จงเป็นพยานควบคู่กับการทำดี
“ฉันหวังว่าคนธรรมดาที่มีสมรรถนะไม่จำกัดในการทำลายจะมีพลังอันไม่จำกัดในการทำดีเช่นกัน!”
I only wish that ordinary people had an unlimited capacity for doing harm; then they might have an unlimited power for doing good. -Socrates-
คนเรามีศักยภาพมากมายเกินความเข้าใจซึ่งพระเจ้าได้ทรงสร้างบรรจุไว้ภายในตัวเขาทุกคน ไม่ว่าเขาจะมาจากภูมิหลัง ทางสังคม หรือ เชื้อชาติ ศาสนาใด คนเราอาจนำศักยภาพเหล่านั้นมาใช้ในทางถูกหรือทางผิดก็ได้ขึ้นอยู่กับความคิดและการตัดสินใจของเขาเอง และคนเราจะคิด จะตัดสินใจหรือจะทำอะไร ก็มักขึ้นอยู่กับมโนธรรม หรือคุณธรรม ที่ถูกปลูกฝังไว้ตั้งแต่ในวัยเด็ก
โดยปกติสังคมโดยทั่วไป จะมีขนบวัฒนธรรมประเพณีดีงามที่ปลูกฝังกันตั้งแต่ยังเป็นเด็กต่อๆ กันมาหลายยุคหลายสมัยหลายรุ่นในทุกๆ เผ่าพันธุ์ แม้ว่าอาจจะมีบางขนบประเพณีที่แปลกแหวกแนวออกไปในเชิงไร้รสนิยม วิตถารหรือ รุนแรงไปบ้างก็ตาม
ดังนั้น สังคมคริสเตียน เป็นสังคมที่พระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงคนในชุมชนแต่ละคนให้เป็นคนที่ได้รับการเปลี่ยนใหม่แล้วอะไรๆ ที่ทำกันมา ตามวิถีโลกที่มาจากตัณหาบาป แบบวิปริต วิตถาร อยู่ภายใต้วิตกจริตเกินเหตุ ไม่ใช่วิสัยอย่างที่พระคริสต์ทรงประสงค์ ก็จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงแก้ไขใหม่
“เมื่อก่อนพวกท่านเคยดำเนินชีวิตในการบาปนั้นตามวิถีของโลกนี้ ตามผู้ครอบครองที่มีอำนาจในฟ้าอากาศ คือวิญญาณที่ทำกิจอยู่ในพวกคนที่ไม่เชื่อฟังในเวลานี้ เมื่อก่อนเราทุกคนเคยประพฤติเหมือนพวกเขาตามตัณหาของเนื้อหนัง คือทำตามความต้องการของเนื้อหนังและของความคิด โดยวิสัยแล้วเราจึงเป็นคนที่สมควรได้รับการลงโทษเหมือนอย่างคนอื่นๆ”
~เอเฟซัส 2:2-3 THSV11
ด้วยเหตุนี้…
เราที่รู้จักกับพระคริสต์แล้ว จะต้องละทิ้งวิถีปฏิบัติเดิมที่ไม่ดีไม่เหมาะ และ รับพลังจากพระเจ้าในการดำเนินชีวิตในวิถีที่ดีงามมาเป็นวิถีปฏิบัติแทน พูดง่าย ๆ ก็คือ อะไรที่ไม่ดี หรืออะไรที่ไม่งาม ไร้สาระหรือน่าละอาย ตามแบบของมาร เราจะไม่ทำอีกต่อไป แม้ว่าคนส่วนมากเขาจะทำกันก็ตาม แต่เราจะเปลี่ยนใหม่โดยหันมาทำในสิ่งที่ดี ที่บริสุทธิ์และชอบธรรมตามแบบของพระเจ้า แม้ว่าใครๆ เขาไม่ทำกันก็ตาม!
“เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าขอกล่าวเช่นนี้และยืนยันในองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า อย่าดำเนินชีวิตแบบเดียวกับที่พวกต่างชาติดำเนินกันอีกต่อไป คือมีใจจดจ่ออยู่กับสิ่งไร้สาระ ความคิดของเขาทั้งหลายถูกทำให้มืดมนไป และเขาขาดจากชีวิตที่มาจากพระเจ้าเนื่องจากความไม่รู้ที่อยู่ในตัว และความแข็งกระด้างในจิตใจ พวกเขาไม่มีความรู้สึกละอายและปล่อยตัวในการลามกเพื่อทำการโสโครกทุกแบบโดยปราศจากการเหนี่ยวรั้งตน แต่ท่านทั้งหลายไม่ได้เรียนรู้ถึงพระคริสต์แบบนั้น พวกท่านเคยฟังเรื่องของพระองค์แล้วอย่างแน่นอน และเคยได้รับการสอนเรื่องพระองค์ตามสัจธรรมที่อยู่ในพระเยซูแล้ว คือได้รับการสอนให้ทิ้งตัวเก่าของพวกท่าน ที่คู่กับการประพฤติแบบเดิม ซึ่งถูกตัณหาล่อลวงทำให้พินาศไป และให้วิญญาณและจิตใจของพวกท่านได้รับการเปลี่ยนใหม่ และรับการสอนให้สวมสภาพใหม่ ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นตามแบบของพระเจ้า ในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง”
~เอเฟซัส 4:17-24 THSV11
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่เราจะต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นตัวแทนที่ดีของพระคริสต์ในโลก โดยเริ่มจากเป็นคนดีในชุมชนของเรา
ดังนั้นให้เราคิดดี พูดดี และทำดีต่อคนรอบตัว และสร้างแรงบันดาลใจให้คนเหล่านั้นลงมือทำดีอย่างที่เราทำเป็นตัวอย่างด้วยเช่นกันเพื่อสังคมของเราจะน่าอยู่มากขึ้น กลับกลายเป็นสังคมของคนดี อย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์!
เพียงแต่ต้องขอเตือนไว้ก่อนว่า แม้คนอื่นเขาอยากจะให้เราทำดี แต่พวกเขามักไม่อยากให้เราทำอะไรดีกว่าหรือเกินหน้าเขาพวกเขาไปและหากว่าเราเด่นเกินไป พวกเขาอาจสำแดงพลังฤทธิ์ทำลายล้างแบบไร้ขีดจำกัดใส่เราก็เป็นได้
ด้วยเหตุนี้ ขอให้ในขณะที่เราทำดีในพระนามของพระคริสต์ ขอให้เราสำแดงพระเจ้าผ่านการพูดและการกระทำของเรา ด้วยความถ่อมใจถ่อมตนให้เกียรติผู้อื่นอยู่เสมอ และในขณะเดียวกันก็หลอมรวมคนอื่นๆ ให้ร่วมใช้พลังอันไร้ขีดจำกัดของพวกเขาในการทำดีเพื่อโลกนี้ ด้วยกันจะดีกว่า !
…เห็นด้วยไหมครับ?
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-
twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com /lifeanswer, facebook.com/ lifeanswer
(Cr.ภาพ Latime Minster)