกษาที่คุณได้รับจากพระเจ้า!

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • พรุ่งนี้เชิญชวนเพื่อนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนมาฟังคำเทศนาดีๆจาก ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์นะคะ
  • อย่าลืมอธิษฐานเผื่อหลายคนที่มาเชื่อพระเจ้าแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสมาคริสตจักร หรือหลายคนที่ห่างหายไปเพราะภาะหน้าที่รับผิดชอบ
  • เผื่อความสงบสุขกลับคืนสู่ประเทศไทย ความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต ภัยพิบัติต่างๆ ภัยก่อการร้าย และโรคระบาด
  • อธิษฐานเผื่อกันและกัน ให้พระเจ้าคุ้มครอง – พรุ่งนี้พบกันค่ะ
Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

ไม่ไร้ประโยชน์

robin

“หากว่าฉันสามารถหยุดยั้งหัวใจดวงหนึ่งไม่ให้แตกสลาย ฉันก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่อย่างไร้ประโยชน์

หากว่าฉันสามารถบรรเทาความเจ็บปวดในชีวิตของใครคนใดคนหนึ่ง หรือ

หากว่าฉันสามารถช่วยบุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ประดุจนกปีกหัก ให้กลับคืนรังของเขาได้อีกครั้ง

ก็นับว่าฉันไม่ได้ดำเนินชีวิตอยู่อย่างไร้ประโยชน์…

(If I can stop one heart from breaking,  I shall not live in vain:

If I can ease one life the aching, Or cool one pain,

Or help one fainting robin Unto his nest again. I shall not live in rain.)

Emily Dickinson-

ผมชอบคำกล่าวของ อีมิลี ดิกคินสัน (Emily Dickinson) ข้างต้นมากทีเดียว!

ใช่ครับ!  ชีวิตของเราจะไม่ไร้ประโยชน์หากว่าเราสามารถช่วยคนอื่นให้บรรเทาให้ผ่านหรือให้รอดพ้นจากความเจ็บปวดในชีวิตของเขาได้ น่าเสียดายที่คนบางคนต้องการอยู่ในโลกนี้โดยลำพัง เขาหวงแหนและปกป้อง “ความเป็นส่วนตัว” (Privacy) ของเขาอย่างสุดตัว เขาไม่ต้องการยุ่งกับใครและไม่ต้องการให้ใครมายุ่งกับเขาเช่นกัน!

โลกของเขาคือ โลกของเขาจริง ๆ เขาไม่คิดจะแบ่งพื้นที่ให้กับใครทั้งนั้น!

ช่างน่าเสียดายที่เขาไม่เคยตระหนักถึงวัตถุประสงค์ในการดำรงชีวิตอยู่ของเขาตามเจตนารมณ์ของผู้ที่ทรงประทานร่างกายและลมหายใจให้แก่เขา! คนประเภทนี้ ทำให้ผมคิดถึงนิทานเรื่องม้ากับลา … เรื่องมีอยู่ว่า เจ้าของขี่ม้าและให้ลาบรรทุกของ  วันหนึ่ง ลาบรรทุกสัมภาระหนักเกินจะแบกรับได้ จึงเดินโซเซไปมา ในขณะที่เจ้าของไม่อยู่ ลาก็ขอร้องม้าว่า…

“เธอช่วยฉันแบกสัมภาระบ้างได้ไหม?”  แต่เจ้าม้าไม่ตอบสนอง

“หากเธอไม่ช่วยฉันลดภาระ ฉันคงจะตายแน่เลย!” เจ้าม้าก็ยังนิ่งเฉยไม่สนใจ

“ฉันไม่ได้แกล้งสำออยหรอกนะ…ฉันไม่ไหวจริงๆ ! หากว่าเธอช่วยแบ่งน้ำหนักไปสักหน่อยหนึ่ง เธอคงจะช่วยชีวิตของฉันได้แน่…”

แต่เจ้าม้าปฏิเสธโดยพูดว่า

“น่ารำคาญจริง เลิกบ่นได้แล้ว เจ้านายเขาให้แกแบก แกก็แบกต่อไปเองสิ เรื่องของแก ฉันไม่เกี่ยว!”

หลังจากนั้น ม้าก็เดินห่างออกไป แต่เดินต่อไปได้อีกสักครู่หนึ่ง ลาก็ล้มลงขาดใจตาย..

…อะไรเกิดขึ้นตามมานะหรือ? เจ้านายเอาสัมภาระทั้งหมดที่ลาแบกบรรทุกมา เอามาใส่ไว้บนหลังม้า และที่หนักหนาสาหัสยิ่งกว่ากว่านั้นก็คือ  เจ้าม้าตัวนี้ต้องแบกซากศพของลาตัวนั้นด้วย!

พี่น้องที่รัก  ในการอยู่ร่วมกันในสังคมนี้ คุณรู้ไหมว่าหากคุณไม่มีน้ำใจช่วยเหลือผู้อื่น ผลลัพธ์ที่ตามมาจะหนักหนาสาหัสต่อตัวของคุณเองอย่างเพิ่มทวีคูณในภายหลัง!  อาทิ

…หากว่าในที่ทำงานมี 2 คนทำงานด้วยกัน ปรากฎว่าคนหนึ่งแบกภาระหนักไม่ไหว และคุณเป็นหนึ่งใน 2 คนนั้น แต่คุณไม่ช่วยแบ่งเบาภาระของเขา   จนในที่สุดเขาทนไม่ได้ก็เลยลาออกไป… แล้วภาระที่มีอยู่จะตกอยู่กับใคร?

…หากในบ้านมี 2 คนอยู่ด้วยกัน คนหนึ่งแบกภาระดูแลบ้าน (รวมทั้งเลี้ยงลูก) ซึ่งหนักจนแบกไม่ไหว และคุณเองเป็น 1 ใน 2 คนนั้น  แต่คุณไม่ยอมช่วยแบ่งเบาภาระเขาเลย จนเขาทนไม่ไหวและขอแยกตัวไปจากคุณ.. แล้วคุณจะไม่ต้องแบกภาระนั้นโดยลำพังหรอกหรือ?

ในพระวจนะของพระเจ้าสอนเราว่า…

“จงช่วยรับภาระของกันและกัน ท่านจึงจะได้ปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระคริสต์” (กาลาเทีย 6:2)

(Carry each other’s burdens, and in this way you will fulfill the law of Christ.)

ดังนั้น วันนี้ ขอให้คุณทำอะไรก็ได้ที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นในขณะที่คุณยังกระทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่อยู่ร่วมชีวิตหรือร่วมงานกับคุณ   มิฉะนั้นวันหนึ่ง คุณอาจจะต้องรับผลอันไม่พึงประสงค์จากการทำตัวไร้ประโยชน์ของคุณ!

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • ใครที่ได้ไปชมมินิคอนเสิร์ตที่ลานหน้า Central World บ้าง … นอกจาก อ.ธงชัยของเราได้ขึ้นไปอธิษฐานอวยพรประเทศไทย และประเทศเฮติแล้ว เรายังได้พูดถึงความรักของพระเจ้า และร้องเพลงคริสเตียนถึง 2 เพลงทีเดียว มีเพลง “มอง” และเพลง “รักวิเศษ”  – สรรเสริญพระเจ้า
  • พรุ่งนี้อย่าตื่นสาย มาฟังคำเทศนาที่เต็มด้วยพลังจาก ศจ.กฤษฎา ชูสกุลธนะชัยนะคะ
  • ใครจอดรถที่ บ.ยอห์นสัน ขอความกรุณาเอารถออกก่อน 6 โมงเย็น ห้ามจอดไว้จนดึกค่ะ ทาง บ.ยอห์นสันขอร้องมา
  • อย่าลืมออธิษฐานเผื่อผู้เจ็บป่วยด้วยค่ะ – คุณแม่พี่แดง / คุณแม่น้องโบว์ / คุณบอยด์ ฯลฯ  และอย่าลืมประเทศเฮติด้วย
Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

ปีใหม่นิสัยเก่า?

Thongchaiมีผู้กล่าวไว้ชวนคิดว่า…“คนจำนวนมากเฝ้ารอคอยปีใหม่ เพื่อจะเริ่มต้นใหม่ของนิสัยเก่า!”

(Many people look forward to the New Year for a new start on old habits)

ไม่ทราบว่า คุณผู้อ่านคิดจะทำเช่นนั้นหรือไม่?

คำว่า “นิสัย” หมายถึง … “ความประพฤติที่เคยชิน เช่น ทำจนเป็นนิสัย”

เกิดเป็นคำอีกคำที่น่าสนใจคือ คำว่า “นิสัยใจคอ” ที่หมายความว่า…“อัธยาศัย, นิสัยที่เกิดจากใจจริง เช่น นิสัยใจคอมีเมตตากรุณา”

ดังนั้น หากว่าในปีที่ผ่านมาคุณมีนิสัย (ใจคอ) หรือนิสัยเก่าเป็นนิสัยที่ดีอยู่แล้ว ผมแนะนำให้ทำตามนิสัยนั้นต่อไปเถอะอย่าไปเปลี่ยนแปลงอะไรเลย!  นั่นคือ…

…หากว่าในปีที่ผ่านมานิสัยใจคอของคุณทำให้คนใกล้ตัวหรือคนรอบตัวของคุณมีความสุข ก็จงรักษานิสัยที่ดีเช่นนั้นไว้… อย่าเปลี่ยน!

…หากว่านิสัยใจคอของคุณทำให้กิจการหน้าที่ของคุณเจริญก้าวหนา (ไปในทางดีอย่างไม่ผิดศีลธรรม หรือกฎหมาย) ก็จงคงไว้ซึ่งนิสัยที่มีคุณประโยชน์เช่นนั้นไว้…อย่าเปลี่ยน!

…หากว่านิสัยใจคอของคุณทำให้ตัวของคุณเองมีความเจริญเติบโตในฝ่ายจิตใจ และจิตวิญญาณอย่างเห็นได้ชัดเจน (แม้ว่าจะไม่ได้ร่ำรวยมั่งคั่งหรือโด่งดังอะไรมากมาย)  ก็จงทะนุถนอมฟูมฟักนิสัยที่ทรงคุณค่านั้นไว้ …อย่าเปลี่ยน!

…หากว่านิสัยใจคอของคุณในปีที่ผ่านมาทำให้พระเจ้าทรงได้รับการถวายเกียรติและเป็นเหตุให้คนบางคนหรือหลายคนเกิดความสนใจ และเกิดความศรัทธาในพระเจ้า เพราะนิสัยเช่นนั้น คุณก็จงพิทักษ์ปกป้องและบำรุงรักษานิสัยนั้นไว้ให้ดีเสมอไป…อย่าเปลี่ยน!

แต่หากว่า…  เป็นตรงกันข้าม นั่นคือ นิสัยใจคอของคุณในปีที่ผ่านมาทำให้ตัวของคุณเองตกต่ำลง เป็นที่น่ารำคาญน่าเบื่อหน่าย น่ารังเกียจชิงชัง หรือน่าผิดหวัง จนทำให้คุณค่าของตัวคุณเองลดลงหรือหมดไป นิสัยเช่นนั้นอย่าเก็บไว้อีกต่อไป รีบ ๆ กำจัดมันทิ้งไปก่อนที่มันจะกำจัดตัวของคุณ  นิสัยเช่นนั้น…จงเปลี่ยนมันเสียเถิด!

…หากว่านิสัยใจคอของคุณที่ผ่านมาทำให้คนใกล้ตัวหรือรอบตัวของคุณรู้สึกอึดอัด หงุดหงิด รำคาญ หรือรู้สึกเจ็บปวด ขมขื่น จงขว้างมันทิ้งออกไปให้ไกลตัว หรือนั่งรถไปริมทะเล (พัทยา, ชะอำ, หัวหิน หรือที่ไหนก็ได้) โยนมันทิ้งไป แล้วอย่าเอากลับมาอีก! หรือจะนั่งเครื่องบินไปจนสุดไกลอีกขอบฟ้าหนึ่งแล้วเหวี่ยงมันทิ้งลงปล่องภูเขาไฟ หรือบนยอดเขาได้ก็ให้ทำเลย   หรือจะนั่งเรือไปจนถึงใจกลางมหาสมุทรสุดสายตาแล้วหย่อนนิสัยแย่ ๆ เช่นนั้นลงสู่ใต้สะดือทะเล ก็จงรีบทำอย่าลังเล!…..นิสัยเช่นนั้น…จงเปลี่ยนมันเสีย!

…หากว่านิสัยใจคอของคุณในปีที่แล้วทำให้หน้าที่การงานหรืออาชีพธุรกิจของคุณต้องประสบกับภาวะถดถอยหรือตกต่ำหรือย่ำแย่ลง จนเกิดภาวะวิกฤติ!  นิสัยเช่นนั้นไม่คู่ควรต่อการอาวรณ์ของคุณอีกต่อไป… จงเปลี่ยนมันเสีย!

…หากนิสัยใจคอของคุณในปีที่ผ่านมาทำให้คนข้างตัวหรือคนรอบตัวของคุณรู้สึกสะดุดในความเชื่อศรัทธาของคุณหรือเกิดความรู้สึกลบหลู่พระเจ้าที่คุณเทิดทูน (อาจทำให้พวกเขาสรุปว่า พระเจ้าของคุณไร้ความสามารถในการปรับปรุงแก้ไขนิสัยไม่พึงประสงค์บางอย่างในตัวของคุณ) นิสัยเช่นนั้นนับว่าก่อเกิดผลกระทบในเชิงลบต่อจิตวิญญาณของพวกเขา จนทำให้พวกเขาก้าวห่างจากทางแห่งความรอดที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้คุณไปช่วยพาพวกเขามาสู่ทางนั้น! นิสัยเช่นที่ว่านี้ ไม่สมควรจะเก็บรักษาไว้เลย… จงเปลี่ยนมันเสีย!

ดังนั้น ในวาระโอกาสเข้าสู่ปีใหม่นี้จึงเป็นการดีที่คุณจะตั้งใจและตั้งต้นกำจัดนิสัยใจคอเก่า ๆ ที่ไม่ดีทิ้งออกไปให้หมดอย่างเอาจริงเอาจัง และเป็นการดีขึ้นไปอีกหากว่าคุณจะรักษานิสัยใจคอเก่า ๆ ที่ดี ๆ นั้นด้วยความถนอมฟูมฟักไว้เป็นอย่างดี แต่หากจะให้ดีที่สุด… พระวจนะของพระเจ้าแนะนำไว้ว่า ให้เรานำ “นิสัยใจคอ” ของเราทั้งที่ “ไม่ดี” หรือ “ดีอยู่แล้วในระดับหนึ่ง” มามอบให้กับพระเจ้า ผ่านทางองค์พระเยซูคริสต์ เหมือนเอา “ของเก่า” หรือ “นิสัยเก่า” มาแลกเปลี่ยน (turn) กับ “ของใหม่” หรือ “นิสัยใหม่” แบบเอี่ยมอ่องถอดด้ามจากพระเจ้า   แล้วคุณจะอัศจรรย์ใจกับการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างคาดไม่ถึง !

ดังที่ อ.เปาโลได้กล่าวว่า …“เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป  นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” (Therefore, if anyone is in Christ, he is a new creation; the old has gone, the new has come!) (2โครินธ์ 5:17)

วันนี้ คุณได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ดังที่กล่าวถึงนี้แล้วหรือยัง?

(CJ ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์)

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • พรุ่งนี้ เชิญมาฟังคำเทศนาจาก อ.ธงชัย  และตอนบ่ายหลังอาหารเที่ยง ดร.ธนาภรณ์ (อ.ปิ๊ก) จะมาสอนพระคัมภีร์เดิม แบบเจาะลึก สนใจอยู่เรียนกันได้ค่ะ
  • อ.ยินดี จัง ฝากประชาสัมพันธ์ “งานสัมมนาอบรมผู้นำนมัสการ และดนตรี” ในหัวข้อ “Seek with all your heart” ระหว่างวันที่ 5 – 7 กุมภาพันธ์ที่ คจ.นิมิตใหม่ (BSC) สี่แยกพญาไท สนใจติดต่อได้ที่  yindeej@hanmail.net หรือ http://www.trueworshippers.org
  • เจอกันพรุ่งนี้นะคะ ขอพระเจ้าอวยพร
Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

โรครักนั้นเยียวยารักษาได้!

Love(2 มกราคม 2010)

ดร. คาร์ล เมนนิงเจอร์ (Dr. Karl Menninger) ได้กล่าวไว้ดีมากว่า… “Love cures people – both the ones who give it and the ones who receive it.” (ความรักเยียวยารักษาคน – ทั้งคนที่ให้และคนที่รับความรักนั้น!)

คุณเคยป่วยเป็นโรครักบ้างไหม?

โรครักที่ว่าเป็นอย่างไร?

คำว่า “โรค” หมายความถึง = “ความเจ็บไข้ด้วยอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง” หรือ “ภาวะที่ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปรกติเนื่องจากเชื้อโรคเป็นต้น” ปรกตินั้นโรคมีหลากหลายชนิด อาทิ โรคภูมิแพ้ (โรคที่ร่างกายมีความไวผิดปรกติต่อสารรอบตัว) , โรคติดต่อ (โรคที่มีเชื้อติดต่อถึงผู้อื่นได้), โรคระบาด (โรคที่ติดต่ออย่างรวดเร็ว), โรควูบ (อาการหมดสติขณะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง) , โรคประสาท (โรคทางจิตใจที่มีความกังวลเป็นอาการสำคัญ โดยคนไข้จะแสดงอาการแห่งความกังวลนั้นออกมาทางกายหรือทางอารมณ์) หรือ โรคจิต (โรคที่มีความผิดปรกติทางจิตใจ)  แต่ก็มีโรคบางโรคที่ไม่เป็นตามนิยามศัพท์ข้างต้น  เช่น “โรคเลื่อน” (ผิดนัดเรื่อย) และ “โรคทรัพย์จาง” (ไม่ค่อยมีเงิน)! …เวลานี้คุณกำลังเป็นโรคใดโรคหนึ่งข้างต้นอยู่หรือไม่?

ส่วน “โรครัก” นั้นหมายถึง “ความเจ็บไข้ด้วยอาการที่เกี่ยวข้องกับความรัก!” หรือ “ภาวะที่ร่างกายทำงานได้ไม่เป็นปรกติเนื่องจากความรัก” ใช่ครับ คนบางคนร่างกายทำงานไม่ได้เลย เพราะขาดเรี่ยวแรง เมื่อว่าเขาป่วยเป็นโรคขาดรัก! คือได้รับความรักไม่เพียงพอ หรือไม่ได้รับความรักจากคนที่เขารัก! เขาคงเป็นเหมือนหญิงสาวในพระธรรมเพลงซาโลมอน ที่รำพันว่า … “จงชูกำลังของดิฉันด้วยขนมองุ่นแห้ง ขอทำให้ดิฉันชื่นใจด้วยผลลูกท้อ เพราะดิฉันป่วยเป็นโรครัก (เพลงซาโลมอน 2:5)

ความรักจึงนับว่าเป็นสิ่งแปลกที่เหมือนกับเชื้อไวรัส ที่หากว่าใครติดมันเข้าก็จะออกอาการอ่อนแรง หรือหมดกำลังอย่างฉับพลันไปทีเดียว! ดังนั้น ทิพยโอสถเดียวที่จะช่วยรักษาคนที่อยู่ในสภาวะติดเชื้อโรครักนี้ได้ ก็คือ  ความรัก! เพราะว่าเป็นอย่างที่ ดร. คาร์ล เมนนิงเจอร์ กล่าวไว้ว่า… ความรักคือตัวยาสำคัญในการรักษาคนที่ป่วยเป็นโรครัก! จริงๆ แล้วความรักไม่เพียงแต่จะช่วยคนที่รู้ตัวว่าป่วยเท่านั้น  แต่ยังช่วยคนป่วยที่คิดว่าคนเองเป็นปรกติดีอยู่แล้วด้วย!

ใช่ครับ!  มีคนจำนวนไม่น้อยที่ติดเชื้อหรือติดไวรัส “ความรัก” นี้โดยไม่รู้ตัว เพียงแต่ว่า ยังไม่ออกอาการอะไรออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนเท่านั้น แต่หากว่า เชื้อโรครักนี้ออกอาการเมื่อไร คนที่ป่วยก็อาจจะทรุดหนักจนเกินกว่าที่จะเยียวยารักษาก็เป็นได้! ดังนั้น อย่าประมาท! คนที่ไม่เคยป่วยเป็นโรครัก อาจรู้สึกขบขันกับอาการต่าง ๆ ของหนุ่มสาวที่อยู่ในห้วงรักแสดงออกมาหรือบางคนอาจรู้สึกสังเวช ไม่เข้าใจหรืออาจประหลาดใจ เหมือนดังที่บันทึกไว้ในพระธรรมสุภาษิตที่ว่า…  “มี 3 สิ่งที่ประหลาดเหลือสำหรับข้า เออ 4 สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจ คือ ท่าทีของอินทรีในฟ้า ท่าทีของงูบนหิน ท่าทีของเรือในท้องทะเล และท่าทีของชายกับหญิงสาว!” (สุภาษิต 30:18-19)

โดยธรรมชาติ…คนที่ป่วยเป็นโรครักมักจะมีอาการแปลก ๆ เพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่หลงรักใครคนใดคนหนึ่งอย่างหัวปักหัวปำ อย่างไรก็ตามเขาหรือเธอจะมีอาการดีขึ้นหากได้รับความรักตอบสนองกลับมาอย่างเหมาะสมในปริมาณที่เพียงพอ! และหากว่าผู้หนึ่งผู้ใดได้รับการสนองตอบด้วยความรักดังที่กล่าวมา ผู้นั้นจะมีความสุขที่เหนือคำบรรยาย! ดุจดังที่ Victor Hugo (วิคเตอร์ ฮิวโก) ได้กล่าวไว้ว่า … “Life’s greatest happiness is to be convinced we are loved.” (ความสุขสุดยอดของชีวิตคือ การที่ได้รับการยืนยันอย่างมั่นใจว่า เราเป็นที่รักของผู้อื่น!)

ดังนั้น วันนี้ขอให้เรามารักษาโรครักของกันและกัน ทั้งรักษาผู้อื่น และรับการรักษาจากเขาด้วย… จะดีไหมครับ?

Thongchai3

ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • มีใครรักจนป่วยบ้างหรือเปล่า? เข้ารับการรักษาด่วน
  • พรุ่งนี้มาฟังคำเทศนาดีๆจาก อ.สิริวรรณ ฉลองวันขึ้นปีใหม่ ไม่เหนื่อยจนเกินไปเจอกันที่โบสถ์นะคะ
  • อธิษฐานเผื่อประเทศไทยของเรา ให้ฟันฝ่าวิกฤติต่างๆไปได้ ขอพระเจ้าเมตตา
  • เผื่อคริสตจักรของเราด้วยที่สมาชิกจะเติบโต เป็นที่พึ่งพิงของผู้เชื่อรุ่นใหม่ๆได้ ใครที่แจ้งเกิดใหม่มานานแล้ว อย่ามัวเตาะแตะอยู่เลยค่ะ คริสตจักรต้องการกำลังจากท่าน
  • เจอกันพรุ่งนี้ที่โบสถ์นะคะ
Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

หากจะรักต้องรู้จักคำว่า ขอบคุณ!

Thongchai3(26 ธันวาคม 2009)

หากจะรักต้องรู้จักคำว่า ขอบคุณ!

“เราควรขอบคุณสำหรับสิ่งดี ที่เรามี และสำหรับสิ่งแย่ ที่เราไม่มี!”

(We should be thankful for the good things that we have and, also, for the bad things we don’t have.)

ผมไม่ทราบว่า ใครเป็นผู้กล่าวประโยคข้างต้น แต่ผมชอบและเห็นด้วย! เราควรมีใจขอบคุณต่อทุกคน และต่อทุกสิ่ง! ใช่ครับ ผมรวมหมายถึง “คน” หรือ “สิ่ง” ที่ (ดูเหมือน) ไม่ดีด้วย! แต่เหนือสิ่งอื่นใดเราต้องมีใจขอบคุณต่อผู้ที่รักเราเป็นพิเศษ! แน่นอนว่า อันดับแรกต้องเป็นพระเจ้า และอันดับต่อมาคงหนีไม่พ้นบุพการีหรือผู้ที่ลำบากลำบนในการเลี้ยงดูราจนเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา รวมทั้งผู้ที่อยู่ในข่ายผู้มีพระคุณ และครูบาอาจารย์ ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้แก่เรา  และลำดับสุดท้ายที่เราไม่อาจจะลืมเป็นอันขาด นั่นคือ แฟนหรือคู่ชีวิตของเรา! หากคุณลืมขอบคุณเธอหรือเขาเมื่อใด ปัญหาจะตามมาเมื่อนั้น!

ตามศัพท์ คำว่า “ขอบคุณ” นั้นหมายความว่า …“คำกล่าวแสดงความรู้สึกบุญคุณ” (เป็นคำที่ใช้กับบุคคลที่เสมอกันหรือผู้น้อยใช้แก่ผู้ใหญ่!) แต่หากต้องการคำที่ใช้กับผู้น้อยก็ให้ใช้คำว่า “ขอบใจ”! (คำกล่าวแสดงความรู้สึกพอใจในความดีที่ผู้อื่นได้มีต่อตน) ด้วยเหตุนี้เอง หากเราดำเนินชีวิตอย่างมีสติ เราย่อมสำนึกได้ว่า เรามีเรื่องที่จะขอบคุณได้ตลอดเวลา  แม้แต่สิ่งที่ดูเหมือนว่าไม่ดีเลย อาทิ

จงขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์

จงขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่บันดาลให้ได้สติคิด

จงขอบคุณความอิจฉาริษยา ที่ทำให้ระวังและสร้างสรรค์

จงขอบคุณการคอรัปชั่น ที่ทำให้ตื่นตัวและระมัดระวัง

จงขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้เจ็บแล้วจำ

จงขอบคุณการปรักปรำ ที่ทำให้จำเป็นต้องชี้แจง

จงขอบคุณกระเป๋าแห้ง ที่เป็นแรงผลักดันให้ขยัน

จงขอบคุณความดื้อรั้น ที่ทำให้บรรลุเป้าหมาย

จงขอบคุณความเจ็บป่วยกาย ที่ทำให้รู้ว่ามีสุขภาพต้องดูแล

จงขอบคุณความพ่ายแพ้ ที่ทำให้มุมานะมากยิ่งขึ้น

จงขอบคุณการขัดขืน ที่ทำให้รู้จักความอดทน

จงขอบคุณคำบ่น ที่ทำให้รู้จักอดกลั้นใจ

จงขอบคุณความทุกข์เสียใจ ที่ทำให้รู้จักคุณค่าความสุขสันต์

จงขอบคุณการคาดคั้น ที่ทำให้หมั่นคิดหาคำตอบ

จงขอบคุณการมีกรอบ ที่ทำให้รอบคอบในการปฏิบัติ

จงขอบคุณการพลัดพราก ที่ทำให้รู้จักละสิ่งยึดมั่น

จงขอบคุณความหวาดหวั่น ที่ทำให้รู้ตัวว่าไม่อาจจองหอง

จงขอบคุณการทดลอง ที่ทำให้รู้ว่าไม่เก่งอย่างที่คิด

จงขอบคุณการติดขัด ที่ทำให้รู้จักชะลอความเร็ว

จงขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เชี่ยวชาญพัฒนา

จงขอบคุณความมรณา ที่ทำให้ได้พักสงบอยู่กับพระเจ้าตราบนิจนิรันดร์…

หากว่าแม้แต่สิ่งที่ดูไม่ดีเหล่านี้ยังมีเหตุผลที่จะให้รู้จักขอบคุณแล้ว  ทำไมกับคนที่อยู่ข้าง ๆ ตัวของคุณ หรือคนที่อยู่ร่วมห้องกับคุณ คุณจะไม่มีเรื่องขอบคุณเขาหรือเธอเลยหรือ ? ลองคิดดูใหม่ได้ดี ๆ อีกสักครั้ง แล้วคุณจะมีสุขและปลอดภัย!

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ –

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • พรุ่งนี้เทศนาโดย อ.สิริวรรณ อานุภาพโยธา  อยู่กรุงเทพฯไม่ไปไหน มาให้กำลังใจ CJ One ของเราหน่อยสิคะ
  • ช่วงระหว่างสัปดาห์หน้า หลายคนคงเดินทางไกลไปที่ต่างๆ ขอพระเจ้าคุ้มครองให้ปลอดภัยทั้งกายใจนะคะ
  • ถ้าทำได้แวะไปเยี่ยมเยียนคริสตจักรแถวจังหวัดที่ไปก็ดี
  • อธิษฐานเผื่อประเทศไทย คนไทย ความสงบสุข ทั้งภายใน ภายนอกประเทศด้วย – พรุ่งนี้เจอกันค่ะ
Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย วันนี้ที่ CJ

“ทำให้ด้วยรัก!”

Thongchai313 ธันวาคม 2009

แม่ชีเทเรซ่า  เจ้าของรางวัล โนเบล (1910 – 1997) เคยกล่าวไว้อย่างกินใจว่า…

“สิ่งที่สำคัญไม่ใช่อยู่ที่ว่าเราทำ มากแค่ไหน  แต่อยู่ที่ว่า เราใส่ความรัก ลงไปในสิ่งที่เราทำ มากแค่ไหน สิ่งที่สำคัญไม่ใช่อยู่ที่เราให้ มากแค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าเราใส่ความรัก ลงไปในสิ่งที่เราให้ มากเพียงใด!”

(It is not how much we do, but how much love we put in the doing. It is not how much we give, but how much love we put in the giving.)

ใช่ครับ ปริมาณของสิ่งที่คุณกระทำหรือที่คุณให้… ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดที่คนที่คุณรักต้องการจากคุณ!

บางครั้งเราสับสน  ระหว่าง “ปริมาณ” (quantity) กับ “คุณภาพ” (quality)!

เราคิดว่า หากเราทำมาก หรือให้มากก็คงจะทำให้ผู้รับสิ่งเหล่านั้นจากเราพอใจอย่างแน่นอน

แต่น่าเสียดายที่คำตอบคือ ไม่ใช่!…เพราะว่า แท้จริงแล้ว แม้ว่าสิ่งที่เราจะทำหรือให้นั้น มีจำนวนไม่มากนัก แต่หากว่าในสิ่งเหล่านั้นมีคุณภาพของความใส่ใจคลุกเคล้าอย่างเข้าที่ ผู้รับจะสังเกตหรือรู้สึกได้ และจะเกิดความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าสิ่งที่ทำหรือสิ่งที่ให้นั้น จะมีปริมาณไม่มากมายก็ตาม!

แท้จริงแล้ว ในสังคมไทยของเรา มีการโฆษณา และแสดงความรักต่อกันไม่น้อยเลย ผ่านสื่อโครงการและกิจกรรมหลากหลาย เพื่อประชาสัมพันธ์ว่า พวกเรา รักชาติ  รักศาสนา หรือรักสถาบันพระมหากษัตริย์!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐบาลได้ทุ่มเทงบประมาณจำนวนมหาศาลเพื่อแสดงเช่นนั้น!  แต่หากว่าสิ่งที่เรากระทำเหล่านั้นมีแต่แค่ปริมาณของกิจกรรมตาม “เหตุการณ์” (Events) หรือ “สถานการณ์” (Situatioins)  สิ่งเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเพียงการกระทำหรือการให้ความจงรักภักดีแบบ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ!”

…ในครอบครัวก็เช่นกัน หากคุณคิดว่าปริมาณของ “กิจกรรม” หรือ “สิ่งของ” ที่คุณทุ่มเทหามาเพื่อปรน เปรอคนในครอบครัวคุณนั้นยิ่งมีจำนวนมากเท่าไรก็ยิ่งดีนั้น คุณก็อาจกำลังจะติดกับดักอย่างเดียวกันก็เป็นได้!

ปริมาณเวลา ปริมาณของกิจกรรมหรือปริมาณของสิ่งของ หรือปริมาณของงบที่คุณใช้ไปเพื่อครอบครัว อาจจะสูญเปล่าหรือก่อเกิดปัญหาข้างเคียงที่ไม่คาดฝันได้  หากว่าคนใกล้ชิดตัวของคุณไม่สามารถสัมผัสได้ถึง “คุณภาพ” อย่างเป็นรูปธรรม และ “คุณภาพ” ที่คนรักหรือคนในครอบครัวของคุณต้องการจากคุณก็คือ “คุณ ภาพที่มาจากใจจริงที่เปี่ยมด้วยความรัก!”

ดังนั้น หากคุณปรารถนาจะให้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคนที่คุณรักดำรงอยู่และดำเนินต่อไปอย่างยั่งยืน คุณจะต้องใส่ “ความรัก” อย่างจริงใจลงไปใน “ทุกสิ่งที่คุณทำ” และ “ทุกสิ่งที่คุณให้” สำหรับคนรักของคุณอยู่เสมอ

หากคุณกระทำด้วยคำแนะนำดังกล่าวนี้อย่างจริงจังเสมอต้นเสมอปลาย…

ชีวิตครอบครัวของคุณจะห่างไกลจากความปวดร้าวใจอย่างแน่นอน!

“เจ้าจงอยู่กินด้วยความชื่นชมยินดีกับภรรยาซึ่งเจ้ารักตลอดชีวิตอนิจจังของเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เจ้าภายใต้ดวงอาทิตย์ ตลอดปีเดือนอนิจจังของเจ้า ด้วยว่านั่นเป็นส่วนในชีวิตและในการงานของเจ้าซึ่งเจ้าได้ออกแรงกระทำภายใต้ดวงอาทิตย์” (ปัญญาจารย์ 9:9)

– ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • วันเสาร์นี้งดซ้อม Sing & Join นะคะ  … จะไปซ้อมเพิ่มเติมบ่ายวันอาทิตย์แทนค่ะ ทำตัวว่างๆไว้
  • ฝากอธิษฐานด่วนเผื่ออุ๋ย มือกลอง และหัวหน้านักดนตรีวง  CJ Band ของเรา ป่วยหนักอยู่โรงพยาบาล หวังว่าพระเจ้าจะรักษาให้กลับมาหายดีทันทุกๆงานของเราค่ะ
  • อธิษฐานเผื่องานคอนเสิร์ตของเรา งวดมาทุกทีแล้ว ต้องการพลังแห่งการอธิษฐานเยอะมากๆ เพื่อปกป้องคุ้มครองพวกเราทุกคน และเพื่อความรอดจะเป็นคนที่เราเชิญมา
  • หลังนมัสการอาทิตย์นี้ “มูลนิธิพันธกิจเพื่อไทย” จะนำขนมทำเองที่บ้านของมิชชันนารี่อเมริกันมาจำหน่าย หารายได้สมทบทุนช่วยเด็กยากจน ด้อยโอกาสที่ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ช่วยอุดหนุนกันหน่อยนะคะ
  • พรุ่งนี้อย่าลืม อ.สมศักดิ์ของเรา…มาเชียร์อาจารย์กันหน่อย พวกเราชาว CJ  Yeah !!!