Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยวกับการพูดและการฟังอย่างมีความกรุณาต่อผู้อื่น?”

คำตอบ:  “พระคัมภีร์ พูดถึงเรื่องการพูดการฟังอย่างมีความกรุณาไว้ดังนี้:

เรื่องการพูด:

1. คนที่มีปัญญา จะเข้าใจว่า การพูดจาอ่อนหวานอย่างมีเมตตากรุณาเพิ่มอำนาจในการสั่งสอน

“คนมีปัญญาเรียกได้ว่าเป็นคนมีความเข้าใจ และวาจาอ่อนหวานเพิ่มอำนาจการสั่งสอน” ~สุภาษิต 16:21 THSV11

“ใจของคนมีปัญญาทำให้วาจาของเขาสุขุม และเพิ่มอำนาจการสั่งสอนแก่ปากของเขา” ~สุภาษิต 16:23 THSV11

2. คนที่เชื่อพระเจ้า จะทิ้งวาจาคำพูดคดๆ หรือคำพูดแย่ๆ ที่ไร้ความกรุณาทิ้งไป

“คนถ่อย คนเลว คือคนที่เที่ยวไปด้วยวาจาคดๆ” ~สุภาษิต 6:12 THSV11

“จงทิ้งวาจาคดๆ เสีย และให้คำพูดลดเลี้ยวห่างจากเจ้า” ~สุภาษิต 4:24 THSV11

3. คนที่เชื่อพระเจ้าต้องมีวาจาที่เปี่ยมด้วยความกรุณา มีเมตตาคุณ และจะได้รับผลดี

“คนที่บริสุทธิ์ใจและวาจามีเมตตาคุณ จะได้พระราชาเป็นมิตร” ~สุภาษิต 22:11 THSV11

4. คนที่เชื่อพระเจ้าจะได้รับพระคุณในด้านวาจาที่เต็มเปี่ยมด้วยความกรุณาและความรู้ทุกอย่าง

“ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระเจ้าในเรื่องท่านทั้งหลายเสมอ เพราะพระคุณของพระเจ้าที่ประทานแก่ท่านในพระเยซูคริสต์ เพราะพวกท่านได้รับความบริบูรณ์ทุกด้านในพระองค์ คือในด้านวาจาและความรู้ทุกอย่าง” ~1 โครินธ์ 1:4-5 THSV11

5. คนที่เชื่อพระเจ้าจะได้รับการชูใจและการเสริมกำลังในการกระทำและการพูดจาอันดีที่มีความกรุณา

“ขอให้องค์พระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และพระเจ้าพระบิดาของเรา ผู้ทรงรักเราและประทานให้เรามีความชูใจนิรันดร์ และความหวังอันดีโดยพระคุณ ทรงชูใจและทรงเสริมท่านให้มั่นคง ในการกระทำและในวาจาอันดีทุกอย่าง” ~2 เธสะโลนิกา 2:16-17 THSV11

6. คนที่เชื่อพระเจ้าควรประพฤติตน และกล่าววาจามีความกรุณาในนามของพระเยซูคริสต์

“และเมื่อท่านทั้งหลายทำสิ่งใดไม่ว่าจะด้วยวาจาหรือด้วยการประพฤติ จงทำทุกสิ่งในพระนามของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า และขอบพระคุณพระเจ้าพระบิดา โดยทางพระองค์” ~โคโลสี 3:17 THSV11

7. คนที่เชื่อในพระเจ้าควรเป็นแบบอย่างในด้านวาจาและการประพฤติ ที่มีความรักและความกรุณา

“อย่าให้ใครหมิ่นประมาทความอ่อนวัยของท่าน แต่จงเป็นแบบอย่างแก่บรรดาผู้เชื่อ ทั้งในด้านวาจาและการประพฤติ ทั้งในด้านความรัก ความเชื่อ และความบริสุทธิ์” ~1 ทิโมธี 4:12 THSV11

เรื่องการฟัง:

8. คนที่เชื่อพระเจ้าควรไวในการฟังอย่างใส่ใจและมีใจกรุณา

“พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ” ~ยากอบ 1:19 THSV11

9. คนที่เชื่อพระเจ้า จะใส่ใจฟังคนอื่น เหมือนที่พระเจ้าทรงฟังคนขัดสนลำบากด้วยใจกรุณา

“เพราะพระยาห์เวห์ทรงฟังคนขัดสน และมิได้ทรงดูหมิ่นคนของพระองค์ที่ถูกจำจอง” ~สดุดี 69:33 THSV11

10. คนที่เชื่อพระเจ้าจะฟังทุกคนด้วยใจกรุณา และเชื่อว่า พระเจ้าอาจใช้เขามาเตือนเราก็ได้

“หูที่ฟังคำตักเตือนที่ให้ชีวิต จะอยู่ท่ามกลางคนมีปัญญา” ~สุภาษิต 15:31 THSV11

11.คนที่เชื่อพระเจ้าจะรับฟังผู้ให้กำเนิดด้วยความเคารพรัก และไม่ดูหมิ่น

“จงฟังบิดาผู้ให้กำเนิดเจ้า และอย่าดูหมิ่นมารดาเมื่อนางแก่” ~สุภาษิต 23:22 THSV11

12. คนที่เชื่อพระเจ้าขอฟังคำสอน และคำเตือนด้วยใจกรุณาจากคนอื่น เพราะจะได้ประโยชน์

“คำตักเตือนของคนมีปัญญาแก่หูที่คอยฟัง ก็เหมือนห่วงทองคำและเครื่องประดับทองบริสุทธิ์” ~สุภาษิต 25:12 THSV11

13. คนของพระเจ้าควรรับฟังกันและกันด้วยใจกรุณาไม่ใช่ด้วยใจเกลียดโกรธ

“คราวหนึ่งโยเซฟฝัน แล้วเล่าให้พวกพี่ชายฟัง พวกพี่ชายยิ่งเกลียดโยเซฟมากขึ้น” -ปฐมกาล 37:5 THSV11

14. คนที่เชื่อพระเจ้าจะฟังธรรมบัญญัติที่เปี่ยมด้วยพระกรุณาของพระเจ้าเสมอ

“ถ้าผู้ใดไม่ฟังธรรมบัญญัติ แม้คำอธิษฐานของเขาก็เป็นที่น่าสะอิดสะเอียน” ~สุภาษิต 28:9 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์พูดถึงความกรุณาของพระเจ้า และความกรุณาของคริสเตียนไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ:    “พระคัมภีร์สอนในเรื่องความกรุณาไว้ดังนี้

  • พระเจ้าเป็นพระเจ้าที่ทรงพระกรุณา

“พระยาห์เวห์ทรงพระกรุณาและมีพระคุณ กริ้วช้าและอุดมด้วยความรักมั่นคง” ~สดุดี 103:8 THSV11

“พระยาห์เวห์ทรงมีพระคุณและทรงพระกรุณา กริ้วช้าและทรงมีความรักมั่นคงอย่างอุดม” ~สดุดี 145:8 THSV11

  • พระเจ้าทรงพระกรุณาวันยังค่ำ

“ข้าแต่องค์เจ้านาย ขอทรงพระกรุณาต่อข้าพระองค์ เพราะข้าพระองค์ร้องทูลต่อพระองค์วันยังค่ำ” ~สดุดี 86:3 THSV11

  • พระเจ้าทรงมีพระกรุณาเหนือพระราชกิจของพระองค์

“พระยาห์เวห์ทรงดีต่อทุกคน และพระกรุณาของพระองค์อยู่เหนือพระราชกิจทั้งสิ้นของพระองค์” ~สดุดี 145:9 THSV11

  • พระเจ้าทรงพระกรุณาแม้แต่ต่อคนอกตัญญูและคนชั่ว

“แต่จงรักศัตรูของท่านและทำดีต่อเขา จงให้เขายืมโดยไม่หวังที่จะได้คืน แล้วบำเหน็จของท่านทั้งหลายจะมีบริบูรณ์ แล้วท่านจะเป็นบุตรขององค์ผู้สูงสุด เพราะว่าพระองค์ทรงพระกรุณาทั้งต่อคนอกตัญญูและคนชั่ว” ~ลูกา 6:35 THSV11

  • พระเจ้าทรงประสงค์จะกรุณาผู้ใด พระองค์ก็จะกรุณาผู้นั้น

“เพราะพระองค์ตรัสกับโมเสสว่า “เราประสงค์จะกรุณาใคร เราก็จะกรุณาคนนั้น และเราจะเมตตาใคร เราก็จะเมตตา คนนั้น” ~โรม 9:15 THSV11

  • เราควรมีใจกรุณาเหมือนพระเจ้าทรงมีพระทัยเมตตากรุณา

“พวกท่านจงมีใจเมตตากรุณาเหมือนอย่างพระบิดาของท่านมีพระทัยเมตตากรุณา” ~ลูกา 6:36 THSV11

  • เราควรสำแดงความกรุณาออกมาเพื่อยืนยันว่า เรามีพระวิญญาณสถิตอยู่ด้วย

“ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์” ~กาลาเทีย 5:22 THSV11

  • เราควรพิสูจน์ว่า เราเป็นพวกคนที่พระเจ้าทรงเลือก ด้วยการมีใจกรุณาต่อผู้อื่น

“เพราะฉะนั้นในฐานะเป็นพวกที่พระเจ้าทรงเลือก พวกที่บริสุทธิ์ และพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจกรุณา ใจถ่อม ใจสุภาพอ่อนโยน ใจอดทน จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย” ~โคโลสี 3:12-13 THSV11

“แต่จงมีใจกรุณา ใจสงสาร และใจให้อภัยแก่กันและกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านในพระคริสต์” ~เอเฟซัส 4:32 THSV11

  • เราควรติดตามความชอบธรรมและความกรุณาก่อนที่จะพบชีวิต ความชอบธรรมและเกียรติยศ

“คนที่ติดตามความชอบธรรมและความกรุณา จะพบชีวิต ความชอบธรรม และเกียรติยศ” ~สุภาษิต 21:21 THSV11

  • เราควรทำงานร่วมกับพระเจ้า และปรนนิบัติพระองค์โดยมีใจกรุณาด้วย

ในเมื่อเราทำงานร่วมกับพระเจ้า เราจึงขอร้องท่านทั้งหลายว่า อย่ารับพระคุณของพระเจ้าโดยไม่เกิดประโยชน์ เพราะว่าพระองค์ตรัสว่า “ในเวลาโปรดปรานเราได้ฟังเจ้า ในวันแห่งความรอดเราได้ช่วยเจ้า” นี่แน่ะ บัดนี้เป็นเวลาแห่งความโปรดปราน นี่แน่ะ บัดนี้เป็นวันแห่งความรอด เราไม่ได้วางสิ่งกีดขวางบนหนทางของผู้ใดเลย เพื่องานปรนนิบัตินี้ จะไม่ถูกติเตียน แต่เราแสดงตัวเป็นคนปรนนิบัติของพระเจ้าในทุกทาง โดยมีความทรหดอดทนเป็นอย่างมากในความยากลำบาก ความลำเค็ญ ในเหตุวิบัติ การถูกเฆี่ยน และการถูกจำคุก ในเหตุการณ์วุ่นวาย ในการตรากตรำ ในการอดหลับอดนอน ในการอดอาหาร โดยความบริสุทธิ์ ความรู้ ความอดทน และความกรุณา โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยความรักอย่างจริงใจ โดยถ้อยคำสัตย์จริง โดยฤทธิ์เดชของพระเจ้า โดยการใช้ความชอบธรรมเป็นอาวุธทั้งด้วยมือขวาและมือซ้าย ทั้งในขณะมีเกียรติและขณะไร้เกียรติ ขณะถูกดูหมิ่นและขณะได้รับการยกย่อง เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหลอกลวง แต่ยังเป็นคนซื่อสัตย์ ว่าเป็นคนที่ไม่มีใครรู้จัก แต่ยังเป็นคนที่ใครๆ รู้จักดี เป็นคนที่กำลังจะตาย แต่ดูสิ ยังมีชีวิตอยู่ เป็นคนถูกเฆี่ยนแต่ยังไม่ตาย เป็นคนมีความทุกข์แต่ยังยินดีอยู่เสมอ เป็นคนยากจนแต่ยังทำให้คนจำนวนมากมั่งมี เป็นคนไม่มีอะไรเลยแต่ยังเป็นเจ้าของทุกสิ่ง” ~2 โครินธ์ 6:1-10 THSV11

  • เราควรมีความกรุณาในการสนับสนุนช่วยเหลือผู้รับใช้(โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในด้านการเงินเพื่อทำพันธกิจตามที่พระเจ้ามอบหมาย)

“อย่างไรก็ตาม ก็ยังเป็นความกรุณาของท่านที่มีส่วนในความยากลำบากของข้าพเจ้า และพวกท่านชาวฟีลิปปี ก็รู้แล้วว่า เมื่อข้าพเจ้าออกจากแคว้นมาซิโดเนียในช่วงเริ่มแรกของการประกาศข่าวประเสริฐนั้น ไม่มีคริสตจักรใดมีส่วนร่วมกับข้าพเจ้าในรายรับรายจ่ายนอกจากท่านพวกเดียว แม้แต่เมื่อข้าพเจ้าอยู่ที่เมืองเธสะโลนิกา พวกท่านก็ส่งของไปช่วยข้าพเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ใช่ว่าข้าพเจ้าเสาะหาของกำนัล แต่ข้าพเจ้าเสาะหาผลกำไรในบัญชีของพวกท่านให้ทวีมากขึ้น ข้าพเจ้าได้รับทุกอย่างครบถ้วนและมีเหลือเฟือ ข้าพเจ้ามีเต็มบริบูรณ์เพราะได้รับของฝากของท่านทั้งหลายจากเอปาโฟรดิทัส สิ่งเหล่านั้นเป็นของถวายที่หอมหวาน เป็นเครื่องบูชาที่พระเจ้าโปรดรับและพอพระทัย และพระเจ้าของข้าพเจ้าจะประทานทุกสิ่งที่จำเป็นแก่พวกท่านจากทรัพย์อันรุ่งโรจน์ของพระองค์ในพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระเจ้าพระบิดาของเราสืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน”  ~ฟีลิปปี 4:14-20 THSV11

 

 -ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์พูดถึงเรื่องการมาช่วยให้รอดของพระเยซูคริสต์ไว้อย่างไรบ้าง และเราควรประกาศเรื่องเกี่ยวกับข่าวประเสริฐของพระองค์อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ:” พระคัมภีร์กล่าวว่า ข่าวประเสริฐที่เราต้องประกาศคือข่าวเรื่องการช่วยให้รอดของพระเยซูคริสต์ต่อมวลมนุษยชาติ ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้

  1. พระเจ้าคือ พระผู้ช่วยโลกให้รอดที่แท้จริง

“เรา เราเองคือยาห์เวห์ และนอกจากเรา ไม่มีพระผู้ช่วยให้รอด” ~อิสยาห์ 43:11 THSV11

  1. พระเจ้าประทานพระเยซูคริสต์ มาเป็นพระผู้ช่วยโลกให้รอด ตามพระสัญญา

“และจากเชื้อสายของดาวิดนี้ พระเจ้าประทานผู้ช่วยให้รอดคือพระเยซูผู้ทรงบังเกิดมาเพื่อชนชาติอิสราเอลตามพระสัญญาของพระองค์”    ~กิจการ 13:23 THSV11

“เพราะว่าในวันนี้ พระผู้ช่วยให้รอดของพวกท่านคือพระคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้ามาประสูติที่เมืองของดาวิด” ~ลูกา 2:11 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์มาเพื่อแสวงหาและช่วยคนที่หลงหายไปนั้นรอด

“เพราะว่าบุตรมนุษย์มาเพื่อจะแสวงหาและช่วยผู้ที่หลงหายไปนั้นให้รอด” ~ ลูกา 19:10 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ยอมสละพระชนม์เพื่อช่วยเราให้รอด

“พระเยซูทรงสละพระองค์เองเพราะบาปของเรา เพื่อช่วยเราให้พ้นจากยุคปัจจุบันอันชั่วร้าย ตามพระประสงค์ของพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเรา”  ~กาลาเทีย 1:4 THSV11

  1. พระเจ้าประทานพระวิญญาณบริสุทธิ์แก่เราผ่านทางพระเยซูคริสต์ผู้ช่วยเราให้รอด

“พระวิญญาณองค์นี้แหละที่พระเจ้าประทานให้แก่เราอย่างบริบูรณ์ผ่านทางพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา” ~ทิตัส 3:6 THSV11

  1. เรารอพระเยซูคริสต์ผู้ช่วยเราให้รอด เสด็จกลับมารับเราไปสวรรค์

“แต่เราเป็นพลเมืองแห่งสวรรค์ และเรารอคอยผู้ช่วยให้รอดจากสวรรค์คือพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้า” ~ฟีลิปปี 3:20 THSV11

“ในขณะที่เรากำลังรอคอยความหวังอันน่ายินดี และการมาปรากฏของพระสิริของพระเจ้ายิ่งใหญ่คือพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ประทานพระองค์เองแก่เรา เพื่อไถ่เราให้พ้นจากการอธรรมทุกอย่าง และเพื่อชำระเราให้บริสุทธิ์ จะได้เป็นประชากรของพระองค์โดยเฉพาะซึ่งมีใจกระตือรือร้นที่จะทำการดี” ~ทิตัส 2:13-14 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงช่วยเราให้รอด โดยประทานพระคุณให้

 “เพราะว่าพระคุณของพระเจ้าปรากฏแล้ว เพื่อช่วยทุกคนให้รอด”   ~ทิตัส 2:11 THSV11

“ผู้ทรงช่วยเราให้รอด และทรงเรียกเราด้วยการทรงเรียกอันบริสุทธิ์ ไม่ใช่ตามการกระทำของเรา แต่ตามพระประสงค์และพระคุณของพระองค์เอง คือพระคุณที่ประทานแก่เราในพระเยซูคริสต์ก่อนเริ่มต้นของกาลเวลา” ~2 ทิโมธี 1:9 THSV11

  1. พระเจ้าและพระเยซูคริสต์เป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา~สำหรับเราในทุกสถานการณ์ของชีวิต

~เมื่อเรายำเกรงพระเจ้า ถ่อมใจ และร้องทูลต่อพระองค์ “เพราะพระเจ้าทรงกดผู้เย่อหยิ่งลงต่ำ แต่พระองค์ทรงช่วยคนถ่อมใจให้รอด” ~โยบ 22:29 THSV11

“ส่วนข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะร้องทูลพระเจ้า และพระยาห์เวห์จะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอด” ~สดุดี 55:16 THSV11

9. ช่วยเราให้พ้นจากคนชั่วร้าย

“ขอทรงช่วยกู้ข้าพระองค์ให้พ้นจากผู้ทำความชั่ว และขอทรงช่วยข้าพระองค์ให้รอดจากคนกระหายเลือด” ~สดุดี 59:2 THSV11

10. ช่วยเราให้พ้นจาก ศัตรู และผู้ที่เกลียดชังเรา

“พระองค์จึงทรงช่วยท่านเหล่านั้นให้พ้นมือของผู้ที่เกลียดชังท่าน และช่วยกู้ท่านให้พ้นจากเงื้อมมือของศัตรู”  ~สดุดี 106:10 THSV11

11. ช่วยเราให้พ้นจากการร้ายทุกอย่าง

“และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะโปรดช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากการร้ายทุกอย่าง และจะทรงช่วยข้าพเจ้าให้รอดเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์ของพระองค์ ขอพระสิริมีแด่พระองค์สืบๆ ไปชั่วนิตย์นิรันดร์ อาเมน” ~2 ทิโมธี 4:18 THSV11

12. ช่วยเราให้พ้นจากยุคปัจจุบันอันชั่วร้าย

“พระเยซูทรงสละพระองค์เองเพราะบาปของเรา เพื่อช่วยเราให้พ้นจากยุคปัจจุบันอันชั่วร้ายตามพระประสงค์ของพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเรา” ~กาลาเทีย 1:4 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม: พระคัมภีร์สอนถึงเรื่องการ “อดทนต่อข้อบกพร่องของคนที่อ่อนแอ” ( Bear with the Failling of the Weak) ไว้อย่างไรบ้าง? (โรม 14:1-12; 15:1-6 )

คำตอบ : “พระธรรมโรม บทที่ 14-15 ใน พระคัมภีร์ได้กล่าวถึง หรือสอนในเรื่องนี้ไว้ดังนี้

  1. พวกเราซึ่งมีความเชื่อเข้มแข็ง ควรจะอดทนต่อข้อบกพร่องของคนที่อ่อนแอ
  1. พวกเราซึ่งมีความเชื่อที่เข้มแข็งไม่ควรพูด หรือ ทำอะไรตามความพอใจของตัวเอง
  • เพราะว่าพระคริสต์ไม่ทรงทำสิ่งที่พอพระทัยพระองค์เอง
  1. พวกเราซึ่งมีความเชื่อที่เข้มแข็งควรทำให้เพื่อนบ้านพอใจ
  •  เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างความเชื่อของเขา
  1. พวกเราซึ่งมีความเชื่อที่เข้มแข็งควรมีความหวังในตัวผู้อื่นอยู่เสมอ
  • โดยความทรหดอดทน และ
  • โดยการหนุนใจจากพระคัมภีร์
  1. พวกเราซึ่งมีความเชื่อที่เข้มแข็งควรติดสนิทกับพระเจ้าผู้เป็นแหล่งแห่ง
  •  ความทรหดอดทน และ
  • การหนุนใจ
  1. พวกเราซึ่งมีความเชื่อที่เข้มแข็งควรขอพระเจ้าทรงช่วยพวกเราทุกฝ่ายให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยพระเยซูคริสต์
  • เพื่อเราจะได้พร้อมใจกันสรรเสริญพระเจ้า ผู้ทรงเป็นพระบิดา
  1. พวกเราซึ่งมีความเชื่อที่เข้มแข็งควรต้อนรับคนที่ยังมีความเชื่อน้อยอยู่
  •  แต่ไม่ใช่เพื่อให้โต้เถียงกันในเรื่องที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว
  1. พวกเราซึ่งมีความเชื่อที่เข้มแข็งไม่ควรดูหมิ่นคนที่มีความเชื่อน้อยกว่า
  • แต่อย่าให้คนที่มีความเชื่อน้อยกว่าตัดสินคนที่มีความเชื่อมากกว่าเช่นกัน
  1. พวกเราทั้งพวกมีความเชื่อที่เข้มแข็งและมีความเชื่ออ่อนแอต่างก็ควรแน่ใจในความคิดเห็นของตน และยอมรับในความเชื่อของคนอื่นด้วย
  1. พวกเราซึ่งมีความเชื่อที่เข้มแข็งและที่มีความเชื่ออ่อนแอต่างก็สามารถ
  •  ขอบคุณ และ
  • ถวายเกียรติพระเจ้า
  1. พวกเราซึ่งมีความเชื่อที่เข้มแข็งและที่มีความเชื่ออ่อนแอต่างก็ควรสามารถอยู่ และตายเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้าได้เช่นกัน
  1. พวกเราซึ่งมีความเชื่อที่เข้มแข็งและที่มีความเชื่ออ่อนแอควร
  •   มีชีวิตอยู่ก็เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และ
  • ตายก็เพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
  1. พวกเราซึ่งมีความเชื่อที่เข้มแข็งและที่มีความเชื่ออ่อนแอควรพร้อมยืนอยู่หน้าบัลลังก์พิพากษาของพระเจ้า เพื่อ
  •  คุกเข่ากราบ
  • สรรเสริญ พระเจ้า
  • ทูลเรื่องราวของเราแตะละคน ตัวเองต่อพระเจ้า

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยวกับความอดทนในการเป็นพยานเพื่อพระคริสต์?”

คำตอบ:

  1. พระเจ้าทรงเป็นแบบอย่างของความอดทนในการประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์

“องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่” ~2 เปโตร 3:9 THSV11

“ซึ่งในสมัยก่อนไม่เชื่อฟังพระเจ้า คราวเมื่อพระเจ้าทรงอดทนรอคอยให้กลับใจในสมัยโนอาห์ ขณะที่ท่านกำลังต่อเรือใหญ่ ในเรือนั้นมีน้อยคน คือแปดชีวิตรอดผ่านน้ำ” ~1 เปโตร 3:20 THSV11

  1. เราทั้งหลายต้องมีความทรหดอดทน ในการเป็นพยานตามพระทัยของพระเจ้า

“ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องมีความทรหดอดทน เพื่อท่านจะสามารถทำตามพระทัยของพระเจ้าได้ แล้วท่านก็จะได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้นั้น” ~ฮีบรู 10:36 THSV11

  1. เราต้องมีความอดทนต่อทุกคน ในขณะที่เราเป็นพยาน รับใช้ และช่วยเหลือคนอื่นๆ

“พี่น้องทั้งหลาย ขอให้พวกท่านตักเตือนคนที่เกียจคร้าน หนุนใจผู้ที่ขาดความกล้าหาญ ช่วยเหลือคนที่อ่อนกำลัง และมีความอดทนต่อทุกคน” ~1 เธสะโลนิกา 5:14 THSV11

  1. เราต้องทำงานและทำพันธกิจตามหน้าที่ของเราด้วยความทรหดอดทน

“เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้วก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา”  ~ฮีบรู 12:1 THSV11

  1. เราต้องขะมักเขม้นเป็นพยาน และประกาศข่าวประเสริฐด้วยความอดทนในทุกสถานการณ์

“จงประกาศพระวจนะ จงทำอย่างขะมักเขม้นทั้งในขณะที่คนสนใจและไม่สนใจ จงชักชวน ตักเตือน และหนุนใจ ด้วยความอดทนและด้วยการสั่งสอนอย่างเต็มที่” ~2 ทิโมธี 4:2 THSV11

  1. เราต้องเอาอย่าง ความอดทน และการทนทุกข์ของผู้เผยพระวจนะของพระเจ้า

“พี่น้องทั้งหลาย จงเอาอย่างการทนทุกข์และการอดทนของบรรดาผู้เผยพระวจนะซึ่งกล่าวในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า” ~ยากอบ 5:10 THSV11

  1. เราต้องรับใช้ด้วยความทรหดอดทนที่เกิดจากความหวังในพระเยซูคริสต์

“ต่อพระพักตร์พระเจ้าพระบิดาของเรา คือรำลึกถึงความเชื่อของท่านที่แสดงออกเป็นการกระทำ ถึงความรักที่ท่านเต็มใจทำงานหนัก และถึงความทรหดอดทนซึ่งเกิดจากความหวังในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” ~1 เธสะโลนิกา 1:3 THSV11

  1. เราต้องเป็นแบบอย่างแก่คนทั้งหลายในเรื่องความอดทนเหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงอดทนต่อเรา

“แต่เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงได้รับพระเมตตา เพื่อว่าพระเยซูคริสต์จะได้ทรงสำแดงความอดทนอย่างยิ่งต่อข้าพเจ้าซึ่งเป็นตัวเอ้นั้น เพื่อเป็นแบบอย่างแก่คนทั้งหลาย ที่จะเชื่อในพระองค์ แล้วได้รับชีวิตนิรันดร์”  ~1 ทิโมธี 1:16 THSV11

“พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “โอ นี่เป็นยุคที่ขาดความเชื่อ เราจะต้องอยู่กับพวกท่านนานแค่ไหน? และจะต้องอดทนกับพวกท่านนานเพียงไร? จงพาเด็กคนนั้นมาหาเราเถิด”” ~มาระโก 9:19 THSV11

  1. เราต้องให้กำลังใจ และแสดงความชื่นชมต่อพี่น้องที่เป็นตัวอย่างในเรื่องความทรหดอดทนในการประกาศ

“ฉะนั้นเราเองจึงอวดท่านต่อบรรดาคริสตจักรของพระเจ้า ในเรื่องความทรหดอดทน และความเชื่อของท่านในยามที่ถูกข่มเหงนานาประการ และที่ท่านอดทนต่อความยากลำบากนั้น” ~2 เธสะโลนิกา 1:4 THSV11

  1. เราต้องมีความทรหดออดทน และมั่นใจว่าพระเจ้าจะเฝ้ารักษาเราให้พ้นจากการทดลองที่เผชิญอยู่

“เพราะว่าเจ้าถือรักษาคำของเรา คือมีความทรหดอดทน เราจะเฝ้ารักษาเจ้าให้พ้นจากช่วงเวลาแห่งการทดลอง ซึ่งจะมาถึงคนทั่วทั้งโลกเพื่อจะทดลองคนทั้งหลายที่อยู่ในโลก” ~วิวรณ์ 3:10 THSV11           

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม :  ”พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยวกับความอดทน และอดกลั้น?”

คำตอบ  “พระคัมภีร์สอนเรื่องความอดทนอดกลั้นไว้ดังนี้

  1. พระเจ้าทรงอดทนอดกลั้นต่อความประพฤติอันไม่สมควรของเราเสมอมา

“เพราะฉะนั้น มนุษย์เอ๋ย ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร เมื่อท่านพิพากษาอีกคนหนึ่งนั้น ท่านไม่มีข้อแก้ตัวเลย เพราะเมื่อพิพากษาเขา ก็ได้ลงโทษตัวเองด้วย เพราะว่าท่านที่ตัดสินเขาก็ยังประพฤติอยู่อย่างเดียวกับเขา เรารู้ว่า การที่พระเจ้าทรงลงโทษคนที่ประพฤติเช่นนั้นก็สมควรจริงๆ มนุษย์เอ๋ย ท่านที่ตัดสินคนที่ประพฤติเช่นนั้น แต่ยังประพฤติเช่นเดียวกับเขา ท่านคิดว่าจะพ้นจากการลงโทษของพระเจ้าหรือ? หรือว่าท่านประมาทพระกรุณาอันอุดม ความอดกลั้นพระทัย และความอดทนของพระองค์ โดยไม่รู้หรือว่าพระกรุณาคุณของพระเจ้านั้น มุ่งจะชักนำท่านให้กลับใจใหม่?” ~โรม 2:1-4 THSV11

  1. เราควรมีใจอดทนและอดกลั้นต่อกันด้วยความรักอยู่เสมอ

“เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าผู้เป็นนักโทษโดยเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอวิงวอนพวกท่านให้ดำเนินชีวิตสมกับการทรงเรียกที่ท่านได้รับการทรงเรียกมานั้น คือจงถ่อมใจและมีความสุภาพอ่อนโยนอยู่เสมอ จงอดทน จงอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” ~เอเฟซัส 4:1-2 THSV11

“เพราะฉะนั้นในฐานะเป็นพวกที่พระเจ้าทรงเลือก พวกที่บริสุทธิ์ และพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจกรุณา ใจถ่อม ใจสุภาพอ่อนโยน ใจอดทน” ~โคโลสี 3:12 THSV11

  1. เราควรตระหนักไว้เสมอว่า ถ้าเราไม่อดกลั้นอดทน เราจะไม่สามารถทำตามพระทัยของพระเจ้า

“ท่านทั้งหลายจำเป็นต้องมีความทรหดอดทน เพื่อท่านจะสามารถทำตามพระทัยของพระเจ้าได้ แล้วท่านก็จะได้รับสิ่งที่ทรงสัญญาไว้นั้น” ~ฮีบรู 10:36 THSV11

  1. เราควรมีท่าทีที่ถูกต้องต่อการทดลองใจต่างๆ ว่านั่นคือปัจจัยที่ทำให้เราทรหดอดทน

“พี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อพวกท่านพบกับการทดลองใจต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง เพราะพวกท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน และจงให้ความทรหดอดทนนั้นมีผลอย่างสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่สมบูรณ์และดีพร้อม โดยไม่ขาดสิ่งใดเลย”  ~ยากอบ 1:2-4 THSV11

  1. เราควรตระหนักว่า ความอดกลั้นทรหดอดทนเป็นคุณสมบัติประการหนึ่งของความรัก

“ความรักทนได้ทุกอย่าง เชื่ออยู่เสมอ มีความหวังและความทรหดอดทนอยู่เสมอ” ~1 โครินธ์ 13:7 THSV11

  1. เราควรอธิษฐานขอพระเจ้าช่วยคนอื่นๆ ให้อดกลั้นทรหดและอดทนได้ในทุกสถานการณ์

“เพราะเหตุนี้ นับตั้งแต่วันที่เราได้ยินเรื่องนี้ เราก็ไม่ได้หยุดอธิษฐานและทูลขอเพื่อท่านทั้งหลาย เพื่อให้ท่านเต็มเปี่ยมด้วยความรู้เรื่องพระประสงค์ของพระองค์โดยสรรพปัญญาและความเข้าใจฝ่ายจิตวิญญาณ เพื่อพวกท่านจะดำเนินชีวิตอย่างสมควรต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และจะเป็นที่ชอบพระทัยของพระองค์ทุกประการ คือให้ท่านเกิดผลในการดีทุกอย่าง และเจริญขึ้นในความรู้ถึงเรื่องพระเจ้า ให้พวกท่านมีกำลังด้วยฤทธานุภาพทั้งสิ้นตามอานุภาพแห่งพระสิริของพระองค์ เพื่อให้ท่านมีความทรหดอดทน และมีความอดทนในทุกสิ่ง พร้อมทั้งมีความยินดี” ~โคโลสี 1:9-11 THSV11

  1. เราควรตระหนักไว้เสมอว่า พระเจ้าทรงเป็นแหล่งแห่งความอดกลั้นทรหด และอดทน

“ขอพระเจ้าผู้เป็นแหล่งความทรหดอดทนและการหนุนใจ ทรงช่วยให้ท่านทั้งหลายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันโดยพระเยซูคริสต์” ~โรม 15:5 THSV11

  1. เราควรดำเนินตามแบบอย่างของผู้นำหรือผู้รับใช้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความอดทนอดกลั้น

“แต่ท่านก็ได้ดำเนินตามข้าพเจ้าในด้านคำสอน พฤติกรรม เป้าหมายชีวิต ความเชื่อ ความอดทน ความรัก ความทรหดอดทน”  ~2 ทิโมธี 3:10 THSV11

  1. เราควรแสดงความอดกลั้นอดทนต่อกัน โดยการให้อภัยแก่กันเหมือนที่พระเจ้าให้อภัยเรา

“จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย” ~โคโลสี 3:13 THSV11

  1. เราควรอดกลั้นอดทนให้ยาวนาน จนถึงวันที่พระเยซูคริสต์เสด็จกลับมา

“เพราะฉะนั้น พี่น้องเอ๋ย จงอดทนจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมา ดูซิ ชาวนายังรอคอยพืชผลอันล้ำค่าที่จะได้จากแผ่นดิน อดทนรอคอยจนกว่าฝนต้นฤดูและฝนชุกปลายฤดูจะมา”  ~ยากอบ 5:7 THSV11

“ท่านทั้งหลายก็ต้องอดทนอย่างนั้น จงทำใจให้ดีไว้ เพราะการเสด็จมาขององค์พระผู้เป็นเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว” ~ยากอบ 5:8 THSV11

  1. เราควรละทิ้งสิ่งที่ถ่วงชีวิตเรา และก้าวหรือวิ่งแข่งต่อไปด้วยความทรหดและอดทนจนถึงเส้นชัย

“เพราะฉะนั้น เมื่อเรามีพยานมากมายอยู่รอบข้างอย่างนี้แล้วก็ขอให้เราละทิ้งทุกอย่างที่ถ่วงอยู่ และบาปที่เกาะแน่น ขอให้เรายังคงวิ่งแข่งด้วยความทรหดอดทนในการแข่งขันที่อยู่ข้างหน้าเรา” ~ฮีบรู 12:1 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์สอนเรื่องการรับใช้ของพระเยซูคริสต์ไว้อย่างไรบ้าง  มีอะไรที่เราควรทำตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความอดทน และการมีใจร้อนรนในการรับใช้?”

คำตอบ: “พระคัมภีร์มีสอนเรื่องนี้ไว้ดังนี้

  1. พระเยซูคริสต์เสด็จมาในโลก เพื่อรับใช้

“เพราะว่าบุตรมนุษย์ไม่ได้มาเพื่อรับการปรนนิบัติ แต่มาเพื่อจะปรนนิบัติคนอื่น และให้ชีวิตของท่านเป็นค่าไถ่คนจำนวนมาก” ~มาระโก 10:45 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงถ่อมพระทัยและพระกายลงรับใช้สาวกของพระองค์

“พระเยซูทรงทราบว่าพระบิดาประทานทุกสิ่งไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ และทรงทราบว่าพระองค์มาจากพระเจ้าและจะไปหาพระเจ้า พระองค์ทรงลุกจากการเสวยอาหาร ทรงถอดฉลองพระองค์ออกวางไว้ และทรงเอาผ้าเช็ดตัวคาดเอวของพระองค์ แล้วทรงเทน้ำลงในอ่างและทรงเอาน้ำล้างเท้าของพวกสาวก และทรงเช็ดด้วยผ้าที่ทรงคาดเอวไว้นั้น” ~ยอห์น 13:3-5 THSV11

  1. พระเยซูทรงถ่อมพระทัยรับใช้ ด้วยความเชื่อฟังพระเจ้าพระบิดา อย่างสิ้นเชิง จนยอมแม้แต่สละพระชนม์ของพระองค์

“พระองค์ทรงถ่อมตัวลง ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนกางเขน”  ~ฟีลิปปี 2:8 THSV11

  1. พระเยซูทรงรับใช้ด้วยความอดทนต่อบรรดาสาวกและคนทั้งหลาย

“เมื่อกลับมาที่เหล่าสาวก เห็นมหาชนกำลังล้อมรอบพวกเขา และพวกธรรมาจารย์กำลังถกเถียงกับพวกเขาอยู่ ทันทีที่ฝูงชนทั้งหมดเห็นพระองค์ก็ประหลาดใจอย่างมาก จึงวิ่งเข้ามาต้อนรับพระองค์ พระองค์จึงตรัสถามพวกเขาว่า “พวกท่านถกเถียงกับพวกเขาด้วยเรื่องอะไร?” คนหนึ่งในฝูงชนทูลตอบพระองค์ว่า “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าได้พาลูกชายมาหาท่านเพราะมีผีใบ้เข้าสิง เมื่อไหร่ก็ตามที่ผีเข้าสิงตัวเขา มันจะทำให้เขาล้มชัก น้ำลายฟูมปาก กัดฟัน และตัวแข็งทื่อ ข้าพเจ้ามาขอให้พวกสาวกของท่านขับมันออก แต่พวกเขาไม่สามารถทำได้” พระองค์จึงตรัสกับพวกเขาว่า “โอ นี่เป็นยุคที่ขาดความเชื่อ เราจะต้องอยู่กับพวกท่านนานแค่ไหน? และจะต้องอดทนกับพวกท่านนานเพียงไร? จงพาเด็กคนนั้นมาหาเราเถิด” ~มาระโก 9:14-19 THSV11

  1. พระเยซูทรงรับใช้ด้วยความร้อนรน และร้อนใจ

“เทศกาลปัสกาของพวกยิวใกล้เข้ามาแล้ว พระเยซูเสด็จขึ้นไปยังกรุงเยรูซาเล็ม พระองค์ทอดพระเนตรเห็นคนขายวัว ขายแกะ ขายนกพิราบ และคนรับแลกเงินนั่งอยู่ตามบริเวณพระวิหาร พระองค์ทรงเอาเชือกทำเป็นแส้ไล่คนเหล่านั้นพร้อมกับแกะและวัวออกไปจากบริเวณพระวิหาร และพระองค์ทรงเทเงินและทรงคว่ำโต๊ะของบรรดาคนรับแลกเงิน และพระองค์ตรัสกับพวกคนขายนกพิราบว่า “เอาของพวกนี้ออกไป อย่าทำให้พระนิเวศของพระบิดาเรากลายเป็นตลาด” พวกสาวกของพระองค์ก็ระลึกขึ้นได้ถึงคำที่เขียนไว้ว่า “ความร้อนใจในเรื่องพระนิเวศของพระองค์จะท่วมท้นข้าพระองค์””  ~ยอห์น 2:13-17 THSV11

  1. เราก็ควรรับใช้พระเจ้าด้วยความร้อนรน ถ่อมใจและน้ำตาแม้ต้องเผชิญกับการทดลองต่างๆ

“ข้าพเจ้ารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจและด้วยน้ำตา ต้องทนต่อการทดลองที่มาถึงตัวเองอันเนื่องจากแผนร้ายของพวกยิว” ~กิจการ 20:19 THSV11

  1. เราควรรับใช้ด้วยความเมตตา และมีความอดทนอย่างเหมาะสมอยู่เสมอ

“ส่วนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไม่เป็นคนที่ชอบทะเลาะ แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นอาจารย์ที่เหมาะสมและมีความอดทน” ~2 ทิโมธี 2:24 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-