Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์สอนว่าเราจะเข้มแข็ง และอ่อนโยนเหมือนพระเยซูคริสต์ไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ:   เรื่องความเข้มแข็ง :

  1. เราต้องเข้มแข็งขึ้นในองค์พระเยซูคริสต์

“สุดท้ายนี้ จงเข้มแข็งขึ้นในองค์พระผู้เป็นเจ้า และในอานุภาพอันทรงพลังของพระองค์” ~เอเฟซัส 6:10 THSV11

  1. เราต้องเข้มแข็งขึ้นด้วยพระคุณซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์

“เพราะฉะนั้นบุตรของข้าพเจ้าเอ๋ย จงเข้มแข็งขึ้นด้วยพระคุณซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์” ~2 ทิโมธี 2:1 THSV11

“แต่พระองค์ตรัสกับข้าพเจ้าแล้วว่า “การมีพระคุณของเราก็เพียงพอกับเจ้า เพราะว่าความอ่อนแอมีที่ไหน ฤทธานุภาพของเราก็ปรากฏเต็มที่ที่นั่น” เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจะอวดบรรดาความอ่อนแอของข้าพเจ้ามากขึ้นด้วยความยินดีอย่างยิ่ง เพื่อว่าฤทธานุภาพของพระคริสต์จะอยู่ในข้าพเจ้า เพราะเหตุนี้ เพื่อเห็นแก่พระคริสต์ ข้าพเจ้าจึงพอใจในบรรดาความอ่อนแอ ในการถูกเยาะเย้ยต่างๆ ในความลำบาก ในการถูกข่มเหง ในเหตุวิบัติต่างๆ เพราะว่าข้าพเจ้าอ่อนแอเมื่อใด ข้าพเจ้าก็จะเข้มแข็งมากเมื่อนั้น” ~ 2 โครินธ์ 12:9-10 THSV11

  1. เราต้องเสริมกำลังและหนุนใจกันให้เข้มแข็งขึ้น

“จงเสริมกำลังแก่มือที่อ่อนแรง และทำหัวเข่าที่โอนเอนให้มั่นคง จงกล่าวกับคนที่มีใจหวาดกลัวว่า “จงเข้มแข็ง เถอะ และอย่ากลัวเลย ดูสิ พระเจ้าของท่านทั้งหลาย พระองค์จะเสด็จมาด้วยการแก้แค้น ด้วยการตอบแทนของพระเจ้า พระองค์จะเสด็จมาและจะช่วยท่านให้รอด””      ~อิสยาห์ 35:3-4 THSV11

  1. เราต้องรอคอยพระเจ้าและเข้มแข็งขึ้น

“จงรอคอยพระยาห์เวห์ จงเข้มแข็ง และให้จิตใจของท่านกล้าหาญเถิด เออ จงรอคอยพระยาห์เวห์” ~สดุดี 27:14 THSV11

  1. เราต้องมั่นคงในความเชื่อ กล้าหาญ และเข้มแข็ง

“ท่านทั้งหลายจงระมัดระวัง จงมั่นคงในความเชื่อ จงเป็นคนกล้าหาญจงเข้มแข็ง” ~1 โครินธ์ 16:13 THSV11

  1. เราต้องเข้มแข็งและกล้าหาญขึ้น ตามคำบัญชาของพระเจ้า

“เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่าครั่นคร้ามหรือตกใจเลย เพราะว่าพระยาห์เวห์ พระเจ้าของเจ้าสถิตกับเจ้าทุกแห่งที่เจ้าไป”” ~โยชูวา 1:9 THSV11

เรื่องความสุภาพอ่อนโยน:

  1. เราต้องมีความสุภาพอ่อนโยนอยู่เสมอ โดยเห็นแก่พระคริสต์

“เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าผู้เป็นนักโทษโดยเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอวิงวอนพวกท่านให้ดำเนินชีวิตสมกับการทรงเรียกที่ท่านได้รับการทรงเรียกมานั้น คือจงถ่อมใจและมีความสุภาพอ่อนโยนอยู่เสมอ จงอดทน จงอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” ~เอเฟซัส 4:1-2 THSV11

  1. เราต้องมีความอ่อนโยนและถ่อมตัว เพราะพระเจ้าทรงเรียกเราให้เป็นเช่นนั้น

“ในที่สุดนี้ ท่านทั้งหลายจงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เห็นอกเห็นใจกัน รักกันฉันพี่น้อง มีจิตใจอ่อนโยนและถ่อมตัว อย่าทำชั่วตอบแทนชั่ว หรืออย่าด่าตอบการด่า แต่ตรงกันข้าม จงอวยพร เพราะพระองค์ได้ทรงเรียกให้พวกท่านทำเช่นนั้น เพื่อพวกท่านจะได้รับพระพร” ~1 เปโตร 3:8-9 THSV11

  1. เราต้องเอาแอกของเราแบกไว้ และเรียนรู้ที่จะสุภาพอ่อนโยนจากพระคริสต์

“จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก ด้วยว่าแอกของเราก็พอเหมาะ และภาระของเราก็เบา”” ~มัทธิว 11:29-30 THSV11

  1. เราต้องอยู่กับพี่น้องด้วยความสุภาพอ่อนโยน ในฐานะอัครทูตของพระคริสต์

“เราในฐานะอัครทูตของพระคริสต์จะเรียกร้องสิ่งเหล่านี้ก็ได้ แต่เราอยู่ในหมู่พวกท่านด้วยความสุภาพอ่อนโยน เหมือนมารดาที่เลี้ยงดูลูกของตน” ~1 เธสะโลนิกา 2:7 THSV11

  1. เราต้องเป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์ที่แก้ไขความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้ามด้วยความสุภาพอ่อนโยน

“ส่วนผู้รับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าจะต้องไม่เป็นคนที่ชอบทะเลาะ แต่ต้องมีใจเมตตาต่อทุกคน เป็นอาจารย์ที่เหมาะสมและมีความอดทน แก้ไขความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้ามด้วยความสุภาพอ่อนโยน เพราะพระเจ้าอาจโปรดให้พวกเขากลับใจ และมาถึงความรู้ในความจริง”~2 ทิโมธี 2:24-25 THSV11

  1. เราต้องใฝ่หาความชอบธรรม และความสุภาพอ่อนโยนของพระเจ้า

“แต่ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า จงหลีกหนีจากสิ่งเหล่านี้ และจงใฝ่หาความชอบธรรม ทางพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก ความทรหดอดทน และความสุภาพอ่อนโยน”  ~1 ทิโมธี 6:11 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์สอนเรื่องความฉลาดและความสุภาพอ่อนโยนไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ: “พระคัมภีร์สอนเรื่องความฉลาดไว้ว่า

  1. พระเจ้าแสวงหาคนที่จะฉลาดในการแสวงหาพระองค์

“พระยาห์เวห์ทอดพระเนตรลงมาจากฟ้าสวรรค์ดูมนุษย์ทั้งหลาย ว่าจะมีคนใดบ้างที่ฉลาด ที่แสวงหาพระเจ้า” ~สดุดี 14:2 THSV11

  1. พระเจ้าทรงเรียกให้เราเข้าหาพระวจนะของพระองค์เพื่อรับการสั่งสอนให้ฉลาด

“เพื่อรับการสั่งสอนให้ฉลาด ในเรื่องความชอบธรรม ความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม” ~สุภาษิต 1:3 THSV11

  1. ความฉลาดจะให้ประโยชน์แก่เรา หนึ่งในนั่นคือทำให้เราโกรธช้าลง

“ความฉลาดของมนุษย์ทำให้เขาโกรธช้า และการให้อภัยความผิดก็เป็นศักดิ์ศรีแก่เขา” ~สุภาษิต 19:11 THSV11

  1. ความฉลาดจะทำให้เราได้รับคำชม

“คนจะได้คำชมตามความฉลาดของเขา แต่คนที่ใจตลบตะแลงก็เป็นที่ดูหมิ่น” ~สุภาษิต 12:8 THSV11

  1. ความฉลาดจะทำให้เราได้รับความโปรดปราน

“ความฉลาดทำให้ได้รับความโปรดปราน แต่หนทางของคนทรยศนั้นไม่ราบเรียบ” ~สุภาษิต 13:15 THSV11

  1. ความฉลาดจะทำให้เราเข้าใจพระวจนะ และพระทัยของพระเจ้า

“ผู้ใดฉลาด ก็ให้เข้าใจสิ่งเหล่านี้เถิด ผู้ใดช่างสังเกต ก็ให้เขารู้ เพราะว่าพระมรรคาของพระยาห์เวห์ก็เที่ยงตรง ผู้ชอบธรรมเดินในทางนี้ แต่ผู้ทรยศจะสะดุดในทางนี้” ~โฮเชยา 14:9 THSV11

  1. ความฉลาดที่แท้จริงของเราจะเกิดจากการที่มีพระบัญญัติของพระเจ้าอยู่ในจิตใจ ความคิด และชีวิตของเรา 

“พระบัญญัติของพระองค์ทำให้ข้าพระองค์ฉลาดกว่าศัตรูของข้าพระองค์ เพราะพระบัญญัตินั้นอยู่กับข้าพระองค์เป็นนิตย์” ~สดุดี 119:98 THSV11

  1. ความฉลาดจะทำให้เรารู้จักยับยั้งปากของเรา

“พูดมากคำย่อมทำบาปได้ แต่คนที่ยับยั้งปากของตนก็เป็นคนฉลาด” ~สุภาษิต 10:19 THSV11

  1. เราต้องไม่หลงตัว และหยิ่งทนงว่าเราเป็นคนฉลาด

“จงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน อย่าใฝ่สูง แต่ยอมสมาคมกับคนต่ำต้อย อย่าถือว่าตัวฉลาด” ~โรม 12:16 THSV11

  1. เราควรเป็นคนฉลาดที่นำคนมากมายมาหาพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์

“และบรรดาคนฉลาดจะส่องแสงเหมือนแสงท้องฟ้า และบรรดาผู้ที่ได้นำคนเป็นอันมากมาสู่ความชอบธรรมจะส่องแสงเหมือนอย่างดาวเป็นนิตย์นิรันดร์” ~ดาเนียล 12:3 THSV11

  1. เราต้องไม่เลิกประพฤติตนในการทำดี และในการเป็นคนฉลาด

“ถ้อยคำจากปากของเขาก็ชั่วร้ายและหลอกลวง เขาเลิกประพฤติอย่างฉลาดและเลิกทำความดี” ~สดุดี 36:3 THSV11

  1. พระเจ้าจะทำลายสติปัญญาของคนฉลาดที่จองหอง

“เพราะมีคำเขียนไว้ว่า “เราจะทำลายสติปัญญาของคนมีปัญญา และจะทำให้ความฉลาดของคนฉลาดสูญสิ้นไป”” ~1 โครินธ์ 1:19 THSV11

และพระคัมภีร์สอนเรื่องความสุภาพอ่อนโยนไว้ว่า

  1. พระเยซูคริสต์ทรงสุภาพอ่อนโยน และทรงเชิญให้เรามาเรียนจากพระองค์

“จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก” ~มัทธิว 11:29 THSV11

  1. ความสุภาพอ่อนโยนเป็นพระลักษณะหนึ่งในผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์

“ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย”  ~กาลาเทีย 5:22-23 THSV11

  1. คนที่สุภาพอ่อนโยน จะเป็นสุข

“คนที่สุภาพอ่อนโยน ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก” ~มัทธิว 5:5 THSV11

  1. เราที่เป็นคนของพระเจ้าควรใฝ่หาทางของพระเจ้า และความสุภาพอ่อนโยน

“แต่ท่านผู้เป็นคนของพระเจ้า จงหลีกหนีจากสิ่งเหล่านี้ และจงใฝ่หาความชอบธรรม ทางพระเจ้า ความเชื่อ ความรัก  ความทรหดอดทน และความสุภาพอ่อนโยน” ~1 ทิโมธี 6:11 THSV11

  1. เราควรประดับจิตใจด้วยความสุภาพอ่อนโยนและจิตใจที่สงบ

“แต่จงประดับด้วยบุคลิกที่ซ่อนอยู่ในใจ ด้วยเครื่องประดับซึ่งไม่รู้เสื่อมสลาย คือด้วยจิตใจที่สุภาพอ่อนโยนและจิตใจที่ สงบ ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนักในสายพระเนตรพระเจ้า” ~1 เปโตร 3:4 THSV11

  1. เราควรดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมใจ และความสุภาพอ่อนโยน

“เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าผู้เป็นนักโทษโดยเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอวิงวอนพวกท่านให้ดำเนินชีวิตสมกับการทรงเรียกที่ ท่านได้รับการทรงเรียกมานั้น คือจงถ่อมใจและมีความสุภาพอ่อนโยนอยู่เสมอ จงอดทน จงอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” ~เอเฟซัส 4:1-2 THSV11

  1. เราควรให้ความสุภาพอ่อนโยนของเราประจักษ์แก่คนทั้งปวง

“จงให้ความอ่อนสุภาพของท่านทั้งหลายประจักษ์แก่ทุกคน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ใกล้แล้ว” ~ฟีลิปปี 4:5 THSV11

  1. เราต้องสำแดงความมีปัญญา และความเข้าใจด้วยการประพฤติสิ่งที่ดีงามอย่างสุภาพอ่อนโยน

“มีใครบ้างในท่านทั้งหลายที่มีปัญญาและมีความเข้าใจ? ให้เขาแสดงออกมาด้วยความประพฤติที่ดีงาม คือด้วยการ กระทำที่สุภาพอ่อนโยนพร้อมด้วยปัญญาของเขา” ~ยากอบ 3:13 THSV11

  1. เราควรตอบกับผู้ซักถามหรือโจมตีเราอย่างสุภาพอ่อนโยน

“แต่จงตอบด้วยความสุภาพอ่อนโยนและด้วยความนับถือ จงมีมโนธรรมที่บริสุทธิ์ เพื่อเมื่อพวกท่านถูกใส่ร้าย คนที่ กล่าวร้ายความประพฤติดีของพวกท่านในพระคริสต์จะต้องอับอาย” ~1 เปโตร 3:16 THSV11

  1. เราควรสุภาพอ่อนโยนต่อทุกคน และไม่ทำร้ายผู้ใด ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำ

“อย่าว่าร้ายใคร อย่าทะเลาะวิวาท แต่ให้ผ่อนหนักผ่อนเบาและแสดงความสุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่งต่อทุกคน” ~ทิตัส 3:2 THSV11

สรุป

พระเยซูคริสต์ตรัสว่า เราควรทั้งฉลาดและสุภาพอ่อนโยน ในการปฏิบัติต่อผู้อื่น “นี่แน่ะ เราใช้ท่านทั้งหลายไปดุจแกะอยู่ท่ามกลางพวกหมาป่า เพราะฉะนั้นจงเฉลียวฉลาดเหมือนงู และไม่มีพิษมีภัยเหมือนนกพิราบ” ~มัทธิว 10:16 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้าง เกี่ยวกับการเป็นคนสุภาพอ่อนโยน ที่เป็นสุข?”

ตอบ:    “พระคัมภีร์สอนเราในเรื่องเหล่านี้ว่า:

  1. เราควรดำเนินชีวิตด้วยความสุภาพอ่อนโยน โดยเอาพระเยซูคริสต์ทรงเป็นต้นแบบ

“ข้าพเจ้า เปาโล ขอร้องพวกท่านด้วยตัวเอง โดยเห็นแก่ความสุภาพอ่อนโยนและความกรุณาของพระคริสต์ ข้าพเจ้าผู้เป็นคนถ่อมตัวเมื่ออยู่กับท่านทั้งหลาย แต่เมื่ออยู่ห่างก็เป็นคนห้าวหาญต่อพวกท่าน”      -2 โครินธ์ 10:1 THSV11

  1. เราควรมีความสุภาพอ่อนโยนอันเป็นผลของพระวิญญาณบริสุทธิ์ประดับชีวิตอยู่เสมอ

“ส่วนผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความยินดี สันติสุข ความอดทน ความกรุณา ความดี ความซื่อสัตย์ ความสุภาพอ่อนโยน การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย” ~กาลาเทีย 5:22-23 THSV11

  1. เราควรดำเนินชีวิตให้สมกับที่พระเจ้าทรงเรียก ด้วยความสุภาพอ่อนโยนอยู่เสมอ

“เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าผู้เป็นนักโทษโดยเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอวิงวอนพวกท่านให้ดำเนินชีวิตสมกับการทรงเรียกที่ท่านได้รับการทรงเรียกมานั้น คือจงถ่อมใจและมีความสุภาพอ่อนโยนอยู่เสมอ จงอดทน จงอดกลั้นต่อกันและกันด้วยความรัก” ~เอเฟซัส 4:1-2 THSV11

  1. เราควรรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา และแสดงความสุภาพอ่อนโยนแก่ทุกคน

“อย่าว่าร้ายใคร อย่าทะเลาะวิวาท แต่ให้ผ่อนหนักผ่อนเบาและแสดงความสุภาพอ่อนโยนอย่างยิ่งต่อทุกคน” ~ทิตัส 3:2 THSV11

  1. เราควรแก้ไขปัญหาหรือความขัดแย้งต่างๆ ด้วยความสุภาพอ่อนโยน

“แก้ไขความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้ามด้วยความสุภาพอ่อนโยน เพราะพระเจ้าอาจโปรดให้พวกเขากลับใจ และมาถึงความรู้ในความจริง”     ~2 ทิโมธี 2:25 THSV11

  1. เราควรตอบโต้ต่อการถูกใส่ร้ายด้วยคำตอบที่สุภาพอ่อนโยน

“แต่จงตอบด้วยความสุภาพอ่อนโยนและด้วยความนับถือ จงมีมโนธรรมที่บริสุทธิ์ เพื่อเมื่อพวกท่านถูกใส่ร้าย คนที่กล่าวร้ายความประพฤติดีของพวกท่านในพระคริสต์จะต้องอับอาย” ~1 เปโตร 3:16 THSV11 

  1. เราควรแสดงความมีปัญญาด้วยการประพฤติที่ดีงามและสุภาพอ่อนโยน

“มีใครบ้างในท่านทั้งหลายที่มีปัญญาและมีความเข้าใจ? ให้เขาแสดงออกมาด้วยความประพฤติที่ดีงาม คือด้วยการกระทำที่สุภาพอ่อนโยนพร้อมด้วยปัญญาของเขา” ~ยากอบ 3:13 THSV11

  1. เราควรน้อมใจรับพระวจนะที่ช่วยจิตวิญญาณของเราให้รอด

“เพราะฉะนั้นจงขจัดความโสมมทุกอย่างและความชั่วที่มีอยู่ดาษดื่น และด้วยใจที่สุภาพอ่อนโยนจงน้อมใจรับพระวจนะที่ทรงปลูกฝังไว้แล้วนั้น ซึ่งสามารถช่วยจิตวิญญาณของพวกท่านให้รอดได้” ~ยากอบ 1:21 THSV11

  1. เราควรช่วยคนที่ผิดพลาดให้กลับใจและให้โอกาสเขาเริ่มต้นใหม่ด้วยใจอ่อนสุภาพ

“พี่น้องทั้งหลาย แม้จับใครที่ละเมิดประการใดได้ พวกท่านซึ่งอยู่ฝ่ายพระวิญญาณ จงช่วยคนนั้นด้วยใจสุภาพอ่อนโยนให้เขากลับตั้งตัวใหม่ โดยคิดถึงตัวเอง เกรงว่าท่านจะถูกทดลองด้วย”  ~กาลาเทีย 6:1 THSV11

  1. เราควรเป็นคนอ่อนสุภาพที่มีความสุขจากการได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก

“คนที่สุภาพอ่อนโยน ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก” ~มัทธิว 5:5 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม :  “พระคัมภีร์สอนเราในเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐ และความสัตย์ซื่อในการประกาศไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ: “พระคัมภีร์ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ ไว้ดังนี้

  1. พระเยซูคริสต์ทรงสัตย์ซื่อในการประกาศข่าวประเสริฐที่พระเจ้าพระบิดาทรงมอบหมาย

แต่พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เราต้องไปประกาศข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้าแก่เมืองอื่นๆ ด้วย พระองค์ทรงใช้ เรามาก็เพราะเหตุนี้” ~ลูกา 4:43 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงบัญชาให้บรรดาสาวกไปประกาศข่าวประเสริฐของพระองค์

พระองค์ตรัสสั่งพวกสาวกว่า “พวกท่านจงออกไปทั่วโลก ประกาศข่าวประเสริฐแก่มนุษย์ทุกคน” ~มาระโก 16:15 THSV11

  1. พวกสาวกเชื่อฟังพระคริสต์ จึงออกไปประกาศข่าวประเสริฐ

“พวกสาวกจึงออกไปตามหมู่บ้าน ประกาศข่าวประเสริฐ และรักษาคนป่วยทุกแห่งหนให้หาย” ~ลูกา 9:6 THSV11

  1. เราควรกระตือรือร้นในการขวนขวายในการประกาศข่าวประเสริฐ

“ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงขวนขวายที่จะประกาศข่าวประเสริฐแก่พวกท่านที่อยู่ในกรุงโรมด้วย” ~โรม 1:15 THSV11

  1. เราควรหาโอกาสไปประกาศข่าวประเสริฐตามนิมิตที่พระเจ้าสำแดงในทันที

“เมื่อท่านเห็นนิมิตนั้นแล้ว เราจึงหาโอกาสไปยังแคว้นมาซิโดเนียทันที เพราะแน่ใจว่าพระเจ้าทรงเรียกเราไปประกาศ ข่าวประเสริฐกับชาวแคว้นนั้น” ~กิจการ 16:10 THSV11

  1. เราควรสัตย์ซื่อในการประกาศข่าวประเสริฐที่พระเจ้าพอพระทัยไม่ใช่เพื่อเอาใจมนุษย์

“แต่ว่าพระเจ้าทรงเห็นชอบที่จะมอบข่าวประเสริฐไว้กับเรา เราจึงประกาศไป ไม่ใช่เพื่อให้เป็นที่พอใจของมนุษย์ แต่ให้ เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า ผู้ทรงชันสูตรใจเรา” -1 เธสะโลนิกา 2:4 THSV11

  1. เราควรหนักแน่น และอดทนในการประกาศข่าวประเสริฐ

“แต่ท่านจงหนักแน่นมั่นคงทุกเรื่อง จงอดทนต่อความทุกข์ยาก จงทำหน้าที่ของผู้ประกาศข่าวประเสริฐ และจงทำพันธกิจของ ท่านให้ครบบริบูรณ์” ~2 ทิโมธี 4:5 THSV11

  1. เราควรพร้อมทำงานเหนื่อยและเผชิญความยากลำบากในการประกาศข่าวประเสริฐ

“พี่น้องทั้งหลาย ท่านคงจำได้ถึงการทำงานอันเหน็ดเหนื่อย และความยากลำบากของเรา เมื่อประกาศข่าวประเสริฐ ของพระเจ้าให้ท่านฟัง เราทำงานทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อจะไม่เป็นภาระแก่ใครในพวกท่าน”  ~1 เธสะโลนิกา 2:9 THSV11

  1. เราควรยอมรับการเลี้ยงดู ไม่ใช่ หาประโยชน์จากการประกาศข่าวประเสริฐ

“ทำนองเดียวกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสั่งไว้ว่า คนที่ประกาศข่าวประเสริฐควรได้รับการเลี้ยงชีพด้วยข่าวประเสริฐ” ~1 โครินธ์ 9:14 THSV11

  1. เราควรประกาศข่าวประเสริฐโดยไม่เรียกร้องค่าจ้าง แต่เชื่อวางใจในการเลี้ยงดูของพระเจ้า

“แล้วบำเหน็จของข้าพเจ้าคืออะไร? ก็คือว่าในการประกาศข่าวประเสริฐนั้น ข้าพเจ้าประกาศโดยไม่คิดค่าจ้าง เพื่อจะไม่ต้องใช้สิทธิ์ในข่าวประเสริฐเต็มที่” ~1 โครินธ์ 9:18 THSV11

  1. เราควรตั้งมั่นคงในข่าวประเสริฐ และถวายเกียรติแด่พระเจ้า

“จงถวายพระเกียรติแด่พระองค์ผู้ทรงสามารถให้ท่านทั้งหลายตั้งมั่นคงตามข่าวประเสริฐซึ่งข้าพเจ้าได้ประกาศนั้น คือ เรื่องเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ ตามการเปิดเผยข้อล้ำลึก ซึ่งได้ปิดบังไว้ตั้งแต่โบราณกาล” ~โรม 16:25 THSV11

  1. เราควรประกาศข่าวประเสริฐไปทั่วโลก จนถึงสุดปลายแผ่นดินโลก

“ข่าวประเสริฐเรื่องแผ่นดินของพระเจ้านี้จะถูกประกาศไปทั่วโลก ให้เป็นคำพยานแก่บรรดาประชาชาติ แล้วที่สุดปลายจะมาถึง” ~มัทธิว 24:14 THSV11

  1. เราควรตั้งเป้าที่จะประกาศข่าวประเสริฐเสมอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในที่ๆไม่เคยมีใครได้ยิน

“อันที่จริงข้าพเจ้าได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะประกาศข่าวประเสริฐในที่ซึ่งไม่เคยมีใครออกพระนามพระคริสต์มาก่อน เพื่อข้าพเจ้าจะได้ไม่ก่อขึ้นบนรากฐานที่คนอื่นได้วางไว้ก่อนแล้ว” ~โรม 15:20 THSV11

  1. เราควรเชื่อมั่นว่า ข่าวประเสริฐที่เราประกาศคือ พระวจนะที่ยั่งยืนเป็นนิตย์ของพระเจ้า

“แต่พระวจนะขององค์พระผู้เป็นเจ้า ยั่งยืนอยู่เป็นนิตย์” พระวจนะนี้คือข่าวประเสริฐที่ได้ประกาศให้พวกท่านทราบ แล้ว” ~1 เปโตร 1:25 THSV11

  1. เราควรระวังไม่ประกาศข่าวประเสริฐที่ขัดกับที่สอนอยู่ในพระคัมภีร์

“แม้แต่เราเองหรือทูตจากฟ้าสวรรค์ ถ้าประกาศข่าวประเสริฐอื่นแก่พวกท่าน ซึ่งขัดกับข่าวประเสริฐที่เราได้ประกาศแก่พวกท่านไปแล้วนั้น ก็จะต้องถูกแช่งสาป” ~กาลาเทีย 1:8 THSV11

  1. เราควรดำรงอยู่ในความเชื่ออย่างแน่วแน่ และไม่โยกย้ายไปจากความหวังในข่าวประเสริฐ

“แต่ท่านทั้งหลายต้องดำรงอยู่ในความเชื่ออย่างแน่วแน่ มั่นคงและไม่โยกย้ายไปจากความหวังในข่าวประเสริฐที่ท่านได้ยิน ซึ่งได้ประกาศแก่มนุษย์ทุกคนทั่วใต้ฟ้า และข้าพเจ้าเปาโลเป็นผู้ปรนนิบัติของข่าวประเสริฐนี้” ~โคโลสี 1:23 THSV11

-ธงชัย  ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยวกับการดำเนินชีวิตในความจริง หรือในความสัตย์จริง?”

คำตอบ “ พระคัมภีร์สอนเรื่องราวการดำเนินชีวิตในความจริงและในความสัตย์จริง อย่างสัตย์ซื่อไว้ดังนี้

  1. เราต้องดำเนินชีวิตแบบจริงก็ว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่

“จริงก็จงว่าจริง ไม่ก็ว่าไม่ คำพูดที่เกินกว่านี้มาจากความชั่ว”   -มัทธิว 5:37 THSV11

“เพราะปากของข้าพเจ้าจะพูดความจริง ความชั่วเป็นสิ่งน่าเกลียดน่าชังต่อริมฝีปากของข้าพเจ้า”  -สุภาษิต 8:7 THSV11

“คนที่พูดความจริงก็ให้การอย่างซื่อสัตย์ แต่พยานเท็จกล่าวคำหลอกลวง” -สุภาษิต 12:17 THSV11

“ปากที่พูดจริงทนอยู่ได้เป็นนิตย์ แต่ลิ้นที่พูด  มุสาอยู่ได้เพียงประเดี๋ยวเดียว” -สุภาษิต 12:19 THSV11

  1. เราต้องใคร่ครวญแต่สิ่งที่เป็นความจริง

“สุดท้ายนี้พี่น้องทั้งหลาย ขอจงใคร่ครวญดูสิ่งเหล่านี้คือ สิ่งที่เป็นจริง สิ่งที่น่านับถือ สิ่งที่ยุติธรรม สิ่งที่บริสุทธิ์ สิ่งที่น่ารัก สิ่งที่ควรแก่การสรรเสริญ รวมทั้งถ้ามีสิ่งใดที่ยอดเยี่ยม สิ่งใดที่น่ายกย่อง”  -ฟีลิปปี 4:8 THSV11

  1. เราต้องใคร่ครวญพระวจนะของพระเจ้าที่เป็นความจริง

“พระดำรัสทุกคำของพระเจ้าพิสูจน์แล้วว่าจริง พระองค์ทรงเป็นโล่แก่ผู้ลี้ภัยในพระองค์” -สุภาษิต 30:5 THSV11

  1. เราต้องประกาศให้คนรู้จักความจริงที่นำความรอดมาให้

“พระองค์ทรงประสงค์ให้ทุกคนได้รับความรอดและรู้ความจริง” -1 ทิโมธี 2:4 THSV11

  1. เราต้องดำเนินชีวิตด้วยความบริสุทธิ์ โดยเชื่อฟังความจริงและมีใจรักอย่างจริงใจ

“เมื่อพวกท่านได้ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์แล้วด้วยการเชื่อฟังความจริง จนมีใจรักพี่น้องอย่างจริงใจ พวกท่านจงรักกันให้มากด้วยน้ำใสใจจริง” -1 เปโตร 1:22 THSV11

  1. เราต้องถวายตัวเป็นคนงานที่สอนพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง

“จงอุตส่าห์ถวายตัวท่านเองที่พระเจ้าทรงรับรองแล้วแด่พระองค์ เป็นคนงานที่ไม่อับอาย สอนพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง” -2 ทิโมธี 2:15 THSV11

  1. เราต้องยึดมั่นในพระวจนะอันสัตย์จริงและหนุนใจและชี้แจงผู้อื่นด้วยคำสอนที่ถูกต้อง

“และยึดมั่นในพระวจนะอันสัตย์จริงตามคำสอน เพื่อจะสามารถหนุนใจด้วยคำสอนที่ถูกต้องและชี้แจงต่อพวกคนที่คัดค้าน” -ทิตัส 1:9 THSV11

  1. เราต้องรักกันด้วยคำพูดและการกระทำด้วยความจริง

“ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง” -1 ยอห์น 3:18 THSV11

  1. เราต้องรักกันด้วยรักที่มาจากใจจริง

“ขอให้ความรักมาจากใจจริง จงเกลียดชังสิ่งที่ชั่ว จงยึดมั่นในสิ่งที่ดี” -โรม 12:9 THSV11

  1. เราต้องไม่แสดงท่าทีหรือการกระทำที่มากเกินความจริง

“บาดแผลที่มิตรทำก็ด้วยเจตนาดี แต่การจูบของศัตรูนั้นมากเกินความจริง” -สุภาษิต 27:6 THSV11

  1. เราต้องชื่นชมยินดีในความจริง ไม่ชื่นชมยินดีในความอธรรม

“ไม่ชื่นชมยินดีในความอธรรม แต่ชื่นชมยินดีในความจริง” -1 โครินธ์ 13:6 THSV11

  1. เราต้องยึดความจริงด้วยความรัก

“แต่ให้เรายึดถือความจริงด้วยความรัก เพื่อจะเจริญขึ้นในทุกด้านสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์” -เอเฟซัส 4:15 THSV11

  1. เราควรยินดีที่ผู้เชื่อหรือพี่น้องของเราประพฤติตามความจริง

“ไม่มีอะไรทำให้ข้าพเจ้ายินดียิ่งไปกว่านี้ คือที่ได้ยินว่าลูกๆ ของข้าพเจ้าประพฤติตามความจริง” -3 ยอห์น 1:4 THSV11

  1. เราควรมั่นใจเสมอว่าพระเจ้าจะอยู่ใกล้เราเสมอทุกครั้งที่เราร้องทูลพระองค์ด้วยใจจริง

“พระยาห์เวห์สถิตใกล้ทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ คือทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ด้วยใจจริง” -สดุดี 145:18 THSV11

                                                                                                                -ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์กล่าวถึงบทบาทของสตรีไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ:”พระคัมภีร์พูดถึงเรื่องของสตรีไว้ดังนี้

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องแสดงความยำเกรงพระเจ้าให้เห็น

“เสน่ห์เป็นของหลอกลวง และความงามก็ไม่จีรัง แต่สตรีที่ยำเกรงพระยาห์เวห์ สมควรได้รับคำสรรเสริญ” ~สุภาษิต 31:30 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องประพฤติตัวให้น่านับถือ

“ส่วนบรรดาผู้หญิงสูงอายุก็เหมือนกัน สอนพวกนางให้ประพฤติด้วยความน่านับถือ ไม่ใส่ร้าย ไม่ติดเหล้า แต่เป็นผู้สอนสิ่งที่ดีงาม” ~ทิตัส 2:3ก THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องเป็นผู้สอนสิ่งดีงาม

“แต่เป็นผู้สอนสิ่งที่ดีงามเพื่ออบรมหญิงสาวให้รักสามีและบุตรของพวกตน” ~ทิตัส 2:3ข.-4 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องมีสติสัมปชัญญะ บริสุทธิ์ ดูแลบ้านเรือนได้ดี

“มีสติสัมปชัญญะ เป็นคนบริสุทธิ์ ดูแลบ้านเรือนอย่างดี มีความเมตตา”   ~ทิตัส 2:5 ก.THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องยอมเชื่อฟังสามี

“และเชื่อฟังสามีของตน เพื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าจะไม่ถูกดูหมิ่น” -ทิตัส 2:5 ข.THSV11

“เพราะว่าบรรดาสตรีผู้บริสุทธิ์ในสมัยก่อนนั้น ผู้ซึ่งหวังในพระเจ้า ก็ได้ประดับกายโดยยอมเชื่อฟังสามีของตน”  -1 เปโตร 3:5 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องไม่สนใจแต่การประดับกายภายนอก

“อย่าประดับตัวแต่ภายนอก ด้วยการถักผม การสวมใส่เครื่องทอง หรือการนุ่งห่มเสื้อผ้า” ~1 เปโตร 3:3 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องประดับกายด้วยเครื่องประดับซึ่งไม่รู้เสื่อมสลาย

“แต่จงประดับด้วยบุคลิกที่ซ่อนอยู่ในใจ ด้วยเครื่องประดับซึ่งไม่รู้เสื่อมสลาย คือด้วยจิตใจที่สุภาพอ่อนโยนและจิตใจที่สงบ ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่ายิ่งนักในสายพระเนตรพระเจ้า”   -1 เปโตร 3:4 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องนำสิ่งดีๆมาให้สามี และไว้ใจเธอได้ตลอดชีวิต

“สามีของเธอก็ไว้ใจเธอ และเขาจะไม่ขาดประโยชน์ใดๆ เธอนำสิ่งดีมาให้เขา ไม่นำสิ่งร้าย ตลอดวันคืนแห่งชีวิตของเธอ”  ~สุภาษิต 31:11-12 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องทำงานตามบทบาทของเธอด้วยความเต็มใจ

“เธอแสวงหาขนแกะและป่าน และทำงานด้วยมืออย่างเต็มใจ”  ~สุภาษิต 31:13 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องรับผิดชอบจัดอาหารให้คนในครอบครัว

“เธอเป็นเหมือนเรือของพ่อค้า เธอนำอาหารของเธอมาจากที่ไกล เธอลุกขึ้นตั้งแต่ยังมืดอยู่ และจัดอาหารให้ครอบครัวของเธอ และจัดงานให้แก่สาวใช้ของเธอ” ~สุภาษิต 31:14-15 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องมีวิจารณญาณและความสามารถในการเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว

“เธอพิเคราะห์ดูไร่นาแล้วซื้อไว้ ด้วยรายได้ของเธอ เธอปลูกสวนองุ่น เธอคาดเอวของเธอด้วยกำลัง และทำให้แขนของเธอแข็งแรง เธอรู้ว่าสินค้าของเธอจะได้กำไร กลางคืนตะเกียงของเธอก็ไม่ดับ” -สุภาษิต 31:16-18 THSV11

“เธอทำเครื่องนุ่งห่มด้วยผ้าลินินไว้ขาย เธอส่งผ้าคาดเอวให้แก่พ่อค้า” -สุภาษิต 31:24 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องมีใจเมตตาชวยเหลือคนขัดสน

“เธอยื่นมือออกจับไน และมือของเธอจับเครื่องปั่นฝ้าย เธอหยิบยื่นให้คนยากจน เธอยื่นมือออกช่วยคนขัดสน” ~สุภาษิต 31:19-20 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องดูแลสวัสดิภาพสำหรับคนในครอบครัว

“เธอไม่กลัวหิมะมาทำให้ครอบครัวของเธอหนาว เพราะทุกคนในครอบครัวสวมเสื้อสองชั้น” ~สุภาษิต 31:21 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องดูแลเอาใจใส่สวัสดิภาพของตัวเองได้ดี

“เธอทำผ้าปูเตียงสำหรับเธอ เสื้อผ้าของเธอทำด้วยผ้าลินินเนื้อละเอียดและผ้าสีม่วง” ~สุภาษิต 31:22 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องส่งเสริมสามีให้มีชื่อเสียงดีต่อชุมชน

“สามีของเธอเป็นที่รู้จักที่ประตูเมือง เมื่อเขานั่งอยู่ในหมู่พวกผู้ใหญ่ของแผ่นดิน” -สุภาษิต 31:23 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องเข้มแข็งและมีสติปัญญาในการรับมือกับทุกสถานการณ์

“กำลังและความสง่าผ่าเผยเป็นอาภรณ์ของเธอ เธอหัวเราะให้แก่เหตุการณ์ที่จะมาถึง เธออ้าปากกล่าวด้วยปัญญา และคำสอนเจือความเอ็นดูอยู่ที่ลิ้นของเธอ” ~สุภาษิต 31:25-26 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องเป็นความภาคภูมิใจของสามีและลูกๆ

“ลูกๆ ของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ สามีของเธอก็สรรเสริญเธอว่า  “สตรีมากมายทำได้ดีเลิศ แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด””  ~สุภาษิต 31:28-29 THSV11

  1. สตรีที่เชื่อพระเจ้าต้องมีผลงานที่เป็นที่น่ายกย่องสรรเสริญ

“จงให้เธอรับผลแห่งน้ำมือของเธอ และให้การงานของเธอสรรเสริญเธอที่ประตูเมือง” ~สุภาษิต 31:31 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม   “พระคัมภีร์ กล่าวถึงการเป็นผู้ดูแลที่สัตย์ซื่อไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ: “พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ดังนี้

  1. พระเจ้าทรงเป็นแบบอย่างของผู้ดูแลที่ซื่อสัตย์

“เราคือยาห์เวห์ เป็นผู้ดูแลสวนนั้น เรารดน้ำทุกเวลา เกรงว่าผู้หนึ่งผู้ใดจะทำอันตรายสวนนั้น เราจึงดูแลสวนนั้นทั้งกลางคืนกลางวัน” ~อิสยาห์ 27:3 THSV11

  1. พระเจ้าทรงประสงค์ให้เราทุกคนกลับมาสู่การดูแลของพระองค์

“เพราะว่าพวกท่านได้หลงเจิ่นไปเหมือนแกะ แต่เดี๋ยวนี้ได้กลับมาหาพระผู้เลี้ยงและผู้ดูแลวิญญาณจิตของพวกท่านแล้ว” ~1 เปโตร 2:25 THSV11

  1. พระเจ้าจะทรงดูแลย่างเท้าของธรรมิกชนของพระองค์

“พระองค์จะทรงดูแลย่างเท้าของธรรมิกชนของพระองค์ แต่คนอธรรมจะต้องถูกทำลายในความมืด เพราะว่ามนุษย์จะชนะด้วยกำลังของเขาก็หาไม่” ~1 ซามูเอล 2:9 THSV11

  1. พระเจ้าทรงมอบหมายเราแต่ละคนให้มีหน้าที่ดูแลบางสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเป็นงานภารกิจ

“พระยาห์เวห์พระเจ้าจึงทรงให้มนุษย์นั้นอาศัยอยู่ในสวนเอเดน ให้ทำและดูแลสวน”  ~ปฐมกาล 2:15 THSV11

“พระยาห์เวห์ตรัสถามคาอินว่า “อาเบลน้องชายของเจ้าอยู่ที่ไหน?” คาอินจึงทูลว่า “ข้าพระองค์ไม่ทราบ ข้าพระองค์เป็นผู้ดูแลน้องหรือ?” ~ ปฐมกาล 4:9 THSV11

  1. คนที่มีความคิดดี มีปัญญา จะได้รับการแต่งตั้งให้ดูแลบ้านเมืองและองค์กร

“เพราะฉะนั้นขอฟาโรห์ทรงเลือกคนที่มีความคิดดี มีปัญญา ตั้งให้ดูแลแผ่นดินอียิปต์ ฟาโรห์จึงตรัสกับโยเซฟว่า “เพราะพระเจ้าได้ทรงสำแดงเรื่องทั้งสิ้นนี้แก่เจ้า จึงไม่มีใครที่มีความเข้าใจและมีปัญญาเหมือนเจ้า เจ้าจะเป็นผู้ดูแลราชสำนักของเรา และให้ประชาชนทั้งหมดของเราทำตามคำของเจ้า เว้นแต่พระที่นั่งเท่านั้นที่เราจะเป็นใหญ่กว่าเจ้า” ฟาโรห์ตรัสกับโยเซฟอีกว่า “เราให้ท่านอยู่เหนือแผ่นดินอียิปต์ทั้งหมด””  ~ปฐมกาล 41:33, 39-41 THSV11

  1. คนที่ดูแลคนภายใต้การดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในครอบครัวได้ดี จะได้รับคำชมเชย

“เธอดูแลความเป็นอยู่ในครอบครัวอย่างดี และไม่เคยเกียจคร้าน ลูกๆ ของเธอตื่นขึ้นมาก็ชมเชยเธอ สามีของเธอก็สรรเสริญเธอว่า “สตรีมากมายทำได้ดีเลิศ แต่เธอเลิศยิ่งกว่าเขาทั้งหมด”” ~สุภาษิต 31:27-29 THSV11

“เพื่ออบรมหญิงสาวให้รักสามีและบุตรของพวกตน มีสติสัมปชัญญะ เป็นคนบริสุทธิ์ ดูแลบ้านเรือนอย่างดี มีความเมตตาและเชื่อฟังสามีของตน เพื่อว่าพระวจนะของพระเจ้าจะไม่ถูกดูหมิ่น” ~ทิตัส 2:4-5 THSV11

  1. คนที่ดูแลเจ้านายและงานของตนอย่างดี จะได้รับเกียรติ

“คนที่ดูแลต้นมะเดื่อจะได้กินผลของมัน และคนที่คุ้มกันนายของตนจะได้รับเกียรติ” ~สุภาษิต 27:18 THSV11

  1. คนที่ซื่อสัตย์และฉลาด จะเป็นสุขเมื่อนายพอใจ และจะได้รับการมอบหมายให้ดูแลมากขึ้น

“ใครเป็นบ่าวที่ซื่อสัตย์และฉลาด ที่นายตั้งไว้เหนือบ่าวอื่นๆ เพื่อแจกอาหารตามเวลา เมื่อนายมาพบเขาทำอย่างนั้น บ่าวคนนั้นก็เป็นสุข เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า นายจะตั้งเขาไว้ให้ดูแลทรัพย์สิ่งของทั้งหมดของท่าน” ~มัทธิว 24:45-47 THSV11

  1. คนที่ไม่ดูแลงาน และคนในการดูแลให้ดีแต่กลับทำร้ายผู้อื่น คนนั้นจะต้องได้รับโทษ

“แต่ถ้าบ่าวชั่วนั้นคิดในใจของเขาว่า ‘นายของข้ามาช้า’ และเริ่มต้นโบยตีเพื่อนบ่าวและกินดื่มอยู่กับพวกขี้เมา นายของบ่าวคนนั้น จะมาในวันที่เขาไม่คิด ในชั่วโมงที่ไม่รู้ และจะลงโทษเขาอย่างหนัก และจะขับไล่ให้ไปอยู่ในที่ของพวกคนหน้าซื่อใจคด ซึ่งที่นั่นจะมีแต่การร้องไห้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน” ~มัทธิว 24:48-51 THSV11

  1. พระเจ้าทรงต้องการคนปกครองดูแลคริสตจักรที่มีความสามารถและไม่มีที่ติ

“คำกล่าวนี้สัตย์จริง คือว่าถ้าใครปรารถนาหน้าที่ผู้ปกครองดูแลคริสตจักร คนนั้นก็ปรารถนากิจการงานที่ประเสริฐ ผู้ปกครองดูแลนั้นจะต้องเป็นคนที่ไม่มีที่ติ เป็นสามีของหญิงคนเดียว รู้จักประมาณตน มีสติสัมปชัญญะ เป็นคนน่านับถือ มีอัธยาศัยต้อนรับแขก เหมาะที่จะเป็นอาจารย์ ไม่ดื่มสุรามึนเมา ไม่ชอบความรุนแรง แต่ผ่อนหนักผ่อนเบา ไม่ชอบการวิวาท ไม่เป็นคนเห็นแก่เงิน ปกครองครอบครัวของตนได้ดี อบรมบุตร ธิดา ให้มีความนอบน้อมด้วยความเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง (เพราะถ้าชายคนไหนไม่รู้จักปกครองครอบครัวของตน คนนั้นจะดูแลคริสตจักรของพระเจ้าได้อย่างไร?) เขาจะต้องไม่ใช่คนที่เพิ่งกลับใจใหม่ เกรงว่าเขาจะยโส และถูกลงโทษเช่นเดียวกับมาร นอกจากนั้นเขาจะต้องมีชื่อเสียงดีในหมู่คนภายนอก เพื่อเขาจะไม่ถูกติเตียนและไม่ติดกับดักของมาร” ~1 ทิโมธี 3:1-7 THSV11

  1. เราควรเป็นคนที่ได้รับมอบหมายดูแลอะไรแล้ว ก็ทำได้ดี เป็นพรแก่นาย และทุกคน

“โยเซฟเป็นที่โปรดปรานของนาย และท่านรับใช้นาย นายก็ตั้งให้เป็นผู้ดูแลบ้าน และมอบทุกสิ่งที่เขามีไว้ในมือของท่าน ตั้งแต่โปทิฟาร์ตั้งโยเซฟให้เป็นผู้ดูแลบ้านและทุกสิ่งที่เขามีแล้ว พระยาห์เวห์ก็ทรงอวยพรแก่ครอบครัวของคนอียิปต์นั้นเพราะเห็นแก่โยเซฟ และพระพรของพระยาห์เวห์มาเหนือทุกสิ่งซึ่งเขามี ทั้งในบ้านและในนา เขามอบของทุกอย่างของเขาไว้ในความดูแลของโยเซฟ เมื่อมีท่านแล้ว เขาก็ไม่ได้เอาใจใส่สิ่งใดเลย เว้นแต่อาหารที่เขารับประทาน…” ~ปฐมกาล 39:4-6 THSV11

  1. เราต้องสัตย์ซื่อในการเป็นผู้ดูแลหรือผู้รับมอบฉันทะจากพระเจ้าในเรื่องข่าวประเสริฐ และอื่นๆ

“ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนเช่นนี้คือเป็นเหมือนคนรับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้รับมอบฉันทะให้ดูแลสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า” ~1 โครินธ์ 4:1 THSV11

  1. เราต้องระมัดระวังตัวเอง คริสตจักร และคนในการดูแลที่พระเจ้ามอบหมายให้เป็นอย่างดี

“จงเฝ้าระวังทั้งตัวพวกท่านเองและฝูงแกะซึ่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงตั้งพวกท่านไว้ให้เป็นผู้ดูแล และให้เลี้ยงดูคริสตจักรของพระเจ้า ที่พระองค์ทรงได้มาด้วยพระโลหิตของพระบุตรของพระองค์” ~กิจการ 20:28 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-