Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:   “พระคัมภีร์สอนเรื่องการนมัสการพระเจ้าไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ:    “พระคัมภีร์สอนเกี่ยวกับเรื่องการนมัสการพระเจ้าไว้ดังนี้”

  • 1.พระเจ้าคือพระยาห์เวห์ผู้ทรงงดงามในความบริสุทธิ์-และสมควรกับการนมัสการของเรา

“จงนมัสการพระยาห์เวห์ผู้ทรงงดงามในความบริสุทธิ์ แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงตัวสั่นเฉพาะพระพักตร์พระองค์” ~สดุดี 96:9 THSV11

  • 2.เราควรคุกเข่า และกราบลงนมัสการพระเจ้าผู้ทรงสร้างเรา

“มาเถิด ให้เรานมัสการและกราบลง ให้เราคุกเข่าลงเฉพาะพระพักตร์ของพระยาห์เวห์ผู้ทรงสร้างเรา” ~สดุดี 95:6 THSV11

  • 3.เราควรนมัสการพระเจ้าในสถานนมัสการของพระองค์

“สรรเสริญพระยาห์เวห์ จงสรรเสริญพระเจ้าในสถานนมัสการของพระองค์ จงสรรเสริญพระองค์ในพื้นฟ้าอันอานุภาพของพระองค์”  ~สดุดี 150:1 THSV11

  • 4.เราต้องนมัสการพระเจ้าด้วยจิตวิญญาณและความจริง

“แต่วาระนั้นใกล้เข้ามาแล้ว และบัดนี้ก็ถึงแล้ว คือเมื่อคนที่นมัสการอย่างแท้จริงจะนมัสการพระบิดาด้วยจิตวิญญาณและความจริง เพราะว่าพระบิดาทรงแสวงหาคนเช่นนั้นมานมัสการพระองค์” ~ยอห์น 4:23 THSV11

“พระเจ้าเป็นพระวิญญาณ และคนที่นมัสการพระองค์จะต้องนมัสการด้วยจิตวิญญาณและความจริง” ~ยอห์น 4:24 THSV11

  • 5.เราต้องรักษาวันที่จะนมัสการพระเจ้าและเคารพสถานที่นมัสการนั้น

“จงรักษาสะบาโตทั้งหลายของเรา และเคารพต่อสถานนมัสการของเรา เราคือยาห์เวห์” ~เลวีนิติ 19:30 THSV11

  • 6.เราจะได้เห็นพระสิริ พระกำลังและความสง่างามของพระเจ้าในสถานนมัสการของพระเจ้า

“พระสิริและความสง่างามอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ พระกำลังและความงามอยู่ในสถานนมัสการของพระองค์” ~สดุดี 96:6 THSV11

  • 7.เราจะได้รับความรู้ และความเข้าใจในสิ่งที่พระเจ้าจะกระทำเมื่อเราไปนมัสการพระองค์ที่คริสตจักร

“ดูเถิด คนอธรรมเป็นเช่นนี้แหละ อยู่อย่างสบายเป็นนิตย์ และร่ำรวยขึ้น ข้าพเจ้าได้รักษาใจให้สะอาด และชำระมือด้วยความบริสุทธิ์ก็เปล่าประโยชน์แน่ทีเดียว เพราะข้าพเจ้ารับภัยอยู่วันแล้ววันเล่า และถูกตีสอนอยู่ทุกเช้า …แต่เมื่อข้าพระองค์ตรึกตรองว่า จะเข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร ข้าพระองค์รู้สึกว่าเป็นงานที่เหน็ดเหนื่อย จนข้าพระองค์เข้าไปในสถานนมัสการของพระเจ้า แล้วข้าพระองค์จึงพิเคราะห์เห็นปลายทางของเขาทั้งหลาย แน่ทีเดียว พระองค์ทรงวางเขาทั้งหลายไว้ในที่ลื่น พระองค์ทรงทำให้พวกเขาล้มถึงความพินาศ แหม เขาทั้งหลายถูกทำลายเสียในครู่เดียว ถูกเหตุการณ์สยดสยองกวาดไปอย่างสิ้นเชิง” ~สดุดี 73:12-14, 16-19 THSV11

  • 8.เราควรเข้านมัสการพระเจ้าและถวายผลแรก จากผลิตผลของเรา (หรือทรัพย์สิ่งของอื่น ๆ) แด่พระองค์

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ บัดนี้ข้าพระองค์นำผลรุ่นแรกของพื้นดินซึ่งพระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์มาแล้ว’ และท่านจงวางสิ่งนั้นถวายเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และนมัสการเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 26:10 THSV11

  • 9.เราควรนมัสการพระเจ้าด้วยการถวายตัวของเรา หรือคนในครอบครัวของเราเป็นเครื่องบูชาที่มีชีวิตแด่พระเจ้า

“ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน” ~โรม 12:1 THSV11

“ดิฉันทูลวิงวอนขอเด็กคนนี้ และพระยาห์เวห์ประทานตามคำทูลขอของดิฉันตามที่ได้ทูลวิงวอนต่อพระองค์ เพราะฉะนั้นดิฉันเองถวายเขา แด่พระยาห์เวห์ เขาถูกถวายแด่พระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา” และเขาก็นมัสการพระยาห์เวห์ที่นั่น” -1ซมอ.1:27-28

  • 10.เราต้องไม่ให้จิตใจของเราหันเหไปนมัสการพระอื่นๆ

“จงระวังตัวอย่าให้จิตใจของท่านทั้งหลายลุ่มหลงและหันเหไปปรนนิบัตินมัสการพระอื่นๆ” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 11:16 THSV11

  • 11.เราต้องไม่นมัสการพระเจ้าโดยเปล่าประโยชน์ เพราะมัวแต่ทำตามกฏเกณฑ์ของมนุษย์แทนกฏเกณฑ์ของพระเจ้า

“พวกเขานมัสการเราโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเอากฎเกณฑ์ของมนุษย์มาสอนว่าเป็นพระดำรัสสอน”  ~มัทธิว 15:9 THSV11

  • 12.เราควรนมัสการพระเจ้าด้วยบทเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณจากใจของเรา

“จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณ คือร้องเพลงและสดุดีจากใจของพวกท่านถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า” ~เอเฟซัส 5:19 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

 

 

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  ”พระคัมภีร์สอนอะไรเราบ้างเกี่ยวกับการเฝ้าเดี่ยว หรือการมีเวลาอยู่กับพระเจ้าโดยลำพัง(อย่างมีวินัย)?”

คำตอบ   “ในพระคัมภีร์มีคำสอนเกี่ยวกับการเข้าเฝ้าพระเจ้า ทั้งเป็นการส่วนตัวและเป็นหมู่คณะและ ได้เน้นถึงความสำคัญของการมีวินัยในเรื่องนี้อยู่มากมาย ดังนี้

1.เรามีพระเยซูคริสต์เป็นแบบอย่างของการมีวินัยในการเฝ้าเดี่ยวกับพระเจ้า

“และเมื่อทรงให้ฝูงชนไปหมดแล้ว พระองค์เสด็จขึ้นไปบนภูเขาตามลำพังเพื่ออธิษฐาน เวลาก็ดึกมาก พระองค์ยังประทับที่นั่นแต่ลำพัง”  ~มัทธิว 14:23 THSV11

“เมื่อพระเยซูทรงทราบว่าพวกเขาจะมาจับพระองค์ไปตั้งให้เป็นกษัตริย์ พระองค์ก็เสด็จขึ้นไปบนภูเขาอีกตามลำพัง” ~ยอห์น 6:15 THSV11

“เมื่อพระเยซูทรงทราบแล้ว จึงทรงลงเรือเสด็จไปจากที่นั่น ไปยังที่สงบตามลำพัง เมื่อฝูงชนทราบ เขาทั้งหลายก็ออกจากเมืองต่างๆ เดินตามพระองค์ไป”  ~มัทธิว 14:13 THSV11

2.เราควรชำระมือชำระใจของเราและเข้าเฝ้าพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ

“เพราะฉะนั้น พวกท่านจงนอบน้อมต่อพระเจ้า จงต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีท่านไป พวกท่านจงเข้าใกล้พระเจ้า แล้วพระองค์จะเสด็จเข้ามาใกล้ท่าน พวกคนบาปเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด คนสองใจ จงชำระใจให้บริสุทธิ์ จงเป็นทุกข์ โศกเศร้า และร้องไห้ ให้เสียงหัวเราะของพวกท่านกลายเป็นความโศกเศร้า และความชื่นชมยินดีกลายเป็นความเศร้าสลด พวกท่านจงถ่อมใจลงต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วพระองค์จะทรงยกชูท่าน”  ~ยากอบ 4:7-10 THSV11

“พระยาห์เวห์ทรงเกลียดชังเครื่องบูชาของคนอธรรม แต่ทรงปีติยินดีในคำอธิษฐานของคนเที่ยงธรรม”  ~สุภาษิต 15:8 THSV11

3.เราควรเตรียมตัวก่อนเข้าเฝ้าพระเจ้าและทำตามพระประสงค์ของพระองค์

“ข้าพเจ้าจะนำอะไรเข้ามาเฝ้าพระยาห์เวห์ และกราบไหว้พระเจ้าเบื้องสูง? ควรข้าพเจ้าจะเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยเครื่องบูชาเผาทั้งตัวหรือ? ด้วยลูกวัวอายุหนึ่งปีหลายตัวหรือ? พระยาห์เวห์จะพอพระทัยการถวายแกะผู้หลายพันตัว และธารน้ำมันหลายหมื่นสายหรือ? ควรข้าพเจ้าจะถวายบุตรหัวปีไถ่การละเมิดของตนหรือ? คือถวายบุตรไถ่บาปของตน?” มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี? และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า? นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตา และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ”  ~มีคาห์ 6:6-8 THSV11

4.เราต้องตระหนักว่า การเข้าเฝ้าเข้าใกล้พระเจ้าเป็นการลี้ภัยที่ดี

“เพราะนี่แน่ะ บุคคลผู้ห่างเหินจากพระองค์จะพินาศ ทุกคนที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อพระองค์จะถูกพระองค์ทำลาย แต่ส่วนข้าพระองค์ ที่จะเข้าใกล้พระเจ้านั้นดี ข้าพระองค์ได้ให้พระยาห์เวห์องค์เจ้านายเป็นที่ลี้ภัยของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะได้เล่าถึงพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์” ~สดุดี 73:27-28 THSV11

5.เราควรปลีกตัวพักสงบตามลำพังกับพระเจ้าและนำให้คนอื่นกระทำตาม

“แล้วพระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “มาเถิด จงปลีกตัวออกมาหาที่สงบเพื่อหยุดพักสักหน่อยหนึ่ง” เพราะว่ามีคนไปมามากมายจนไม่มีเวลาแม้แต่จะรับประทานอาหาร พระองค์จึงเสด็จลงเรือกับพวกสาวกไปยังที่สงบตามลำพัง”  ~มาระโก 6:31-32 THSV11

6.เราควรมีเวลาเข้าเฝ้าอธิษฐานกับพระเจ้าตามลำพัง แม้มีคนอยู่ใกล้ๆ ด้วย

“ขณะที่พระองค์กำลังอธิษฐานอยู่ตามลำพังโดยมีสาวกทั้งหลายอยู่ใกล้ๆ พระองค์ตรัสถามพวกเขาว่า “คนทั้งหลายพูดกันว่าเราเป็นใคร?” พวกเขาทูลตอบว่า “เป็นยอห์นผู้ให้บัพติศมา แต่บางคนว่าเป็นเอลียาห์ ส่วนคนอื่นๆ ก็ว่าเป็นหนึ่งในพวกผู้เผยพระวจนะโบราณที่กลับเป็นขึ้นมา” พระองค์จึงตรัสถามเขาว่า “แล้วพวกท่านเองคิดว่าเราเป็นใคร?” เปโตรทูลตอบว่า “เป็นพระคริสต์ ของพระเจ้า” ~ลูกา 9:18-20 THSV11

7.เราสามารถเข้าเฝ้าอธิษฐานต่อพระเจ้าเป็นส่วนตัวได้ไม่ว่าจะช่วงสั้นๆหรือยาวๆ

“ในเวลาต่อมาพระเยซูเสด็จไปที่ภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน พระองค์ทรงอธิษฐานต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืน”  ~ลูกา 6:12 THSV11

8.เราควรทราบว่าพระเจ้าใส่พระทัยในเสียงอธิษฐานของเราในยามที่เราเข้าเฝ้าพระองค์ แต่อย่าบ่มความชั่วไว้ในใจเวลาอธิษฐาน

“ปากข้าพเจ้าได้ร้องทูลพระองค์ และลิ้นข้าพเจ้าได้ยกย่องพระองค์ ถ้าข้าพเจ้าได้บ่มความชั่วไว้ในใจ องค์เจ้านายจะไม่ทรงสดับ แต่พระเจ้าทรงสดับแน่ทีเดียว พระองค์ใส่พระทัยในเสียงอธิษฐานของข้าพเจ้า สาธุการแด่พระเจ้า เพราะว่าพระองค์ไม่ทรงปฏิเสธคำอธิษฐานของข้าพเจ้า และไม่ทรงเอาความรักมั่นคงของพระองค์ไปจากข้าพเจ้า” ~สดุดี 66:17-20 THSV11

9.เราควรจะมั่นใจว่าพระเจ้าจะฟังเมื่อเราเข้าเฝ้าพระองค์อย่างจริงใจและจะทรงช่วยเราให้กลับสู่สภาพดี

“แล้วเจ้าจะร้องทูลเรา และมาอธิษฐานต่อเรา และเราจะฟังเจ้า เจ้าจะแสวงหาเราและพบเราเมื่อเจ้าแสวงหาเราด้วยสิ้นสุดใจของเจ้า’ พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘เราจะให้เจ้าพบเรา และเราจะให้เจ้ากลับสู่สภาพดีและรวบรวมเจ้ามาจากบรรดาประชาชาติและจากทุกที่ที่เราขับไล่เจ้าให้ไปอยู่นั้น พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ และเราจะนำเจ้ากลับมายังที่ซึ่งเราเนรเทศเจ้าให้จากไปนั้น’” ~เยเรมีย์ 29:12-14 THSV11

10.เราควรมีวินัยในการจัดเวลาเข้าเฝ้าพระเจ้า และอธิษฐานเผื่อเรื่องต่างๆ ด้วยใจขอบพระคุณ

“จงอุทิศตัวในการอธิษฐาน จงเฝ้าระวังในเรื่องนี้ด้วยการขอบพระคุณ” ~โคโลสี 4:2 THSV11

11.เราไม่ต้องกังวลว่าจะอธิษฐานกับพระเจ้าอย่างไร เวลาที่เราเข้าเฝ้าพระเจ้าเพราะพระวิญญาณจะช่วยทูลขอแทนเรา

“ในทำนองเดียวกัน พระวิญญาณก็ทรงช่วยเมื่อเราอ่อนกำลังด้วย เพราะเราไม่รู้ว่าควรจะอธิษฐานขออะไรอย่างไร แต่พระวิญญาณทรงช่วยขอแทน ด้วยการคร่ำครวญซึ่งไม่อาจกล่าวเป็นถ้อยคำ”  ~โรม 8:26 THSV11

12.เราสามารถเข้าเฝ้าพระเจ้า และมอบความกระวนกระวายใจทุกเรื่องที่เรามีไว้กับพระองค์

“อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ” ~ฟีลิปปี 4:6 THSV11

13.เราควรใช้เวลาที่เราเข้าเฝ้าพระเจ้า อธิษฐานเผื่อคนอื่นๆ นอกเหนือจากเพื่อตัวเองด้วย

“ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าของข้าพเจ้าเสมอ เมื่อระลึกถึงท่านในการอธิษฐานของข้าพเจ้า”  ~ฟีเลโมน 1:4 THSV11

“ข้าพระองค์อธิษฐานเพื่อพวกเขา ข้าพระองค์ไม่ได้อธิษฐานเพื่อโลก แต่เพื่อคนเหล่านั้นที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์ เพราะว่าเขาเป็นของพระองค์”  ~ยอห์น 17:9 THSV11

14.เราต้องมีวินัยในการอ่าน ฟังและทำตามพระบัญญัติของพระเจ้า ในเวลาเข้าเฝ้าพระเจ้า มิฉะนั้น จะเป็นการไร้    ประโยชน์

“ถ้าผู้ใดไม่ฟังธรรมบัญญัติ แม้คำอธิษฐานของเขาก็เป็นที่น่าสะอิดสะเอียน” ~สุภาษิต 28:9 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(cr.ภาพ Message Magazine)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:   

พระคัมภีร์สอนอะไรบ้าง เกี่ยวกับความโกรธ และวินัยในการจัดการกับความโกรธของเรา?”

คำตอบ:             

ในพระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องความโกรธไว้มากมาย ทั้งความโกรธของพระเจ้าและความโกรธของมนุษย์ แต่ต่างกันคือความโกรธของพระเจ้าเป็นความโกรธแบบบริสุทธิ์ ที่เกิดขึ้นเพราะเป็นปฏิกิริยาทันทีต่อบาปที่มนุษย์อย่างเราเจตนาทำ แต่ความโกรธอย่างมนุษย์เป็นความโกรธที่มาจากเนื้อหนังของเรา ที่นำไปสู่การทำบาปที่มีโทษตามมา

พระคัมภีร์สอนเรื่องความโกรธไว้ดังนี้

1.พระเจ้าจะทรงตอบสนองต่อบาปที่มนุษย์อย่างเรากระทำ

“แต่เจ้าได้ทำชั่วยิ่งกว่าทุกคนที่อยู่ก่อนเจ้า เจ้าไปสร้างพระอื่นและรูปหล่อโลหะ และทำให้เราโกรธ และได้เหวี่ยงเราทิ้งเบื้องหลังของเจ้า”  ~1 พงศ์กษัตริย์ 14:9 THSV11

2.พระเจ้ามักถามให้เราทบทวนว่าเราโกรธทำไม และสมควรแล้วหรือที่จะโกรธเช่นนั้น?

  • “แต่คาอินกับของถวายของเขานั้น พระองค์ไม่พอพระทัย คาอินก็โกรธยิ่งนัก ก้มหน้าลง”  ~ปฐมกาล 4:5 THSV11
  • “พระยาห์เวห์จึงตรัสถามคาอินว่า “ทำไมเจ้าโกรธ? ทำไมหน้าเจ้าบูดบึ้ง?” ~ปฐมกาล 4:6 THSV11
  •  “แต่เหตุการณ์นี้ไม่เป็นที่พอใจโยนาห์อย่างยิ่ง และท่านโกรธ  …และพระยาห์เวห์ตรัสว่า “การที่เจ้าโกรธเช่นนี้ดีแล้วหรือ?” ~โยนาห์ 4:1, 4 THSV11
  • “แต่พระเจ้าตรัสกับโยนาห์ว่า “ที่เจ้าโกรธเพราะต้นละหุ่งนั้นดีแล้วหรือ?” ท่านทูลว่า “ที่ข้าพระองค์โกรธถึงอยากตายนี้ดีแล้วพระเจ้าข้า”   ~โยนาห์ 4:9 THSV11
  • ยาโคบโกรธราเชลจึงว่า “ฉันเองเป็นเหมือนพระเจ้าผู้ไม่ให้เธอมีบุตรหรือ?” ~ปฐมกาล 30:2 THSV11

3.เราได้ หรือเสียประโยชน์อะไรบ้างจากความโกรธของเรา?

  • “พี่ชายก็โกรธไม่ยอมเข้าไป บิดาจึงออกมาชวนเขา” ลูกา 15:28 THSV11
  • “เพราะว่าความโกรธของมนุษย์ไม่ก่อให้เกิดความชอบธรรมของพระเจ้า”   ยากอบ 1:20
  • “จงระงับความโกรธ และละความพิโรธอย่าฉุนเฉียว มีแต่จะชั่วไป” สดุดี 37:8
  • “วันนั้นฮามานก็ออกไปด้วยใจชื่นบานและยินดี แต่เมื่อฮามานเห็นโมรเดคัยที่ประตูพระราชวังไม่ยืนขึ้นหรือตัวสั่นอยู่ต่อหน้าเขา เขาก็โกรธแค้นโมรเดคัย” เอสเธอร์ 5:9

4.เราต้องไม่ปล่อยให้ความโกรธของเรานำเราให้ทำบาป

  • “จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป” อย่าให้ถึงตะวันตกแล้วยังโกรธอยู่” -เอเฟซัส 4:26 THSV11
  • “แต่เราบอกพวกท่านว่า ใครโกรธพี่น้องของตน คนนั้นจะต้องถูกพิพากษา ถ้าใครพูดกับพี่น้องอย่างเหยียดหยาม  คนนั้นจะต้องถูกนำไปยังศาลสูงให้พิพากษา และถ้าใครพูดว่า ‘อ้ายโฉด’ คนนั้นจะมีโทษถึงไฟนรก”  ~มัทธิว 5:22 THSV11
  • “เมื่อพวกเขาฟังแล้วก็โกรธมาก คิดกันว่าจะฆ่าพวกอัครทูตเสีย”  ~กิจการ 5:33 THSV11

5.เราควรโกรธในเรื่องอะไรบ้าง?

  • “มีเสียงร้องของประชาชนและของภรรยาของเขาอย่างเกรียวกราว กล่าวโทษพี่น้องพวกยิว   …เมื่อข้าพเจ้าได้ยินเสียงร้องของเขาและถ้อยคำของเขา ข้าพเจ้าก็โกรธมาก”  ~เนหะมีย์ 5:1, 6 THSV11
  • “เมื่อเกิดเรื่องนี้ข้าพเจ้าไม่ได้อยู่ในเยรูซาเล็ม เพราะข้าพเจ้าได้ไปเฝ้ากษัตริย์อารทาเซอร์ซีสแห่งบาบิโลนในปีที่สามสิบสองแห่งรัชกาลของพระองค์ และต่อมาข้าพเจ้าก็ทูลลากษัตริย์ และมายังเยรูซาเล็ม แล้วข้าพเจ้าจึงทราบความชั่วร้าย ซึ่งเอลียาชีบได้ทำเพื่อโทบีอาห์ คือจัดห้องภายในบริเวณพระนิเวศของพระเจ้าให้เขา ข้าพเจ้าโกรธมาก และข้าพเจ้าก็โยนเครื่องแต่งบ้านทั้งสิ้นของโทบีอาห์ออกเสียจากห้อง แล้วข้าพเจ้าสั่งให้เขาชำระห้อง และข้าพเจ้าก็นำเครื่องใช้ประจำพระนิเวศของพระเจ้า ทั้งธัญบูชากับกำยานกลับมาไว้ที่นั่นอีก และข้าพเจ้ายังทราบอีกว่า ส่วนของคนเลวีนั้น เขาก็ไม่ได้มอบให้ เพราะฉะนั้น คนเลวีและนักร้องผู้ปฏิบัติการงาน ต่างก็หนีกลับไปยังไร่นาของตน ข้าพเจ้าจึงต่อว่าเจ้าหน้าที่และพูดว่า “ทำไมจึงทอดทิ้งพระนิเวศของพระเจ้าเสีย?” ข้าพเจ้าจึงรวบรวมพวกเขากลับมา และตั้งเขาไว้ตามตำแหน่งของเขาอีก”  ~เนหะมีย์ 13:6-11 THSV11
  • “เมื่อสาวกสิบคนนั้นได้ยินแล้วก็โกรธพี่น้องสองคนนั้น”  มัทธิว 20:24 THSV11
  • “เราโกรธเนื่องด้วยบาปเรื่องความโลภของเขา เราตีเขา เราซ่อนหน้าด้วยความโกรธ แต่เขายังเดินกลับไปยังวิถีของใจเขาเอง”   ~อิสยาห์ 57:17 THSV11

6.เราควรมีท่าที แนวทาง หรือปฏิกิริยาอะไรต่อความโกรธ?

  • “พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ”  ~ยากอบ 1:19 THSV11
  • อย่าให้จิตใจของเจ้าโกรธเร็ว เพราะความโกรธฝังอยู่ในทรวงอกของคนเขลา”  ~ปัญญาจารย์ 7:9 THSV11
  • จงเอาความขมขื่น ความฉุนเฉียว ความโกรธ การทุ่มเถียง การพูดจาดูหมิ่น รวมทั้งการร้ายทุกอย่างออกไปจากพวกท่าน”  ~เอเฟซัส 4:31 THSV11
  • “แต่บัดนี้ท่านทั้งหลายจงละทิ้ง สิ่งเหล่านี้ทั้งหมด คือความโกรธ ความฉุนเฉียว การคิดร้าย การใส่ร้าย และคำพูดหยาบโลนที่ออกจากปากของท่าน”  ~โคโลสี 3:8 THSV11
  • “ความฉลาดของมนุษย์ทำให้เขาโกรธช้า และการให้อภัยความผิดก็เป็นศักดิ์ศรีแก่เขา” ~สุภาษิต 19:11 THSV11
  • “คนชอบเยาะเย้ยทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ แต่คนมีปัญญาทำให้ความโกรธเกรี้ยวสงบลง”  ~สุภาษิต 29:8 THSV11

7.เราจะมีวิถีและวิธีรับมือกับความโกรธของคนอื่นอย่างไร?

  • “ของกำนัลซึ่งให้ในที่ลับตาย่อมขจัดโทสะ และสินบนลับๆ ก็กำจัดความโกรธเกรี้ยวได้”  ~สุภาษิต 21:14 THSV11
  • “บุคคลผู้โกรธช้าก็ดีกว่าคนมีกำลังมาก และบุคคลผู้ปกครองจิตใจตนเองก็ดีกว่าผู้ที่ตีเมืองได้”  ~สุภาษิต 16:32 THSV11 
  • “คนโง่ระบายความโกรธออกมาเต็มที่ แต่คนมีปัญญาย่อมยับยั้งไว้เงียบๆ”  ~สุภาษิต 29:11 THSV11
  • “นี่แน่ะ ทุกคนที่โกรธเคืองเจ้า จะต้องอายและอดสู คนทั้งหลายที่ต่อสู้กับเจ้า จะกลายเป็นศูนย์และพินาศไป”  -อิสยาห์ 41:11 THSV11
  • “เพราะฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกผู้ชายยกมืออันบริสุทธิ์ขึ้นอธิษฐานในทุกแห่งหน โดยปราศจากความโกรธหรือการทุ่มเถียงกัน” ~1 ทิโมธี 2:8 THSV11
  • “นี่แน่ะ ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงโทษ เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า“การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบแทน”  -โรม 12:19

ข้อคิดปิดท้าย

# ทุก ๆ นาทีที่คุณยังโกรธอยู่ คุณได้เสีย 60 วินาทีแห่งสันติสุขในจิตใจของคุณไปเสียแล้ว

#For every minute you remain angry, you give up sixty seconds of peace of mind.    ~Ralph Waldo Emerson

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(cr.ภาพ WeHeartIt)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:     “พระคัมภีร์กล่าวถึง วิธีมีช้ยชนะเหนือปัญหาไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ:      “พระคัมภีร์บอกกับเราว่า ถ้าเราต้องการจะมีชัยชนะ หรือ แก้ปัญหาได้ง่ายขึ้นนั้น

1.เราต้องพึ่งพาและขอพระเจ้าให้ทรงช่วยเหลือเราให้พ้นจากปัญหาที่เราเผชิญอยู่

“และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะโปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการร้ายทุกอย่าง และจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ของพระองค์ ขอพระสิริมีแด่พระองค์สืบๆ ไปชั่วนิตย์นิรันดร์ อาเมน”  ~2 ทิโมธี 4:18 THSV11

“การถูกข่มเหง และการทนทุกข์ซึ่งเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าทั้งในเมืองอันทิโอก เมืองอิโคนียูม และเมืองลิสตรา การข่มเหงที่ข้าพเจ้าทนนั้นมากเพียงไร แต่ถึงกระนั้นก็ดี องค์พระผู้เป็นเจ้าโปรดให้ข้าพเจ้ารอดพ้นจากทุกสิ่ง”  ~2 ทิโมธี 3:11 THSV11

2.เราต้องมอบปัญหาไว้กับพระเจ้าเชื่อฟังและกระทำตามพระบัญญัติของพระองค์

“พระยาห์เวห์จะทรงทำให้ศัตรูผู้ลุกขึ้นต่อสู้ท่านพ่ายแพ้แก่ท่าน เขาจะออกมาต่อสู้ท่านทางเดียว และหนีจากท่านเจ็ดทาง พระยาห์เวห์จะทรงบัญชาพระพรให้แก่ฉางของท่าน และทุกสิ่งที่มือท่านทำ และพระองค์จะทรงอวยพรท่านในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านประทานแก่ท่าน พระยาห์เวห์จะทรงตั้งท่านให้เป็นชนชาติบริสุทธิ์แด่พระองค์ ดังที่พระองค์ทรงปฏิญาณแก่ท่านแล้ว ถ้าท่านรักษาพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน และดำเนินในพระมรรคาของพระองค์ และชนชาติทั้งหลายในโลกจะเห็นว่าเขาเรียกท่านตามพระนามพระยาห์เวห์ และเขาทั้งหลายจะเกรงกลัวท่าน พระยาห์เวห์จะทรงทำให้ท่านอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพงศ์พันธุ์ของตัวท่านเอง พันธุ์ของฝูงสัตว์ของท่านและผลแห่งพื้นดินของท่าน ในแผ่นดินซึ่งพระยาห์เวห์ทรงปฏิญาณแก่บรรพบุรุษของท่านว่าจะประทานแก่ท่าน พระยาห์เวห์จะทรงเปิดคลังฟ้าสวรรค์อันดีของพระองค์ประทานฝนแก่แผ่นดินของท่านตามฤดูกาล และทรงอวยพรแก่งานแห่งมือของท่าน และท่านจะให้หลายประชาชาติขอยืม แต่ท่านจะไม่ขอยืม ถ้าท่านเชื่อฟังพระบัญญัติของพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ และระวังที่จะทำตาม พระยาห์เวห์จะทรงทำให้ท่านเป็นหัวไม่ใช่เป็นหาง ทำให้สูงขึ้นเท่านั้นไม่ใช่ให้ต่ำลง และถ้าท่านไม่หันเหไปทางขวาหรือทางซ้าย จากบรรดาถ้อยคำซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ไปติดตามปรนนิบัติพระอื่น”  ~เฉลยธรรมบัญญัติ 28:7-14 THSV11

3.เราต้องเชื่อในความสัตย์ซื่อของพระเจ้า และวางใจพระองค์ว่าจะทรงแก้ปัญหา หรือให้ทางออกแก่เรา

“ไม่มีการทดลองใดๆ เกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทดลอง พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้”  ~1 โครินธ์ 10:13 THSV11

4.เราต้องไม่กลัว เพราะมั่นใจว่า พระเจ้าทรงอยู่ใกล้ และพร้อมช่วยเราให้พ้นจากปัญหาเสมอ

“อย่างไรก็ดีองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงยืนอยู่ใกล้และประทานกำลังแก่ข้าพเจ้า เพื่อว่าข่าวประเสริฐจะได้รับการประกาศออกไปอย่างเต็มที่ผ่านทางข้าพเจ้า และคนต่างชาติทั้งหมดจะได้ยิน แล้วข้าพเจ้าจะได้รับการช่วยให้รอดจากปากสิงโต”  ~2 ทิโมธี 4:17 THSV11

5.เราต้องมีใจที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้ แม้ว่าดูเหมือนพระองค์จะช้าในการแก้ปัญหาของเรา

“พระเจ้าทรงเป็นโล่ของข้าพเจ้า  พระองค์ทรงช่วยคนใจซื่อให้รอด”  ~สดุดี 7:10 THSV11

6.เราต้องเชื่อวางใจพระเจ้า มากกว่ากำลังหรืออำนาจใดๆ ในการพิชิตปัญหา

“พระยาห์เวห์ทอดพระเนตรจากฟ้าสวรรค์ พระองค์ทรงเห็นมนุษย์ทุกคน จากที่ประทับ พระองค์ทอดพระเนตร ชาวแผ่นดินโลกทั้งสิ้น คือพระองค์ผู้ทรงสร้างจิตใจของเขาทุกคน พระองค์จึงทรงล่วงรู้กิจการทั้งสิ้นของพวกเขา กองทัพใหญ่ไม่อาจช่วยพระราชาให้รอด กำลังอันมากมายก็ช่วยกู้นักรบไม่ได้ ม้าศึกเป็นภาพลวงตาว่าจะมีชัย กำลังมหาศาลของมันก็ช่วยให้รอดไม่ได้ ดูเถิด พระเนตรของพระยาห์เวห์อยู่เหนือผู้ที่ยำเกรงพระองค์ เหนือผู้ที่หวังในความรักมั่นคงของพระองค์ เพื่อจะทรงช่วยกู้พวกเขาให้พ้นจากความตาย และเพื่อให้เขามีชีวิตอยู่ได้ในยามขาดแคลนอาหาร จิตใจของเราทั้งหลายรอคอยพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์และเป็นโล่ของเรา เพราะใจของเราทั้งหลายยินดีในพระองค์ เพราะเราวางใจในพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์ ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอความรักมั่นคงของพระองค์อยู่เหนือข้าพระองค์ทั้งหลาย ตามที่พวกข้าพระองค์หวังในพระองค์”  -สดุดี 33:13-22 THSV11

7.เราต้องสู้กับปัญหาด้วยความอดทน อย่างสุดกำลังให้ถึงที่สุด

“แต่ใครสู้ทนถึงที่สุดก็จะได้รับการช่วยให้รอด”  ~มัทธิว 24:13 THSV11

8.เราต้องเรียนรู้ และใช้ความรู้เหล่านั้นรับมือและแก้ปัญหา

“คนที่ไม่นับถือพระเจ้าทำลายเพื่อนบ้านของเขาด้วยปาก แต่คนชอบธรรมจะรอดพ้นด้วยความรู้”  -สุภาษิต 11:9 THSV11

9.เราต้องพึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ในการรับมือกับปัญหาจนกว่าจะรอดพ้น

“เพราะข้าพเจ้ารู้ว่าโดยการทูลขอของท่านทั้งหลาย และโดยการช่วยเหลือของพระวิญญาณของพระเยซูคริสต์ สิ่งนี้จะเป็นเหตุให้ข้าพเจ้ารอดพ้น”  ~ฟีลิปปี 1:19 THSV11

10.เราต้องเฝ้าระวังและอธิษฐานจนกว่าปัญหาจะหมดหรือผ่านไป

“แต่จงเฝ้าระวังอยู่ทุกเวลา จงอธิษฐานเพื่อพวกท่านจะมีกำลังรอดพ้นเหตุการณ์ทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นนั้น และจะยืนอยู่ต่อหน้าบุตรมนุษย์ได้” ~ลูกา 21:36 THSV11

11.เราต้องมีที่ปรึกษามากๆ ที่ดี ในการจัดการหรือเอาชนะปัญหาที่เผชิญอยู่

“เพราะโดยการชี้แนะ เจ้าจะทำสงครามได้ และโดยมีที่ปรึกษามาก ย่อมมีชัยชนะ”  ~สุภาษิต 24:6 THSV11

12.เราต้องชนะปัญหาด้วยความดี ตามวิถีของพระเจ้า ไม่ใช่ด้วยความชั่วตามวิถีของโลก

“อย่าให้ความชั่วชนะเราได้ แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี”  ~โรม 12:21 THSV11

13.เราต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านั้นโดยพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเสริมกำลังให้เรา

“ข้าพเจ้ามีความชื่นชมยินดีอย่างยิ่งในองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าในที่สุดท่านทั้งหลายก็หวนกลับมาคิดถึงข้าพเจ้าอีก ความจริงท่านยังคิดถึงข้าพเจ้าอยู่ แต่ยังหาโอกาสไม่ได้ ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเนื่องจากความขัดสน เพราะข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่ ข้าพเจ้ารู้จักความขาดแคลนและรู้จักความอุดมสมบูรณ์ ไม่ว่าในกรณีใดหรือในทุกกรณี ข้าพเจ้าได้เรียนรู้เคล็ดลับในการเผชิญความอิ่มท้องและความอดอยาก ความอุดมสมบูรณ์และความขัดสนแล้ว ข้าพเจ้าเผชิญ ได้ทุกอย่างโดยพระองค์ผู้ทรงเสริมกำลังข้าพเจ้า”  ~ฟีลิปปี 4:10-13 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(cr.ภาพ makyzz)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:    “พระคัมภีร์สอนเกี่ยวกับ’โลก’ไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ:  “พระคัมภีร์กล่าวถึง เรื่องของโลก ไว้ดังนี้

1.พระเจ้าทรงสร้างโลกและทุกสิ่งดี

“โลกกับสรรพสิ่งในโลกเป็นของพระยาห์เวห์ ทั้งพิภพกับบรรดาผู้ที่อยู่ในพิภพนั้น”  ~สดุดี 24:1 THSV11

2.พระเจ้าทรงประทานโลกที่ดีแก่มนุษยชาติ

“ฟ้าสวรรค์สูงสุดเป็นของพระยาห์เวห์ แต่พระองค์ประทานแผ่นดินโลกแก่มนุษย์ทั้งหลาย”  ~สดุดี 115:16 THSV11

3.โลกที่พระเจ้าทรงสร้างพึงสรรเสริญพระเจ้าด้วยความชื่นบาน

“แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเอ๋ย จงโห่ร้องด้วยความชื่นบานถวายแด่พระยาห์เวห์”  ~สดุดี 100:1 THSV11

4.มนุษย์โลกควรนิ่งสงบและยกย่องพระเจ้า

“จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า เราเป็นที่ยกย่องท่ามกลางบรรดาประชาชาติ เราเป็นที่ยกย่องในแผ่นดินโลก”  ~สดุดี 46:10 THSV11

5.มนุษย์ทำบาปและจากนั้นโลกก็ไม่รู้จักพระเจ้าที่เสด็จมาหาพวกเขา

“พระองค์ทรงอยู่ในโลกที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นมาทางพระองค์ แต่โลกไม่รู้จักพระองค์”  ~ยอห์น 1:10 THSV11

6.มนุษย์ในโลกกลับเกลียดชังพระเจ้า และคนของพระองค์

“ถ้าโลกนี้เกลียดชังพวกท่าน ก็จงรู้ว่าโลกเกลียดชังเราก่อน”  ~ยอห์น 15:18 THSV11

7.พระเยซูคริสต์เลือกคริสเตียนออกจากโลก โลกจึงเกลียดชังเรา

“ถ้าพวกท่านเป็นของโลก โลกก็ย่อมจะรักคนที่เป็นของโลกเอง แต่เพราะท่านไม่ได้เป็นของโลก คือเราเลือกท่านออกจากโลก เพราะเหตุนี้ โลกจึงเกลียดชังท่าน”  ~ยอห์น 15:19 THSV11

“ข้าพระองค์มอบพระดำรัสของพระองค์ให้แก่พวกเขาแล้ว และโลกนี้เกลียดชังเขา เพราะเขาไม่ใช่ของโลก เหมือนอย่างที่ข้าพระองค์ไม่ใช่ของโลก”  ~ยอห์น 17:14 THSV11

8.เราต้องไม่รักโลกหรือสิ่งของในโลก จนความรักของพระเจ้าไม่อยู่ในเรา

“อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก ถ้าใครรักโลก ความรักของพระบิดาไม่ได้อยู่ในผู้นั้น” ~1 ยอห์น 2:15 THSV11

9.โลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกจะล่วงไป แต่คนของพระเจ้าจะดำรงอยู่

“และโลกกับสิ่งยั่วยวนของโลกกำลังผ่านพ้นไป แต่คนที่ประพฤติตามพระทัยของพระเจ้าจะดำรงอยู่เป็นนิตย์”  ~1 ยอห์น 2:17 THSV11

10.เราควรใส่ใจสิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ลุ่มหลงจมอยู่กับสิ่งในโลกนี้

“จงเอาใจใส่สิ่งที่อยู่เบื้องบน ไม่ใช่สิ่งที่อยู่บนแผ่นดินโลก”  ~โคโลสี 3:2 THSV11

11.โลกและมารร้ายผู้ทำให้โลกบิดเบี้ยวเพราะบาปจะถูกพิพากษา

“เดี๋ยวนี้การพิพากษามาถึงโลกนี้แล้ว เดี๋ยวนี้ผู้ครองโลกนี้จะถูกกำจัดออกไป” ~ยอห์น 12:31 THSV11

“ในเรื่องการพิพากษานั้น คือเพราะผู้ครองโลกนี้ถูกพิพากษาแล้ว”  ~ยอห์น 16:11 THSV11

12.พระเยซูคริสต์ให้เรามีใจกล้าแม้เผชิญความทุกข์ยาก เพราะพระองค์ชนะโลกแล้ว

“เราบอกเรื่องนี้กับพวกท่าน เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงมีใจกล้าเถิด เพราะว่าเราชนะโลกแล้ว” ~ยอห์น 16:33 THSV11

13.โลกอยู่ในมือของมารร้าย แต่เราผู้เกิดจากพระเจ้าไม่กลัว

“เรารู้ว่าเราเกิดจากพระเจ้า แต่โลกทั้งหมดอยู่ในมือของมารร้าย” ~1 ยอห์น 5:19 THSV11

14.เราที่เกิดจากพระเจ้า มีชัยชนะโลกด้วยความเชื่อ

“เพราะทุกคนที่เกิดจากพระเจ้า ก็มีชัยเหนือโลก และความเชื่อของเรานี่แหละเป็นชัยชนะที่มีชัยเหนือโลก” ~1 ยอห์น 5:4 THSV11

15.พระเจ้าผู้สถิตอยู่ในเรายิ่งใหญ่กว่ามารและเหล่าผู้ที่อยู่ในโลก

“ลูกทั้งหลายเอ๋ย ท่านอยู่ฝ่ายพระเจ้า และชนะพวกเขาแล้ว เพราะว่าพระองค์ผู้ทรงอยู่ในพวกท่านยิ่งใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก”  ~1 ยอห์น 4:4 THSV11

16.พระเจ้าทรงทำลายสิ่งที่โลกถือว่าสำคัญ ผ่านคนที่โลกดูหมิ่นว่าต่ำต้อย

“พระเจ้าได้ทรงเลือกพวกที่โลกถือว่าต่ำต้อยและดูหมิ่น และเห็นว่าไม่สำคัญ เพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญ”  ~1 โครินธ์ 1:28 THSV11

17.เราจะไม่พิจารณาตัดสินผู้ใด หรือ อะไรตามมาตรฐานของโลกอีก

“เพราะฉะนั้นตั้งแต่นี้ไป เราจะไม่พิจารณาใครตามมาตรฐานของโลก แม้ว่าเมื่อก่อนเราเคยพิจารณาพระคริสต์ตามมาตรฐานของโลกก็จริง แต่เดี๋ยวนี้เราจะไม่พิจารณาพระองค์เช่นนั้นอีก”  ~2 โครินธ์ 5:16 THSV11

18.เราต้องไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า ด้วยการไม่สัตย์ซื่อต่อ. พระองค์โดยเป็นมิตรกับโลก

“คนไม่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายรู้ว่าการเป็นมิตรกับโลกนั้นคือการเป็นศัตรูกับพระเจ้าไม่ใช่หรือ? เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่ต้องการเป็นมิตรกับโลก ก็ตั้งตัวเป็นศัตรูกับพระเจ้า” ~ยากอบ 4:4 THSV11

19.พระเยซูคริสต์มอบสันติสุขที่ไม่เหมือนที่โลกให้ ให้แก่เรา

“เรามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย”   ~ยอห์น 14:27 THSV11

20.เราต้องประกาศและเป็นพยานนำคนทั่วทั้งโลกให้มาพระคริสต์ ด้วยพลังที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์

“แต่พวกท่านจะได้รับพระราชทานฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นสักขีพยานของเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย ทั่วแคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”  ~กิจการ 1:8 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(cr.ภาพ flickr.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:   “พระคัมภีร์กล่าวถึงตัวเอง(self)และการชนะตัวเอง ไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ:   พระคัมภีร์กล่าวถึงและกล่าวสอนในเรื่อง “ตัวเอง” (self) ดังนี้

1.เราไม่ควรหลอกตัวเอง

“ถ้าเรากล่าวว่าเราไม่มีบาป เราก็หลอกตัวเอง และสัจจะไม่ได้อยู่ในตัวเราเลย”  1 ยอห์น 1:8 THSV11

“ถ้าใครคิดว่าตัวเองเป็นคนมีธรรมะแต่ไม่ได้ควบคุมลิ้นของตน เขาก็หลอกลวงจิตใจของตนเอง และธรรมะของคนนั้นก็ไม่มีประโยชน์” -ยากอบ 1:26 THSV11

2.เราไม่ควรทำให้ตัวเองเจ็บ

“คนมีความเมตตาย่อมให้ประโยชน์แก่ตน แต่คนดุร้ายย่อมทำให้ตัวเองเจ็บ” ~สุภาษิต 11:17 THSV11

3.เราไม่ควรเชื่อใจตัวเองจนเกินไป

“คนที่เชื่อใจตัวเองเป็นคนโง่ แต่คนที่ดำเนินชีวิตอย่างมีปัญญาจะปลอดภัย” ~สุภาษิต 28:26 THSV11

4.เราไม่ควรเอาตัวเอง ไปติดกับในสิ่งใด

“เกรงว่าเจ้าจะเรียนรู้ทางของเขา และเอาตัวเองไปติดกับดัก”  ~สุภาษิต 22:25 THSV11

5.เราไม่ควรทำอะไรโดยเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว

“อย่าให้ต่างคนต่างเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง แต่จงเห็นแก่ประโยชน์ของคนอื่นๆ ด้วย” ~ฟีลิปปี 2:4 THSV11

6.เราไม่ควรรับใช้พระเจ้าด้วยเจตนารับใช้ปากท้องตัวเอง

“เพราะว่าพวกเขาไม่ได้รับใช้พระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา แต่รับใช้ปากท้องของตัวเอง และได้ล่อลวงคนซื่อให้หลงด้วยคำไพเราะอ่อนหวาน”  ~โรม 16:18 THSV11

7.เราไม่ควรโอ้อวดตัวเองด้วยความจองหอง

“พวกเขาพล่าม พวกเขาพูดอย่างจองหอง ผู้ทำความชั่วทุกคนโอ้อวดตัวเอง” ~สดุดี 94:4 THSV11

8.เราไม่ควรทำลายตัวเอง

“อย่าทำตัวชอบธรรมเกินไป และอย่าอวดฉลาด เหตุใดเจ้าจะทำลายตัวเองเสียเล่า?”  ~ปัญญาจารย์ 7:16 THSV11

“ปากของคนโง่เป็นสิ่งทำลายตัวเขาเอง และริมฝีปากของเขาก็เป็นบ่วงดักตนเอง”  ~สุภาษิต 18:7 THSV11

9.เราไม่ควรอยู่เพียงเพื่อตัวเอง

“เราไม่ได้อยู่เพื่อตัวเอง และเราไม่ได้ตายเพื่อตัวเอง” ~โรม 14:7 THSV11

10.เราไม่ควรเอาตัวเองไปวัดกับใคร?

“เพราะว่าเราไม่กล้าเทียบชั้นหรือเปรียบเทียบตัวเองกับบางคนที่ยกย่องตัวเอง แต่เมื่อพวกเขาเอาตัวเองเป็นเครื่องวัดกันและกัน และเอาตัวเองเปรียบเทียบกันและกันแล้ว พวกเขาก็ปราศจากความเข้าใจ” ~2 โครินธ์ 10:12 THSV11

11.เราไม่ควรฆ่าตัวเอง

“ความอยากของคนเกียจคร้านฆ่าตัวเขาเอง เพราะมือของเขาไม่ยอมทำงาน” ~สุภาษิต 21:25 THSV11

12.เราควรรับผิดชอบจัดหาปัจจัยสำหรับตัว ไม่เป็นภาระแก่ผู้ใด

“พวกท่านเองก็ทราบว่า มือทั้งสองของข้าพเจ้าจัดหาปัจจัยสำหรับตัวเองและสำหรับพวกที่อยู่กับข้าพเจ้า”  ~กิจการ 20:34 THSV11

13.เราควรสำรวจและวินิจฉัยตัวเองอยู่เสมอ

“แต่ถ้าเราวินิจฉัยตัวเอง เราคงไม่ต้องถูกพิพากษา” ~1 โครินธ์ 11:31 THSV11

“ทุกคนจงสำรวจตัวเอง แล้วจึงกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้” ~1 โครินธ์ 11:28 THSV11

14.เราควรเอาของดีจากภายในตัวเราแบ่งปันให้คนอื่น

“คนดีก็เอาของดีมาจากคลังแห่งความดีในตัวของเขา คนชั่วก็เอาของชั่วมาจากคลังแห่งความชั่วในตัวของเขา”  ~มัทธิว 12:35 THSV11

15.เราควรระวังและควบคุมตัวเอง ให้รอดพ้นจากการโจมตีของมาร

“จงควบคุมตัวเอง จงระวังระไวให้ดี ศัตรูของพวกท่านคือมาร ดุจสิงโตคำรามเดินวนเวียนเที่ยวเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” ~1 เปโตร 5:8 THSV11

16.เราควรดำเนินชีวิต แบบไม่มีเหตุให้ต้องตำหนิตัวเองในสิ่งที่ตนเห็นชอบ

“จงให้ความเชื่อของท่านเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องระหว่างท่านกับพระเจ้า ใครไม่มีเหตุติเตียนตัวเองในสิ่งที่ตนเห็นชอบแล้วนั้นก็เป็นสุข” -โรม 14:22 THSV11

17.เราควรพร้อมที่จะรายงานเรื่องราวของเราเองต่อพระเจ้า

“ฉะนั้นเราทุกคนจะต้องทูลเรื่องราวของตัวเองต่อพระเจ้า”  -โรม 14:12 THSV11

18.เราควร ฝึกฝนและควบคุมตัวเองให้พร้อมสำหรับการประกาศข่าวประเสริฐ

“แต่ข้าพเจ้าทุบตีร่างกายและควบคุมมันไว้ เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว ตัวเองกลับเป็นคนที่ใช้การไม่ได้” ~1 โครินธ์ 9:27 THSV11

19.เราควรพร้อมถวายตัวของเราให้พระเจ้าใช้ตามพระประสงค์

“และไม่เหมือนที่เราคาดหมายไว้ แต่พวกเขาถวายตัวเองแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าก่อน แล้วจึงมอบตัวให้กับเราตามพระประสงค์ของพระเจ้า” ~2 โครินธ์ 8:5 THSV11

20.เราควรพร้อมยอมสละทุกสิ่งรวมทั้งตัวเองเพื่อเห็นแก่คนทั้งหลาย

“และข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะสละทุกสิ่งและสละตัวเองจนหมดเพื่อเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ารักท่านมากขึ้น พวกท่านกลับจะรักข้าพเจ้าน้อยลงหรือ?”  ~2 โครินธ์ 12:15 THSV11

21.เราควรปฏิเสธตนเอง และรับกางเขนของตนแบกทุกวันตามพระคริสต์

“พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาทุกคนว่า “ถ้าใครต้องการจะมาติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกทุกวันและตามเรามา” ~ลูกา 9:23 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(cr.istock.com)

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

บทความโดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:    “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยวกับกางเขน?”

คำตอบ:    “ในพระคัมภีร์ สอนเรื่องกางเขนไว้มากมาย ดังนี้

1.พระเยซูคริสต์ตรัสล่วงหน้า แลัวว่า พระองค์จะถูกตรึงตายที่กางเขนและจะเป็นขึ้นมาใหม่ในวันที่3

‘บุตรมนุษย์จะต้องถูกมอบไว้ในมือของพวกคนบาป และจะต้องถูกตรึงที่กางเขน และวันที่สามจะเป็นขึ้นมาใหม่’  ~ลูกา 24:7 THSV11

2.ฝูงชนจะตรึงพระเยซูคริสต์ทั้งๆ ที่หาความผิดในพระองค์ไม่ได้

“เขาทั้งหลายร้องตะโกนว่า “ตรึงเขาที่กางเขน” ปีลาตจึงถามว่า “ตรึงทำไม? เขาทำผิดอะไร?” แต่ประชาชนยิ่งตะโกนว่า “ตรึงเขาที่กางเขน” ปีลาตต้องการจะเอาใจฝูงชนจึงปล่อยบารับบัสให้แก่พวกเขา และเมื่อให้โบยตีพระเยซูแล้ว จึงมอบให้พวกเขาเอาไปตรึงที่กางเขน” ~มาระโก 15:13-15 THSV11

3.ปีลาตจำต้องมอบพระเยซูคริสต์ให้ไปถูกตรึงที่กางเขนตามใจฝูงชน

“แล้วปีลาตก็มอบพระองค์ให้เขาไปตรึงที่กางเขน พวกทหารจึงพาพระเยซูไป”  ~ยอห์น 19:16 THSV11

4.โจรคนหนึ่งเยาะเย้ยถากถางให้พระเยซูลงมาจากไม้กางเขน

“จงช่วยตัวเองให้รอดเถอะ แล้วก็ลงจากกางเขนเสียทีสิ”~มาระโก 15:30 THSV11

5.พวกทหารตรึงพระเยซูคริสต์บนกางเขน แล้วจับฉลากแบ่งปันเสื้อผ้าของพระองค์

“เมื่อตรึงพระองค์ที่กางเขนแล้ว พวกเขาก็เอาฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน”  -มัทธิว 27:35 THSV11

6.ซีโมน (บิดาของอเล็กซานเดอร์ และรูฟัส)~ถูกเกณฑ์ให้ช่วยแบกกางเขนของพระเยซู

“มีคนหนึ่งชื่อซีโมนชาวไซรีน เป็นบิดาของอเล็กซานเดอร์และรูฟัส เดินทางจากบ้านนอกมาตามเส้นทางนั้น พวกเขาจึงเกณฑ์ซีโมนให้แบกกางเขนของพระองค์”  ~มาระโก 15:21 THSV11

7.สตรีหลายคนอยู่ข้างกางเขนในตอนที่พระเยซูถูกตรึง (ในขณะที่ผู้ชายส่วนใหญ่หลบหมด)

“คนที่ยืนอยู่ข้างกางเขนของพระเยซูนั้นมีมารดากับน้าสาวของพระองค์ มารีย์ภรรยาของเคลโอปัสและมารีย์ ชาวมักดาลา” ~ยอห์น 19:25 THSV11

8.โจร 2 คน ที่ถูกตรึงบนกางเขน ตอบสนองต่อพระเยซูคริสต์บนกางเขนต่างกัน

  1.  คนหนึ่ง ไม่รอด~เพราะไม่เชื่อ
  2. คนหนึ่ง รอด ~เพราะเชื่อ

“เมื่อไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่ากะโหลกศีรษะ เขาก็ตรึงพระองค์ไว้ที่นั่นบนกางเขนพร้อมกับผู้ร้ายสองคนนั้น ข้างขวาคน้ายคนหนึ่ง พระเยซูตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงยกโทษพวกเขาเพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” แล้วพวกเขาก็เอาฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน ประชาชนก็ยืนมองดูอยู่ พวกผู้นำก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วยว่า “เขาช่วยคนอื่นให้รอดได้ ก็ให้เขาช่วยตัวเองด้วยซิ ถ้าหากเขาเป็นพระคริสต์ของพระเจ้าที่ทรงเลือกไว้” พวกทหารก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย และเข้ามาเอาเหล้าองุ่นเปรี้ยวส่งให้พระองค์ แล้วกล่าวว่า “ถ้าเจ้าเป็นกษัตริย์ของพวกยิวก็จงช่วยตัวเองให้รอดเถิด” เหนือพระองค์มีคำจารึกไว้ด้วยว่า “คนนี้เป็นกษัตริย์ของพวกยิว” ผู้ร้ายคนหนึ่งที่ถูกตรึงไว้จึงพูดหมิ่นประมาทพระองค์ว่า “เจ้าเป็นพระคริสต์ไม่ใช่หรือ? จงช่วยตัวเองกับเราทั้งสองให้รอดเถิด” แต่อีกคนหนึ่งห้ามปรามเขาว่า “เจ้าไม่เกรงกลัวพระเจ้าหรือ? เพราะเจ้าก็ถูกลงโทษเหมือนกัน และเราทั้งสองก็สมควรกับโทษนั้นจริง เพราะเราได้รับผลสมกับการกระทำ แต่ท่านผู้นี้ไม่ได้ทำผิดอะไรเลย” แล้วคนนั้นจึงทูลว่า “พระเยซู ขอพระองค์ทรงระลึกถึงข้าพระองค์เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในแผ่นดินของพระองค์” พระเยซูทรงตอบเขาว่า “เราบอกความจริงกับท่านว่า วันนี้ท่านจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม” ~ลูกา 23:33-43 THSV11

9.พระเยซูคริสต์ถ่อมพระทัยยอมเชื่อฟังพระบิดาจนกระทั่งยอมตายบนกางเขน

“พระองค์ทรงถ่อมตัวลง ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา   กระทั่งมรณาบนกางเขน”  ~ฟีลิปปี 2:8 THSV11

10.พระเยซูคริสต์ทรงเอาเอกสารหนี้ที่มีผูกมัดเราด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ต่อต้านและขัดขวางเราไปตรึงไว้ที่กางเขน

“พระองค์ทรงฉีกเอกสารหนี้ที่มีคำสั่งต่างๆ ซึ่งต่อสู้และขัดขวางเรา และทรงขจัดไปเสียโดยตรึงไว้ที่กางเขน”  ~โคโลสี 2:14 THSV11

11.คนที่เชื่อในพระเยซู จะไม่อวดอะไร นอกจากเรื่องกางเขนของพระคริสต์

“ข้าพเจ้าไม่ขออวดอะไรนอกจากเรื่องกางเขนของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ซึ่งโดยกางเขนนั้นโลกได้ตายจากข้าพเจ้า และข้าพเจ้าก็ได้ตายจากโลก”  ~กาลาเทีย 6:14 THSV11

“เมื่อพวกทหารตรึงพระเยซูไว้ที่กางเขนแล้ว พวกเขาก็เอาเสื้อของพระองค์มาแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ให้ทหารคนละส่วน เว้นแต่เสื้อใน เสื้อในนั้นไม่มีตะเข็บ ทอเป็นผืนเดียวตลอด เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงปรึกษากันว่า “เราอย่าฉีกแบ่งกันเลย แต่ให้เราจับฉลากกัน จะได้รู้ว่าใครจะได้เป็นเจ้าของ” ทั้งนี้เพื่อให้เป็นจริงตามข้อพระคัมภีร์ที่ว่า “เสื้อผ้าของข้าพระองค์ เขาแบ่งกัน และเสื้อของข้าพระองค์เขาจับฉลากกัน” พวกทหารทำกันอย่างนี้”  ~ยอห์น 19:23-24 THSV11

12.คนที่ต้องการตามพระเยซูคริสต์ต้องรับกางเขนของตนและแบกตามพระองค์ไป

“พระองค์จึงทรงเรียกฝูงชนกับพวกสาวกให้เข้ามา แล้วตรัสกับพวกเขาว่า “ถ้าใครต้องการจะตามเรามา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกและตามเรามา”  ~มาระโก 8:34 ;มัทธิว16:24THSV11

13.คนที่ไม่แบกกางเขนของตน ตามพระเยซูคริสต์ เขาจะเป็นสาวกของพระองค์ไม่ได้

“และใครก็ตามที่ไม่ได้แบกกางเขนของตนตามเรามา คนนั้นจะเป็นสาวกของเราไม่ได้”  ~ลูกา 14:27 THSV11

14.คนที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ต้องตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขน

“ผู้ที่อยู่ฝ่ายพระเยซูคริสต์ได้ตรึงเนื้อหนังไว้ที่กางเขน พร้อมกับราคะและตัณหาแล้ว”  ~กาลาเทีย 5:24 THSV11

15.เปาโล บอกว่าเรื่องกางเขน เป็น

  1. เรื่องโง่~สำหรับคนที่กำลังจะพินาศ
  2. เรื่องฤทธานุภาพของพระเจ้า ~สำหรับคนที่กำลังจะรอด

“เพราะว่าคนทั้งหลายที่กำลังจะพินาศก็เห็นว่าเรื่องกางเขนเป็นเรื่องโง่ แต่เราที่กำลังจะรอดเห็นว่าเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า”  ~1 โครินธ์ 1:18 THSV11

“แต่เราประกาศเรื่องพระคริสต์ทรงถูกตรึงที่กางเขนนั้น อันเป็นสิ่งที่พวกยิวสะดุด และพวกต่างชาติถือว่าเป็นเรื่องโง่” ~1 โครินธ์ 1:23 THSV11

 สรุป

ท่าทีของคุณต่อกางเขน สำคัญต่อชีวิตยิ่งนัก

แล้ววันนี้ คุณตอบสนองต่อกางเขน ของพระคริสต์อย่างไรบ้าง?

 

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์- twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

(cr. ภาพ etsy.me)