Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

อย่าตอบแทนความชั่วด้วยการทำชั่วที่มากกว่า!

ตอบแทนความชั่วด้วยความดี

“อย่าทำชั่วตอบแทนชั่วแก่ใครเลยแต่จงมุ่งทำสิ่งที่ใครๆ ก็เห็นว่าดี”

(Repay no one evil for evil,but give thought to do what is honorable in the sight of all.)                    (Romans 12:17)

คนอื่นอาจทำชั่วทำเลวต่อคุณ แต่คุณไม่จำเป็นต้องฉุดตัวคุณเองให้ลงต่ำด้วยการทำเช่นเดียวกับที่เขาทำกับคุณ

เขาทำผิดทำบาป ไม่ว่าจะต่อผู้ใดหรือต่อคุณ เขาต้องรับผลจากการกระทำอันนั้น แต่หากคุณกระทำต่อเขาในทำนองเดียวกัน คุณจะดีกว่าเขาตรงไหน?

การทำเลวของเขาต่อคุณไม่ได้ให้ความชอบธรรมแก่คุณที่จะทำเลวเช่นกันต่อเขา ถ้าคุณทำเลวเช่นนั้น คุณจะหลีกพ้นจากผลกรรมที่ตามมาอย่างไร?

ดังนั้น ขอให้คุณหนักแน่นในยามที่ถูกยั่วยุให้ทำชั่ว ขอให้คุณเตือนสติตัวของคุณว่า การกระทำชั่วตอบแทนชั่ว จะนำแต่ผลอันเลวร้ายกว่าเดิมกลับคืนมาเสมอ

ขอให้คุณจงบอกกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า…

“จงอ่อนโยนไว้

                        อย่าให้โลกนี้ทำให้คุณแข็งกระด้าง

  จงอ่อนหวานไว้

                        อย่าให้ความขมขื่นขโมยความหวานชื่นของคุณไป

  จงอ่อนสุภาพไว้

                        อย่าให้ความเจ็บปวดทำให้คุณเกลียดชัง และหยาบคาย!”

จงจำไว้ว่า …

            “คุณไม่มีทางดูดีจากการพยายามทำให้คนอื่นดูแย่!”

            (You never look good trying to make someone else look bad.)

ดังนั้น ขอให้คุณจะไม่ทำสิ่งเลวร้าย โดยการตอบแทนความชั่ว ด้วยความชั่วที่มากกว่าเป็นอันขาด แต่จงกระทำในสิ่งที่เมื่อคนทั้งหลายได้เห็นแล้ว พวกเขาจะชื่นชมและยกย่องคุณจะดีกว่า!

ใช่ครับ!

เราอาจควบคุมสิ่งที่คนอื่นกระทำต่อเราไม่ได้  แต่เราคงสามารถควบคุมสิ่งที่เราจะกระทำตอบโต้ผู้อื่นได้เป็นแน่..

จริงไหมครับ?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ Christart.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ชนะเพราะความเป็นหนึ่ง

ทีมแข่งเรือยาว

“ที่ไหนมีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ที่นั่นมีชัยชนะอยู่เสมอ!”

(Where there  is unity,  there is always victory.)   -Publilius Syrus-

 

ทีมฟุตบอลนอกสายตาอาจกลายมาเป็นแชมป์ได้   หากว่าพวกเขาเล่นด้วยกันได้ดีอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ในขณะที่ทีมรวมดาราที่แต่ละคนต่างมีความเป็นตัวของตัวเองสูง แต่ไม่อาจหล่อหลอมจนกลายเป็นทีมได้ พวกเขาอาจไปไม่ถึงดวงดาว !

วงดนตรีหรือคณะนักร้องประสานเสียงก็เช่นกัน หากว่าสมาชิกในวงหรือในคณะสามารถฝึกซ้อมเล่นหรือร้องกันอย่างประสานกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน พวกเขาก็อาจจะสร้างผลงานชั้นเยี่ยมออกมาได้อย่างงดงาม ตรงข้ามกับวงหรือคณะนักร้องที่แม้แต่ละคนจะโดดเด่น แต่หากว่าทุกคนต่างมุ่งเน้นแค่ตนเอง ผลก็คือ วงหรือคณะอาจแตกสลายไปในที่สุด!

ทีมงานก็เช่นกัน …

หากทุกคนทำงานเข้ากันเป็นทีมได้ โดยประสานใจ ประสานความคิด ประสานมือ และประสานพลัง เพื่อทำให้บรรลุเป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ (นิมิต) ขององค์กร พวกเขาก็จะประสบความสำเร็จมากกว่า กลุ่มคนที่มีฝีมือเป็นเลิศ แต่ทำงานเป็นทีมร่วมกันไม่ได้!

Mattie Stepanek กล่าวไว้ว่า…

Unity is strength..   When there is teamwork and collaboration,  wonderful things can be achieved.”

(ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน คือ ความเข้มแข็ง เมื่อมีการทำงานร่วมกันแบบเป็นทีม และมีกระบวนการของการปฏิบัติงานร่วมกัน ที่เป็นรูปธรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ก็สามารถก่อเกิดผลลัพธ์ที่แสนเยี่ยมยอดขึ้นมาได้)

และนั่นก็คือ ชัยชนะของการทำงาน!

ดังนั้น หากวันนี้ คุณปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต (ไม่ว่าจะในด้านใด) ขอให้คุณรู้จักการอยู่ด้วยกันและทำงานร่วมกันเป็นทีมได้อย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แล้วคุณจะได้ลิ้มรสชาติแห่งชัยชนะในวันหนึ่งข้างหน้า!

…อาเมนไหมครับ?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ dailynews.co.th)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

หยิ่งผยอง หรือถ่อมใจ?

หยิ่งหรือถ่อม

“ความหยิ่งผยองสนใจแต่ว่า ใครเป็นฝ่ายที่ถูก แต่ความถ่อมใจนั้น ใส่ใจกันว่าอะไรคือสิ่งที่ถูก!”

(Pride is concerned with who is right. Humility is concerned with what is right.)  -Ezra Taft Benson-

 

เมื่อเราจดจ่อ กับเรื่องว่า “ใคร” ทำ ?  “ใคร” พูด ?    หรือ  “ใคร” เป็นต้นเหตุ?

ผลที่ตามมามักจะเป็นในเชิงลบ เช่น หากว่าคนอื่นเป็นฝ่ายผิด เราก็จะลงมือจัดการกับ “เขา” ในทันที และบางครั้งอาจมีการลงมือแรงกินเหตุหรือเกินควร หรือหากว่า ตัวเราเองเป็นฝ่ายผิด เราก็ปกป้องตัวเราเอง ไม่ยอมให้เขาจัดการกับ “เรา” ได้ง่าย ๆ

ผลก็คือ  เราอาจจะตอบโต้หรือตีโต้กลับจนเกิดความเสียหาย แก่ทั้ง 2 ฝ่าย

ปกติคนเรามักมีทวิมาตรฐานอยู่แล้ว นั่นคือ หากเรื่องนั้นเกิดความเสียหาย เพราะ “ใคร” บางคนทำ เราจะเล่นงานเขาไม่หยุด จนกว่าเราจะจัดการหรือจะกำจัดคน ๆ นั้นได้สำเร็จ ( โดยไม่ฟังเหตุผลของเขาเลย) แต่หาก “เรา” เป็นคนทำผิด เรามักจะขอให้ใช้เหตุผลพูดจากันดี ๆ หรือขอความเห็นใจ และยอมปล่อยให้กรณีนี้ผ่านไป! คนที่สนใจแต่ว่า “ใคร” ถูก “ใคร” ผิด มักจะเป็นคนที่หยิ่งผยองได้ง่าย หากว่าชอบใช้หลักการหรือกฎระเบียบควบคุมคนอื่น (ยกเว้นตน)  คนประเภทนี้มักมองข้ามความผิดพลาดของตัวเอง

เหมือนที่พระเยซูคริสต์เคยตรัสว่า นักศาสนาที่เป็นคนเย่อหยิ่งยโสเหล่านี้ มักจะมองเห็นผงในตาของพวกพี่น้องของตน แต่ตัวเองกลับมองไม่เห็นไม้ซุงทั้งท่อนอยู่ในตาของพวกเขาเอง แต่คนถ่อมใจนั้นตรงกันข้าม เขาจะไม่ตัดสินประณามหรือพิพากษาผู้อื่น โดยผลีผลาม เขาจะสำรวจดูตัวเองว่า ตัวเองนั้นมีอะไรที่ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นบ้าง เมื่อเห็นความผิดพลาดของผู้อื่นเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นเป็นบทเรียน

เขาตระหนักว่า เขาเองก็เป็นคนที่ไม่สมบูรณ์ เป็นคนอ่อนแอ และคนบาปเหมือนคนอื่น ๆ เขาไม่มีเหตุผลใด ที่จะพิพากษาตัดสิน “คน” ใด ๆ  นอกจากว่า จะรีบจัดการกับไม้ซุงทั้งท่อนในตาของตัวเองก่อนที่จะไปช่วยเขี่ย “ผง” ให้ออกจากนัยน์ตาของพี่น้องหรือของคนอื่น ๆ ด้วยความห่วงใยและจริงใจ

คนใจถ่อมคือ คนที่ใจของเขาอยู่ถูกที่ถูกทาง จำเพาะพระพักตร์พระเจ้า เขาจะจดจ่อว่า “อะไร” คือปัญหาและลงมือ “แก้ปัญหา” นั้น โดยไม่ได้มุ่งมั่นจะจัดการหรือเล่นงาน “ใครคนไหน” ที่ทำผิดลาด!

ดังนั้น พี่น้องที่รัก ขอให้เราเป็นคนถ่อมใจกันเถิด คือเป็นผู้ที่ใส่ใจและถ่อมใจในการกระทำตามพระทัยของพระเจ้า ที่ตรัสไว้ชัดเจน ให้สำเร็จ โดยจดจ่ออยู่กับว่า “อะไร”? (What) คือ สิ่งที่ถูก หากผิดก็แก้ไขใหม่ และไม่มัวมุ่งแต่จะจัดการกับ “คน” ที่ทำผิดพลาด ไม่ใช่มุ่งจะเอาเขาให้ตาย แต่ให้โอกาสและช่วยเขาให้ตั้งต้นใหม่ได้!

…จะดีไหมครับ?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ teejah)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

คนอดกลั้นที่ใจกว้าง!

อดทน อดกลั้น

“เราต้องพยายามให้หนักมากขึ้น เพื่อสร้างความเคารพนับถือระหว่างกันให้เกิดขึ้น นั่นคือ ให้มีทัศนะแห่งความอดทนด้วยความอดกลั้นต่อกันและกัน”

(We must work harder to build mutual respect, an attitude of tolerance, with forbearance one for another.   -Gordon B. Hinckley-

 

มีผู้นิยามคำว่า “อดกลั้น” (Forbearance) ไว้ว่า …

“คุณสมบัติของคนที่อดทนและสามารถจัดการกับคนที่อยู่ด้วยยากหรือสถานการณ์ที่ยากจะทนทานได้โดยไม่เกิดอารมณ์โกรธ!”

(The quality of someone who is patient and able to deal with a difficult person or situation without becoming angry.)

แล้วเราจะหาคุณสมบัติแห่งความอดกลั้นนี้ได้จากไหน?

ในพระคัมภีร์เปิดเผยว่า…ความอดกลั้นอดทน (Forbearance) นี้เป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์

หากเรายอมมอบถวายตัวของเราแด่พระเจ้าอย่างแท้จริง พระวิญญาณของพระเจ้าก็จะครอบครองและสถิตอยู่ในใจของเรา และพระองค์ก็จะค่อย ๆ ให้เกิดผลแห่งความอดกลั้นอดทนขึ้นในชีวิตของเรา จนผู้อื่นสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนตามวันเวลาหรือฤดูกาลในชีวิตของเรา ยิ่งเราใกล้ชิดกับพระเจ้ามากเท่าไร ผลแห่งความอดกลั้นอดทนของเราก็จะยิ่งใหญ่ชัดมากขึ้นเท่านั้น และหากว่าเรามีความอดกลั้นอดทนสูง เราก็จะกลายเป็นคนใจกว้างที่น่าเคารพนับถือ

ดังที่ Gretchen Rubin กล่าวว่า …  “Forbearance is a form of Generosity.” (การอดกลั้นอดทน เป็นรูปแบบหนึ่งของความใจกว้าง)

ขอให้วันนี้ เรามาสำแดงความใจกว้าง อย่างคนที่มีความอดกลั้นอดทนสูงต่อกัน

จะดีไหมครับ?

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ rustfitness.co.uk)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ความซื่อสัตย์ที่พระเจ้าต้องการจากคุณ

พระสัญญาของพระเจ้า

“พระเจ้าไม่ได้เรียกร้องว่า เราต้องประสบความสำเร็จ พระองค์เพียงแค่ประสงค์ให้เราเป็นคนซื่อสัตย์”

(God does not require that we be successful only that we be faithful.) -Teresa-

 

พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ซื่อสัตย์ ไม่ว่าเราจะสัตย์ซื่อต่อพระองค์หรือไม่ก็ตาม อ.เปาโลกล่าวว่า..

“ถ้า​เรา​ไม่‍มี​ความ​สัตย์‍จริง พระ‍องค์​ก็​ยัง​ทรง​ไว้​ซึ่ง​ความ​สัตย์‍จริง เพราะ​พระ‍องค์​จะ​ไม่​ทรง​เป็น​พระ‍องค์​เอง​ไม่‍ได้”

(if we are faithless, he remains faithful— for he cannot deny himself.)  ( 2ทิโมธี 2:13)

 ใช่ครับ แม้ว่าเราจะไร้ซึ่งความซื่อสัตย์ แต่พระองค์ก็ยังทรงสัตย์ซื่อ พระองค์ไม่อาจไม่เป็นพระองค์เองได้ และพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ซื่อสัตย์ทั้งวานนี้ วันนี้ และพรุ่งนี้ต่อไป

พระเจ้าเป็นพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อ หากเรามอบถวายชีวิตแด่พระเจ้าด้วยความไว้วางใจอย่างแท้จริง พระองค์ก็จะทำทำตามพันธสัญญาที่ทรงมอบไว้แก่เราทุกเรื่องอย่างแน่นอน   เพียงแต่ว่า อาจไม่ได้เป็นในรูปแบบในเวลา ในสถานที่ หรือในปริมาณอย่างที่เราคาดหวัง  แต่เราสามารถวางใจได้ว่า พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อที่จะประทานสิ่งดีให้แก่เราในบั้นปลายอย่างแน่นอน ไม่ว่าสถานการณ์ ณ เบื้องหน้าของเราในเวลานี้ จะดูย่ำแย่มากมายสักเพียงใด

ให้เราตระหนัก และยอมรับด้วยความเชื่อว่า เรากำลังอยู่ในจุดที่เราจำเป็นต้องเป็นอยู่ในเวลานี้อย่างเหมาะเจาะตามเวลาและแผนการของพระองค์ ขอให้เราซื่อสัตย์ต่อไป เพราะว่าพระเจ้ากำลังกระทำกิจในการดึงสิ่งที่ดีที่สุดออกจากชีวิตของเราผ่านเหตุการณ์ต่างๆและนำสิ่งที่คุณจำเป็นมากที่สุดเข้าสู่ชีวิตของเรา!

เราจึงควรมั่นใจได้ว่า พระเจ้าผู้ซึ่งสัตย์ซื่อ และนำตัวของเรามาไกลถึงเพียงนี้ พระองค์จะไม่ละทิ้งเราไว้กลางคัน แต่พระองค์จะนำเราให้ไปไกลกว่านี้ และดีกว่านี้อย่างมากมาย  เพียงขอให้เราเชื่อมั่นว่า …

“สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลง คนทั้งหลายล้วนเปลื่ยนไป แต่พระเจ้าจะยังคงสัตย์ซื่อเสมอไปในท่ามกลางความผันแปรเหล่านั้น”

(Things change people change. God remains faithful through it all.)

 

ในท้ายนี้ จึงขอให้เราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อวางใจในพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อ และจะดำเนินชีวิตของเราอย่างซื่อสัตย์เสมอไป

ดุจดังที่แม่ชีเทเรซาได้กล่าวไว้ว่า…

“พระเจ้าไม่ได้ทรงเรียกฉันให้ประสบความสำเร็จ แต่พระองค์ทรงเรียกฉันให้ซื่อสัตย์”

(God has not called me to successful, He called me to be faithful.)

ดังนั้น วันนี้ ให้คุณมุ่งมั่นที่จะเป็นคนที่ซื่อสัตย์ก่อนที่จะบรรลุความสำเร็จ(ถ้าเป็นได้)

…จะดีไหมครับ?

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/ lifeanswer,

(Cr. ภาพ desicomments.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

จงเป็นคนดีมีคุณธรรม

กุหลาบป่า

“จงเป็นคนดีมีคุณธรรม แต่อย่าเสียเวลามาก ในการพยายามพิสูจน์ความจริงนั้น”

(Be a good person but don’t’ waste too much Time trying to prove it.)

คนดีก็คือคนดี  ไม่ต้องพิสูจน์อะไรมากไปกว่าการลงมือทำดีให้เห็นตามธรรมชาติของคนดี!

คนดีไม่ได้ทำดีเพราะว่า เขาถูกเรียกร้องให้ทำดี เขาทำดีอยู่แล้ว แม้ว่าจะไม่มีใครเรียกร้อง

คนดีไม่ได้ทำดีเพราะว่า เขาถูกกดดันหรือบังคับ แต่เขาทำดีเพราะว่า เขามีนิสัยที่จะทำเช่นนั้นอยู่แล้ว

คนดีไม่ได้ทำดีเพราะว่า เขากลัวว่าจะไม่เป็นที่ยอมรับ แต่เขาทำดีเพราะว่า ความดีในตัวเขานำให้เขาทำออกไปเอง

คนดีไม่เรียกร้องสิ่งใดตอบแทน

คนดีย่อมไม่รอให้ถูกสถานการณ์กดดันก่อนจึงจะลงมือทำดี

คนดีทำดีออกไปด้วยความรักที่มาจากภายใน ยิ่งหากว่า คนดีผู้นั้นมีความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าด้วย เขาก็จะยิ่งมีความเมตตาอันไม่จำกัดผลักดันให้เขาทำดี ดุจน้ำพุที่พุ่งขึ้นมาตลอดเวลา ผ่านคำพูด และการกระทำของเขา ทั้งต่อคนที่น่ารักและคนที่ไม่น่ารัก

ใช่ครับ!

คนดีมีความสุขจากการให้ การช่วย การบรรเทาหรือการทำให้คนที่อยู่เบื้องหน้ามีความสุขหรือพ้นจากความทุกข์ยากลำบากที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่

คำว่า “ดี” หมายความว่า “มีลักษณะที่เป็นไปในทางที่ต้องการ น่าปรารถนา น่าพอใจ สวยงาม เรียบร้อย เพราะ  จัด เก่ง ชอบ หรืออยู่ในสภาพปรกติ”

ส่วนคำว่า “คุณธรรม” หมายความว่า “สภาพคุณงามความดี” หรือ หลักการแห่งศีลธรรม (moral principles) สังคมต้องการคนดีที่มีคุณลักษณะดังกล่าว

คุณพร้อมจะเป็นคนดีมีคุณธรรมเช่นนี้สักคนหนึ่งหรือไม่?

ตอบที!

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

สบายๆ VS ขยันขันแข็ง!

สบายหรือขยัน

“อะไรที่เราหวังว่า จะทำมันได้ง่าย ๆ อย่างสบาย ๆ เราต้องเรียนรู้จักที่จะทำสิ่งนั้นด้วยความขยันขันแข็งมาก่อน!”

(What we hope to do with ease, We must learn first to do with diligence.) -Samuel  Johnson-

 

…ใคร ๆ ก็อยากได้งานง่าย ๆ สบาย ๆ   แต่จะเป็นอย่างนั้นได้ง่าย ๆ หรือ?

…ใคร ๆ ก็อยากได้เกียรติได้ตำแหน่ง   แต่ไม่อยากเหนื่อย ไม่อยากลำบาก จะเป็นไปได้หรือ?

…ใคร ๆ ก็อยากได้ผลตอบแทนเยอะ ๆ   แต่อยากลงทุนน้อยไม่อยากทุ่มเท จะเป็นไปได้หรือ?

ดุจดังที่มีผู้กล่าวไว้ว่า…“คุณไม่อาจมีฝันที่จะได้เงินล้าน ด้วยการทำงานที่ได้ค่าจ้างน้อยที่สุด!”

คุณต้องขยัน และฉลาดมากกว่านั้น ฝันจึงจะเป็นจริงได้!

เช่นเดียวกัน สำหรับคนบางคนที่ต้องการเชื่อพระเจ้า แต่ไม่มีเวลาที่จะแสวงหาพระองค์ เพื่อจะรู้จักพระองค์ หรือไม่ต้องการลำบากใจ หรือลำบากตัวในการปฏิบัติตนในฐานะคริสเตียน  จะเป็นไปได้หรือ?

มีผู้กล่าวไว้ว่า….

“พระเจ้าคือ ผู้ประทานรางวัลให้แก่ผู้ที่ขยันขันแข็ง ในการแสวงหาพระองค์”

(God is a Rewarded of those who Diligently seek Him!)

ดังนั้น คุณต้องขยันขันแข็งในการแสวงหาพระเจ้าและแผ่นดินของพระองค์ก่อน คุณจึงจะเจริญเติบโต และได้รับพระพรฝ่ายจิตวิญญาณจากพระเจ้า!

จริง ๆ แล้วคนที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมายทั้งทางโลกและทางธรรม(ฝ่ายจิตวิญญาณ) ส่วนใหญ่มักจะไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์ หรือของประทานอะไรมากมาย แต่พวกเขามักจะเป็นคนที่ขยันและเต็มใจทำงานหนัก และหากว่ายิ่งฉลาด และซื่อสัตย์ด้วยละก็ พวกเขาก็ไม่มีอะไรต้องกังวลเรื่องอนาคตอีกเลย

ใช่ครับ! ทุกคนที่สบายจริง ๆ ในบั้นปลาย ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ขยันเรียนรู้ สู้งานและทุ่มเทเอาจริงเอาจังการงานที่พวกเขาทำมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เบื้องต้น

ฉะนั้น หากว่าคุณอยากจะมีอนาคตที่สบาย ๆ คุณต้องขยันทุ่มเททำงาน พัฒนาทั้งตัวคุณเองและงานที่คุณทำอยู่ด้วยสติปัญญาที่มาจากพระเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเลยจนถึงวันนั้น

…จะดีไหม?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr. ภาพ petitcabinetdecuriousites.com)