Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม  “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้าง เกี่ยวกับเรื่องของ’ใจ’?”

ตอบ    “พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องของใจไว้มากมาย อาทิ

  1. เราต้องระแวดระวังใจของเราไว้ตลอดเวลา

“จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ” ~สุภาษิต 4:23 THSV11

  1. เราต้องเตือนตัวเองอยู่ไม่ให้เป็นคนใจคดอยู่เสมอ

“คนใจคดจะไม่เจริญรุ่งเรือง และผู้ที่มีลิ้นตลบตะแลงย่อมตกอยู่ในความยากลำบาก” ~สุภาษิต 17:20 THSV11

  1. เราต้องระวังอย่าให้ใจของเราโกรธเร็ว

“อย่าให้จิตใจของเจ้าโกรธเร็ว เพราะความโกรธฝังอยู่ในทรวงอกของคนเขลา” ~ปัญญาจารย์ 7:9 THSV11

  1. เราตรึกตรองในใจเวลาถูกยั่วยุ เพื่อจะไม่พลาดทำบาป

“แม้ถูกยั่วยุ ก็อย่าทำบาป จงตรึกตรองในใจเวลาอยู่บนที่นอนและสงบอยู่” ~สดุดี 4:4 THSV11

  1. เราต้องไม่ปล่อยให้ใจของเราผยองขึ้น จนหลงตัวและลืมพระเจ้า

“แล้วใจของท่านจะผยองขึ้น และลืมพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านผู้ทรงนำท่านออกจากแผ่นดินอียิปต์ คือออกจากแดนทาส” “จงระวังให้ดีเกรงว่าท่านจะนึกในใจว่า   ‘กำลังและเรี่ยวแรงของข้านำทรัพย์มีค่านี้มาให้ข้า’” ~เฉลยธรรมบัญญัติ 8:14,17 THSV11

  1. เราต้องไม่เป็นคนที่ปากให้เกียรติพระเจ้า แต่ใจห่างไกลพระองค์

“‘ชนชาตินี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของพวกเขาห่างไกลจากเรา” -มัทธิว 15:8 THSV11

  1. เราต้องมีใจไขว่คว้าหาความถูกต้อง โดยไม่ปล่อยให้ใจเอียงสู่ความชั่วร้าย

“ใจ​ของคน​มี​สติปัญญา​เอนเอียง​ไป​ใน​ทาง​ที่ถูก ใจ​ของ​คนโง่​เอนเอียง​ไป​ใน​ทาง​ที่​ผิด” ~ปัญญาจารย์ 10:2 THA-ERV

  1. เราต้องมีใจของคนที่มีความเข้าใจ ที่ได้ความรู้อยู่ตลอดเวลา

“ใจของคนที่มีความเข้าใจย่อมได้ความรู้ และหูของคนมีปัญญาแสวงหาความรู้” -สุภาษิต 18:15 THSV11

  1. เราต้องมีใจของคนมีปัญญา ที่จะทำให้การพูดจาของเราสุขุมและมีอำนาจ

“ใจของคนมีปัญญาทำให้วาจาของเขาสุขุม และเพิ่มอำนาจการสั่งสอนแก่ปากของเขา” ~สุภาษิต 16:23 THSV11

  1. เราต้องไม่มีใจชั่ว ที่ไม่เชื่อฟังและพาเราหลงไปจากพระเจ้า

“นี่แน่ะ พี่น้องทั้งหลาย จงระวังให้ดี เพื่อจะไม่มีคนหนึ่งคนใดในพวกท่านมีใจชั่วและไม่เชื่อ คือใจที่พาท่านหลงไปจากพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์” ~ฮีบรู 3:12 THSV11

  1. เราต้องไม่มีความกังวลในใจ มากเกินไป จนมองข้ามการปลอบโยนที่มาจากพระเจ้า

“เมื่อความกังวลมีมากในใจข้าพระองค์   การปลอบโยนของพระองค์ก็ทำให้จิตใจข้าพระองค์ปีติยินดี” ~สดุดี 94:19 THSV11

  1. เราต้องร้องทูลตอบพระเจ้าด้วยความจริงใจอยู่เสมอ

“พระยาห์เวห์สถิตใกล้ทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ คือทุกคนที่ร้องทูลพระองค์ด้วยใจจริง” ~สดุดี 145:18 THSV11

  1. เราต้องมีใจ ที่เชื่อและวางใจในความรักของพระเจ้าและยินดีในการช่วยเหลือของพระองค์

“แต่ข้าพระองค์ได้วางใจในความรักมั่นคงของพระองค์  ใจของข้าพระองค์จะเปรมปรีดิ์ในการช่วยกู้ของพระองค์” ~สดุดี 13:5 THSV11

“เพราะใจของเราทั้งหลายยินดีในพระองค์ เพราะเราวางใจในพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์” ~สดุดี 33:21 THSV11

  1. เราต้องเป็นสุข เพราะรับการชำระใจให้บริสุทธิ์ด้วยการเชื่อฟังความจริงของพระเจ้า

“เมื่อพวกท่านได้ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์แล้วด้วยการเชื่อฟังความจริง จนมีใจรักพี่น้องอย่างจริงใจ พวกท่านจงรักกันให้มากด้วยน้ำใสใจจริง”   ~1 เปโตร 1:22 THSV11

“คนที่มีใจบริสุทธิ์ ก็เป็นสุข เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้เห็นพระเจ้า” ~มัทธิว 5:8 THSV11

  1. เราต้องเป็นคนที่ถ่อมใจทั้งต่อพระพักตร์ของพระเจ้าและต่อหน้ามนุษย์

“แต่คนที่ถ่อมใจจะได้แผ่นดินเป็นมรดก และจะปีติยินดีในความสมบูรณ์พูนสุข” ~สดุดี 37:11 THSV11

  1. เราต้องเป็นคนมีใจเมตตากรุณาเหมือนอย่างพระเจ้า

“พวกท่านจงมีใจเมตตากรุณาเหมือนอย่างพระบิดาของท่านมีพระทัยเมตตากรุณา” ~ลูกา 6:36 THSV11

  1. เราต้องมีใจกล้าหาญ เข้มแข็ง และพึ่งพระเจ้าในทุกกรณี

“จงเข้มแข็ง และให้ใจของพวกท่านกล้าหาญเถิด ท่านทุกคนผู้รอคอยพระยาห์เวห์” ~สดุดี 31:24 THSV11

  1. เราต้องเก็บรักษา และเพิ่มพูนพระวจนะของพระเจ้าไว้ในใจอยู่เสมอ

“ข้าพระองค์ได้เก็บรักษาพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อพระองค์” ~สดุดี 119:11 THSV11

  1. เราต้องปราศรัยกันด้วยบทเพลงที่ออกมาจากใจถวายพระเจ้า

“จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงฝ่ายจิตวิญญาณ คือร้องเพลงและสดุดีจากใจของพวกท่านถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า” ~เอเฟซัส 5:19 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม  “พระคัมภีร์กล่าวถึงการเสียสละของพระเยซูคริสต์ไว้อย่างไรบ้าง?”

คำตอบ:  “พระคัมภีร์ กล่าวถึงการเสียสละของพระเยซูคริสต์ไว้ดังนี้

  1. พระเยซูคริสต์ตรัสว่า การเสียสละที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ การสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของเรา

“ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน” ~ยอห์น 15:13 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ตรัสว่า พระองค์เป็นผู้เลี้ยงที่ดี ที่พร้อมสละชีวิตเพื่อเราซึ่งเป็นฝูงแกะของพระองค์

“เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ”            ~ยอห์น 10:11 THSV11

“เหมือนอย่างที่พระบิดาทรงรู้จักเราและเรารู้จักพระบิดา และเราสละชีวิตเพื่อฝูงแกะ” ~ยอห์น 10:15 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงเป็นเพียงผู้เดียวที่เสียสละชีวิตแล้ว มีสิทธิอำนาจที่จะรับชีวิตนั้นกลับคืนมา

“เพราะเหตุนี้พระบิดาจึงทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเราเพื่อจะรับชีวิตนั้นคืนมาอีก” -ยอห์น 10:17 THSV11

“ไม่มีใครชิงชีวิตไปจากเราได้ แต่เราสละชีวิตตามที่เราตั้งใจเอง  เรามีสิทธิอำนาจที่จะสละชีวิตนั้นและมีสิทธิอำนาจที่จะรับคืนมาอีก  คำกำชับนี้เราได้รับมาจากพระบิดาของเรา”” ~ยอห์น 10:18 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงสละชีวิตของพระองค์เพื่อช่วยเราให้รอดบาปและพ้นจากยุคชั่วร้าย

“พระเยซูทรงสละพระองค์เองเพราะบาปของเรา เพื่อช่วยเราให้พ้นจากยุคปัจจุบันอันชั่วร้าย ตามพระประสงค์ของพระเจ้าผู้เป็นพระบิดาของเรา” ~กาลาเทีย 1:4 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ตรัสว่าถ้าผู้ใดไม่สละสิ่งสารพัดที่มี ก็จะเป็นสาวกพระองค์ไม่ได้

“เช่นนั้นแหละ ทุกคนในพวกท่านที่ไม่ได้สละสิ่งสารพัดที่มีอยู่จะเป็นสาวกของเราไม่ได้” ~ลูกา 14:33 THSV11

  1. พวกสาวกในอดีตจึงสละทุกสิ่งเพื่อติดตามพระเยซูคริสต์ไป

“เมื่อนำเรือมาถึงฝั่งแล้ว พวกเขาก็สละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างและตามพระองค์ไป” ~ลูกา 5:11 THSV11

“และข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะสละทุกสิ่งและสละตัวเองจนหมดเพื่อเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ารักท่านมากขึ้น พวกท่านกลับจะรักข้าพเจ้าน้อยลงหรือ?” –2 โครินธ์ 12:15 THSV11

  1. สาวกอย่างเปโตรเคยถามคำถามว่า ถ้าสละสิ่งสารพัดตามพระเยซูคริสต์ไปแล้วจะได้อะไร?

“แล้วเปโตรทูลพระองค์ว่า “พวกข้าพระองค์สละสิ่งสารพัดตามพระองค์มา  แล้วพวกข้าพระองค์จะได้อะไรบ้าง?”” ~มัทธิว 19:27 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ตรัสถึงสิ่งที่จะได้รับจากการเสียสละของเราในการติดตามพระองค์

“พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ในโลกใหม่เมื่อบุตรมนุษย์นั่งบนพระที่นั่งอันรุ่งโรจน์นั้นพวกท่านที่ติดตามเรามาจะได้นั่งบนบัลลังก์สิบสองที่ พิพากษาชนอิสราเอลสิบสองเผ่า และทุกคนที่สละบ้าน พี่น้องชายหญิง บิดามารดา บุตรหรือไร่นา เพราะเห็นแก่นามของเรา คนนั้นจะได้ผลร้อยเท่าและชีวิตนิรันดร์ด้วย แต่หลายคนที่เป็นคนแรก จะกลับไปเป็นคนสุดท้าย และคนสุดท้ายจะกลับไปเป็นคนแรก” ~มัทธิว 19:28-30 THSV11

  1. เราต้องระวังอย่ามั่นใจเกินไปว่า เราพร้อมสละสิ่งสารพัด แม้แต่ชีวิตเพื่อพระคริสต์

“เปโตรทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ทำไมข้าพระองค์ถึงตามพระองค์ไปเดี๋ยวนี้ไม่ได้? ข้าพระองค์จะสละชีวิตเพื่อพระองค์”” ~ยอห์น 13:37 THSV11

“พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านจะสละชีวิตของท่านเพื่อเราหรือ? เราบอกความจริงกับท่านว่า ก่อนไก่ขันท่านจะปฏิเสธเราสามครั้ง””  ~ยอห์น 13:38 THSV11

  1. เราควรมีจิตใจอย่างพระเยซูคริสต์ ที่ยอมเชื่อฟังพระเจ้าเสียสละจนถึงความมรณา

“จงมีจิตใจเช่นนี้ในพวกท่านเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า ไม่ทรงถือว่าความทัดเทียมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะต้องยึดไว้ แต่ทรงสละพระองค์เองและทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และทรงปรากฏอยู่ในสภาพมนุษย์ พระองค์ทรงถ่อมตัวลง ทรงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งมรณาบนกางเขน เพราะฉะนั้นพระเจ้าจึงทรงยกพระองค์ขึ้นสูงสุด และประทานพระนามเหนือนามทั้งหมดแก่พระองค์ เพื่อที่ว่าเพราะพระนามของพระเยซูนั้น ทุกชีวิตในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก และใต้พื้นแผ่นดินโลก จะคุกเข่าลงกราบพระองค์ และเพื่อที่ว่าทุกลิ้นจะยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าพระบิดา” ~ฟีลิปปี 2:5-11 THSV11

  1. เราควรพร้อมเสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่น ด้วยความเชื่อในพระคริสต์ผู้ทรงสละพระองค์เองเพื่อเรา

“และข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่งที่จะสละทุกสิ่งและสละตัวเองจนหมดเพื่อเห็นแก่ท่านทั้งหลาย เมื่อข้าพเจ้ารักท่านมากขึ้น พวกท่านกลับจะรักข้าพเจ้าน้อยลงหรือ?” ~2 โครินธ์ 12:15 THSV11

“ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า” ~กาลาเทีย 2:20 THSV11

  1. เราควรพร้อมสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้องของเรา ด้วยความรักของพระเยซูคริสต์

“เช่นนี้แหละเราจึงรู้จักความรัก โดยที่พระองค์ได้ยอมสละพระชนม์ของพระองค์เพื่อเรา และเราก็ควรจะสละชีวิตของเราเพื่อพี่น้อง”        ~1 ยอห์น 3:16 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม   “พระคัมภีร์สอนเรื่องเสรีภาพในพระคริสต์ไว้อย่างไรบ้าง?” 

ตอบ: “ พระคัมภีร์กล่าวถึงเสรีภาพในพระคริสต์ไว้ดังนี้

  1. พระวิญญาณของพระคริสต์ทรงอยู่ที่ไหน ที่นั่นก็มีเสรีภาพ

“องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระวิญญาณ และพระวิญญาณขององค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่ไหน เสรีภาพก็มีอยู่ที่นั่น”  ~2 โครินธ์ 3:17 THSV11

  1. ข่าวประเสริฐของพระคริสต์ทำให้เราเป็นไทมีเสรีภาพแล้ว อย่าให้ใครยังเป็นทาสอยู่อีก

“ถึงแม้ทิตัสซึ่งอยู่กับข้าพเจ้าจะเป็นคนกรีก เขาก็ไม่ได้ถูกบังคับให้เข้าสุหนัต แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะว่ามีพี่น้องจอมปลอมลอบเข้ามาสอดแนมดูเสรีภาพซึ่งเรามีในพระเยซูคริสต์ พวกเขาหวังจะทำให้เราเป็นทาส แต่เราไม่ได้ยอมอ่อนข้อให้กับพวกเขาแม้ชั่วประเดี๋ยวเดียว เพื่อให้ความจริงของข่าวประเสริฐนั้นดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายต่อไป”        ~กาลาเทีย 2:3-5 THSV11

  1. เราถูกพระคริสต์ทรงเรียกมาให้มีเสรีภาพ อย่าใช้เสรีภาพนั้นผิดๆ

“พี่น้องทั้งหลาย เพราะว่าท่านถูกเรียกให้มีเสรีภาพ ขอแต่เพียงอย่าถือโอกาสใช้เสรีภาพเพื่อทำตามเนื้อหนัง แต่จงรับใช้กันและกันด้วยความรักเถิด” ~กาลาเทีย 5:13 THSV11

  1. เราต้องดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้าที่ไม่ใช้เสรีภาพเป็นข้ออ้างในการทำชั่ว

“จงดำเนินชีวิตอย่างคนมีเสรีภาพ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้นเป็นข้ออ้างเพื่อทำความชั่ว แต่จงดำเนินชีวิตอย่างผู้รับใช้ของพระเจ้า” ~1 เปโตร 2:16 THSV11

  1. เรามีเสรีภาพโดยทางพระเยซูคริสต์ อย่าให้ใครหลอกสัญญาว่าจะให้เสรีภาพอื่นใดแก่เราอีก

“พวกเขาสัญญาว่าจะให้เสรีภาพกับคนเหล่านั้น แต่ตัวเองยังเป็นทาสของความเสื่อมทราม เพราะว่าผู้ใดพ่ายแพ้แก่สิ่งใด เขาก็เป็นทาสของสิ่งนั้น เพราะว่าถ้าหลังจากพวกเขาหลีกหนีจากมลทินทั้งหลายของโลกแล้ว โดยการรู้จักพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าและผู้ช่วยให้รอดของเรา แต่พวกเขากลับเกี่ยวข้องและพ่ายแพ้แก่มลทินชั่วเหล่านั้นอีก บั้นปลายของพวกเขาก็กลับเลวร้ายยิ่งกว่าตอนต้น เพราะว่าถ้าพวกเขาไม่ได้รู้จักทางชอบธรรมนั้นเสียเลย ก็ยังจะดีกว่าที่พวกเขาได้รู้แล้ว แต่กลับหันหลังให้วิสุทธิบัญญัติที่ทรงมอบแก่พวกเขานั้น” ~2 เปโตร 2:19-21 THSV11

  1. เรามีสิทธิ์ และเสรีภาพจากพระคริสต์ที่จะมีหรือจะทำบางอย่าง แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้สิทธิเสรีภาพนั้นทุกอย่าง

“ข้าพเจ้ามีเสรีภาพไม่ใช่หรือ? ข้าพเจ้าเป็นอัครทูตไม่ใช่หรือ? ข้าพเจ้าเห็นพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราแล้วไม่ใช่หรือ? ท่านทั้งหลายเป็นผลงานของข้าพเจ้าในองค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ใช่หรือ? ถ้าคนอื่นมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์จากท่านทั้งหลาย เราก็มีสิทธิ์ยิ่งกว่านั้นอีกไม่ใช่หรือ? แต่ถึงกระนั้น เราก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์นี้เลย แต่เรายอมทนทุกอย่างเพื่อเราจะไม่วางสิ่งกีดขวางใดๆ ต่อข่าวประเสริฐของพระคริสต์” ~1 โครินธ์ 9:1, 12 THSV11

  1. เรามีเสรีภาพในพระคริสต์ แต่อย่าใช้เสรีภาพนั้นขัดมโนธรรมของคนอื่นๆ

“(ข้าพเจ้าไม่ได้หมายถึงมโนธรรมของพวกท่าน แต่หมายถึงมโนธรรมของคนที่บอกนั้น) ทำไมเสรีภาพของข้าพเจ้าต้อง ถูกตัดสินด้วยมโนธรรมของคนอื่น?” ~1 โครินธ์ 10:29 THSV11

  1. เราต้องดำเนินชีวิตที่พร้อมรับการพิพากษาจากการใช้เสรีภาพของเรา

“เช่นนั้นแหละ พวกท่านจงพูดและทำเหมือนอย่างคนที่จะถูกพิพากษาด้วยหลักเกณฑ์แห่งเสรีภาพ เพราะว่าการพิพากษาย่อมไม่เมตตาต่อคนที่ไม่แสดงความเมตตา ความเมตตาย่อมมีชัยเหนือการพิพากษา” ~ยากอบ 2:12-13 THSV11

  1. เราต้องตั้งมั่นอยู่ในธรรมบัญญัติแห่งเสรีภาพและประพฤติตามอย่างมีความสุข

“แต่ผู้ที่พินิจพิจารณาธรรมบัญญัติอันสมบูรณ์แบบซึ่งเป็นธรรมบัญญัติแห่งเสรีภาพและตั้งมั่นในธรรมบัญญัตินั้น ไม่ได้เป็นผู้ที่ฟังแล้วก็ลืม แต่เป็นผู้ที่ประพฤติตาม ผู้นั้นจะได้รับความสุขในการประพฤติของตน” ~ยากอบ 1:25 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์สอนเรื่องการเป็นผู้เลี้ยงที่ดีของพระเยซูคริสต์ไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ: “พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องการเป็นผู้เลี้ยงที่ดีของพระเยซูคริสต์ไว้ ดังนี้

  1. พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้เลี้ยงผู้เมตตาสงสารมนุษย์ทั้งหลายที่เป็นดุจแกะที่ไม่มีผู้เลี้ยง

“และเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรฝูงชนก็ทรงสงสารเขาทั้งหลาย เพราะพวกเขาถูกรังควานและไร้ที่พึ่งเหมือนฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง” -มัทธิว 9:36 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงสั่งสอนมหาชนที่เป็นเหมือนแกะที่ไร้ผู้เลี้ยง

“เมื่อพระเยซูเสด็จขึ้นจากเรือแล้วก็ทอดพระเนตรเห็นมหาชน และพระองค์ทรงสงสารพวกเขา เพราะว่าพวกเขาเป็นเหมือนฝูงแกะไม่มีผู้เลี้ยง พระองค์จึงทรงเริ่มสั่งสอนพวกเขาหลายประการ” -มาระโก 6:34 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ไม่ได้ทรงเป็นผู้เลี้ยงแบบรับจ้าง ที่พร้อมทิ้งฝูงแกะ

“คนที่รับจ้างไม่ได้เป็นผู้เลี้ยงแกะ ฝูงแกะไม่ได้เป็นของเขา เมื่อเห็นสุนัขป่ามาเขาจึงละทิ้งฝูงแกะหนีไป สุนัขป่าก็ไล่กัดกินพวกแกะจนกระจัดกระจาย” -ยอห์น 10:12 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดีที่พร้อมสละชีวิตเพื่อฝูงแกะ

“เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี ผู้เลี้ยงที่ดีย่อมสละชีวิตของตนเพื่อฝูงแกะ” -ยอห์น 10:11 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่รู้จักแกะของพระองค์

“เราเป็นผู้เลี้ยงที่ดี เรารู้จักแกะของเราและแกะของเราก็รู้จักเรา” -ยอห์น 10:14 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่พร้อมรับและดูแลจิตวิญญาณของเราที่หลงเจิ่นไปและกลับมาหาพระองค์

“เพราะว่าพวกท่านได้หลงเจิ่นไปเหมือนแกะ แต่เดี๋ยวนี้ได้กลับมาหาพระผู้เลี้ยงและผู้ดูแลวิญญาณจิตของพวกท่านแล้ว” -1 เปโตร 2:25 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงเคยพยากรณ์ไว้ว่า พระองค์จะเป็นผู้เลี้ยงที่ถูกประหารแต่ก็ยังคงยืนหยัดทำหน้าที่

“พระเยซูตรัสกับพวกสาวกว่า “พวกท่านทุกคนจะทิ้งเรา เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป’” -มาระโก 14:27 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้เลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ที่จะเสด็จกลับมามอบรางวัลให้แก่เรา

“และเมื่อพระผู้เลี้ยงผู้ยิ่งใหญ่เสด็จมาปรากฏ พวกท่านจะได้รับมงกุฎแห่งศักดิ์ศรีที่ไม่มีวันร่วงโรย” -1 เปโตร 5:4 THSV11

  1. พระเจ้าผู้ทรงให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากความตาย จะทำให้พวกเราเพียบพร้อมด้วยสิ่งดีทุกอย่าง

“ขอพระเจ้าแห่งสันติสุข ผู้ทรงนำพระผู้เลี้ยงแกะยิ่งใหญ่คือพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของพวกเราขึ้นมาจากความตาย โดยโลหิตแห่งพันธสัญญานิรันดร์ ทรงให้พวกท่านเพียบพร้อมด้วยสิ่งดีทุกอย่าง เพื่อที่จะทำตามพระทัยของพระองค์โดยทรงทำงานในเรา ให้เกิดผลเป็นที่พอพระทัยในสายพระเนตรของพระองค์ทางพระเยซูคริสต์ ขอพระสิริจงมีแด่พระองค์สืบๆ ไปเป็นนิตย์ อาเมน”  -ฮีบรู 13:20-21 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม    “พระคัมภีร์สอนในเรื่องมิตรสหายไว้อย่างไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องการตายเพื่อเพื่อนของตน?”

คำตอบ : “พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องเพื่อนหรือมิตรสหายไว้ดังนี้

  1. พระเจ้าทรงเป็นมิตรสหายกับคนที่เชื่อฟังพระองค์

“พระยาห์เวห์เคยตรัสกับโมเสสสองต่อสอง เหมือนมิตรสหายสนทนากัน แล้วโมเสสก็กลับไปยังค่าย แต่ผู้รับใช้หนุ่มของท่าน คือโยชูวาบุตรนูน ไม่ได้ออกไปจากเต็นท์”  ~อพยพ 33:11 THSV11

  1.   เราต้องรู้จักคบหามิตรสหาย และเมื่อเป็นเพื่อนกันแล้ว จะเมตตาดูแลกันเสมอ

“ผู้ใดหน่วงเหนี่ยวความเมตตาไว้จากเพื่อน ก็ทอดทิ้งความยำเกรงองค์ผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์” ~โยบ 6:14 THSV11

“วันรุ่งขึ้นเราแวะที่เมืองไซดอน ยูเลียสนั้นมีใจเมตตาต่อเปาโล ยอมให้เปาโลไปหาบรรดามิตรสหายเพื่อรับการดูแล”  ~กิจการ 27:3 THSV11

  1. เราต้องไม่คบหามิตรเพียงจากการที่เขามีฐานะ และตีจากเพื่อนเพียงเพราะเขายากจน

 “ทรัพย์สมบัติทำให้มีเพื่อนมากมาย แต่คนยากจนก็ถูกเพื่อนตีจาก”    ~สุภาษิต 19:4 THSV11

  1. เราต้องไม่ซุบซิบนินทาเพื่อน หรือ ทะเลาะวิวาทกับเพื่อนของเรา

“คนตลบตะแลงแพร่การวิวาท และผู้ซุบซิบนินทาก็แยกเพื่อนสนิทออกจากกัน” ~สุภาษิต 16:28 THSV11

  1. เราต้องไม่ด่าว่า หรือกล่าวร้ายเพื่อนของเรา

“เพื่อนๆ ของข้าด่าข้า ดวงตาของข้าเทน้ำตาออกถวายพระเจ้า” ~โยบ 16:20 THSV11 

  1. เราต้องไม่ยืนห่าง ผละหนี หรือ ทอดทิ้งเพื่อนในยามที่เขายากลำบาก

“ใจของข้าพระองค์สั่น และเรี่ยวแรงของข้าพระองค์หมดไป และความสว่างในดวงตาของข้าพระองค์ก็พรากไปจากข้าพระองค์ มิตรสหายและเพื่อนบ้านของข้าพระองค์ยืนห่างจากภัยพิบัติที่ข้าพระองค์ได้รับ และญาติของข้าพระองค์ยืนห่างออกไปไกลโพ้น” ~สดุดี 38:10-11 THSV11

“ญาติของข้าผละหนี และเพื่อนของข้าก็ทิ้งข้า” ~โยบ 19:14 THSV11

  1. เราต้องไม่ทรยศหักหลัง ต่อสู้ หรือ ทำร้ายเพื่อนๆของเรา

“แม้แต่เพื่อนสนิทผู้ที่ข้าพเจ้าไว้วางใจ ผู้รับประทานอาหารของข้าพเจ้าก็ยกส้นเท้าใส่ข้าพเจ้า” ~สดุดี 41:9 THSV11

“เพราะมิใช่ศัตรูที่เยาะเย้ยข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงจะทนได้ มิใช่ผู้ที่เกลียดชังข้าพเจ้า ผู้ที่ยกตัวข่มข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงจะซ่อนตัวจากเขาได้ แต่เป็นท่าน ผู้เท่าเทียมกับข้าพเจ้า เป็นเพื่อนสนิทของข้าพเจ้า เป็นมิตรรู้จักมักคุ้นกับข้าพเจ้า เราเคยสนทนาปราศรัยกันอย่างชื่นใจ เราเคยเดินท่ามกลางฝูงชนในพระนิเวศของพระเจ้า เพื่อนสนิทของข้าพเจ้ายื่นมือออกต่อสู้เพื่อนของเขา เขาละเมิดพันธสัญญาของเขา คำพูดของเขาลื่นยิ่งกว่าเนย แต่สงครามอยู่ภายในใจของเขา ถ้อยคำของเขานุ่มนวลกว่าน้ำมัน แต่ทว่าเป็นดาบที่ชักออกมาแล้ว” ~สดุดี 55:12-14, 20-21 THSV11

“ผู้ที่หักหลังเพื่อนเพื่อจะได้ส่วนแบ่ง ดวงตาลูกหลานของเขาจะมืดมัว” ~โยบ 17:5 THSV11

  1. เราต้องยืนหยัดพึ่งพระเจ้าในยามที่ถูกเพื่อนและคนในครอบครัวหักหลัง หรือมุ่งทำร้ายเรา

“แม้แต่บิดามารดา ญาติพี่น้องและมิตรสหายก็จะมอบตัวพวกท่านไว้ และพวกเขาจะฆ่าพวกท่านบางคน ทุกคนจะเกลียดชังพวกท่านเพราะนามของเรา แต่ผมสักเส้นหนึ่งของท่านก็จะไม่เสียไป พวกท่านจะได้ชีวิตรอดโดยความทรหดอดทนของท่าน” ~ลูกา 21:16-19 THSV11

  1. เราควรมีเพื่อนที่จะร่วมแบ่งปันความสุข และ ร่วมแบ่งเบาความทุกข์ของเรา

“เมื่อมาถึงบ้าน เขาก็เชิญมิตรสหายและเพื่อนบ้านให้มาพร้อมกัน แล้วพูดกับพวกเขาว่า ‘มาร่วมยินดีกับข้า เพราะข้าพบแกะของข้าที่หายไปนั้นแล้ว’” ~ลูกา 15:6 THSV11 

  1. เราควรทักทาย และคงรักษามิตรภาพกับเพื่อนๆ ของเราแต่ละคนอยู่เสมอ

“ขอสันติสุขจงมีแก่ท่าน เพื่อนๆ ฝากคำทักทายมายังท่าน ขอฝากคำทักทายมายังเพื่อนทีละคนทุกคน”  ~3 ยอห์น 1:15 THSV11

  1. เราควรให้อภัยและพูดความจริงตรงๆ กับเพื่อนด้วยความรักโดยไม่พูดตอกย้ำความผิดของเขา

“คนที่เป็นเพื่อนแท้ คือคนที่ตอบตรงไปตรงมา” ~สุภาษิต 24:26 THSV11

“ผู้ให้อภัยการละเมิดก็มุ่งจะสร้างมิตรภาพ แต่คนที่ชอบพูดย้ำความผิดจะทำให้เพื่อนสนิทแตกคอกัน”  ~สุภาษิต 17:9 THSV11

  1. เราควรเสริมสร้างเพื่อนของเรา และรับการเสริมสร้างจากพวกเขาเช่นกัน

“เหล็กลับเหล็กให้คมได้ฉันใด คนหนึ่งก็ลับเพื่อนของตนให้เฉียบแหลมได้ฉันนั้น” ~สุภาษิต 27:17 THSV11

  1. เราไม่ควรวางปัญหาของเราไปเพิ่มภาระให้แก่เพื่อนโดยไม่จำเป็น

“อย่าทอดทิ้งเพื่อนของเจ้า และเพื่อนของบิดาเจ้า และอย่าไปที่บ้านพี่น้องของเจ้าในวันที่เจ้าพบความหายนะ เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ ดีกว่าพี่น้องที่อยู่ไกล” ~สุภาษิต 27:10 THSV11

  1. เราต้องไม่เป็นคนนำความหายนะมาให้แก่เพื่อน แต่พร้อมช่วยเหลือพวกเขาดุจพี่น้อง

“มีเพื่อนบางคนนำความหายนะมาให้ แต่มีสหายที่ใกล้ชิดยิ่งกว่าพี่น้อง” ~สุภาษิต 18:24 THSV11

“มิตรสหายย่อมรักกันทุกเวลา และพี่น้องเกิดมาเพื่อช่วยกันยามทุกข์ยาก” ~สุภาษิต 17:17 THSV11

  1. เราควรเป็นเพื่อนที่พร้อมทำงานร่วมกัน และพยุงกันขึ้นมาในยามที่คนใดล้มลง

“สองคนดีกว่าคนเดียว เพราะว่าเขาทั้งสองได้รับรางวัลดีสำหรับการตรากตรำของพวกเขา เพราะว่าถ้าพวกเขาล้มลง คนหนึ่งจะได้พยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น แต่วิบัติแก่คนนั้นที่อยู่คนเดียวเมื่อเขาล้มลง และไม่มีใครพยุงเขาให้ลุกขึ้น”  ~ปัญญาจารย์ 4:9-10 THSV11 

  1. เราควรเป็นมิตรสหายของพระเยซูคริสต์ ที่ประพฤติตนตามที่พระองค์ทรงบัญชาหรือสำแดงแก่เรา

“ถ้าพวกท่านประพฤติตามที่เราสั่ง ท่านก็จะเป็นมิตรสหายของเรา” ยอห์น 15:14 THSV11

“เราจะไม่เรียกพวกท่านว่าบ่าวอีก เพราะบ่าวไม่ทราบว่านายทำอะไร แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย เพราะว่าทุกสิ่งที่เราได้ยินจากพระบิดา เราสำแดงแก่พวกท่านแล้ว” ~ยอห์น 15:15 THSV11

  1. เราควรขอบคุณและยำเกรงพระเยซูคริสต์ที่ยอมเป็นสหายของเรา มากกว่ากลัวมนุษย์คนใด

“มิตรสหายของเราเอ๋ย เราบอกพวกท่านว่า อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย เสร็จแล้วไม่มีอะไรที่จะทำได้อีก” ~ลูกา 12:4 THSV11

  1. เราควรพร้อมเสียสละเพื่อเพื่อนของเราด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ของพระคริสต์

“ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่านี้ คือการสละชีวิตเพื่อมิตรสหายของตน” ~ยอห์น 15:13 THSV11

  1. เราควรเป็นเพื่อนกับทุกคนที่ยำเกรงและปฏิบัติตามบัญญัติของพระเจ้า

“ข้าพระองค์เป็นเพื่อนกับทุกคนที่ยำเกรงพระองค์ กับคนที่ปฏิบัติตามข้อบังคับของพระองค์” ~สดุดี 119:63 THSV11

  1. เราต้องไม่นมัสการพระเจ้า และทำชั่วต่อเพื่อนและเพื่อนบ้านไปในเวลาเดียวกัน

“ข้าแต่พระยาห์เวห์ ผู้ใดจะอาศัยอยู่ในพลับพลาของพระองค์? ผู้ใดจะอยู่บนภูเขาบริสุทธิ์ของพระองค์? คือผู้ดำเนินชีวิตอย่างหาที่ติมิได้และทำสิ่งที่ชอบธรรม และพูดความจริงจากใจของตน ผู้ไม่ใช้ลิ้นของตนในการนินทาว่าร้าย ไม่ทำชั่วต่อเพื่อน และไม่เยาะเย้ยเพื่อนบ้านของตน” ~สดุดี 15:1-3 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:    “พระคัมภีร์พูดอะไรบ้างเกี่ยวกับการอุทิศถวายตัว?”

ตอบ: “พระคัมภีร์กล่าวถึงการอุทิศถวายตัวไว้ดังนี้

  1. พระเจ้าทรงซื้อเราด้วยราคาสูง เราจึงควรถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของเรา

“เพราะว่าพระเจ้าทรงซื้อท่านไว้แล้วด้วยราคาสูง ฉะนั้น จงถวายพระเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของพวกท่านเถิด” ~1 โครินธ์ 6:20 THSV11

  1. เราควรถวายตัวของเราให้เป็นเครื่องบูชา อันมีชีวิตที่บริสุทธิ์ และเป็นที่พอพระทัยแด่พระเจ้า

“ดังนั้น พี่น้องทั้งหลาย โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาอันบริสุทธิ์ที่มีชีวิต และเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยวิญญาณจิตของท่าน” ~โรม 12:1 THSV11

  1. เราควรถวายตัวของเราแต่พระเจ้าในฐานะเป็นคนงานที่ไม่อับอาย

“จงอุตส่าห์ถวายตัวท่านเองที่พระเจ้าทรงรับรองแล้วแด่พระองค์ เป็นคนงานที่ไม่อับอาย สอนพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง” ~2 ทิโมธี 2:15 THSV11

  1. เรามีตัวอย่างของคนที่เขาและครอบครัวถวายตัวรับใช้พระเจ้าและบรรดาธรรมมิกชน

“พี่น้องทั้งหลาย ท่านรู้ว่าครอบครัวของสเทฟานัส เป็นคริสเตียนพวกแรกในแคว้นอาคายา และพวกเขาได้ถวายตัวในงานปรนนิบัติบรรดาธรรมิกชน ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลาย” ~1 โครินธ์ 16:15 THSV11

  1. เราควรถวายตัวของเราแต่พระเจ้าก่อน แล้วจึงมอบตัวไปทำตามพระประสงค์ของพระองค์

“และไม่เหมือนที่เราคาดหมายไว้ แต่พวกเขาถวายตัวเองแด่องค์พระผู้เป็นเจ้าก่อน แล้วจึงมอบตัวให้กับเราตามพระประสงค์ของพระเจ้า” ~2 โครินธ์ 8:5 THSV11

  1. เราควรถวายตัวและอวัยวะของเรา ให้เป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายแด่พระเจ้า

“อย่ายกอวัยวะของท่านให้แก่บาป ให้เป็นเครื่องใช้ในการอธรรม แต่จงถวายตัวของท่านแด่พระเจ้า เหมือนคนที่เป็นขึ้นมาจากตายแล้ว และจงให้อวัยวะเป็นเครื่องใช้ในการชอบธรรมถวายแด่พระเจ้า” ~โรม 6:13 THSV11

  1. เราควรกระทำทุกสิ่งด้วยความเต็มใจ เหมือนถวายแด่พระเจ้าไม่ใช่แค่ทำต่อมนุษย์

“ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์” ~โคโลสี 3:23 THSV11

 

-ธงชัย  ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์ กล่าวถึง พระเยซูคริสต์ ในฐานะพระบุตรของพระเจ้าไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ:  “พระคัมภีร์กล่าวถึงพระเยซูคริสต์ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเป็นพระบุตรของพระเจ้าไว้ดังนี้:

  1. พระเยซูคริสต์คือพระบุตรองค์เดียวของพระเจ้า

“พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” ~ยอห์น 3:16 THSV11

  1. พระเจ้าทรงสำแดงความรักโดยให้พระเยซูคริสต์พระบุตรมาทำให้เราดำรงชีวิตได้

“ความรักของพระเจ้าก็เป็นที่ประจักษ์แก่เราโดยข้อนี้ คือพระเจ้าทรงใช้พระบุตรองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลก เพื่อเราจะได้ดำรงชีวิตโดยพระบุตร” ~1 ยอห์น 4:9 THSV11

  1. พระเจ้าทรงให้พระเยซูคริสต์พระบุตร มาช่วยกู้โลกให้รอด

“เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก ไม่ใช่เพื่อพิพากษาโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น” ~ยอห์น 3:17 THSV11

  1. พระเจ้าทรงโปรดให้พระเยซูคริสต์พระบุตรมีอำนาจและประทานชีวิตนิรันดร์ให้มนุษย์ทั้งหลาย

“ดังที่พระองค์โปรดให้พระบุตรมีสิทธิอำนาจเหนือมนุษย์ทั้งสิ้น เพื่อให้พระบุตรประทานชีวิตนิรันดร์แก่คนที่พระองค์ทรงมอบแก่พระบุตรนั้น”  ~ยอห์น 17:2 THSV11

  1. คนที่วางใจในพระเยซูคริสต์ในฐานะพระบุตรจะมีชีวิตนิรันดร์ แต่ถ้าไม่เชื่อจะไม่ได้เห็นชีวิตนั้น

“คนที่วางใจในพระบุตรก็มีชีวิตนิรันดร์ คนที่ไม่เชื่อฟังพระบุตรก็จะไม่ได้เห็นชีวิต แต่พระพิโรธของพระเจ้าตกอยู่กับเขา”  ~ยอห์น 3:36 THSV11

  1. พระเจ้าทรงมอบการพิพากษาทั้งหมดไว้กับพระเยซูคริสต์พระบุตร

“เพราะว่าพระบิดาไม่ทรงพิพากษาใคร แต่ทรงมอบการพิพากษาทั้งสิ้นไว้กับพระบุตร” ~ยอห์น 5:22 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรผู้ทรงสำแดงพระเจ้าและพระสิริของพระองค์ให้โลกรู้จัก

“ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย แต่พระบุตรองค์เดียวผู้สถิตในพระทรวงของพระบิดา ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว” ~ยอห์น 1:18 THSV11

  1. พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรผู้ทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ที่บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริงพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรผู้ทรง

“พระวาทะทรงเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา เราเห็นพระสิริของพระองค์ คือ พระสิริที่สมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง” ~ยอห์น 1:14 THSV11

  1. เราต้องดำเนินชีวิตโดยความเชื่อและให้พระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้าทรงมีชีวิตอยู่ในเรา

“ข้าพเจ้าเองไม่มีชีวิตอยู่ต่อไป แต่พระคริสต์ต่างหากที่ทรงมีชีวิตอยู่ในข้าพเจ้า ชีวิตซึ่งข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินอยู่โดยความเชื่อในพระบุตรของพระเจ้าผู้ได้ทรงรักข้าพเจ้า และได้ทรงสละพระองค์เองเพื่อข้าพเจ้า”  ~กาลาเทีย 2:20 THSV11

  1. เราต้องออกไปประกาศว่า พระเยซูคริสต์คือพระบุตรของพระเจ้า

“ฟีลิปจึงตอบว่า “ถ้าท่านเต็มใจเชื่อท่านก็รับได้” ขันทีจึงตอบว่า “ข้าพเจ้าเชื่อว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า]” ~กิจการ 8:37 THSV11

“และท่านก็ไม่ได้รีรอ ท่านเริ่มประกาศเรื่องพระเยซูตามธรรมศาลาต่างๆ ว่า  “พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า”” ~กิจการ 9:20 THSV11

  1. เราคือ ผู้ที่มีชัยชนะเหนือโลก เมื่อเราเชื่อว่า พระเยซูคริสต์คือพระบุตรของพระเจ้า

“ใครล่ะที่มีชัยเหนือโลก? ไม่ใช่ใครอื่น คือคนที่เชื่อว่าพระเยซูเป็นพระบุตรของพระเจ้านั่นเอง” ~1 ยอห์น 5:5 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-