Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม: ”พระคัมภีร์กล่าวถึงการ ”เป็นที่รัก”ไว้อย่างไรบ้าง?

คำตอบ:  เปิดคัมภีร์สอนเรื่องการ “เป็นที่รัก” ไว้อย่างนี้

1.พระเยซูคริสต์ทรงสำแดงการเป็นบุตรที่รักของพระเจ้าให้โลกประจักษ์

“แล้วมีพระสุรเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก” ” ~มาระโก 1:11 THSV11

“เพราะว่าคราวเมื่อพระองค์ทรงได้รับพระเกียรติและพระสิริจากพระเจ้าพระบิดา และพระสุรเสียงจากพระสิริอันยิ่งใหญ่ได้มาถึงพระองค์ว่า “ท่านผู้นี้เป็นบุตรของเราและเป็นที่รักของเรา เราพอใจท่านผู้นี้มาก” ” ~2 เปโตร 1:17 THSV11

2.เราทั้งหลายเป็นที่รักของพระเจ้าที่เราควรขอบคุณพระเจ้าเพราะกันและกันเสมอ

“พี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นที่รักขององค์พระผู้เป็นเจ้า เราควรขอบพระคุณพระเจ้าเพราะท่านอยู่เสมอ เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงเลือกท่านไว้ตั้งแต่เดิมเพื่อจะได้รับความรอด โดยการชำระของพระวิญญาณให้บริสุทธิ์ และโดยการเชื่อความจริง” ~2 เธสะโลนิกา 2:13 THSV11

3.เราเป็นที่รักของพระเจ้าโดยการทรงเลือกสรรของพระองค์

“พี่น้องทั้งหลาย ผู้เป็นที่รักของพระเจ้า เราทราบแน่ว่าพระเจ้าได้ทรงเลือกสรรท่านทั้งหลายไว้แล้ว” ~1 เธสะโลนิกา 1:4 THSV11

4.เราเป็นที่รักของพระเจ้าที่ต้องเลียนแบบให้สมกับเป็นบุตรที่รัก

“เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเลียนแบบของพระเจ้าให้สมกับเป็นบุตรที่รัก” ~เอเฟซัส 5:1 THSV11

5.เราต้องรักกันและกันเหมือนที่พระเจ้าทรงรักเรา

“ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราอย่างนั้น เราก็ควรจะรักกันและกันด้วย” ~1 ยอห์น 4:11 THSV11

6.เราต้องเป็นที่รักของกันและกันและยืนหยัดเช่นนั้น

“เพราะฉะนั้นพี่น้องของข้าพเจ้า ผู้เป็นที่รัก เป็นที่ปรารถนาอย่างยิ่ง เป็นที่ยินดี และเป็นมงกุฎของข้าพเจ้า ท่านที่รักทั้งหลาย จงยืนหยัดมั่นคงเช่นนี้ในองค์พระผู้เป็นเจ้าเถิด” ~ฟีลิปปี 4:1 THSV11

7.เราต้องเป็นที่รักของคนอื่นๆ ที่เลียนแบบสิ่งที่ดี

“ท่านที่รัก อย่าเลียนแบบสิ่งที่ชั่ว แต่จงเลียนแบบสิ่งที่ดี คนที่ทำดีมาจากพระเจ้า คนที่ทำชั่วไม่เคยเห็นพระเจ้า” ~3 ยอห์น 1:11 THSV11

8.เราที่เป็นที่รักของกันและกัน ต้องเชื่อฟังพระเจ้าและประพฤติตนให้สมกับที่รอดแล้ว

“ฉะนั้น พวกที่รักของข้าพเจ้า เหมือนอย่างที่ท่านเชื่อฟังข้าพเจ้าอยู่เสมอ ท่านจงอุตส่าห์ประพฤติอย่างสมกับความรอดของท่านทั้งหลาย ด้วยความเกรงกลัวและตัวสั่น ไม่เฉพาะในเวลาที่ข้าพเจ้าอยู่ด้วยเท่านั้น แต่มากยิ่งกว่านั้นอีกในเวลาที่ข้าพเจ้าไม่อยู่” ~ฟีลิปปี 2:12 THSV11

9.เราต้องพร้อมเผื่อแผ่เจือจานและอุทิศตัวให้แก่กันในฐานะที่เป็นที่รักของกัน

“เมื่อเรารักท่านอย่างนี้แล้ว เราก็มีใจพร้อมที่จะเผื่อแผ่เจือจาน ไม่ใช่แต่เพียงข่าวประเสริฐของพระเจ้าเท่านั้น แต่อุทิศตัวเราให้แก่ท่านด้วย เพราะท่านทั้งหลายเป็นที่รักยิ่งของเรา” ~1 เธสะโลนิกา 2:8 THSV11

10.เราต้องสร้างบางคนให้เป็นบุตรที่รักในความเชื่อเพื่อช่วยคนอื่นๆในการดำเนินชีวิตในพระคริสต์

“เพราะเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงใช้ทิโมธีลูกที่รักของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์ในองค์พระผู้เป็นเจ้ามาหาพวกท่าน เพื่อช่วยให้ระลึกถึงหลักการดำเนินชีวิตของข้าพเจ้าในพระคริสต์ ตามที่ข้าพเจ้าสอนอยู่ในคริสตจักรทุกแห่ง” ~1 โครินธ์ 4:17 THSV11

11.เราต้องเป็นพี่น้องที่รักของกัน ที่ซื่อสัตย์ในการปรนนิบัติและในการร่วมงาน

“ทีคิกัส ผู้เป็นพี่น้องที่รัก เป็นผู้ปรนนิบัติที่ซื่อสัตย์ และเป็นเพื่อนร่วมงานในองค์พระผู้เป็นเจ้า จะบอกให้พวกท่านทราบถึงเรื่องทั้งหมดของข้าพเจ้า” ~โคโลสี 4:7 THSV11

12.เราควรปฏิบัติต่อนายผู้เป็นที่รักและมีความเชื่อให้ดียิ่งขึ้น

“ส่วนพวกมีนายที่มีความเชื่อก็ต้องไม่ขาดความเคารพนาย เนื่องจากเป็นพี่น้องกันแล้ว แต่กลับจะต้องรับใช้นายให้ดียิ่งขึ้น เพราะว่านายทั้งหลายที่ได้รับประโยชน์จากการรับใช้ของพวกเขานั้น เป็นพวกมีความเชื่อและเป็นที่รัก จงสั่งสอนและกำชับในเรื่องเหล่านี้” ~1 ทิโมธี 6:2 THSV11

13.เราผู้เป็นที่รักของพระเจ้า จะได้รับการคุ้มครองรักษาไว้เพื่อพระเยซูคริสต์

“ยูดาส ผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์และเป็นน้องชายของยากอบ เรียน คนทั้งหลายที่ได้รับการทรงเรียก ผู้เป็นที่รักของพระเจ้าพระบิดา และได้รับการคุ้มครองรักษาไว้เพื่อพระเยซูคริสต์” ~ยูดา 1:1 THSV11

14.เราต้องทำตัวให้สมกับเป็นที่รักที่น่าปรารถนาของคนอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งคู่ชีวิตของเราเอง

“ปากของเขาหวานฉ่ำที่สุด ทั้งตัวของเขาช่างน่าปรารถนา นี่คือที่รักของดิฉัน และเพื่อนยากของดิฉัน โอ เหล่าบุตรีแห่งเยรูซาเล็มเอ๋ย”   ~เพลงซาโลมอน 5:16 THSV11

15.เราควรรู้ว่า พระเจ้าจะทรงทำให้เกิดผลดีในบั้นปลายแก่คนที่รัก และเป็นที่รักของพระเจ้า

“เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” ~โรม 8:28 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์กล่าวอะไรบ้างเกี่ยวกับการนิ่ง?”

คำตอบ:  “ในพระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่องการนิ่งไว้หลากหลาย อาทิ

  1. นิ่งสงบต่อพระพักตร์พระเจ้า

“บรรดามนุษย์เอ๋ย จงนิ่งสงบอยู่ต่อพระยาห์เวห์ เพราะว่าพระองค์ทรงลุกขึ้นและเสด็จจากที่ประทับอันบริสุทธิ์ของพระองค์แล้ว” ~เศคาริยาห์ 2:13 THSV11

“แต่พระยาห์เวห์สถิตในพระวิหารบริสุทธิ์ของพระองค์ จงให้ทั่วทั้งแผ่นดินโลกสงบนิ่งต่อพระพักตร์พระองค์เถิด” ~ฮาบากุก 2:20 THSV11

  1. นิ่งเพื่อฟังสิ่งดีๆ

“คนทั้งหลายก็นิ่งฟังบารนาบัสกับเปาโลเล่าเรื่องหมายสำคัญและการอัศจรรย์ต่างๆ ซึ่งพระเจ้าทรงทำผ่านท่านทั้งสองท่ามกลางพวกต่างชาติ” ~กิจการ 15:12 THSV11

  1. นิ่งเพื่อดูสิ่งที่ยิ่งใหญ่

“เพราะฉะนั้นบัดนี้พวกท่านจงยืนนิ่งอยู่ และดูสิ่งที่ยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งพระยาห์เวห์จะทรงทำต่อหน้าต่อตาของพวกท่าน” ~1 ซามูเอล 12:16 THSV11

  1. นิ่งเพื่อคอยดูความรอดจากพระเจ้า

“โมเสสกล่าวกับประชากรว่า “อย่ากลัวเลย จงยืนนิ่งอยู่ คอยดูความรอดจากพระยาห์เวห์ ซึ่งทรงทำเพื่อพวกท่านในวันนี้ เพราะคนอียิปต์ที่เห็นในวันนี้ พวกท่านจะไม่ได้เห็นอีกตลอดไป” ~อพยพ 14:13 THSV11

  1. นิ่งอย่างมีปัญญา

“แม้คนโง่หากนิ่งเสียก็นับว่ามีปัญญา เมื่อเขาปิดปากของตนก็นับว่ามีความคิด” ~สุภาษิต 17:28 THSV11

  1. นิ่งเพื่อสรรเสริญพระเจ้า

“เมื่อคนทั้งหลายได้ยินคำเหล่านั้นก็นิ่งอยู่ แล้วสรรเสริญพระเจ้าว่า “พระเจ้าก็ทรงโปรดแก่คนต่างชาติให้กลับใจใหม่จนได้ชีวิตรอดด้วย” ~กิจการ 11:18 THSV11

  1. นิ่งเพื่อรับการรักษา

“พวกเขาก็นิ่งอยู่ พระองค์ทรงดึงตัวคนนั้นและทรงรักษาเขาให้หาย แล้วก็ปล่อยเขาไป” ~ลูกา 14:4 THSV11

  1. นิ่งเพื่อรับการวินิจฉัย

“ฉะนั้นขอพวกท่านจงยืนนิ่งอยู่ ข้าพเจ้าจะวินิจฉัยพวกท่านเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ เกี่ยวกับพระราชกิจอันชอบธรรมทั้งปวงของพระยาห์เวห์ ที่พระองค์ทรงทำต่อพวกท่านและต่อบรรพบุรุษของพวกท่าน” ~1 ซามูเอล 12:7 THSV11

  1. นิ่งเมื่อไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไร

“พระคัมภีร์ตอนที่ท่านอ่านอยู่นั้นคือข้อเหล่านี้ “ท่านถูกนำไปฆ่าเหมือนอย่างแกะ ลูกแกะนิ่งอยู่ต่อหน้าผู้ตัดขนของมันอย่างไร ท่านก็ไม่ปริปากของท่านอย่างนั้น” ~กิจการ 8:32 THSV11

“แต่พระองค์ทรงนิ่งอยู่ไม่ได้ตอบประการใด มหาปุโรหิตจึงถามพระองค์อีกว่า “เจ้าเป็นพระคริสต์พระบุตรของพระเจ้าผู้สมควรแก่การนมัสการหรือ?” ~มาระโก 14:61 THSV11

  1. นิ่งเพื่อจะรู้จักความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า

“จงนิ่งเสีย และรู้เถิดว่า เราคือพระเจ้า เราเป็นที่ยกย่องท่ามกลางบรรดาประชาชาติ เราเป็นที่ยกย่องในแผ่นดินโลก” ~สดุดี 46:10 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:   “พระคัมภีร์กล่าวถึงเรื่อง ‘การทำตัว’ หรือ ’การประพฤติตัว’ (BEHAVE) ไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ: “พระคัมภีร์สอนให้เรา พระพฤติตัวของเราให้สมกับการเป็นบุตรที่รักของพระเจ้าไว้ในหลายๆตอน อาทิ

1.พระเจ้าทรงบัญชาให้เราประพฤติตามกฎเกณฑ์และกฏหมายของพระองค์

“เราคือยาห์เวห์เป็นพระเจ้าของเจ้าทั้งหลาย จงดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเราและจงรักษากฎหมายของเรา และจงประพฤติตาม” ~เอเสเคียล 20:19 THSV11

2. พระเจ้าทรงประสงค์ให้เรารักพระองค์ โดยการ ประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์

“และความรักนั้นก็คือการที่เราประพฤติตามพระบัญญัติของพระองค์ ตามที่ท่านทั้งหลายได้ยินได้ฟังมาตั้งแต่เริ่มแรก จงประพฤติตามนั้น” ~2 ยอห์น 1:6 THSV11

3.พระเจ้าทรงประพฤติต่อกันด้วยความถ่อมตนตามแบบอย่างที่พระองค์ทรงวางแบบไว้

“เพราะฉะนั้นถ้าเราผู้เป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระอาจารย์ยังล้างเท้าของพวกท่าน ท่านก็ควรจะล้างเท้าของกันและกันด้วย เพราะว่าเราวางแบบอย่างแก่พวกท่านแล้ว เพื่อให้ท่านทำเหมือนอย่างที่เราทำกับท่านด้วย เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า บ่าวจะเป็นใหญ่กว่านายไม่ได้ และทูตจะเป็นใหญ่กว่าคนที่ใช้เขาไปก็ไม่ได้ เมื่อพวกท่านรู้อย่างนี้แล้วและประพฤติตาม ท่านก็เป็นสุข”  ~ยอห์น 13:14-17 THSV11

4.เราควรมุ่งประพฤติให้เกิดความสงบสุข และความเจริญแก่กันและกัน

“เหตุฉะนั้นให้เรามุ่งประพฤติในสิ่งซึ่งทำให้เกิดความสงบสุขและความเจริญแก่กันและกัน” ~โรม 14:19 THSV11

5.เราจะติดสนิทกับความรักของพระคริสต์ เมื่อเราประพฤติตามบัญญัติของพระองค์

“ถ้าพวกท่านประพฤติตามบัญญัติของเรา ท่านก็จะติดสนิทอยู่กับความรักของเรา เหมือนอย่างที่เราประพฤติตามบัญญัติของพระบิดาและติดสนิทอยู่กับความรักของพระองค์” ~ยอห์น 15:10 THSV11

6.เราต้องไม่ประพฤติตามธรรมเนียมปฏิบัติที่พึงรังเกียจ และผิดจากที่พระเจ้าทรงสอน

“และห้ามประพฤติตามธรรมเนียมของประชาชาติที่เราไล่ไปให้พ้นหน้าเจ้า ด้วยว่าเขาทั้งหลายได้ประพฤติผิดในสิ่งเหล่านี้ เราจึงเกลียดชังพวกเขา” ~เลวีนิติ 20:23 THSV11

“เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงปฏิบัติตามคำสั่งของเรา ห้ามประพฤติตามธรรมเนียมอันพึงรังเกียจ ซึ่งพวกเขาประพฤติกันอยู่ต่อหน้าเจ้า และห้ามทำตัวเจ้าให้เป็นมลทินด้วยสิ่งเหล่านี้ เราคือยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้า”  ~เลวีนิติ 18:30 THSV11

7.เราสมควรประพฤติตามในสิ่งดีที่ครูเลวสอน แต่ไม่ประพฤติตนตามที่พวกเขาทำ

“เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งที่เขาทั้งหลายสั่งสอนพวกท่านนั้น จงถือและประพฤติตามยกเว้นการประพฤติของพวกเขาอย่าทำตามเลย เพราะพวกเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาสอน” ~มัทธิว 23:3 THSV11

8.เราต้องประพฤติตนด้วยความบริสุทธิ์ใจ และด้วยความจริงแบบที่มโนธรรมเราไม่ฟ้อง

“นี่เป็นสิ่งที่เราอวด คือมโนธรรมของเราเป็นพยานว่า เราประพฤติตัวในโลกด้วยความบริสุทธิ์ใจ และด้วยความจริงใจที่มาจากพระเจ้า ไม่ใช่ประพฤติโดยปัญญาของมนุษย์แต่โดยพระคุณของพระเจ้า และต่อพวกท่านเราประพฤติยิ่งกว่านั้นเสียอีก” ~2 โครินธ์ 1:12 THSV11

9.พระเจ้าทราบทุกๆ การกระทำของเราไม่ว่าจะดีหรือเลว แต่พระองค์ประสงค์ให้เราประพฤติดี

“เรารู้จักความประพฤติของเจ้า คือว่าเจ้าไม่เย็นและไม่ร้อน เราอยากให้เจ้าเย็นหรือร้อน เพราะว่าเจ้าเป็นแต่อุ่นๆ ไม่ร้อนและไม่เย็น เราจะคายเจ้าออกจากปากของเรา” ~วิวรณ์ 3:15-16 THSV11

10.พระเจ้าจะปล่อยให้เราประพฤติดีชั่วต่อไปและรับผลตามที่เรากระทำในบั้นปลาย

“จงให้คนอธรรมประพฤติการอธรรมต่อไป จงให้คนโสมมประพฤติการโสมมต่อไป จงให้คนชอบธรรมทำการชอบธรรมต่อไปและจงให้คนบริสุทธิ์เป็นคนบริสุทธิ์ต่อไป” ~วิวรณ์ 22:11 THSV11

11.เราต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างแก่ผู้เชื่อคนอื่นๆ ถึงแม้ว่าเราจะอ่อนวัยก็ตาม

“อย่าให้ใครหมิ่นประมาทความอ่อนวัยของท่าน แต่จงเป็นแบบอย่างแก่บรรดาผู้เชื่อ ทั้งในด้านวาจาและการประพฤติ ทั้งในด้านความรัก ความเชื่อ และความบริสุทธิ์” ~1 ทิโมธี 4:12 THSV11

12.เราต้องแสดงความเชื่อของเราออกมาให้ทุกคนเห็นด้วยการประพฤติของเรา

“แต่บางคนจะกล่าวว่า “ท่านมีความเชื่อและข้าพเจ้ามีการประพฤติ” จงแสดงให้ข้าพเจ้าเห็นความเชื่อของท่านโดยไม่มีการประพฤติซิ แล้วข้าพเจ้าจะแสดงให้ท่านเห็นความเชื่อของข้าพเจ้าโดยการประพฤติ” ~ยากอบ 2:18 THSV11

13.เราต้องทำให้ผู้อื่นทั้งผู้เลี้ยงและผู้อื่นชื่นชมยินดี เพราะการประพฤติตามความจริงของเรา

“ข้าพเจ้าชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง เมื่อพี่น้องบางคนมาหาและเป็นพยานถึงชีวิตของท่านอย่างจริงจังว่าท่านกำลังประพฤติตามความจริง” ~3 ยอห์น 1:3 THSV11

“ไม่มีอะไรทำให้ข้าพเจ้ายินดียิ่งไปกว่านี้ คือที่ได้ยินว่าลูกๆ ของข้าพเจ้าประพฤติตามความจริง” ~3 ยอห์น 1:4 THSV11

14.เราต้องรักษาความประพฤติที่ดีของเรา ในท่ามกลางคนไม่เชื่อเสมอไปแม้จะถูกใส่ร้ายก็ตาม

“จงรักษาความประพฤติอันดีของพวกท่านไว้ในหมู่คนต่างชาติ เพื่อว่าเมื่อพวกเขาใส่ร้ายพวกท่านว่าประพฤติชั่ว พวกเขาจะได้เห็นคุณความดีของพวกท่าน และจะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมาเยือน” ~1 เปโตร 2:12 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม:  “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยวกับ การ “Become” (กลายเป็น) คนอย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์จะให้เป็น?”

ตอบ:   “พระคัมภีร์สอนในเรื่องนี้ไว้ว่า

1.เราต้องกลายเป็นคนที่ด้อยลงเพื่อจะได้ยกพระเจ้าให้ยิ่งใหญ่ขึ้น

“พระองค์ต้องยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ข้าพเจ้าต้องด้อยลง”” -ยอห์น 3:30 THSV11

2.เราต้องกลายเป็นคนที่ยอมต่ำต้อยเพื่อเห็นแก่พระคริสต์

“เมื่อถูกกล่าวร้ายก็พยายามวิงวอน เรากลายเป็นเหมือนเศษเดนของโลก และเหมือนราคีของทุกสิ่งจนถึงบัดนี้” -1 โครินธ์ 4:13 THSV11

“when we are slandered, we answer kindly. We have become the scum of the earth, the garbage of the world—right up to this moment.” -1 Corinthians 4:13 NIV

3.เราต้องยอมกลายเป็นคนโง่ในสายตาของโลก เพื่อจะได้เป็นคนมีปัญญาในสายพระเนตรพระเจ้า

“อย่าให้ใครหลอกลวงตัวเอง ถ้าใครในพวกท่านคิดว่าตัวเป็นคนมีปัญญาตามหลักของยุคนี้ จงให้คนนั้นยอมเป็นคนโง่ เพื่อจะได้เป็นคนมีปัญญา” -1 โครินธ์ 3:18 THSV11

“Do not deceive yourselves. If any of you think you are wise by the standards of this age, you should become “fools” so that you may become wise.” -1 Corinthians 3:18 NIV

4.เราต้องกลายเป็นทาสแห่งความชอบธรรม ที่พ้นและห่างไกลจากบาป

“เมื่อท่านทั้งหลายพ้นจากบาปแล้ว ท่านก็ได้เป็นทาสของความชอบธรรม” -โรม 6:18 THSV11

“You have been set free from sin and have become slaves to righteousness.” -Romans 6:18 NIV

5.เราต้องกลายเป็นคนชอบธรรม โดยทางพระคริสต์ ไม่ใช่โดยทำตามธรรมบัญญัติ

“พระเจ้าทรงทำพระองค์ผู้ทรงไม่มีบาปให้บาป เพราะเห็นแก่เรา เพื่อเราจะได้เป็นคนชอบธรรมของพระเจ้าทางพระองค์” -2 โครินธ์ 5:21 THSV11

“God made him who had no sin to be sin for us, so that in him we might become the righteousness of God.” -2 Corinthians 5:21 NIV

6.เราต้องไม่กลายเป็นคนที่เมื่อยล้าในการทำดี

“อย่าให้เราเมื่อยล้าในการทำดี เพราะว่าถ้าเราไม่ท้อใจแล้ว เราก็จะเก็บเกี่ยวในเวลาอันสมควร” -กาลาเทีย 6:9 THSV11

“Let us not become weary in doing good, for at the proper time we will reap a harvest if we do not give up.” -Galatians 6:9 NIV

7.เราต้องกลายเป็นคนที่ช้าในการพูดและช้าในการโกรธ

“พี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงเข้าใจในเรื่องนี้ คือให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ” -ยากอบ 1:19 THSV11

“My dear brothers and sisters, take note of this: Everyone should be quick to listen, slow to speak and slow to become angry,” -James 1:19 NIV

8.เราต้องไม่กลายเป็นคนอวดตัว ที่ยั่วโทสะและอิจฉากัน

“เราอย่าอวดตัว อย่ายั่วโทสะกัน และอย่าอิจฉากันเลย” -กาลาเทีย 5:26 THSV11

“Let us not become conceited, provoking and envying each other.” -Galatians 5:26 NIV

9.เราต้องยอมกลายเป็นผู้ปรนนิบัติหรือ เป็นทาสเพื่อที่ได้รับกายกให้เป็นใหญ่

“ในพวกท่านจะไม่เป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามีใครต้องการจะเป็นใหญ่ท่ามกลางท่าน คนนั้นจะต้องเป็นผู้ปรนนิบัติของท่านทั้งหลาย และถ้าใครต้องการจะเป็นนาย คนนั้นจะต้องเป็นทาสของคนทั้งหลาย” -มาระโก 10:43-44 THSV11

“ข้าพเจ้ามาเป็นผู้ปรนนิบัติของคริสตจักรตามภารกิจที่พระเจ้าทรงมอบให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อกล่าวพระวจนะของพระเจ้าแก่พวกท่านอย่างเต็มบริบูรณ์” -โคโลสี 1:25 THSV11

“Not so with you. Instead, whoever wants to become great among you must be your servant,” -Mark 10:43 NIV

“I have become its servant by the commission God gave me to present to you the word of God in its fullness—” -Colossians 1:25 NIV

10.เราต้องเจริญขึ้นกลายเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ของพระเจ้า

“ท่านทั้งหลายถูกก่อร่างสร้างขึ้นบนรากฐานของบรรดาอัครทูตและบรรดาผู้เผยพระวจนะ มีพระเยซูคริสต์เป็นศิลาหัวมุม ในพระองค์นั้นทุกส่วนของโครงสร้างถูกเชื่อมต่อกันและเจริญขึ้นเป็นวิหารอันบริสุทธิ์ในองค์พระผู้เป็นเจ้า” -เอเฟซัส 2:20-21 THSV11

“In him the whole building is joined together and rises to become a holy temple in the Lord.” -Ephesians 2:21 NIV

11.เราต้องกลายเป็นที่สถิตของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในเรา

“และในพระองค์นั้น พวกท่านก็กำลังถูกก่อร่างสร้างขึ้นด้วยกันให้เป็นที่สถิตของพระเจ้าโดยพระวิญญาณ” -เอเฟซัส 2:22 THSV11

“And in him you too are being built together to become a dwelling in which God lives by his Spirit.” -Ephesians 2:22 NIV

12.เราต้องกลายเป็นคนที่มีประโยชน์ต่อคนอื่น ไม่ว่าอดีตจะเป็นอย่างไร

“Formerly he was useless to you, but now he has become useful both to you and to me.” -Philemon 1:11 NIV

13.เราต้องกลายเป็นคนใจบริสุทธิ์แบบเด็กเล็กๆ

“แล้วตรัสว่า “เราบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า ถ้าพวกท่านไม่กลับใจและเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ ก็จะเข้าในแผ่นดินสวรรค์ไม่ได้เลย” -มัทธิว 18:3 THSV11

“And he said: “Truly I tell you, unless you change and become like little children, you will never enter the kingdom of heaven.” -Matthew 18:3 NIV

14.เราต้องพร้อมกลายเป็นคนทุกชนิดเพื่อจะช่วยคนอื่นให้รอด

“ต่อพวกคนอ่อนแอข้าพเจ้าก็เป็นคนอ่อนแอเพื่อจะได้พวกคนอ่อนแอมา ข้าพเจ้ายอมเป็นคนทุกแบบต่อทุกคน เพื่อช่วยบางคนให้รอดโดยทุกวิถีทาง” -1 โครินธ์ 9:22 THSV11

“To the weak I became weak, to win the weak. I have become all things to all people so that by all possible means I might save some.” -1 Corinthians 9:22 NIV

15.เราต้องกลายเป็นคนที่เจริญเติบโตขึ้นในทุกด้านสู่พระคริสต์

“แต่ให้เรายึดถือความจริงด้วยความรัก เพื่อจะเจริญขึ้นในทุกด้านสู่พระองค์ผู้เป็นศีรษะคือพระคริสต์” -เอเฟซัส 4:15 THSV11

“Instead, speaking the truth in love, we will grow to become in every respect the mature body of him who is the head, that is, Christ.” -Ephesians 4:15 NIV

16.เราต้องกลายเป็นคนที่มีความมั่นใจมากขึ้น ในการกล่าวพระวจนะ ของพระเจ้า

“และพี่น้องส่วนมากก็เกิดความมั่นใจในองค์พระผู้เป็นเจ้าจากการที่ข้าพเจ้าถูกคุมขัง และพวกเขามีความกล้ามากขึ้นที่จะกล่าวพระวจนะโดยปราศจากความกลัว” -ฟีลิปปี 1:14 THSV11

“And because of my chains, most of the brothers and sisters have become confident in the Lord and dare all the more to proclaim the gospel without fear.” -Philippians 1:14 NIV

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม : “พระคัมภีร์กล่าวถึง “การเป็นส่วนหนึ่ง”  หรือ “การเป็นเจ้าของ” หรือ “Belonging” ไว้อย่างไรบ้าง?”

ตอบ: 

1.เราเป็นของพระเจ้า

  • เป็นปุโรหิตหลวงของพระเจ้า
  • เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ของพระเจ้า
  • เป็นชนชาติของพระเจ้า

“แต่ท่านทั้งหลายเป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์”  ~1 เปโตร 2:9 TH1971

  • เป็นประชากรของพระเจ้า

“และเจ้าทั้งหลายจะเป็นประชากรของเรา และเราจะเป็นพระเจ้าของเจ้า” ~เยเรมีย์ 30:22 TH1971

  • เป็นแกะของพระเจ้า                                                       

“เจ้าทั้งหลายเป็นแกะของเรา เป็นแกะในลานหญ้าของเรา เจ้าทั้งหลายเป็นมนุษย์ และเราเป็นพระเจ้าของเจ้า พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ”  ~เอเสเคียล 34:31 TH1971

“จงรู้เถิดว่า พระเยโฮวาห์ทรงเป็นพระเจ้า คือพระองค์เองที่ทรงสร้างเราทั้งหลาย และเราก็เป็นของพระองค์ เราเป็นประชากรของพระองค์ เป็นแกะแห่งทุ่งหญ้าของพระองค์”  ~สดุดี 100:3 TH1971

  • เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า

“ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของ พระองค์ พระเจ้าข้า ข้าพระองค์เป็นผู้รับใช้ของพระองค์ เป็นบุตรชายของหญิงคนใช้ของพระองค์ พระองค์ทรงแก้พันธนะของข้าพระองค์” ~สดุดี 116:16 TH1971

  • เป็นของพระคริสต์

“และท่านทั้งหลายเป็นของพระคริสต์ และพระคริสต์ทรงเป็นของพระเจ้า” ~1 โครินธ์ 3:23 TH1971

  • เป็นกายและอวัยวะของพระคริสต์

“ฝ่ายท่านทั้งหลายเป็นกายของพระคริสต์ และต่างก็เป็นอวัยวะของพระกายนั้น” ~1 โครินธ์ 12:27 TH1971

2.ร่างกายของเราเป็นของพระคริสต์

“ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นอวัยวะของพระคริสต์ เมื่อเป็นเช่นนั้น จะให้ข้าพเจ้าเอาอวัยวะของพระคริสต์ มาเป็นอวัยวะของหญิงแพศยาได้หรือ อย่าให้เป็นเช่นนั้นเลย” ~1 โครินธ์ 6:15 TH1971

3.ร่างกายของเราเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์

“ท่านไม่รู้หรือว่า ร่างกายของท่านเป็นวิหารของพระวิญญาณบริสุทธิ์ซึ่งสถิตอยู่ในท่าน ซึ่งท่านได้รับจากพระเจ้า ท่านไม่ใช่เจ้าของตัวท่านเอง”  ~1 โครินธ์ 6:19 TH1971

4.พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของเรา

“อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำลังเจ้า เออ เราจะช่วยเจ้า เออ เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา” ~อิสยาห์ 41:10 TH1971

5.พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าของคนเป็น

“พระองค์มิได้เป็นพระเจ้าของคนตาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าของคนเป็น ท่านทั้งหลายผิดมากทีเดียว” ~มาระโก 12:27 TH1971

“พระองค์มิได้ทรงเป็นพระเจ้าของคนตาย แต่ทรงเป็นพระเจ้าของคนเป็น  ด้วยว่าจำเพาะพระเจ้า คนทุกคนเป็นอยู่” ~ลูกา 20:38 TH1971

6.พระเจ้าทรงเป็นกำลัง และกำลังใจ ของเรา

“พระเจ้าทรงเป็นกำลังของประชากรของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นป้อมรอดของผู้รับเจิมของพระองค์”  ~สดุดี 28:8 TH1971

“เนื้อหนังและจิตใจของข้าพระองค์จะวายไป แต่พระเจ้าทรงเป็นกำลังใจของข้าพระองค์ และเป็นส่วนของข้าพระองค์เป็นนิตย์” ~สดุดี 73:26 TH1971

7.พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้า พระศิลา ป้อมปราการ โล่ พลัง และที่กำบังเข้มแข็งของเรา

“พระเจ้าทรงเป็นพระศิลา ป้อมปราการ และผู้ช่วยกู้ของข้าพระองค์ เป็นพระเจ้าของข้าพระองค์เป็นพระศิลาซึ่งข้าพระองค์เข้าลี้ภัยอยู่ในพระองค์ เป็นโล่ เป็นพลังแห่งความรอดของข้าพระองค์ เป็นที่กำบังเข้มแข็งของข้าพระองค์”  ~สดุดี 18:2 TH1971

8.โล่ของเราทั้งหลายเป็นของพระเจ้า

“เพราะโล่ของเราทั้งหลายเป็นของพระเจ้า พระราชาของเราเป็นขององค์บริสุทธิ์แห่งอิสราเอล” ~สดุดี 89:18 TH1971

9.วันและคืนของเราเป็นของพระเจ้า

“วันเป็นของพระองค์ คืนเป็นของพระองค์ พระองค์ทรงสถาปนาดวงสว่างและดวงอาทิตย์”  ~สดุดี 74:16 TH1971

10.เงินและทองของเราเป็นของพระเจ้า

“เงินเป็นของเรา และทองคำเป็นของเรา พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้แหละ” ~ฮักกัย 2:8 TH1971

11.ทุกสิ่งที่เป็นของพระเยซูคริสต์เป็นของพระเจ้า และทุกสิ่งที่เป็นของพระเจ้าเป็นของพระเยซูคริสต์

“ทุกสิ่งซึ่งเป็นของข้าพระองค์ก็เป็นของพระองค์ และทุกสิ่งซึ่งเป็นของพระองค์ก็เป็นของข้าพระองค์ และข้าพระองค์มีเกียรติในสิ่งเหล่านั้น” ~ยอห์น 17:10 TH1971

12.สามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์เป็นศีรษะของคริสตจักร

“เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคริสตจักร” ~เอเฟซัส 5:23 TH1971

13.หลานๆ เป็นมงกุฎของคนแก่

“หลานๆเป็นมงกุฎของคนแก่ และศักดิ์ศรีของบุตรชายคือบิดาของเขา” ~สุภาษิต 17:6 TH1971

-ธงชัย  ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม: ”พระคัมภีร์สอนอะไรบ้างเกี่ยวกับความรับผิดชอบในการต้องรายงาน หรือการส่งบัญชีสำหรับงานหรือสิ่งที่เราทำ? (Accountability)” 

ตอบ:  “พระคัมภีร์สอนเราในเรื่องนี้ไว้มากมาย อาทิ

1. สิ่งมีชีวิตทุกสิ่งทั้งในสวรรค์และในโลกนี้ ต้องรายงานสิ่งที่พวกเขาทำต่อพระเจ้า แม้แต่

  • ทูตสวรรค์ และ
  • ซาตาน

“อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อเหล่าทูตสวรรค์มารายงานตัวต่อพระยาห์เวห์ ซาตานได้มาในหมู่เขาด้วย” ~โยบ 1:6 THSV1

“และอยู่มาวันหนึ่ง เมื่อเหล่าทูตสวรรค์มารายงานตัวต่อพระยาห์เวห์ ซาตานได้มาในหมู่เขา เพื่อรายงานตัวต่อพระยาห์เวห์ด้วย” ~โยบ 2:1 THSV11

2. คนของพระเจ้าทุกคน จะต้องเชื่อฟังทำตามผู้นำที่พระเจ้าแต่งตั้งและพร้อมรายงาน

  • ในสิ่งที่พวกเขาต่างทำกันเอง

“โมเสสสั่งพวกเขาว่า “อย่าให้ใครเหลือไว้จนรุ่งเช้า” แต่พวกเขาไม่เชื่อฟังโมเสส บางคนเหลือไว้จนรุ่งเช้า อาหารนั้นก็มีหนอนขึ้น และบูดเหม็น โมเสสจึงโกรธคนเหล่านั้น พวกเขาเก็บกันทุกๆ เช้าเท่าที่คนหนึ่งรับประทานได้ แต่พอแดดออกร้อนจัดแล้วอาหารนั้นก็ละลายไป เมื่อถึงวันที่หก พวกเขาเก็บอาหารสองเท่าคือคนละสี่ลิตร ผู้นำทั้งหมดของชุมนุมชนจึงเข้ามารายงานโมเสส โมเสสบอกพวกเขาว่า “พระยาห์เวห์ทรงบัญชาว่า ‘พรุ่งนี้เป็นวันหยุดพักเป็นสะบาโต วันบริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์ จะปิ้งอะไรก็ให้ปิ้ง จะต้มอะไรก็ให้ต้มเสีย และส่วนที่เหลือทั้งหมด จงเก็บไว้จนถึงวันรุ่งขึ้น’ ”

เมื่อพวกเขาเก็บไว้จนถึงวันรุ่งขึ้นตามที่โมเสสสั่ง อาหารนั้นไม่บูดเหม็นและไม่มีหนอนในนั้น โมเสสจึงบอกว่า “วันนี้จงกินอาหารนั้น เพราะว่าวันนี้เป็นวันสะบาโตของพระยาห์เวห์ วันนี้พวกท่านจะไม่พบอาหารอย่างนั้นในทุ่งเลย จงเก็บอาหารหกวัน แต่ในวันที่เจ็ดซึ่งเป็นสะบาโตจะไม่มีเลย” ต่อมาในวันที่เจ็ด บางคนออกไปเก็บ แต่ก็ไม่พบเลย” ~อพยพ 16:19-27 THSV11

  • ในสิ่งที่พระเจ้า หรือผู้นำสั่งให้พวกเขาไปทำ

“เมื่อผ่านไป 40 วัน เขาทั้งหลายก็กลับจากการสอดแนมแผ่นดินนั้น เขากลับมายังโมเสส อาโรน และชุมนุมชนอิสราเอลในถิ่นทุรกันดารปารานที่คาเดช พวกเขากลับมารายงานต่อท่านทั้งสองและชุมนุมชนทั้งหมด ทั้งให้ดูผลไม้ของแผ่นดินนั้น” ~กันดารวิถี 13:25-26 THSV11

3. เราต้องรู้ว่า ไม่มีสิ่งใดสามารถปิดซ่อนให้พ้นจากพระเจ้าผู้ที่เราต้องรับผิดชอบถวายรายงาน

“ไม่มีสิ่งทรงสร้างใดใดถูกปิดซ่อนไว้จากพระองค์ แต่ตรงกันข้าม ทุกสิ่งก็ปรากฏแจ้งต่อพระเนตรของพระองค์ผู้ซึ่งเราจะต้องถวายรายงานด้วย” ~ฮีบรู 4:13 THSV11

4.เราทุกคนในคริสตจักร

ควรนบนอบเชื่อฟังผู้นำ (ศิษยาภิบาล ผู้อาวุโส ผู้ปกครอง) ที่

  • ก. ต้องดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกเขา และ
  • ข. ต้องรายงานเรื่องของพวกเขาต่อพระเจ้า

ควรให้พวกเขาทำงานนี้ด้วยความชื่นชมยินดี ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ

“จงนบนอบเชื่อฟังบรรดาผู้นำของท่านทั้งหลาย เพราะว่าพวกเขาดูแลรักษาจิตวิญญาณของพวกท่านอยู่อย่างคนที่ต้องถวายรายงาน จงให้พวกเขาทำงานนี้ด้วยความชื่นชมยินดี ไม่ใช่ด้วยความเศร้าใจ ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์แก่พวกท่านเลย” ~ฮีบรู 13:17 THSV11

5.เราต้องตระหนักว่า วันหนึ่งพระเจ้าจะทรงเรียกการรายงาน และบัญชีชีวิตของเรา ทั้ง

  • ตามกำหนดเวลา

“เพราะเหตุนี้ แผ่นดินสวรรค์ก็เปรียบเหมือนเจ้าองค์หนึ่งที่มีพระประสงค์จะคิดบัญชีกับบรรดาทาสของตน” ~มัทธิว 18:23 THSV11

  • ก่อนกำหนดเวลา

“พระเยซูตรัสกับพวกสาวกของพระองค์ว่า “เศรษฐีคนหนึ่งมีพ่อบ้าน มีคนมาฟ้องเศรษฐีว่าพ่อบ้านคนนั้นกำลังผลาญสมบัติของท่าน เศรษฐีจึงเรียกพ่อบ้านมา บอกกับเขาว่า ‘เรื่องที่เราได้ยินเกี่ยวกับเจ้านั้นเป็นอย่างไรกัน? เอาบัญชีพ่อบ้านของเจ้ามา เพราะว่าเจ้าจะเป็นพ่อบ้านต่อไปไม่ได้’” ~ลูกา 16:1-2 THSV11

6.เราควรเป็นคนต้นเรือนที่ซื่อสัตย์ จนไม่จำเป็นต้องเรียกร้องขอดูบัญชี

“และพวกเขาไม่ได้ขอบัญชีจากคนที่พวกเขาใส่เงินไว้ในมือให้เอาไปจ่ายคนงาน เพราะเขาทั้งหลายปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์” ~2 พงศ์กษัตริย์ 12:15 THSV11

7.เราควรเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าที่ดูแลราชกิจของพระเจ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการประกาศข่าวประเสริฐที่ไว้วางใจได้และพร้อมรายงานได้ตลอดเวลา

“ให้ทุกคนถือว่าเราเป็นคนเช่นนี้คือเป็นเหมือนคนรับใช้ของพระคริสต์ และเป็นผู้รับมอบฉันทะให้ดูแลสิ่งล้ำลึกของพระเจ้า ยิ่งกว่านั้น บรรดาผู้รับมอบฉันทะย่อมได้รับการคาดหวังว่าต้องเป็นคนที่ไว้วางใจได้”  ~ 1 โครินธ์ 4:1-2 THSV11

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ถาม-ตอบ โดย ศจ ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

คำถาม: “พระคัมภีร์สอนอะไรบ้าง เกี่ยวกับ “การเริ่มต้นใหม่” ?

คำตอบ: “พระคัมภีร์ กล่าวถึงเรื่องการเริ่มต้น และการเริ่มต้นใหม่ ไว้ดังนี้

1. พระเจ้าทรงเป็นผู้เริ่มต้น และแจ้งตอนจบให้เราทราบตั้งแต่ตอนเริ่มต้น
“ผู้แจ้งตอนจบให้ทราบตั้งแต่เริ่มต้น และแจ้งสิ่งที่ยังไม่ได้ทำนั้นให้ทราบตั้งแต่อดีตกาล ทั้งกล่าวว่า ‘แผนงานของเราจะยั่งยืน และเราจะทำทุกสิ่งตามความประสงค์ของเรา’” อิสยาห์ 46:10 THSV11

2. พระเจ้าทรงให้จุดเริ่มต้นของความรู้ และสติปัญญา เกิดมาจากการยำเกรงพระเจ้า
“ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้ คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและการสั่งสอน”  ~สุภาษิต 1:7 THSV11

“ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นที่เริ่มต้นของปัญญา และการรู้จักองค์บริสุทธิ์เป็นความรอบรู้”  ~สุภาษิต 9:10 THSV11

“ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามก็ได้ความเข้าใจดี การสรรเสริญพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์” ~สดุดี 111:10 THSV11

3. เราควรประกาศข่าวดี ตั้งแต่เริ่มต้นของเรื่องราวอย่างครบถ้วนแก่ผู้รับข่าวสาร
“ข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้าเริ่มต้นตรงนี้” ~มาระโก 1:1 THSV11

“แล้วพระองค์ทรงอธิบายพระคัมภีร์ที่เล็งถึงพระองค์ทุกข้อให้เขาฟัง เริ่มต้นตั้งแต่โมเสสและบรรดาผู้เผยพระวจนะทั้งหมด”  ~ลูกา 24:27 THSV11

4.เราควรเริ่มต้นประกาศข่าวประเสริฐ โดยเริ่มจากที่ที่เราอยู่และขยายวงให้กว้างไกลออกไปสุดปลายแผ่นดินโลก
“และจะต้องประกาศทั่วทุกประชาชาติในพระนามของพระองค์เรื่องการกลับใจใหม่ เพื่อการยกบาป โดยเริ่มต้นที่กรุงเยรูซาเล็ม” ~ลูกา 24:47 THSV11

5. เราควรเริ่มต้นลงมือทำในสิ่งดีและมุ่งมั่นทำสิ่งนั้นต่อจนกว่าจะสำเร็จที่ตั้งเป้าและตั้งใจไว้
“ว่า ‘คนนี้เริ่มต้นก่อ แต่ทำให้สำเร็จไม่ได้’” ~ลูกา 14:30 THSV11

6. เราไม่ควรเริ่มต้นสิ่งไม่ดี เช่น การวิวาท ที่จะเป็นดุจการปล่อยน้ำให้ไหลไปทำลายล้างคนอื่น
“การเริ่มต้นวิวาทก็เหมือนปล่อยน้ำให้ไหล ฉะนั้นจงหยุดเสียก่อนเกิดการพิพาท” ~สุภาษิต 17:14 THSV11

7. เราไม่ควรเริ่มต้นด้วยพระวิญญาณแต่จบด้วยเนื้อหนัง แต่ควรเริ่มต้นใหม่ด้วยพระวิญญาณเสมอ
“ท่านทั้งหลายเขลาถึงเพียงนั้นทีเดียวหรือ? พวกท่านเริ่มต้นด้วยพระวิญญาณ แต่จะจบลงด้วยเนื้อหนังกระนั้นหรือ?” ~กาลาเทีย 3:3 THSV11

8. เราควรกระทำคุณความดีที่เริ่มต้นไว้แล้วนั้นให้สำเร็จ
“เพราะเหตุนี้ เราจึงขอร้องทิตัสให้ไปช่วยพวกท่านในการทำคุณความดีนี้จนสำเร็จเช่นเดียวกับที่เขาเริ่มต้นไว้” ~2 โครินธ์ 8:6 THSV11

9. เราควรมั่นใจว่า พระเจ้าที่เริ่มต้นการดีไว้ในพวกเราแล้ว พระองค์จะทำให้สำเร็จ
“ข้าพเจ้าแน่ใจอย่างนี้ว่าพระองค์ผู้ทรงเริ่มต้นการดีไว้ในพวกท่าน จะทรงทำให้สำเร็จจนถึงวันแห่งพระเยซูคริสต์” ~ฟีลิปปี 1:6 THSV11

10. เราควรเป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ ที่เริ่มต้นสิ่งดีและใหม่ในชีวิตโดยพึ่งอาศัย ฤทธาของพระคริสต์
“ฉะนั้นถ้าใครอยู่ในพระคริสต์ เขาก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น” ~2 โครินธ์ 5:17 THSV11

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-