Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม: ”พระคัมภีร์พูดอะไรบ้างเรื่อง ‘ความผิดหวัง’ ?”

ตอบ: “พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องความผิดหวังไว้มากมาย อาทิ

1.เราทุกคนรวมทั้งพระเจ้า ล้วนมีประสบการณ์กับความผิดหวัง

  • พระเจ้าทรงผิดหวังและเสียใจในมนุษย์ที่พระเจ้าสร้างขึ้นมา

“พระยาห์เวห์จึงตรัสว่า “เราจะกวาดล้างมนุษย์ที่เราได้สร้างมานี้ไปเสียจากแผ่นดิน ทั้งมนุษย์และสัตว์ใช้งาน กับสัตว์เลื้อยคลานและนกในอากาศด้วย เพราะว่าเราเสียใจที่ได้สร้างพวกเขา” ” ~ปฐมกาล 6:7 THSV11

  • พระเจ้าทรงผิดหวัง และเสียใจ ที่ตั้งซาอูลเป็นกษัตริย์

“เราเสียใจแล้วที่เราได้ตั้งซาอูลเป็นกษัตริย์ เพราะเขาได้หันจากการตามเรา และไม่ได้ทำตามบัญชาของเรา” และซามูเอลก็โกรธจึงร้องทูลต่อพระยาห์เวห์ตลอดคืน” ~1 ซามูเอล 15:11 THSV11

  • เราก็อาจรู้สึกผิดหวังพระเจ้าในบางครั้งบางกรณี อย่างเช่น

โมเสส

“โมเสสจึงกลับไปทูลพระยาห์เวห์ว่า “องค์เจ้านาย ทำไมพระองค์ทรงนำความเลวร้ายมาสู่ชนชาตินี้? ทำไมพระองค์จึงทรงใช้ข้าพระองค์มา? 23ตั้งแต่ข้าพระองค์ไปเข้าเฝ้าฟาโรห์ และทูลในพระนามของพระองค์แล้ว ฟาโรห์ก็ทำการเลวร้ายแก่ชนชาตินี้ ส่วนพระองค์ก็ไม่ได้ทรงช่วยประชากรของพระองค์เลย”  -อพยพ5:22-23

มารธา และมารีย์

“มารธาทูลพระเยซูว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าพระองค์อยู่ที่นี่ น้องชายของข้าพระองค์ก็คงไม่ตาย เมื่อมารีย์มาถึงที่ที่พระเยซูประทับอยู่และเห็นพระองค์แล้ว จึงกราบลงที่พระบาทของพระองค์ทูลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ถ้าพระองค์อยู่ที่นี่ น้องชายของข้าพระองค์ก็คงไม่ตาย” เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นมารีย์ร้องไห้ และพวกยิวที่ตามมาก็ร้องไห้ด้วย พระองค์สะเทือนพระทัยและทรงเป็นทุกข์” ~ยอห์น 11:21, 32-33 THSV11

  • พระเยซูคริสต์บนไม้กางเขน ในช่วงเวลานั้น ก็ดูเหมือนทรงรู้สึกผิดหวัง

“พอถึงบ่ายสามโมง พระเยซูก็ทรงร้องเสียงดังว่า “เอโลอี เอโลอี ลามา สะบักธานี” แปลว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์ พระเจ้าของข้าพระองค์ ทำไมพระองค์ทรงทอดทิ้งข้าพระองค์?” – มก.15:34 THSV11

2.เราต้องรู้จักจัดการ และเอาชนะความผิดหวัง

  • ร้องทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า

“ดาวิดทูลว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ทรงเป็นกำลังของข้าพระองค์ ข้าพระองค์รักพระองค์” พระยาห์เวห์ทรงเป็นศิลา ป้อมปราการ และผู้ช่วยกู้ของข้าพเจ้า ทรงเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า เป็นศิลาซึ่งข้าพเจ้าเข้าลี้ภัย ทรงเป็นโล่ เป็นพลังแห่งความรอด เป็นที่กำบังอันแข็งแกร่งของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องทูลพระยาห์เวห์ผู้ทรงสมควรแก่การสรรเสริญ และพระองค์ทรงช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากศัตรู”  -สดด18:1-3 THSV11

  • ให้พระเจ้าทรงเป็นกำลังใจ และนำทางชีวิตของเรา

“ถึงกระนั้นก็ดี ข้าพระองค์อยู่กับพระองค์เสมอ พระองค์ทรงจับมือขวาของข้าพระองค์ไว้ พระองค์ทรงนำข้าพระองค์ด้วยคำปรึกษาของพระองค์ และภายหลังพระองค์จะทรงนำข้าพระองค์ให้ได้รับเกียรติยศ นอกจากพระองค์ ข้าพระองค์ไม่มีผู้ใดในฟ้าสวรรค์ นอกจากพระองค์แล้ว ข้าพระองค์ไม่ประสงค์สิ่งใดในโลก ร่างกายและจิตใจของข้าพระองค์จะวายไป แต่พระเจ้าทรงเป็นกำลังใจและเป็นมรดกส่วนของข้าพระองค์เป็นนิตย์” -สดด73:23-26 THSV11

  • ให้เรายังคงชื่นบานในพระองค์ได้แม้ในยามผิดหวัง

“แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน หรือเถาองุ่นไม่มีผล ผลมะกอกก็ขาดไป ทุ่งนามิได้ผลิตอาหาร แม้ฝูงแพะแกะขาดไปจากคอก และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง ถึงกระนั้น ข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระยาห์เวห์ ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า” -ฮบก3:17-18 THSV11

  • ให้เราไม่กลัวสิ่งใด นอกจากพระเจ้า

“อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่สามารถฆ่าจิตวิญญาณ แต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงสามารถทำลายทั้งจิตวิญญาณและกายในนรกได้ นกกระจาบสองตัวเขาขายหนึ่งอาส์ซาริอัน ไม่ใช่หรือ? แต่ถ้าพระบิดาของท่านไม่โปรด นกเหล่านั้นจะไม่ตกลงถึงดินแม้แต่ตัวเดียว ถึงผมของท่านทั้งหลาย ก็ทรงนับไว้แล้วทุกเส้น เพราะฉะนั้นอย่ากลัวเลย พวกท่านก็ประเสริฐกว่านกกระจาบหลายตัว”  -มัทธิว 10:28-31 THSV11

  • ให้เรามอบความปรารถนาทั้งหมดไว้กับพระเจ้าด้วยใจขอบพระคุณ

“อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์” -ฟป.4:6-7 THSV11 

  • ให้เราเชื่อว่า พระเจ้าทรงกำลังทำกิจ หรืออวยพรเราอยู่ในขณะที่เราผิดหวัง

“ยิ่งกว่านั้น เราก็ชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากด้วย เพราะเรารู้ว่าความทุกข์ยากนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน 4และความทรหดอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้ และการที่เป็นเช่นนั้นทำให้มีความหวัง 5และความหวังจะไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว” -รม.5:3-5 THSV11

  • ให้เรามั่นใจว่า ต่อให้ไม่เห็นอะไรดีตอนนี้ แต่ในบั้นปลาย พระเจ้าจะให้เกิดผลดี

“เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” -รม.8:28 THSV11

  • ให้เราถ่อมใจเข้าหาพระเจ้าอย่างวางใจ และรอเวลาของพระองค์ที่จะยกเราขึ้นอย่างมีความหวัง

“เพราะฉะนั้น พวกท่านจงถ่อมตัวลงภายใต้พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อว่าพระองค์จะทรงยกพวกท่านขึ้นเมื่อถึงเวลาอันควร 7จงละความกังวลทุกอย่างของพวกท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย” -1ปต5:6-7 THSV11

สรุป ความผิดหวังเป็นเรื่องปกติ เพราะ

  • เมื่อใด ที่ใด หรือคนใด มีความคาดหวัง
  • เมื่อนััน คนนั้น ก็มักมีโอกาสที่จะผิดหวัง

“เพราะเขาทั้งหลายหวังใจ เขาจึงต้องผิดหวัง เขามาถึงที่นั่นและต้องยุ่งใจ” ~โยบ 6:20 TH1971

เมื่อคนใดคาดหวังผิดๆ คาดหวังสูงเกินไป ยากเกินไป หรือมากเกินไป หรือเร็วเกินไป ก็มีโอกาสผิดหวังมากขึ้นไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคนๆนั้น ขอหรือคาดหวังผิดๆ

“ท่านขอและไม่ได้รับ เพราะท่านขอผิด หวังได้ไปเพื่อสนองกิเลสตัณหาของท่าน” ~ยากอบ 4:3 TH1971

วันนี้ ขอให้เราลดความผิดหวังด้วยการไม่คาดหวังสิ่งที่เกินควร!

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม :  “พระคัมภีร์กล่าวถึง การสังเกต แยกแยะ และการสังเกตวิญญาณ ไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ    “การสังเกต” ( Discern ) หมายความว่า “สามารถมองเห็น  นึกออก หรือ เข้าใจ บางสิ่งที่ไม่ชัดเจน หรือตัดสินในบางสิ่ง” (to be able to  see, recognize, or understand something that is not clear, or decide something.)

คำว่า Discernment”  ในท่ามกลางคริสเตียนหมายถึง

“การมีสติปัญญาและการมีการตัดสินพิพากษาที่ดี”

ส่วน Spiritual Discernment” นั้น หมายถึง “การเข้าใจและรู้ในบางสิ่งผ่านทางฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ รวมทั้งการรับรู้ถึงลักษณะนิสัยที่แท้จริงของบางคน หรือ บางแหล่งกำเนิด และความหมายของการสำแดงทางวิญญาณ”

Mary Fairchild กล่าวว่า 

“การรู้จักสังเกตวิญญาณ” (Discernment) ในพระคัมภีร์ หมายถึง คุณลักษณะฝ่ายวิญญาณ ของการตัดสิน แยกแยะที่ดีสำหรับการรับรู้ความแตกต่างระหว่าง

  1. ถูกและผิด
  2. ดีและชั่ว
  3. ความจริงและความเท็จ และ
  4. ระบุได้ว่าอะไรคือ น้ำพระทัยของพระเจ้าและทิศทางสำหรับคนของพระองค์

(Discernment in the Bible is the spiritual characteristic of sound judgment for perceiving the difference between right and wrong, good and evil, truth and error, and identifying God’s will and direction for his people. )

การรู้จักสังเกตวิญญาณ จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อที่จะ

  1. เข้าใจความจริงฝ่ายวิญญาณ
  2. มีชีวิตบริสุทธิ์อย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์
  3. หลีกเลี่ยงกับดักของชีวิตและภยันตรายต่างๆ
  4. ปกครองดูแลชุมชนสังคมได้อย่างเหมาะสม

(Discernment is necessary to understand spiritual truth, live holy as God intends, avoid life’s pitfalls and dangers, and properly govern society.)

ในพระคัมภีร์กล่าวถึงของประทานฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าประทานให้กับคริสตจักรซึ่งหนึ่งในนั้นคือ  “การรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆ” 

“พระเจ้าประทานโดยทางพระวิญญาณ ให้คนหนึ่งมีถ้อยคำของปัญญา และให้อีกคนหนึ่งมีถ้อยคำของความรู้ โดยพระวิญญาณองค์เดียวกัน ให้อีกคนหนึ่งทำการด้วยฤทธานุภาพ ให้อีกคนหนึ่งเผยพระวจนะ …ให้อีกคนหนึ่งรู้จักสังเกตวิญญาณต่างๆ ให้อีกคนหนึ่งพูดภาษาแปลกๆ และให้อีกคนหนึ่งแปลภาษานั้นๆ ได้” ~1 โครินธ์ 12:8, 10 THSV11

ในทุกยุคทุกสมัย คริสตจักรก็ต่างต้องการคนที่สามารถสังเกตแยกแยะ (discern) สิ่งที่ผิด หรือ แปลกปลอม และเราเองก็ได้รับการกำชับให้พิสูจน์วิญญาณต่างๆ ที่เข้ามาในโบสถ์ว่า มาจากพระเจ้าหรือไม่?

“ท่านที่รักทั้งหลาย อย่าเชื่อทุกๆวิญญาณ แต่จงพิสูจน์วิญญาณนั้นๆ ว่ามาจากพระเจ้าหรือไม่ เพราะว่ามีผู้เผยพระวจนะเท็จจำนวนมากได้ออกมาในโลก”  ~1 ยอห์น 4:1 THSV11

นอกจากนี้ ยังมีพระคัมภีร์อีกมากมายที่กล่าวถึง “การรู้จักสังเกต” (Discernment) อาทิ

“แต่ผู้ใดจะเห็น (discern) ความผิดพลาดของตนได้เล่า? ขอทรงชำระข้าพระองค์ให้พ้นจากความผิดที่ซ่อนเร้นอยู่ ขอทรงยับยั้งผู้รับใช้ของพระองค์จากการทำบาปโดยตั้งใจนั้นด้วยเถิด ขออย่าให้มันมีอำนาจเหนือข้าพระองค์เลย แล้วข้าพระองค์จะไร้ตำหนิ และพ้นผิดจากการละเมิดใหญ่หลวงนั้น” -สดุดี 19:12-13 THSV11

“และข้าพเจ้าอธิษฐานว่าขอให้ความรักของท่านทวียิ่งๆ ขึ้นพร้อมกับความรู้และวิจารณญาณทุกด้าน เพื่อท่านทั้งหลายจะสังเกตเห็น (discern) ได้ว่าสิ่งใดประเสริฐที่สุด เพื่อท่านจะได้เป็นคนบริสุทธิ์ เป็นคนไม่มีที่ติได้ในวันแห่งพระคริสต์ และเป็นคนที่เต็มบริบูรณ์ด้วยผลของความชอบธรรมซึ่งเกิดขึ้นโดยทางพระเยซูคริสต์ เพื่อถวายพระเกียรติและการยกย่องแด่พระเจ้า” -ฟีลิปปี 1:9-11 THSV11

“ฉะนั้นขอพระองค์ประทานความคิดความเข้าใจแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ เพื่อจะวินิจฉัยประชากรของพระองค์ เพื่อจะแยกแยะ (discern) ความแตกต่างระหว่างดีกับชั่วได้ เพราะใครจะสามารถวินิจฉัยประชากรมากมายนี้ของพระองค์ได้?” ที่ซาโลมอนทูลขอเช่นนี้ก็เป็นที่พอพระทัยองค์เจ้านาย” -1 พงศ์กษัตริย์ 3:9-10 THSV11

ขอให้เราทุกคนมีความสามารถในการสังเกต และมีของประทานในการสังเกตวิญญาณ เพื่อช่วยเหลือ ตัวเอง ผู้อื่น คริสตจักร และสังคมของเรา!

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์พูดถึง คำว่า ‘Character’  ไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ:  “พระคัมภีร์กล่าวถึง Character ในความหมายหลากหลายไว้ดังนี้ว่า

1.เลิศประเสริฐ

“ภรรยาที่เลิศประเสริฐใครเล่าจะหาพบ? คุณค่าของเธอเลิศล้ำกว่าทับทิม” ~สุภาษิต 31:10 THSV11

“A wife of noble character who can find? She is worth far more than rubies.” ~Proverbs 31:10 NIV

2.น่านับถือ

“พวกมัคนายกก็เหมือนกัน จะต้องเป็นคนน่านับถือ ไม่เป็นคนพูดจากลับกลอก ไม่ดื่มสุรามึนเมา ไม่เป็นคนโลภเห็นแก่ได้” ~1 ทิโมธี 3:8 THSV11

 “Church helpers must also have a good character and be sincere; they must not drink too much wine or be greedy for money;” ~1 Timothy 3:8 GNT

“ส่วนพวกผู้หญิงก็เหมือนกัน ต้องเป็นคนน่านับถือ ไม่ใส่ร้ายคนอื่น รู้จักประมาณตน ซื่อสัตย์ในทุกๆ เรื่อง” ~1 ทิโมธี 3:11 THSV11

 “Their wives also must be of good character and must not gossip; they must be sober and honest in everything.” ~1 Timothy 3:11 GNT

3.สามัญสำนึก

“แท้จริงการกดขี่ข่มเหงทำให้ผู้มีปัญญาโง่ไป และสินบนก็ทำลายสามัญสำนึกเสีย” -ปัญญาจารย์ 7:7 THSV11

“You may be wise, but if you cheat someone, you are acting like a fool. If you take a bribe, you ruin your character.” ~Ecclesiastes 7:7 GNT

4.เป็นคนที่ใช้ได้ (มีวุฒิภาวะทางจิตวิญญาณ)

“และความทรหดอดทนทำให้เห็นว่าเราเป็นคนที่พระเจ้าทรงใช้ได้   และการที่เป็นเช่นนั้นทำให้มีความหวัง” ~โรม 5:4 THSV11

“And endurance builds character, which gives us a hope” ~Romans 5:4 CEV

5.นิสัย (ที่ดีงาม)

“อย่าหลงผิดเลย “การคบคนชั่วย่อมทำลายนิสัยที่ดีงาม”” ~1โครินธ์ 15:33 THSV11

“Do not be misled: “Bad company corrupts good character.”” ~1 Corinthians 15:33 NIV

6.ทำสิ่งที่ชอบธรรม

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ใดจะอาศัยอยู่ในพลับพลาของพระองค์? ผู้ใดจะอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์? คือผู้ดำเนินชีวิตอย่างหาที่ติมิได้และทำสิ่งที่ชอบธรรม และพูดความจริงจากใจของตน” ~สดุดี 15:1-2 THSV11

“O Lord, who may lodge [as a guest] in Your tent?  Who may dwell [continually] on Your holy hill?  He who walks with integrity and  strength of character, and works righteousness, and speaks and holds truth in his heart.” ~Psalms 15:1-2 AMP

7.สันดาน

“พวกท่านมาจากพ่อของท่านคือมาร และท่านอยากจะทำตามความปรารถนาของพ่อ มันเป็นฆาตกรตั้งแต่เริ่มแรกและไม่ได้ตั้งอยู่ในสัจจะ เพราะมันไม่มีสัจจะ เมื่อมันพูดเท็จมันก็พูดตามสันดานของมันเอง เพราะมันเป็นผู้มุสา และเป็นพ่อของการมุสา” -ยอห์น 8:44 THSV11

 “You are of your father the devil, and your will is to do your father’s desires. He was a murderer from the beginning, and does not stand in the truth, because there is no truth in him. When he lies, he speaks out of his own character, for he is a liar and the father of lies.” ~John 8:44 ESV

หมายเหตุ:

“Character “ หมายความว่า “คุณลักษณะทางจิตใจและศีลธรรมที่โดดเด่นของแต่ละคน” (the mental and moral qualities distinctive to an individual.)

เป็นวิถีที่บางคนคิด รู้สึก และประพฤติ ยังหมายความถึง “การผสมผสานของคุณลักษณะในตัวของบุคคลหรือสถานที่นั้นที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากคนหรือสถานที่อื่นๆ”

(the particular combination of qualities in a person or place that makes them different from others)

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์กล่าวอะไรบ้าง เกี่ยวกับการกลับใจ?”

คำตอบ:  “พระคัมภีร์กล่าวถึง การกลับใจไว้มากมาย อาทิ

1.พระเจ้าตรัสสั่งมนุษย์ทั้งปวงให้กลับใจใหม่

“ในเวลาที่มนุษย์ยังขาดความรู้ พระเจ้าไม่ทรงถือโทษ แต่บัดนี้ พระเจ้าตรัสสั่งมนุษย์ทั้งปวงทั่วทุกแห่งให้กลับใจใหม่”            ~กิจการ 17:30  THSV11

2.พระเยซู ประกาศข่าวประเสริฐและเทศนาให้คนกลับใจใหม่

“จงกลับใจใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว” ~มัทธิว 3:2 THSV11

“หลังจากยอห์นถูกจับแล้ว พระเยซูเสด็จมายังแคว้นกาลิลี ทรงประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า โดยตรัสว่า “เวลากำหนดมาถึงแล้วและแผ่นดินของพระเจ้าก็มาใกล้แล้ว จงกลับใจใหม่ และเชื่อข่าวประเสริฐ” ” ~มาระโก 1:14-15 THSV11

3.พระเยซูมาเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่

“เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่” ~ลูกา 5:32 THSV11

4.พวกสาวกถูกสั่งและถูกส่งออกไปประกาศให้คนกลับใจใหม่

“พวกสาวกก็ออกไปประกาศให้ทุกคนกลับใจใหม่” ~มาระโก 6:12  THSV11

5.คนทั้งหลายสรรเสริญพระเจ้าที่ทรงให้คนต่างชาติกลับใจใหม่และรอด

เมื่อคนทั้งหลายได้ยินคำเหล่านั้นก็นิ่งอยู่ แล้วสรรเสริญพระเจ้าว่า “พระเจ้าก็ทรงโปรดแก่คนต่างชาติให้กลับใจใหม่จนได้ชีวิตรอดด้วย” ~กิจการ 11:18 THSV11

6.คนที่กลับใจใหม่หันมาหาพระเจ้า จะได้รับการลบล้างควาผิดบาป

“เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงกลับใจและหันมาหาพระเจ้า เพื่อที่ว่าความผิดบาปของพวกท่านจะได้รับการลบล้าง” ~กิจการ 3:19 THSV11

7.พระเจ้าจะยกความผิดบาปในใจเมื่อเรากลับใจใหม่

“เพราะฉะนั้นจงกลับใจใหม่จากการชั่วร้ายของเจ้า และอธิษฐานขอต่อพระเจ้า พระองค์อาจจะทรงยกความผิดที่เจ้าคิดอยู่ในใจ” ~กิจการ 8:22  THSV11

8.เราต้องกลับใจใหม่และประพฤติดีตามสภาพเดิมที่เราเคยเป็น

“เพราะฉะนั้นจงระลึกถึงสภาพเดิมที่เจ้าตกลงมาแล้วนั้น จงกลับใจใหม่และทำตามที่ประพฤติในตอนแรก มิฉะนั้นเราจะมาหาเจ้า และจะย้ายคันประทีปของเจ้าออกจากที่ของมัน นอกจากว่าเจ้าจะกลับใจใหม่” ~วิวรณ์ 2:5 THSV11

9.เราต้องกระตือรือร้นและกลับใจใหม่ เมื่อพระเจ้าตักเตือนและตีสอนเรา

“เรารักใครเราก็ตักเตือนและตีสอนเขา เพราะฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจใหม่” ~วิวรณ์ 3:19 THSV11

10.เราจะได้รับการติเตียนจากพระเจ้าถ้าเราไม่กลับใจใหม่

“แล้วพระองค์ก็ทรงเริ่มติเตียนเมืองต่างๆ ที่พระองค์ได้ทรงทำการอัศจรรย์เป็นส่วนมาก เพราะพวกเขาไม่ได้กลับใจใหม่” ~มัทธิว 11:20 THSV11

11.เราต้องแก้ไขความคิดเห็นฝ่ายตรงข้ามอย่างสุภาพ เพื่อพระเจ้าจะโปรดให้เขากลับใจ

“แก้ไขความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้ามด้วยความสุภาพอ่อนโยน เพราะพระเจ้าอาจโปรดให้พวกเขากลับใจ และมาถึงความรู้ในความจริง” ~2 ทิโมธี 2:25 THSV11

12.เราต้อง เตือนพี่น้องที่ทำผิดให้กลับใจใหมและยกโทษให้แก่เขา

“จงระวังให้ดี ถ้าพี่น้องทำผิดต่อท่าน จงเตือนเขา และถ้าเขากลับใจแล้วก็จงยกโทษให้” ~ลูกา 17:3 THSV11

13.พระเจ้าไม่ประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่

“องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่” ~2 เปโตร 3:9 THSV11

14.เราต้องกลับใจใหม่และรับบัพติศมาในนามของพระเยซูคริสต์

“เปโตรจึงกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “จงกลับใจใหม่และรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ให้หมดทุกคน เพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของท่านทั้งหลาย แล้วพวกท่านจะได้รับของประทานคือพระวิญญาณบริสุทธิ์” ~กิจการ 2:38 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยวกับ Church life?”

คำตอบ: “ในพระคัมภีร์เปิดเผยต่อเราว่าคริสตจักรมีชีวิต หรือ ดำรงอยู่ด้วยวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้:

1. ประกาศ หรือเทศนาข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ตามพระมหาบัญชา

แต่เปโตรได้ยืนขึ้นพร้อมกับอัครทูตสิบเอ็ดคน และกล่าวกับเขาทั้งหลายด้วยเสียงดังว่า “พี่น้องชาวยิวกับทุกท่านที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม จงทราบเรื่องนี้และฟังถ้อยคำของข้าพเจ้า …  

เมื่อคนทั้งหลายได้ยินแล้วก็รู้สึกแปลบปลาบใจ จึงกล่าวกับเปโตรและอัครทูตคนอื่นๆ ว่า “พี่น้องเอ๋ย เราจะทำอย่างไรดี?”

เปโตรจึงกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “จงกลับใจใหม่และรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ให้หมดทุกคน เพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของท่านทั้งหลาย แล้วพวกท่านจะได้รับของประทานคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ เพราะว่าพระสัญญานั้นตกแก่ท่านทั้งหลายกับลูกหลานของพวกท่านด้วย และแก่ทุกคนที่อยู่ไกล คือทุกคนที่องค์พระผู้เป็นเจ้าพระเจ้าของเราทรงเรียกให้มาเฝ้า”

เปโตรจึงกล่าวอีกหลายเรื่องเป็นพยานและเตือนสติพวกเขาว่า “จงเอาตัวรอดจากชาติพันธุ์ที่คดโกงนี้เถิด” (กิจการ 2:14, 22-24, 32-33, 37-40 THSV11)

2. นำคนให้เชื่อพระคริสต์และรับบัพติศมา

  • “1).คนทั้งหลายที่รับถ้อยคำของเปโตรก็รับบัพติศมา
  • 2).ในวันนั้นมีคนเข้าเป็นสาวกประมาณสามพันคน”  (2:41)

3. สร้างสาวกด้วยการนำให้ผู้เชื่อทุกคนอุทิศตัวเพื่อ

  • “1).ฟังคำสอนของบรรดาอัครทูต และ
  •   2).ร่วมสามัคคีธรรม
  •   3).รวมทั้งหักขนมปังและ
  •   4).อธิษฐาน”   (2:42)

4. นำให้สมาชิกทั้งหลายมีความเกรงกลัวพระเจ้าด้วยกันทุกคน ผ่าน

  •   “1).การอัศจรรย์ และ
  •    2).หมายสำคัญมากมาย” (2:43)

5. สร้างความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกันขึ้นในท่ามกลางผู้เชื่อ

  • “1).นำคนทั้งหมดที่เชื่อถือก็อยู่รวมกัน  ทั้ง

     ก.กาย   ข.ใจ   ค.ทรัพย์ / สิ่งของ/ทรัพยากร และ

  •    2).นำทุกสิ่งมารวมเป็นของกลาง

     ก.ขายที่ดินและทรัพย์สิ่งของ   ข.มาแบ่งให้แก่กันตามความจำเป็น” (2:44-45)

6. เสริมสร้างให้ผู้เชื่ออุทิศตัวในพันธกิจต่างๆ ทุกๆวัน ทั้ง

  • “ 1).ในคริสตจักร(พระวิหาร)และ
  • 2).ตามบ้าน(หักขนมปัง)ของพวกเขา” (2:46ก.)

 7. ส่งเสริมให้มีสามัคคีธรรมที่จริงใจที่สมาชิกชื่นชมยินดี

 “รับประทานอาหารร่วมกันด้วยความชื่นชมยินดีและจริงใจ” (2:46ข.)

 8. ยกย่องพระเจ้า และได้รับความชื่นชอบจากคนทั้งหลายรอบตัว

  • “1).ทั้งสรรเสริญพระเจ้า และ
  • 2).ทั้งได้รับความชื่นชอบจากทุกคน” (2:47ก.)

 9. มีประสบการณ์กับการที่พระเจ้าทรงโปรดปรานเพิ่มคนเข้ามามากขึ้น

“องค์พระผู้เป็นเจ้าก็โปรดให้คนทั้งหลายที่กำลังจะรอด เพิ่มจำนวนเข้ามามากยิ่งขึ้นทุกๆ วัน” (2:47ข.)

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:      “พระคัมภีร์พูดอะไรเกี่ยวกับคริสตจักร และ การตั้งคริสตจักรบ้าง?”

ตอบ:         “พระคัมภีร์กล่าวถึง คริสตจักรและการตั้งคริสตจักรไว้ดังนี้

1.พระเยซูคริสต์เป็นผู้เริ่มต้นตั้งคริสตจักร

“เราบอกท่านว่าท่านคือเปโตร และบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรไม่ได้” ~มัทธิว 16:18 THSV11

2.พระเยซูคริสต์ตั้งคริสตจักรไว้ให้เป็นพระกายของพระองค์

“คริสตจักรเป็นพระกายของพระคริสต์ ซึ่งเป็นความบริบูรณ์ของพระองค์ ผู้ทรงเติมทุกอย่าง ในทุกแห่งให้เต็มบริบูรณ์” ~เอเฟซัส 1:23  THSV11

3.พระเยซูคริสต์ประสงค์ให้เทพและภูติผีทั้งปวงรู้จักพระปัญญาของพระเจ้าทางคริสตจักร

“เพื่อว่าพวกภูตผีที่ครอบครองและพวกภูตผีที่มีอำนาจในสวรรคสถาน จะได้รู้จักพระปัญญาอันมากล้นหลายด้านของพระเจ้าโดยทางคริสตจักรในเวลานี้” ~เอเฟซัส 3:10 THSV11

4.พระเจ้าและพระเยซูคริสต์สมควรรับการถวายพระเกียรติในคริสตจักร

“ขอให้พระเกียรติจงมีแด่พระองค์ในคริสตจักรและในพระเยซูคริสต์ตลอดทุกชั่วอายุคนเป็นนิตย์ อาเมน” ~เอเฟซัส 3:21 THSV11

5.คริสตจักรทั้งหลายควร

  •  1) สงบสุข
  •  2) เจริญเติบโต
  •  3) ประพฤติตนยำเกรงพระเจ้า
  •  4) รับการหนุนใจจากพระวิญญาณ
  •  5) มีสมาชิกเพิ่มมากขึ้น

“เพราะฉะนั้น คริสตจักรตลอดทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลี และสะมาเรียก็เกิดความสงบสุขและเจริญเติบโต ต่างประพฤติตนด้วยความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและรับการหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสตสมาชิกจึงยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น” ~กิจการ 9:31 THSV11

6.คริสตจักรควรมุ่งประกาศข่าวประเสริฐ ตั้งกลุ่มและตั้งคริสตจักรใหม่ๆ เมื่อพระเจ้าทรงนำ

“ข่าวนี้แพร่มาถึงหูของคริสตจักรในกรุงเยรูซาเล็ม พวกเขาจึงส่งบารนาบัสไปที่เมืองอันทิโอก” ~กิจการ 11:22 THSV11

7.คริสตจักรจะต้องมี และต้องตั้งผู้นำที่พระเจ้าเลือก

  • 1) เพื่อให้ปกครองดูแลคริสตจักร
  • 2) เพื่อกล่าวพระวจนะของพระเจ้า

“ข้าพเจ้ามาเป็นผู้ปรนนิบัติของคริสตจักรตามภารกิจที่พระเจ้าทรงมอบให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อกล่าวพระวจนะของพระเจ้าแก่พวกท่านอย่างเต็มบริบูรณ์” ~โคโลสี 1:25 THSV11

“เมื่อท่านทั้งสองแต่งตั้งพวกผู้ปกครองในคริสตจักรแต่ละแห่งแล้ว ก็อธิษฐานและถืออดอาหารเพื่อมอบพวกเขาไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้าที่พวกเขาเชื่อถือนั้น” ~กิจการ 14:23 THSV11

“คำกล่าวนี้สัตย์จริง คือว่าถ้าใครปรารถนาหน้าที่ผู้ปกครองดูแลคริสตจักร คนนั้นก็ปรารถนากิจการงานที่ประเสริฐ” ~1 ทิโมธี 3:1 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

  • คำถาม   The Beatitudes” คืออะไร?
  • พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้?”

      ________________

คำตอบ :  The Beatitudes คือ “คำตรัสที่อุทิศว่าเป็นคำกล่าวของพระเยซูคริสต์ที่กล่าวถึงพระพร 8 ประการ ในคำเทศนาบนภูเขาของพระธรรม มัทธิว (5:3-12) และอีก 4 ประการในคำเทศนาบนพื้นราบของพระธรรมลูกา(6:20-23)

แต่ละคำตรัสสอนหรือเทศน์นั้น กล่าวถึง “พระพร” หรือ “ความโปรดปรานจากพระเจ้า” ที่จะประทานมาให้แก่คนที่มี หรือ “ที่ครอบครองคุณภาพลักษณะนิสัยบางอย่าง”

คำว่า

“Beatitude” มาจากคำภาษาลาตินว่า beatitudo” หมายความว่า blessedness” (ความสุข หรือแบบไทยๆก็หมายถึง บุญบารมี หรือมีโชค)

แต่ในบริบทนี้หมายถึง “Divine joy and perfect happiness” (ความยินดีจากพระเจ้า และความสุขอย่างสมบูรณ์) สำหรับคนของพระเยซูคริสต์

วลีที่ว่า “ความสุขเป็นของ” ในแต่ละคำตรัสใน Beatitudes บ่งบอกถึงสถานะปัจจุบันของความสุข หรือสุขสภาพ

พูดแบบชาวบ้านคือ พระเยซูกำลังตรัสว่า “ความสุขและโชคดีจากพระเจ้า ที่เป็นของคนที่มีคุณลักษณะภายในเหล่านี้” และยังประกาศถึงคำสัญญานี้ สำหรับรางวัลในอนาคตด้วย

ลักษณะของผู้เป็นสุข ใน beatitudes มีดังนี้

  1. คนที่ยากจนด้านจิตวิญญาณก็เป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย
  2. คนที่โศกเศร้า ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับการหนุนใจ
  3. คนที่สุภาพอ่อนโยน ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
  4. คนที่หิวและกระหาย ความชอบธรรมก็เป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงให้อิ่ม
  5. คนที่มีใจเมตตา ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับพระเมตตาตอบ
  6. คนที่มีใจบริสุทธิ์ ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้เห็นพระเจ้า
  7. คนที่สร้างสันติก็เป็นสุข เพราะว่าพระเจ้าจะทรงเรียกเขาทั้งหลายว่าเป็นลูก
  8. คนที่ถูกข่มเหงเพราะเหตุความชอบธรรม ก็เป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์เป็นของเขาทั้งหลาย เมื่อพวกเขาจะติเตียนข่มเหง และนินทาว่าร้ายท่านทั้งหลายต่างๆ เป็นความเท็จเพราะเรา ท่านก็เป็นสุข  ~มัทธิว 5:3-11 THSV11

 

  1. “ท่านทั้งหลายที่ยากจนก็เป็นสุข เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้าเป็นของท่าน
  2. “ท่านทั้งหลายที่อดอยากเวลานี้ก็เป็นสุข เพราะว่าท่านจะได้อิ่มท้อง
  3. “ท่านทั้งหลายที่ร้องไห้เวลานี้ก็เป็นสุข เพราะว่าท่านจะได้หัวเราะ
  4. “ท่านทั้งหลายเป็นสุขแม้มีคนเกลียดชังท่าน ไล่ท่านออกจากพวกเขา ประณามท่าน และเหยียดหยามท่านว่าเป็นคนชั่วช้าเนื่องจากท่านเห็นแก่บุตรมนุษย์

ในวันนั้นท่านทั้งหลายจงชื่นชมยินดีและโลดเต้น เพราะบำเหน็จของท่านมีบริบูรณ์ในสวรรค์ บรรพบุรุษของเขาก็ทำอย่างนั้นกับพวกผู้เผยพระวจนะเหมือนกัน”  ~ลูกา 6:20-23 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-