คำถาม
“พระคัมภีร์สอนอะไรเกี่ยวกับวันศุกร์ประเสริฐ (Good Friday ) และวันอีสเตอร์ (Easter Sunday) บ้างครับ? มีบางคนแย้งว่า ไม่มีสองคำนี้ ในพระคัมภีร์ จริงไหม?
ตอบ
“จริงครับ ไม่มี 2 คำนี้ในพระคัมภีร์ แต่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับ 2 เรื่องดังกล่าวมากมายชัดเจน คล้ายๆ กับไม่มีคำว่า “คริสต์มาส” อยู่ในพระคัมภีร์ แต่เรื่องราวการบังเกิดของพระเยซูคริสต์ อันเป็นสาระหลัก ปรากฎอยู่อย่างชัดเจนจนไม่ต้องบรรยาย
คำอื่น ๆ ที่เราคุ้นเคย อย่างเช่น พิธีมหาสนิท พิธีแต่งงาน พิธีสถาปนาศาสนาจารย์ หรือแม้แต่พิธีสถาปนาโบสถ์ ต่าง ๆ ก็ไม่มีในพระคัมภีร์ นี่ยังไม่นับเรื่องชื่อคณะ องค์กรของเรา ชื่อโบสถ์ของเรา ชื่อเพลงและรายละเอียดอื่นๆ ในการนมัสการ รวมทั้งการคำว่า การนมัสการออนไลน์ ฯลฯ และอีกมากมาย ที่ไม่ปรากฏแต่เราก็เข้าใจถึงเนื้อหาสาระ ความหมายความสำคัญของแต่ละคำและแต่ละอย่างที่เรากล่าวถึงนั้น
ดังนั้นอย่าไปติดที่ ชื่อ หรือคำ แต่จงเข้าใจความหมายและที่มาที่ไป หากสิ่งใดไม่ขัดแย้งกับพระทัยพระเจ้าตามที่ปรากฏในพระคัมภีร์ ก็ทำได้เลย จะทำตามบางส่วนหรือทำทั้งหมดก็ให้ดูความเหมาะสม
จริงๆ แล้ว เรื่องราว เกี่ยวกับวันศุกร์ประเสริฐและอีสเตอร์เป็นเรื่องราวเดียวกันเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ที่ต่อเนื่องกัน ตั้งแต่วันเช้าศุกร์จนถึงวันอาทิตย์ คือก่อนถูกตรึงสิ้นพระขนม์ในวันศุกร์และเป็นขึ้นมาจากความตายในวันอาทิตย์
เหตุการณ์หลักวันศุกร์ประเสริฐครอบคลุมเวลาดังนี้
- 8.00 น.ปีลาตตัดสินประหารชีวิตพระเยซูคริสต์ (มัทธิว 27:1-2)
- 9.00 น. พวกเขาจับพระเยซูคริสต์ไปตรึงบนไม้กางเขน หลังจากทรมานพระองค์มาตั้งแต่คืนวันพฤหัสหรือเช้าวันศุกร์ (มาระโก15:25)
- 12.00 น. ความมืดมิดปกคลุมทั่วทั้งแผ่นดิน (มัทธิว 27:45)
- 15.00น. พระเยซูคริสต์สิ้นพระชนม์ และจากนั้นเอาพระศพพระองค์ไปฝังในอุโมงค ์(มัทธิว 27:57-60) จนจบวัน (18.00น.) ยาวไปจนถึงวันเสาร์และเช้าตรู่วันอาทิตย์
ที่เรียกวันนี้ว่า Good Friday หรือ วันศุกร์ที่ดี หรือ ศุกร์ประเสริฐ เพราะสิ่งที่พระเยซูคริสต์ถูกกระทำและสิ่งที่พระองค์กระทำ สั่งสอน หรือตรัส ออกมา ล้วนก่อเกิดคุณค่ามหาศาลต่อมวลมนุษยชาติ ให้เราได้เห็นเป็นแบบอย่างที่ดีเพื่อให้เราไปกระทำตามต่อคนในครอบครัว คือรับผิดชอบดูแล
- บุพการี (ทั้งในยามมีชีวิตและยามที่ต้องจากไป)
- ต่อลูกศิษย์หรือผู้ติดตามคือการมอบหมายงานที่ชัดเจน ให้ไปกระทำต่อศัตรู คือการให้อภัยในสิ่งที่พวกเขากระทำต่อเรา
- ต่อคนที่สำนึกตัวสำนึกผิด ก็ให้โอกาส และช่วยให้รอด
- ต่อพระเจ้าคือการไว้วางใจพระองค์จนถึงนาทีสุดท้าย
- ต่องานที่ได้รับมอบหมาย คือการอดทนทนทุกข์ ยืนหยัดจนสำเร็จ และ
- ต่อคนทั่วไป ก็คือ การประกาศและยืนยันข่าวดีที่ช่วยให้ผู้ฟังได้รับความรอดด้วยชีวิตและคำสอนของพระคริสต์ (ตามด้วยการเป็นขึ้นจากตายในวันอาทิตย์ของพระองค์ที่เรียกว่าวันอีสเตอร์)
บางคนเลยเชื่อว่า วันนี้น่าจะมาจากคำว่า God’s Friday (วันศุกร์ของพระเจ้า) มากกว่า!
ส่วนเหตุการณ์หลักวันอาทิตย์อีสเตอร์ (Easter Sunday)ครอบคลุม เวลา ตั้งแต่เช้าตรู่วันอาทิตย์ เมื่อพระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากความตาย จนสิ้นวันอาทิตย์ จากนั้นเข้าสู่ภาคต่อไปอีก 40 วัน ของพระเยซูคริสต์ที่ใช้เวลากับสาวกในโลกก่อนเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
ชื่อ “อีสเตอร์” เป็นชื่อที่พวกคริสเตียนไปเอามาจากเทศกาลเดิมซึ่งคนในสมัยนั้นเขามีอยู่ก่อนแล้วมาปรับและต่อยอด
ความหมายอีสเตอร์ โดยทั่วไปจึงหมายถึง “วันสำคัญทางคริสตศาสนา ที่เน้นฉลองการเป็นขึ้นมาจากตายของพระเยซูคริสต์มาแทนที่เทศกาลฉลองฤดูใบไม้ผลิ (และสตรีเทพนามว่า “Eastre” ในยุโรป)
อีสเตอร์
“วันหยุดทางคริสตศาสนา เพื่อเฉลิมฉลองการสิ้นพระชนม์และการคืนกลับสู่พระชนม์ของพระเยซูคริสต์”
-Cambridge International Dictionary of English-
วันอาทิตย์อีสเตอร์
“วันเทศกาลอีสเตอร์ (วันอาทิตย์แรกหลังวันเพ็ญ ภายหลังวันที่ 21 มีนาคมของทุกปี)”
-A new English Thai Dictionary ,ดร.วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม-
อีสเตอร์
“เทศกาลประจำปีของคริสตชนที่สำคัญที่สุด ตรงกับวันอาทิตย์ใน เดือนมีนาคม หรือเมษายน และเป็นการเฉลิมฉลองการคืนพระชนม์ ของพระคริสต์ภายหลังจากถูกตรึงตายบนไม้กางเขน”
-Oxford, Advanced Learner’s Encyclopedic Dictionary-
อีสเตอร์
มาจากภาษาอังกฤษโบราณ ว่า “eastre”, “eastron” ตรงกับฝรั่งเศสโบราณว่า “asteron”หรือเยอรมันโบราณว่า “ostarun,ostern” เป็นคำที่มาจากนามของเทพเจ้าสตรี นามว่า “Eostre” (Eastre) ซึ่งมีงานเลี้ยงเฉลิมฉลองสำหรับเธอ
ในวัน “วสันตวิษุสวัต” (The Vernal equinox- “การเฉลิมฉลองของคริสตศาสนจักร เพื่อระลึกถึง การคืนพระชนม์ของพระคริสต์ ซึ่งตรงกับเทศกาลปัสกาของพวกยิวมักถือปฏิบัติกันในวันอาทิตย์แรกหลังจากวันเพ็ญตามปฏิทินคือวันที่ 14 ของปฏิทินจันทรคติ ซึ่งตรงกับวันที่ 21 มีนาคมหรือหลังจากนั้น”)
-The Shorter Oxford English Dictionary on Historical Principles, Volume I (A – Mark worthy)
โดยปกติคริสตชนแท้จะดำเนินชีวิตให้เหมือนกับว่า …….
- “พระคริสต์ทรงประสูติในวันคริสตมาส -ทำให้ชีวิตของเรายินดี และมีความสุข!
- ทรงสิ้นพระชนม์ในวันศุกร์ประเสริฐเพื่อเราเมื่อวานนี้ (อดีต) –ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งในพระคุณและถ่อมใจ!
- ทรงเป็นขึ้นมาจากตายในวันอาทิตย์อีสเตอร์– ทำให้เรามีกำลังใจสู้ปัญหาชีวิตอย่างมีชัยชนะ!
- ทรงสถิตกับเราในวันนี้ (ปัจจุบัน) -ทำให้เรามีใจรักที่จะทำดีและแบ่งปันความสุขแก่ผู้อื่น!
- และมั่นใจว่า พระองค์จะทรงเสด็จกลับมารับเรา(ผู้เชื่อ) ในวันพรุ่งนี้ (อนาคต)”–ทำให้เรามีความหวังใจในอนาคตนิรันดร์ที่ดีกว่า!
หากเราดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อเช่นนี้ เราจะมีชีวิตอยู่เพียงเพื่อตัวเองอีกต่อไป!
แต่เราจะมีชีวิตที่ปีติยินดีด้วยความหวังใจในชีวิต! และเราไม่ยอมแพ้หรือท้อถอยง่าย ๆ !
นี่แหละ คือ ชีวิตของคนที่มีประสบการณ์กับพระคริสต์แห่งวันอีสเตอร์!
-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer