Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม    “พระคัมภีร์สอนเรื่อง JOY ไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ:    คำว่า JOY” ปกติหมายความว่า…

“ความรู้สึกพอใจ และมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง” ( a feeling of great pleasure and happiness.)

เราจะมี J-O-Y เมื่อเรามีทัศนคติและแนวการดำเนินโดยการให้ลำดับความสำคัญดังนี้

ทุกอย่างที่เราจะทำนั้น ให้คิดถึงตามลำดับดังนี้

  1. J-Jesus (พระเยซูคริสต์/พระเจ้า) ก่อนสิ่งอื่นใด
  2. O-Others (คนอื่น) ตามมา
  3. Y-Yourself (ตัวเอง) เป็นอันดับต่อมา

ดังนั้น หากเราอยากมี JOY ในชีวิต

1.จงแสวงหาพระ(เยซูคริสต์)เจ้า เบื้องบนก่อนบุคคล หรือสิ่งอื่นใด

“เพราะฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงทำให้พวกท่านเป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์แล้ว ก็จงแสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบนในที่ซึ่งพระคริสต์สถิตอยู่ คือประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก”  -โคโลสี 3:1-2 THSV11

“ถ้าท่านเองจะแสวงหาพระเจ้า และวิงวอนองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ ..ดูเถิด พระเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งคนดีพร้อม และจะไม่ทรงค้ำจุนผู้ทำชั่ว พระองค์ยังจะทรงให้ปากของท่านเต็มด้วยการหัวเราะ และริมฝีปากของท่านเต็มด้วยการโห่ร้องยินดี”  -โยบ 8:5, 20-21 THSV11

“แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้”  -มัทธิว 6:33 THSV11

2.จงคิดถึงคนอื่น และปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยน้ำใจ ก่อนคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเอง

“อย่าทำสิ่งใดด้วยการชิงดีหรือถือดี แต่จงถือว่าคนอื่นดีกว่าตัวด้วยใจถ่อม อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆ ด้วย จงมีจิตใจเช่นนี้ในพวกท่านเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์”  -ฟีลิปปี 2:3-5 THSV11

“คนใจกว้างย่อมเจริญรุ่งเรือง คนที่ให้น้ำคนอื่นย่อมได้น้ำตอบแทน”    -สุภาษิต 11:25 THSV11

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต่อคนที่มีคุณค่าและมีคุณต่อเรา

“ส่วนคนที่รับการสอนพระวจนะ จงแบ่งสิ่งดีทุกอย่างให้แก่คนที่สอนตนเถิด”  -กาลาเทีย 6:6 THSV11

3.จงคิดถึงตัวเอง และปฏิบัติตนอย่างเหมาะสม (ตามพระวจนะของพระเจ้า)

 “ทุกคนจงสำรวจตัวเอง แล้วจึงกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้” (1โครินธ์ 11:28 THSV11)

“เพราะว่าถ้าใครถือตัวว่าเป็นคนสำคัญ ทั้งๆ ที่เขาไม่สำคัญอะไรเลย เขาก็หลอกตัวเอง แต่ละคนจงสำรวจการกระทำของตนเอง แล้วจึงจะมีอะไรอวดได้ในตัวเองโดยไม่ต้องเปรียบกับผู้อื่น เพราะว่าแต่ละคนต้องรับภาระของตัวเอง”  -กาลาเทีย 6:3-5 THSV11

“แต่จงเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นการหลอกตัวเอง” (ยากอบ 1:22 THSV11)

สรุป

 คนที่คิดถึงพระเจ้า เป็นภาพรวมใหญ่ก่อน คือ คิดถึงพระประสงค์ และพระทัยของพระองค์ก่อน ก็จะทุกข์น้อย แต่สุขได้ในทุกสถานการณ์ เพราะเมื่อเรารู้จัก และรู้เรื่องพระเจ้า เราก็จะไม่เหลืออะไรให้วิตกหรือกลัวอีกต่อไป เราก็จะใช้ความคิด และเวลา ความสามารถ และทุกสิ่งที่เรามีอยู่ในการรับใช้และถวายพระเกียรติแด่พระองค์ จากนั้นเราก็จะเป็นพรต่อคนอื่นๆ ตามช่องทางที่เอื้ออำนวย และปิดท้าย ด้วยการตรวจดูสิ่งที่ยังขาดเหลือสำหรับตัวเอง และจัดหา หรือจัดสรรให้เพียงพอ

บ่อยครั้ง เราจะประหลาดใจมากที่ สิ่งที่เราต้องการ ล้วนได้รับการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว จากพระเจ้า ผ่านมายังคนอื่นๆ ที่เราเคยได้รับใช้พวกเขามา จนเราอดขอบคุณพระเจ้า และคนเหล่านั้นไม่ได้

“แม้แต่เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองเธสะโลนิกา พวกท่านก็ส่งของไปช่วยข้าพเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ..ข้าพเจ้าได้รับทุกอย่างครบถ้วนและมีเหลือเฟือ ข้าพเจ้ามีเต็มบริบูรณ์เพราะได้รับของฝากของท่านทั้งหลายจากเอปาโฟรดิทัส สิ่งเหล่านั้นเป็นของถวายที่หอมหวาน เป็นเครื่องบูชา ที่พระเจ้าโไม่ปรดรับและพอพระทัย และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่พวกท่านจากทรัพย์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์”  -ฟีลิปปี 4:16, 18-19 THSV11

ชีวิตอย่างนี้แหละ คือ ชีวิตที่มีความสุขอย่างลึกๆ ที่เรียกว่า J-O-Y อย่างแท้จริง!

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(cr.ภาพ preslie Hirsch.Unsplash.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม   “ในพระคัมภีร์สอนว่าเราควรทำตัวของเราให้ดีขึ้นในเรื่องใดบ้าง?”

คำตอบ:  “พระคัมภีร์สอนให้เราทำดี และทำดียิ่งๆ ขึ้นไปอีก ในฐานะเกลือ และแสงสว่างของสังคม

“พี่น้องทั้งหลาย ในที่สุดนี้ เนื่องจากเราได้สอนท่านถึงวิธีดำเนินชีวิตซึ่งจะเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า และท่านดำเนินอย่างนั้นอยู่แล้ว เราจึงขอวิงวอนและเตือนสติท่านในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าว่า จงดำเนินให้ดียิ่งขึ้นอีก”(1เธสะโลนิกา 4:1)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

 คำถาม    “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้าง เกี่ยวกับ วิถีคิด (mindset) อย่างคริสเตียน?”

ตอบ

“1.เราควรคิดแต่สิ่งที่อยู่เบื้องบน คือคิดถึงพระเจ้า และแผ่นดินของพระเจ้าก่อนสิ่งอื่นใด

  •  เราต้องให้ความคิดของเราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยูเบื้องบน

“เพราะฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงทำให้พวกท่านเป็นขึ้นมาด้วยกันกับพระคริสต์แล้ว ก็จงแสวงหาสิ่งที่อยู่เบื้องบนในที่ซึ่งพระคริสต์สถิตอยู่ คือประทับอยู่เบื้องขวาของพระเจ้า จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก”  ~โคโลสี 3:1-2 THSV11

  •  เราต้องแสวงหาพระเจ้า และแผ่นดินของพระองค์ก่อนสิ่งอื่นใด

“แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้”               ~มัทธิว 6:33 THSV11

  • เราควรคิดใคร่ครวญและซาบซึ้งในความรักของพระเจ้าที่เกินความรู้

“ข้าพเจ้าทูลขอให้ท่านสามารถเข้าใจร่วมกับธรรมิกชนทั้งหมดถึงความกว้าง ความยาว ความสูง และความลึก คือให้ซาบซึ้งในความรัก ของพระคริสต์ซึ่งเกินความรู้ เพื่อพวกท่านจะได้รับความบริบูรณ์ของพระเจ้าอย่างเต็มเปี่ยม ขอให้พระเกียรติจงมีแด่พระองค์ในคริสตจักรและในพระเยซูคริสต์ตลอดทุกชั่วอายุคนเป็นนิตย์ อาเมน”                    ~เอเฟซัส 3:18-19, 21 THSV11

  • เราควรคิด และ กระทำสิ่งที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้า ด้วยกายของเราเสมอ

“เพราะว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง ฉะนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของพวกท่านเถิด”  ~1 โครินธ์ 6:20 THSV11

  • เราควรตระหนักเสมอว่า แผ่นดินของพระเจ้าเป็นเรื่องความชอบธรรม สันติสุขและความยินดี

“เพราะว่าแผ่นดินของพระเจ้านั้นไม่ใช่การกินและการดื่ม แต่เป็นความชอบธรรมและสันติสุขและความชื่นชมยินดี ในพระวิญญาณบริสุทธิ์”  ~  โรม14:17 THSV11

  • เราควรสำนึกว่าเราต้องพึ่งพระเจ้า และยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระองค์ในการรับมือกับมาร

“เพราะเหตุนี้จงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะสามารถต่อสู้ในวันชั่วร้ายนั้น และเมื่อทำทุกอย่าง แล้วจะยังยืนหยัดอยู่ได้”       ~เอเฟซัส 6:13 THSV11

  •  เราควรมั่นใจและวางใจในการจัดเตรียมของพระเจ้าสำหรับชีวิต และการรับใช้ของเรา

“และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่พวกท่านจากทรัพย์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์”  ~ ฟีลิปปี 4:19 THSV11

  • เราต้องไม่ด่วนทำตัวเป็นผู้ตัดสินสิ่งใดๆ แทนพระเจ้า

“ฉะนั้นอย่าตัดสินสิ่งใดก่อนถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา พระองค์จะทรงเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความมืด  และจะทรงเผยความมุ่งหมายของจิตใจทั้งหลาย เมื่อนั้นแต่ละคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า”   ~1 โครินธ์ 4:5 THSV11

  • เราควรให้พระเจ้าตรวจดูความคิดและจิตใจของเราให้ถูกต้องอยู่เสมอ

“ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงตรวจค้นข้าพระองค์และทรงรู้จักจิตใจของข้าพระองค์ ขอทรงทดสอบข้าพระองค์และทรงรู้จักความคิดของข้า      พระองค์”  ~สดุดี 139:23 THSV11

2.เราควรคิดถึงตัวเองอย่างถูกต้องตามพระประสงค์ของพระเจ้า

  •  เราต้องสำรวจ ความคิดและจิตใจของ ตัวเองอยูเป็นประจำ

“ทุกคนจงสำรวจตัวเอง แล้วจึงกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้”               ~1 โครินธ์ 11:28 THSV11

  • เราต้องสำรวจดูการกระทำของตัวเองอยู่เสมอ

“แต่ละคนจงสำรวจการกระทำของตนเอง แล้วจึงจะมีอะไรอวดได้ในตัวเองโดยไม่ต้องเปรียบกับผู้อื่น” ~กาลาเทีย 6:4 THSV11

  • เราแต่ละคนต้องพร้อมรับภาระและผลของที่ตนเองทำ

“เพราะว่าแต่ละคนต้องรับภาระของตัวเอง”  ~กาลาเทีย 6:5 THSV11

  • เราต้องคิดดีๆ ก่อน(ปาก)พูด หรือมือโพสต์อะไรออกมา ทำให้เดือดร้อน

“ปากของคนโง่เป็นสิ่งทำลายตัวเขาเอง และริมฝีปากของเขาก็เป็นบ่วงดักตนเอง”  ~สุภาษิต 18:7 THSV11

  •  เราต้องคิดดีๆ ก่อนพูดอะไรที่อวดตัว(กดคนอื่น)ออกมา

“อย่ายกย่องตัวเองเฉพาะพระพักตร์พระราชา และอย่ายืนอยู่ในที่ของคนใหญ่คนโต”  ~สุภาษิต 25:6 THSV11

“จงให้คนอื่นสรรเสริญเจ้า และไม่ใช่ปากของเจ้าเอง ให้คนต่างด้าวสรรเสริญและไม่ใช่ริมฝีปากของเจ้าเอง”  ~สุภาษิต 27:2 THSV11

  • เราต้องระวัง ไม่คิดถือตัวเกินที่ตัวเราควรที่จะคิด

“เพราะว่าถ้าใครถือตัวว่าเป็นคนสำคัญ ทั้งๆ ที่เขาไม่สำคัญอะไรเลย เขาก็หลอกตัวเอง” ~กาลาเทีย 6:3 THSV11

  •  เราต้องไม่คิดว่าตนเองดีกว่า มีค่ามากคนอื่น จนดูหมิ่นคนอื่น

“สำหรับบางคนที่เชื่อมั่นในตัวเองว่าเป็นคนชอบธรรมและดูหมิ่นคนอื่นนั้น พระองค์ตรัสอุปมานี้ว่า” ~ลูกา 18:9 THSV11

  • เราต้องไม่รักหรือหวงชีวิตของตนมากเกินไป จนละเลยหรือละทิ้งพระเจ้า

“คนที่รักชีวิตตัวเองต้องเสียชีวิต และคนที่เกลียดชังชีวิตตัวเองในโลกนี้จะรักษาชีวิตนั้นไว้นิรันดร์” ~ยอห์น 12:25 THSV11

  • เราต้องหมั่นคิดพิจารณาตัวเองว่า ยังดำรงอยู่ในทางแห่งความเชื่อในพระเจ้าอยู่หรือไม่?

“จงพิจารณาตัวเองดูว่าท่านทั้งหลายดำรงอยู่ในความเชื่อหรือไม่ จงพิสูจน์ตัวเอง พวกท่านไม่ตระหนักว่าพระเยซูคริสต์สถิตอยู่ในท่านทั้งหลายหรือ? นอกจากพวกท่านไม่สามารถผ่านการพิสูจน์”  ~2 โครินธ์ 13:5 THSV11

  • เราต้องคิดถึงผลเสียของการทำบาป (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องเพศ)

“จงหลีกหนีจากการล่วงประเวณี บาปอย่างอื่นที่มนุษย์ทำนั้นเป็นบาปนอกกาย แต่คนที่ล่วงประเวณีนั้น ทำผิดต่อร่างกายของตนเอง” ~1 โครินธ์ 6:18 THSV11

3.เราควรคิดถึงคนอื่นๆ คือคิดถึงความรอด สวัสดิภาพ และผลประโยชน์ของส่วนรวมมาก่อนส่วนตน หรือเหมือนกับส่วนตน

  •  เราควรคิดถึงสวัสดิภาพของทุกคนอยู่เสมอ และอธิษฐานเผื่อคนเหล่านั้น

“เพราะฉะนั้นก่อนสิ่งอื่นใดทั้งหมด ข้าพเจ้าขอร้องพวกท่านให้วิงวอน อธิษฐาน ทูลขอ และขอบพระคุณเพื่อทุกคน” ~1 ทิโมธี 2:1 THSV11

  • เราควรฟังเสียงการร้องทุกข์ หรือ การช่วยเหลือ และรีบเข้าไปช่วยฺเหลือในทันที

“คนที่ปิดหูไม่ฟังเสียงร้องทุกข์ของคนจน ตัวเขาเองจะร้องตะโกนแต่ไม่มีใครตอบ”  ~สุภาษิต 21:13 THSV11

  •  เราควรเป็นคนใจกว้างต่อคนอื่นเสมอ

“คนใจกว้างย่อมเจริญรุ่งเรือง คนที่ให้น้ำคนอื่นย่อมได้น้ำตอบแทน”     ~สุภาษิต 11:25 THSV11

  • เราควรเป็นที่มีทั้งความเมตตา และความยุติธรรมควบคู่กัน

“คนที่เมตตาคนอื่นและให้ยืม ก็อยู่เย็นเป็นสุข คือผู้ที่ดำเนินกิจการของเขาด้วยความยุติธรรม” ~สดุดี 112:5 THSV11

  •  เราควรถ่อมตัวถ่อมใจในการปฏิสัมพันธ์ต่อกัน

“อย่าทำสิ่งใดด้วยการชิงดีหรือถือดี แต่จงถือว่าคนอื่นดีกว่าตัวด้วยใจถ่อม”  ~ฟีลิปปี 2:3 THSV11

  • เราควรปฏิบัติอย่างให้เกียรติแก่ทุกคนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนยากจน

“ผู้ที่เหยียดหยามคนยากจนก็ดูถูกพระผู้สร้างของเขา ผู้ที่ยินดีเมื่อเกิดภัยพิบัติแก่คนอื่นจะถูกลงโทษ”  ~สุภาษิต 17:5 THSV11

  • เราควรปฏิบัติต่อคนอื่น แบบเดียวกับที่ต้องการให้เขาปฏิบัติต่อตัวเรา

“จงปฏิบัติต่อคนอื่นเหมือนอย่างที่พวกท่านปรารถนาให้เขาปฏิบัติต่อท่าน”  ~ลูกา 6:31 THSV11

  • เราควรหลีกเลี่ยงการช่วยคนอื่นเกินกำลังจนตัวเองหรือครอบครัวเดือดร้อน

“ผู้ที่ค้ำประกันให้คนอื่นจะต้องทนทุกข์ แต่ผู้ที่เกลียดการค้ำประกันย่อมปลอดภัย”  -สุภาษิต 11:15 THSV11

  •   เราควรกล้าตักเตือนผู้อื่นด้วยความรัก

“ผู้ที่ตักเตือนคนอื่น จะได้รับความโปรดปรานภายหลัง มากกว่าผู้ที่ใช้ลิ้นป้อยอ”  ~สุภาษิต 28:23 THSV11

  • เราควรคิดเสมอว่า เราเป็นหนี้ความรัก และข่าวประเสริฐแห่งความรอดต่อทุกคน

“อย่าเป็นหนี้อะไรใครเลย นอกจากความรักซึ่งมีต่อกัน เพราะว่าผู้ที่รักคนอื่น ก็ได้ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว”  ~โรม 13:8 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(cr.ภาพ 500px.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

10 มกราคม 2021 

คำถาม:  “เราควรทำอะไรบ้างในปีใหม่นี้?”

ตอบ:    “ในพระคัมภีร์บอกเราว่า พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ชอบทำสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เราซึ่งเป็นพระฉายของพระเจ้า ก็ควรจะเป็นคนที่คิดสร้างสรรค์ในการทำสิ่งดีใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน

วันนี้ มีคำแนะนำมาฝากว่า ปีใหม่นี้เราควรจะทำอะไรบ้าง ? อย่างนี้ก็ควรทำในสิ่งต่อไปนี้

1.จงเรียนรู้บทเรียนจากในอดีต และจากนั้นก็ให้ลืมอดีตที่ผ่านพ้นมาแล้วนั้นเสีย เพื่อใช้ชีวิตมุ่งตรงต่อไปข้างหน้าและ(ทำในสิ่งที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้เรามาทำ)

“พี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมา แล้วโน้มตัวไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า”   ~ฟีลิปปี 3:13 THSV11

2.จงยุติการพิพากษากล่าวโทษคนอื่นให้รู้จักขอโทษ และให้ยกโทษผู้อื่นให้เร็วที่สุด

“อย่าพิพากษาเขา แล้วพวกท่านจะไม่ถูกพิพากษา อย่าตัดสินลงโทษเขา แล้วพวกท่านจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ จงยกโทษให้เขา แล้วพวกท่านจะได้รับการยกโทษ”  ~ลูกา 6:37 THSV11

3.จงตัดหรือทิ้งวิถีคิดหรือวิถีพูดในเชิงลบที่ไม่ดี ออกไปจากชีวิต

จงทิ้งวาจาคดๆ เสีย และให้คำพูดลดเลี้ยวห่างจากเจ้า” ~สุภาษิต 4:24 THSV11

4.จงอยู่ห่างจากคนชั่วใจคด และคนที่มองโลกในแง่ลบตลอดเวลา

“ข้าพระองค์จะอยู่ห่างไกลจากคนใจคด ข้าพระองค์จะไม่ข้องเกี่ยวกับความชั่วร้ายเลย” ~ สดุดี 101:4 THSV11

5.จงออกห่าง หรือหลีกเลี่ยงการเข้าไปสู่สภาพแวดล้อมที่อันตราย เช่น การทะเลาะกัน

“ที่จะหลีกเลี่ยงการวิวาทก็เป็นเกียรติสำหรับคนเรา แต่คนโง่ทุกคนจะทะเลาะวิวาทกัน”  ~สุภาษิต 20:3 THSV11

6.จงเข้าหา หรืออยู่ใกล้ผู้รู้หรือผู้เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายจิตวิญญาณและเรียนรู้บทเรียนหรือคำปรึกษา ที่จะเสริมสร้างชีวิตเรา

“เมื่อไม่มีการชี้แนะ ประชาชนก็ล้มลง แต่โดยมีที่ปรึกษามาก ก็มีความปลอดภัย” ~สุภาษิต 11:14 THSV11

7.จงใกล้ชิดติดสนิทกับพระเจ้าเป็นประจำทุกวันมีความสุขและมีวินัย

“จงติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับพวกท่าน แขนงจะออกผลเองไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเถา พวกท่านก็เช่นเดียวกันจะเกิดผลไม่ได้นอกจากจะติดสนิทอยู่กับเรา เราเป็นเถาองุ่น พวกท่านเป็นแขนง คนที่ติดสนิทอยู่กับเราและเราติดสนิทอยู่กับเขา คนนั้นจะเกิดผลมาก เพราะว่าถ้าแยกจากเราแล้วพวกท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย ถ้าใครไม่ได้ติดสนิทอยู่กับเรา คนนั้นก็ต้องถูกตัดทิ้งเสียเหมือนแขนง แล้วก็เหี่ยวแห้งไป และถูกเก็บเอาไปเผาไฟ ถ้าพวกท่านติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น”  ~ยอห์น 15:4-7 THSV11

8.จงถ่อมใจในการดำเนินชีวิต และเปิดหูเปิดใจรับฟังคำแนะนำและคำเตือนสติด้วยความใส่ใจ

“เพราะเหตุนี้ เราจะต้องเอาใจใส่ในสิ่งต่างๆ ที่เราได้ยินให้มากขึ้นอีก เพื่อเราจะไม่ห่างไกลไปจากข้อความ เหล่านั้น”  ~ฮีบรู 2:1 THSV11

9.จงละทิ้งความบาป และยอมจ่ายราคาเพื่อป้องกันและออกห่างจากการทดลอง

“ถ้ามือหรือเท้าของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงตัดทิ้งเสีย การเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ด้วยมือและเท้าด้วนหรือพิการ ยังดีกว่ามีสองมือสองเท้า แต่ต้องถูกทิ้งในไฟซึ่งไหม้อยู่เป็นนิตย์ ถ้าตาของท่านทำให้ท่านหลงผิด จงควักออกทิ้งเสีย การเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ด้วยตาข้างเดียว ยังดีกว่ามีสองตาแต่ต้องถูกทิ้งในไฟนรก”  ~มัทธิว 18:8-9 THSV11

10.จงอย่ามั่นใจในตัวเองจนเกินไป จนคิดไปเองว่า เราดีกว่าหรือสูงส่งกว่าคนอื่น

เปโตรทูลพระองค์ว่า “แม้ว่าทุกคนจะทิ้งพระองค์ แต่ข้าพระองค์จะไม่ทิ้งพระองค์”  ~มาระโก 14:29 THSV11

11.จงเตรียมมรดกที่ดี (โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายจิตวิญญาณ)ให้แก่ลูกหลานและคนรุ่นต่อไป

“คนดีย่อมทิ้งมรดกไว้ให้ลูกหลาน แต่ทรัพย์สมบัติของคนบาปนั้นถูกเก็บไว้ให้คนชอบธรรม” ~ สุภาษิต 13:22 THSV1

12.จงยึดความเชื่อและมโนธรรมจนถึงที่สุด

“ให้ยึดความเชื่อไว้ และรักษามโนธรรมให้ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่บางคนละทิ้งไป ทำให้ความเชื่อของพวกเขาอับปางลง”  ~1 ทิโมธี 1:19 THSV11

13.จงใคร่ครวญ ตรึกตรองพระวจนะของพระเจ้าตลอดเวลา

“อย่าให้หนังสือธรรมบัญญัตินี้ห่างจากปากของเจ้า แต่จงตรึกตรองตามนั้นทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อเจ้าจะได้ระวังที่จะทำตามข้อความทุกประการที่เขียนไว้นั้น แล้วเจ้าจะมีความเจริญ และประสบความสำเร็จ”  ~โยชูวา 1:8 THSV11

 14.จงหลีกเลี่ยงการทำร้าย หรือทำลายคนอื่นไม่ว่าจะเจตนา หรือไม่เจตนา

“เจ้าจงหลีกห่างจากการใส่ความคนอื่น อย่าประหารคนบริสุทธิ์ และคนชอบธรรม เพราะเราจะไม่ถือว่าคนทำชั่วนั้นเป็นคนชอบธรรม” ~อพยพ 23:7 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(cr.ภาพ Rikki Chan on Unsplash)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:   “พระคัมภีร์สอนเรื่องการเริ่มต้นใหม่ที่จะนำไปสู่การเฉลิมฉลองอย่างไรบ้าง?”

คำตอบ                “พระคัมภีร์มีคำสอนดังนี้

1.พระเจ้าทรงเป็นผู้แจ้งตอนจบตั้งแต่ตอนเริ่มต้น

“ผู้แจ้งตอนจบให้ทราบตั้งแต่เริ่มต้น และแจ้งสิ่งที่ยังไม่ได้ทำนั้นให้ทราบตั้งแต่อดีตกาล ทั้งกล่าวว่า ‘แผนงานของเราจะยั่งยืน และเราจะทำทุกสิ่งตามความประสงค์ของเรา”  ~อิสยาห์ 46:10 THSV11

2.พระเจ้าทรงเป็นผู้เริ่มต้นการดีในเรา และพระองค์จะทำให้การดีนั้นสำเร็จ

“ข้าพเจ้าแน่ใจอย่างนี้ว่าพระองค์ผู้ทรงเริ่มต้นการดีไว้ในพวกท่าน จะทรงทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์” ~ ฟีลิปปี 1:6 THSV11

3.เราต้องเริ่มต้นกับพระเจ้า และไม่เพี้ยนเบี่ยงเบนไปจากทางและเป้าหมายของพระองค์

“ท่านทั้งหลายเขลาถึงเพียงนั้นทีเดียวหรือ? พวกท่านเริ่มต้นด้วยพระวิญญาณ แต่จะจบลงด้วยเนื้อหนังกระนั้นหรือ? ท่านทั้งหลายได้รับประสบการณ์ มากมายโดยไร้ประโยชน์หรือ? ถ้าเป็นการไร้ประโยชน์จริงๆ แล้ว พระองค์ผู้ประทานพระวิญญาณแก่ท่านทั้งหลาย และทรงสำแดงฤทธานุภาพท่ามกลางพวกท่าน ทรงทำเช่นนั้นโดยการประพฤติตามธรรมบัญญัติ หรือโดยความเชื่อของพวกท่าน ตามที่ได้ฟัง?”  -กาลาเทีย 3:3-5 THSV11

4.เราต้องไม่เป็นคนที่เริ่มต้นอะไร (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การติดตามพระคริสต์) แล้วประมาท หรือ ละเลยทิ้งขว้างไม่ทำให้สำเร็จ

“ถ้าใครมาหาเราและไม่ชัง บิดามารดา บุตรภรรยา และพี่น้องชายหญิง แม้แต่ชีวิตของตนเอง คนนั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้ และใครก็ตามที่ไม่ได้แบกกางเขนของตนตามเรามา คนนั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้ ในพวกท่านมีใครบ้างเมื่อปรารถนาจะสร้างตึก จะไม่นั่งลงคิดราคาดูเสียก่อนว่า จะมีพอที่จะสร้างให้สำเร็จได้หรือไม่? เกรงว่าเมื่อวางรากฐานแล้ว และทำให้สำเร็จไม่ได้ ทุกคนที่เห็น ก็จะเยาะเย้ยเขา ว่า ‘คนนี้เริ่มต้นก่อ แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้”  ~ลูกา 14:26-30 THSV11

5.เราต้องไม่เริ่มต้นพูด หรือ ทำในสิ่งที่ไม่ดี ที่จะส่งผลเสียต่อตัวเองและผู้อื่น

“คนที่ทำความชั่วตอบแทนความดี ความชั่วจะไม่พรากจากบ้านของคนนั้น การเริ่มต้นวิวาทก็เหมือนปล่อยน้ำให้ไหล ฉะนั้นจงหยุดเสียก่อนเกิดการพิพาท”  ~สุภาษิต 17:13-14 THSV11

6.เราควรตั้งต้นประกาศข่าวประเสริฐที่พระเยซูคริสต์มอบหมายให้กระทำตามอย่างที่พระองค์ทรงกระทำให้เห็น

“ตั้งแต่นั้นมา พระเยซูทรงตั้งต้นประกาศว่า “จงกลับใจใหม่ เพราะว่าแผ่นดินสวรรค์ มาใกล้แล้ว” ~มัทธิว 4:17 THSV11

“ฟีลิปจึงเริ่มเล่าโดยตั้งต้นจากพระคัมภีร์ตอนนั้น ท่านประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูกับขันทีผู้นั้น” ~กิจการ 8:35 THSV11

7.เราต้องเริ่มต้นทำตามที่พระเจ้าบัญชาให้ทำ แล้วพระวิญญาณบริสุทธิ์ก็จะทำกิจของพระองค์ในทันทีร่วมกับเรา

“เมื่อข้าพเจ้าเริ่มต้นพูด พระวิญญาณบริสุทธิ์ก็เสด็จลงมาสถิตกับเขาทั้งหลายเหมือนกับที่เคยเสด็จลงมาสถิตกับเราเมื่อเริ่มแรกนั้น”  ~กิจการ 11:15 THSV11

8.เราควรเริ่มต้นดำเนินชีวิตมีส่วนร่วมกับพระคริสต์ด้วยความมั่นใจและยึดความมั่นใจนั้นไว้จนถึงที่สุด

“เพราะเรามีส่วนร่วมกับพระคริสต์ ถ้าเราเพียงแต่ยึดความมั่นใจที่เรามีอยู่ในตอนต้นไว้ให้มั่นคงจนถึงที่สุด”  ~ฮีบรู 3:14 THSV11

9.เราควรเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความยำเกรงพระเจ้า เพราะจะทำให้เราดำเนินชีวิตอย่างมีความรู้และสติปัญญา

“ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและการสั่งสอน”  ~สุภาษิต 1:7 THSV11

“ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา และการรู้จักองค์บริสุทธิ์เป็นความรอบรู้”  ~ สุภาษิต 9:10 THSV11

10.เราควรเริ่มต้นเรียนพระคัมภีร์ทีละบททีละเล่มเรียงตามลำดับจนครบเล่ม จบในปีใหม่นี้

“พระองค์จึงตรัสกับสองคนนั้นว่า “โอ คนโง่เขลาและมีใจเฉื่อยช้าในการเชื่อถ้อยคำซึ่งพวกผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้นั้น พระคริสต์จำเป็นต้องทนทุกข์อย่างนั้นแล้วจึงเข้าในพระสิริของพระองค์ไม่ใช่หรือ?” แล้วพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะทั้งหมด” ~ลูกา 24:25-27 THSV11

11.เราควรให้ในปีใหม่นี้ เป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองชัยชนะของเราในพระเยซูคริสต์

“แต่ขอบพระคุณพระเจ้า ผู้ทรงนำเราด้วยความมีชัยในขบวนฉลองชัยเสมอมาในพระคริสต์ และพระองค์ประทานกลิ่นหอมที่เกิดจากการรู้จักพระองค์ ให้ปรากฏทั่วทุกแห่งโดยเรา” -2 โครินธ์ 2:14 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr. ภาพ countryliving.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม    “พระคัมภีร์สอนอย่างไรบ้าง เกี่ยวกับการหนุนใจซึ่งกันและกัน?”

คำตอบ:   “พระคัมภีร์สอนเราเรื่องการหนุนใจไว้ดังนี้

1.พระเจ้าเป็นพระเจ้าแห่งการหนุนใจ

  • พระเจ้าหนุนใจคนที่โศกเศร้า

 “คนที่โศกเศร้า ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับการหนุนใจ”    -มัทธิว 5:4 THSV11

  • พระเจ้าหนุนใจคนที่ท้อใจ

“เพราะว่าเมื่อมาถึงแคว้นมาซิโดเนียแล้ว ร่างกายของเราไม่ได้พักผ่อนเลย แต่พบความลำบากรอบด้าน ภายนอกมีการต่อสู้  ภายในมีความกลัว แต่พระเจ้าผู้ทรงหนุนใจคนที่ท้อใจ”   -2 โครินธ์ 7:5-6ก THSV11

 2.พระเจ้าทรงหนุนใจเราผ่านทางคนอื่นๆ

  • หนุนใจด้วยการปรากฎตัวของคนบางคน

“ได้ทรงหนุนใจเราด้วยการมาของทิตัส”  -2 โครินธ์ 7:6ข THSV11

“ข้าพเจ้าส่งเขาไปหาท่านก็เพราะเหตุนี้ คือเพื่อให้พวกท่านทราบความเป็นอยู่ของเรา และเพื่อให้เขาหนุนใจพวกท่าน”  -โคโลสี 4:8 THSV11

  • หนุนใจด้วยคำพูด

“และไม่เฉพาะเพียงการมาของเขาเท่านั้น แต่ยังด้วยการหนุนน้ำใจที่เขาได้รับจากพวกท่าน เขาบอกเราถึงความอาลัยและความโศกเศร้า  ของท่าน ทั้งความกระตือรือร้นของท่านทั้งหลายที่มีต่อข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้ายิ่งมีความยินดีมากขึ้น”    -2 โครินธ์ 7:7 THSV11

“ข้าจะหนุนใจพวกท่านด้วยปากและการขยับริมฝีปากของข้าจะบรรเทาความเจ็บปวดของท่าน”  –  โยบ 16:5 THSV11

3.พระเจ้าหนุนใจเราเพื่อเราจะได้หนุนใจคนอื่นต่อไป

  • หนุนใจคนที่กำลังสะดุดอ่อนแรง และอ่อนล้า

“ดูเถิด ท่านได้สั่งสอนคนจำนวนมากและท่านได้ทำให้มือที่อ่อนแรงมีกำลัง4ถ้อยคำของท่านหนุนใจคนที่กำลังสะดุดและท่านได้ทำให้เข่าที่อ่อนล้านั้นมั่นคง”   – โยบ 4:3-4 THSV11

  • หนุนใจคนที่กำลังยากลำบาก

“สาธุการแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระเมตตากรุณา พระเจ้าแห่งการหนุนใจทุกอย่าง    พระองค์ผู้ทรงหนุนใจเราในความยากลำบากทั้งหมดของเรา เพื่อเราจะสามารถหนุนใจคนทั้งหลาย ที่มีความยากลำบากอย่างใดอย่างหนึ่งได้ด้วยการหนุนใจ ซึ่งเราเองได้รับจากพระเจ้า”  2 โครินธ์ 1:3-4 THSV11

 4.เราควรหนุนใจและเสริมสร้างซึ่งกันและกัน

“เพราะฉะนั้นจงหนุนใจกัน และต่างคนต่างจงเสริมสร้างกันขึ้น ตามอย่างที่พวกท่านกำลังทำอยู่นั้น”  -1 เธสะโลนิกา 5:11 THSV11

“เพราะข้าพเจ้าปรารถนาที่จะได้พบท่าน เพื่อจะได้นำของประทานฝ่ายจิตวิญญาณมาให้และเพื่อเสริมกำลังท่าน หมายความว่าจะได้มีการ  หนุนใจซึ่งกันและกัน โดยความเชื่อของเราทั้งสองฝ่าย”  -โรม.1:11-12 THSV11

5.เราควรหนุนใจกันและกันให้มีกำลังใจเข้มแข็งและดำรงอยู่ในความเชื่อ

  • หนุนใจให้มีกำลังใจ

“ ยูดาสกับสิลาสเป็นผู้เผยพระวจนะด้วย จึงกล่าวคำหนุนใจพี่น้องหลายประการและช่วยให้มีกำลังใจ”   -กิจการ 15:32 THSV11

  • หนุนใจให้ดำรงอยู่ในความเชื่อ

“ท่านทั้งสองทำให้บรรดาสาวกมีจิตใจเข้มแข็งขึ้น และหนุนใจพวกเขาให้ดำรงอยู่ในความเชื่อ โดยกล่าวว่า เราจะต้องทนความยากลำบาก   หลายอย่างในการเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้า” -กิจการ 14:22 THSV11

6.เราควรทำให้คนอื่นได้รับการหนุนใจอย่างบริบูรณ์ จนเขายินดีได้แม้แต่ในความยากลำบาก

“ข้าพเจ้าไว้ใจและภูมิใจในพวกท่านมาก ข้าพเจ้าได้รับการหนุนใจอย่างบริบูรณ์ และมีความยินดีอย่างเหลือล้นในความยากลำบากทุกอย่างของเรา”  -2 โครินธ์ 7:4 THSV11

“เพราะเหตุนี้เราจึงได้รับการหนุนใจ นอกจากได้รับการหนุนใจแล้ว เรายังมีความยินดีมากยิ่งขึ้นเนื่องจากความยินดีของทิตัส เพราะพวกท่านทุกคนทำให้จิตใจของเขาสงบ” 2 โครินธ์ 7:13 THSV11

7.เราควรหนุนใจกันให้ไปนมัสการและประชุมร่วมกันที่คริสตจักรเป็นประจำ

“อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกท่านก็รู้อยู่ว่าวันนั้นใกล้เข้ามาแล้ว”  -ฮีบรู 10:25 THSV11

8.เราอาจต้องต่อสู้ เพื่อหนุนใจคนอื่น

“เพราะว่าข้าพเจ้าต้องการให้ท่านทั้งหลายรู้ว่าข้าพเจ้าต่อสู้มากเพียงไรเพื่อท่าน เพื่อชาวเมืองเลาดีเซีย และเพื่อทุกคนที่ไม่เคยเห็นหน้า      ข้าพเจ้าเป็นส่วนตัว เพื่อว่าพวกเขาจะได้รับการหนุนใจและผูกพันกันในความรัก ซึ่งจะทำให้เขาเปี่ยมด้วยความมั่นใจอย่างบริบูรณ์ในด้าน   ความเข้าใจ และทำให้พวกเขารู้ความล้ำลึกของพระเจ้า คือพระคริสต์ ซึ่งคลังสติปัญญาและความรู้ทุกอย่างซ่อนอยู่ในพระองค์”   -โคโลสี 2:1-3 THSV11

9. เราควรหนุนใจกันและกันด้วยพระวจนะของพระเจ้า

“ตามพระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราขอบอกพวกท่านข้อนี้ว่า เราที่ยังมีชีวิตอยู่และคอยองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา จะไม่ล่วงหน้าไปก่อนพวกที่ล่วงหลับไปแล้ว 16คือว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาจากสวรรค์ด้วยพระดำรัสสั่ง ด้วยเสียงเรียกของหัวหน้าทูตสวรรค์และด้วยเสียงแตรของพระเจ้า และทุกคนที่ตายแล้วในพระคริสต์จะเป็นขึ้นมาก่อน17หลังจากนั้นพระเจ้าจะทรงรับพวกเราซึ่งยังมีชีวิตอยู่ขึ้นไปในเมฆพร้อมกับคนเหล่านั้น และจะได้พบองค์พระผู้เป็นเจ้าในฟ้าอากาศ อย่างนั้นแหละ เราก็จะอยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นนิตย์ 18เพราะฉะนั้น จงหนุนใจกันด้วยถ้อยคำเหล่านี้เถิด”   -1เธสะโลนิกา 4:15-18 THSV11

“เพราะว่าสิ่งที่เขียนไว้ในสมัยก่อนนั้น ก็เขียนไว้เพื่อสั่งสอนเรา เพื่อเราจะได้มีความหวังโดยความทรหดอดทน และโดยการหนุนใจจากพระคัมภีร์”   -โรม 15:4 THSV11

10. เราควรเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยการช่วยเหลือและการหนุนใจของพระเจ้า

“ขอพระเจ้าผู้เป็นแหล่งความทรหดอดทนและการหนุนใจ ทรงช่วยให้ท่านทั้งหลายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันโดยพระเยซูคริสต์”  – โรม.15:5 THSV11

11. เราควรหนุนใจคนที่ขาดความกล้าหาญ และช่วยเหลือคนที่อ่อนกำลัง

“พี่น้องทั้งหลาย ขอให้พวกท่านตักเตือนคนที่เกียจคร้าน หนุนใจผู้ที่ขาดความกล้าหาญ ช่วยเหลือคนที่อ่อนกำลัง และมีความอดทนต่อทุกคน”   -1เธสะโลนิกา 5:14 THSV11

 12. เราควรรับการหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

“เพราะฉะนั้น คริสตจักรตลอดทั่วแคว้นยูเดีย กาลิลี และสะมาเรียก็เกิดความสงบสุขและเจริญเติบโต ต่างประพฤติตนด้วยความยำเกรงองค์พระผู้เป็นเจ้าและรับการหนุนใจจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสตสมาชิกจึงยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น”   -กิจการ 9:31 THSV11

 13.เราควรหนุนใจพี่น้องให้ตั้งมั่นอยู่ในพระคุณแท้ของพระเจ้า

“ข้าพเจ้าได้เขียนอย่างย่อๆ มาถึงพวกท่านผ่านทางสิลวานัส ซึ่งข้าพเจ้าถือว่าเป็นพี่น้องที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง ข้าพเจ้าหนุนใจและเป็นพยานแก่ พวกท่านว่า นี่เป็นพระคุณแท้ของพระเจ้า จงตั้งมั่นคงอยู่ในพระคุณนั้น”   -1เปโตร 5:12 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(Cr. ภาพ Giorgio Granidu.Unsplash)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความจาก ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม   “คริสตมาสนี้ เราควรถวายอะไรให้พระเจ้าบ้าง?”

คำตอบ:  “ในพระคัมภีร์มีตัวอย่าง การมอบถวายต่อพระเจ้า ในหลายสิ่งหลายอย่างของหลาย ๆ คน (โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงวันคริสตมาส) เช่น

  1. มารีย์ ถวายตัว และชีวิต แด่พระเจ้าเพื่อพระเยซูคริสต์

“เมื่อถึงเดือนที่หก พระเจ้าทรงใช้ทูตสวรรค์กาเบรียลมายังเมืองหนึ่งในแคว้นกาลิลีชื่อนาซาเร็ธ ให้ไปหาหญิงพรหมจารีคนหนึ่งที่หมั้นไว้กับชายที่ชื่อโยเซฟ ซึ่งเป็นคนในเชื้อวงศ์ของดาวิด หญิงพรหมจารีคนนั้นชื่อมารีย์ ทูตสวรรค์มาหานางแล้วบอกว่า “เธอผู้ที่พระเจ้าโปรดปรานมาก จงชื่นชมยินดีเถิด องค์พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่กับเธอ” มารีย์ก็ตกใจเพราะคำพูดนั้น และรำพึงว่า คำทักทายมีความหมายว่าอย่างไร แล้วทูตสวรรค์จึงกล่าวแก่นางว่า “มารีย์เอ๋ย อย่ากลัวเลย เพราะเธอเป็นผู้ที่พระเจ้าโปรดปราน นี่แน่ะ เธอจะตั้งครรภ์และคลอดบุตรชาย จงตั้งชื่อบุตรนั้นว่าเยซู บุตรนั้นจะเป็นใหญ่ และจะได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระเจ้าสูงสุด องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าจะประทานบัลลังก์ของดาวิดบรรพบุรุษของท่านให้แก่ท่าน และท่านจะครอบครองพงศ์พันธุ์ของยาโคบสืบไปเป็นนิตย์ และแผ่นดินของท่านจะไม่มีวันสิ้นสุดเลย ” มารีย์จึงพูดกับทูตสวรรค์องค์นั้นว่า “เหตุการณ์นั้นจะเป็นไปได้อย่างไร เพราะข้าพเจ้ายังไม่เคยหลับนอนกับชายใด?” ทูตสวรรค์จึงตอบนางว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จลงมาเหนือเธอ และฤทธิ์เดชของผู้สูงสุดจะปกเธอ เพราะฉะนั้นองค์บริสุทธิ์ที่เกิดมานั้นจะได้ชื่อว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า นี่แน่ะ ถึงแม้นางเอลีซาเบธญาติของเธอจะชราแล้ว ก็ยังตั้งครรภ์มีบุตรชาย บัดนี้นางนั้นที่คนเขาถือว่าเป็นหญิงหมันก็มีครรภ์ได้หกเดือนแล้ว เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พระเจ้าทรงทำไม่ได้ ” มารีย์จึงกล่าวว่า “นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเป็นทาสขององค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นไปตามคำของท่าน” แล้วทูตสวรรค์ก็จากนางไป”    ~ลูกา 1:26-38 THSV11

2.มารีย์ ถวายคำสรรเสริญแด่พระเจ้า

“มารีย์จึงกล่าวว่า “จิตใจของข้าพเจ้าก็ยกย่ององค์พระผู้เป็นเจ้า และจิตวิญญาณของข้าพเจ้าก็เปรมปรีดิ์ในพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า เพราะพระองค์ทรงห่วงใยฐานะอันต่ำต้อย ของทาสของพระองค์ นี่แน่ะ ตั้งแต่นี้ไปคนทุกยุคจะเรียกข้าพเจ้าว่าผาสุก เพราะว่าผู้ทรงฤทธานุภาพทรงทำการใหญ่เพื่อข้าพเจ้า พระนามของพระองค์ก็บริสุทธิ์ พระเมตตาของพระองค์มีแก่บรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์ ในทุกยุคทุกสมัย พระองค์ทรงสำแดงอานุภาพด้วยพระกรของพระองค์ พระองค์ทรงทำให้คนที่มีใจเย่อหยิ่งกระจัดกระจายไป พระองค์ทรงถอดเจ้านายออกจากบัลลังก์ และพระองค์ทรงยกผู้น้อยขึ้น พระองค์ทรงให้คนอดอยากอิ่มด้วยสิ่งดี และทรงทำให้คนมั่งมีไปมือเปล่า พระองค์ทรงช่วยอิสราเอลข้าทาสของพระองค์ พระองค์ทรงจดจำพระกรุณาของพระองค์ ที่มีต่ออับราฮัม และต่อพงศ์พันธุ์ของท่านเป็นนิตย์ ตามที่พระองค์ตรัสไว้กับบรรพบุรุษของเรา ”   ~ลูกา 1:46-55 THSV11

3.เศคาริยาห์ ถวายบุตรชายให้พระเจ้าทรงใช้เพื่อเตรียมทางให้พระคริสต์

“เศคาริยาห์ผู้เป็นบิดาก็เต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และกล่าวพยากรณ์ว่า “สาธุการแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าของอิสราเอล เพราะว่าพระองค์ทรงเยี่ยมเยียนและทรงไถ่ชนชาติของพระองค์ และทรงให้ผู้ช่วยทรงฤทธิ์ เกิดมาเพื่อเรา ในเชื้อวงศ์ของดาวิดผู้รับใช้ของพระองค์ ตามที่พระองค์ตรัสไว้ตั้งแต่โบราณ โดยปากของผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์ของพระองค์ คือทรงให้เรารอดพ้นจากพวกศัตรูและพ้นจากเงื้อมมือของทุกคนที่เกลียดชังเรา ดังนั้นพระองค์จึงทรงสำแดงพระกรุณาตามที่ทรงสัญญาแก่บรรพบุรุษของเรา และทรงระลึกถึงพันธสัญญาบริสุทธิ์ของพระองค์ คือคำปฏิญาณที่พระองค์ทรงทำไว้กับอับราฮัมบรรพบุรุษของเราว่า เมื่อเราพ้นจากเงื้อมมือของพวกศัตรูแล้ว จะโปรดให้เราปรนนิบัติพระองค์โดยปราศจากความกลัว ด้วยความบริสุทธิ์และด้วยความชอบธรรม เฉพาะพระพักตร์พระองค์ตลอดชีวิต ทารกเอ๋ย เขาจะเรียกเจ้าว่าผู้เผยพระวจนะของผู้สูงสุด เพราะว่าเจ้าจะนำหน้าองค์พระผู้เป็นเจ้าและจัดเตรียมมรรคา ของพระองค์ เพื่อจะให้ชนชาติของพระองค์รู้ถึงความรอด ซึ่งมาทางการทรงยกโทษบาปเขาเหล่านั้น โดยพระทัยเมตตาของพระเจ้าของเรา แสงอรุณจากเบื้องสูงจึงมาเยี่ยมเยียนเรา ส่องสว่างแก่คนทั้งหลายที่อยู่ในความมืด และในเงาของความมรณา เพื่อจะนำเท้าของเราไปในทางสันติสุข” ทารกน้อยนั้นก็เจริญวัยขึ้น และจิตวิญญาณก็มีกำลังทวีขึ้น ท่านไปอาศัยอยู่ในถิ่นทุรกันดารจนถึงวันที่ท่านมาปรากฏแก่ชนชาติอิสราเอล” ~ลูกา 1:67-80 THSV11

4.ฑูตสวรรค์ถวายบทเพลงสรรเสริญแด่พระเจ้า ต่อหน้าพวกคนเลี้ยงแกะ

“ในทันใดนั้น ชาวสวรรค์หมู่หนึ่งมาปรากฏอยู่กับทูตสวรรค์องค์นั้นร่วมสรรเสริญพระเจ้าว่า “พระสิริจงมีแด่พระเจ้าในที่สูงสุด ส่วนบนแผ่นดินโลก สันติสุขจงมีท่ามกลางมนุษย์ทั้งหลายที่พระองค์โปรดปรานนั้น”  ~ลูกา 2:13-14 THSV11

5.คนเลี้ยงแกะ ถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า และเป็นพยานประกาศข่าวดีของพระคริสต์

“เมื่อทูตสวรรค์เหล่านั้นไปจากพวกเขาขึ้นสู่สวรรค์แล้ว บรรดาคนเลี้ยงแกะก็พูดกันว่า “ให้เราไปยังเมืองเบธเลเฮมดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงแจ้งกับเรา” เขาก็รีบไป แล้วพบนางมารีย์กับโยเซฟ และพบพระกุมารนั้นนอนอยู่ในรางหญ้า เมื่อพวกเขาเห็นแล้วจึงเล่าเรื่องที่เขาได้ยินถึงพระกุมารนั้น คนทั้งหลายที่ได้ยินก็ประหลาดใจเกี่ยวกับเรื่องที่คนเลี้ยงแกะบอกกับเขา ส่วนนางมารีย์ก็เก็บสิ่งเหล่านั้นไว้และรำพึงอยู่ในใจ บรรดาคนเลี้ยงแกะจึงกลับไปถวายพระเกียรติและสรรเสริญพระเจ้า สำหรับเหตุการณ์ทุกอย่างที่เขาได้ยินและได้เห็นดังที่กล่าวไว้กับพวกเขา”  ~ลูกา 2:15-20 THSV11

6.โหราจารย์หรือนักปราชญ์ถวายของขวัญมีค่าอันเปี่ยมความหมายแด่พระคริสต์

“พวกนักปราชญ์จึงไปตามรับสั่ง และดาวซึ่งพวกเขาได้เห็นทางทิศตะวันออกนั้นได้นำหน้าพวกเขาไป จนมาหยุดอยู่เหนือสถานที่ซึ่งพระกุมารอยู่นั้น เมื่อพวกนักปราชญ์ได้เห็นดาวนั้นแล้วก็มีความยินดียิ่งนัก เมื่อเข้าไปในบ้านก็พบพระกุมารกับนางมารีย์มารดา จึงก้มลงนมัสการพระกุมารนั้น แล้วเปิดหีบสมบัติของพวกเขาและถวายเครื่องบรรณาการแด่พระกุมาร คือ ทองคำ กำยาน และมดยอบ” ~มัทธิว 2:9-11 THSV11

7.สิเมโอนถวายคำสรรเสริญแด่พระเจ้าในบริเวณพระวิหาร

“เมื่อสิเมโอนเข้าไปในบริเวณพระวิหารโดยการทรงนำของพระวิญญาณ และขณะที่บิดามารดานำพระกุมารเยซูเข้าไปเพื่อจะทำต่อพระกุมารตามธรรมเนียมของธรรมบัญญัตินั้น สิเมโอนเข้าไปอุ้มพระกุมาร และสรรเสริญพระเจ้าว่า “ข้าแต่องค์เจ้านาย บัดนี้ขอทรงให้ทาสของพระองค์ไปเป็นสุข ตามพระดำรัสของพระองค์ เพราะว่าตาของข้าพระองค์ได้เห็นความรอดของพระองค์แล้ว ซึ่งพระองค์ทรงจัดเตรียมไว้ต่อหน้าชนชาติทั้งหลาย เป็นความสว่างที่ส่องแก่คนต่างชาติ และเป็นศักดิ์ศรีของพวกอิสราเอลชนชาติของพระองค์”  ~ลูกา 2:27-32 THSV11

8.โยเซฟและมารีย์ถวายการเลี้ยงดู พระคริสต์ในปฐมวัยก่อนที่พระองค์จะเริ่มพันธกิจการไถ่บาปในเวลาต่อมา

“เมื่อโยเซฟกับนางมารีย์ทำสิ่งต่างๆ ตามธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าเสร็จแล้ว จึงกลับไปยังนาซาเร็ธเมืองของตนในแคว้นกาลิลี พระกุมารนั้นก็เจริญวัยแข็งแรงขึ้น เต็มเปี่ยมด้วยสติปัญญา และพระคุณของพระเจ้าอยู่กับท่าน”   ~ลูกา 2:39-40 THSV11

  …แล้วคริสตมาสนี้ คุณจะถวายอะไรให้พระคริสต์บ้าง?

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer