Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องการนมัสการพระเจ้าไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ: “พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องการนมัสการไว้มากมาย อาทิ

  1. เราต้องถวายพระเกียรติ และนมัสการพระเจ้าพระยาห์เวห์

“จงถวายพระเกียรติซึ่งควรแก่พระนามของพระองค์แด่พระยาห์เวห์ จงนมัสการพระยาห์เวห์ผู้ทรงงดงามในความบริสุทธิ์” ~สดุดี 29:2 THSV11

  1. เราต้องนมัสการพระเจ้าด้วยท่าทีและท่าทางที่ถูกต้อง

“มาเถิด ให้เรานมัสการและกราบลง ให้เราคุกเข่าลงเฉพาะพระพักตร์ของพระยาห์เวห์ผู้ทรงสร้างเรา” ~สดุดี 95:6 THSV11

  1. เราต้องนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง

“พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ และคนที่นมัสการพระองค์จะต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง” ~ยอห์น 4:24 THSV11

  1. เราต้องเป็นคนหนึ่งในท่ามกลางหลายๆ คนที่พระเจ้าแสวงหามานมัสการพระองค์

“แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อคนที่นมัสการอย่างแท้จริงจะนมัสการพระบิดาด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นมานมัสการพระองค์” ~ยอห์น 4:23 THSV11

  1. เราต้องไม่นมัสการพระอื่นใดนอกจากพระเจ้าผู้หวงแหน

“(ห้ามนมัสการพระอื่น เพราะพระยาห์เวห์ผู้มีพระนามว่า “หวงแหน”  เป็นพระเจ้าผู้ทรงหวงแหน)” ~อพยพ 34:14 THSV11

  1. เราต้องไม่นมัสการตามกฎเกณฑ์ของมนุษย์ที่มาตู่ว่าเป็นคำสอนจากพระวจนะของพระเจ้า

“พวกเขานมัสการเราโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเอากฎเกณฑ์ของมนุษย์มาสอนว่าเป็น พระดำรัสสอน’” ~มาระโก 7:7 THSV11

  1. เราต้องไม่หมิ่นประมาทพระเจ้าด้วยการทำท่าทีหยอกล้อนมัสการพระเจ้า

“แล้วพวกเขาเอาไม้อ้อตีพระเศียรของพระองค์ ถ่มน้ำลายรดพระองค์ และคุกเข่าลงนมัสการพระองค์” ~มาระโก 15:19 THSV11

  1. เราต้องไม่ลุ่มหลงหรือหันเหไปนมัสการพระอื่น

“จงระวังตัวอย่าให้จิตใจของท่านทั้งหลายลุ่มหลงและหันเหไปปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 11:16 THSV11

“และจงระวังให้ดี เกรงว่าเมื่อท่านเงยหน้าขึ้นดูท้องฟ้าและท่านเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว คือบริวารของท้องฟ้า แล้วท่านจะถูกชักนำให้นมัสการและปรนนิบัติสิ่งเหล่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทรงแบ่งสรรแก่ชนชาติทั้งหลายทั่วใต้ฟ้า” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 4:19 THSV11

  1. เราต้องตระหนักว่า เราจะได้รับโทษหรือผลเสียจากการไปนมัสการพระอื่น

“แต่ถ้าใจของท่านหันเหไปและท่านไม่ได้เชื่อฟัง แต่ถูกลวงให้ไปนมัสการพระอื่นและปรนนิบัติพระเหล่านั้น ข้าพเจ้าขอประกาศแก่ท่านทั้งหลายในวันนี้ว่า พวกท่านจะพินาศเป็นแน่ ท่านจะไม่มีชีวิตอยู่นานในแผ่นดินซึ่งท่านกำลังจะยกข้ามแม่น้ำจอร์แดน เข้าไปยึดครองนั้น” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 30:17-18 THSV11

“พระองค์ทรงปรนนิบัติพระบาอัล และนมัสการพระนั้น และทำให้พระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลทรงพระพิโรธ โดยทำตามทุกอย่างที่พระราชบิดาของพระองค์ทรงกระทำแล้วนั้น” ~1 พงศ์กษัตริย์ 22:53 THSV11

  1. เราต้องระวังการทดลองและการล่อลวงของมารให้ไปนมัสการมันแทนพระเจ้า

“ถ้าท่านกราบนมัสการเรา ทุกๆ สิ่งจะเป็นของท่าน” ~ลูกา 4:7 THSV11

“แต่พระเยซูตรัสตอบมารว่า “พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน และปรนนิบัติพระองค์ แต่ผู้เดียว’”” ~ลูกา 4:8 THSV11

  1. เราต้องสร้างหรือ มีสถานที่สำหรับนมัสการพระเจ้าอย่างเหมาะสม

“แล้วให้พวกเขาสร้างสถานนมัสการสำหรับเรา เพื่อเราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขา” ~อพยพ 25:8 THSV11

  1. เราต้องนมัสการพระเจ้า รักษาสะบาโต และเคารพสถานนมัสการของพระองค์

“จงรักษาสะบาโตทั้งหลายของเรา และเคารพต่อสถานนมัสการของเรา เราคือยาห์เวห์” ~เลวีนิติ 19:30 THSV11

“จงชูมือขึ้นตรงต่อสถานนมัสการ และถวายสาธุการแด่พระยาห์เวห์” ~สดุดี 134:2 THSV11

  1. เราต้องนมัสการพระเจ้า ถวายเกียรติและเรียนรู้ความจริงจากสถานนมัสการนั้น

“จงถวายพระเกียรติซึ่งควรแก่พระนามของพระองค์แด่พระยาห์เวห์ จงนำเครื่องบูชามาเข้าเฝ้าพระองค์ จงนมัสการพระยาห์เวห์ในความงดงามแห่งความบริสุทธิ์” ~1 พงศาวดาร 16:29 THSV11

“แต่เมื่อข้าพระองค์ตรึกตรองว่า จะเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ข้าพระองค์รู้สึกว่าเป็นงานที่เหน็ดเหนื่อย จนข้าพระองค์เข้าไปในสถานนมัสการของพระเจ้า แล้วข้าพระองค์จึงพิเคราะห์เห็นปลายทางของเขาทั้งหลาย” ~สดุดี 73:16-17 THSV11

  1. เราจะได้รับความช่วยเหลือในยามยากลำบาก จากสถานนมัสการที่ส่งมาโดยพระเจ้า

เมื่อเรานมัสการพระองค์ด้วยเครื่องบูชาที่พระเจ้าพอพระทัย

  • “ขอพระยาห์เวห์ทรงตอบท่านในวันยากลำบาก ขอให้พระนามพระเจ้าของยาโคบพิทักษ์รักษาท่าน
  •  ขอพระองค์ทรงส่งความช่วยเหลือมายังท่านจากสถานนมัสการ และขอทรงสนับสนุนท่านจากศิโยน
  • ขอทรงระลึกถึงของถวายทั้งสิ้นของท่าน และขอทรงโปรดปรานเครื่องบูชาเผาทั้งตัวของท่าน” ~สดุดี 20:1-3 THSV11
  1. เราต้องนมัสการพระเจ้าด้วยความเชื่อวางใจในพระองค์ โดยไม่สงสัย

“และเมื่อเห็นพระองค์เขาทั้งหลายจึงกราบนมัสการ แต่บางคนยังสงสัยอยู่” ~มัทธิว 28:17 THSV11

  1. เราต้องรับผิดชอบในการประพฤติตัวให้สมกับเป็นผู้ประกาศตนว่านมัสการพระเจ้า

“แต่ประดับด้วยการทำดี สมกับเป็นหญิงที่ประกาศตนว่านมัสการพระเจ้า” ~1 ทิโมธี 2:10 THSV11

“ผู้ใดจะขึ้นไปบนภูเขาของพระยาห์เวห์? และผู้ใดจะยืนอยู่ในสถานนมัสการของพระองค์? คือผู้ที่มีมือสะอาดและใจบริสุทธิ์ ผู้ที่มิได้มีจิตใจยกย่องสิ่งเท็จ และมิได้สาบานอย่างหลอกลวง เขาจะรับพระพรจากพระยาห์เวห์ และรับความยุติธรรมจากพระเจ้าแห่งความรอดของเขา อย่างนี้แหละเป็นพวกที่เสาะหาพระองค์ พวกที่แสวงหาหน้าของท่านนะ ยาโคบเอ๋ย ” ~สดุดี 24:3-6 THSV11

  1. เราต้องตระหนักว่า การนมัสการพระเจ้าที่พระเจ้าพอพระทัยที่สุดคือการนมัสการ โดยวิญญาณจิตของเรา

“ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน” ~โรม 12:1 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:   “พระคัมภีร์กล่าวถึง เรื่องการทดสอบ และการทดลองไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ:” พระคัมภีร์กล่าวถึงการทดสอบทดลองไว้มาก ในหลากหลายความหมาย อาทิ

  1. พระวิญญาณเป็นผู้ทดสอบ แต่มารเป็นผู้ทดลอง

“ครั้งนั้น พระวิญญาณทรงนำพระเยซูเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร เพื่อมารจะได้มาทดลอง” ~มัทธิว 4:1 THSV11

  1. เราต้องไม่นำตัวเอง และคนอื่น เข้าไปในการทดลองหรือการล่อลวงของมาร

“อย่าปฏิเสธความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาเว้นแต่ได้ตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่ออุทิศตัวในการอธิษฐาน แล้วจึงค่อยมามีความสัมพันธ์กันอีก เพื่อไม่ให้ซาตานล่อลวงให้ทำผิดเพราะตัวอดไม่ได้” ~1 โครินธ์ 7:5 THSV11

  1. เราต้องไม่พูดว่า พระเจ้าทดลอง หรือล่อลวงเรา

“อย่าให้คนที่ถูกล่อลวงกล่าวว่า “พระเจ้าทรงล่อลวงข้าพเจ้า” เพราะว่าพระเจ้าจะไม่ถูกความชั่วล่อลวง และพระองค์เองก็ไม่ทรงล่อลวงใครเลย” ~ยากอบ 1:13 THSV11

  1. เราต้องตระหนักว่า ตัณหาของตัวเราเองเป็นผู้ล่อลวง และชักนำเราให้เข้าไปสู่การทดลอง

“แต่ทุกคนถูกล่อลวงด้วยตัณหาของตัวเอง คือถูกตัณหานั้นล่อลวงและชักนำ เมื่อตัณหาฟักตัวขึ้นแล้วก็ก่อให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็ก่อให้เกิดความตาย” ~ยากอบ 1:14-15 THSV11

  1. เราต้องไม่ทดสอบ ลองดี จับผิดหรือ ทดลองพระเจ้า

“พระเยซูจึงตรัสตอบมารว่า “มีคำกล่าวไว้ว่า ‘อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของท่าน’”” ~ลูกา 4:12 THSV11

“ห้ามทดลองพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย เหมือนที่ได้ทดลองพระองค์ที่มัสสาห์” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 6:16 THSV11

“เพราะฉะนั้น ประชาชนจึงเอาเรื่องกับโมเสส และกล่าวกับโมเสสว่า “ให้น้ำพวกข้าดื่มซิ” โมเสสจึงบอกพวกเขาว่า “พวกเจ้าหาเรื่องเราทำไม? ทำไมพวกเจ้าจึงบังอาจลองดีกับพระยาห์เวห์?”” ~อพยพ 17:2 THSV11

“เราควรจะส่งหรือไม่ส่งดี?” แต่พระองค์ทรงทราบอุบายของพวกเขาจึงตรัสว่า “ท่านทั้งหลายมาจับผิดเราทำไม? จงเอาเดนาริอันเหรียญหนึ่งมาให้เราดู”” ~มาระโก 12:15 THSV11

“พระองค์ทรงขับผีใบ้ เมื่อผีออกแล้ว คนใบ้จึงพูดได้ และฝูงชนก็ประหลาดใจ แต่บางคนพูดว่า “คนนี้ขับผีออกได้โดยอาศัยเบเอลเซบูลนายผี” คนอื่นๆ ก็ทดลองพระองค์โดยขอให้พระองค์แสดงหมายสำคัญจากท้องฟ้า” ~ลูกา 11:14-16 THSV11

  1. เราต้องตระหนักไว้เสมอว่า การลองดีหรือ การทดลองพระเจ้าหรือพระวิญญาณบริสุทธิ์จะนำผลร้ายมาสู่เรา

“อย่าให้เราลองดีพระคริสต์ เหมือนบางคนในพวกเขาได้ทำ แล้วต้องพินาศด้วยงูร้าย อย่าให้เราบ่นเหมือนบางคนในพวกเขาได้ทำ แล้วต้องพินาศด้วยองค์เพชฌฆาต เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นกับพวกเขาเพื่อเป็นตัวอย่าง และได้เขียนไว้เพื่อเตือนสติเราผู้ซึ่งมาถึงวาระสุดท้ายของยุคนี้แล้ว” ~1 โครินธ์ 10:9-11 THSV11

“เปโตรจึงถามนางว่า “ทำไมเจ้าสองคนถึงพร้อมใจกันทดลองพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าเล่า? นี่แน่ะ เท้าของพวกคนที่ฝังศพสามีเจ้าอยู่ที่ประตู และพวกเขาจะหามศพของเจ้าออกไปด้วย” ทันใดนั้นนางก็ล้มลงสิ้นใจแทบเท้าของเปโตร เมื่อพวกคนหนุ่มเข้ามาพบว่านางตายแล้ว ก็หามศพออกไปฝังไว้ข้างสามีของนาง” ~กิจการ 5:9-10 THSV11

  1. เราเตือนตัวเองไว้ว่าแม้เราผ่านการทดลองนี้ไปได้ แต่อาจมีการทดลองอื่นที่รอจังหวะอีก

“เมื่อมารทดลองทุกอย่างจนหมดแล้ว จึงจากพระองค์ไปจนกว่าจะถึงโอกาสเหมาะ” ~ลูกา 4:13 THSV11

  1. เราควรอธิษฐานทุกวัน ขอพระเจ้าปกป้องและขัดขวางเราจากการเข้าไปในการทดลอง

“ขอทรงยกโทษบาปผิดของพวกข้าพระองค์ เพราะว่าพวกข้าพระองค์ยกโทษให้กับทุกคนที่เป็นหนี้ข้าพระองค์นั้น และขออย่าทรงนำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง ” ~ลูกา 11:4 THSV11

  1. เราต้องพร้อมรับการทดสอบจากพระเจ้า และ ผ่านการทดสอบนั้นได้ด้วยความเชื่อและความวางใจในพระองค์อย่างสิ้นเชิง

พระองค์ตรัสว่า “จงพาบุตรของเจ้าคืออิสอัค บุตรคนเดียวของเจ้าผู้ที่เจ้ารัก ไปยังดินแดนโมริยาห์ และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องบูชา บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า” แล้วอับราฮัมก็ยื่นมือจับมีดจะฆ่าบุตรชาย แต่ทูตของพระยาห์เวห์เรียกเขาจากฟ้าสวรรค์ว่า “อับราฮัม อับราฮัม” และท่านตอบว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่” ทูตสวรรค์ว่า “อย่าแตะต้องเด็กนั้น อย่าทำอะไรเขาเลย เพราะบัดนี้เรารู้แล้วว่าเจ้ายำเกรงพระเจ้า และเจ้าไม่ได้หวงบุตรชายคือบุตรชายคนเดียวของเจ้าไว้จากเรา” “พระยาห์เวห์ตรัสว่า เราเองปฏิญาณว่า เพราะเจ้าทำอย่างนี้และไม่ได้หวงบุตรชายของเจ้า คือบุตรชายคนเดียวของเจ้า ดังนั้นเราจะอวยพรเจ้าแน่ เราจะทวีเชื้อสายของเจ้าให้มากขึ้น ดังดวงดาวในท้องฟ้า และดังเม็ดทรายบนฝั่งทะเล เชื้อสายของเจ้าจะได้ประตูเมืองศัตรูทั้งหลายของเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ ประชาชาติทั้งหมดในโลกจะได้พรเพราะเชื้อสายของเจ้า เพราะว่าเจ้าเชื่อฟังเรา” ~ปฐมกาล 22:2, 10-12, 16-18 THSV11

-ธงชัย  ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:   “พระคัมภีร์พูดอะไรบ้างเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงแบบ Transformation?”

ตอบ:  ตามพจนานุกรม transformation หมายความถึง “A complete or major change in someone or something’s appearance, form.” 

(การเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงหรือการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในรูปลักษณ์ของบางคนหรือบางสิ่ง)

ในพระคัมภีร์ กล่าวถึง การเปลี่ยนแปลงแบบ Transformation ของพระเยซูคริสต์

“ขณะพระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ พระพักตร์ของพระองค์ก็เปลี่ยนไป และฉลองพระองค์ก็ขาวจนพร่าตา” ~ลูกา 9:29 THSV11

“แล้วพระองค์ก็ทรงได้รับการเปลี่ยนแปลงไปต่อหน้าพวกเขา พระพักตร์ของพระองค์ทอแสงเหมือนแสงอาทิตย์ ฉลองพระองค์ก็ขาวผ่องดุจแสงสว่าง” ~มัทธิว 17:2 THSV11

.ในพระคัมภีร์จะมุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงตัวของคริสเตียนให้มี พระลักษณะตามอย่างพระฉายาของพระคริสต์ (Christlikeness) ปรากฎชัดเจนขึ้นในชีวิต ทั้งความคิด ความรู้สึก คำพูดและพฤติกรรม ตาม    พระประสงค์ที่กำหนดไว้

“เพราะว่าทุกคนที่พระองค์ได้ทรงเลือกไว้แล้ว พระองค์ทรงกำหนดไว้ก่อนให้เป็นตามพระฉายาแห่งพระบุตรของพระองค์ เพื่อพระบุตรนั้นจะได้เป็นบุตรหัวปีท่ามกลางพี่น้องจำนวนมาก” ~โรม 8:29 THSV11

ในพระคัมภีร์กล่าวถึง transformation ไว้ดังนี้

  1. เราต้องถวายตัวและรับการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงแบบ Transformation

“อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” -โรม 12:2 THSV11

  1. เราต้องให้จิตใจและจิตวิญญาณของเราได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่แบบ Transformation

“และให้วิญญาณและจิตใจของพวกท่านได้รับการเปลี่ยนใหม่ และรับการสอนให้สวมสภาพใหม่ซึ่งได้รับการสร้างขึ้นตามแบบของพระเจ้าในความชอบธรรมและความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง” -เอเฟซัส 4:23-24 THSV11

  1. เราต้องได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระฉายาของพระเจ้าแบบ Transformation

“แต่เราทุกคนไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้ว และมองดูพระรัศมีขององค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วเราก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงให้เป็นเหมือนพระฉายาของพระองค์โดยมีศักดิ์ศรีเป็นลำดับขึ้นไป เหมือนอย่างศักดิ์ศรีที่มาจากองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงเป็นพระวิญญาณ” -2 โครินธ์ 3:18 THSV11

  1. เราต้องรอรับการเปลี่ยนแปลงตัวเราอย่างสิ้นเชิงแบบ Transformation

“พระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงร่างกายอันต่ำต้อยของเราให้เหมือนพระกายของพระองค์ที่เต็มด้วยพระรัศมี ตามพลังอำนาจที่ทำให้พระองค์สามารถให้ทุกสิ่งอยู่ใต้อำนาจของพระองค์” -ฟีลิปปี 3:21 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม: “พระคัมภีร์กล่าวอะไรบ้างเกี่ยวกับ Surrender หรือการยอมจำนนต่อพระเจ้า?”

ตอบ: “พระคัมภีร์กล่าวถึง การยอมจำนนต่อพระเจ้าอยู่มากมาย   อาทิ

  1. เราต้องยอมจำนนต่อพระเจ้าด้วยใจถ่อมและใจนอบน้อม

“เพราะฉะนั้น พวกท่านจงนอบน้อมต่อพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป” ~ยากอบ 4:7 THSV11

“พวกท่านจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระองค์จะทรงยกชูท่าน” ~ยากอบ 4:10 THSV11

“เพราะฉะนั้น พวกท่านจงถ่อมตัวลงภายใต้พระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อว่าพระองค์จะทรงยกพวกท่านขึ้นเมื่อถึงเวลาอันควร” ~1 เปโตร 5:6 THSV11

  1. เราต้องยอมจำนนโดยการถวายตัวของเราแด่พระเจ้าอย่างสิ้นเชิง

“ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม”  ~โรม 12:1-2 THSV11

  1. เราต้องยอมจำนนต่อน้ำพระทัยของพระเจ้าโดยไม่ทำอะไรตามใจปรารถนาของเราเอง

“แล้วเสด็จต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง ซบพระกายลงที่ดินอธิษฐานว่าถ้าเป็นได้ขอให้ชั่วโมงนี้ผ่านพ้นไปจากพระองค์ พระองค์ทูลว่า “อับบา (พ่อ) ทุกสิ่งเป็นได้สำหรับพระองค์ ขอโปรดให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์”” ~มาระโก 14:35-36 THSV11

“แล้วทรงดำเนินไปอีกหน่อยหนึ่ง ก็ซบพระพักตร์ลงถึงดินอธิษฐานว่า “โอพระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าเป็นได้ขอให้ถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์เถิด แต่อย่างไรก็ดี อย่าให้เป็นไปตามใจปรารถนาของข้าพระองค์ แต่ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์”” ~มัทธิว 26:39 THSV11

  1. เราต้องยอมจำนนต่อพระเจ้าด้วยการปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตัวเราแบกทุกวัน และตามพระเยซู

“พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาทุกคนว่า “ถ้าใครต้องการจะมาติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวันและตามเรามา เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เรา คนนั้นจะได้ชีวิตรอด” ~ลูกา 9:23-24 THSV11

“พระองค์จึงทรงเรียกฝูงชนกับพวกสาวกให้เข้ามา แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าใครต้องการจะตามเรามา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกและตามเรามา เพราะว่าใครต้องการจะเอาชีวิตรอด คนนั้นจะเสียชีวิต แต่ใครยอมเสียชีวิตเพราะเห็นแก่เราและข่าวประเสริฐ คนนั้นจะได้ชีวิตรอด” ~มาระโก 8:34-35 THSV11

  1. เราต้องยอมจำนนต่อพระเจ้า โดยไม่พึ่งความรอบรู้ของตนเอง

“จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า แล้วพระองค์เองจะทรงทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น” ~สุภาษิต 3:5-6 THSV11

  1. เราต้องยอมจำนนต่อพระเจ้าโดยมีจิตใจยอมเชื่อฟังเหมือนพระเยซูคริสต์

“จงมีจิตใจเช่นนี้ในพวกท่านเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า ไม่ทรงถือว่าความทัดเทียมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะต้องยึดไว้ แต่ทรงสละพระองค์เองและทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และทรงปรากฏอยู่ในสภาพมนุษย์ พระองค์ทรงถ่อมตัวลง ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนกางเขน” ~ฟีลิปปี 2:5-8 THSV11

  1. เราต้องยอมจำนนต่อพระเจ้าโดยดำเนินชีวิตโดยความเชื่อในพระเยซูผู้มีชีวิตอยู่ในเรา

“ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า” ~กาลาเทีย 2:20 THSV11

  1. เราต้องยอมจำนนต่อพระเจ้า และประพฤติดีตามพระทัยของพระเจ้าพระบิดา

“ไม่ใช่ทุกคนที่เรียกเราว่า ‘องค์พระผู้เป็นเจ้า’ จะได้เข้าในแผ่นดินสวรรค์ แต่ผู้ที่ปฏิบัติตามพระทัยพระบิดาของเรา ผู้สถิตในสวรรค์จึงจะเข้าได้” ~มัทธิว 7:21 THSV11

  1. เราต้องยอมจำนนต่อพระเจ้า พร้อมสละสิ่งที่เรารักที่สุดแด่พระเจ้าและเชื่อในการจัดเตรียมของพระองค์อย่างสุดใจ

“ต่อมาพระเจ้าทรงทดลองอับราฮัม และตรัสกับท่านว่า “อับราฮัม” ท่านทูลว่า “ข้าพระองค์อยู่ที่นี่” พระองค์ตรัสว่า “จงพาบุตรของเจ้าคืออิสอัค บุตรคนเดียวของเจ้าผู้ที่เจ้ารัก ไปยังดินแดนโมริยาห์ และถวายเขาที่นั่นเป็นเครื่องบูชา บนภูเขาลูกหนึ่งซึ่งเราจะบอกแก่เจ้า” อับราฮัมจึงลุกขึ้นแต่เช้ามืด ผูกอานลาของท่านพาคนใช้หนุ่มไปกับท่านด้วยสองคนกับอิสอัคบุตรของท่าน ท่านตัดฟืนสำหรับเครื่องบูชา แล้วเดินทางไปยังที่ซึ่งพระเจ้าทรงบอกแก่ท่าน” ~ปฐมกาล 22:1-3 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม: “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยวกับการฟื้นฟู” (revival)?

คำตอบ “พระคัมภีร์สอนเรื่องการฟื้นฟู หรือการเปลี่ยนใหม่ ที่เรียกแตกต่างกัน อาทิ : regeneration, renewal, reparation, reactivation, repairing

คำว่า “Revival”  หมายความว่า

  1. “An improvement in the condition or strength of something.” (การปรับปรุงให้ดีขึ้นในสภาวะหรือความแข็งแกร่งของบางสิ่ง)
  1. “An instance of something becoming popular, active, or important again.” (กรณีหรือตัวอย่างของบางสิ่งที่กลับกลายมาเป็นที่นิยม กระตือรือร้น หรือ มีความสำคัญขึ้นอีกครั้ง)
  1. “Returned to glory” (กลับคืนสู่ศักดิ์ศรี) ดั้งเดิมนั้น คำว่า Revival” หมายความว่า “กลับฟื้นคืนชีวิต” (come back to life.)

สำหรับคริสเตียน  Revival หมายถึง

  • “การกระตุ้นจิตวิญญาณให้ตื่นขึ้นอีกครั้ง (a spiritual reawakening) จากการอยู่เฉยๆ (พักตัว) หรือการเฉื่อยชา (อยู่นิ่ง/เมื่อยล้า)(from a state of dormancy or stagnation ) ในชีวิตของผู้เชื่อ (in the life of a believer. )”
  • การฟื้นฟูนี้ จะทำให้ได้สัมผัสความรักของพระเจ้า ชื่นชมกับความบริสุทธิ์ของพระองค์ มีใจเร่าร้อนในพระวจนะ และในคริสตจักรของพระองค์ ได้ตระหนักและสำนึกผิดในบาปทั้งเป็นการส่วนตัวและโดยส่วนรวม มีจิตใจที่ถ่อมลงและมีความปรารถนาที่จะกลับใจใหม่และเติบโตขึ้นในความชอบธรรม
  • การฟื้นฟูนี้ เติมพลังให้ความเชื่อ หรือทำให้ความเชื่อหยั่งลงลึกขึ้น ช่วยเปิดตาให้เห็นความจริงที่สดใหม่ในวิถีใหม่ โดยทั่วไป การฟื้นฟูนี้ จะทำให้ใจสะอาด ทำให้ชีวิตเริ่มต้นใหม่ ด้วยความเชื่อฟังพระเจ้า
  • การฟื้นฟู จะทำลายอำนาจของโลกนี้ ซึ่งปิดตาคน และจะก่อเกิดทั้งความตั้งใจและพลังในการดำเนินชีวิตในโลก แต่ไม่เป็นของโลก

แม้คำว่า Revival ไม่ได้เขียนไว้ในพระคัมภีร์ใหม่ แต่ก็มีพระคัมภีร์พูดในทำนองว่า เราตายไปแล้ว ในการละเมิดและในความบาปของเรา แต่เพราะว่าพระเยซู เราจึงฟื้นหรือเป็นขึ้นมาใหม่!

ดังที่กล่าวไว้ในเอเฟซัส 2:1; โคโลสี 2:13 พระคัมภีร์มีการกล่าวถึงหลายตอน ตัวอย่างเช่น

  • การทำให้ฟื้นคืนชีวิตกลับมา

“ครั้งหนึ่ง เมื่อเขากำลังฝังศพคนหนึ่ง นี่แน่ะ เขาเห็นโจรกลุ่มหนึ่ง เขาจึงโยนศพชายคนนั้นลงไปในอุโมงค์ของเอลีชา พอศพชายคนนั้นแตะต้องกระดูกของเอลีชา ชายนั้นก็คืนชีวิตลุกขึ้นยืน” ~2 พงศ์กษัตริย์ 13:21 THSV11

  • การฟื้นฟูกำลังเรี่ยวแรง

“เจ้าเหน็ดเหนื่อยเพราะเจ้าเดินทางมากมาย แต่เจ้าไม่ได้พูดว่า “หมดหวัง” กำลังของเจ้าได้รับการฟื้นฟู เจ้าจึงไม่ได้อ่อนเปลี้ยไป ~อิสยาห์ 57:10 THSV11

  • การฟื้นฟูการนมัสการ

“นอกจากเครื่องบูชาเผาทั้งตัวจำนวนมากมายแล้ว ยังมีไขมันของเครื่องศานติบูชา และเครื่องดื่มบูชาที่คู่กับเครื่องบูชาเผาทั้งตัวด้วย ดังนี้แหละ งานปรนนิบัติในพระนิเวศของพระยาห์เวห์ก็กลับคืนมาอีก” ~2 พงศาวดาร 29:35 THSV11

  • การฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพดี

“แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายจะไม่หันไปจากพระองค์ ขอประทานชีวิตแก่ข้าพระองค์ทั้งหลาย แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายจะทูลออกพระนามพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าจอมทัพ ขอทรงช่วยข้าพระองค์ทั้งหลายให้กลับสู่สภาพดี ขอพระพักตร์ของพระองค์ทอแสง เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะรอด” ~สดุดี 80:18-19 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ถาม:  “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้าง เกี่ยวกับ วันสะบาโต?”

คำตอบ: “พระคัมภีร์สอนมากมายเกี่ยวกับวันสะบาโตดังนี้

1)พระเจ้าทรงบัญชา ให้เราถือรักษาวันสะบาโตให้บริสุทธิ์

“จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์” ~อพยพ 20:8 THSV11

2) พระเจ้าสร้างวันสะบาโตเพื่อมนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์เพื่อวันสะบาโต

“พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “วันสะบาโตนั้นทรงตั้งไว้เพื่อมนุษย์ ไม่ได้ทรงสร้างมนุษย์ไว้เพื่อวันสะบาโต” ~มาระโก 2:27 THSV11

3) พระเจ้ามีพระเจตนาให้เราทุกคนได้หยุดพักในวันสะบาโต

“ฉะนั้นจึงยังมีการหยุดพักสะบาโตสำหรับประชากรของพระเจ้า” ~ฮีบรู 4:9 THSV11

4) พระเจ้าประสงค์ให้เราหยุดพักสงบ และประชุมบริสุทธิ์ในวันสะบาโต ไม่ทำงานใดๆที่ขัดขวาง

“จงทำการงานในหกวัน แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตแห่งการหยุดพักสงบ เป็นวันประชุมบริสุทธิ์ ห้ามทำการงานใดๆ เป็นสะบาโตแด่พระยาห์เวห์ ตามที่อยู่ทั่วไปของเจ้า” ~เลวีนิติ 23:3 THSV11

5) พระเจ้าประสงค์ให้เราไปนมัสการพระเจ้า ที่สถานนมัสการของพระองค์ด้วยความเคารพ

“จงรักษาสะบาโตทั้งหลายของเรา และเคารพต่อสถานนมัสการของเรา เราคือยาห์เวห์” ~เลวีนิติ 19:30 THSV11

6) พระเจ้าประสงค์ให้เราพักสงบ และปฏิเสธความปรารถนาของตัวเอง ในวันสะบาโต(มีเวลากับพระเจ้าและพี่น้อง)

“เป็นวันสะบาโตให้เจ้าทั้งหลายหยุดพักสงบ พวกเจ้าต้องปฏิเสธความปรารถนาของพวกเจ้า ทั้งนี้ให้เป็นกฎเกณฑ์ถาวร” ~เลวีนิติ 16:31 THSV11

7) พระเจ้าไม่ประสงค์ให้เราไปหารายได้ในวันสะบาโต แต่ให้เราจัดการให้มีเพียงพอก่อนแล้ว

“จงเก็บอาหารหกวัน แต่ในวันที่เจ็ดซึ่งเป็นสะบาโตจะไม่มีเลย” ~อพยพ 16:26 THSV11

“จงทำงานหกวัน แต่วันที่เจ็ดจะเป็นวันบริสุทธิ์ของพวกท่าน เป็นสะบาโตแด่พระยาห์เวห์สำหรับหยุดพัก ทุกคนที่ทำงานในวันนั้นต้องถูกลงโทษถึงตาย” ~อพยพ 35:2 THSV11

8) พระเยซูคริสต์เป็นเจ้านายเหนือวันสะบาโต ไม่ได้อยู่ใต้กฎสะบาโต

“เพราะว่าบุตรมนุษย์เป็นเจ้าเป็นนายเหนือวันสะบาโต” ~มัทธิว 12:8 THSV11

9) เราต้องไม่ทำให้เรื่องการรักษาวันสะบาโต หรือเรื่องใด กลายเป็นประเด็นให้คนพิพากษาตัวเรา

“เพราะฉะนั้นอย่าให้ใครพิพากษาท่านทั้งหลายในเรื่องการกิน การดื่ม ในเรื่องเทศกาล หรือวันต้นเดือน หรือวันสะบาโต” ~โคโลสี 2:16 THSV11

10)ราต้องใช้วันสะบาโตในการช่วยชีวิตคน(รวมทั้งตัวเรา) ไม่ใช่เล่นงาน ทำร้ายหรือทำลายชีวิตคน

“พระเยซูจึงตรัสถามพวกผู้เชี่ยวชาญบัญญัติและพวกฟาริสีว่า “ถ้าจะรักษาคนป่วยในวันสะบาโตผิดบัญญัติหรือไม่?”” ~ลูกา 14:3 THSV11

แล้วพระองค์ตรัสกับคนทั้งหลายว่า “ในวันสะบาโตควรจะทำการดีหรือทำการร้าย ควรจะช่วยชีวิตหรือทำลายชีวิต?” คนทั้งหลายก็นิ่งอยู่” ~มาระโก 3:4 THSV11

“คนเหล่านั้นคอยเฝ้าดูว่า พระองค์จะรักษาโรคให้คนนั้นในวันสะบาโตหรือไม่ เพื่อจะหาเหตุฟ้องพระองค์” ~มาระโก 3:2 THSV11

11) เราสามารถมีข้อยกเว้นในวันสะบาโตได้ ถ้าเป็นพระประสงค์และพระบัญชาของพระองค์หรือ การแสดงความเมตตาแบบเจาะจง หรือเฉพาะหน้า

“พวกท่านไม่ได้อ่านในธรรมบัญญัติหรือ? ที่ว่าพวกปุโรหิตในพระวิหารย่อมละเมิดกฎวันสะบาโตแต่ไม่มีความผิด” ~มัทธิว 12:5 THSV11

พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ใครในพวกท่านถ้ามีลูกหรือวัวตกบ่อ จะไม่รีบฉุดขึ้นมาในวันสะบาโตหรือ?” ~ลูกา 14:5 THSV11

12) เราต้องไม่ให้มีสิ่งใดเป็นรูปเคารพ และลบหลู่สะบาโตของพระเจ้า

“เพราะพวกเขาปฏิเสธกฎหมายของเรา และไม่ดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และลบหลู่สะบาโตของเรา เพราะว่าจิตใจพวกเขาไปติดตามรูปเคารพของเขา” ~เอเสเคียล 20:16 THSV11

13) เราต้องให้วันสะบาโตของเราบริสุทธิ์และเป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับพระเจ้า

“และรักษาบรรดาสะบาโตของเราให้บริสุทธิ์ เพื่อจะเป็นหมายสำคัญระหว่างเรากับเจ้า เพื่อเจ้าจะทราบว่าเราคือยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย” – เอเสเคียล 20:20 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเรื่องการกลับใจใหม่?”

ตอบ: “พระคัมภีร์ กล่าวถึงเรื่องการกลับใจใหม่ ไว้ดังนี้

  1. พระเจ้าตรัสสั่งให้มนุษย์ทั้งปวงกลับใจใหม่

“ในเวลาที่มนุษย์ยังขาดความรู้ พระเจ้าไม่ทรงถือโทษ แต่บัดนี้ พระเจ้าตรัสสั่งมนุษย์ทั้งปวงทั่วทุกแห่งให้กลับใจใหม่” ~กิจการ 17:30 THSV11

  1. พระเจ้าเรียกและแต่งตั้งคนของพระองค์ เช่น ยอห์น ให้ออกไปประกาศให้คนกลับใจใหม่

“ยอห์นจึงไปทั่วลุ่มแม่น้ำจอร์แดน ประกาศให้คนกลับใจใหม่และรับบัพติศมาเพื่อให้พระเจ้าทรงยกโทษความผิดบาป” -ลูกา 3:3 THSV11

“ข้าพเจ้าให้ท่านรับบัพติศมาด้วยน้ำ แสดงว่ากลับใจใหม่ก็จริง แต่พระองค์ผู้จะมาภายหลังข้าพเจ้า ทรงยิ่งใหญ่กว่าข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะถือฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้พวกท่านรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ” -มัทธิว 3:11 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ ก็ทรงประกาศให้คนกลับใจใหม่ มิฉะนั้นจะพินาศ

“จงกลับใจใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว” ~มัทธิว 3:2 THSV11

“เราบอกพวกท่านว่า ไม่ใช่ แต่ท่านเองถ้าไม่กลับใจใหม่ก็จะต้องพินาศเหมือนกัน” -ลูกา 13:3 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์มาเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่ และเชื่อในข่าวประเสริฐ

“เราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาปให้กลับใจใหม่”” -ลูกา 5:32 THSV11

“โดยตรัสว่า “เวลากำหนดมาถึงแล้วและแผ่นดินของพระเจ้าก็มาใกล้แล้ว จงกลับใจใหม่ และเชื่อข่าวประเสริฐ”” -มาระโก 1:15 THSV11

  1. สาวกของพระเยซู เช่น เปโตร ต่างก็ออกไปประกาศให้คนกลับใจใหม่

 “พวกสาวกก็ออกไปประกาศให้ทุกคนกลับใจใหม่” -มาระโก 6:12 THSV11

“เปโตรจึงกล่าวกับเขาทั้งหลายว่า “จงกลับใจใหม่และรับบัพติศมาในพระนามของพระเยซูคริสต์ให้หมดทุกคน เพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของท่านทั้งหลาย แล้วพวกท่านจะได้รับของประทานคือพระวิญญาณบริสุทธิ์” -กิจการ 2:38 THSV11

  1. คนทั้งปวงควรยินดีและสรรเสริญพระเจ้าที่พระองค์ทรงโปรดให้คนทั้งหลาย รวมทั้งคนต่างชาติ ได้กลับใจและได้ชีวิตรอด

“เมื่อคนทั้งหลายได้ยินคำเหล่านั้นก็นิ่งอยู่ แล้วสรรเสริญพระเจ้าว่า “พระเจ้าก็ทรงโปรดแก่คนต่างชาติให้กลับใจใหม่จนได้ชีวิตรอดด้วย”” -กิจการ 11:18 THSV11

  1. ทูตสวรรค์ของพระเจ้าต่างก็ชื่นชมยินดีเมื่อคนบาปเพียงคนเดียวกลับใจใหม่

“ในทำนองเดียวกัน เราบอกท่านทั้งหลายว่า จะมีความชื่นชมยินดีท่ามกลางพวกทูตสวรรค์ของพระเจ้าเรื่องคนบาปคนเดียวที่กลับใจใหม่”” -ลูกา 15:10 THSV11

  1. เราควรตระหนักว่า พระเจ้าทรงรักและประสงค์ให้เรากระตือรือร้นในการกลับใจใหม่( แม้บางครั้งพระองค์อาจต้องตักเตือนและตีสอนเราโดยตรง)

“เรารักใครเราก็ตักเตือนและตีสอนเขา เพราะฉะนั้นจงมีความกระตือรือร้น และกลับใจใหม่” -วิวรณ์ 3:19 THSV11

  1. เราต้องรีบกลับใจจากการชั่วร้ายของเรา และอธิษฐานขอพระเจ้ายกความผิดของเรา

“เพราะฉะนั้นจงกลับใจใหม่จากการชั่วร้ายของเจ้า และอธิษฐานขอต่อพระเจ้า พระองค์อาจจะทรงยกความผิดที่เจ้าคิดอยู่ในใจ” -กิจการ 8:22 THSV11

  1. พระเจ้าทรงอดทนนาน ไม่เสด็จมาพิพากษาเราตอนนี้ เพราะไม่ประสงค์ให้ใครพินาศแต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจ

“องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่” -2 เปโตร 3:9 THSV11

  1. เราต้องพิสูจน์การกลับใจใหม่ของเราด้วยผลความประพฤติที่เห็นได้

“จงพิสูจน์การกลับใจด้วยผลที่เกิดขึ้น อย่านึกว่าตนมีอับราฮัมเป็นบิดา เพราะข้าพเจ้าจะบอกพวกท่านว่า พระเจ้าทรงสามารถทำให้ก้อนหินเหล่านี้กำเนิดบุตรแก่อับราฮัมได้” -ลูกา 3:8 THSV11

“เพราะฉะนั้นจงเกิดผลให้สมกับการกลับใจ” -มัทธิว 3:8 THSV11

  1. เราต้องพร้อมยกโทษพี่น้องที่ทำผิดต่อเรา และกลับใจใหม่ เมื่อเราเตือนเขา

“จงระวังให้ดี ถ้าพี่น้องทำผิดต่อท่าน จงเตือนเขา และถ้าเขากลับใจแล้วก็จงยกโทษให้” -ลูกา 17:3 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-