Categories
บทความแปล

พลังแห่งความเป็นหนึ่งเดียว

พลังแห่งความเป็นหนึ่งเดียว

เราบอกพวกท่านอีกว่า ถ้าพวกท่านสองคนจะร่วมใจกันทูลขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดในโลก พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ก็จะทรงทำสิ่งนั้นให้ (มัทธิว 18:19 THSV11)

ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง กลุ่มนักบินรบในนาม Flying Tigers (ฝูงบินประจันบาน)  ซึ่งได้กลายเป็นตำนาน ภายใต้การบัญชาการของ แคลร์ ลี เชนนอลท์ พวกเขาสามารถยิงเครื่องบินรบของทหารญี่ปุ่นลงได้เกือบ 300 ลำภายในเวลาหกเดือน จากธันวาคม 1941 ถึงมิถุนายน 1942 อะไรคือยุทธศาสตร์ลับของพวกเขา? เชนนอลท์กล่าวว่าคือความร่วมแรงร่วมใจ แม้พวกเขาอาจมีกำลังน้อยกว่า แต่พวกเขาก็โจมตีกันเป็นทีม

ทหารโรมันก็มองเห็นคุณค่าของการทำงานร่วมกัน  เมื่อพวกเขาเดินทัพเข้าสู่สงคราม และถูกขวางด้วยกำแพงธนูไฟที่พุ่งเข้าใส่ ทหารโรมันจะยกโล่ของตนเองขึ้น เข้ามายืนชิดกันและนำโล่มาต่อล้อมเข้าด้วยกัน  พวกเขาจะคุกเข่าลงทำเหมือนกล่องเพื่อป้องกันตนเอง

เมื่อเราต้องเผชิญการทดลอง ความยากลำบาก สิ้นหวัง หรือแม้แต่สงสัย บางครั้งเราก็ปลีกตัวไปอยู่ตามลำพัง คิดว่า “ไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง พวกเขาอาจจะหาว่าฉันเป็นคริสเตียนที่อ่อนแอ ไม่อยากบอกให้ใครๆว่าฉันถูกทดลองในเรื่องนี้”

คุณควรจะไปหาเพื่อนๆคริสเตียน บอกพวกเขาว่า “อธิษฐานเผื่อฉันหน่อย ฉันกำลังถูกการทดลองจู่โจม”

พระเยซูตรัสว่า “…ถ้าพวกท่านสองคนจะร่วมใจกันทูลขอสิ่งหนึ่งสิ่งใดในโลก พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ก็จะทรงทำสิ่งนั้นให้ (มัทธิว 18:19 THSV11) มีพลังอยู่ในการอธิษฐานร่วมกัน

เมื่อเราอ่านหนังสือกิจการบทที่ 12 ยากอบถูกฆ่า และเปโตรถูกจับ เราได้เห็นว่าคริสตจักรทำอย่างไร เราเห็นพวกเขามารวมตัวกันและอธิษฐานให้เปโตร พวกเขาอธิษฐานอย่างไม่หยุดยั้ง และอธิษฐานไปด้วยกัน เราเองก็ต้องทำเช่นนั้น นั่นคือนำโล่มาต่อเข้าด้วยกันเป็นแนวล้อมตัว

มีพลังอยู่ในความเป็นเหนึ่งเดียวกัน  ในการทำงานด้วยกัน และอธิษฐานด้วยกัน  คุณไม่ได้อยู่ลำพังในสงครามฝ่ายวิญญาณนี้ คุณมีพี่น้องคริสเตียนที่พร้อมจะเดินไปกับคุณ ฝ่าฟันไปกับคุณเหมือนทหารโรมันที่ยืนชิดกันและนำโล่มาต่อกันเพื่อสู้รบในสงครามฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าทรงเรียกคุณมา

ในสงครามฝ่ายวิญญาณ อย่าพยายามออกศึกตามลำพัง

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr.ภาพ Rare Historical Photos)

Categories
บทความแปล

การเลือกเป็นตัวกำหนดอนาคตของเรา

การเลือกเป็นตัวกำหนดอนาคตของเรา

นายจึงตอบว่า ‘ดีแล้ว เจ้าเป็นบ่าวที่ดีและซื่อสัตย์ เจ้าซื่อสัตย์ในของเล็กน้อย เราจะตั้งเจ้าให้ดูแลของจำนวนมาก เจ้าจงร่วมยินดีกับนายของเจ้าเถิด’ (มัทธิว 25:21 THSV11)

พระเยซูทรงเล่าอุปมาให้คนกลุ่มหนึ่งฟัง  เป็นอุปมาที่เราต่างรู้จักดี “เรื่องเงินตะลันต์” แต่ที่จริงเป็นอุปมาที่เกี่ยวกับตัวเลือกสามแบบ พระเยซูทรงอธิบายถึงแผ่นดินสวรรค์ว่าเป็นอย่างไรอย่างง่ายๆ

“เพราะว่าเหมือนอย่างชายคนหนึ่งที่กำลังจะออกเดินทาง เขาจึงเรียกบ่าวทั้งหลายของตนมา และฝากทรัพย์สิ่งของของตนกับพวกเขาไว้ คนหนึ่งท่านให้ห้าตะลันต์หนึ่งตะลันต์ เป็นจำนวนเงินที่จ้างคนงานให้ทำงานมากกว่า 15 ปี คนหนึ่งสองตะลันต์ และอีกคนหนึ่งตะลันต์เดียว ตามความสามารถของแต่ละคน แล้วท่านก็ไป คนที่ได้รับห้าตะลันต์ก็ไปทันที เอาเงินนั้นไปค้าขาย ได้กำไรอีกห้าตะลันต์ คนที่ได้รับสองตะลันต์ก็ได้กำไรอีกสองตะลันต์เหมือนกัน แต่คนที่ได้รับตะลันต์เดียวนั้นออกไปขุดหลุมและซ่อนเงินของนายไว้” (มัทธิว 25:14-18 THSV11)

เมื่อผู้เป็นนายกลับมา เขาพอใจกับบ่าวสองคนแรกมากที่ได้นำเงินไปลงทุนจนได้กำไรอีกเท่าตัว แต่รู้สึกโกรธเคืองบ่าวที่นำตะลันต์ไปขุดหลุมซ่อนไว้

นายจึงตอบว่า ‘ไอ้บ่าวชั่วและเกียจคร้าน เจ้าก็รู้ไม่ใช่หรือว่าเราเกี่ยวในที่ที่เราไม่ได้หว่าน รวบรวมในที่ที่เราไม่ได้โปรย เพราะฉะนั้นเจ้าควรเอาเงินของเราไปฝากกับนายธนาคาร เมื่อเรามาก็จะได้รับเงินทั้งดอกเบี้ยด้วย เพราะฉะนั้น จงเอาเงินตะลันต์เดียวนั้นจากเขาไปให้คนที่มีสิบตะลันต์’  (มัทธิว 25:26-28 THSV11)

ฉันรู้สึกยะเยือกทุกครั้งที่อ่านอุปมานี้ อย่าลืมว่าพระเจ้าได้มอบของประทานให้เราแต่ละคน … ของประทานที่ทรงมีพระประสงค์ให้เรานำไปใช้ ไปลงทุนและได้ผลงอกเงย ฉันไม่ได้พูดถึงเงินทอง แต่เป็นของประทานที่มีภายในเรา พระเจ้าทรงมอบความรู้ความสามารถที่คาดหวังให้เรานำไปใช้เพื่อปรนนิบัติและขยายแผ่นดินของพระองค์

แล้วอะไรคือตัวการขัดขวางคนของพระเจ้าไม่ให้นำของประทานมาใช้? ความกลัว – การตกอยู่ในความกลัวจะกันผู้คนออกจากการนำของประทานมาใช้ลงทุน ฉันคิดว่าผู้เป็นนายคงจะพอใจมากกว่าถ้าบ่าวจะพูดว่า “พระเจ้าครับ ผมนำตะลันต์ที่ได้ไปลงทุนแล้ว แต่โชคร้ายหน่อย ผมสูญเสียทุกอย่างไป” อย่างน้อยเขาก็ได้ลองแล้ว อย่างน้อยเขาก็ได้พยายาม แต่ผู้เป็นนายมองเขาว่าชั่วและเกียจคร้าน

ความกลัวทำให้เราเกียจคร้าน ลองหยุดคิดสักนาที คนที่กลัวจะทำอะไรได้น้อยมาก

เดินไปข้างหน้าไม่ว่าความกลัวจะทำให้วิญญาณคุณนอนแน่นิ่งอยู่กับที่ จงลุกขึ้นมาสู่ชีวิตให้สมกับที่เราถูกสร้างมา  และสิ่งที่ฉันต้องการให้เราลองคิดดู – เรานำของประทานและความสามารถที่ได้รับจากพระเจ้าไปลงทุนให้เกิดผล หรือเราเอาไปขุดหลุมซ่อนไว้เพราะความกลัว

ฉันไม่รู้เกี่ยวกับคุณ แต่ฉันจะนำทุกสิ่งที่มีไปใช้อย่างกล้าหาญเพื่อการงานของพระเจ้า

 

โดย Sharon Jaynes

อนุญาตโดย Girlsfriends in God devotional : www.crosswalk.com

(Cr.ภาพ Teejah)

Categories
บทความแปล

อย่าเป็นพวกสร้างภาพ

อย่าเป็นพวกสร้างภาพ

“อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบพระประสงค์ของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัย และอะไรดียอดเยี่ยม” (โรม 12:2 THSV11)

เมื่อพระคัมภีร์พูดถึง “โลก”  ไม่ได้หมายถึงโลกที่เป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง แต่พูดถึงวัฒนธรรม – วัฒนธรรมของสังคมโลก  พระคัมภีร์กล่าวว่า “เพราะว่าทุกสิ่งที่อยู่ในโลก คือ – ตัณหาของเนื้อหนังและตัณหาของตา และความทะนงในลาภยศไม่ได้มาจากพระบิดา –  แต่มาจากโลก” (1ยอห์น  2:16 THSV11)

บางฉบับแปลไว้ว่า “เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ คือกิเลสตัณหาของสันดาน กิเลสตัณหาของตา และการโอ้อวดในสิ่งที่ทำหรือมี สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลกนี้” .

คุณอาจนำความบาปทุกอย่างที่คุณเคยทำมาแบ่งเป็นสามประเภท: (1) กิเลสตัณหาของเนื้อหนัง ซึ่งก็คือความอยากได้อยากมีฝ่ายกาย (2) กิเลสตัณหาของตา สิ่งที่เราเห็นและอยากจะครอบครอง หรือ (3) โอ้อวดทะนงในลาภยศ

นี่คือบาปเดียวกับที่ทำให้เอวาติดกับดักมารที่ในสวนเอเดน:

“เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าต้นไม้นั้นดีน่ากิน ทั้งเป็นต้นไม้น่าปรารถนาที่ทำให้เกิดปัญญา จึงเก็บผลไม้นั้นมากิน แล้วส่งให้สามีที่อยู่กับเธอกินด้วย เขาก็กิน” (ปฐมกาล 3:6 THSV11) เธอเห็นว่าผลไม้นั้น “ดี” (ตัณหาของเนื้อหนัง) ผลไม้นั้น “น่ากิน” (ตัณหาของตา) และ “น่าปรารถนาทำให้เกิดปัญญา” (ทะนงในลาภยศ) เราเองก็ตกอยู่ในบาปนั้นด้วย

เมื่ออาจารย์เปาโลกล่าวว่า “อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้…” (โรม 12:2 THSV11) ท่านกำลังหมายความว่า “คริสเตียนทั้งหลาย อย่าพยายามเป็นบางสิ่งที่คุณไม่ใช่” ภาษาสมัยใหม่คือ “อย่าเป็นพวกสร้างภาพ” อย่าทำตัวราวกับผู้เชื่อที่เคร่งครัดศรัทธาทั้งๆที่คุณไม่ใช่  อย่าลอกเลียนแบบอย่างคนในยุคนี้

ระวังให้ดี เพราะบ่อยครั้งความบาปจะดันคุณให้ตกอยู่ในพื้นที่เหล่านี้

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ japan-forward.com)

Categories
บทความแปล

การเผชิญหน้าแบบใหม่

การเผชิญหน้าแบบใหม่

ยิ่งกว่านั้นบรรดาลูกน้อยของพวกเจ้าที่เจ้าว่าจะถูกปล้นเอาไปนั้น และเด็กๆ ของเจ้าที่ในวันนี้ยังไม่รู้จักผิดและชอบ จะได้เข้าไปที่นั่น เราจะให้แผ่นดินนั้นแก่พวกเขา และพวกเขาจะยึดครองที่นั่น (เฉลยธรรมบัญญัติ 1:39 THSV11)

ชาวอิสราเอลได้รับการช่วยกู้ให้พ้นจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์ พวกเขาจึงออกเดินทางไป ไม่นานนักก็ถึงเส้นทางเข้าสู่ดินแดนคานาอัน ดินแดนแห่งพันธสัญญาที่ในที่สุดแล้วก็คือแผ่นดินอิสราเอล แต่แทนที่จะเดินหน้าเข้าไป พวกเขากลับส่งสายลับ 12 คนเข้าไปสอดแนม โยชูวาและคาเล็บก็เป็นสองคนในทีมนั้น พวกสายลับกลับมาพร้อมด้วยรายงานจากเสียงส่วนใหญ่และรายงานจากเสียงส่วนน้อย

เสียงส่วนใหญ่รายงานว่า “ไม่มีทางที่พวกเราจะบุกเข้าไปได้ ผู้คนที่นั่นร่างกายใหญ่โต ที่จริงเราเป็นเหมือนตั๊กแตนในสายตาพวกเขา”

โยชูวาและคาเล็บ พวกเสียงส่วนน้อย (คาเล็บ) รายงานว่า “ให้เราขึ้นไปทันทีและยึดแผ่นดินนั้น เพราะเราจะชนะแน่นอน” (กันดารวิถี 13:30 THSV11)

ชาวอิสราเอลปฏิเสธไม่ขอทำตามคำแนะนำของโยชูวาและคาเล็บ พวกเขาไม่เชื่อและปฏิเสธไม่ยอมบุกเข้าไป การไม่เชื่อของพวกเขาทำให้ต้องเสียเวลาเร่ร่อนอยู่ในถิ่นทุรกันดารถึงสี่สิบปี

การไม่เชื่อกล่าวว่า “ถอยกลับไปในที่ๆปลอดภัยดีกว่า”

ในทางกลับกัน ความเชื่อกล่าวว่า “เดินหน้าไปเลย พระเจ้าทรงทำการของพระองค์อยู่”

ปัญหาคือพวกเขาไม่ได้เดินหน้า แต่กลับเดินวนเวียนไปมาจนพระเจ้าจัดการกับพวกขี้สงสัยให้หมดไป สี่สิบปีผ่านไป คนรุ่นเก่าล้มหายตายจาก เหลือแต่คนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นมาในช่วงรอนแรมในถิ่นทุรกันดารนั้น พวกเขาต่างก็ได้ยินเรื่องการข้ามทะเลแดง แต่พวกเขาจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับพระเจ้าด้วยตนเอง และนี่คือสิ่งที่คนแต่ละยุคจำเป็นต้องเผชิญ

กว่าสี่สิบปีที่แล้ว เรามีกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อพระเยซูคริสต์ (Jesus Movement) ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้คนในยุคนั้นแทบทั้งหมด แต่เดี๋ยวนี้คนเหล่านั้นรวมถึงผมด้วยก็กลายเป็นปู่ย่าไปแล้ว เราอธิษฐานขอการฟื้นฟูอีกครั้งสำหรับกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อพระคริสต์ เพื่อให้คนรุ่นใหม่ ไดมีโอกาสเผชิญหน้ากับพระเจ้าเป็นการส่วนตัวและในแบบของพวกเขา เพื่อจะมีประสบการณ์การทำงานของพระองค์ นี่คือสิ่งที่เราควรอธิษฐานกันในวันนี้

ไม่กล้าเดินหน้าหรือ?  นี่อาจเป็นตัวการทำให้เราไม่ไปถึงไหนกันสักที

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr.ภาพ story of faith)

Categories
บทความแปล

ประเทศจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

ประเทศจะเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร

“ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา” (อพยพ 20:14 THSV11)

ในหนัง ในดนตรี และในละครทีวีทุกวันนี้ การมีเพศสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืน แบบไม่ต้องผูกมัด กลายเป็นเรื่องธรรมดา สนุกสนานกัน ไม่เป็นอันตราย และต่างพอใจด้วยกัน ลองคิดดู สิ่งนี้สร้างผลกระทบอย่างไรต่อวัฒนธรรมของเรา ลองคิดว่าโลกนี้จะเป็นอย่างไรถ้าเราเชื่อฟังพระบัญญัติข้อนี้ “ห้ามล่วงประเวณีผัวเมียเขา” (อพยพ 20:14 THSV11)

แปลว่าครอบครัวยังอยู่ด้วยกัน แปลว่าจะไม่มีเด็กเกิดมานอกชีวิตสมรส และลูกๆจะมีพ่อแม่เดียวไปตลอดชีวิต

คุณอาจเอาความป่วยของสังคมในทุกประเภทมาย้อนดู จะเห็นเบื้องหลังครอบครัวที่แตกแยก เห็นลูกที่ไม่ได้ถูกเลี้ยงมาโดยพร้อมหน้าพ่อแม่ เรามีสถิติยืนยันในเรื่องนี้ ลูกชายที่โตมาโดยขาดพ่อ 300% จะมีแนวโน้มก่อปัญหาสังคมและรับโทษตามกฎหมาย วัยรุ่น 63% พยายามฆ่าตัวตาย  71% ออกจากโรงเรียนกลางคัน 90% หนีออกจากบ้านหรือไปเร่ร่อนอยู่ตามถนน และ 85% ของอนุชนต้องเข้าสถานพินิจ พวกเขาล้วนแล้วมาจากครอบครัวที่ขาดพ่อ

ผมคิดว่าบางครั้งผู้คนเชื่อว่าพระเจ้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องเพศ มันน่าขันเพราะพระเจ้าเป็นผู้สร้างเรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ เป็นหนึ่งในการแสดงความรักและเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างสามีและภรรยา ไม่ใช่เรื่องสกปรก ไม่ใช่เรื่องลึกลับที่ไม่ควรพูดถึง แต่เป็นสิ่งที่สร้างความสุขและความผูกพัน พระเจ้าทรงอวยพระพรความสัมพันธ์นี้ภายในขอบเขตที่ปลอดภัยของชีวิตแต่งงานเท่านั้น

เพศสัมพันธ์นอกชีวิตสมรสอาจทำลายชีวิตให้ย่อยยับได้ เราจำเป็นต้องรักษาความสัมพันธ์ทางเพศในขอบเขตที่ถูกต้องและเหมาะสม ถ้าเราทำตามสิ่งที่พระเจ้าตรัสในพระวจนะ ถ้าเราจะกลับไปทำในสิ่งที่พระเจ้ากำหนดไว้เรื่องชีวิตแต่งงาน ประเทศของเราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง

ถ้าเราทำในสิ่งที่พระเจ้าตรัสในเรื่องนี้ ประเทศของเราจะเปลี่ยนไปมากแค่ไหน

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr.ภาพ cute HD Wallpapers)

Categories
บทความแปล

ในพระหัตถ์ของช่างปั้น

ในพระหัตถ์ของช่างปั้น

ข้าแต่พระยาห์เวห์ บัดนี้พระองค์ยังเป็นพระบิดาของพวกข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น ข้าพระองค์ทุกคนเป็นผลงานของพระหัตถ์พระองค์  (อิสยาห์ 6:48 THSV11)

ชาวกรีกเชื่อถือในเทพเจ้าหลายองค์ คิดว่าพวกเขาจะได้รับปัญญาและทิศทางในการดำเนินชีวิต เมื่อพวกโรมันสามารถเอาชนะชาวกรีกได้ พวกเขาจึงซึมซับเอาวัฒนธรรมและความเชื่อไปเป็นของตน แต่ปัญหาคือเทพเจ้าเหล่านี้ไม่มีตัวตนจริง  

ในฐานะคริสเตียน เราต้องการรู้น้ำพระทัยพระเจ้า แต่สิ่งนี้เป็นไปได้หรือ? เราจะรู้น้ำพระทัยพระเจ้าได้หรือ? พระเจ้ายังตรัสกับเราในทุกวันนี้หรือ? หรือว่าเราแสวงหาไปอย่างเปล่าประโยชน์ เหมือนกับชาวกรีกโบราณและชาวโรมันที่พยายามมองเข้าไปในใบหน้าของเทพเจ้าเหล่านั้นหรือ?

ไม่ใช่ครับ เป็นคริสเตียนคือเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตให้เป็นเหมือนองค์พระเยซูคริสต์ผู้สถิตในเรา พระเยซูตรัสว่า “เราจะไม่เรียกพวกท่านว่าบ่าวอีก เพราะบ่าวไม่ทราบว่านายทำอะไร แต่เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย เพราะว่าทุกสิ่งที่เราได้ยินจากพระบิดา เราสำแดงแก่พวกท่านแล้ว” (ยอห์น 15:15 THSV11)

พระเจ้าปรารถนาจะตรัสกับเราในวันนี้ พระองค์มีแผนการและพระประสงค์ในชีวิตเรา และปรารถนาเปิดเผยน้ำพระทัยที่มีในชีวิตเรา แล้วเราจะรู้พระประสงค์ของพระเจ้าได้อย่างไร? เราพบพระวจนะที่น่าสนใจในเยเรมีย์ 18: “พระวจนะซึ่งมาจากพระยาห์เวห์ถึงเยเรมีย์ว่า “จงลุกขึ้น ไปที่บ้านของช่างหม้อ เราจะให้เจ้าได้ยินถ้อยคำของเราที่นั่น” ข้าพเจ้าจึงลงไปที่บ้านของช่างหม้อ และเขากำลังทำงานอยู่ที่แป้นหมุน และภาชนะดินซึ่งกำลังทำนั้นเสียอยู่ในมือของช่างหม้อ เขาจึงปั้นใหม่ให้เป็นภาชนะอีกลูกหนึ่งตามที่เขาเห็นว่าควรทำ” (ข้อ 1-4 THSV11)

พระคัมภีร์กำลังบอกว่าพระเจ้าทรงเป็นเหมือนช่างปั้นหม้อ และเราเป็นเหมือนดิน พระเจ้าทรงเป็นช่างปั้นหม้อที่ต้องทำให้เราเป็นไปตามพระประสงค์และแผนการของพระองค์ และถ้าเราไม่ยอมเป็นไปตามแผนการและพระประสงค์ เราก็กำลังทำในสิ่งที่ไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

ถ้าเราไม่ยอมให้เป็นไปตามแผนการและพระประสงค์ของพระเจ้า เราก็กำลังทำในสิ่งที่ไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr.ภาพ Devoetry.com)

Categories
บทความแปล

สิ่งดีที่สุดที่จะตามมา

สิ่งดีที่สุดที่จะตามมา

จงระแวดระวังใจของเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เพราะทุกสิ่งที่เจ้าทำออกมาจากใจ  (สุภาษิต 4:23)

ซี เอส เลวิสกล่าวว่า “ผู้คนเอาแนวคิดจากหนังสือที่บอกว่าถ้าคุณแต่งงานกับคนที่ใช่ คุณก็คาดได้ว่าจะ “หลงรักกันตลอดไป“ ผลก็คือ เมื่อพวกเขาพบว่ามันไม่ใช่ ทำให้พิสูจน์ได้ว่าพวกเขาทำผิดพลาด … “โดยไม่ตระหนัก … ว่าความตื่นเต้นหวือหวาไม่ช้าก็หมดไปจากรักครั้งใหม่เหมือนกับที่เคยเกิดกับรักครั้งเก่า”

เรื่องรักโรมานติกหรือแรงดึงดูดที่มีให้กันในตอนต้นของชีวิตแต่งงาน เหมือนสตาร์ทรถ ทำให้เครื่องยนต์ติดและทำงาน เครื่องยนต์จำต้องวิ่งออกไป คุณจำเป็นต้องดูให้เครื่องยนต์นั้นเดินหน้าไปในทิศทางเดียวกัน ทำในสิ่งที่พระเจ้าเรียกให้คุณทำ คุณจะพบว่าไม่ว่าปัญหาใดที่คุณเผชิญในชีวิตแต่งงาน คุณจะผ่านไปได้ อาจมีข้อยกเว้น แต่ส่วนใหญ่แล้ว คุณจะฝ่าฟันความยากลำบากไปได้

มีการค้นคว้าเรื่องชีวิตคู่ที่มความขัดแย้งกันรุนแรง แต่ตัดสินใจจะอยู่กันต่อ ผลสำรวจเปิดเผยว่าสองส่วนสามของชีวิตแต่งงานที่ไม่สมหวัง แต่ทั้งคู่ยังอยู่กันต่อพบว่าการแต่งงานของพวกเขาจะมีความสุขหลังห้าปีผ่านไป เพราะพวกเขายังสู่ต่อและไม่ยอมแพ้

เป็นสิ่งพิสูจน์ว่าเป็นไปตามที่พระคัมภีร์กล่าวไว้นานแล้ว ดังนั้นจงดำเนินไปในแบบของพระเจ้า ให้การแต่งงานเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญที่สุด ให้ความต้องการของคู่สมรสมาก่อนความต้องการของคุณ เลือกที่จะไม่คิดถึงแต่ตนเอง แทนที่จะเห็นแก่ตัว รักษาความสัมพันธ์ทางเพศไว้กับคู่ของคุณเท่านั้น พยายามทำทุกทางที่จะกำจัดวัชพืชและกาฝากออกไปจากชีวิตแต่งงานของคุณ และเฝ้าดูว่าพระเจ้าจะทรงทำสิ่งใด

ไม่ว่าชีวิตแต่งงานของคุณกำลังตกอยู่ในสถานะใด อดทนรอคอยนะครับ สิ่งดีที่สุดจะตามมา อย่าล้มเลิก อย่าละทิ้งชีวิตแต่งงานของคุณ

ความเข้าใจผิดอาจเป็นอันตรายกับชีวิตคู่ของคุณได้ครับ

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ Pinterest.com)