Categories
บทความแปล

ทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า

ทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า

ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า  เหมือนกับที่ข้าพเจ้าทำตามแบบอย่างของพระคริสต์ (1โครินธ์ 11:1THSV11)

ผมเคยได้ยินเรื่องผู้ชายคนหนึ่งที่อยากแต่งงานมาก เขาตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งและพาเธอมาที่บ้านเพื่อพบกับพ่อแม่ แต่แม่ของเขาไม่ชอบเธอ เขาจึงไปหาผู้หญิงคนใหม่แล้วพาเธอมาที่บ้าน แม่ก็ยังไม่ชอบอีก แล้วเขาก็ไปเจอผู้หญิงอีกคนที่หน้าตาเหมือนแม่ พูดเหมือนแม่ แต่งตัวก็เหมือนแม่ ในทุกๆทาง ผู้หญิงคนนี้เหมือนแม่ของเขามาก แต่พ่อของเขาไม่ชอบเธอ

ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ก็ตาม ผู้คนจะประเมินค่าพระเจ้าตามวิถีชีวิตที่พวกเขาติดตามพระเยซูคริสต์ เป็นสาวกคือดำเนินไปกับพระเยซูในแบบที่คุณสามารถพูดกับคนอื่นๆได้ว่า “จงทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า”

ผมรู้ว่าบางทีเราก็ผิดพลาด แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างไม่ให้เราเป็นแบบอย่าง อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า  เหมือนกับที่ข้าพเจ้าทำตามแบบอย่างของพระคริสต์” (1โครินธ์ 11:1THSV11)

จะเป็นอย่างไรถ้าคริสตจักรจะเต็มด้วยคนอย่างคุณ? จะเป็นอย่างไรถ้าทุกคนในคริสตจักรจะเป็นเหมือนคุณ? จะเป็นอย่างไรถ้าในคริสตจักรอ่านพระคัมภีร์อย่างสัตย์ซื่อเหมือนคุณ? คริสตจักรจะเป็นคริสตจักรที่รักและศึกษาพระวจนะหรือ?

จะเป็นอย่างไรถ้าทุกคนในคริสตจักรนมัสการพระเจ้าเหมือนคุณ? เราจะเป็นคริสตจักรแห่งการนมัสการหรือ?

จะเป็นอย่างไรถ้าทุกคนในคริสตจักรถวายทรัพย์อย่างสัตย์ซื่อเหมือนกับที่คุณถวาย? เราจะเป็นคริสตจักรที่ได้รับการสนับสนุนอย่างดีหรือไม่?

จะเป็นอย่างไรถ้าทุกคนในคริสตจักรแบ่งปันข่าวประเสริฐบ่อยเท่าที่คุณทำ? คริสตจักรจะเป็นอย่างไร? จะเป็นอย่างไรถ้าผู้เชื่อคนอื่นๆเป็นเหมือนคุณ?

ในฐานะผู้เชื่อ เราควรดำเนินชีวิตในทางพระเจ้าในแบบที่เราสามารถพูดได้เหมือนอัครสาวกเปาโล “ท่านทั้งหลายจงทำตามแบบอย่างของข้าพเจ้า  เหมือนกับที่ข้าพเจ้าทำตามแบบอย่างของพระคริสต์”

จะเป็นอย่างไรถ้าคริสตจักรเต็มด้วยคนอย่างคุณ?

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr.ภาพ OutdoorPhotographer)

Categories
บทความแปล

โต๊ะของคุณพร้อมแล้ว

โต๊ะของคุณพร้อมแล้ว

นี่แน่ะ เรายืนเคาะอยู่ที่ประตู ถ้าใครได้ยินเสียงของเราและเปิดประตู เราจะเข้าไปหาเขาและจะรับประทานอาหารร่วมกับเขา และเขาจะรับประทานอาหารร่วมกับเรา (วิวรณ์ 3:20)

ผู้ชายคนหนึ่งบอกกับผมว่า “ย้อนไปในยุคเศรษฐกิจถดถอย เรามีอาหารสามมื้อทานในแต่ละวัน – เรามีข้าวโอ๊ตเปียกเป็นอาหารเช้า เรามีข้าวโพดเปียกเป็นอาหารกลางวัน และเรามีอาหารว่าง โต๊ะว่าง ชามว่างเป็นอาหารเย็น”

คุณอาจรู้สึกเช่นนั้น คุณอาจรู้สึกว่าชีวิตขาดแคลน แต่ผมไม่สนใจว่าคุณมีอาหารอะไรวางไว้บนโต๊ะในวันนี้

พี่น้องครับ เมื่อมาเป็นคริสเตียน ไม่ว่าคุณจะมีตู้เย็นอัดแน่นไปด้วยเนื้อชั้นดี ผักสด  และเครื่องปรุงชั้นเลิศ ก็ไม่แตกต่าง เพราะมีพระบุคคลท่านหนึ่งกำลังเตรียมสำรับให้คุณต่อหน้าต่อตาศัตรู พระองค์คือพระเยซูคริสต์ และในฐานะคริสเตียน คุณกำลังได้ร่วมโต๊ะเสวยกับกษัตริย์เหนือกษัตริย์นะครับ

ถ้าคุณเปิดประตูต้อนรับพระเยซูคริสต์ คุณก็จะได้เลี้ยงฉลองในพระองค์ คุณกำลังมีสามัคคีธรรมกับพระองค์ คุณกำลังนั่งร่วมโต๊ะเสวยกับพระองค์ ไม่ว่าคุณจะยากดีมีจน คุณจะได้ทานเลี้ยงกับกษัตริย์เหนือกษัตริย์ เพียงแต่เปิดประตูหัวใจของคุณต้อนรับพระองค์เข้ามาครับ

เปิดประตูหัวใจของคุณรับพระเยซูคริสต์เข้ามานะครับ

 

โดย Pastor Adrian Rogers’ daily devotional

อนุญาตโดย Love worth finding Ministries: www.lwf.org

 (Cr.ภาพ 92.9Nin.com)

Categories
บทความแปล

คริสเตียนแท้หรือ?

คริสเตียนแท้หรือ?

เพราะฉะนั้นท่านทั้งหลายจงเลียนแบบของพระเจ้าให้สมกับเป็นบุตรที่รัก (เอเฟซัส 5:1)

คุณมองตนเองว่าเป็นสาวกของพระเยซูคริสต์หรือไม่? คริสเตียนทุกคนสามารถพูดได้ว่าเขาหรือเธอเป็นสาวก – ไม่ใช่สาวกที่สมบูรณ์แบบ แต่เป็นสาวกของพระเยซูที่กำลังเติบโต ครับนี่คือสิ่งที่ผู้เชื่อทุกคนควรเป็น เป็นสาวกคือดำเนินชีวิตคริสเตียนตามคำสั่งสอนของพระเยซูคริสต์ และตามที่คริสตจักรยุคแรกเข้าใจ นั่นคือคริสเตียนแท้

ผมคิดว่ามีผู้เชื่อบางคนยังรีรอที่จะทำ เป็นเพราะถนนสู่เส้นทางเป็นสาวกเป็นถนนที่แคบ ขรุขระและไม่มีใครอยากสัญจร ไม่มีใครอยากรับการท้าทาย ไม่มีใครอยากลำบาก พวกเขาจึงเลือกเส้นทางกว้างและพื้นเรียบแทนที่จะเลือกเส้นทางเป็นสาวก

ใช่ครับ การเป็นสาวกเป็นเรื่องท้าทาย แต่เป็นการเติมเต็ม แม้จะยากแต่ก็เกินคุ้ม เพราะได้ดำเนินชีวิตสมกับที่ควรเป็นในฐานะสาวก  และในฐานะสาวก เราควรมีสาวกที่เป็นผู้ใหญ่กว่าฝ่ายวิญญาณคอยดูแล และเราควรดูแลผู้เชื่อรุ่นน้องที่ต้องการความช่วยเหลือ

หลังจากที่ผมรับเชื่อในมหาวิทยาลัย ผมน่าจะกลับไปสู่หลุมพรางชีวิตได้ง่ายๆ แต่มีบางคนที่ผมไม่รู้จักมาก่อนชื่อมาร์ค เดินเข้ามาหาและแนะนำตัวเอง พูดว่า “เกร็ก เดี๋ยวผมพาไปโบสถ์” แล้วเขาก็พาไป ช่วยผมให้ผ่านเส้นทางสายขรุขระนั้นไปด้วยกัน ไม่นานจากนั้น ผมก็ได้ทำหน้าที่เหมือนเขาให้กับคนอื่นๆที่เข้ามาในเส้นทางเดียวกัน

คุณจะอยู่คอยช่วยเหลือผู้อื่นที่เดินตามหลังมาหรือไม่? เมื่อคุณเข้ามีโอกาสได้ดูแลผู้เชื่อใหม่ คุณก็กำลังช่วยผู้นั้นให้เติบโตฝ่ายวิญญาณ และเป็นแบบอย่างเหมือนกับที่พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างให้คุณ

คุณกล้าที่จะก้าวออกมาจากคนหมู่มากเพื่อเป็นสาวกแท้ของพระเยซูคริสต์หรือไม่? คุณกล้าที่จะเป็นมากกว่าคริสเตียนตามลมหรือไม่?  

 คุณกล้าดำเนินชีวิตให้สมกับเป็นบุตรที่รักหรือไม่?

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr.ภาพ Simplydolomiti)

Categories
บทความแปล

คุณมีค่ากว่าฝูงสุกร

คุณมีค่ากว่าฝูงสุกร

พระเจ้าทรงรักโลกดังนี้ คือได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น 3:16 THSV11)

ชนเผ่าอัฟริกาเผ่าหนึ่งมาล้อมวงฟังเรื่องพระเยซูทรงรักษาชายผีสิงตามที่บันทึกในลูกา 8:26-33 พันธกิจชื่อ “ความเชื่อเกิดจากการได้ยิน” ได้จัดทำพระคัมภีร์เสียงไว้ให้ชนเผ่านี้ได้ฟังพระวจนะในภาษาของพวกเขาเอง

พวกเขาแล่นเรือไปถึงเขตแดนของเมืองเก-ราซาที่อยู่ตรงข้ามกาลิลี ขณะที่พระองค์เสด็จขึ้นฝั่ง มีชาวเมืองคนหนึ่งที่มีผีเข้าสิงมาพบพระองค์ เขาไม่ได้สวมเสื้อผ้าและไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านเรือนนานแล้ว แต่อาศัยอยู่ตามอุโมงค์ฝังศพ เมื่อเขาเห็นพระเยซูก็ร้องลั่นและมาหมอบกราบพระองค์ ร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่พระเยซูบุตรของพระเจ้าสูงสุด พระองค์มายุ่งกับข้าทำไม? ขออย่าทรมานข้าเลย” ที่พูดเช่นนี้ก็เพราะพระองค์สั่งให้ผีโสโครกออกจากตัวชายคนนั้น (เพราะว่าผีแผลงฤทธิ์ในตัวเขาบ่อยๆ เขาเคยถูกล่ามด้วยโซ่ตรวน แต่เขาหักที่ล่ามโซ่ออก และถูกผีผลักไสเข้าไปในถิ่นกันดาร)…

พวกผีก็อ้อนวอนขอพระองค์อย่าสั่งให้พวกมันกลับไปที่นรกขุมลึก ขณะนั้นมีสุกรฝูงใหญ่กำลังหากินอยู่บนไหล่เขา ผีเหล่านั้นจึงอ้อนวอนพระองค์ ขออนุญาตให้พวกมันเข้าสิงในสุกรฝูงนั้น พระองค์ก็ทรงอนุญาต ผีเหล่านั้นจึงออกจากชายคนนั้นแล้วเข้าสิงในฝูงสุกร สุกรทั้งฝูงก็วิ่งกระโดดจากหน้าผาชันลงไปในทะเลสาบสำลักน้ำตาย

ชาวชนเผ่านั้นต่างก็ตกตะลึงเมื่อได้ยินเรื่องราวนี้ พวกเขารู้ราคาของสุกรแต่ละตัวดี ยังไม่นับรวมทั้งฝูง

ทำไมพระเยซูถึงทำเช่นนั้น? ทำไมพระองค์อนุญาตให้ฝูงสุกรทั้งฝูงถูกทำลาย?

เกิดคำถามขึ้นมากมายในท่ามกลางผู้ฟัง หัวหน้าเผ่าจึงพูดขึ้นมาว่า “บางที พระเยซูกำลังแสดงให้เห็นว่าดวงวิญญาณหนึ่งดวงของมนุษย์มีค่ามากกว่ารายได้ทั้งหมดของเผ่า”

ฉันถึงกับอึ้งไปเมื่อได้ฟังคำตอบ พระวจนะตอนนี้เป็นคำถามที่ติดอยู่ในใจฉันมาหลายปี แต่พระเจ้าทรงเปิดเผยความจริงผ่านหัวหน้าเผ่าชาวอัฟริกันผู้นี้ที่ได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต หัวหน้าเผ่าเข้าใจว่าพวกเขามีคุณค่ามากเพียงใดต่อพระเจ้า

ทราบหรือไม่ คุณมีคุณค่าเพียงใดต่อพระเจ้า?

ใช่ค่ะ คุณมีคุณค่ามากมายจนพระองค์ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ลงมาเพื่อคุณ

 

โดย Sharon Jaynes

อนุญาตโดย Girlsfriends in God: www.crosswalk.com

(Cr.ภาพ acrookedpath.com)

Categories
บทความแปล

เริ่มต้นจากหนึ่ง

เริ่มต้นจากหนึ่ง

องค์ผู้สูงเด่นและสูงส่ง ผู้ทรงดำรงอยู่นิรันดร์ ทรงพระนามว่าบริสุทธิ์ ตรัสดังนี้ว่า “เราดำรงอยู่ในที่สูงและบริสุทธิ์ และอยู่กับผู้สำนึกผิดและมีวิญญาณจิตที่ถ่อม เพื่อฟื้นฟูวิญญาณจิตของผู้ที่ถ่อม และฟื้นฟูใจของผู้สำนึกผิด” (อิสยาห์ 57:15)

เมื่อมองไปที่การฟื้นฟูในพระคัมภีร์และการฟื้นฟูในประวัติศาสตร์ เราจะเห็นว่าส่วนใหญ่เริ่มจากคนๆเดียว คนที่ตัดสินใจทำบางสิ่ง เยเรมีย์ แลนเฟียร์เป็นนักธุรกิจที่เริ่มต้นกลุ่มอธิษฐานระหว่างอาหารกลางวันที่ถนนฟูลตันในเมืองนิวยอร์ค มีสองสามคนมาร่วมกลุ่มครั้งแรกในวันที่ 23 กันยายน 1857 ที่คริสตจักรนอร์ธดัทช์ แลนเฟียร์เป็นคนไม่ยอมแพ้ง่ายๆ และเมื่อพวกเขายืนหยัดอธิษฐานต่อเนื่อง ไม่ช้ากลุ่มก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น

แล้วก็มีบางสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจเกิดขึ้น: ตลาดหลักทรัพย์ ที่นิวยอร์คล่ม!

ในทันทีกลุ่มอธิษฐานก็ขยายออกจนแทบระเบิด มีกลุ่มอธิษฐานใหม่เกิดขึ้นทั่วเมืองนิวยอร์ค และภายในหกเดือน มีคนมากกว่าหมื่นรวมตัวกันเพื่ออธิษฐานในเมืองใหญ่แห่งนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครอธิบายได้ พวกเขาเริ่มเช่าโรงละครบรอดเวย์ โรงหนัง และที่จัดการแสดงดนตรีเพื่อจัดการอธิษฐานเป็นรอบๆ เริ่มจากหกโมงเช้า เก้าโมงเช้า เที่ยง ไปจนตลอดถึงเย็น ทุกแห่งจะเต็มไปด้วยชายและหญิงที่มาร้องออกพระนามพระเจ้า และพระเจ้าทรงทำงานของพระองค์

มีบันทึกว่าในช่วงสามเดือนนั้น มีนาคมถึงพฤษภาคม ปี 1858 มีชาวนิวยอร์คกลับใจและมาเชื่อในพระเยซูคริสต์มากถึง 50,000 คน ในแต่ละอาทิตย์คริสตจักรต่างๆมีสมาชิกเพิ่มขึ้นจำนวนนับพัน การฟื้นฟูยังแพร่ออกไปถึงเมืองรอบข้างด้วย และเมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนนับล้านได้มีความเชื่อในองค์พระเยซูคริสต์

การฟื้นฟูจากปี 1857 ถึง 1859 กลายเป็นเหตุการณ์การกลับใจครั้งยิ่งใหญ่ที่โด่งดังของอเมริกา ไม่มีการจัดตั้ง ไม่มีใครวางแผนรณรงค์ แต่เป็นการงานที่พระเจ้าทรงเทพระวิญญาณของพระองค์ลงมา และนี่คือสิ่งที่เราต้องการในปัจจุบัน

เยเรมีย์ แลนเฟียร์ ไม่ได้เป็นนักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ได้เป็นคนมีชื่อเสียง เป็นคนธรรมดาที่ตัดสินใจจะอธิษฐาน

คุณเองก็ทำได้ครับ

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr.ภาพ Sunday in the south)

Categories
บทความแปล

แผนการของพระเจ้าสำหรับครอบครัว

แผนการของพระเจ้าสำหรับครอบครัว

“จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า เพื่ออายุของเจ้าจะได้ยืนยาวบนแผ่นดิน ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าประทานแก่เจ้า” (อพยพ 20:12 THSV11)

มีคำกล่าวว่าครอบครัวจะอยู่รอดได้แม้ไม่มีประเทศ แต่ประเทศไม่อาจอยู่รอดได้ถ้าไม่มีครอบครัว พระเจ้าทรงตั้งสถาบันครอบครัวโดยนำชายและหญิงให้มาอยู่ร่วมกันในการแต่งงาน ต่อมาก็มีลูกๆและหลานๆเพิ่มพูนเข้ามา นี่คือคำบัญชาของพระเจ้า

แต่พระคัมภีร์บอกอีกด้วยว่า ในยุคสุดท้าย ครอบครัวจะถูกโจมตี สัญญาณหนึ่งของการสิ้นยุคคือผู้คนไม่ให้ความนับถือพ่อแม่ เราอ่านใน 2ทิโมธี 3 ว่า “แต่จงเข้าใจข้อนี้คือ วาระสุดท้ายนั้นจะเป็นเวลาที่น่ากลัว เพราะผู้คนจะเห็นแก่ตัว รักเงินทอง โอ้อวด หยิ่งยโส ชอบดูหมิ่น ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ อกตัญญู ชั่วร้าย” (ข้อ 1-2)

ดูเหมือนเราสูญเสียการมองเห็นพระบัญชาที่บอกว่า “จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า เพื่ออายุของเจ้าจะได้ยืนยาวบนแผ่นดิน ซึ่งพระยาห์เวห์พระเจ้าของเจ้าประทานแก่เจ้า” (อพยพ 20:12) ไปแล้ว สังเกตดูคำสั่งที่บอกให้เกียรติ “บิดา” และ “มารดา” ของเจ้า –ไม่ใช่ให้เกียรติบิดาและบิดา หรือให้เกียรติมารดาและมารดาของเรา หรือมารดาของเราและคู่รักคนใหม่ของเธอ เรากำลังก้าวข้ามพื้นที่เสี่ยงภัยในพระบัญชาของพระเจ้า .

จงรู้ไว้ว่า ซาตานมีแต่ความเกลียดชัง พระเจ้าทรงมีความรัก พระองค์รักครอบครัว พระองค์ทรงตั้งการแต่งงานระหว่างหญิงและชายขึ้นมาเป็นตัวแทนฝ่ายกายของความรักพระองค์เพื่อคริสตจักร และเพื่อความรักที่คริสตจักรมีให้พระองค์ พระเจ้ากำลังบอกว่า “เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าเรารักประชากรของเรามากเพียงใด? ให้ดูวิธีที่สามีคริสเตียนรักภรรยาของเขา เจ้าอยากรู้หรือไม่ว่าประชากรของเรารักเรามากเพียงใด? ให้ดูวิธีที่ภรรยาคริสเตียนรักสามีของเธอ นี่คือต้นแบบของเรา นี่คือตัวอย่างของเราเพื่อให้พวกเจ้าทำตาม”

ดังนั้นเราจึงไม่ประหลาดใจว่าทำไมซาตานถึงพยายามมุ่งโจมตีครอบครัว

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr. ภาพ Teejah)

Categories
บทความแปล

คุณมีฤทธิ์เดชนั้น

คุณมีฤทธิ์เดชนั้น

ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ให้ทุกสิ่งแก่เรา ที่จำเป็นต่อชีวิตและต่อการดำเนินตามทางพระเจ้า โดยการรู้จักพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกเราด้วยพระสิริและคุณธรรมของพระองค์เอง (2เปโตร 1:3)

ขออนุญาตเตือนคุณถึงความจริงสำคัญข้อหนึ่ง… ถ้าคุณได้ให้พระเยซูคริสต์เป็นจอมเจ้านายเหนือชีวิตคุณ คุณก็มีฤทธิ์เดชนั้น คุณมีอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในคุณ และกำลังทำงานผ่านคุณ พระเยซูคริสต์ตรัสว่า “แต่พวกท่านจะได้รับพระราชทานฤทธานุภาพ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จมาเหนือท่าน” (กิจการ 1:8) คุณมีอำนาจยิ่งใหญ่ที่ไม่มีอะไรเทียบได้อยู่ในมือ “เป็นฤทธิ์เดชเดียวกับการทำกิจอันทรงอานุภาพและทรงพลังของพระองค์ ซึ่งทรงทำในพระคริสต์เมื่อทรงทำให้พระคริสต์เป็นขึ้นจากตาย และทรงให้ประทับที่เบื้องขวาพระหัตถ์ของพระองค์ในสวรรคสถาน” (เอเฟซัส 1:19-20)

ใช่ค่ะ เป็นฤทธิ์เดชเดียวกันที่ทำให้พระเยซูคริสต์เป็นขึ้นจากตายที่กำลังทำงานอยู่ในเรา

คริสเตียนหลายคนพยายามทำเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตนเองมีอยู่แล้ว คุณมีเพียงพอแล้วเพราะพระราชกิจของพระเยซูคริสต์ที่สำเร็จลงบนกางเขน และการสถิตอยู่ด้วยกับคุณ

พระเยซูตรัสว่า “เราบอกความจริงกับพวกท่านว่า คนที่วางใจในเราจะทำกิจการที่เราทำนั้นด้วย และเขาจะทำกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก เพราะว่าเราจะไปหาพระบิดาของเรา” (ยอห์น 14:12) การเสด็จไปหาพระบิดาเกี่ยวข้องอะไรกับฤทธิ์เดชที่เราได้รับ? เพราะว่าทันทีที่พระเยซูคริสต์คืนพระชนม์และเสด็จไปหาพระบิดา พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเข้ามาสถิตอยู่ภายในผู้เชื่อ “ถ้าพวกท่านรักเรา ท่านก็จะประพฤติตามบัญญัติของเรา เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้กับพวกท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป – คือพระวิญญาณแห่งความจริง” (ยอห์น 14:15-17)

นึกถึงถุงมือ ถุงมือทำสิ่งใดไม่ได้ถ้าวางทิ้งไว้บนโต๊ะ แต่ถ้าคุณเอามาสวมไว้ในมือ มันจะทำสิ่งต่างๆได้มากมาย: เล่นดนตรี วาดภาพ ถูพื้น ปลูกต้นไม้ แต่ถุงมือนั้นทำเองโดยลำพังหรือว่ามือของใครเป็นผู้ทำ? แน่นอนต้องเป็นมือของบางคน

คุณและฉันก็ไม่ต่างจากถุงมือ – ไม่อาจทำอะไรได้เอง แต่จะมีอำนาจทำได้เมื่อเต็มด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า ถุงมือทำอะไรไม่ได้แม้จะวางไว้ใกล้ๆมือ ต้องมีมือที่สวมเข้าไป มือนั้นจะควบคุมให้ถุงมือทำสิ่งต่างๆได้ เช่นเดียวกับเรา เรามีอำนาจทำทุกสิ่งที่พระเจ้าเรียกให้เรามาทำเมื่อเติมเต็มด้วยฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์

เมื่อได้ยินคำโกหกว่า “ฉันไม่เก่งพอ” ไล่ไปให้พ้น อย่าให้เข้ามาในความคิดของคุณ ปฏิเสธคำโกหกนั้นและแทนที่ด้วยความจริง “ฤทธิ์เดชของพระเจ้าได้ให้ทุกสิ่งแก่เรา ที่จำเป็นต่อชีวิตและต่อการดำเนินตามทางพระเจ้า โดยการรู้จักพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกเราด้วยพระสิริและคุณธรรมของพระองค์เอง” (2เปโตร 1:3)

คนที่มีความมั่นใจคือคนที่ดำเนินไปในความเชื่อ รู้ว่าตนเองบริสุทธิ์ ได้รับการเลือก รับการไถ่ออกมาเป็นลูกที่รักของพระเจ้า และได้รับฤทธิ์เดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่พระผู้สร้างเตรียมไว้ให้ ปิดผนึกและประทับตราโดยพระเยซูคริสต์ – นั่นคือคุณ

 

โดย Sharon Jaynes

อนุญาตโดย Girlsfriend in God: www.crosswalk.com

(Cr.ภาพ Wheretoget)