Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

เราควรมีความสัมพันธ์ จุดยืนและบทบาทอย่างไรต่อสังคม และรัฐ?

เราควรมีความสัมพันธ์ จุดยืน และบทบาทอย่างไรต่อ สังคม และรัฐ?

“Whatever makes men good Christians make them good citizens.”          -Daniel Webster-

(อะไรที่ทำให้คนเราเป็นคริสเตียนที่ดีได้ สิ่งนั้นก็ทำให้พวกเขาเป็นพลเมืองที่ดีด้วย) (ดาเนียล เว็บสเตอร์)

เราที่เป็นคริสเตียนที่ดี จึงสมควรเป็นพลเมืองที่ดีของบ้านเมือง โดยประพฤติดังนี้

  1. เราต้องไม่ทำสิ่งที่ผิด แม้ว่าใคร ๆ ในสังคมเขาจะทำกัน

รม.12:2 “อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม”

  1. เราต้องไม่เข้าสังคมกับคนทำบาปที่สร้างปัญหา หรือทำร้ายผู้อื่น

สภษ.20:19-20 “คน​ที่​เที่ยว​ซุบ‍ซิบ​ย่อม​เผย​ความ​ลับ ฉะนั้น​อย่า​เข้า​สังคม​กับ​คน‍ปาก‍บอน 20คน​ที่​แช่ง​บิดา​หรือ​มารดา​ของ​ตนประ‌ทีป​ของ​เขา​จะ​ดับ​มืด‍มิด”

  1. เราต้องไม่เสแสร้งทำตัวเป็นคนเคร่งศาสนา แต่กลับทำตรงกันข้าม

สดด.50:16-21 “แต่​พระ‍เจ้า​ตรัส​กับ​คน‍อธรรม​ว่า “เจ้า​มี​สิทธิ์​อะไร​มา​ท่อง​กฎ‍เกณฑ์​ของ​เรา หรือ​รับ​พันธ‌สัญญา​ของ​เรา​ด้วย​ปาก​ของ​เจ้า? 17เพราะ​เจ้า​เกลียด​วินัย และ​เจ้า​เหวี่ยง​คำ​ของ​เรา​ไว้​ข้าง‍หลัง​เจ้า 18เมื่อ​เจ้า​เห็น​ขโมย เจ้า​ก็​คบ​เขา และ​เจ้า​เข้า​สังคม​กับ​คน‍ล่วง‍ประ‌เวณี 19“เจ้า​ปล่อย​ปาก​ของ​เจ้า​ให้​พูด​ชั่ว และ​ลิ้น​ของ​เจ้า​ปั้น​การ​หลอก‍ลวง

20เจ้า​นั่ง​พูด​ใส่‍ร้าย​พี่‍น้อง​ของ​เจ้าเจ้า​นินทา​เขา21เจ้า​ได้​ทำ​สิ่ง‍เหล่า‍นี้ แล้ว​เรา​ก็​นิ่ง‍เงียบ เจ้า​คิด​ว่า​เรา​เป็น​เหมือน​เจ้าแต่​เรา​จะ​ตำ‌หนิ​เจ้า และ​กล่าว​โทษ​เจ้า”

  1. เราต้องยุติการกระทำที่ไม่ดี(ที่เคยทำมา) และทำสิ่งที่ดีต่อสังคมทดแทน

อฟ.4:28 “คน​ที่​เคย​ขโมย​ก็​อย่า​ขโมย​อีก‍ต่อ‍ไป แต่​จง​ใช้​มือ [ของ​ตน]​ตราก‌ตรำ​ทำ‍งาน​ที่​ดี​ดี‍กว่า เพื่อ​จะ​ได้​มี​อะไร​แจก‍จ่าย​ให้​คน​ที่​มี​ความ​จำ‍เป็น”

  1. เราต้องเป็นคนที่สัตย์ซื่อสุจริตในทุกด้าน

สภษ.10:9 “คน​ที่​ดำ‌เนิน​ใน​ความ​ซื่อ‍สัตย์​ก็​ดำ‌เนิน​อย่าง​มั่น‍คง แต่​ผู้​ที่​ทำ​ทาง​ของ​ตน​ให้​คด​ก็​จะ​ถูก​เปิด‍โปง”

20:7 “คน​ชอบ‍ธรรม​ดำ‌เนิน​ใน​ความ​ซื่อ‍สัตย์​ของ​ตน ลูก‍หลาน​ของ​เขา​ที่​เกิด​ตาม​มา​ก็​เป็น​สุข”

ทต.2:10 “อย่า​ให้​ยัก‍ยอก​แต่​ให้​สำแดง​ความ​ซื่อ‍สัตย์​และ​ดี‍งาม​ใน​ทุก‍อย่าง เพื่อ​เขา‍ทั้ง‍หลาย​จะ​เทิด‍พระ‍เกียรติ​ พระ‍ดำรัส​สอน​ของ​พระ‍เจ้า​พระ‍ผู้‍ช่วย‍ให้‍รอด​ของ​เรา​ใน​ทุกๆ ด้าน”

  1. เราต้องดำเนินชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะ

ทต.2:4-6 “เพื่อ​อบรม​หญิง‍สาว​ให้​รัก​สามี​และ​บุตร​ของ​พวก​ตน 5มี​สติ‍สัมป‌ชัญญะ เป็น​คน​บริ‌สุทธิ์ ดู‍แล​บ้าน‍เรือน​อย่าง​ดี มี​ความ​เมตตา​และ​เชื่อ‍ฟัง​สามี​ของ​ตน เพื่อ​ว่า​พระ‍วจนะ​ของ​พระ‍เจ้า​จะ​ไม่​ถูก​ดู‍หมิ่น 6ส่วน​พวก​ชาย‍หนุ่ม​ก็​เหมือน‍กัน จง​เตือน‍สติ​พวก‍เขา​ให้​มี​สติ‍สัมป‌ชัญญะ”

2:11-12 “เพราะ​ว่า​พระ‍คุณ​ของ​พระ‍เจ้า​ปรา‌กฏ​แล้ว เพื่อ​ช่วย​ทุก​คน​ให้​รอด 12และ​เพื่อ​สอน​เรา​ให้​ละ‍ทิ้ง​ความ​อธรรม​และ​โลกีย‌ตัณหา และ​ให้​ดำ‌เนิน​ชีวิต​ใน​ยุค​นี้​อย่าง​มี​สติ‍สัมป‌ชัญญะ อย่าง​ชอบ‍ธรรม​และ​ให้​ดำ‌เนิน​ตาม​ทาง​พระ‍เจ้า” 

  1. เราต้องดำเนินชีวิตอย่างคนมีปัญญาที่ก่อประโยชน์

อฟ.5:15-18 “เพราะ‍ฉะนั้น จง​ระวัง​ใน​การ​ดำ‌เนิน​ชีวิต​ให้​ดี อย่า​เหมือน​คน​ไร้​ปัญญา แต่​ให้​เหมือน​คน​มี​ปัญญา 16จง​ใช้​โอกาส​ให้​เป็น​ประ‌โยชน์ เพราะ‍ว่า​ทุก​วัน‍นี้​เป็น​ยุค​สมัย​ที่​ชั่ว‍ร้าย17เพราะ‍เหตุ‍นี้ อย่า​เป็น​คน‍โง่‍เขลา แต่​จง​เข้า‍ใจ​ว่า​อะไร​คือ​พระ‍ประ‌สงค์​ของ​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า18และ​อย่า​เมา​เหล้า‍องุ่น​ซึ่ง​จะ​ทำ​ให้​เสีย​คน แต่​จง​เต็ม​เปี่ยม​ด้วย​พระ‍วิญ‌ญาณ”

  1. เราต้องประพฤตตัวให้เป็นที่น่านับถือของคนในชุมชน

ทต.2:1-3 “ส่วน​ท่าน​จง​สอน​ให้​สอด‍คล้อง​กับ​คำ‍สอน​ที่​ถูก‍ต้อง 2สอน​บรร‌ดา​ผู้‍ชาย​สูง​อายุ​ให้​รู้‍จัก​ประ‌มาณ​ตน มี​ความ​น่า‍นับ‍ถือ มี​สติ‍สัมป‌ชัญญะ มี​ความ​เชื่อ​ที่​ถูก‍ต้อง มี​ความ​รัก และ​ความ​ทรหด​อดทน 3ส่วน​บรร‌ดา​ผู้‍หญิง​สูง​อายุ​ก็​เหมือน‍กัน สอน​พวก​นาง​ให้​ประ‌พฤติ​ด้วย​ความ​น่า‍นับ‍ถือ ไม่​ใส่‍ร้าย ไม่​ติด​เหล้า แต่​เป็น​ผู้‍สอน​สิ่ง​ที่​ดี‍งาม” 

  1. เราต้องดำเนินชีวิตให้เป็นแบบอย่างที่ดีในทุกด้านไม่มีใครติได้

ทต.2:7-8 “ท่าน​เอง​จง​ประ‌พฤติ​ตน​ให้​เป็น​แบบ​อย่าง​ใน​การ​ดี​ทุก​ด้าน ใน​การ​สอน​อย่าง​จริง​ใจ จริง‍จัง 8และ​ถูก‍ต้อง​ที่​ไม่‍มี​ใคร​จะ​ตำ‌หนิ​ได้ เพื่อ​ให้​ฝ่าย​ตรง‍ข้าม​อับอาย​และ​ไม่​สามารถ​กล่าว‍ร้าย​อะไร​ต่อ​เรา” 

  1. เราต้องเรียนรู้จักยอมรับในความแตกต่าง (ในความคิด/ความเชื่อและวิถีปฏิบัติ)

รม.14:1-5 “จง​ต้อน‍รับ​คน​ที่​ยัง​มี​ความ​เชื่อ​น้อย​อยู่ แต่​ไม่​ใช่​เพื่อ​ให้​โต้‍เถียง​กัน​ใน​เรื่อง​ที่​เป็น​ความ​คิด​เห็น​ส่วน‍ตัว 2คน​หนึ่ง​ถือ‍ว่า​จะ​กิน​อะไร​ก็​ได้ แต่​อีก‍คน‍หนึ่ง​ที่​มี​ความ​เชื่อ​น้อย​ก็​กิน​แต่​ผัก​เท่า​นั้น3อย่า​ให้​คน​ที่​กิน​นั้น​ดู‍หมิ่น​คน​ที่​ไม่​กิน และ​อย่า​ให้​คน​ที่​ไม่​กิน​ตัด‍สิน​คน​ที่​กิน เพราะ‍ว่า​พระ‍เจ้า​ทรง​ยอม‍รับ​เขา​แล้ว 4ท่าน​เป็น​ใคร จึง​กล่าว​โทษ​บ่าว​ของ​คน​อื่น? บ่าว​คน​นั้น​จะ​ตั้ง‍มั่น​หรือ​จะ​ล่ม‍จม​ก็​สุด​แล้ว​แต่​นาย​ของ​เขา และ​เขา​จะ​ตั้ง‍มั่น​แน่‍นอน เพราะ‍ว่า​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า​ทรง​สามารถ​ให้​เขา​ตั้ง‍มั่น​ได้ 5คน​หนึ่ง​ถือ‍ว่า​วัน‍หนึ่ง​ดี‍กว่า​อีก​วัน‍หนึ่ง แต่​อีก‍คน‍หนึ่ง​ถือ‍ว่า​ทุก‍วัน​เหมือน‍กัน ขอ​ให้​ทุก‍คน​มี​ความ​แน่‍ใจ​ใน​ความ​คิด‍เห็น​ของ​ตน​เถิด”

  1. เราต้องเคารพในเกียรติผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโสหรือเจ้านาย

ลนต.19:32 “จง​ลุก‍ขึ้น​คำ‍นับ​คน​ผม‍หงอก​และ​เคารพ​ผู้‍อาวุโส และ​จง​ยำ‌เกรง​พระ‍เจ้า​ของ​เจ้า เรา​คือ​ยาห์‌เวห์”

1ทธ.6:2  “ส่วน​พวก​มี​นาย​ที่​มี​ความ​เชื่อ​ก็​ต้อง​ไม่​ขาด​ความ​เคารพ​นาย เนื่อง‍จาก​เป็น​พี่‍น้อง​กัน​แล้ว แต่​กลับ​จะ​ต้อง​รับ‍ใช้​นาย​ให้​ดี​ยิ่ง‍ขึ้น เพราะ​ว่า​นาย​ทั้ง‍หลาย​ที่​ได้​รับ​ประ‌โยชน์​จาก​การ​รับ‍ใช้​ของ​พวก‍เขา​นั้น เป็น​พวก​มี​ความ​เชื่อ​และ​เป็น​ที่‍รัก จง​สั่ง‍สอน​และ​กำ‍ชับ​ใน​เรื่อง​เหล่า‍นี้”

  1. เราต้องปฏิบัติตามระเบียบวินัย และบทบาทหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

1คร.9:25 “ส่วน​นัก‍กีฬา​ทุก‍คน​ก็​ควบ‍คุม‍ตัว‍เอง​ใน​ทุก​ด้าน พวก‍เขา​ทำ​เพื่อ​จะ​ได้​มงกุฎ​ใบ‍ไม้​ที่​ร่วง‍โรย​ได้ แต่​มงกุฎ​ของ​เรา​จะ​ไม่​ร่วง‍โรย​เลย”

1ทธ.5:21 “ข้าพ‌เจ้า​กำ‍ชับ​ท่าน​เฉพาะ‍พระ‍พักตร์​พระ‍เจ้า​และ​พระ‍เยซู‍คริสต์ และ​ต่อ‍หน้า​บรร‌ดา​ทูต‍สวรรค์​ที่​ทรง​เลือก​ไว้​ว่า จง​รักษา​ระเบียบ​เหล่า‍นี้​ไว้​โดย​ไม่​ต้อง​เห็น​แก่​หน้า​ใคร และ​ไม่​ควร​ทำ​สิ่ง‍ใดๆ ด้วย​ใจ​ลำ‌เอียง”

  1. เราต้องทำให้เพื่อนบ้าน ชุมชน หรือสังคมมีความพอใจในสิ่งดีที่เราทำ

รม.15:1-2 “พวก‍เรา​ซึ่ง​มี​ความ​เชื่อ​เข้ม‍แข็ง ควร​จะ​อดทน​ต่อ​ข้อ​บก‍พร่อง​ของ​คน​ที่​อ่อน‌แอ ไม่‍ควร​ทำ​อะไร​ตาม​ความ​พอ‍ใจ​ของ​ตัว​เอง 2เรา​ทุก‍คน​จง​ทำ​ให้​เพื่อน‍บ้าน​พอ‍ใจ เพื่อ​ประ‌โยชน์​ใน​การ​เสริม‍สร้าง​ความ​เชื่อ​ของ​เขา” 

  1. เราต้องกระตือรือร้นในการช่วยเหลือผู้ที่มีความจำเป็นด้วยใจเมตตา

มธ.9:36-38 “และ​เมื่อ​พระ‍องค์​ทอด‍พระ‍เนตร​ฝูง‍ชน​ก็​ทรง​สงสาร​เขา‍ทั้ง‍หลาย เพราะ​พวก‍เขา​ถูก​รัง‍ควาน​และ​ไร้​ที่‍พึ่ง​เหมือน​ฝูง‍แกะ​ไม่‍มี​ผู้‍เลี้ยง 37แล้ว​พระ‍องค์​ตรัส​กับ​สาวก​ทั้ง‍หลาย​ของ​พระ‍องค์​ว่า “ข้าว​ที่​ต้อง​เกี่ยว​นั้น​มี​มาก​นัก‍หนา แต่​คน​งาน​ยัง​น้อย​อยู่38เพราะ‍ฉะนั้น​ท่าน​จง​อ้อน‍วอน​พระ‍องค์​ผู้​ทรง​เป็น​เจ้า‍ของ​นา ให้​ทรง​ส่ง​คน​งาน​มา​เก็บ‍เกี่ยว​พืช‍ผล​ของ​พระ‍องค์”

  1. เราต้องเป็นพลเมืองดีที่เคารพกฎหมายและให้เกียรติผู้ปกครองบ้านเมือง

รม.13:1-5 “ทุก‍คน​จง​ยอม​อยู่​ใต้​บัง‍คับ​ของ​ผู้​ที่​มี​อำนาจ​ปก‍ครอง เพราะ‍ว่า​ไม่‍มี​อำนาจ​ใด​เลย​ที่​ไม่‍ได้​มา​จาก​พระ‍เจ้า และ​ผู้​ที่​ถือ​อำนาจ​นั้น พระ‍เจ้า​ทรง​แต่ง‍ตั้ง​ขึ้น 2เพราะ‍ฉะนั้น​ผู้​ที่​ขัด‍ขืน​อำนาจ​นั้น ก็​ขัด‍ขืน​ผู้​ซึ่ง​พระ‍เจ้า​ทรง​แต่ง‍ตั้ง​ขึ้น และ​ผู้​ที่​ขัด‍ขืน​นั้น​จะ​ต้อง​ถูก​ลง‍โทษ 3เพราะ‍ว่า​ผู้‍ครอบ‍ครอง​นั้น​ไม่​น่า‍กลัว​เลย​สำหรับ​คน​ที่​ประ‌พฤติ​ดี แต่​ว่า​เป็น​ที่​น่า‍กลัว​สำหรับ​คน​ที่​ประ‌พฤติ​ชั่ว ท่าน​ไม่​อยาก​จะ​กลัว​ผู้​มี​อำนาจ​หรือ? ถ้า​อย่าง‍นั้น​ก็​จง​ทำ​แต่​ความ​ดี แล้ว​ท่าน​ก็​จะ​ได้​เป็น​ที่​พอ‍ใจ​ของ​ผู้​มี​อำนาจ​นั้น 4เพราะ‍ว่า​ผู้‍ครอบ‍ครอง​นั้น เป็น​ผู้​รับ‍ใช้​ของ​พระ‍เจ้า​เพื่อ​ให้​ประ‌โยชน์​แก่​ท่าน แต่​ถ้า​ท่าน​ทำ​ความ​ชั่ว​ก็​จง​กลัว​เถิด เพราะ​ว่า​ผู้‍ครอบ‍ครอง​ไม่‍ได้​ถือ​ดาบ​ไว้​เฉยๆ แต่​เป็น​ผู้​รับ‍ใช้​ของ​พระ‍เจ้า และ​จะ​เป็น​ผู้​ลง‍โทษ​แทน​พระ‍เจ้า​แก่​ทุก‍คน​ที่​ประ‌พฤติ​ชั่ว 5เพราะ‍ฉะนั้น​ท่าน​จะ​ต้อง​เชื่อ‍ฟัง​ผู้‍ครอบ‍ครอง ไม่‍ใช่​เพื่อ​จะ​หลีก‍เลี่ยง​การ​ลง‍โทษ​อย่าง​เดียว แต่​เพื่อ​มโน‌ธรรม​ด้วย”

13:6-7 “เพราะ​เหตุ‍ผล​นี้ ท่าน​จึง​ได้​เสีย​ส่วย​ด้วย เพราะ‍ว่า​ผู้​มี​อำนาจ​นั้น​เป็น​ผู้​รับ‍ใช้​ของ​พระ‍เจ้า และ​ปฏิ‌บัติ​หน้า‍ที่​นี้​อยู่ 7จง​ให้​แก่​ทุก‍คน​ที่​ท่าน​ต้อง​ให้​เขา คือ ส่วย แก่​คน​ที่​ท่าน​ต้อง​เสีย​ส่วย​ให้ ภาษี แก่​คน​ที่​ท่าน​ต้อง​เสีย​ภาษี​ให้

ความ​ยำ‌เกรง แก่​คน​ที่​ท่าน​ต้อง​ให้​ความ​ยำ‌เกรงเกียรติ แก่​คน​ที่​ท่าน​ต้อง​ให้​เกียรติ”

  1. เราต้องสร้างอิทธิพลที่ดี มีประโยชน์และนำสังคมไปในทางที่เจริญรุ่งเรือง

ยน.12:18-19 “เหตุ​ที่​ฝูง‍ชน​พา​กัน​ไป​หา​พระ‍องค์ ก็​เพราะ​เขา​ได้‍ยิน​ว่า​พระ‍องค์​ทรง​ทำ​หมาย‍สำคัญ​นั้น 19พวก​ฟาริสี​จึง​พูด​กัน​ว่า “เห็น​ไหม? เรา​ทำ​อะไร​ไม่‍ได้​เลย ดู‍ซิ โลก​ตาม​เขา​ไป​หมด​แล้ว”

ทต.3:8 “คำ​กล่าว​นี้​สัตย์‍จริง ข้าพ‌เจ้า​ปรารถ‌นา​ให้​ท่าน​เน้น​เรื่อง​เหล่า‍นี้ เพื่อ​พวก​ที่​เชื่อ​ใน​พระ‍เจ้า​แล้ว​จะ​ได้​มุ่ง​ทำ​การ​ดี การ​กระ‌ทำ​เหล่า‍นี้​ดี​และ​เป็น​ประ‌โยชน์​กับ​ทุก​คน” 

  1. เราต้องเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าที่รักการประกาศข่าวประเสริฐต่อคนในชุมชนและสังคม

รม.15:14-16 “พี่‍น้อง​ทั้ง‍หลาย ข้าพ‌เจ้า​เชื่อ​แน่​ว่า​ท่าน​บริ‌บูรณ์​ด้วย​ความ​ดี และ​พร้อม‍ด้วย​ความ​รู้​ทุก‍อย่าง สามารถ​จะ​เตือน‍สติ​กัน​และ​กัน​ได้ 15แต่​การ​ที่​ข้าพ‌เจ้า​กล้า​เขียน​บาง‍เรื่อง​ถึง​ท่าน เพื่อ​เตือน​ความ​จำ​ของ​ท่าน ก็​เนื่อง‍จาก​พระ‍คุณ​ของ​พระ‍เจ้า​ที่​ได้​ประ‌ทาน​แก่​ข้าพ‌เจ้า 16เพื่อ​ให้​เป็น​ผู้​รับ‍ใช้​ของ​พระ‍เยซู‍คริสต์​ไป​ยัง​คน‍ต่าง‍ชาติ และ​ทำ​หน้า‍ที่​ปุ‌โร‌หิต​ฝ่าย​ข่าว‍ประ‌เสริฐ​ของ​พระ‍เจ้า เพื่อ​คน‍ต่าง‍ชาติ​จะ​เป็น​เครื่อง‍บูชา​ที่​ชอบ‍พระ‍ทัย คือ​เป็น​ที่​ชำระ​ไว้​โดย​พระ‍วิญ‌ญาณ‍บริ‌สุทธิ์”

สรุป

ให้เราเป็นพลเมืองดีที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อสังคม ประเทศชาติ และโลกนี้  ในฐานะเกลือ และแสงสว่าง ที่ทำให้คนสรรเสริญพระเจ้า  ผู้สูงสุด!

“ท่าน‍ทั้ง‍หลาย​เป็น​เกลือ​แห่ง​โลก ถ้า​เกลือ​นั้น​หมด‍รส‍เค็ม​ไป​แล้ว จะ​ทำ​ให้​กลับ​เค็ม​อีก​ได้​อย่าง‍ไร ตั้ง‍แต่​นั้น​ไป​ก็​ไม่​เป็น​ประ‌โยชน์​อะไร มี​แต่​จะ​ถูก​ทิ้ง​เสีย​ให้​คน​เหยียบ‍ย่ำ 14“ท่าน‍ทั้ง‍หลาย​เป็น​ความ​สว่าง​ของ​โลก นคร​ซึ่ง​อยู่​บน​ภูเขา​จะ​ถูก​ปิด‍บัง​ไว้​ไม่‍ได้ 15เมื่อ​จุด​ตะ‌เกียง​แล้ว​ไม่‍มี​ผู้‍ใด​เอา​ถัง​ครอบ​ไว้ ย่อม​ตั้ง​ไว้​บน​เชิง‍ตะ‌เกียง จะ​ได้​ส่อง‍สว่าง​แก่​ทุก‍คน​ที่​อยู่​ใน​บ้าน​นั้น 16ทำ‌นอง​เดียว‍กัน​พวก‍ท่าน​จง​ส่อง‍สว่าง​แก่​คน​ทั้ง‍ปวง เพื่อ‍ว่า​เมื่อ​เขา‍ทั้ง‍หลาย​ได้​เห็น​ความ​ดี​ที่​ท่าน​ทำ พวก‍เขา​จะ​ได้​สรร‌เสริญ​พระ‍บิดา​ของ​ท่าน​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์”  (มธ.5:13-16)

ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

เราควรมีสัมพันธภาพกับพี่น้องคริสเตียนนอกคริสตจักรอย่างไรบ้าง?

เราควรมีสัมพันธภาพกับพี่น้องคริสเตียนนอกคริสตจักรอย่างไรบ้าง?

  1. เราควรหนุนใจผู้เชื่อในพระคริสต์ (ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกในคริสตจักรของเราหรือไม่? ) ให้พวกเขาดำรงอยู่ในความเชื่อ

กจ.14:21-23 “ท่านทั้งสองประกาศข่าวประเสริฐในเมืองนั้น และนำคนจำนวนมากมาเป็นสาวก แล้วจึงกลับไปยังเมืองลิสตรา เมืองอิโคนียูม และเมืองอันทิโอก ท่านทั้งสองทำให้บรรดาสาวกมีจิตใจเข้มแข็งขึ้น และหนุนใจพวกเขาให้ดำรงอยู่ในความเชื่อ โดยกล่าวว่า เราจะต้องทนความยากลำบากหลายอย่างในการเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า เมื่อท่านทั้งสองแต่งตั้งพวกผู้ปกครองในคริสตจักรแต่ละแห่งแล้ว ก็อธิษฐานและถืออดอาหารเพื่อมอบพวกเขาไว้กับองค์พระผู้เป็นเจ้าที่พวกเขาเชื่อถือนั้น”

  1. เราควรระลึกถึงและสนับสนุนผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ในการรับใช้พระเจ้า (โดยไม่เรียกร้องสิ่งใด)

ฟป.4:14-20 “อย่าง‍ไร​ก็​ตาม ก็​ยัง​เป็น​ความ​กรุณา​ของ​ท่าน​ที่​มี​ส่วน​ใน​ความ​ยาก‍ลำ‌บาก​ของ​ข้าพ‌เจ้า และ​พวก‍ท่าน​ชาว​ฟี‌ลิป‌ปี​ก็​รู้​แล้ว​ว่า เมื่อ​ข้าพ‌เจ้า​ออก​จาก​แคว้น​มา‌ซิ‌โด‌เนีย​ใน​ช่วง​เริ่ม‍แรก​ของ​การ​ประ‌กาศ​ข่าว‍ประ‌เสริฐ​นั้น ไม่‍มี​คริสต‌จักร​ใด​มี​ส่วน​ร่วม​กับ​ข้าพ‌เจ้า​ใน​ราย‍รับ​ราย‍จ่าย​นอก‍จาก​ท่าน​พวก​เดียว แม้​แต่​เมื่อ​ข้าพ‌เจ้า​อยู่​ที่​เมือง​เธ‌สะ‌โล‌นิ‌กา พวก‍ท่าน​ก็​ส่ง​ของ​ไป​ช่วย​ข้าพ‌เจ้า​ครั้ง​แล้ว​ครั้ง​เล่า ไม่​ใช่​ว่า​ข้าพ‌เจ้า​เสาะ‍หา​ของ​กำ‌นัล แต่​ข้าพ‌เจ้า​เสาะ‍หา​ผล‍กำ‌ไร​ใน​บัญชี​ของ​พวก‍ท่าน​ให้​ทวี​มาก​ขึ้น ข้าพ‌เจ้า​ได้​รับ​ทุก‍อย่าง​ครบ‍ถ้วน​และ​มี​เหลือ‍เฟือ ข้าพ‌เจ้า​มี​เต็ม​บริ‌บูรณ์​เพราะ​ได้​รับ​ของ‍ฝาก​ของ​ท่าน‍ทั้ง‍หลาย​จาก​เอ‌ปา‌โฟร‌ดิ‌ทัส สิ่ง​เหล่า‍นั้น​เป็น​ของ‍ถวาย​ที่​หอม‍หวาน เป็น​เครื่อง‍บูชา​ที่​พระ‍เจ้า​โปรด​รับ​และ​พอ‍พระ‍ทัย และ​พระ‍เจ้า​ของ​ข้าพ‌เจ้า​จะ​ประ‌ทาน​ทุก‍สิ่ง​ที่​จำ‍เป็น​แก่​พวก‍ท่าน​จาก​ทรัพย์​อัน​รุ่ง‍โรจน์​ของ​พระ‍องค์​ใน​พระ‍เยซู‍คริสต์ ขอ​พระ‍สิริ​จง​มี​แด่​พระ‍เจ้า​พระ‍บิดา​ของ​เรา​สืบๆ ไป​เป็น​นิตย์ อา‌เมน”

  1. เราควรส่งเสริมผู้เชื่อที่มีหน่วยก้านดีให้มีประสิทธิภาพในการรับใช้พระเจ้ามากยิ่งขึ้น

กจ.18:24-28 “มี​ยิว​คน​หนึ่ง​ชื่อ​อ‌ปอล‌โล เกิด​ใน​เมือง​อ‌เล็ก‌ซาน‌เดรีย เป็น​คน​มี​โว‌หาร​ดี​และ​ชำนาญ​มาก​ใน​เรื่อง​พระ‍คัมภีร์ ท่าน​มา​ยัง​เมือง​เอ‌เฟ‌ซัส อ‌ปอล‌โล​คน‍นี้​ได้​รับ​การ​อบรม​ใน​ทาง​ของ​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า และ​มี​ใจ​กระ‌ตือ‍รือ‌ร้น​กล่าว​สั่ง‍สอน​อย่าง​ถูก‍ต้อง​ใน​เรื่อง​เกี่ยว‍กับ​พระ‍เยซู แม้‍ว่า​ท่าน​จะ​รู้​แต่​เพียง​บัพ‌ติศ‌มา​ของ​ยอห์น​เท่า​นั้น ท่าน​เข้า​ไป​ใน​ธรรม‍ศาลา​สั่ง‍สอน​ด้วย​ความ​กล้า‍หาญ แต่​เมื่อ​ปริส‌สิล‌ลา​กับ​อา‌ควิล‌ลา​ฟัง​ท่าน​แล้ว ก็​รับ​ท่าน​มา​สั่ง‍สอน​ให้​รู้​ทาง​ของ​พระ‍เจ้า​ให้​ถูก‍ต้อง​ยิ่ง‍ขึ้น เมื่อ​อ‌ปอล‌โล​ต้อง‍การ​จะ​ข้าม​ไป​ยัง​แคว้น​อา‌คา‌ยา พี่‍น้อง​ก็​หนุน‍ใจ​ท่าน​และ​เขียน​จด‍หมาย​ฝาก​ไป​ถึง​สาวก​ที่‍นั่น​ให้​รับ‍รอง​ท่าน​ไว้ เมื่อ​ไป​ถึง​แล้ว​ท่าน​ก็​ได้​ช่วย‍เหลือ​คน​ทั้ง‍หลาย​ที่​เชื่อ​โดย​พระ‍คุณ​ของ​พระ‍เจ้า​อย่าง​มาก‍มาย เพราะ​ท่าน​โต้‍แย้ง​กับ​พวก​ยิว​อย่าง​แข็ง‍ขัน​ต่อ‍หน้า​คน​ทั้ง‍ปวง และ​อ้าง​พระ‍คัมภีร์​ชี้​ให้​เห็น​ว่า​พระ‍เยซู​คือ​พระ‍คริสต์”

  1. เราควรพร้อมให้หรือร่วมเรี่ยไรทรัพย์ช่วยเหลือพี่น้องผู้เชื่อที่กำลังประสบกับความทุกข์ยากลำบาก

กจ.11:27-30 “เวลา​นั้น​มี​พวก​ผู้‍เผย‍พระ‍วจนะ​จาก​กรุง‍เย‌รู‌ซา‌เล็ม​ลง‍มา​ที่​เมือง​อัน‌ทิ‌โอก และ​คน​หนึ่ง​ใน​พวก‍เขา​ที่​ชื่อ​อา‌กา‌บัส ลุก‍ขึ้น​กล่าว​โดย​พระ‍วิญ‌ญาณ‍บริ‌สุทธิ์​ว่า จะ​เกิด​การ​กัน‌ดาร‍อาหาร​ครั้ง​ยิ่ง‍ใหญ่​ทั่ว​แผ่น‍ดิน​โลก เรื่อง​นี้​เกิด‍ขึ้น​ใน​รัช‌สมัย​จักร‌พรรดิ​คลาว‌ดิ‌อัส พวก​สาวก​ทุก‍คน​จึง​ตก‍ลง​ใจ​ว่า​จะ​เรี่ย‍ไร​กัน​ตาม​กำลัง ฝาก​ไป​ช่วย​บรร‌เทา​ทุกข์​พวก​พี่‍น้อง​ที่​อยู่​ใน​แคว้น​ยู‌เดีย พวก‍เขา​ก็​ได้​ทำ​อย่าง​นั้น และ​ฝาก​ไป​กับ​บาร‌นา‌บัส​และ​เซา‌โล​เพื่อ​นำ​ไป​ให้​พวก​ผู้‍ปก‍ครอง”

  1. เราควรช่วยเหลือหรือรับรองพี่น้องที่ร่วมรับใช้ในยามที่เขาเดินทางไปต่างคริสตจักรหรือต่างเมือง

รม.16:1-2 “ข้าพ‌เจ้า​ขอ​ฝาก​น้อง‍สาว​ของ​เรา​ไว้​กับ​พวก‍ท่าน​คือ​เฟ‌บี​ผู้​เป็น​มัค‌นา‌ยิ‌กา​ใน​คริสต‌จักร​เคน‌เครีย  กรุณา​รับ​นาง​ไว้​ให้​สม​กับ​ฐานะ​ธรร‌มิก‌ชน​ใน​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า และ​โปรด​ให้​ความ​ช่วย‍เหลือ​ใน​ทุก‍สิ่ง​ที่​นาง​ต้อง‍การ เพราะ​นาง​ได้​ช่วย​อุป‌ถัมภ์​คน​มาก‍มาย​รวม​ทั้ง​ข้าพ‌เจ้า​ด้วย”

  1. เราควรอธิษฐานเผื่อพี่น้องผู้เชื่อที่ถูกข่มเหง หรือประสบภัยพิบัติ

กจ.12:1-5 “ดัง‍นั้น พี่‍น้อง​ทั้ง‍หลาย โดย​เห็น​แก่​ความ​เมตตา‍กรุณา​ของ​พระ‍เจ้า ข้าพ‌เจ้า​จึง​วิง‍วอน​ท่าน‍ทั้ง‍หลาย​ให้​ถวาย​ตัว​ของ​ท่าน​แด่​พระ‍องค์ เพื่อ​เป็น​เครื่อง‍บูชา​อัน​บริ‌สุทธิ์​ที่​มี​ชีวิต และ​เป็น​ที่​พอ‍พระ‍ทัย​พระ‍เจ้า ซึ่ง​เป็น​การ​นมัส‌การ​โดย​วิญ‌ญาณ‍จิต​ของ​ท่าน อย่า​ลอก‍เลียน‍แบบ​อย่าง​คน​ใน​ยุค‍นี้ แต่​จง​รับ​การ​เปลี่ยน‍แปลง​จิต‍ใจ แล้ว​อุป‌นิสัย​ของ​ท่าน​จึง​จะ​เปลี่ยน​ใหม่ เพื่อ​ท่าน​จะ​ได้​ทราบ​พระ‍ประ‌สงค์​ของ​พระ‍เจ้า จะ​ได้​รู้​ว่า​อะไร​ดี อะไร​เป็น​ที่​ชอบ‍พระ‍ทัย และ​อะไร​ดี​ยอด‍เยี่ยม ข้าพ‌เจ้า​ขอ​กล่าว​แก่​ท่าน​ทุก‍คน​โดย​พระ‍คุณ​ซึ่ง​ประ‌ทาน​แก่​ข้าพ‌เจ้า​แล้ว​ว่า อย่า​คิด​ถือ​ตัว​เกิน​ที่​ตน​ควร​จะ​คิด​นั้น แต่​จง​คิด​อย่าง​สุขุม​สม​กับ​ขนาด​ความ​เชื่อ​ที่​พระ‍เจ้า​ประ‌ทาน​แก่​ท่าน เพราะ‍ว่า​ใน​ร่าง‍กาย​เดียว​นั้น เรา​มี​อวัยวะ​หลาย​อย่าง และ​อวัยวะ​นั้นๆ มี​หน้า‍ที่​ต่าง‍กัน​อย่าง‍ไร เรา​ผู้​เป็น​หลาย​คน​ยัง​เป็น​กาย​เดียว​ใน​พระ‍คริสต์​และ​เป็น​อวัยวะ​แก่​กัน​และ​กัน​อย่าง‍นั้น”

  1. เราควรมีส่วนร่วมประชุมตัดสินใจในเรื่องสำคัญที่กระทบต่อคริสตจักรโดยส่วนรวม

กจ.15:1-11 “มี​บาง‍คน​ลง‍มา​จาก​แคว้น​ยู‌เดีย​สั่ง‍สอน​พี่‍น้อง​ว่า ถ้า​ไม่​เข้า‍สุหนัต​ตาม​จารีต​ของ​โม‌เสส​ก็​จะ​ไม่​สามารถ​ได้​รับ​ความ​รอด เมื่อ​เกิด​การ​โต้‍แย้ง​และ​ถก‍เถียง​ระหว่าง​เปา‌โล​และ​บาร‌นา‌บัส​กับ​คน​เหล่า‍นั้น​มาก‍มาย​แล้ว เขา‍ทั้ง‍หลาย​ก็​ตั้ง​เปา‌โล​และ​บาร‌นา‌บัส​กับ​คน​อื่นๆ ให้​ขึ้น​ไป​หารือ​กับ​บรร‌ดา​อัคร‌ทูต​และ​บรร‌ดา​ผู้‍ปก‍ครอง​ใน​กรุง‍เย‌รู‌ซา‌เล็ม​เกี่ยว‍กับ​เรื่อง​ที่​เถียง​กัน​นั้น คริสต‌จักร​จึง​จัด‍ส่ง​ท่าน​เหล่า‍นั้น​ไป และ​เมื่อ​เดิน‍ทาง​ผ่าน​แคว้น​ฟี‌นิ‌เซีย​กับ​แคว้น​สะ‌มา‌เรีย​พวก‍ท่าน​ก็​เล่า​เรื่อง​ที่​พวก​ต่าง‍ชาติ​กลับ‍ใจ​ใหม่ ทำ​ให้​พวก​พี่‍น้อง​มี​ความ​ยินดี​อย่าง‍ยิ่ง เมื่อ​มา​ถึง​กรุง‍เย‌รู‌ซา‌เล็ม คริสต‌จักร​และ​บรร‌ดา​อัคร‌ทูต​และ​บรร‌ดา​ผู้‍ปก‍ครอง​ก็​มา​ต้อน‍รับ​พวก‍ท่าน แล้ว​พวก‍ท่าน​จึง​เล่า​ให้​พวก‍เขา​ฟัง​ถึง​เหตุ‍การณ์​ทั้ง‍ปวง​ที่​พระ‍เจ้า​ทรง​ทำ​ร่วม​กับ​พวก‍ท่าน แต่​มี​บาง‍คน​ใน​พวก​ฟาริสี​ที่​มี​ความ​เชื่อ​ยืน​ขึ้น​กล่าว​ว่า เรา​จำ​เป็น​ต้อง​กำ‍ชับ​พวก‍เขา​ให้​เข้า‍สุหนัต​และ​ถือ​ปฏิ‌บัติ​ตาม​ธรรม‍บัญญัติ​ของ​โม‌เสส บรร‌ดา​อัคร‌ทูต​กับ​บรร‌ดา​ผู้‍ปก‍ครอง​จึง​ประ‌ชุม​ปรึก‌ษา​กัน​ใน​เรื่อง​นั้น เมื่อ​ถก‍เถียง​กัน​มาก​แล้ว เป‌โตร​จึง​ยืน​ขึ้น​กล่าว​ว่า “พี่‍น้อง​ทั้ง‍หลาย พวก‍ท่าน​ทราบ​อยู่​แล้ว​ว่า เมื่อ​แรก‍เริ่ม​นั้น พระ‍เจ้า​ทรง​เลือก​ข้าพ‌เจ้า​จาก​ท่าม‍กลาง​ท่าน‍ทั้ง‍หลาย​มา​เป็น​ผู้​ประ‌กาศ​ถ้อย‍คำ​แห่ง​ข่าว‍ประ‌เสริฐ​ให้​คน‍ต่าง‍ชาติ​ฟัง​และ​เชื่อ พระ‍เจ้า​ผู้​ทรง​ทราบ​จิต‍ใจ​มนุษย์​ทรง​รับ‍รอง​คน‍ต่าง‍ชาติ และ​ประ‌ทาน​พระ‍วิญ‌ญาณ‍บริ‌สุทธิ์​แก่​พวก‍เขา​เช่น​เดียว​กับ​ที่​ให้​แก่​เรา พระ‍องค์​ไม่​ทรง​ถือ​เรา​ถือ​เขา แต่​ทรง​ชำระ​ใจ​พวก‍เขา​ให้​บริ‌สุทธิ์​โดย​ความ​เชื่อ เมื่อ​เป็น​เช่น‍นี้ ทำไม​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​จึง​ทด‍ลอง​พระ‍เจ้า​โดย​วาง​แอก​บน​คอ​ของ​พวก​สาวก ซึ่ง​เป็น​สิ่ง​ที่​บรรพ‌บุรุษ​หรือ​เรา​เอง​แบก​ไม่‍ไหว แต่​ตรง‍ข้าม เรา​เชื่อ​ว่า​เรา​เอง​จะ​รอด​โดย​พระ‍คุณ​ของ​พระ‍เยซู‍คริสต์​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า​เช่น​เดียว​กับ​พวก‍เขา”

  1. เราควรสื่อสารแจ้งมติหรือข้อตกลงต่าง ๆ ของที่ประชุมรวม ให้แก่คริสตจักรต่าง ๆ ทราบ

กจ.15:22-31 “ขณะนั้นพวกอัครทูตและพวกผู้ปกครองกับทุกคนในคริสตจักร เห็นชอบที่จะเลือกบางคนไปยังเมืองอันทิโอกพร้อมกับเปาโลและบารนาบัส พวกเขาเลือกยูดาสผู้ที่มีอีกชื่อว่าบารซับบาส และสิลาส ทั้งสองคนนี้เป็นคนสำคัญในพี่น้อง พวกเขาเขียนจดหมายฝากท่านทั้งสองไปว่า “พี่น้องที่เป็นอัครทูตและผู้ปกครอง ขอส่งคำทักทายมายังพี่น้องชาวต่างชาติที่อยู่ในเมืองอันทิโอก อยู่ในแคว้นซีเรีย และอยู่ในแคว้นซิลีเซีย เนื่องจากเราได้ยินว่ามีบางคนในเรา แม้ว่าจะไม่ได้รับคำสั่งจากเราก็ตาม ได้ไปพูดให้ท่านทั้งหลายเกิดความไม่สบายใจและทำให้ความคิดของท่านสับสนวุ่นวาย เราจึงเห็นพ้องกันที่จะเลือกบางคนไปหาพวกท่านพร้อมกับบารนาบัสและเปาโลผู้เป็นที่รักของเรา และเป็นผู้อุทิศชีวิตเพื่อพระนามพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเพราะฉะนั้นเราจึงส่งยูดาสกับสิลาสมา พวกเขาจะเล่าเรื่องเดียวกันนี้ให้ท่านทั้งหลายฟังด้วยวาจา เพราะว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์และเราเห็นชอบที่จะไม่วางภาระบนพวกท่านเว้นแต่สิ่งต่างๆ ที่จำเป็น คือให้ละเว้นการกินอาหารที่ถูกนำไปบูชารูปเคารพ การกินเลือด การกินเนื้อสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และการล่วงประเวณี ถ้าพวกท่านละเว้นจากสิ่งเหล่านี้ก็เท่ากับท่านได้ทำสิ่งที่ดี ขอให้อยู่เย็นเป็นสุขเถิด” เมื่อลาจากกันแล้ว ท่านเหล่านั้นก็ลงไปยังเมืองอันทิโอก และเมื่อเรียกคนทั้งปวงประชุมกันแล้ว จึงมอบจดหมายฉบับนั้นให้ เมื่ออ่านแล้วต่างก็มีความชื่นชมยินดีในคำหนุนใจนั้น” 

  1. เราควรฉวยโอกาสให้กำลังใจ เสริมสร้าง เยี่ยมเยียนพี่น้องผู้เชื่อให้เข้มแข็ง โดยการสั่งสอน และประกาศพระวจนะของพระเจ้า

กจ.15:32-36 “ยู‌ดาส​กับ​สิ‌ลาส​เป็น​ผู้‍เผย‍พระ‍วจนะ​ด้วย จึง​กล่าว​คำ​หนุน‍ใจ​พี่‍น้อง​หลาย​ประ‌การ​และ​ช่วย​ให้​มี​กำลัง​ใจ เมื่อ​พัก​อยู่​ระยะ​หนึ่ง​แล้ว พี่‍น้อง​ก็​ส่ง​ท่าน​ทั้ง‍สอง​กลับ‍มา​ยัง​คริสต‌จักร​ที่​ส่ง​ท่าน​มา​โดย​อวย‍พร​ให้​มี​สันติ‍สุข เปา‌โล​กับ​บาร‌นา‌บัส​ก็​ยัง​อยู่​ต่อ​ที่​เมือง​อัน‌ทิ‌โอก​เพื่อ​สั่ง‍สอน​และ​ประ‌กาศ​พระ‍วจนะ​ของ​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า​ด้วย‍กัน​กับ​คน​อื่น​อีก​หลาย​คน เมื่อ​ผ่าน​ไป​ระยะ​หนึ่ง เปา‌โล​จึง​พูด​กับ​บาร‌นา‌บัส​ว่า “ไป​กัน​เถอะ กลับ​ไป​เยี่ยม​พี่‍น้อง​ใน​ทุก​เมือง​ที่​เรา​ประ‌กาศ​พระ‍วจนะ​ของ​องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้า ดู​ว่า​เขา‍ทั้ง‍หลาย​เป็น​อย่าง‍ไร​กัน​บ้าง”

  1. เราควรพัฒนาสัมพันธภาพกับพี่น้อง ผู้เชื่อในคริสตจักรต่าง ๆ ให้ใกล้ชิดสนิทสนมยิ่ง ๆ ขึ้น

รม.16:3-16 “ขอทักทายมายังนางปริสคาและอาควิลลา ผู้ร่วมงานกับข้าพเจ้าในพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ ซึ่งได้เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอขอบคุณเขาทั้งสอง ไม่เพียงข้าพเจ้าคนเดียว แต่คริสตจักรทุกแห่งของคนต่างชาติด้วย และขอฝากคำทักทายมายังคริสตจักรที่อยู่ในบ้านเขาด้วย ขอฝากคำทักทายมายังเอเปเนทัสที่รักของข้าพเจ้า ผู้เป็นคนแรกที่เข้ามาเชื่อในพระคริสต์ในแคว้นเอเชีย ขอฝากคำทักทายมายังมารีย์ ผู้ที่ตรากตรำเพื่อท่านทั้งหลาย ขอฝากคำทักทายมายังอันโดรนิคัสกับนางยูเนีย พี่น้องร่วมชาติซึ่งเคยถูกจำจองร่วมกับข้าพเจ้า เขาทั้งสองเป็นคนมีชื่อเสียงดีในหมู่พวกอัครทูต ทั้งได้อยู่ในพระคริสต์ก่อนข้าพเจ้าด้วย ขอฝากคำทักทายมายังอัมพลีอาทัส ที่รักของข้าพเจ้าในองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอฝากคำทักทายมายังอูรบานัส ผู้ร่วมงานกับเราในพระคริสต์ และยังสทาคิสที่รักของข้าพเจ้า ขอฝากคำทักทายมายังอาเป็ลเลสผู้ที่เคยพิสูจน์ความภักดีต่อพระคริสต์ ขอฝากคำทักทายมายังคนในครอบครัวของอาริสโทบูลัส ขอฝากคำทักทายมายังเฮโรดิโอนน้องร่วมชาติของข้าพเจ้า ขอฝากคำทักทายมายังคนในองค์พระผู้เป็นเจ้าที่อยู่ในครอบครัวของนารซิสสัส ขอฝากคำทักทายมายังตรีเฟนาและตรีโฟสา ผู้ที่ตรากตรำในองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอฝากคำทักทายมายังนางเปอร์ซีสที่รัก ผู้ที่ปฏิบัติงานมากมายในองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอฝากคำทักทายมายังรูฟัส ผู้ที่ทรงเลือกไว้ในองค์พระผู้เป็นเจ้า และมารดาของเขาซึ่งเป็นมารดาข้าพเจ้าด้วย ขอฝากคำทักทายมายังอาสินครีทัส ฟเลโกน เฮอร์เมส ปัทโรบัส เฮอร์มาส และบรรดาพี่น้องที่อยู่กับเขาเหล่านั้น ขอฝากคำทักทายมายังฟีโลโลกัส นางยูเลีย และเนเรอัสกับน้องสาวของเขา และโอลิมปัสกับบรรดาธรรมิกชนที่อยู่กับพวกเขา จงทักทายกันด้วยธรรมเนียมจูบอันบริสุทธิ์ บรรดาคริสตจักรของพระคริสต์ขอฝากคำทักทายมายังพวกท่านด้วย

หากเรากระทำตามคำแนะนำข้างต้นนี้ เราก็จะมีสัมพันธภาพที่สมควรกับพี่น้องคริสเตียนกลุ่มหรือคริสตจักรต่าง ๆตามตัวอย่างที่ปรากฏในพระคัมภีร์ และสัมพันธภาพที่ดีเช่นนี้ เป็นสัมพันธภาพที่พระเจ้าทรงพอพระทัย และพร้อมจะอวยพรให้เจริญรุ่งเรือง และมีความสงบสุขในท่ามกลางพี่น้องตลอดไป!

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

7 สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

27-11-16

7สิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

1.อย่าคุยโม้โอ้อวด
2.อย่าพูดยกย่องตัวเอง
3.อย่าทอดทิ้งเพื่อน
4.อย่าสร้างปัญหาหรือเพิ่มภาระให้พี่น้อง (โดยไม่จำเป็น หรือไม่ก่อประโยชน์)
5.อย่าซื่อบื้อดื้อรั้น ปิดหูปิดตา ไม่ใส่ใจคำเตือน ยังคงเดินดุ่ยๆเข้าไปหาปัญหาหรืออันตราย
6.อย่าทำอะไรที่ดี (ตามความคิดของเรา) แต่ไม่ถูกจังหวะหรือกาลเทศะ
7.อย่าเป็นคนหยุมหยิม ทำให้คนอื่นหงุดหงิด ชวนทะเลาะกันอยู่ตลอดเวลา!

ข้อพระธรรมเตือนสติ!

1.อย่าคุย‍อวดถึงพรุ่ง‍นี้ เพราะเจ้าไม่ทราบว่าวัน‍หนึ่งๆ จะนำอะไรมาให้บ้าง

2.จงให้คนอื่นสรร‌เสริญเจ้า และไม่ใช่ปากของเจ้าเอง ให้คน‍ต่าง‍ด้าวสรร‌เสริญ และไม่‍ใช่ริม‍ฝี‍ปากของเจ้าเอง

3.อย่าทอด‍ทิ้งเพื่อนของเจ้า และเพื่อนของบิดาเจ้า และ

4.อย่าไปที่บ้านพี่‍น้องของเจ้าในวัน‍ที่เจ้าพบความหายนะ เพื่อน‍บ้านที่อยู่ใกล้ ดีกว่าพี่‍น้องที่อยู่ไกล

5.คนสุขุมเห็นอัน‌ตรายและซ่อน‍ตัวเสีย แต่คน‍รู้‍น้อยเดินเรื่อย‍ไปและรับอัน‌ตรายนั้น

6.คนที่ตื่นแต่‍เช้า‍มืดไปอวย‍พรเพื่อน‍บ้านด้วยเสียง‍ดัง เขากลับจะเห็นว่าเป็นคำ‍สาปแช่ง

7.หยาด‍ฝน หยดลง‍มาไม่หยุดในวันฝน‍ตกพรำๆ ฉัน‍ใด ผู้‍หญิงขี้‍ทะเลาะก็เหมือน‍กันฉัน‍นั้น”

(สุภาษิต‬ ‭27:1-2, 10, 12, 14-15‬ ‭THSV11‬‬)

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดคืออะไร?

%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%8b%e0%b8%b9%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%80%e0%b8%a5%e0%b8%b5%e0%b9%89%e0%b8%a2%e0%b8%87

ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดคืออะไร?

“ความสัมพันธ์กับพระเจ้า คือ ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดที่คุณสามารถมีได้”

(A Relationship with God is the best relationship you can have.)

ในแต่ละวัน คุณใช้เวลาไปกับใคร หรือเรื่องอะไร?

แล้วคุณใช้เวลากับพระเจ้ามากน้อยเพียงใดในแต่ละวัน?

เราย่อมทราบกันดีว่า ไม่มีทางมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันได้ หากไม่มีเวลาให้แก่กันอย่างเพียงพอ การใช้เวลาด้วยกันปีละ 1 ครั้ง 2 ครั้ง หรือแม้แต่อาทิตย์ละครั้งนั้น เพียงพอต่อการปูพื้นฐานความสัมพันธ์ที่สนิทสนมใกล้ชิดกันได้หรือไม่ เราคงจะมีคำตอบที่รู้อยู่แก่ใจแล้ว!

หากไม่มีการใช้เวลาร่วมสุขทุกข์กัน ก็ย่อมไม่มีความสัมพันธ์ใดคู่ควรต่อการกล่าวถึงหรือระลึกถึง!

พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างในการใช้เวลาเป็นส่วนพระองค์กับพระเจ้าพระบิดาในแต่ละวันที่ต่อมาได้กลายมาเป็นต้นแบบแก่ผู้เชื่อพระองค์ทุกคนที่จะเจริญรอยตาม ที่เราเรียกว่า “การเฝ้าเดียว”

“เมื่อพระ‍เยซูทรงทราบแล้ว จึงทรงลงเรือเสด็จไปจากที่นั่น ไปยังที่สงบตามลำพัง เมื่อฝูง‍ชนทราบ เขา‍ทั้ง‍หลายก็ออกจากเมืองต่างๆ เดินตามพระ‍องค์ไป” (มธ.14:13)

“และเมื่อทรงให้ฝูง‍ชนไปหมดแล้ว พระ‍องค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาตามลำพังเพื่ออธิษ‌ฐาน เวลาก็ดึกมาก พระ‍องค์ยังประ‌ทับที่นั่นแต่ลำ‌พัง”  (มธ.14:23)

“ขณะ‍ที่พระ‍องค์กำลังอธิษฐานอยู่ตามลำพังโดยมีสาวกทั้ง‍หลายอยู่ใกล้ๆ พระ‍องค์ตรัสถามพวก‍เขาว่า “คนทั้ง‍หลายพูดกันว่าเราเป็นใคร?” (ลก.9:19)

ยิ่งเรามีเวลาใกล้ชิดพระเจ้ามากเท่าไร เราก็จะยิ่งรู้จักตัวเราเองมากขึ้นเท่านั้น ว่าแท้จริง เราไม่มีอะไรที่จะอวดได้เลย แต่ตรงกันข้าม เมื่อเรารู้จักกับพระเจ้ามากขึ้น ใจของเราก็จะมีเรื่องขอบคุณสรรเสริญพระเจ้าไม่ขาดปาก!

และเราจะพบว่า การมีเวลาและมีความสัมพันธ์กับพระเจ้า เป็นส่วนตัว แท้จริงเป็นบ่อเกิดแห่งพลังในการดำเนินชีวิตและในการรับใช้ของเรา ทำให้เราสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากของชีวิตได้ง่ายขึ้น และทำให้รู้สึกอบอุ่นมั่นคงปลอดภัยในจิตวิญญาณของเรา

ดังนั้น ให้เราจัดลำดับความสำคัญในการให้เวลากับพระเจ้าก่อนบุคคลใดหรือสิ่งใด ๆ ในโลกนี้  ขอให้เราน้อมใจยอมให้พระเจ้าทรงเป็นหนึ่งเสมอในความสัมพันธ์ต่าง ๆ ของเรา ไม่ว่าจะเป็น

  • ชีวิตแต่งงาน และครอบครัว
  • การงานอาชีพ หรือการศึกษาเล่าเรียน
  • การรับใช้
  • ความสำเร็จ         ฯลฯ

ให้เราไม่ต้องกลัวหรือวิตกในสิ่งใด เพราะว่า ทุกวันเรามีพระเจ้าที่เราสามารถจะเข้าหา ขอคำปรึกษา ขอสติปัญญา ขอพละกำลัง และขอการสนับสนุนช่วยเหลือได้ตลอดเวลา ยิ่งเรามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระเจ้ามากเท่าไร เราก็ยิ่งเหลือความวิตกกังวลหรือความกลัวต่าง ๆ ในชีวิตน้อยลงมากขึ้นเท่านั้น

ดังนั้น ขอให้เราจะถือและยึดความสัมพันธ์กับพระเจ้าเป็นเรื่องความสำคัญลำดับแรกในทุกส่วนในชีวิตของเรา

…เห็นด้วยไหมครับ?

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ JesusTheGoodShepherd)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ความรอดคืออะไร?

%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%94%e0%b8%84%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%b0%e0%b9%84%e0%b8%a3

ความรอดคืออะไร? (What Is Salvation?)

คำว่า “ความรอด” (Salvation) เป็นคำสำคัญในชีวิตของคริสเตียน และของคนทั้งโลก

แต่คำว่า “ความรอด” นั้น มีความหมายว่าอะไร? คำจำกัดความที่สั้นที่สุดคือ “การปลดปล่อย” (deliverance)

แต่ “ปลดปล่อย” จากอะไร?

ในพระคัมภีร์เดิมกล่าวถึงการที่พระเจ้าช่วยปลดปล่อยชาวอิสราเอล (ภายใต้การนำของโมเสส) ให้รอดพ้นจากความตาย และความเป็นทาสของกองทัพของฟาโรห์ โมเสสกล่าวกับประชาชนอิสราเอลเมื่อถึงทะเลแดงว่า …

“อย่ากลัวเลย จงยืนนิ่งอยู่ คอย‍ดูความรอดจากพระ‍ยาห์‌เวห์ ซึ่งทรงทำเพื่อพวก‍ท่านในวัน‍นี้ เพราะคนอียิปต์ที่เห็นในวัน‍นี้ พวก‍ท่านจะไม่‍ได้เห็นอีกตลอด‍ไป” (อพยพ 14:13)

และพระเจ้าทรงช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากกองทัพของอียิปต์จริง ๆ

ในพระคัมภีร์ใหม่ ใช้คำว่า “ความรอด” (salvation) เจาะจงในความหมายของการ “ปลดปล่อย” ให้พ้น “โทษทัณฑ์ของบาป” (The penalty of sin) ซึ่งหมายถึง ความตายชั่วนิรันดร์

“เพราะ‍ว่าค่า‍จ้างของบาปคือความตาย แต่ของ‍ประ‌ทานจากพระ‍เจ้าคือชีวิตนิ‌รันดร์ในพระ‍เยซู‍คริสต์องค์‍พระ‍ผู้‍เป็น‍เจ้าของเรา”  (โรม 6:23)

พระธรรมฮีบรู จึงเรียก “ความรอด”  ซึ่งปลดปล่อยเราให้พ้นความตายนิรันดร์นั้น ว่า…

“ความรอดอันยิ่งใหญ่” (so great a salvation)

ทำไมความรอดจึงสำคัญ?

เพราะว่า วิญญาณจิตของเราทุกคนเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งของพระเจ้า แต่น่าเศร้าที่ทุกจิตวิญญาณทำบาป!

“เพราะ‍ว่าทุก‍คนทำบาป และเสื่อมจากพระ‍สิริของพระ‍เจ้า”  (โรม 3:23)

และผลที่ตามมาก็คือ ทุกวิญญาณจิตที่ทำบาปจะต้องตาย!

“นี่‍แน่ะ ชีวิตทั้ง‍หมดเป็นของเรา ชีวิตบิดาเป็นของเราเช่น‍เดียวกับที่ชีวิตบุตรก็เป็นของเรา ชีวิตใดที่ทำบาปก็จะต้องตาย” (เอเสเคียล 18:4)

แต่พระเจ้าทรงรักมนุษย์บาปอย่างเรา จึงเสด็จลงมาในโลกนี้ โดยรับสภาพมนุษย์ด้วยพระนาม “พระเยซูคริสต์” ที่แปลว่า “ผู้ช่วยให้รอด” เพื่อประทาน “ความรอด” เป็นของขวัญแห่งชีวิตนิรันดร์แก่มนุษย์ทุกคนที่เชื่อวางใจในข่าวดีแห่งวันคริสตมาสนี้

วันนี้ หากว่าเรารับข่าวดีแห่งการไถ่บาปของเรา โดยพระคริสต์นี้ด้วยความเชื่อศรัทธาอย่างจริงใจ  เราก็จะรอด และได้รับการ “ปลดปล่อย” จากหนี้และโทษบาปแห่งความตายนิรันดร์นี้ได้

วันนี้ คุณรอดแล้วหรือยัง?

หากยัง คุณจะรีรออีกทำไม?

แต่หากคุณรอดแล้ว คุณจะมัวอยู่เฉยไปใย

จงรีบออกไปช่วยใครสักคนให้ได้รับการ “ปลดปล่อย” จากโทษแห่งความตายเพราะบาปของเขาเอง โดยข่าวประเสริฐแห่งความรอดนี้!

ณ บัดนี้เลย จะดีไหม?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ mwordsandthechristianwoman.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ยังไม่ยอมให้อีกหรือ?

%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89

ยังไม่ยอมให้อีกหรือ?

“ไม่มีสิ่งใดที่คุณ ไม่ได้ให้ออกไป จะเคยเป็นของ ๆ คุณ!”

(Nothing that you have not given away will ever be really Yours.)           -C.S. Lewis-

หากเรามีสิ่งใดแล้วไม่เคยใช้ ก็เหมือนกันว่า เราไม่เคยมีสิ่งนั้นเลย

มีเก้าอี้ แต่ไม่เคยนั่ง ก็เหมือนไม่เคยมีเก้าอี้

มีรถ (จักรยาน) แต่ไม่เคยขับ(ขี่) ก็เหมือนไม่เคยมี

มีเงิน แต่ไม่ใช้ ก็เหมือนไม่มี

มีบ้าน แต่ไม่เคย(มีใคร) พักอยู่อาศัย ก็เหมือนกับไม่มี

มีสิ่งของอื่นใดอีก แต่ไม่ใช้ ก็เหมือนไม่เคยมีสิ่งเหล่านั้น!

รวมทั้ง หากมีความสามารถหรือของประทาน แต่ไม่ได้นำออกมาใช้ ก็เหมือนกับไม่มีเช่นกัน!

ดังนั้น หากวันนี้ คุณมีลมหายใจ หรือมีชีวิตอยู่ แต่ยังไม่ได้ใช้ชีวิตนั้นอย่างเกิดคุณค่าต่อคนอื่น หรือเกิดประโยชน์ต่อแผ่นดิน (ทั้งแผ่นดินโลก และแผ่นดินของพระเจ้า)   เราก็ไม่เคยเป็นเจ้าของชีวิตที่มีอยู่เลย ทำให้เสียของไปเปล่า ๆ เราต้องตระหนักไว้เสมอว่า ชีวิตของเราในโลกนี้ช่างสั้น ดุจลมหายใจ

“ดู‍สิ พระ‍องค์ทรงทำให้วัน‍เวลาของข้า‍พระ‍องค์สั้นแค่สองสามฝ่า‍มือเท่า‍นั้น ช่วง‍ชีวิตของข้า‍พระ‍องค์ไม่‍เท่า‍ไรเลย เฉพาะ‍พระ‍พักตร์พระ‍องค์ แน่ที‍เดียว มนุษย์ทุกคนดำรงอยู่ชั่วเวลาหนึ่งอย่างลมหายใจ  (สดุดี 39:5)

ดังนั้น ก่อนที่ลมหายใจของคุณจะหมดลง จงมอบสิ่งดีที่คุณมีให้แก่คนรอบข้างคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่คุณรัก และที่รักคุณและคนที่อยู่ใกล้ตัวของคุณมากที่สุด

…จะดีไหมครับ?

“แน่ที‍เดียว มนุษย์ไปๆ มาๆ อย่างเงา แน่ที‍เดียว เขาวุ่น‍วายอยู่เปล่าๆ เขาโกยกองสมบัติไว้ และไม่ทราบว่าใครจะเก็บไป”  (สดุดี 39:6)

 

 -ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ Thetrustforpublicland)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

เราจะเป็นความสว่างได้อย่างไร?

%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%a2%e0%b8%8b%e0%b8%b9%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b9%87%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2

เราจะเป็นความสว่างได้อย่างไร?

 “มีอยู่ 2 วิถีทางในการส่องสว่าง หนึ่งคือ เป็นเทียนที่จุดไว้ หรือสอง เป็นกระจกสะท้อนแสงสว่างนั้น”

(There are two ways of spreading light; to be the candle or the mirror that reflects it.)

 

ใช่ครับ คุณเลือกได้ว่า คุณจะเป็นแค่ ตัวสะท้อนแสงหรือเป็นตัวแสงที่ส่องสว่างออกไป!

พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราเป็น  “แสงสว่างต่อทุก ๆ เงามืด” (a light for every shadow)

พระเจ้าทรงจัดเตรียมปัจจัยต่าง ๆ ไว้สำหรับเรา (เพื่อให้เราทำหน้าที่เป็นแสงแห่งสังคมโลก) อาทิ

…กุญแจสำหรับทุกปัญหา (a key for every problem)

…การบรรเทาสำหรับทุกความเศร้าโศก (a relief for every sorrow)

…แผนการสำหรับทุก ๆ วันในอนาคต (a plan for every tomorrow)

เราต้องมีความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าอย่างแท้จริง

“และความศรัทธานั้นจะเป็นดุจแสงสว่างที่นำทางเราให้ผ่านพ้นความมืดมิดได้”

(Faith is the light that guides you through the darkness)

เพราะ

ความศรัทธาคือ การมองเห็นแสงสว่างด้วยหัวใจของเรา ในขณะที่สายตาของเรามองเห็นแต่ความมืดมิด

(Faith is seeing light with your heart when all your eyes see is darkness)

แล้วความสว่างในชีวิตของเราจะได้มาจากไหน?        คำตอบคือ

ได้มาจากพระวจนะของพระเจ้า    ดังที่กษัตริย์ดาวิดตรัสว่า…

พระวจนะของพระองค์เป็นตะ‌เกียงแก่เท้าของข้า‍พระ‍องค์ และเป็นความสว่างแก่ทางของข้า‍พระ‍องค์” (สดุดี 119:105)

ใช่ครับ พระวจนะของพระเจ้าเป็นความสว่างแก่ทางเดินชีวิตของเรา~

ยิ่งได้คนที่รู้กระจ่างในพระวจนะมาอธิบาย หรือ มาสอนเราด้วย ก็ยิ่งทำให้เราได้ความสว่างหรือความเข้าใจมากยิ่งขึ้นไปอีก

“พระ‍โอ‌วาทของพระ‍องค์น่า‍อัศ‌จรรย์ เพราะ‍ฉะนั้นข้า‍พระ‍องค์จึงรักษาไว้ การอธิบายพระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง ทั้งให้ความเข้า‍ใจแก่คน‍รู้‍น้อย”           (สดุดี 119:129-130)

ดังนั้น จุดเริ่มต้นของการเป็นแสงสว่างที่ค่อย ๆ เจิดจ้าขึ้นคือ การเข้าใกล้พระเจ้าและพระวจนะของพระองค์ทุกวัน รวมทั้งการเข้ากลุ่มศึกษาพระคัมภีร์ในคริสตจักรควบคู่ไปกับการกระทำตามทุกบทเรียนที่เรียนรู้ด้วยใจกระตือรือร้น

อย่าให้เราเอาแต่บ่นว่าสังคมชั่วร้าย หรือมืดมิด แต่ขอให้เราส่องสว่าง เริ่มต้นจากวันที่เราเป็นเพียงแค่แสงเล็กน้อย ไปถึงวันที่เราเป็นแสงใหญ่ส่องเข้าไปในสังคมที่คนเห็นกันได้โดยทั่ว โดยขอให้เราเริ่มต้นเป็นแสงสว่างที่ส่องสว่างในชีวิตของใครสักคนหนึ่งก่อน!

จะดีไหม?

…แล้วคน ๆ นั้นคือใคร?

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ w-dog.net)