Categories
บทความแปล

แม้มีเล็กน้อย แต่รักมากมาย

แม้มีเล็กน้อย แต่รักมากมาย

“เราให้บัญญัติใหม่ไว้กับพวกท่าน คือให้รักซึ่งกันและกัน เรารักพวกท่านมาแล้วอย่างไร ท่านก็จงรักกันและกันด้วยอย่างนั้น ถ้าท่านรักกันและกัน ดังนี้แหละทุกคนก็จะรู้ว่าท่านเป็นสาวกของเรา” (ยอห์น 13:34-35)

ฉันไม่เคยได้ยินคำว่า “หนูรักแม่” จากปากของลูกเลย และจะไม่มีวันได้ยินด้วย นี่เป็นหนึ่งในหลายๆสิ่งที่ลูกสาววัย 19 ปีของฉันเป็น เธอมีความจำกัด เธอไม่สามารถทำได้

แต่เพื่อนๆในชั้นมัธยมของเธอยังโหวตให้เธอเป็นขวัญใจของพวกเขา ไม่ใช่เพราะเธอสวยที่สุด ไม่ใช่เพราะเธอมีส่วนในกิจกรรมหลายอย่างของโรงเรียน และแน่นอนไม่ใช่เพราะเธอได้คะแนนเรียนดี ที่ราเชลได้รับเลือกให้เป็นขวัญใจของโรงเรียนเพราะเธอมีความรักให้กับทุกคน

พระเจ้าประทานพระพรให้ลูกสาวของฉันมีความสามารถและสติปัญญาเป็นพิเศษ เพียงแต่เธอไม่สามารถพูดได้ เธอมีความสามารถพิเศษในความรักที่มีให้ผู้คน รอยยิ้ม การกอด โบกมือทักทาย สิ่งนี้คือของขวัญที่เธอมอบให้กับทุกคน ทุกคนที่เธอได้พบ ของประทานแห่งความรักของเธอแม้จะไม่ได้ดูยิ่งใหญ่ แต่ก็เป็นแรงดึงดูดอย่างมหาศาล อาจดูไม่มีราคา แต่ก็ประเมินค่าไม่ได้

บ่อยครั้งเรามองข้ามความสำคัญของเรื่องเหล่านี้ เพราะมันดูเล็กน้อย ไม่ได้สร้างความแตกต่างมากมายในภาพใหญ่ของโลกที่เต็มไปด้วยปัญหา – แต่คุณลองไปบอกกับเพื่อนๆวัยรุ่นของราเชลดูสิ  

แม้ลูกสาวของฉันคงไม่มีโอกาสเป็นนักเทศน์ หรือเล่าเรื่องพระเยซูคริสต์ให้ใครฟัง แต่สิ่งที่เธอประกาศคือ “คุณมีความสำคัญ”

แม้เธอจะไม่มีโอกาสได้พูดหรือพิมพ์ถ้อยคำแห่งกำลังใจให้กับผู้ใด ให้ยึดมั่นในพระเยซูคริสต์ในเวลายากลำบากของชีวิต แต่รอยยิ้มของเธอพูดว่า “คุณเป็นที่รัก”

แม้เธอจะไม่มีโอกาสช่วยคนที่ล้มลงให้ยืนขึ้นและสร้างชีวิตใหม่หลังเผชิญวิกฤติ แต่กอดของเธอให้ความมั่นใจว่า “คุณไม่ได้อยู่ลำพัง”

เธอใช้ของประทานแห่งความรักที่พระเจ้ามอบให้ไปอย่างยอดเยี่ยม ราเชลไม่ได้บอกว่าเธอรักผู้คน แต่เธอแสดงให้เห็น ราวกับพระเจ้าใส่พระบัญชาของพระองค์ตรงลงไปที่หัวใจดวงเล็กๆของเธอ “คือให้รักซึ่งกันและกัน” (ยอห์น 13:34)

ในฐานะผู้ติดตามพระเยซูคริสต์ เราทุกคนอยากทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ถวายแด่พระองค์ แต่อย่างที่ราเชลทำให้เห็น สิ่งที่มีความหมายที่สุดบ่อยครั้งเป็นการกระทำที่เล็กน้อยแต่ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ อย่างที่แม่ชีเทเรซากล่าว “ในชีวิตนี้เราไม่อาจทำสิ่งยิ่งใหญ่ได้เสมอไป แต่เราสามารถทำสิ่งเล็กๆด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่”

ลูกสาวของฉันอาจทำสิ่งยิ่งใหญ่เพื่อช่วยเหลือผู้อื่นไม่ได้ แต่เธอส่องแสงเจิดจ้าให้กับพระคริสต์ด้วยรอยยิ้มให้กับคนที่ถูกดูแคลน เธอกอดคนชรา และทักทายคนที่ไม่มีใครอยากพูดด้วย

ถ้าคุณต้องการสร้างความแตกต่างให้กับโลกนี้ แต่รู้สึกว่าไม่มีความสามารถพอ ให้ทำตามสิ่งที่ลูกสาวฉันทำ – ทำสิ่งเล็กน้อยที่คุณทำได้ด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ ให้การกระทำในแต่ละวันของคุณสำแดงถึงความรัก เพราะจะส่งเสียงได้ดังกว่าคำพูดเพื่อสะท้อนพระเยซูคริสต์ให้กับโลกที่ล่มสลายนี้ได้เห็น

 

โดย Julie Sunne

จาก Encouragement for today: www.christianity.com

(Cr. ภาพ The cute)

Categories
บทความแปล

รถบรรทุกสติปัญญาหรือว่ารถบรรทุกเงินทอง?

รถบรรทุกสติปัญญาหรือว่ารถบรรทุกเงินทอง?

ได้ปัญญาก็ดีกว่าได้ทองคำสักเท่าใด และได้ความรอบรู้ก็น่าปรารถนากว่าได้เงิน (สุภาษิต 16:16)

ผมเคยอ่านเจอในหนังสือพิมพ์ที่เขียนถึงรถขนเงิน ขนเงินหลายล้านล้านเหรียญจากธนาคารแห่งหนึ่งไปยังอีกธนาคาร และมีการจ้างกองกำลังตำรวจนับร้อยๆนายมาคุ้มกันและรักษาความปลอดภัยให้กับรถขนเงินและเจ้าหน้าที่ในนั้น

ตำรวจมีทั้งปืน แก้สน้ำตา อาวุธอื่นๆ และอุปกรณ์อีเล็คโทรนิคอีกมากมาย เพราะแน่นอน ใครๆก็อยากได้เงิน ใช่หรือไม่? มีคนบางประเภทพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครอบครองเงินในรถคันนั้น

ผมสงสัยว่า ถ้ามีรถบรรทุกสติปัญญาผ่านมาบนถนน คุณคิดว่าต้องมีตำรวจสักกี่คนมาคุ้มกันรถคันนั้น?

แต่ละวันของคุณจะยิ่งใหญ่และมีความหมายมากแค่ไหนเมื่อคุณเริ่มแสวงหา และติดตามสติปัญญาไปด้วยใจมุ่งมั่น และพร้อมจะฝ่าฟันเพื่อให้ได้ครอบครองสติปัญญานั้น

รถบรรทุกเงินทองหรือรถบรรทุกสติปัญญา คุณว่าคันไหนน่าสนใจกว่ากัน?

 

โดย Pastor Adrian Rogers’ daily devotional

อนุญาตโดย Love worth finding Ministries: www.lwf.org

(Cr.ภาพ dreamstime.com)  

Categories
บทความแปล

จำได้หรือไม่ เมื่อเช้าคุณเห็นอะไรในกระจก?

จำได้หรือไม่ เมื่อเช้าคุณเห็นอะไรในกระจก?

แต่จงเป็นผู้ประพฤติตามพระวจนะ ไม่ใช่เป็นเพียงผู้ฟังเท่านั้น มิฉะนั้นจะเป็นการหลอกตัวเอง เพราะถ้าใครเป็นเพียงผู้ฟังพระวจนะและไม่ใช่ผู้ประพฤติตาม ผู้นั้นก็เป็นเหมือนคนที่ดูหน้าของตนเองในกระจกเงา เพราะว่าเมื่อเห็นแล้วก็จากไป และลืมในทันทีว่าตนเองเป็นอย่างไร แต่ผู้ที่พินิจพิจารณาธรรมบัญญัติอันสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นธรรมบัญญัติแห่งเสรีภาพ และตั้งมั่นในธรรมบัญญัตินั้น ไม่ได้เป็นผู้ที่ฟังแล้วก็ลืม แต่เป็นผู้ที่ประพฤติตาม ผู้นั้นจะได้รับความสุขในการประพฤติของตน (ยากอบ 1:22-25 THSV11)

ยากอบอธิบายถึงชายคนหนึ่งที่ได้ยินพระวจนะแล้วแต่ไม่เคยนำไปปฏิบัติ ท่านกล่าวว่าเหมือนคนที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า หนวดเครารกรุงรัง ผมยุ่ง มีถุงใต้ตา แถมยังมีเศษอาหารจากเมื่อคืนติดอยู่บนเคราด้วย เขาเดินไปส่องกระจกและเห็นว่าต้องรีบจัดการใบหน้าให้สะอาด แต่เขากลับแต่งตัวและออกไปทำงาน ลืมไปหมดว่าได้เห็นอะไรในกระจก ไม่ล้างหน้า ไม่อาบน้ำ ไม่โกนหนวด ไม่หวีผม เป็นอย่างที่ตื่นขึ้นมา ส่องกระจก มองเห็น และลืมสิ้น

สังเกตุพระวจนะพูดถึงผู้ที่ “ได้ดู” และลืมสิ้นในเวลาไม่นาน ส่วนคนอื่นๆที่ “พินิจพิจารณา” และประพฤติตาม คำว่า “ได้ดู” หมายถึงมองผ่านๆ คำว่า “พินิจพิจารณา” หมายถึงมองอย่างตั้งใจ เป็นคำเดียวกับที่ใช้เมือพวกสาวกตั้งหน้าวิ่งไปที่อุโมงค์ฝังพระศพ ก้มลงไปมอง พยายามเพ่งเข้าไปในความมืด สายตาสอดส่ายมองหาอย่างถี่ถ้วน แปลว่ามุ่งมั่นตั้งใจมองเข้าไป

นี่คือวิธีที่เรามองเข้าไปในพระวจนะของพระเจ้า

ไม่ใช่มองผ่านๆ แต่มองอย่างตั้งใจและใส่ใจ สำรวจอย่างรอบคอบ ค้นหา นำมาศึกษา ใคร่ครวญ วิเคราะห์ และปฏิบัติตาม

 

โดย Pastor Adrian Rogers’ daily devotional

อนุญาตโดย Love worth finding Ministries: www.lwf.org

(Cr ภาพ 9gag.com)

Categories
บทความแปล

เรียนรู้ที่จะฟัง

เรียนรู้ที่จะฟัง

ขอทรงแยกพวกเขาให้บริสุทธิ์แยก…ให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง (ยอห์น 17:17)

การฟังทำได้หลากหลายวิธี เราอาจฟังเฉยๆ เราอาจเลือกที่จะไม่ฟังเลย หรือเราอาจฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ

ถ้าคุณไปเหินเวหา คุณต้องตั้งใจฟังครูฝึกให้ดี ต้องฟังให้ดีถึงวิธีใช้ร่มชูชีพที่ครูฝึกกำลังสอน เชือกที่ดึงอยู่ตรงไหน ควรดึงเมื่อไร ทำไมครับ? เพราะชีวิตคุณแขวนอยู่บนสิ่งนี้

ถ้าคุณอยากได้ยินพระเจ้าตรัสจากพระวจนะของพระองค์ ก็ต้องมาดูวิธีที่คุณฟัง คุณต้องตั้งใจฟังราวกับชีวิตคุณแขวนอยู่บนนั้น เพราะนี่คือความจริง

ถ้าคุณต้องการเป็นสาวกแท้ของพระเยซูคริสต์ คุณต้องช้าลงและเรียนรู้ที่จะตั้งใจฟัง  พระเยซูตรัสว่า “ถ้าพวกท่านยึดมั่นในคำสอนของเรา ท่านก็เป็นสาวกของเราอย่างแท้จริง และพวกท่านจะรู้จักสัจจะ และสัจจะจะทำให้ท่านเป็นไท” (ยอห์น  8:31–32)

บางทีพระวจนะข้อนี้ถูกนำเอาออกนอกบริบท เราได้ยินผู้คนนำมาอธิบายถึงความจริงได้แทบทุกกรณีที่พวกเขาต้องการสื่อสารไปถึงผู้อื่น แต่พระวจนะข้อนี้มีความพิเศษ เพราะไม่ได้อ้างถึงความจริงอะไรก็ได้ แต่เจาะจงว่าเป็นความจริงแท้ที่พบได้ในหน้าของพระคัมภีร์เท่านั้น บริบทคือการอ่าน การเรียน การรับรู้ และดำเนินไปตามพระวจนะ เพราะความจริง (สัจจะ) จะทำให้เราเป็นไท

ความจริงที่เราพบในพระคัมภีร์เป็นความจริงเที่ยงแท้ พระเยซูทรงอธิษฐานว่า “พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง” (ยอห์น 17:17) และตรัสว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต ไม่มีใครมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา” (ยอห์น 14:6) นี่เป็นความจริงเที่ยงแท้ที่เราแน่ใจได้ และเมื่อเราเข้าใจว่าพระเจ้าตรัสอะไรในพระวจนะของพระองค์ จะทำให้เราเป็นไท

ถ้าคุณต้องการเป็นสาวกของพระเยซู คุณก็จะต้องอ่าน ศึกษาอย่างใส่ใจ และดำเนินชีวิตไปตามพระวจนะนั้น

ถ้าคุณต้องการได้ยินพระเจ้าตรัสกับคุณ ก็จะย้อนกลับมาที่ตัวคุณด้วย

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr. ภาพ Skydrive.GB)

Categories
บทความแปล

จะตัดบาปตั้งแต่ต้นตอได้อย่างไร

จะตัดบาปตั้งแต่ต้นตอได้อย่างไร

เพราะว่าผู้ที่ตายแล้วก็พ้นจากบาป (โรม 6:7 THSV11)  

ผมมีเพื่อนสนิทเป็นหมอเชี่ยวชาญด้านยาป้องกันโรค วันหนึ่งเขาเล่าให้ผมฟังว่าการกินอาหารและออกกำลังกายช่วยป้องกันเชื้อโรคหรือโรคร้ายโดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยชราได้อย่างไร

เมื่อคิดถึงสิ่งที่เราคุยกันในวันนั้น ผมย้อนกลับมาคิดถึงที่คริสตจักร เราควรมียาหรือวิธีป้องกันเชื้อโรคร้ายจากบาป ลองคิดดู บ่อยครั้ง เราสอนผู้เชื่อใหม่จาก 1ยอห์น 1:9 ที่บอกว่า “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” นี่เป็นความจริงที่มหัศจรรย์ แต่เราไม่อาจหยุดเพียงเท่านั้น

ความจริงคือ พระคุณของพระเจ้าไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อบาปเท่านั้นแต่ยังป้องกันบาปอีกด้วย ที่รู้เพราะเราอ่านในโรม 6:1-2 “…เราจะอยู่ในบาปต่อไปเพื่อให้พระคุณเพิ่มทวีขึ้นหรือ? เปล่าเลย เราที่ตายต่อบาปแล้วจะมีชีวิตในบาปต่อไปได้อย่างไร?”

ดังนั้นแทนที่จะรอตอบสนองต่อบาป ให้เราเป็นฝ่ายรุกเข้าไปควบคุม อย่าลืมความจริงมหัศจรรย์ พระคุณพระเจ้านั้นแข็งแกร่งพอที่จะตัดบาปจากรากเพื่อให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้โดยปราศจากความรู้สึกผิดและความอับอาย

จุงรุกเข้าไปควบคุมสถานการณ์ เมื่อคุณดิ้นรนต่อบาปด้วยอำนาจพระคุณของพระเจ้า

 

อนุญาตโดย Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.jackgraham.org

(Cr.ภาพ patfield.com)

Categories
บทความแปล

แค่ไกลเกินเอื้อม

แค่ไกลเกินเอื้อม

“ข้าพเจ้าไม่ได้พูดเนื่องจากความขัดสน เพราะข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่” (ฟีลิปปี 4:11)

เราชอบคิดว่าความพอใจมาจากสิ่งที่เรามี

ถ้าฉันมีเงินมากกว่านี้ ฉันถึงจะพอใจ … ถ้าฉันฉลาดกว่านี้ … ถ้าฉันสวยกว่านี้ … ถ้าฉันได้รับความสำเร็จมากกว่านี้ … ถ้าฉันมีช่องทางทำพันธกิจมากกว่านี้ …  

มันเป็นการไล่ล่าบางอย่างที่ไม่จบสิ้นและไม่มีวันไปถึง

อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่” (ฟีลิปปี 4:11)

อ เปาโลติดคุกอยู่เมื่อท่านเขียนถ้อยคำนี้ ท่านไม่ได้รับความพอใจตามทฤษฎีที่เราเรียนจากในห้องเรียน แต่ได้จากโรงเรียนชีวิต โรงเรียนแห่งความยากลำบาก ท่านเผชิญประสบการณ์ทั้งความเจ็บปวดและความยินดี สุขภาพดีและเจ็บป่วย อ่อนแอและเข้มแข็ง มั่งคั่งและยากจน ท่านเป็นวีรบุรุษสำหรับบางคนและเป็นวายร้ายสำหรับคนอื่นๆ และเป็นผู้ที่ได้พบกับความพอใจที่สมบูรณ์

ที่น่าสนใจคือเปาโลใช้คำว่า “เรียนรู้” – ข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะพอใจในสภาพที่เป็นอยู่

ในภาษาเดิม คำว่า “เรียนรู้” โดยปกติคนต่างชาติจะใช้เมื่อพูดถึงการได้มาซึ่งบางสิ่งที่พิเศษ หรือได้ค้นพบความจริงที่เก็บซ่อนไว้ ท่านกำลังพูดว่า “ลองมาดูสิ่งที่เราได้เริ่มต้น เราได้ค้นพบความจริงที่เก็บซ่อนไว้ ได้ค้นพบความลับของความพอใจ”

อีกคำที่สำคัญคือคำว่า “พอใจ” แปลว่ามีพอเพียงสำหรับตนเอง

ในบริบทของจดหมายฝากฉบับนี้ พูดถึงความพอเพียงที่มีในองค์พระเยซูคริสต์ สิ่งที่เปาโลกำลังพูดคือ “ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ข้าพเจ้าก็มีความพอใจ” ทุกสิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับพระเจ้า

ความพอใจของเราไม่ได้มาจากสิ่งที่เรามี แต่มาจากความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ Perfectlytimedpics)

Categories
บทความแปล

พระเจ้าทรงให้คุณค่ากับคนธรรมดาสามัญ

พระเจ้าให้คุณค่ากับคนธรรมดาสามัญ

พระยาห์เวห์ตรัสกับกิเดโอนว่า “เราจะช่วยกู้เจ้าทั้งหลายด้วยจำนวนคนสามร้อยที่เลียน้ำนั้น และมอบคนมีเดียนไว้ในมือของเจ้า นอกนั้นให้ทุกคนกลับบ้าน” (ผู้วิริจฉัย 7:7)

จอห์น เวสเล่ย์ กล่าวว่า “หาคน 100 คนที่รักพระเจ้าด้วยสิ้นสุดใจ และไม่กลัวสิ่งใดยกเว้นบาป แล้วผมจะเคลื่อนโลกนี้ให้คุณดู”

พระเจ้าทรงเปลี่ยนวิธีปฏิบัติของชุมชนในช่วงเวลานั้นผ่านชายชื่อกิเดโอน

กิเดโอนเป็นผู้ยืนหยัดอยู่ในช่องว่างและสร้างความแตกต่าง กิเดโอนไม่ได้เป็นคนสมบูรณ์แบบ แต่พระเจ้าทรงเห็นศักยภาพในตัวท่าน จนชื่อของท่านปรากฎอยู่ในทำเนียบผู้กล้าในฮีบรู 11 ชายและหญิงที่นำความเชื่อมาลงมือปฏิบัติ

ที่ผมว่าน่าสนใจเกี่ยวกับฮีบรู 11 – ทำเนียบวีรบุรุษแห่งความเชื่อคือ พระเจ้าไม่เคยเอ่ยถึงบาปของพวกเขา พระองค์บอกเราถึงความสำเร็จของพวกเขาโดยทางความเชื่อ แต่ไม่เคยตรัสถึงข้อบกพร่องหรือความอ่อนด้อยของพวกเขา (แม้ในที่อื่นๆพูดไว้ก็ตาม)

โลกในยุคของกิเดโอนมีแต่ความวุ่นวาย เป็นเวลาสองร้อยปีตั้งแต่อิสราเอลเห็นกำแพงเมืองเยริโคพังลงด้วยฤทธิอำนาจของพระเจ้า สิ่งต่างๆเปลี่ยนไปเพราะพวกเขายังไม่ยอมทำงานให้เสร็จ พระเจ้าทรงสั่งให้ชาวอิสราเอลขับไล่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในแผ่นดินคานาอันออกไป แต่คนอิสราเอลเชื่อฟังแค่บางส่วน ผลก็คือชาวคานาอันกลับคืนมาและแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม ในที่สุดพวกเขาก็ขึ้นมาปกครองแทน

ชาวอิสราเอลต่างตกใจกลัว พวกเขาหิวโหย เจ็บปวด และอับอาย จึงเริ่มร้องหาพระเจ้า พระองค์ทรงส่งคำตอบมาทางชายที่ชื่อกิเดโอน คนธรรมดาที่พระเจ้าใช้เพื่อพระสิริทั้งสิ้นจะเป็นของพระองค์

เมื่อเรามองไปที่คนอย่างกิเดโอน ทำให้คนธรรมดาอย่างพวกเรายังมีความหวัง บ่อยครั้งพระเจ้าใช้คนที่ขาดคุณสมบัติทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด พระเจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ด้วยคนธรรมดาสามัญที่กล้าทูลว่า “พระเจ้าครับ ผมพร้อมที่จะเป็นคนๆนั้น”

คุณกล้าก้าวออกไปไหมครับ? พระเจ้าทรงใช้สิ่งเล็กน้อยมาทำให้เป็นสิ่งยิ่งใหญ่ได้ และพระเจ้าสามารถใช้คนเล็กน้อยอย่างคุณได้

บ่อยครั้งพระเจ้าทรงใช้คนที่ขาดคุณสมบัติทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ Conservation Magazine)