Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  ” พระเจ้าสอนอะไรบ้างเกี่ยวกับเรื่องความถ่อมใจ?”

ตอบ: “พระวจนของพระเจ้าสอนเรื่องการถ่อมใจไว้ดังนี้

  1. พระเจ้าจะทรงนำคนถ่อมใจไปในทางที่ถูก

“พระองค์ทรงนำคนที่ถ่อมใจไปในสิ่งที่ถูก และทรงสอนพระมรรคาของพระองค์แก่คนที่ถ่อมใจ”  ~สดุดี 25:9 THSV11

  1. พระเจ้าจะทรงช่วยคนถ่อมใจให้รอด

“เพราะพระเจ้าทรงกดผู้เย่อหยิ่งลงต่ำ แต่พระองค์ทรงช่วยคนถ่อมใจให้รอด” ~โยบ 22:29 THSV11

  1. พระเจ้าจะทรงประทานเกียรติ ให้แก่คนถ่อมตัวถ่อมใจ

“ความยำเกรงพระยาห์เวห์จะสอนให้เกิดปัญญา และความถ่อมตัวมาก่อนเกียรติ” ~สุภาษิต 15:33 THSV11

  1. พระเจ้าจะทรงยกคนที่ถ่อมใจให้สูงขึ้น

“พวกท่านจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระองค์จะทรงยกชูท่าน” ~ยากอบ 4:10 THSV11

  1. พระเจ้าจะทรงยกคนที่ถ่อมใจในเวลาอันควร

“เพราะฉะนั้น พวกท่านจงถ่อมตัวลงภายใต้พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อว่าพระองค์จะทรงยกพวกท่านขึ้นเมื่อถึงเวลาอันควร” ~1 เปโตร 5:6 THSV11

  1. พระเจ้าจะทรงประทานแผ่นดินให้เป็นมรดกแก่คนที่ถ่อมใจ

“แต่คนที่ถ่อมใจจะได้แผ่นดินเป็นมรดก และจะปีติยินดีในความสมบูรณ์พูนสุข” ~สดุดี 37:11 THSV11

  1. พระเจ้าจะทรงประทานชัยชนะเป็นมงกุฎให้แก่คนที่ถ่อมใจ

“เพราะพระยาห์เวห์ทรงปรีดีในประชากรของพระองค์ พระองค์ประทานชัยชนะเป็นมงกุฎแก่คนที่ถ่อมใจ” ~สดุดี 149:4 THSV11

  1. พระเจ้าทรงเลือกเราให้เป็นคนดีที่มีความถ่อมใจ

“เพราะฉะนั้นในฐานะเป็นพวกที่พระเจ้าทรงเลือก พวกที่บริสุทธิ์ และพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจกรุณา ใจถ่อม ใจสุภาพอ่อนโยน ใจอดทน” ~โคโลสี 3:12 THSV11

  1. เราต้องถ่อมใจในการปฏิบัติต่อผู้อื่น

“อย่าทำสิ่งใดด้วยการชิงดีหรือถือดี แต่จงถือว่าคนอื่นดีกว่าตัวด้วยใจถ่อม”  ~ฟีลิปปี 2:3 THSV11

  1. เราต้องรับใช้พระเจ้า ด้วยความถ่อมใจและด้วยความอดทน

“ข้าพเจ้ารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจและด้วยน้ำตา ต้องทนต่อการทดลองที่มาถึงตัวเองอันเนื่องจากแผนร้ายของพวกยิว” ~กิจการ 20:19 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

พระเจ้ากับวิทยาศาสตร์ โดย นพ. คณพล ภูมิรัตนประพิณ

พระเจ้า กับวิทยาศาสตร์ (God and Science)

In the beginning God created the heavens and the earth. Genesis 1:1
ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน ปฐมกาล 1:1 

ประโยคนี้เป็นประโยคแรกในพระคัมภีร์ที่พระเจ้าได้เปิดเผยสำหรับผู้เชื่อเราเห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

แต่….สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อนั้นประโยคนี้ก็เหมือนเรื่องเล่าในเทพนิยาย

วิทยาศาสตร์ เป็นศาสตร์ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาทุกยุคสมัย

เดิมทีวิทยาศาสตร์ คือการบันทึกปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ทำให้คนได้เห็นความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

แต่เมื่อวิทยาศาสตร์พัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ การพิสูจน์ได้เปิดเผยหลายอย่าง ที่ดูเหมือนไม่มีพระเจ้าอยู่ในนั้น

ยิ่งวิทยาศาสตร์ยิ่งก้าวหน้า การค้นพบใหม่ๆ ก็เหมือนทำให้เหมือนที่ยืนของพระเจ้าจะน้อยลงทุกทีๆ

ปัจจุบันดูเหมือนวิทยาศาสตร์จะมายืนอยู่ในจุดตรงข้ามกับพระเจ้า
หากคุณเป็นคนที่เชื่อในหลักการวิทยาศาสตร์ คุณก็ไม่ควรงมงายในเรื่องราวของพระเจ้า

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างวิทยาศาสตร์กับพระเจ้า จำเป็นต้องเป็นคู่ตรงข้ามจริงหรือไม่

การนมัสการและการเทศนาในวันนี้น่าจะมีคำตอบให้กับพี่น้องทุกคน

นพ.คณพล ภูมิรัตนประพิณ​

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:   “พระคัมภีร์พูดถึงชีวิตการเติบโต และการเป็นความสว่างต่อโลก และสังคมของคริสเตียนไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ: ”พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ดังนี้

1.เราต้องเจริญเติบโตและเจริญรุ่งเรืองขึ้นในการดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้า

  • เราจะเจริญเติบโตขึ้นเมื่อพระเจ้าสถิตกับเรา

“และดาวิดทรงเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป เพราะว่าพระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพสถิตกับพระองค์” ~2 ซามูเอล 5:10 THSV11

  • คริสตจักรจะเจริญเติบโตมากขึ้นเมื่อเราประกาศพระนามพระเจ้าอย่างกล้าหาญ

“แล้วเซาโลจึงได้เข้านอกออกในอยู่กับพวกอัครทูตในกรุงเยรูซาเล็ม ประกาศออกพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยใจกล้าหาญ ท่านพูดและโต้แย้งกับพวกยิวที่พูดกรีก แต่พวกนั้นพยายามหาทางฆ่าท่านเสีย เมื่อพี่น้องรู้เรื่องนี้ ก็พาท่านลงไปยังเมืองซีซารียา แล้วส่งต่อไปยังเมืองทาร์ซัส เพราะฉะนั้น คริสตจักรตลอดทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลี และสะมาเรียก็เกิดความสงบสุขและเจริญเติบโต ต่างประพฤติตนด้วยความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและรับการหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสตสมาชิกจึงยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น” ~กิจการ 9:28-31 THSV11

  • เราจะเติบโตขึ้นอีกเมื่อเราช่วยให้คนอื่นๆ เติบโต

“ถ้าท่านให้คำแนะนำเหล่านี้แก่พี่น้อง ท่านก็จะเป็นผู้ปรนนิบัติที่ดีของพระเยซูคริสต์เจริญเติบโตด้วยถ้อยคำแห่งความเชื่อ และหลักคำสอนอันดีตามที่ท่านประพฤติตามแล้วนั้น”  ~1 ทิโมธี 4:6 THSV11

  • เราจะได้รับผลจากการลงมือทำงานหนักอย่างฉลาดของเราและเติบโตขึ้น

“ท่านจะได้กินผลผลิตจากน้ำพักน้ำแรงของท่าน ท่านจะเป็นสุข และท่านจะเจริญ” ~สดุดี 128:2 THSV11

  • เราจะเจริญขึ้นถ้าเราดำเนินชีวิตอยู่ในความชอบธรรม

“คนชอบธรรมจะงอกงามอย่างต้นอินทผลัม เขาจะเจริญขึ้นอย่างต้นสนสีดาร์ในเลบานอน” ~สดุดี 92:12 THSV11

  • เราจะเจริญขึ้นไปอีกเมื่อเราเป็นคนใจกว้าง

“คนใจกว้างย่อมเจริญรุ่งเรือง คนที่ให้น้ำคนอื่นย่อมได้น้ำตอบแทน” ~สุภาษิต 11:25 THSV11

  • เราจะเจริญเติบโตขึ้น เมื่อเราสนใจพระวจนะและวางใจพระเจ้า

“ผู้ใส่ใจพระวจนะจะเจริญรุ่งเรือง และคนที่วางใจในพระยาห์เวห์จะสุขสบาย” ~สุภาษิต 16:20 THSV11

  • เราจะเจริญเติบโตขึ้นไปอีกเมื่อเราตรึกตรองและทำตามพระวจนะของพระเจ้าทุกประการด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง

“อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างจากปากของเจ้า แต่จงตรึกตรองตามนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเจ้าจะได้ระวังที่จะทำตามข้อความทุกประการที่เขียนไว้นั้น แล้วเจ้าจะมีความเจริญ และประสบความสำเร็จ” ~โยชูวา 1:8 THSV11

 “คนที่ได้ปัญญาก็รักตนเอง คนที่รักษาความเข้าใจไว้จะเจริญรุ่งเรือง” ~สุภาษิต 19:8 THSV11

  • เราและคริสตจักรจะเจริญเติบโตขึ้นเมื่อทุกคนทุกส่วนทำงานประสานกัน

“และไม่ได้ยึดมั่นในพระคริสต์ ผู้ทรงเป็นศีรษะ ซึ่งเป็นเหตุให้ทั่วทั้งร่างกายได้รับการบำรุงเลี้ยงและประสานเข้าด้วยกันโดยข้อและเอ็นต่างๆ จึงได้เจริญขึ้นตามที่พระเจ้าทรงให้เจริญขึ้นนั้น” ~โคโลสี 2:19 THSV11

“ในพระองค์นั้นทุกส่วนของโครงสร้างถูกเชื่อมต่อกันและเจริญขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ ในองค์พระผู้เป็นเจ้า” ~เอเฟซัส 2:21 THSV11

  • เราจะเจริญรุ่งเรืองขึ้น เมื่อเราทำทุกสิ่งด้วยความจริงและความรัก

“แต่ให้เรายึดถือความจริงด้วยความรัก เพื่อจะเจริญขึ้นในทุกด้านสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์” ~เอเฟซัส 4:15 THSV11

  • เราจะเติบโตขึ้นในฝ่ายจิตวิญญาณเมื่อเราดำเนินชีวิตอย่างสมควรต่อพระเจ้า

“เพื่อพวกท่านจะดำเนินชีวิตอย่างสมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และจะเป็นที่ชอบพระทัยของพระองค์ทุกประการ คือให้ท่านเกิดผลในการดีทุกอย่าง และเจริญขึ้นในความรู้ ถึงเรื่องพระเจ้า”  ~โคโลสี 1:10 THSV11

2.เราต้องส่องสว่างดุจความสว่างจากพระเจ้าต่อโลกนี้

  • เราต้องเป็นดุจความสว่างที่ส่องให้คนอื่นๆเห็นทาง

“ไม่มีใครเมื่อจุดตะเกียงแล้วจะตั้งไว้ในที่ลี้ลับหรือเอาถังครอบไว้ แต่จะตั้งไว้บนเชิงตะเกียงเพื่อคนที่เข้ามาจะเห็นแสงสว่าง ตาเป็นประทีปของร่างกาย ถ้าตาของท่านปกติ ทั้งตัวก็พลอยสว่างไปด้วย แต่ถ้าตาของท่านผิดปกติ ทั้งตัวก็พลอยมืดไปด้วย ถ้าทั้งตัวของท่านเต็มไปด้วยความสว่างไม่มีความมืดเลย มันก็จะสว่างไสวไปหมดเหมือนอย่างความสว่างของตะเกียงที่ส่องมายังท่าน”  ~ลูกา 11:33-34,36 THSV11

  • เราต้องดำเนินชีวิตอย่างตนของความสว่าง

“เพราะเมื่อก่อนท่านทั้งหลายเป็นความมืด แต่บัดนี้ท่านเป็นความสว่างในองค์พระผู้เป็นเจ้าจงดำเนินชีวิตอย่างคนของความสว่าง (เพราะว่าผลของความสว่างคือทุกอย่างที่เป็นความดี ความชอบธรรม และความจริง) จงค้นดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า และอย่ามีส่วนในกิจการของความมืดที่ไร้ผล แต่จงเปิดเผยกิจการนั้นให้ปรากฏดีกว่า เพราะว่าแม้แต่จะพูดถึงสิ่งเหล่านั้นที่พวกเขาทำอย่างลับๆ ก็ยังเป็นเรื่องน่าละอาย แต่ทุกๆ สิ่งที่ได้รับการเปิดเผยโดยความสว่างก็ปรากฏให้เห็น”  ~เอเฟซัส 5:8-13 THSV11

  • เราต้องระวังตัว ไม่ปล่อยให้ความสว่างในตัวเรามืดลง

“ระวังให้ดี อย่าให้ความสว่างที่อยู่ในตัวท่านกลายเป็นความมืด” ~ลูกา 11:35 THSV11

  • เราต้องเป็นคนที่ประพฤติตามความจริงและพึ่งพระเจ้า

“แต่คนที่ประพฤติตามความจริงก็มาถึงความสว่าง เพื่อให้เห็นว่าการกระทำของเขานั้นทำโดยพึ่งพระเจ้า” ~ยอห์น 3:21 THSV11

  • เราต้องสำแดงความสว่างผ่านการสอน และอธิบายพระวจนะของพระเจ้าอย่างถูกต้อง

“การอธิบายพระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง ทั้งให้ความเข้าใจแก่คนรู้น้อย” ~สดุดี 119:130 THSV11

  • เราต้องทำหน้าที่ในการเป็นแสงที่เตรียมทางสำหรับความสว่างยิ่งใหญ่คือพระเจ้า

“จงลุกขึ้น ฉายแสง เพราะว่าความสว่างของเจ้ามาแล้ว และพระสิริของพระยาห์เวห์ขึ้นมาเหนือเจ้า” ~อิสยาห์ 60:1 THSV11

  • เราต้องส่องสว่างหรือสะท้อนความสว่างของพระเจ้าให้สังคมได้เห็นพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่

“ประชาชนผู้นั่งอยู่ในความมืด ได้เห็นความสว่างยิ่งใหญ่ และผู้ที่นั่งอยู่ในแดนและเงาแห่งความตาย ก็มีความสว่างส่องถึงพวกเขาแล้ว” ~มัทธิว 4:16 THSV11

  • เราต้องไม่อ้างว่าตนเองเป็นความสว่างหากว่าเรายังเกลียดชังพี่น้องของเราและไม่ให้อภัย

“ผู้ที่กล่าวว่าตนอยู่ในความสว่าง ขณะที่ยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความมืด” ~1 ยอห์น 2:9 THSV11

  • เราต้องไม่หลงไปจากทางของความสว่างจนประจานพระเยซูคริสต์

“เพราะว่าคนเหล่านั้นที่ได้รับความสว่างมาครั้งหนึ่งแล้ว และได้ลิ้มรสของประทานจากสวรรค์ได้มีส่วนร่วมในพระวิญญาณบริสุทธิ์ และได้ลิ้มรสความดีงามแห่งพระวจนะของพระเจ้าและฤทธิ์เดชแห่งยุคที่จะมาถึงนั้น แล้วยังหลงไป ก็เหลือวิสัยที่จะนำพวกเขามาสู่การกลับใจอีกได้ เพราะพวกเขาเองได้ตรึงพระบุตรของพระเจ้าอีก และได้ประจานพระองค์ให้อับอายต่อสาธารณชน” ~ฮีบรู 6:4-6 THSV11

  • เราต้องให้ความสว่างของพระเจ้าพุ่งออกรักษาเราและสังคม

“แล้วความสว่างจะพุ่งออกมาแก่เจ้าเหมือนรุ่งอรุณ และการรักษาแผลของเจ้าจะมีขึ้นอย่างรวดเร็ว ความชอบธรรมของเจ้าจะเดินนำหน้าเจ้า และพระสิริของพระยาห์เวห์จะระวังหลังเจ้า” ~อิสยาห์ 58:8 THSV11

  • เราต้องเป็นความสว่างที่นำความรอดไปสู่ทุกคนในโลกนี้

“เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสสั่งเราว่าอย่างนี้ ‘เราตั้งเจ้าไว้ให้เป็นความสว่างสำหรับ คนต่างชาติ เพื่อเจ้าจะได้นำความรอดไปจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”  ~กิจการ 13:47 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์กล่าวถึง ‘พระคุณ’ ของพระเจ้าไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ: ”พระคัมภีร์กล่าวถึง ‘พระคุณ’พระเจ้า ไว้ดังนี้

  1. พระเจ้าทรงมีพระคุณ และพระกรุณา

“พระยาห์เวห์ทรงมีพระคุณและทรงพระกรุณา กริ้วช้าและทรงมีความรักมั่นคงอย่างอุดม” –สดุดี 145:8 THSV11

  1. เราไม่ควรลืมราชกิจอันมีพระคุณของพระเจ้า

“จิตใจของข้าเอ๋ย จงถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์ และอย่าลืมพระราชกิจอันมีพระคุณทั้งสิ้นของพระองค์” ~สดุดี 103:2 THSV11

  1. เรารอดโดยพระคุณเพราะความเชื่อ

“เพราะว่าท่านทั้งหลายได้รับความรอดแล้วด้วยพระคุณโดยทางความเชื่อ ความรอดนี้ไม่ใช่มาจากตัวท่าน แต่เป็นของประทานจากพระเจ้า” ~เอเฟซัส 2:8 THSV11

  1. เรารอดโดยพระคุณ ไม่ใช่โดยการประพฤติ

“แต่ถ้าเป็นทางพระคุณ ก็ไม่ได้เป็นทางการประพฤติ ถ้าเป็นทางการประพฤติ พระคุณก็จะไม่เป็นพระคุณอีกต่อไป” ~โรม 11:6 THSV11

  1. พระเจ้าทรงมีพระคุณ ให้เราชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า

“แต่พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาเป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว” ~โรม 3:24 THSV11

  1. พระเจ้าทรงมีพระคุณเพียงพอแก่เราเสมอ

“แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้วว่า “การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น” เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจะอวดบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้ามากขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพื่อว่าฤทธานุภาพของพระคริสต์จะอยู่ในข้าพเจ้า” ~2 โครินธ์ 12:9 THSV11 

  1. เราจะพบพระคุณที่ช่วยเรา ณ พระที่นั่งแห่งพระคุณเสมอ

“ฉะนั้นขอให้เราเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณด้วยความกล้า เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะพบพระคุณที่ช่วยเราในยามต้องการ”    ~ฮีบรู 4:16 THSV11

  1. เราอยู่ใต้พระคุณ และไม่อยู่ใต้การครอบงำของบาปอีกต่อไป

“บาปจะไม่ครอบงำพวกท่านต่อไป เพราะว่าท่านไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณ” ~โรม 6:14 THSV11

  1. เราไม่ควรอ้างพระคุณเพื่อจะทำบาป

“ถ้าเช่นนั้นจะว่าอย่างไร? เราจะทำบาปเพราะไม่อยู่ใต้ธรรมบัญญัติ แต่อยู่ใต้พระคุณอย่างนั้นหรือ? เปล่าเลย” ~โรม 6:15 THSV11

  1. พระเจ้าจะประทานพระคุณแก่คนใจถ่อม

“แต่พระองค์ก็ประทานพระคุณมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นพระคัมภีร์จึงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงต่อสู้คนที่หยิ่งจองหอง แต่ประทานพระคุณแก่คนที่ถ่อมใจ” ~ยากอบ 4:6 THSV11

“พระองค์ทรงเยาะเย้ยคนที่ชอบเยาะเย้ย แต่พระองค์ประทานพระคุณแก่คนถ่อมตัว” ~สุภาษิต 3:34 THSV11

  1. เราควรเข้มแข็งขึ้นด้วยพระคุณที่มีอยู่ในพระเยซูคริสต์

“เพราะฉะนั้นบุตรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้มแข็งขึ้นด้วยพระคุณซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์” ~2 ทิโมธี 2:1 THSV11

  1. เราแต่ละคนมีของประทานที่ต่างกันตามพระคุณ

“และเราทุกคนมีของประทานต่างกัน ตามพระคุณที่ประทานแก่เรา คือถ้าของประทานเป็นการเผยพระวจนะ ก็จงเผยตามกำลังของความเชื่อ” ~โรม 12:6 THSV11

  1. เราไม่ควรรับพระคุณ โดยไม่ก่อเกิดประโยชน์อันใด

“ในเมื่อเราทำงานร่วมกับพระเจ้า เราจึงขอร้องท่านทั้งหลายว่า อย่ารับพระคุณของพระเจ้าโดยไม่เกิดประโยชน์” ~2 โครินธ์ 6:1 THSV11

  1. เราไม่ควรเพิกเฉยต่อพระคุณของพระเจ้า

“จงระวังให้ดีอย่าให้ใครเพิกเฉยต่อพระคุณของพระเจ้า และอย่าให้มีรากขมขื่นงอกขึ้นมา ทำความยุ่งยากให้ ซึ่งจะเป็นเหตุให้คนเป็นอันมากเสียไป” ~ฮีบรู 12:15 TH1971

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์กล่าวถึงพระเจ้า พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ (God: Father Son & Holy Spirit)ไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ: “พระคัมภีร์กล่าวถึงพระเจ้า พระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ไว้ดังนี้

1.พระเจ้าทรงให้ พระบุตรมาประสูติผ่านมารีย์ โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์

“ทูตสวรรค์จึงตอบนางว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาเหนือเธอ และฤทธิ์เดชของผู้สูงสุดจะปกเธอ เพราะฉะนั้นองค์บริสุทธิ์ที่เกิดมานั้นจะได้ชื่อว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า” ~ลูกา 1:35 THSV11

2.พระเจ้าทรงยืนยันสถานภาพของพระเยซูคริสต์โดยการ สำแเดงของพระวิญญาณบริสุทธิ์

“และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรูปสัณฐานเหมือนนกพิราบเสด็จลงมาอยู่กับพระองค์ และมีพระสุรเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก”” ~ลูกา 3:22 THSV11

3.พระเจ้าทรงให้พระวิญญาณบริสุทธิ์นำพระเยซูคริสต์เข้าสู่การทดสอบในถิ่นทุรกันดาร

“พระเยซูทรงเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทรงกลับจากแม่น้ำจอร์แดน และพระวิญญาณทรงนำพระองค์ไปในถิ่นทุรกันดาร” ~ลูกา 4:1 THSV11

4.พระเยซู ทรงเปรมปรีดิ์์ในพระวิญญาณ และสรรเสริญพระเจ้าพระบิดา

ในเวลานั้นเอง พระเยซูทรงเปรมปรีดิ์ในพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตรัสว่า “ข้าแต่พระบิดาผู้เป็นเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์และโลก ข้าพระองค์สรรเสริญพระองค์ที่พระองค์ทรงปิดบังสิ่งเหล่านี้ไว้จากคนมีปัญญาและคนฉลาด แต่ทรงสำแดงแก่พวกทารก ถูกแล้ว ข้าแต่พระบิดา พระองค์พอพระทัยเช่นนั้น” ~ลูกา 10:21 THSV11

5.พระเจ้าทรงเจิมพระเยซูด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และฤทธานุภาพ

“คือเรื่องที่ว่าพระเจ้าทรงเจิมพระเยซูชาวนาซาเร็ธด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยฤทธานุภาพอย่างไร และเรื่องที่ว่าพระเยซูเสด็จไปทำคุณประโยชน์และรักษาคนทั้งหลายที่ถูกมารเบียดเบียนอย่างไร เพราะว่าพระเจ้าสถิตอยู่กับพระองค์” ~กิจการ 10:38 THSV11

6.พระเจ้าทรงให้พระวิญญาณบริสุทธิ์มาสอนคริสเตียนในนามของพระเยซูคริสต์

“แต่องค์ผู้ช่วยคือพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งพระบิดาจะทรงใช้มาในนามของเรานั้นจะทรงสอนพวกท่านทุกสิ่ง และจะทำให้ระลึกถึงทุกสิ่งที่เรากล่าวกับท่านแล้ว” ~ยอห์น 14:26 THSV11

7.พระวิญญาณบริสุทธิ์ที่มาจากพระเจ้าพระบิดา จะเป็นพยานให้พระเยซูคริสต์

“แต่เมื่อองค์ผู้ช่วยเสด็จมา ซึ่งเป็นผู้ที่เราจะใช้จากพระบิดามาหาพวกท่าน คือพระวิญญาณแห่งความจริงซึ่งมาจากพระบิดานั้น พระองค์จะทรงเป็นพยานให้เรา” ~ยอห์น 15:26 THSV11

8.พระเจ้าพระบิดาทรงกำหนดไว้ล่วงหน้า และพระวิญญาณทำให้เราบริสุทธิ์เพื่อจะเชื่อฟังพระเยซู

“ตามที่พระเจ้าพระบิดาได้ทรงกำหนดไว้ล่วงหน้า และพระวิญญาณทรงทำให้บริสุทธิ์ เพื่อจะเชื่อฟังพระเยซูคริสต์ และได้รับการประพรมด้วยพระโลหิตของพระองค์ ขอพระคุณและสันติสุขจงเพิ่มพูนแก่ท่านทั้งหลายยิ่งขึ้นเถิด” ~1 เปโตร 1:2 THSV11

9.พระเจ้าทรงเป็นต้นเหตุของทุกกิจกรรม พระเยซูเป็นต้นเหตุของทุกการปรนนิบัติ และพระวิญญาณเป็นต้นเหตุของทุกของประทาน

“ของประทานนั้นมีต่างๆ กัน แต่มีพระวิญญาณองค์เดียวกัน การปรนนิบัติมีต่างๆ กัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวกัน กิจกรรมมีต่างๆ กัน แต่มีพระเจ้าองค์เดียวกันเป็นต้นเหตุแห่งกิจกรรมทั้งหมดในทุกคน” ~1 โครินธ์ 12:4-6 THSV11

10.พระเยซูทรงบัญชาให้เราไปนำคนทุกชาติมาเป็นสาวกของพระองค์ และบัพติศมาพวกเขาในนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์

“เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์” ~มัทธิว 28:19 THSV11

11.เปโตรเทศน์ให้คนกลับใจรับบัพติศมาในนามพระเยซูคริสต์ ให้พระเจ้าทรงยกความผิดบาป และประทานพระวิญญาณให้

“เปโตรจึงกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “จงกลับใจใหม่และรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ให้หมดทุกคน เพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของท่านทั้งหลาย แล้วพวกท่านจะได้รับของประทานคือพระวิญญาณบริสุทธิ์” ~กิจการ 2:38 THSV11

12.พระเยซูคริสต์ทรงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระบิดา และประทาน(เท)ลงมายังผู้ที่เชื่อ

“เพราะฉะนั้นเมื่อทรงเชิดชูพระองค์ขึ้นอยู่ที่พระหัตถ์เบื้องขวาของพระเจ้าแล้ว และเมื่อพระองค์ทรงรับพระวิญญาณบริสุทธิ์จากพระบิดาตามพระสัญญาแล้ว พระองค์ทรงเทลงมาดังที่ท่านทั้งหลายได้ยินและได้เห็น” ~กิจการ 2:33 THSV11

13.สเทเฟนก่อนตายเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ได้เห็นพระเยซูอยู่เบื้องขวาพระบิดา

“ส่วนสเทเฟนเต็มด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านเขม้นดูสวรรค์เห็นพระรัศมีของพระเจ้า และเห็นพระเยซูทรงยืนอยู่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์” ~กิจการ 7:55 THSV11

 14.เราต้องเฝ้าระวังตัวเองและคนที่พระวิญญาณทรงตั้งไว้ให้ดูแลและเลี้ยงดูคริสตจักรของพระเจ้า

“จงเฝ้าระวังทั้งตัวพวกท่านเองและฝูงแกะซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตั้งพวกท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และให้เลี้ยงดูคริสตจักรของพระเจ้าที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตรของพระองค์” ~กิจการ 20:28 THSV11

15.พระเจ้าทรงชำระเราให้ชอบธรรมทางพระเยซูคริสต์ และให้ความรักของพระองค์หลั่งเข้าสู่จิตใจของเราทางพระวิญญาณบริสุทธิ์

“เพราะฉะนั้น เมื่อเราถูกชำระให้ชอบธรรมโดยความเชื่อแล้ว เราจึงอยู่อย่างสงบสุขเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และความหวังจะไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเหตุว่าความรักของพระเจ้าได้หลั่งเข้าสู่จิตใจของเรา โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งพระองค์ได้ประทานให้แก่เราแล้ว” ~โรม 5:1, 5 THSV11

 16.เราควรอธิษฐานขอพระคุณของพระเยซูคริสต์ ความรักของพระบิดา และการมีส่วนกันที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ดำรงอยู่กับทุกคน

“ขอให้พระคุณของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า ความรักของพระเจ้า และการมีส่วนกันที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ จงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายทุกคนเถิด”  ~2 โครินธ์ 13:13 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่อง“การหนุนใจ”  หรือ “การให้กำลังใจ” ไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ:”พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่อง “การหนุนใจ”หรือ “การให้กำลังใจ” ไว้ ดังนี้

1.เราควรทราบว่า เราจะได้รับการหนุนใจจากพระเจ้าเมื่อเราเข้ามาหาพระองค์

“คนที่โศกเศร้า ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับการหนุนใจ” ~มัทธิว 5:4 THSV11

2.พระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งการหนุนใจ

“แต่พระเจ้าผู้ทรงหนุนใจคนที่ท้อใจ ได้ทรงหนุนใจเราด้วยการมาของทิตัส” ~2 โครินธ์ 7:6 THSV11

3.พระเจ้าอาจหนุนใจเราผ่านทางคนบางคนหรือบางกลุ่ม

“ข้าพเจ้าไว้ใจและภูมิใจในพวกท่านมาก ข้าพเจ้าได้รับการหนุนใจอย่างบริบูรณ์ และมีความยินดีอย่างเหลือล้นในความยากลำบากทุกอย่างของเรา” ~2 โครินธ์ 7:4 THSV11

4.เราควรหนุนใจคนบางคน ตามกำลังและความสามารถเท่าที่ทำได้

“เมื่ออปอลโลต้องการจะข้ามไปยังแคว้นอาคายา พี่น้องก็หนุนใจท่านและเขียนจดหมายฝากไปถึงสาวกที่นั่นให้รับรองท่านไว้ เมื่อไปถึงแล้วท่านก็ได้ช่วยเหลือคนทั้งหลายที่เชื่อโดยพระคุณของพระเจ้าอย่างมากมาย” ~กิจการ 18:27 THSV11

5.พระเจ้าทรงหนุนใจเราเพื่อเราจะสามารถหนุนใจคนอื่นๆ ได้

“พระองค์ผู้ทรงหนุนใจเราในความยากลำบากทั้งหมดของเรา เพื่อเราจะสามารถหนุนใจคนทั้งหลาย ที่มีความยากลำบากอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยการหนุนใจ ซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า” ~2 โครินธ์ 1:4 THSV11

6.เราควรหนุนใจกันและกันด้วยถ้อยคำที่มาจากพระเจ้า

“เพราะฉะนั้น จงหนุนใจกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้เถิด” ~1 เธสะโลนิกา 4:18 THSV11

7.เราต้องทนทุกข์ยากลำบากในบางครั้ง เพื่อหนุนใจและช่วยคนอื่นให้ได้รับความรอด

“ที่เราทนความยากลำบากนั้น ก็เพื่อให้พวกท่านได้รับการหนุนใจและได้รับความรอด และที่เราได้รับการหนุนใจ ก็เพื่อให้พวกท่านได้รับการหนุนใจด้วย ซึ่งท่านจะได้รับเมื่อสู้ทนความทุกข์เช่นเดียวกับที่เราทนอยู่นั้น” ~2 โครินธ์ 1:6 THSV11

8.เราสามารถหนุนใจคนที่อยู่ใกล้ตัว ผู้ร่วมงาน หรือ ผู้ร่วมอาชีพได้

“ช่างฝีมือก็หนุนใจช่างทอง ผู้ใช้ค้อนทุบให้เรียบก็หนุนใจผู้ตีทั่ง พูดเรื่องการบัดกรีว่า “ดีแล้ว” และเขาก็ทำให้มันมั่นคงด้วยตะปูเพื่อไม่ให้มันเลื่อน” ~อิสยาห์ 41:7 THSV11

9.เราควรมีใจปรารถนาที่จะไปพบหน้าและหนุนใจเสริมกำลังพี่น้องของเรา

“เพราะข้าพเจ้าปรารถนาที่จะได้พบท่าน เพื่อจะได้นำของประทานฝ่ายจิตวิญญาณมาให้และเพื่อเสริมกำลังท่าน หมายความว่าจะได้มีการหนุนใจซึ่งกันและกัน โดยความเชื่อของเราทั้งสองฝ่าย” ~โรม 1:11-12 THSV11

10.เราต้องหนุนใจผู้อื่นด้วยคำสอนที่ถูกต้อง ตามพระวจนะแห่งความจริงอย่างสัตย์ซื่อ

“แต่มีอัธยาศัยต้อนรับแขก รักความดี มีสติสัมปชัญญะ ชอบธรรม บริสุทธิ์ รู้จักบังคับใจตนเอง และยึดมั่นในพระวจนะอันสัตย์จริงตามคำสอน เพื่อจะสามารถหนุนใจด้วยคำสอนที่ถูกต้องและชี้แจงต่อพวกคนที่คัดค้าน” ~ทิตัส 1:8-9 THSV11

11.เราต้องหนุนใจพี่น้องด้วยคำพยานชีวิตและคำเตือนสติให้พวกเขาดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม

“ท่านเป็นพยานฝ่ายเรา และพระเจ้าก็ทรงเป็นพยานด้วยว่าเราได้ประพฤติตัวบริสุทธิ์ เที่ยงธรรม และปราศจากข้อตำหนิในหมู่พวกท่านที่เชื่อ ดังที่ท่านรู้แล้วว่า การวางตัวของเราก็เหมือนบิดาทำต่อบุตร คือเตือนสติ หนุนใจและกำชับให้ท่านดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสมต่อพระเจ้า ผู้ทรงเรียกท่านให้เข้ามาในแผ่นดินและในพระสิริของพระองค์” ~1 เธสะโลนิกา 2:10-12 THSV11

12.เราควรมีนิสัยที่จะพูดหนุนใจผู้อื่นเมื่อมีโอกาสในทันที

“ท่านทั้งสองจึงออกจากคุก แล้วไปเยี่ยมนางลิเดีย เมื่อพบพี่น้องก็พูดจาหนุนใจพวกเขาแล้วลาไป” ~กิจการ 16:40 THSV11

13.เราควรพูดหนุนใจพี่น้องและผู้อ่นในทุกที่ที่เราไป

“เมื่อเดินทางผ่านที่นั่นและพูดหนุนใจสาวกทั้งหลายอย่างมากแล้ว ท่านก็มายังประเทศกรีก” ~กิจการ 20:2 THSV11

14.เราควรฉวยโอกาสหนุนใจพี่น้องในทุกสถานการณ์ แม้แต่ในสถานการณ์ที่วุ่นวาย

“หลังจากความวุ่นวายสงบลงแล้ว เปาโลจึงให้ไปตามพวกสาวกมาพูดหนุนใจกัน แล้วอำลาพวกเขาไปยังแคว้นมาซิโดเนีย” ~กิจการ 20:1 THSV11

15.เราควรขะมักเขม้นในการประกาศและหนุนใจผู้อื่นด้วยความอดทน และการสอนอย่างเต็มที่

“จงประกาศพระวจนะ จงทำอย่างขะมักเขม้นทั้งในขณะที่คนสนใจและไม่สนใจ จงชักชวน ตักเตือน และหนุนใจ ด้วยความอดทนและด้วยการสั่งสอนอย่างเต็มที่” ~2 ทิโมธี 4:2 THSV11

16.เราควรหนุนใจให้พี่น้องดำรงอยู่ในความเชื่อเสมอ

“ท่านทั้งสองทำให้บรรดาสาวกมีจิตใจเข้มแข็งขึ้น และหนุนใจพวกเขาให้ดำรงอยู่ในความเชื่อ โดยกล่าวว่า เราจะต้องทนความยากลำบากหลายอย่างในการเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า” ~กิจการ 14:22 THSV11

17.เราควรหนุนใจพี่น้องให้ผูกพันกันในความรัก และเต็มเปี่ยมด้วยความมั่นใจในพระคริสต์

“เพื่อว่าพวกเขาจะได้รับการหนุนใจและผูกพันกันในความรัก ซึ่งจะทำให้เขาเปี่ยมด้วยความมั่นใจอย่างบริบูรณ์ในด้านความเข้าใจ และทำให้พวกเขารู้ความล้ำลึกของพระเจ้า คือพระคริสต์” ~โคโลสี 2:2 THSV11

18.เราควรหนุนใจเป็นพิเศษสำหรับผู้ที่ต้องขึ้นมารับผิดชอบเป็นผู้นำแทนคนเก่า

“แต่เจ้าจงกำชับโยชูวา จงหนุนใจและเสริมกำลังเขาให้เข้มแข็ง เพราะเขาจะต้องนำหน้าชนชาตินี้ข้ามไป และจะทรงให้เขาเข้ายึดครองแผ่นดินที่เจ้ามองเห็นนั้น”~เฉลยธรรมบัญญัติ 3:28 THSV11

19.เราควรหนุนใจกันและกันให้ตั้งมั่นคงอยู่ในพระคุณของพระเจ้าเสมอไป

“ข้าพเจ้าได้เขียนอย่างย่อๆ มาถึงพวกท่านผ่านทางสิลวานัส ซึ่งข้าพเจ้าถือว่าเป็นพี่น้องที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง ข้าพเจ้าหนุนใจและเป็นพยานแก่พวกท่านว่า นี่เป็นพระคุณแท้ของพระเจ้า จงตั้งมั่นคงอยู่ในพระคุณนั้น” ~1 เปโตร 5:12 THSV11

20.เราควรหนุนใจและเสริมสร้างกันขึ้น ตามอย่างที่ทำมาแล้วตลอดไป

“เพราะฉะนั้นจงหนุนใจกัน และต่างคนต่างจงเสริมสร้างกันขึ้น ตามอย่างที่พวกท่านกำลังทำอยู่นั้น” ~1 เธสะโลนิกา 5:11 THSV11

21.เราควรส่งคนบางคนไปหนุนใจผู้ที่เราต้องการหนุนใจแม้ว่าตัวเราเองไปไม่ได้ก็ตาม

“ข้าพเจ้าส่งเขาไปหาท่านทั้งหลายเพราะเหตุนี้ คือเพื่อให้ท่านรู้ความเป็นอยู่ของเรา และเพื่อให้เขาหนุนใจพวกท่าน” ~เอเฟซัส 6:22 THSV11

“ข้าพเจ้าส่งเขาไปหาท่านก็เพราะเหตุนี้ คือเพื่อให้พวกท่านทราบความเป็นอยู่ของเรา และเพื่อให้เขาหนุนใจพวกท่าน” ~โคโลสี 4:8 THSV11

22.เราควรหนุนใจและปลุกใจให้พี่น้องของเราไม่ขาดประชุมและไปนมัสการพระเจ้าที่คริสตจักร

“อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกท่านก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว” ~ฮีบรู 10:25 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชยานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:    “Evangelize” หรือ “Evangelizing ” คืออะไร?          พระคัมภีร์สอนในเรื่องนี้ไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ: “พระคัมภีร์สอนในเรื่อง “Evangelize”หรือ “Evangelizing ” ไว้ดังนี้

คำว่า evangelize” มาจากคำภาษาลาตินว่า evangelizare” to spread or preach the Gospel” (เผยแพร่หรือประกาศข่าวประเสริฐ หรือพระกิตติคุณ) ซึ่งมีรากศัพท์มาจากคำกรีก evangelizesthai” หรือ “นำข่าวดีมา” (bring good news.)

ในสมัยใหม่ คำนี้ หมายความว่า

  1. “พยายามชักชวนให้คนมากลายเป็นคริสเตียน” (to try to persuade people to become Christians)
  1. “พูดคุยกันว่า คุณคิดว่าบางสิ่งนั้นดีมากสักเพียงใด” (to talk about how good you think something is)

แต่คำนิยามที่นิยมมากที่สุดของ Evangelism” คือ

“การเผยแพร่ข่าวดีเกี่ยวกับชีวิต ความตาย และการเป็นขึ้นจากตายของพระเยซูคริสต์ และช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้มาเชื่อวางใจในพระองค์” ( the practice of spreading the good news about the life, death, and resurrection of Jesus Christ and helping others come to faith in him.)

  1. พระเยซูคริสต์บัญชาให้สาวกและผู้เชื่อในพระองค์ออกไปประกาศข่าวดีของพระองค์

มธ.28:19-20  “เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายจงออกไปและนำชนทุกชาติมาเป็นสาวกของเรา จงบัพติศมาพวกเขาในพระนามของพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณบริสุทธิ์ 20และสอนพวกเขาให้ถือรักษาสิ่งสารพัดที่เราสั่งพวกท่านไว้ และนี่แน่ะ เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค”

  1. พระเยซูคริสต์บัญชาให้เราออกไปประกาศข่าวดีนี้ จนสุดปลายแผ่นดินโลก

 มาระโก 16:15 “พระองค์ตรัสสั่งพวกสาวกว่า “พวกท่านจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน”

  1. พระเยซูคริสต์โดยทางพระวิญญาณ จะช่วยให้คนเข้าใจความหมายที่แท้จริงของข่าวดี

ลูกา 24:45-47 “แล้วพระองค์ทรงช่วยให้ใจของพวกเขาสว่างเพื่อจะได้เข้าใจพระคัมภีร์ 46พระองค์ตรัสกับเขาว่า “มีถ้อยคำเขียนไว้อย่างนั้นว่า พระคริสต์จะต้องทนทุกข์และเป็นขึ้นจากตายในวันที่สาม 47และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์เรื่องการกลับใจใหม่ เพื่อการยกบาป โดยเริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม” 

  1. เราต้องไม่อายในการประกาศข่าวดีนี้ต่อคนทุกคน

โรม1:16 “ข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องข่าวประเสริฐ เพราะว่าข่าวประเสริฐนั้นเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความรอด พวกยิวก่อน แล้วพวกกรีกด้วย”

  1. คนจะรอดจากบาปและโทษบาปเมื่อได้ยินข่าวดีนั้นจากผู้ที่ออกไปประกาศ

โรม10:14-15 “แต่พวกที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์ได้อย่างไร? และพวกที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์ได้อย่างไร? และเมื่อไม่มีผู้ประกาศ เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไร? และถ้าไม่มีใครใช้พวกเขาไป เขาจะไปประกาศได้อย่างไร? ตามที่มีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “เท้าของคนเหล่านั้นที่นำข่าวดีมา ช่างงามจริงๆหนอ”

  1. เราต้องตระหนักว่าเราเป็นดุจทูตของพระคริสต์ ในการนำข่าวดีไปถึงคนทั้งปวง

2 โครินธ์ 5:20 “เพราะฉะนั้นเราจึงเป็นทูตของพระคริสต์โดยที่พระเจ้าทรงขอร้องท่านทั้งหลายผ่านทางเรา เราจึงวิงวอนท่านในนามของพระคริสต์ให้คืนดีกับพระเจ้า”

  1. เราต้องทำหน้าที่ของเราที่ต้องทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าวดีนี้ ให้สำเร็จ “

2 ทิโมธี 4:5 “แต่ท่านจงหนักแน่นมั่นคงทุกเรื่อง จงอดทนต่อความทุกข์ยาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงทำพันธกิจของท่านให้ครบบริบูรณ์”

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์