Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ความสำเร็จคืออะไร?

Children watching monsoon cloud formation

ความสำเร็จคืออะไร?

“ก่อนคุณเป็นผู้นำ ความสำเร็จคือเรื่องของการทำให้ตัวคุณเองเติบโต เมื่อคุณกลายเป็นผู้นำ ความสำเร็จเป็นเรื่องของการทำให้ผู้อื่นเติบโต!”

“Before you are a leader, success is all about growing yourself. When you become a leader, success is all about growing others.” – Jack Welch

ตอนคุณยังเด็ก คุณคิดถึงแต่ตัวเอง

ตอนคุณโตขึ้น คุณเริ่มคิดถึงคนอื่น

ตอนคุณเป็นผู้ใหญ่ คุณกลายเป็นผู้ให้

ตอนคุณเป็นพ่อเป็นแม่ คุณคือผู้เสียสละแบบลืมตัวเอง!

 

เช่นเดียวกับด้านจิตวิญญาณ

เมื่อคุณยังเป็นทารก คุณไม่คิดถึงใคร

เมื่อคุณเป็นเด็ก คุณคิดถึงแต่ตัวเอง

เมื่อคุณเติบโตเป็นผู้ใหญ่คุณจะคิดถึงคนอื่น

(หรืออย่างน้อยก็พอ ๆ กับที่คุณคิดถึงตัวคุณเอง หรือมากกว่าที่คุณคิดถึงตัวเอง)

…คุณจะกลายเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะตามธรรมชาติหรือโดยการแต่งตั้ง

และหากคุณเป็นผู้นำแท้ที่พระเจ้าทรงเรียกและแต่งตั้ง คุณจะมีใจปรารถนาที่จะเสริมสร้างและพัฒนาผู้อื่นให้เติบโตจนเป็นผู้นำที่สามารถสร้างผู้นำได้เช่นกัน!

 

 สิ่งที่คุณจะทำคือ

  1. คุณจะเลือกคนบางคน (ที่คุณเห็นว่ามีหน่วยก้านในด้านใจสู้ และหิวกระหายในการรับใช้) และจัดแยกเวลาออกมาเพื่ออุทิศตัวเสริมสร้างวางรากฐานชีวิตของคน ๆ นั้น เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง (อย่างน้อยสัปดาห์ละ3วัน)
  2. คุณจะใส่ใจและจดจ่อกับความสามารถ ทักษะ หรือของประทานของเขา และมุ่งเปิดโอกาส หาสนาม หรือช่องทางให้เขาได้ฝึกฝนใช้สิ่งที่เขามีอยู่แล้ว ในการรับใช้ อย่างเต็มที่
  3. คุณจะเป็นดุจครูที่ปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมใหม่แห่งการเรียนรู้ และวิถีแห่งการร่วมสามัคคีธรรมกับพี่น้อง(อย่างน้อยทุกสัปดาห์หรือหากได้ทุกวันก็ยิ่งเป็นการดี)ขึ้นในชีวิตของเขา
  4. คุณจะลงทุนชีวิตกับเขาทั้งทางตรงทางอ้อม โดยการประพฤติหรือกระทำทุกอย่างที่คุณพูดคุณสอนให้เขาได้เห็นเป็นตัวอย่างชัดพอที่เขาจะเลียนแบบและทำตามได้อย่างเป็น ลำดับขั้นตอน
  5. คุณจะเป็นพี่เลี้ยงติดตาม ประเมินความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณของเขาอย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงใยโดยไม่ให้เกิดความรำคาญ หรือออกอาการควบคุมหรือก้าวก่ายชีวิตของเขาอย่างเกินเลย
  6. คุณจะตอกย้ำถึงค่านิยมของคนของพระเจ้าแก่เขาอยู่เป็นระยะ ๆ ทั้งเป็นการส่วนตัว หรือในที่ประชุมพบปะต่างๆ เพื่อให้เขาตื่นตัวในการประพฤติปฏิบัติตนตามที่ได้รับการวางรากและวางแบบมาแล้ว
  7. คุณจะเป็นดุจโค้ชฝึกฝนให้เขาให้สามารถยกระดับความคิดหรือทัศนคติของเขาให้สูงขึ้นกว่าปัญหาและสถานการณ์ต่าง ๆที่ เขาเผชิญอยู่ โดยมองจากสายตาของพระเจ้า และสามารถมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ จากเหตุการณ์ หรือสถานการณ์(ไม่ดี)ที่เผชิญอยู่ในขณะที่กำลังการกระทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า
  8. คุณจะสำรวจความต้องการและภาระใจของเขา และคนอื่น ๆ ในคริสตจักร(หรือในชุมชน)และฝึกฝนอบรมเขาให้สามารถสนองตอบความต้องการเหล่านั้นได้อย่างเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ
  9. คุณจะเสริมสร้างและหมั่นพัฒนาเขาจนกระทั่งเขากลายเป็นผู้ใหญ่ในด้านจิตวิญญาณที่รู้จักวิเคราะห์ ตัดสินใจเลือกสรรวิถีและวิธีที่ถูกต้องเหมาะสมกับตัวเขาและสามารถรับใช้ร่วมกันได้ประดุจทีม
  10. คุณจะจะจัดเวลา พูดคุยพบปะสื่อสารกับเขาอย่างใกล้ชิดอย่างใส่ใจ และวางแผนร่วมกัน และมอบหมายงานให้ทำอย่างชัดเจนพร้อมสนับสนุนและสอนให้เขารู้จักแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าก่อนสิ่งอื่นใด และวางใจรอคอยพระองค์จนถึงที่สุด

หากคุณได้กระทำตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ด้วยความรัก ความเชื่อ และความหวังในตัวเขา โดยการให้กำลังใจ ช่วยเหลือ ชี้แนะ เคียงข้างเขา จนเขามีวุฒิฝ่ายวิญญาณ และไปช่วยผู้อื่นให้รอด เสริมสร้างและพัฒนาเขาให้เจริญสืบต่อไป

…คุณก็คือผู้นำตัวจริง ที่ประสบความสำเร็จในสายพระเนตรของพระเจ้า!

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย!

%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%97%e0%b8%aa%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%94%e0%b9%87%e0%b8%88%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%88%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b8%b9

ขอน้อมเกล้าถวายความอาลัย!

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงสถิตอยู่ในใจตราบนิรันดร์

ปวงข้าพระพุทธเจ้า ขอน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

ข้าพระพุทธเจ้าคณะผู้อภิบาลและสมาชิกคริสตจักรแห่งความสุข

(Church of Joy)

 

 

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

จะทำให้ลูกหลานเจริญพัฒนาได้อย่างไร?

%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%92%e0%b8%99%e0%b8%b2%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%81%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b2%e0%b8%99

จะทำให้ลูกหลานเจริญพัฒนาได้อย่างไร?

 “สิ่งที่จะทำให้ลูกหลานของคุณเป็นมนุษย์ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ได้มาจากสิ่งที่คุณทำเพื่อพวกเขา แต่มาจากสิ่งที่คุณได้ฝึกสอนพวกเขาให้ทำเพื่อตัวพวกเขาเอง”

(It is not what you do for your children, but what you have taught Them to do for themselves that will make them successful Human beings.)

ไม่ว่าจะเป็นบ้านหรือในคริสตจักร เราต้องฝึกและสอนคนในบ้านและในคริสตจักรให้รู้จักทำสิ่งที่เขาควรทำ และไปในทิศทางที่เขาควรจะเดินไป!

อย่างเช่น อ.เปาโล เตือนทิโมธีให้ระวังตัวกับคำสอนที่ผิดเพี้ยน ซึ่งเข้ามาในคริสตจักร และทำให้คนบางคนละทิ้งความเชื่อ(ที่ถูกต้อง) ไปติดตามคำสอนที่ล่อลวงจากมารผ่านมาทางคนหน้าซื่อใจคด และมีจิตสำนึกตายด้านที่โกหกผู้อื่นแบบหน้าตาเฉย

อ.เปาโล กำชับให้ทิโมธีชี้แจงเรื่องดังกล่าวแก่ผู้น้องในคริสตจักร และสอนพวกเขาให้เติบโตในความจริงแห่งความเชื่อและหลักคำสอนอันดี และให้พยายามป้องกันและห่างไกลจากเรื่องเท็จเทียมเหล่านั้น

อ.เปาโล กำชับทิโมธีเองให้ฝึกฝนตนเองในทางของพระเจ้า

“ถ้าท่านให้คำ‍แนะ‍นำเหล่า‍นี้แก่พี่‍น้อง ท่านก็จะเป็นผู้ปรน‌นิ‌บัติที่ดีของพระ‍เยซู‍คริสต์ เจริญเติบ‍โตด้วยถ้อย‍คำแห่งความเชื่อ และหลักคำ‍สอนอันดีตามที่ท่านประ‌พฤติตามแล้วนั้น อย่าเกี่ยว‍ข้องกับนิยายของพวกไม่นับ‍ถือพระ‍เจ้า และเรื่องเล่าที่ไร้‍สาระ แต่จงฝึกตนในทางพระ‍เจ้า” (1ทิโมธี 4:6-7)

สิ่งที่ อ.เปาโลตรากตรำพร่ำสอนทิโมธีและผู้เชื่ออื่นๆ ทำให้พวกเขากลายเป็นหลักและเป็นแบบอย่างให้แก่บรรดาคนที่มองดูพวกเขาอยู่

อ.เปาโล ปล้ำสู้ฝึกฝนพวกทิโมธีให้กำชับและสั่งสอน สิ่งที่ท่านได้สอนแก่คนอื่น ๆ ต่อๆ ไป

“จงสั่งและสอนสิ่ง‍เหล่า‍นี้ อย่าให้ใครหมิ่น‍ประ‌มาทความอ่อน‍วัยของท่าน แต่จงเป็นแบบ‍อย่างแก่บรร‌ดาผู้เชื่อ ทั้งในด้านวาจาและการประ‌พฤติ ทั้งในด้านความรัก ความเชื่อ และความบริ‌สุทธิ์ จงอุทิศเวลาให้กับการอ่านพระ‍คัมภีร์ในที่ประ‌ชุม ให้กับการเทศนาและสั่ง‍สอนจน‍กว่าข้าพ‌เจ้าจะมา อย่าละเลยของ‍ประ‌ทานที่มีอยู่ในตัวท่าน ซึ่งประ‌ทานแก่ท่านตามคำเผย‍พระ‍วจนะ เมื่อคณะผู้‍ปก‍ครองวางมือบนตัวท่าน”  (1ทิโมธี 4:11-14)

การอุทิศทุ่มเทเวลาของ อ.เปาโลต่อทิโมธีและพวก ได้ทำให้พวกเขามีความก้าวหน้าในฝ่ายจิตวิญญาณออกมาให้ประจักษ์ แต่ อ.เปาโล ก็ไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น แต่ท่านยังได้กำชับพวกเขาให้ดูแล และพัฒนาตัวเองให้เจริญเติบโตมากยิ่งขึ้นต่อๆ ไป เพื่อว่าเขาจะไม่แค่ช่วยตัวของเขาเองเท่านั้น แต่ยังจะได้ช่วยให้ผู้อื่นให้รอดด้วย

“จงปฏิ‌บัติหน้า‍ที่เหล่า‍นี้และทุ่ม‍เทตัวเองให้กับหน้า‍ที่ดังกล่าว เพื่อให้ทุกคนเห็นความก้าว‍หน้าของท่าน 16จงเอา‍ใจ‍ใส่ทั้งตัวท่านและคำ‍สอนของท่าน จงประ‌พฤติสิ่ง‍เหล่า‍นี้อยู่เสมอ เพราะเมื่อทำอย่าง‍นี้แล้ว ท่านจะสามารถช่วยทั้งตัวท่าน และทุกคนที่ฟังท่านให้รอดได้”  (1ทิโมธี 4:15-16)

ดังนั้น หากว่าคุณปรารถนาที่จะเห็นครอบครัวและคริสตจักรของคุณก้าวหน้า และเจริญพัฒนาไปไกลอย่างยาวนานและยั่งยืน คุณต้องไม่เพียงทำอะไรให้ลูกหลานของคุณแค่นั้น แต่คุณจะทุ่มเทสั่งสอนและฝึกฝนพวกเขาให้มีความเจริญพัฒนาในฝ่ายจิตวิญญาณจนเติบโตแข็งแรง สามารถช่วยตัวเอง และช่วยผู้อื่นต่อ ๆ ไปได้ด้วย แล้วพวกเขาจะกลายเป็นคริสตชนที่เจริญพัฒนาและประสบความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจ!

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/ lifeanswer

(Cr.ภาพ www.pinterest.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ทำอย่างไรจึงจะได้ความไว้วางใจมา?

%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b9%89%e0%b9%83%e0%b8%88%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89

ทำอย่างไรจึงจะได้ความไว้วางใจมา?

 “ความนับถือ ต้องคู่ควรกับการได้รับ ความซื่อตรง ต้องได้รับการชื่นชม

ความไว้วางใจ ต้องทำให้ได้มา ความจงรักภักดี ต้องสนองคืนกลับไป!”

(Respect is earned. Honesty is appreciated. Trust is gained. Loyalty is returned.)

…คนบางคนคาดหวังความนับถือจากผู้อื่น แต่ตัวเองกลับทำตัวไม่น่าเคารพนับถือ

…คนบางคนเรียกหาความจงรักภักดี แต่ตัวเองกลับปราศจากความซื่อตรง และความจริงใจที่มอบให้แก่ผู้อื่น

…คนบางคนเรียกร้องขอความไว้วางใจ  แต่ตัวเองกลับเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก!

หากเราต้องการได้รับความเคารพนับถือ ได้รับความชื่นชม ได้รับความไว้วางใจ และได้รับความจงรักภักดี เราต้องทำตัวของเราให้คู่ควรก่อน!

เราต้องเป็นคนที่มีนิสัยในการทำสิ่งที่ดี และถูกต้อง ทั้งในยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่น และในยามที่ไม่มีใครมองหรือมองไม่เห็น!

เราต้องเป็นคนที่ทำ(ดี) อย่างที่เราพูด ไม่ใช่คนที่พูดอย่าง แต่ทำอีกอย่างหรือออกอาการประเภทท่าดีทีเหลว  เพราะคนที่ไม่มั่นคงในการประพฤติ หรือไม่สอดคล้องกันในสิ่งที่เขาพูดและสิ่งที่เขาทำ ย่อมไม่ใช่คนที่คู่ควรต่อการให้เกียรติ!

เราต้องเป็นคนที่รักษาสัจจะวาจา และพร้อมรับผิดชอบต่อการพูดจา ของตนเอง ดังนั้น จงให้คำพูดของเราเป็นคำพูดที่จริงถูกต้องและซื่อตรงคงอยู่ตลอดไป

   คนที่พูดความจริงก็ให้การอย่างซื่อสัตย์ แต่พยาน‍เท็จกล่าวคำหลอก‍ลวง” (สุภาษิต 12:17)

    “ปากที่พูดจริงทนอยู่ได้เป็นนิตย์ แต่ลิ้นที่พูดมุสาอยู่ได้เพียงประ‌เดี๋ยวเดียว” (สุภาษิต 12:19)

และเมื่อใครก็ตามที่เราได้พูดหรือเขียนให้สัญญาอะไรออกไป เราจะต้องทำตามคำมั่นสัญญา ถึงแม้ว่าจะต้องจ่ายราคาสูงหรือขาดทุนก็ตาม เพราะการขาดทุนเช่นนั้นจะเป็นการนำกำไรกลับมาสู่ตัวของเราในบั้นปลาย!

วันนี้ คุณได้ประพฤติตัวคู่ควรต่อการได้รับความเคารพ ให้เกียรติจากผู้อื่นแล้วหรือยัง?

ลองทำดูสิครับ แล้วจะพบว่า ทำเช่นนั้นช่างคุ้มค่าจริง ๆ !

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/ lifeanswer

(Cr.ภาพ pinterest.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

จะเป็นแบบอย่างที่ดีได้อย่างไร?

Being together

“จงเป็นแบบอย่างที่ดี  จงแสดงความกรุณาต่อคนที่ไร้ความเมตตา  จงให้อภัยแก่คนที่ไม่สมควรจะได้รับ  จงรักอย่างไม่มีเงื่อนไข  การกระทำของคุณจะสะท้อนตัวตนของคุณอยู่เสมอ!”

(Be an example… Show kindness to unkind people. Forgive people who don’t deserve it.  Love unconditionally. Your actions always reflect who you are.)

คนบางคนเป็นอย่างที่เขาเป็นอยู่ เพราะเขาไม่มีหรือไม่เคยเห็นแบบอย่างที่ดีกว่าที่เขาเคยประสบมา!

ในอดีต… เขาเห็นแบบอย่างใกล้ตัวของเขาเป็นอย่างไร เขาก็เลียนแบบหรือกระทำตามนั้นโดยไม่รู้ตัว ซึ่งหากว่าเขามีแบบอย่างที่ดีกว่าที่เขาเคยมี  วันนี้ของเขาก็น่าดีกว่าวันวาน นั่นคือ เขาคงจะเป็นคนที่มีคุณลักษณะนิสัยที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานี้!

ดังนั้น ที่ผ่านมาหากเขาเลือกเกิด หรือเลือกโตด้วยตนเองไม่ได้ ก็ขอให้เรายอมรับตัวของเขาที่เป็นอยู่ในเวลาปัจจุบัน เพราะเขาคือผลิตผลของอดีต (ที่ทำตามแบบอย่างที่เขาเคยเห็นไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม) ด้วยเหตุนี้  ขอให้วันนี้เรามีใจเมตตาต่อพวกเขา โดยมาทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีกว่าที่พวกเขาเคยเห็น

ดุจดังคำกล่าวที่ว่า…

“เด็กผู้ชายจำเป็นต้องได้เห็น(แบบอย่างของ) สุภาพบุรุษ(บุรุษที่ดี) เพื่อที่เขาจะได้กลายเป็นสุภาพบุรุษ(บุรุษที่ดี) เช่นกัน!”

(Boys have to see A good man In order to turn A good man.)

ดังนั้น การเป็นแบบอย่างที่ดีของเรา จึงมีสำคัญมากพอพอกับที่การเป็นแบบอย่างที่ดีของผู้อื่นนั้นมีอิทธิพลต่อความคิดและการกระทำของเราเช่นกัน!

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เราเห็นและลงมือทำตามในหลาย ๆ เรื่อง ยกตัวอย่างที่บันทึกไว้ในพระธรรม 1เปโตร ว่า พระคริสต์ทรงทนทุกข์เพื่อเป็นแบบอย่างให้เราดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์

“เพราะพระ‍เจ้าทรงเรียกพวก‍ท่านเพื่อจุดประ‌สงค์นี้ เพราะ‍ว่าพระ‍คริสต์ทรงทน‍ทุกข์เพื่อพวก‍ท่าน พระ‍องค์ทรงวางแบบ‍อย่างแก่พวก‍ท่าน เพื่อท่านจะได้ดำ‌เนินตามรอย‍พระ‍บาทของพระ‍องค์” (1เปโตร 2:21)

คำถามคือ พระองค์ทรงวางแบบอย่างอะไรไว้ให้แก่เรา?

  1. พระองค์ไม่ทำบาป
  2. พระองค์ไม่ล่อลวง (หรือปล่อยให้คำล่อลวงออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์)
  3. พระองค์ไม่ได้กล่าวคำหยาบคายตอบโต้ผู้ใด
  4. พระองค์ไม่ทรงขู่อาฆาตในยามที่ผู้อื่นทำให้พระองค์ทนทุกข์
  5. พระองค์ทรงมอบพระองค์เองไว้แก่พระเจ้า ด้วยความไว้วางใจ
  6. พระองค์ทรงยอมรับโทษ เกิดบาดแผลและตายแบกรับบาปของเราไว้ที่พระกายของพระองค์ เพื่อไถ่บาปของเรา
  7. พระองค์ทรงพร้อมเลี้ยงดูจิตวิญญาณของเรา และช่วยเราให้ดำเนินชีวิตในความชอบธรรม

 “พระ‍องค์ไม่‍ได้ทรงทำบาปเลย และไม่พบการล่อ‍ลวงในพระ‍โอษฐ์ของพระ‍องค์เลย  เมื่อเขากล่าวคำหยาบ‍คายต่อพระ‍องค์ พระ‍องค์ไม่‍ได้ทรงกล่าวตอบเขาด้วยคำหยาบ‍คายเลย เมื่อพระ‍องค์ทรงทน‍ทุกข์ พระ‍องค์ไม่‍ได้ทรงขู่อาฆาต แต่ทรงมอบพระ‍องค์เองไว้แก่พระ‍เจ้าผู้ทรงพิพาก‌ษาอย่างยุติ‍ธรรม พระ‍องค์เองได้ทรงรับแบกบาปทั้ง‍หลายของเราไว้ในพระ‍กายของพระ‍องค์ ที่ต้น‍ไม้นั้น เพื่อว่าเราจะตายต่อบาปได้ และดำ‌เนินชีวิตเพื่อความชอบ‍ธรรม ด้วยบาด‍แผลของพระ‍องค์ พวก‍ท่านจึงได้รับการรักษาให้หาย เพราะ‍ว่าพวก‍ท่านได้หลง‍เจิ่นไปเหมือนแกะ แต่เดี๋ยว‍นี้ได้กลับ‍มา‍หาพระ‍ผู้‍เลี้ยงและผู้‍ดู‍แลวิญ‌ญาณ‍จิตของพวก‍ท่านแล้ว”  (1เปโตร2:22-25)

ดังนั้น วันนี้ ขอให้ชีวิตของเรามาเลียนแบบตัวอย่างอันล้ำเลิศของพระองค์ และลงมือปฏิบัติตาม โดยไม่รีรอ  เพราะเราเชื่อมั่นว่า การกระทำตามแบบอย่างของพระคริสต์นี้ จะส่งผลดีต่อบรรดาผู้คนที่กำลังเฝ้าดูชีวิตของเราอยู่ (ไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม) รวมทั้งจะส่งผลดีกลับคืนมาสู่ตัวของเราเองในบั้นปลายด้วย

เห็นด้วยไหมครับ?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ faithgateway.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

พระเจ้าอยู่ที่ไหน ในยามที่เราเผชิญความยากลำบาก?

%e0%b9%80%e0%b8%9c%e0%b8%8a%e0%b8%b4%e0%b8%8d%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b3%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%81

“ความยากลำบาก ไม่ได้มีไว้เพื่อดึงให้คุณห่างไกลจากพระเจ้า แต่ตรงกันข้าม เพื่อดึงคุณให้เข้ามาใกล้พระองค์”

(Trials were never suppose to make us draw further away from God but instead closer to Him.)

เรามักเผชิญกับคำถามว่า … “ทำไมพระเจ้าปล่อยให้เราเผชิญกับความยากลำบาก”

หรือ หนักเข้าไปอีกก็คือ “ทำไมพระเจ้านำเราเข้าไปสู่ความทุกข์ทรมานของชีวิต โดยไม่ช่วยเรา?”

และ “พระเจ้าอยู่ที่ไหน ในยามที่เรารู้สึกโดดเดี่ยว สิ้นหวังเช่นนั้น?”

เราทุกคนคงมีโอกาสได้เผชิญกับความยุ่งยากหรือทุกข์ลำบากอย่างน้อยก็สักครั้งหนึ่งในชีวิต และในขณะที่เผชิญกับความทุกข์ยากลำบากเช่นนี้ เรามักมีปฏิกิริยาตอบสนองในทางใดทางหนึ่งต่อไปนี้

  1. โกรธ และขมขื่นต่อพระเจ้า
  2. พยายามจะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น (แม้จะรู้สึกไม่พอใจ)?
  3. ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเชื่อวางใจ อย่างใจสงบ

แท้จริงแล้ว ปฏิกิริยาตอบสนองต่อความยากลำบากในชีวิตของเรานั้นก็คือสิ่งบ่งชี้หรือเปิดเผยถึงระดับจิตวิญญาณของเราแต่ละคน

…หากเราไม่ได้มีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเป็นส่วนตัวอย่างใกล้ชิด เราก็มักจะออกอาการไม่พอใจอย่างปราศจากความเหนี่ยวรั้ง ไม่ว่าจะทาง คำพูด หรือกริยาท่าทางและอาการเช่นนั้น มักทำให้เราตกต่ำ และจมลงไปในความทุกข์ยากลำบากลึกกว่าเดิม

…หากเรามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอยู่ในระดับพอสมควร เราก็อาจจะพยายามยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นในระดับหนึ่งจนกระทั่งตัวเราจะทนรับไม่ไหว และแสดงอาการออกมาเหมือนกับคนในกลุ่มแรก

…แต่หากว่าเรา มีความสัมพันธ์และประสบการณ์กับพระเจ้าเป็นส่วนตัวในระดับที่ลึกซึ้ง

-เราก็จะไม่สงสัยในความดีงามของพระเจ้า

-เราจะไม่หวั่นไหวไปกับความทุกข์ยากลำบากที่เผชิญอยู่ เพราะเราตระหนักว่า สภาวะยากลำบากนั้นเป็น เพียงแค่ “สภาวะชั่วคราว”  ซึ่งอยู่ประเดี๋ยวเดียวก็จะผ่านพ้นไป

…แต่หากว่า สถานการณ์นั้นไม่ผ่านพ้น แต่กลับย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม ก็อาจเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ที่จะช่วยเราให้หลุดพ้นจากสภาวะที่ไม่พึงประสงค์นั้น โดยการที่พระองค์จะทรงเมตตาเราให้ไปอยู่กับพระองค์ อันเป็นสภาวะที่ดีกว่าก็เป็นได้!

ดังที่ อ.เปาโล กล่าวว่า…

   “เพราะว่าสำหรับข้าพเจ้า การมีชีวิตอยู่ก็เพื่อพระคริสต์และการตายก็ได้กำไร”   (ฟิลิปปี 1:21)

 ใช่ครับ…

เมื่อเราไม่กลัวตาย เพราะสำหรับเราการตายก็คือการได้กำไร เราก็ไม่เหลืออะไรที่จะต้องทุกข์กังวลอีกต่อไป!

เราจึงหันกลับมามองดูความยุ่งยากลำบากในชีวิตของเราด้วยมุมมองใหม่ ทำให้เรามองเห็นคุณค่าและประโยชน์ของความยากลำบากเหล่านั้นต่อชีวิตของเราอย่างที่ไม่เคยมองเห็นเช่นนั้นมาก่อน

เรามองเห็นและเข้าใจแล้วว่า พระเจ้าทรงสถิตอยู่กับเราตลอดเวลา การที่พระองค์ทรงวางอุปสรรคปัญหาและความยุ่งยากลำบากต่าง ๆ ไว้ตามจุดต่าง ๆ บนเส้นทางชีวิตของเรา ก็ไม่ใช่เพื่อทำร้ายหรือทำลายเรา แต่เพื่อจะเสริมสร้างและเป็นพรแก่ชีวิตของเรา และคนอื่น ๆ จนกว่าเราจะบรรลุจุดหมายปลายทางหรือเส้นชัยได้ตามพระประสงค์ของพระองค์

ดุจดังที่ Oscar Wilde กล่าวไว้ว่า…

What seems to us as bitter trials are often Blessings in disguise.”

(สิ่งที่ดูเหมือนว่าเป็นความทุกข์ยากอันน่าขมขื่นต่อเรานั้น มักเป็นพระพรที่แอบซ่อนมาอยู่เสมอ!)

ดังนั้น ไม่ว่าเรากำลังเผชิญกับความทุกข์ยากอันใด ก็ขอให้ความทุกข์ยากลำบากเหล่านั้นดึงเราให้เข้าใกล้พระเจ้ามากยิ่งขึ้นและทำให้เรามีสันติสุข สามารถวางใจในพระคริสต์ผู้ทรงมีชัยเหนือทุกข์ปัญหาความยุ่งยาก  และเดินหน้าต่อไปด้วยความเชื่อมั่นอย่างกล้าหาญ !

ดังที่องค์พระคริสต์บัญชาไว้คือ

“เราบอกเรื่องนี้กับพวกท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงมีใจกล้าเถิด เพราะว่าเราชนะโลกแล้ว (ยอห์น 16:33)

…จะดีไหมครับ?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ tinywallpaperz.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

จะยินดีอยู่ได้อย่างไร ในสภาพแวดล้อมที่ไม่น่ายินดี?

%e0%b8%a2%e0%b8%b4%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%84%e0%b8%94%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%a2%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b8%87%e0%b9%84%e0%b8%a3

“จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่าจงชื่นชมยินดีเถิด”

(Rejoice in the Lord always; again I will say, rejoice.) (ฟิลิปปี 4:4)

 คนเราจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร หากไม่มีสิ่งใดที่ทำให้เขาชื่นชมยินดี บนเส้นทางแห่งชีวิตนั้น?

ดังนั้น ไม่ว่าชีวิตของเราจะเจอะเจอกับอะไร เราควรจะมีสิ่งที่ชูใจที่ทำให้ชีวิตของเรามีเรี่ยวแรงที่จะเดินหน้าต่อไป

อ.เปาโล เป็นเอกบุรุษในประวัติศาสตร์ของโลก เป็นผู้ที่พระเจ้าทรงใช้สานงานขององค์พระเยซูคริสต์ และพลิกโลกนี้ด้วยข่าวประเสริฐของพระเจ้า ผ่านการอุทิศทุ่มเทในการประกาศเผยแพร่อย่างสุดตัวของท่าน

ชีวิตของ อ.เปาโล หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนามของ “เซนต์ ปอล” (Saint Paul) เป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งยิ่งนัก!

ชีวิตของท่านนั้นแสนลำบากยากแค้น แสนเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า แสนอันตรายและเสี่ยงชีวิตยิ่งนัก ดังที่ท่านได้พรรณนาประสบการณ์ชีวิตอันน่าอัศจรรย์ใจของท่านบางส่วนไว้ดังนี้

“แต่เราแสดงตัวเป็นคนปรน‌นิ‌บัติของพระ‍เจ้าในทุกทาง โดยมีความทรหดอดทนเป็นอย่างมากในความยาก‍ลำ‌บาก ความลำ‌เค็ญ ในเหตุวิบัติ การถูกเฆี่ยน และการถูกจำ‍คุก ในเหตุ‍การณ์วุ่น‍วาย ในการตราก‌ตรำ ในการอด‍หลับ‍อด‍นอน ในการอด‍อาหารโดยความบริ‌สุทธิ์ ความรู้ ความอดทน และความกรุณา โดยพระ‍วิญ‌ญาณ‍บริ‌สุทธิ์ โดยความรักอย่างจริง‍ใจ โดยถ้อย‍คำสัตย์‍จริง โดยฤทธิ์‍เดชของพระ‍เจ้า โดยการใช้ความชอบ‍ธรรมเป็นอาวุธทั้งด้วยมือ‍ขวาและมือ‍ซ้าย ทั้งในขณะมีเกียรติและขณะไร้เกียรติ ขณะถูกดู‍หมิ่นและขณะได้รับการยก‍ย่อง เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหลอก‍ลวง แต่ยังเป็นคนซื่อ‍สัตย์ ว่าเป็นคนที่ไม่‍มีใครรู้‍จัก แต่ยังเป็นคนที่ใครๆ รู้‍จักดี เป็นคนที่กำลังจะตาย แต่ดู‍สิ ยังมีชีวิตอยู่ เป็นคนถูกเฆี่ยนแต่ยังไม่ตาย เป็นคนมีความทุกข์แต่ยังยินดีอยู่เสมอ เป็นคน‍ยาก‍จนแต่ยังทำให้คนจำ‌นวนมากมั่ง‍มี เป็นคนไม่‍มีอะไรเลยแต่ยังเป็นเจ้า‍ของทุก‍สิ่ง”      (2โครินธ์ 6:4-10)

และใน

“เขาเป็นคนปรน‌นิ‌บัติของพระ‍คริสต์หรือ ข้าพ‌เจ้าเป็นดี‍กว่าพวก‍เขาเสียอีก (ข้าพ‌เจ้าพูดอย่างคน‍บ้า) ข้าพ‌เจ้าตราก‌ตรำยิ่ง‍กว่าพวก‍เขา ข้าพ‌เจ้าติด‍คุกมาก‍กว่าพวก‍เขา ข้าพ‌เจ้าถูกโบย‍ตีมาก‍มาย ข้าพ‌เจ้าหวิดตายบ่อยๆ พวกยิวเฆี่ยนข้าพ‌เจ้าห้าครั้ง ครั้งละสาม‍สิบเก้าที ข้าพ‌เจ้าถูกตีด้วยไม้สามครั้ง ถูกก้อน‍หินขว้างครั้งหนึ่งข้าพ‌เจ้าเผชิญภัยเรือแตกสามครั้ง ข้าพ‌เจ้าลอยอยู่ในทะเลวัน‍หนึ่งกับคืน‍หนึ่ง ข้าพ‌เจ้าเดิน‍ทางบ่อยๆ ข้าพ‌เจ้าเผชิญภัยในแม่‍น้ำ เผชิญโจร‍ภัย เผชิญภัยจากชน‍ชาติของข้าพ‌เจ้าเอง เผชิญภัยจากคน‍ต่าง‍ชาติ เผชิญภัยในเมือง เผชิญภัยในป่า เผชิญภัยในทะเล เผชิญภัยจากพี่‍น้องจอม‍ปลอม ต้องตราก‌ตรำและลำ‌บาก ต้องอด‍หลับ‍อด‍นอนบ่อยๆ ต้องหิวและกระ‌หาย ต้องอด‍ข้าวบ่อยๆ ต้องทน‍หนาวและเปลือย‍กาย นอก‍จาก‍นั้นยังมีสิ่งอื่นที่กด‍ดันข้าพ‌เจ้าอยู่ทุกๆ วัน คือความกัง‌วลเกี่ยว‍กับคริสต‌จักรทั้ง‍หมดใครบ้างที่อ่อน‌แอและข้าพ‌เจ้าไม่อ่อน‌แอด้วย ใครบ้างที่ถูกชัก‍นำให้หลง และข้าพ‌เจ้าไม่ทุกข์‍ร้อน”  (2โครินธ์ 11:23-29)

หากว่าเราเผชิญกับเหตุการณ์เหล่านั้น เราคงทนได้เพียงไม่กี่น้ำ เพราะสภาพที่น่าหดหู่ น่าเจ็บปวด น่ากลัว น่าสงสาร น่าท้อใจ น่าสิ้นหวัง ฯลฯ เช่นที่    อ.เปาโล เผชิญ เป็นเรื่องที่ยากจะทนรับไว้ได้จริง ๆ  แต่ท่านก็ฟันฝ่าผ่านมาได้ ท่านจึงเป็นผู้ที่กล่าวได้อย่างเต็มปากว่า…

“ข้าพ‌เจ้าเผชิญได้ทุก‍อย่างโดยพระ‍องค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพ‌เจ้า”

(I can do all things through him who strengthens me.) ( ฟิลิปปี 4:13)

ท่านรู้จักกับองค์พระคริสต์เป็นส่วนตัวจริง ๆ ท่านจึงได้รับพลังจากพระองค์อย่างเหลือล้น ทำให้ท่านมีความยินดีได้อยู่เสมอ ไม่ว่าท่านจะเผชิญกับสถานการณ์ใดในชีวิตท่านจึงย้ำอยู่เสมอให้เรามีความยินดีในชีวิตที่ติดตามพระคริสต์ด้วยเช่นกัน เพราะท่านมั่นใจในคำสัญญาของพระเยซูคริสต์ ที่จะอยู่กับท่านและพวกเราเสมอไป

“และสอนพวก‍เขาให้ถือรักษาสิ่งสาร‌พัดที่เราสั่งพวก‍ท่านไว้ และนี่‍แน่ะ เราจะอยู่กับท่าน‍ทั้ง‍หลายเสมอไป จน‍กว่าจะสิ้น‍ยุค”  (มัทธิว 28:20)

ท่านจึงปราศจากความกังวล ปราศจากความกลัว และมีแต่ความปีติยินดีในชีวิต และการรับใช้

เราทั้งหลายก็มี “พระคริสต์” องค์เดียวกับท่าน

เราทั้งหลายจึงควรที่จะมีความชื่นชมยินดีเช่นเดียวกับที่ท่านมี!

มิใช่หรือ? …

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ deepenyourfaith.com)