Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถ้าหากเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบไม่ได้ล่ะ?

ถ้าหากเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบไม่ได้ล่ะ?

“ไม่มีหนทางใดที่จะทำให้คุณเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบได้ แต่มีนับล้านหนทางที่คุณจะเป็นแม่ที่ดีได้!”

(There is no way to be a perfect mother, and a million ways to be a good one.) -Jill Churchill-

มีน้อยคนหรือแทบไม่มีสักคนที่เป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบ สตรีบางคนเกิดมาสูงศักดิ์ รวยทรัพย์ และเติบโตขึ้นมาด้วยองค์ประกอบที่ดีเลิศ แต่กระนั้น ก็ยังไม่สามารถเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบได้เลยแม้แต่สักคนเดียว   เพราะแม่ก็คือมนุษย์เดินดินคนหนึ่ง และมนุษย์ทุกคนต่างก็ล้วนเป็นคนบาป!             

อย่างไรก็ตามผู้หญิงทุกคนสามารถเรียนรู้ที่จะเป็นแม่ที่ดีได้ทุกคน อาทิ

  1. ให้เรียนรู้จากผู้มีความรู้และประสบการณ์ในการเลี้ยงลูก และนำบทเรียนนั้นมาประยุกต์ปฏิบัติให้เหมาะสมกับลูกของตน
  2. ให้มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนที่ลูกรับรู้และนำมาปฏิบัติตามได้
  3. ให้มีการสร้างวินัยให้แก่ลูก ตั้งแต่ก่อนทำผิดพลาด และมีการลงวินัยด้วยความรัก เมื่อมีการละเมิดกฎกติกา
  4. ให้แสดงความรักห่วงใยต่อลูกอยู่เสมอเป็นประจำอย่างไม่ขาดตอนหรือถูกบั่นทอนด้วยอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของผู้เป็นแม่
  5. ให้เปิดช่องหรือโอกาสเพื่อให้ลูก ๆ สามารถเข้าหาและพูดคุยหรือขอคำปรึกษาจากผู้เป็นแม่ได้ เสมอ ด้วยความเต็มใจและยินดี
  6. ให้การยอมรับตัวลูกของตนเองตามสภาพที่เขาเป็นอยู่ด้วยความรักเอ็นดู (โดยไม่คาดหวังบีบคั้น กดดันให้เขาเป็นคนอย่างที่ตัวของแม่ ต้องการ)
  7. ให้มีเวลาที่ใช้ร่วมกันเป็นส่วนตัวกับลูกของตัวเองอย่างมีคุณภาพได้อย่างสม่ำเสมอ
  8. ให้การสนับสนุนลูก ๆ ในสิ่งดีที่ลูกทำแล้วมีความสุขและเพิ่มพัฒนาการทางใดทางหนึ่งให้แก่ตัวเขา
  9. ให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือในแผนที่ลูก ๆ คิดทำ และช่วยเหลือเท่าที่จำเป็น
  10. ให้คำแนะนำ หนุนใจเตือนสติและอบรมสั่งสอนลูกในทางที่เขาควรเดิน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทางของพระเจ้า)

-จนกว่าเขาจะรู้จักกับพระคริสต์เป็นส่วนตัว รับความรอดและเติบโตขึ้นในสัมพันธภาพกับพระองค์ ขอให้เราเข้าใจว่า ตัวเราเองหรือลูกของเราไม่ได้เกิดมาพร้อมคู่มือในการดำเนินชีวิต แต่เราเกิดมาในโลกนี้พร้อมกับแม่!

ดังนั้น ถ้าเราเป็นลูก เราต้องรับฟังคำแนะนำสั่งสอนของแม่ที่อยู่ในโลกนี้มาก่อนเรา หากเราเป็นแม่ เราก็ต้องรับผิดชอบในการแนะนำสั่งสอนลูกของเราที่เพิ่งเข้ามาสู่โลกนี้ และอยู่ในวัยเยาว์ ขาดความรู้และประสบการณ์

ขอให้ผู้เป็นแม่รักลูกอย่างที่พวกเขาเป็น เพราะแม่เป็นรักแรกของลูก ๆ ทุกคน และลูกก็รักแม่ตั้งแต่ลูกเริ่มลืมตาดูโลก!

ขอให้แม่เป็นดุจบทเพลงแห่งความรักห่วงใยที่ยังอยู่ในหัวใจของลูกอย่างไม่มีวันลืมเลือน และให้บทเพลงเหล่านั้นปลอบโยนและประโลมใจลูกอยู่เสมอในยามที่พวกเขาเผชิญทุกข์ภัย ลูกอาจจะลืมเนื้อเพลงในบางคำหรือบางตอนไปบ้าง แต่ลูกจะไม่มีวันลืมท่วงทำนองที่ฝังใจเหล่านั้นไปได้ตลอดกาล

ขอให้ทั้งผู้เป็นแม่และเป็นลูกเข้าใจตรงกัน ณ ที่ตรงนี้ว่า …

“ผู้เป็นแม่อาจเป็นเพียงแค่คนธรรมดาหรือคนเล็ก ๆ คนหนึ่งสำหรับโลกนี้ แต่สำหรับลูกแล้ว แม่คือโลกใบใหญ่ทั้งใบของพวกเขา!”

ขอให้ผู้เป็นลูกจะไม่ลืมเลือนคุณแม่ที่เสียสละเพื่อลูกตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าผู้เป็นแม่จะเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบหรือไม่  ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ที่สำคัญคือผู้เป็นลูกจะสนองตอบต่อพระคุณของคุณแม่อย่างไรบ้าง?

เช่นเดียวกันกับที่ไม่มีแม่ดีสมบูรณ์แบบ แต่แม่ทุกคนสามารถเป็นแม่ที่ดีต่อลูกได้ ผู้เป็นลูกก็เช่นกัน แม้ไม่มีวิธีเป็นลูกที่ดีต่อแม่แบบสมบูรณ์แบบ แต่มีนับล้านวิธีที่ลูกจะกระทำดีต่อแม่ได้ ลูกอาจจำไม่ได้ว่าแม่เคยทำอะไรดี ที่ยิ่งใหญ่แก่ตัวเขา  แต่ผู้เป็นแม่จะไม่มีวันลืมสิ่งดี ๆ (แม้จะเล็ก ๆ น้อยๆ) ที่ลูกทำให้กับแม่เลย ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดูด้อยค่าหรือน้อยนิดสักปานใดในสายตาของผู้คน

ดังนั้น ในเมื่อของขวัญทุกชิ้นของลูกล้วนมีความหมายต่อจิตใจของแม่ แล้วทำไมวันนี้ คุณผู้เป็นลูกจะไม่มอบสิ่งดีสักอย่างให้คุณแม่หรือ?

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ Idolfragrance.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ความแตกต่าง?

ความแตกต่าง?

“There is a difference between interest and commitment. When you’re interested in doing something, you do it only when it’s convenient. When you’re committed to something, you accept no excuses, only results.”     

                                                                                                    -Ken Blanchard

“มีความแตกต่างระหว่าง ความสนใจและการอุทิศตน เมื่อคุณสนใจทำบางสิ่งคุณจะทำก็ต่อเมื่อคุณสะดวกเท่านั้น แต่เมื่อคุณอุทิศตัวต่อบางอย่าง คุณจะไม่ยอมรับคำแก้ตัว คุณยอมรับเฉพาะผลลัพธ์เท่านั้น!”

วันนี้ คุณสนใจทำอะไรอยู่? สิ่งที่คุณสนใจนั้น ยังเป็นเพียงแค่ความสนใจอยู่เช่นเดิมหรือไม่? ถ้าเป็นเช่นนั้น แสดงว่าสิ่งนั้น ยังไม่มีความสำคัญจริงๆ ต่อคุณเลย เพราะถ้าสิ่งนั้นมีความสำคัญจริงๆ คุณจะไม่ทำแค่เมื่อคุณว่างหรือเมื่อเวลาคุณสะดวกเท่านั้น แต่คุณจะทุ่มเทแรงกาย สติปัญญา ความสามารถและอุทิศเวลา แม้แต่เงินทอง  เพื่อทำสิ่งที่คุณเห็นว่าสำคัญนั้นให้บรรลุเป้าหมายหรือเกิดผลลัพธ์ตามที่ปรารถนา

ในมิติชีวิตฝ่ายจิตวิญญาณก็เช่นกัน หากคุณเห็นว่าการมีความสัมพันธ์กับพระเจ้าเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง คุณจะอุทิศตัว และอุทิศเวลา ในการสร้างสัมพันธภาพกับพระองค์โดยไม่มีข้อแม้หรือข้อแก้ตัวใดๆ ไม่ว่าจะต้องตื่นเช้า หรือต้องนอนดึก

คุณจะจัดเวลาแยกออกมา เป็นส่วนตัวกับพระเจ้า ใช้ทุกนาทีดื่มด่ำกับการใคร่ครวญพระวจนะของพระองค์ เพื่อเข้าใจพระทัยและพระประสงค์ของพระองค์ และสนทนากับพระองค์ผ่านคำอธิษฐานด้วยความกระตือรือร้น แล้วผลที่ได้จากการอุทิศตน ใช้เวลาอยู่กับพระองค์เช่นนั้นทุกวันคืออะไร?  แน่นอนครับ

  • คุณจะเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น
  • คุณจะมองเหมือนอย่างพระองค์มองมากขึ้น
  • คุณจะคิดอย่างพระองค์คิดมากขึ้น
  • คุณจะพูดอย่างพระองค์พูดมากขึ้น และ
  • คุณจะทำอย่างที่พระองค์ทำมากขึ้น!

สิ่งหนึ่งที่คุณจะทำ ด้วยความร้อนรน คือ การรับใช้พระเจ้าและคนรอบตัวของคุณด้วยความชื่นชมยินดี โดยไม่คำนึงถึงผลสนองที่จะกลับคืนมา

  • คุณจะยิ้มแย้มได้ แม้เหงื่ออาบหน้า
  • คุณจะยอมรับและขอบคุณได้ แม้คุณไม่ได้รับสิ่งที่คุณปรารถนา หรือได้รับน้อยกว่าที่คุณคาดหวัง
  • คุณจะอดกลั้นอดทน แม้ว่าจะได้รับการยั่วยุ ท้าทาย ต่อต้าน หรือการข่มเหง
  • คุณจะไม่ถอดใจ แม้ว่าคุณจะผิดหวังกับคน หรือล้มเหลวกับสิ่งที่ทำ
  • คุณจะลุกขึ้นมา และเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งที่คุณล้มลง
  • คุณจะมุ่งมั่นพัฒนาการปรนนิบัติรับใช้ของคุณให้ดีขึ้นอยู่ตลอดเวลา
  • คุณจะไม่ทำชั่วหรือตอบแทนด้วยความเลวร้ายต่อผู้ใด ไม่ว่าเขาจะทำเลวร้ายต่อเราสักแค่ไหน เพราะเราได้รับการเปลี่ยนแปลงจากพระเจ้าแล้ว

ธรรมชาติชั่วๆ เดิมที่ครอบงำเรานั้นได้ถูกพระคริสต์กำจัดไปหมดสิ้น เราจะชั่วแบบเดิมไม่ได้แล้ว เพราะพระเจ้าประทานธรรมชาติใหม่ให้แก่เราคือธรรมชาติแห่งความรักเมตตาต่อทุกคน แม้แต่ศัตรูของเรา!

วันนี้ ขอให้เราไม่หยุดอยู่ที่การสนใจรับใช้พระเจ้า แต่ให้เราอุทิศตัวทั้งชีวิตเพื่อรับใช้พระคริสต์ ผ่านการรับใช้ทั้งในคริสตจักรหรือนอกคริสตจักร(ที่คริสตจักรช่วยกลั่นกรอง)

ขอให้การอุทิศตัว (Commitment) ของเรา และ ความสนใจ (Interest) ของเราจะตรงกัน เพื่อการปรนนิบัติรับใช้ของเราจะเกิดผล และก่อเกิดสุขขึ้นอย่างมากมายทั้งต่อ ชีวิตของเรา ครอบครัว คริสตจักร และสังคมไทย ตลอดจนสังคมโลก

…เห็นด้วยไหมครับ?

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ student-news.uk)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

คนแก่แบบไหนที่พระเจ้าต้องการ?

คนแก่แบบไหนที่พระเจ้าต้องการ? (สดุดี 92:14)

“มันยังออกผลเมื่อแก่แล้ว มันมีน้ำเลี้ยงเต็มและเขียวสดอยู่”

They still bear fruit in old age; they are ever full of sap and green 

ในไม่ช้า เราทุกคนก็จะแก่ตัวลง แต่เราจะเป็นคนแก่แบบไหน?

            แบบไร้ค่าหรือเปี่ยมด้วยคุณค่า?

            แบบเป็นภาระหรือเป็นพระพร?

            แบบสร้างปัญหาหรือแก้ปัญหา?

ข่าวดีคือ ….

เราจะเป็นคนแก่แบบไหนก็ได้?  ใช่ !  เราเลือกได้ แต่เราต้องลงมือทำตามที่เราเลือก! หากเราต้องการเป็นคนแก่ที่น่ารัก เราก็ต้อง… จงเริ่มต้นตั้งแต่การทำตัว เป็นเด็กที่น่ารัก

             เป็นอนุชนที่น่ารัก

             เป็นหนุ่มสาวที่น่ารัก

             เป็นผู้ใหญ่ที่น่ารัก   แล้วจึงจะกลายมาเป็นคนแก่ที่น่ารัก!

ดังนั้น จึงเป็นการดีที่เราจะเริ่มต้นทำสิ่งดี ๆ (แม้จะเล็ก ๆ น้อย ๆ ) ตั้งแต่บัดนี้ไปทุกวัน แนวทางที่เราควรทำก็คือ ขอให้เราเริ่มต้นวันใหม่ทุก ๆ วันด้วย

  • การทักทายผู้อื่นที่เราพบปะอย่างจริงใจในทุก ๆ ครั้งที่พบหน้าหรือติดต่อกัน(ทาง online ก็ได้)
  • การแสดงน้ำใจต่อคนที่อยู่ร่วมกับเรา ไม่ว่าจะที่บ้านหรือที่ทำงาน
  • การให้เวลา(แสดงความสนใจ) ต่อผู้อื่นที่เรารักหรือรักเรา
  • การขอโทษ/ขออภัยจากบุคคลอื่น ไม่ว่าสิ่งที่เราทำให้เขามีปัญหาหรือไม่สบายใจนั้นจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
  • การแสดงความขอบคุณเสมอ ไม่ว่า สิ่งที่ผู้อื่นกระทำต่อเราจะเป็นเรื่องเล็กน้อยสักเพียงใด
  • การให้ความใส่ใจและห่วงใยในความเป็นอยู่ของผู้คนที่เราพบปะอยู่ร่วมกันกับเราหรือทำงานให้เรา
  • การมีมารยาทในการพูดจาหรือการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน
  • การดูแลตัวเอง(สุขภาพ/การแต่งกาย) ให้เหมาะสมถูกต้องกับกาลเทศะ
  • การพูดจาหนุนใจ/ชมเชยผู้อื่นที่ได้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ดี
  • การแบ่งปันคำสอน/คำเตือนสติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่มาจากพระวจนะของพระเจ้าให้แก่กัน

พี่น้องที่รักขอให้เหล่าบรรดาผู้ที่กำลังอยู่บนเส้นทางของความเป็นผู้ใหญ่ และผู้อาวุโส จงทำตัวให้คนรุ่นหลังได้เห็นแบบอย่างที่ควรต่อการเจริญรอยตาม ขอให้เราเป็นดุจต้นไม้ที่แม้แก่แล้วแต่ก็ยังเกิดผลอยู่

“มันยังออกผลเมื่อแก่แล้ว มันมีน้ำเลี้ยงเต็มและเขียวสดอยู่” (สดุดี 92:14)

ขอให้เราเป็นแบบอย่างว่าที่ชัดเจน ชีวิตที่ติดตามและรับใช้พระเจ้ามายาวนานนั้นเป็นชีวิตแห่งพระพรที่พระเจ้าทรงอวยพรให้อยู่เสมอมา

“ข้าพเจ้าเคยหนุ่ม และเดี๋ยวนี้แก่แล้ว แต่ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นคนชอบธรรมถูกทอดทิ้ง หรือเห็นพงศ์พันธุ์ของเขาขอทาน” (สดุดี 37:25)

และขอให้เราเป็นแบบอย่างของครอบครัวดีที่รับใช้พระเจ้าร่วมกันจนวันตาย ดุจดังที่โยชูวาเคยประกาศไว้เป็นเจตนารมณ์ของครอบครัวของท่านว่า …

“และถ้าพวกท่านไม่เห็นด้วยที่จะปรนนิบัติพระยาห์เวห์ ท่านก็จงเลือกเสียในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบัติใคร จะปรนนิบัติบรรดาพระซึ่งบรรพบุรุษของท่านปรนนิบัติอยู่ในท้องถิ่นฟากตะวันออกของแม่น้ำ หรือบรรดาพระของคนอาโมไรต์ในแผ่นดินซึ่งท่านอาศัยอยู่ แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระยาห์เวห์(โยชูวา 24:15)

ดังนั้น ขอให้เหล่าผู้ใหญ่/ผู้อาวุโสทั้งหลายที่รักจงทำตัวทำใจให้เป็นคนมีไฟของพระเจ้าอยู่ในชีวิตตลอดเวลา ขอให้ท่านทำตัวให้เป็นเหตุที่พระเจ้าสมควรจะอวยพรท่าน และทำให้ตัวของท่านเป็นพรแก่คนอื่นต่อไป และขอให้ท่านส่งต่อแบบอย่างแห่งพระพรที่มีไฟเช่นนี้อย่างไม่อ่อนล้าอ่อนแรงให้แก่คนรุ่นต่อไป

  …จะดีไหมครับ?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ Fragantica)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

จะทำอย่างไรให้พระเจ้ายิ้ม?

จะทำอย่างไรให้พระเจ้ายิ้ม?

“จงรักผู้ที่ให้ มากกว่าของที่เขาให้มา !”

(Love the give more than the gift.)

คนเรามักรักของที่ได้รับมามากกว่าตัวของบุคคลผู้ที่ให้สิ่งของนั้นแก่เรา!

หลายครั้งลูก ๆ ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของพ่อแม่ที่ตรากตรำเพื่อให้ของขวัญที่ล้ำค่าแก่ลูก ๆ อย่างเช่น การศึกษาและการกินอยู่เท่ากับที่พวกเขาตื่นเต้นยินดี และเพลิดเพลินกับของขวัญที่พวกเขาได้รับมาจากผู้เป็นพ่อแม่ และหนุ่มสาวทุกคนไม่ว่าจะเติบใหญ่มาแล้วสักเพียงใด เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่า เรามีพระเจ้าพระบิดาผู้ทรงรักพวกเราตลอดมา นับตั้งแต่เราคลอดออกมา จนเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่  พระเจ้าก็ยังทรงรักเราไม่เคยเปลี่ยนแปลง!

พระเจ้ายังคงเชื่อมั่นในตัวของเราอยู่เสมอ เพียงแต่ต้องถามว่า แล้วเราเชื่อมั่นในพระเจ้า และความรักของพระองค์มากแค่ไหน?

พระเจ้าไม่ได้ทรงปรารถนาสิ่งใดๆ จากเรามากเท่ากับหัวใจของเรา พระองค์เพียงปรารถนาดวงใจที่รักและศรัทธาในพระองค์อย่างจริงใจ หัวใจที่รักมักยังคงสดใสอยู่เสมอ พระองค์ชอบใจที่สดใสของเราและพระองค์มักยิ้มเสมอ เมื่อเรามีความสุข และมีรอยยิ้มอันสดใส ย้ำอีกครั้ง พระองค์มิได้ปรารถนาวัตถุสิ่งของหรือเงินทองใด ๆ จากเรา พระองค์ต้องการ “ตัวของเรา” มากกว่า “ของของเรา”

ดังนั้น ขอให้เรารักพระองค์มากขึ้น

  • ขอให้เราสำแดงความรักนั้นออกมาเป็นคำพูด และการกระทำ แก่คนอื่นด้วย เพราะเราไม่อาจที่จะรักพระเจ้าโดยไม่รักคนของพระเจ้า
  • ขอให้เราเป็นผู้ให้ที่มีใจกว้าง และดียิ่งขึ้นกว่าที่ผ่านมา
  • ขอให้เรามอบคำพูดที่ดี ๆ ที่ให้กำลังใจแก่คนที่กำลังต้องการอยู่เสมอ
  • ขอให้เราแสดงอากัปกิริยาหรือการกระทำใด ๆ ที่ทำให้ผู้ที่ได้พบได้เห็นได้รับพลังในการดำเนินชีวิตและในการรับใช้
  • ขอให้เราต้องระลึกถึงพระดำรัสของพระเยซูคริสต์ที่ว่า…

      “การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ’ ” 

       ‘It is more blessed to give than to receive’ (กิจการ 20:35)

ด้วยเหตุนี้ขอให้คนหนุ่มสาวทั้งหลายจงนำเอาพลังแห่งศรัทธารวมกับพลังแห่งรักมามอบถวายแด่พระเจ้า ขอให้เรามาทำให้พระเจ้ามีความสุขบ้าง ถ้าเรารักพระเจ้าจริง ๆ เราก็จงทำให้พระเจ้ามีความสุขและยิ้มได้! ขอให้เราคิดดูว่า เราได้ทำอะไรไปแล้วบ้างที่ได้ทำให้ พระเจ้ายิ้ม!

ท้ายนี้ – ขอให้คุณสงบใจสักครู่หนึ่งแล้วเขียนออกมาเป็นข้อๆ ว่า คุณคิดจะทำอะไรบ้าง ที่คิดว่าจะทำแล้วพระเจ้าจะทรงมีความสุขและยิ้มได้ !

ลองเขียนออกมาเลยครับ

1…………………………….

2……………………………

3…………………………..

4………………………….

5………………………….

ขอให้คุณแบ่งปันสิ่งที่คุณเขียนกับคนใกล้ตัวของคุณในวิถีทางใดทางหนึ่ง แล้วคุณจะเริ่มต้นทำอะไรในบ้านของคุณก่อนเพื่อให้ทุกคนในบ้านนั้นมีความสุข ลองเขียน 3 สิ่งที่คุณจะทำในบ้าน/ครอบครัวของคุณ แล้วพระเจ้ายิ้มออกมา

1………………………………….

2…………………………………

3…………………………………..

จากนั้น ขอให้คุณลงมือทำตามสิ่งที่เขียน(หรือคิดในใจ) ภายในอาทิตย์นี้เลยนะครับ!

และขอลองอีกสักครั้ง นั่นคือช่วยให้คุณกรุณาเขียนถึงสิ่งที่คุณตั้งใจจะกระทำในคริสตจักรของคุณ ที่คุณเชื่อว่า ถ้าทำแล้วจะทำให้พระเจ้ายิ้มได้ สัก 3 ประการเช่นกัน คือ

1………………………………….

2…………………………………

3…………………………………..

จากนั้นก็ขอให้คุณลงมือทำตามที่คุณคิดและเขียน แล้วส่งสิ่งที่คุณเขียนนี้ให้กับคริสตจักรด้วย เพื่อว่าคุณจะได้ทำให้คริสตจักรของคุณมีความสุข และทุกคนในโบสถ์ก็สามารถให้กันและยิ้มด้วยกันได้อย่างเต็มที่

…. จะดีไหมครับ?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ VectorStock)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

พระเจ้ามีพระประสงค์อะไรจากเรา?

พระเจ้ามีพระประสงค์อะไรจากเรา?

“เรารัก ก็เพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน” 

We love because He first loved us. (1ยอห์น4:19 THSV11)

พระประสงค์ของพระเจ้าคืออะไร?

เราเรียนรู้จากพระคริสตธรรมคัมภีร์ว่าพระเจ้าทรงสร้างเราขึ้นมาเพื่อให้เรามีสามัคคีธรรมกับพระองค์

พระเจ้าประสงค์ให้เราได้นมัสการ และมีส่วนร่วมแบ่งปันในพระสิริและความสุขนิรันดร์กับพระองค์ 

พระเจ้าประสงค์ให้เราเรียนรู้จักพระองค์เพิ่มขึ้นอยู่เสมอเพื่อเราจะได้รู้ว่า พระองค์ทรงน่ารักมากรักเพียงใด จนเราอดไม่ได้ที่จะรักพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระองค์ทรงรักเราก่อน และแน่นอนว่า ถ้าเรารักพระองค์ เราจะอยู่นิ่งเฉยไม่ได้ เราจะต้องหาหนทางรับใช้พระองค์ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างแน่นอน และวิถีทางหนึ่งที่เป็นการรับใช้พระเจ้าที่ดี ก็คือ การที่เราได้รับใช้คนในครอบครัวของเรา ทั้งครอบครัวทางฝ่ายกายภาพและครอบครัวทางฝ่ายจิตวิญญาณของเรา คือ คริสตจักร

มีผู้กล่าวไว้ว่า …

            “การรับใช้พระเจ้าเป็นการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก”

              (Serving God is the greatest adventure in the world.)

ผมได้รับใช้พระเจ้ามามากกว่า 40 ปี ผมขอยืนยันว่า เป็นความจริง! การรับใช้พระเจ้าเป็นความตื่นเต้น เป็นความสุขยินดี เป็นพลังแก่จิตวิญญาณของผม การรับใช้พระเจ้ามักจะกลายเป็นพรต่อชีวิตของตัวผู้ที่รับใช้เอง

เป็นเรื่องแปลกแต่จริง หากเราใช้เวลาและพลังทั้งหมดที่เรามีไปรับใช้โลก รับใช้กิจกรรมทางสังคม รับใช้งาน รับใช้เงินทอง รับใช้สิ่งต่าง ๆ ในโลก พอถึงบั้นปลายทุกอย่างที่เราทำไว้ ก็แทบจะกลายเป็นศูนย์ แต่ยิ่งเรารับใช้ โดยแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน  โดยรักพระเจ้าและรักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราจะตื่นเต้น ดุจดังได้ผจญภัยครั้งใหญ่ และเห็นพระเจ้าทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงที่เราจำเป็นให้อย่างเหมาะสมในเวลาของพระองค์ นับว่าเป็นจริงตามที่องค์พระเยซูคริสต์ตรัสไว้

“แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่ง ทั้งปวงนี้ให้”

(But seek first the kingdom of God and his righteousness, and all these things will be added to you.) (มัทธิว 6:33)

ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า การได้เรียนรู้จักพระเจ้า และสิ่งที่พระเจ้ากระทำ (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเรา) จะยิ่งทำให้เรารักพระองค์อย่างสุดหัวใจ และแน่นอนว่า เมื่อเรารักพระองค์แล้ว เราก็จะอุทิศทุ่มเททั้งหมดที่เรามีอยู่เพื่อรับใช้พระองค์โดยไม่เสียดาย ซึ่งจะนำไปสู่มิติแห่งพระพรเหลือล้นในชีวิตของเรา

ไม่เชื่อลองดูสิครับ!

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

– twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ ETF Trends)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

จะหาอนุชนอย่างดาเนียลในคริสตจักรได้อย่างไร?

จะหาอนุชนอย่างดาเนียลในคริสตจักรได้อย่างไร?

“น้ำพระทัยของพระเจ้าจะไม่นำคุณให้ไปในที่ ๆ พระคุณของพระเจ้าจะไม่ปกป้องคุณ”

(The will of God will not take you where the grace of God will not protect you.)

เมื่อพระเจ้าทรงเรียก และเลือกเรา ไม่ว่าเราจะอยู่ในวัยใด หรือในสภาพการณ์ใด พระองค์จะทรงนำเราและปกป้องคุ้มครองเราไปตลอดเส้นทางตามแผนการของพระองค์

  • ดาเนียลเป็นตัวอย่างที่ดียอดเยี่ยมของการเป็นคนที่มีจุดยืนให้พระเจ้าใช้ นับตั้งแต่เป็นอนุชนแล้ว
  • ดาเนียลเป็นอนุชนที่สามารถทำให้ผู้ใหญ่ที่ไม่เชื่อพระเจ้าต้องเอ็นดู
  • ดาเนียลเป็นอนุชนที่มีจิตสำนึกผิดชอบ  แยกแยะดีชั่วได้กระจ่างชัดมาตั้งแต่เยาว์วัย 

แม้เขาจะอยู่ภายใต้นโยบายล้างสมองหรือกลืนชาติกำเนิดของกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ตาม แม้เขาจะถูกเปลี่ยนชื่อจากดาเนียลที่ แปลว่า “พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษา”  ให้กลายมาเป็น “เบลเทซัสซาร์  (เทพเบล(บาอัล)ปกป้องกษัตริย์)

  • ดาเนียลเป็นอนุชนที่เชื่อมั่นในพระเจ้าของเขาอย่างซื่อสัตย์ โดยไม่มีข้อสงสัย
  • ดาเนียลเป็นอนุชนที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ โดยที่เขาไม่สูญเสียจุดยืนของตนเอง
  • ดาเนียลเป็นอนุชนที่มีเป้าหมายชัดเจนในการมุ่งถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยทุกสิ่งที่เขาทำ (รวมทั้งสิ่งที่เขากินดื่ม) แต่จะไม่ยอมให้ชีวิตของตนต้องเป็นมลทิน ไม่ว่าจะด้วยสิ่งใดก็ตาม
  • ดาเนียลเป็นอนุชนที่พลิกชีวิตของตัวเองและผู้อื่น(แม้แต่กษัตริย์และประเทศชาติ) โดยการพึ่งพระเจ้าอย่างสุดชีวิต
  • ดาเนียลเป็นอนุชนที่ไม่ยอมละทิ้งความเชื่อศรัทธาในพระเจ้าของเขา ไม่ว่าจะต้องจ่ายราคาสูงสักเพียงใด หรือแม้แต่ชีวิตและความมั่นคงในชีวิตของตนเอง
  • ดาเนียลเป็นอนุชนที่กล้าพูดความจริง แม้ว่าจะต้องเสียอนาคตหรือเสียชีวิตหรือเสียทุก ๆ อย่างที่เขามี และกล้าเตือนแม้แต่กษัตริย์

ดนล.3:16-18 “ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกทูลพระราชาว่า “ข้าแต่เนบูคัดเนสซาร์ ข้าพระบาททั้งหลายไม่จำเป็นจะต้องตอบฝ่าพระบาทในเรื่องนี้ 17ข้าแต่พระราชา ถ้าพระเจ้าของพวกข้าพระบาท ผู้ซึ่งพวกข้าพระบาทปรนนิบัตินั้น พอพระทัยจะช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากเตาที่ไฟลุกอยู่ พระองค์ก็จะทรงช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท 18ถึงแม้ไม่เป็นเช่นนั้น ข้าแต่พระราชา ขอฝ่าพระบาททรงทราบว่า พวกข้าพระบาทจะไม่ปรนนิบัติพระของฝ่าพระบาท หรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งขึ้น”

ดนล. 4:19-27 “แล้วดาเนียล ผู้มีชื่อว่าเบลเทชัสซาร์ตะลึงอยู่ประเดี๋ยวหนึ่ง ความคิดของท่านก็ทำให้ท่านตกใจ กษัตริย์ตรัสว่า “เบลเทชัสซาร์เอ๋ย อย่าให้ความฝันหรือคำแก้ความฝันทำให้ท่านตกใจเลย” เบลเทชัสซาร์ทูลตอบว่า “เจ้านายของข้าพระบาท ขอให้ความฝันนั้นเป็นของบรรดาศัตรูของพระองค์เถิด และขอให้คำแก้ความฝันนั้นตกแก่พวกอริของพระองค์ 20ต้นไม้ที่ฝ่าพระบาททอดพระเนตร ซึ่งเติบโตขึ้นและแข็งแรง จนยอดขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ และแม้จะอยู่ถึงสุดปลายพิภพ ก็ยังมองเห็น 21ใบงดงามและผลก็อุดมสมบูรณ์ และจากต้นไม้นั้น มีอาหารให้แก่สิ่งมีชีวิตทั้งปวง สัตว์ในท้องทุ่งอาศัยอยู่ใต้ร่มของมัน นกบนฟ้าก็ทำรังอยู่ที่กิ่งก้านของมัน 22ข้าแต่พระราชา นี่คือฝ่าพระบาทเอง ผู้ทรงเจริญและเข้มแข็ง ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้เจริญขึ้นไปถึงฟ้าสวรรค์ และการครอบครองของพระองค์ไปถึงสุดปลายพิภพ 23และที่พระราชาทอดพระเนตรทูตสวรรค์ผู้บริสุทธิ์ลงมาจากฟ้าสวรรค์ และพูดว่า ‘โค่นต้นไม้นี้ลงและทำลายเสีย แต่จงปล่อยให้ตอรากติดอยู่ในดิน มีแถบเหล็กและทองสัมฤทธิ์ล่ามไว้ ให้อยู่ท่ามกลางหญ้าอ่อนในทุ่งนา ให้เปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ ให้อยู่ร่วมกับสัตว์ในท้องทุ่ง และปล่อยให้อยู่อย่างนั้นจนครบเจ็ดวาระ’ 24ข้าแต่พระราชา ต่อไปนี้เป็นคำแก้พระสุบิน เป็นพระราชกฤษฎีกามาจากพระผู้สูงสุด ซึ่งมาถึงพระราชาเจ้านายของข้าพระบาทว่า 25ฝ่าพระบาทจะทรงถูกขับไล่ไปจากท่ามกลางมนุษย์ และฝ่าพระบาทจะอยู่กับสัตว์ในท้องทุ่ง ฝ่าพระบาทจะต้องเสวยหญ้าอย่างกับโค และต้องเปียกน้ำค้างจากฟ้าสวรรค์ จะเป็นอยู่อย่างนั้นจนครบเจ็ดวาระ จนกว่าฝ่าพระบาทจะทราบว่า พระผู้สูงสุดนั้นทรงปกครองราชอาณาจักรของมนุษย์ และพระองค์จะประทานราชอาณาจักรนั้นแก่ผู้ที่พระองค์พอพระทัย 26และที่ทรงบัญชาให้เหลือตอรากต้นนั้นไว้ก็หมายความว่า ราชอาณาจักรจะยังเป็นของฝ่าพระบาท เมื่อฝ่าพระบาททรงยอมรับว่าการปกครองนั้นเป็นของสวรรค์ 27ข้าแต่พระราชา เพราะฉะนั้นขอทรงรับคำแนะนำของข้าพระบาท ขอฝ่าพระบาททรงเลิกทำบาปเสียโดยการทำความชอบธรรม และเลิกทำบาปชั่วโดยการสำแดงความกรุณาต่อผู้ถูกบีบบังคับ เผื่อว่าความเจริญของฝ่าพระบาทอาจจะยืดยาวไปอีกได้”

  • ดาเนียลเป็นอนุชนที่กลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีนิสัยวิงวอนอธิษฐานเผื่อผู้อื่นอยู่เสมอ

ดนล.9:20 “ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังพูด อธิษฐานสารภาพบาปของข้าพเจ้าและบาปของอิสราเอลประชากรของข้าพเจ้า และเสนอคำวิงวอนต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าเพื่อภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์”
 

  • และดาเนียลเป็นคนกล้าทูลต่อพระเจ้า และขอพระองค์อภัยบาปผิดของชนชาติอิสราเอล

ดนล.9:19 “ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงฟัง ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงให้อภัย ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอใส่พระทัยและทรงจัดการ ขออย่าทรงเนิ่นช้าเลยเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์ ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ เพราะว่านครของพระองค์ และประชากรของพระองค์ก็มีชื่อตามพระนามของพระองค์”

  •  ดาเนียลเป็นอนุชนที่กลายมาเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่หวั่นไหวกับการโจมตี วิพากษ์วิจารณ์ หรือการปองร้าย และสามารถยืนหยัดอย่างยืนยงมาจนนาทีสุดท้ายของชีวิต

ชีวิตของดาเนียลและสิ่งที่ดาเนียลเปิดเผย ได้ให้บทเรียนสำคัญ ๆ หลายประการดังนี้

  1. พระเจ้าทรงเป็นผู้ควบคุมเหนือสถานการณ์ต่าง ๆ รวมทั้งอาณาจักรและรัฐบาลทั้งหลายในโลกนี้
  2. พระเจ้าทรงประทานรางวัลให้แก่ผู้ที่ยังคงซื่อสัตย์ต่อพระองค์
  3. คนของพระเจ้าอาจเผชิญกับการกดขี่ข่มเหงหรือเรื่องไม่คาดคิดคาดฝันได้ตลอดเวลา
  4. คนของพระเจ้า(ไม่ว่าจะเป็นอนุชนหรือผู้ใหญ่หรือผู้อาวุโส) สามารถฟันฝ่าช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้นานตราบเท่าที่พวกเขายังคงเชื่อและวางใจในพระองค์
  5. คนของพระเจ้าควรมั่นใจในพระเจ้าและรอคอยการเสด็จกลับมาขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า (องค์พระเมสสิยาห์)

ดังนั้น ขอให้เรามาช่วยกันมองหาและสนับสนุนส่งเสริมอนุชนในคริสตจักรของเราเพื่อให้พวกเขาเป็น “ดาเนียล” ของพระเจ้า ในยุคนี้จะดีไหม? หรือหากว่าอนุชนคนใดที่อ่านบทความนี้ มีความพร้อมที่จะให้พระเจ้าทรงใช้เพื่อถวายพระสิริแด่พระเจ้าเป็นดุจดาเนียลของยุคนี้

….ก็จงก้าวออกมา

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ smartinwebmaster.org)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ความเชื่อจะช่วยอะไรเราได้?

ความเชื่อจะช่วยอะไรเราได้?

 “ความเชื่อ (ศรัทธา) ไม่ใช่ความรู้สึก ความเชื่อคือการเลือกที่จะวางใจพระเจ้า แม้แต่ในยามที่หนทางข้างหน้าดูเลื่อนลอย!

(Faith isn’t a feeling. It’s a choice to trust God even when the road ahead seems uncertain.)

คนเรามีความเชื่อจริงหรือไม่ จะดูกันได้ที่ตรงไหน?
คงต้องดูว่า เมื่อคนๆ นั้น เผชิญกับเรื่องที่ท้าทายความศรัทธา เขาแสดงปฏิกิริยาออกมาอย่างไร?
อาการที่ปรากฏภายนอกคือสิ่งที่สื่อถึงศรัทธาภายใน!

ความศรัทธา หรือความเชื่อก็เหมือนกับความรักนั้นคือ หากคุณมีความรัก ต่อใครสักคนหนึ่ง คุณจะปิดบังอย่างไรก็ปิดไม่มิด
ความศรัทธาก็เช่นกัน หากคุณมีศรัทธาในผู้ใด (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระเจ้า) ก็ยากที่คุณจะปิดบังซ่อนไว้ไม่ให้ปรากฏให้เห็น
ความเชื่อที่ไม่มีการกระทำยืนยันหรือสนับสนุน เป็นหลักฐานย่อมไม่ใช่ความเชื่อแท้
ความเชื่อจะเด่นชัดมากขึ้นในท่ามกลางสถานการณ์ที่แสนยากลำบากที่จะเชื่อถือต่อไป
ความเชื่อศรัทธาที่แท้จริง คือ ความแน่วแน่ในการก้าวต่อไปข้างหน้าที่ดูง่อนแง่น เสี่ยงอันตราย ด้วยความวางใจในมือที่จับและจูงเราให้เดินไปด้วยกันไม่ว่าผู้นั้นจะพาเราไปที่จุดหมายปลายทาง แม้ว่าเราจะมองไม่เห็นทางนั้นอยู่เบื้องหน้าก็ตาม ดุจดังที่ อ.เปาโล กล่าวว่า…

“เพราะว่าเราดำเนินโดยความเชื่อ ไม่ใช่โดยสิ่งที่มองเห็น” -2 โครินธ์ 5:7 THSV11

ความศรัทธาในพระเจ้าจึงเป็นความเชื่อวางใจในพระองค์ได้ แม้แต่ในยามที่เราไม่เข้าใจแผนการหรือวัตถุประสงค์ของพระองค์ ซึ่งนับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องเพราะพระเจ้าสร้างเรามาให้เป็นมาเป็นไปตามอย่างพระฉายาของพระเจ้าซึ่งมีความคิด และมีเหตุผล สามารถคิดสร้างสรรค์เป็นของตัวเอง และเราเองก็สามารถช่วยตัวเองได้ในหลายเรื่อง อย่างไรก็ตาม บางครั้งพระเจ้าก็เพียงต้องการให้เราแค่วางใจในพระองค์ และให้พระองค์ได้กระทำกิจอัศจรรย์ผ่านเรา เพื่อเราได้เห็นสิทธิอำนาจอันไม่จำกัดของพระองค์ และถวายสาธุการยกย่องสรรเสริญพระปัญญาอันซับซ้อนของพระองค์

ดังนั้น หากวันนี้ ศรัทธาในพระเจ้าของเรากำลังหวั่นไหวจนทำให้เราไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำ หรือไม่กล้าเดินต่อไปในนามของพระคริสต์ ก็ขอให้เราเข้าหาใกล้ชิดพระคริสต์เจ้า และรับพระวจนะของพระองค์ ใคร่ครวญ และให้พระวจนะเหล่านั้นครองใจของเรา เพื่อเราจะได้เพิ่มพูนความศรัทธาขึ้นในพระองค์ และก้าวต่อไปด้วยความกล้าหาญ จนสามารถมีชัยได้ในทุกสมรภูมิที่เราเผชิญ

พี่น้องที่รัก! 

ขอให้คุณตระหนักไว้เสมอว่า สิ่งมหัศจรรย์อันเหลือเชื่ออาจจะเกิดขึ้นในชีวิตของคุณได้ในทุกช่วงวินาทีที่คุณกำลังคิดจะยอมแพ้ ดังนั้นจงรักษาความเชื่อศรัทธาของคุณไว้  เพราะศรัทธาที่คุณมีต่อพระเจ้าจะทำให้สิ่งที่ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ กลับกลายมาเป็นปาฏิหาริย์ที่อาจช่วยชีวิต การงาน หรือ การรับใช้ของคุณ ก็เป็นได้!

“เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้”      (ลก.1:37)

 อาเมนไหมครับ?

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr.ภาพ wherejesusleads.com)