Categories
บทความแปล

ตอนจบจะมีคนเหลืออยู่สองประเภท

ตอนจบจะมีคนเหลืออยู่สองประเภท

แล้วพระองค์จะตรัสกับพวกผู้ที่อยู่เบื้องซ้ายพระหัตถ์ของพระองค์ว่า ‘พวกท่านผู้ถูกแช่งสาปจงถอยไปจากเราและเข้าไปอยู่ในไฟที่ไหม้อยู่เป็นนิตย์ ซึ่งเตรียมไว้สำหรับมารร้ายและบริวารของมัน’  (มัทธิว 25:41 THSV11)

ซี เอส เลวิส เคยเขียนไว้ว่า “ตอนจบจะมีคนเหลืออยู่สองประเภท คนที่พูดกับพระเจ้าว่า “ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์” และคนที่พระเจ้าตรัสด้วยว่า “ขอให้เป็นไปตามใจที่เจ้าเลือก”

ถ้าเราเลือกตามทางของเราก็จะจบลงที่นรก ถ้าเลือกตามทางของพระเจ้าก็จะจบลงที่พระองค์

เราไม่อาจมีสวรรค์นิรันดรได้โดยไม่มีนรกนิรันดร ทั้งสองมีสอนอยู่ในพระคัมภีร์ และเป็นสิ่งที่เป็นนิรันดร์กาล พระเยซูตรัสให้ภาพนรกว่า “ความมืดมิดภายนอก” (มัทธิว 8:12 TNCV) มีคำถามว่าพระเจ้าผู้แสนดีจะส่งมนุษย์ลงนรกเชียวหรือ? อันที่จริง นรกไม่ได้มีไว้สำหรับมนุษย์ ตามที่พระเยซูตรัส นรกมีไว้สำหรับมารซาตานและบริวารของมัน

และความจริงคือ มารยังไม่ได้ลงไปอยู่ที่นั่น แต่ต้องได้ไปอยู่แน่นอนเพราะเตรียมไว้ให้พวกมันแล้ว แต่มนุษย์ลงไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร? พวกเขาไปที่นั่นเพราะปฏิเสธการอภัยที่พระเจ้ามอบให้ และเลือกที่จะติดตามมารซาตานไป ผลก็คือถ้าใครต้องการตกนรก พระเจ้าก็ให้ตามที่พวกเขาต้องการ

เราไม่อาจเลือกเอาเฉพาะความจริงดีๆในพระวจนะ และทิ้งสิ่งที่ไม่ถูกใจเรา ในฐานะศิษยาภิบาลและนักประพันธ์ ทิโมธี เคลเลอร์ ชี้ให้เห็นว่า “นรก และสวรรค์เป็นการเลือกโดยความสมัครใจของมนุษย์ และจะมีผลชั่วนิรันดร์”

ถ้าผู้ใดไม่ต้องการให้พระเจ้าเข้ามามีส่วนในชีวิต พระองค์ก็ไม่ทรงบังคับใจใคร พระองค์ไม่อาจบังคับให้ใครรับการอภัยได้ เป็นสิ่งที่เจ้าตัวต้องเลือกเอง

มนุษย์ถูกแยกจากพระเจ้าเพราะความบาป แต่พระเจ้าประทานทางออกให้ พระองค์ประทานพระเยซูคริสต์เพื่อมารับโทษบาปแทนเรา แต่ถ้าเราไม่รับข้อเสนอนี้ ไม่ยอมรับการรักษา ก็จะจบลงที่นรก คงโทษใครไม่ได้ยกเว้นตัวเอง

สิ่งที่เราจำเป็นต้องรู้ – เราเลือกจะพบอะไรในตอนจบของชีวิต

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ Flickr.com)

Categories
บทความแปล

ขมขื่น คือเป็นทุกข์อยู่ฝ่ายเดียว

ขมขื่น คือเป็นทุกข์อยู่ฝ่ายเดียว

นี่แน่ะ ท่านผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า อย่าแก้แค้น แต่จงมอบการนั้นไว้ แล้วแต่พระเจ้าจะทรงลงโทษ เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า “การแก้แค้นเป็นของเรา เราเองจะตอบแทน” (โรม 12:19 THSV11)

ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา มีคนถามประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์นว่าทำไมท่านถึงไปคบศัตรูเป็นเพื่อนแทนที่จะคิดหาทางทำลายพวกเขาเสีย ลินคอล์นตอบว่า “ผมไม่ได้กำลังทำลายศัตรูลงหรือ เมื่อผมทำให้พวกเขากลายมาเป็นเพื่อนได้?”

ถ้าเรารู้เรื่องการให้อภัย เราก็ควรเป็นคนที่ให้อภัย แต่ผู้คนในทุกวันนี้ แม้กระทั่งคริสเตียนเองยังกักเก็บความโกรธบางคนเอาไว้ ปัญหาคือถ้าเราทำเช่นนั้น เราก็กำลังสร้างความเจ็บปวดให้กับตนเองมากกว่าทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวด

กักเก็บการไม่ให้อภัยก็เหมือนคุณดื่มยาเบื่อหนูเข้าไปโดยหวังว่าหนูมันจะตาย แต่เรากลับเป็นฝ่ายที่ตายเอง เพราะมันจะกัดกินเราจากภายใน พระเยซูสอนให้เราอธิษฐานว่า “และขอทรงยกบาปผิดของพวกข้าพระองค์  เหมือนพวกข้าพระองค์ยกโทษบรรดาคนที่ทำผิดต่อข้าพระองค์ (มัทธิว 6:12 THSV11)

มีการค้นคว้าเรื่องการไม่ให้อภัยที่พัฒนาเพิ่มเติมว่า – คนที่ไม่ให้อภัย จะมีความดันโลหิตสูงกว่า มีความเครียดมากกว่า และมีปัญหาตามมาในเรื่องอารมณ์ มีความฉุนเฉียว กระสับกระส่าย และวิตกกังวลมากขึ้น ผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่งกล่าวว่า มีความโน้มเอียงที่ชัดเจนด้านพัฒนาการทางอารมณ์ในความแตกต่างระหว่างคนที่ให้อภัย และคนที่ไม่ยอมให้อภัย

ขอนำคำพูดของเจ้าหญิงเอลซ่าในภาพยนตร์เรื่อง “ผจญภัยแดนคำสาปราชินีหิมะ” (Frozen) ที่พูดว่า “ปล่อยไปเถอะ” ขอให้เราแค่ปล่อยและมอบไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า บางทีคุณอาจคิดว่าคนที่ทำผิดต่อคุณไม่สมควรได้รับการอภัย ซึ่งก็อาจเป็นจริง แต่ตัวคุณล่ะ สมควรได้รับการอภัยจากพระเจ้าหรือเปล่า? ไม่เลย เราต่างก็ไม่สมควรได้รับ พระเยซูคริสต์เสด็จมาเพื่อชดใช้แทนเรา พระองค์ไม่ได้เป็นหนี้อะไรเรา แต่เราต่างหากที่เป็นหนี้ความผิดบาปและไม่อาจชดใช้คืนได้ เพราะบาปของเราพระเจ้าอภัยให้แล้ว เราต้องมีใจให้อภัยแกคนที่ทำบาปต่อเรา

มีใครที่คุณยังให้อภัยไม่ได้หรือไม่? คุณพร้อมจะอภัยให้พวกเขาหรือยัง? คนที่ไม่ให้อภัยเป็นคนที่มีความขมขื่นใจ และถ้าคุณยังให้อภัยไม่ได้ ความขมขื่นก็จะกลืนกินคุณ เมื่อคุณเลือกที่จะให้อภัยบางคน คุณก็กำลังปลดปล่อยตัวเองออกจากที่คุมขัง ดังนั้นคนที่ได้รับการอภัย ควรเป็นคนที่ให้อภัยผู้อื่นได้

ถ้าคุณยังให้อภัยไม่ได้ ความขมขื่นนั้นก็จะกลืนกินคุณ 

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr. ภาพ Gratitude)

Categories
บทความแปล

ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์

ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์

ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก  (มัทธิว 6:10THSV11)

เราจะรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าได้อย่างไร? เราพบได้ในพระวจนะของพระองค์ ยิ่งเราอ่านพระคัมภีร์มากเท่าไร เราก็จะยิ่งเข้าใจพระวจนะมากเท่านั้น และเราก็จะยิ่งค้นพบว่าอะไรคือน้ำพระทัยของพระเจ้า  

พระเยซูตรัสว่าเราควรอธิษฐาน “ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่ ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก”  (มัทธิว 6:10THSV11)

สิ่งนี้เตือนเราว่าจุดประสงค์เบื้องต้นของการอธิษฐานคือ ให้นำความปรารถนาของเราสอดคล้องไปกับน้ำพระทัยของพระเจ้า

ในยอห์น 15 เราได้พบพระสัญญาที่น่าทึ่งจากพระเยซู: “ถ้าพวกท่านติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับท่านแล้ว ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น” (ข้อ 7)  ถ้าเรานำมาเรียบเรียงให้เห็นภาพ: ถ้าเจ้าทำตัวเหมือนอาศัยอยู่ด้วยกับเรา และถ้อยคำของเราอาศัยอยู่ในตัวเจ้า จงแน่ใจได้ว่าไม่ว่าจะขอสิ่งใด เราจะรับฟังและช่วยเจ้า”

แน่นอนเราจะรีบจับจ้องไปที่ถ้อยคำ “ท่านจะขอสิ่งใดที่ท่านปรารถนาก็จะได้สิ่งนั้น” แต่เดี๋ยวก่อนครับ ให้ย้อนไปที่ “ถ้าพวกท่านติดสนิทอยู่กับเราและถ้อยคำของเราติดสนิทอยู่กับท่านแล้ว…” เรียบเรียงอีกแบบคือ: ถ้าเรารักษาสถานะภาพที่เป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า และให้พระวจนะของพระองค์อยู่ในหัวใจของเรา วิธีที่เราอธิษฐานจะเปลี่ยนไป

พระเจ้าปรารถนาให้เราค้นพบน้ำพระทัยของพระองค์ แต่การอธิษฐานที่แท้จริงไม่ใช่เพื่อเอาชนะใจพระเจ้าให้ได้สิ่งที่เราต้องการ แต่เป็นการให้น้ำพระทัยของพระเจ้าชนะใจเรา การอธิษฐานไม่ใช่เป็นการทำความต้องการของเราให้เข้าไปถึงสวรรค์ แต่เป็นเรื่องให้น้ำพระทัยของพระเจ้าเข้ามาในโลกนี้

ถ้าคุณต้องการคำตอบสำหรับคำอธิษฐานที่ได้รับการรับรอง นีคือเคล็ดลับ ให้ค้นพบน้ำพระทัยของพระเจ้าและอธิษฐานตามน้ำพระทัย

การอธิษฐานที่แท้จริงไม่ใช่เพื่อเอาชนะใจพระเจ้าให้ได้ตามที่ต้องการ แต่เป็นการให้น้ำพระทัยของพระเจ้าชนะใจเรา

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr.ภาพ WonderfulwordofGod)

Categories
บทความแปล

นักศึกษาห้อง “คิง”

นักศึกษาห้อง “คิง”

และเมื่อท่านอธิษฐาน ไม่ต้องพูดพร่ำซ้ำซากเหมือนคนต่างศาสนา เพราะเขาคิดว่าพูดมากๆ พระจึงจะได้ยิน (มัทธิว 6:7 TNCV)

คิดภาพคุณกำลังเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่ง คุณมีโอกาสได้เรียนรู้จากผู้ทรงคุณวุฒิชั้นยอดจากหลากหลายสาขาวิชา คุณได้เรียนดนตรีภายใต้อิทธิพลของบีโทเวน เรียนรัฐศาสตร์จากโธมัส เจฟเฟอร์สัน การละครจากเชคสเปียร์ วิชาปรัชญาจาก ซี เอส ลูวิส หรือห้องเรียน “เรื่องการอธิษฐาน” จากพระเยซูคริสต์?

เรียนรู้เรื่องการอธิษฐานจะมีผู้ใดสอนได้ดีไปกว่าพระเจ้าของเรา?

พระเจ้าทรงสอนเราถึงวิธีที่เราควรพูดคุยกับพระองค์ นี่เป็นห้องเรียนที่เรียกได้ว่า “ห้องคิง” ในมัทธิว 6:9–13 พระเยซูสอนเราเรื่องการอธิษฐาน ที่จริงในพระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกว่าเป็นคำอธิษฐานของพระเยซู แต่เป็นชื่อที่ใช้เรียกเพื่อให้เราเข้าใจตรงกัน อย่างไรก็ตาม นี่เป็นคำอธิษฐานที่พระเยซูไม่ได้ใช้เพื่อพระองค์เอง เพราะมีคำที่ทูลขอว่า “และขอทรงยกบาปผิดของพวกข้าพระองค์” (ข้อ 12 THSV11)

นี่คือคำอธิษฐานสำหรับพวกเรา เป็นต้นแบบการอธิษฐาน และเราควรทำความเข้าใจให้ดี แม้ไม่มีอะไรผิดเกี่ยวกับการอธิษฐานด้วยคำอธิษฐานนี้ทีละคำ เพราะนี่คือต้นแบบการอธิษฐานของเรา พระเยซูกำลังบอกว่า “ถ้าต้องการให้คำอธิษฐานมีผลให้พระเจ้าฟัง พวกเจ้าต้องอธิษฐานในแบบนี้”

ปัญหาเรื่องคำอธิษฐานของพระเยซูไม่ได้อยู่ที่คำอธิษฐาน แต่อยู่ที่เรา เราอาจตัดบางถ้อยคำมาใช้มากกว่าถ้อยคำอื่นๆ และใช้กันมาตลอดประวัติศาสตร์ ความยากคือถ้อยคำพวกนี้เราฟังกันจนชิน เราท่องถ้อยคำเหล่านี้ซ้ำๆจนผ่านเลยหูเราไป  

เราต้องช้าลง และค่อยๆนำแต่ละถ้อยคำมาพิจารณา ทุกถ้อยคำที่พระเยซูสอนทรงมีพระประสงค์ ทุกวลีมีความหมาย การเรียงลำดับก็มีนัยสำคัญ เพราะทุกถ้อยคำนั้นคือบทเรียนเรื่องการอธิษฐานที่พระเจ้าทรงประทานให้พวกเรา

ในฐานะนักศึกษาห้องคิง เราเรียนรู้เรื่องใดในคำอธิษฐานของพระเยซู?

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ ThoughtCo)

Categories
บทความแปล

คำอธิษฐานพยุงชีวิต

คำอธิษฐานพยุงชีวิต

ถ้าผู้ใดในพวกท่านเดือดร้อนผู้นั้นควรจะอธิษฐาน ถ้าผู้ใดมีความสุขให้ผู้นั้นร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า (ยากอบ 5:13 TNCV)

เมื่อภรรยาและผมต้องเผชิญวิกฤติร้ายแรงที่สุดในชีวิต ลูกชายของเราเสียชีวิตในอุบัติเหตุรถยนต์ เราเรียนรู้ที่จะอธิษฐานอย่างที่ไม่เคยมาก่อน เราไม่ได้อธิษฐานวิงวอนทูลขอ เราอธิษฐานในแบบของคนสิ้นหวัง เป็นคำอธิษฐานเพื่อให้เราสามารถผ่านแต่ละวันไปได้   

สามสิ่งที่ช่วยให้ผมสามารถผ่านวิกฤติไปได้ และผ่านไปได้ทีละวันๆ – คือคำอธิษฐาน พระวจนะ คำปลอบโยนและกำลังใจจากพี่น้องผู้เชื่อด้วยกัน  

ผมพบว่าจำเป็นต้องอธิษฐาน โดยเฉพาะในช่วงเวลาแห่งความทุกข์และหลังจากนั้นเพื่อให้หลับตาลงได้ในแต่ละคืน ผมจำเป็นต้องอธิษฐานเพื่อจะลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ผมจำเป็นต้องอธิษฐานเพื่อให้เดินหน้าไปได้อีกวัน

เราไปโบสถ์เช้าวันอาทิตย์สามวันหลังจากเหตุการณ์ ผู้คนเข้ามาหาและพูดว่า “เกร็ก เราเห็นคุณและครอบครัวมาโบสถ์ คุณเข้มแข็งมาก ไม่คิดว่าจะเข้มแข็งได้ขนาดนี้”

แต่ผมไม่ได้ไปโบสถ์วันนั้นเพราะผมเข้มแข็ง ผมไปโบสถ์เพราะผมอ่อนแอ ผมต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้า ต้องการคำอธิษฐาน ต้องการพระวจนะ ต้องการคำปลอบโยนและกำลังใจ

แม้ทุกสิ่งดูเหมือนไปได้ด้วยดี เรายังควรต้องอธิษฐาน ยากอบ 5:13 กล่าวว่า “ถ้าผู้ใดในพวกท่านเดือดร้อนผู้นั้นควรจะอธิษฐาน ถ้าผู้ใดมีความสุขให้ผู้นั้นร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า” (TNCV)

บางครั้งเราไปโบสถ์โดยแบกปัญหาและภาระที่หนักอึ้งของเราไป เรานมัสการพระเจ้า เราได้ยินพระเจ้าตรัสผ่านพระวจนะ แล้วเราก็กลับบ้าน – ปัญหายังคงมีเหมือนเดิม แต่เราจะมองมันต่างไป เพราะเราได้เห็นพระเจ้าในฤทธิ์อำนาจของพระองค์

เมื่อเราหยุดพิจารณาถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า เราจะเห็นมุมมองใหม่

เมื่อเรามีพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ ปัญหาของเราก็จะเล็กลง ขึ้นอยู่กับว่าเรามองสิ่งต่างๆอย่างไร

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr.ภาพ Mindwise)

Categories
บทความแปล

ความจริงเรื่องนิรันดร์กาล

ความจริงเรื่องนิรันดร์กาล

พระองค์นี้แหละที่เราประกาศอยู่โดยการเตือนสติและสั่งสอนทุกคนด้วยสรรพปัญญา เพื่อว่าเราจะถวายทุกคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วในพระคริสต์ (โคโลสี 1:28 THSV11)

ผมมีเพื่อนเป็นหมอ และบางครั้งงานนี้ก็ยากโดยเฉพาะที่จะบอกผู้คนว่าเป็นโรคร้าย การบอกความจริงกับบางคนบางครั้งก็ยาก แต่เมื่อต้องบอกผู้ป่วยบางคนว่าเป็นมะเร็ง ท่านจะให้ความหวังใจผ่านวิธีรักษา ท่านจะบอกความจริงแต่ก็เสนอทางออกให้ด้วย

เมื่อเราแบ่งปันข่าวประเสริฐ เราไม่เพียงแต่พูดถึงพระสัญญาที่ได้ไปสวรรค์ แต่เรายังเตือนถึงความจริงเรื่องนรก ใช่ครับ นรกมีจริง แต่เราไม่จำเป็นต้องไปที่นั่น พระเจ้าได้เตรียมหนทางให้พ้นจากนรกแล้ว – ถ้าเราเชื่อในพระเยซูคริสต์

ถ้าเราเสนอแต่พระสัญญาเรื่องสวรรค์โดยไม่เตือนเรื่องนรก ถ้าเราเสนอการให้อภัยโดยไม่มีการสำนึกผิดกลับใจ ถ้าเราแบ่งปันข่าวประเสริฐโดยไม่มีกางเขนของพระเยซูคริสต์ เราก็กำลังนำเสนอข่าวจอมปลอมและความหวังจอมปลอม

เราต้องเตือนผู้คนว่านรกนั้นมีจริง

ผมสงสัยว่ามีกี่คนที่ไม่เคยได้ยินข่าวประเสริฐ คิดว่าน่าจะมีหลายคน ถ้าคุณรักผู้คน คุณก็จะบอกความจริงพวกเขาเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์หลังความตาย คุณจะไม่กักความจริงบางส่วนไว้ แต่จะแบ่งปันข่าวประเสริฐด้วยใจรัก เตือนผู้คนถึงผลที่จะเกิดขึ้นหากพวกเขาไม่ต้องการรับไว้

ผมอธิษฐานขอพระเจ้ามอบภาระใจที่ทำให้คุณนั่งไม่ติด ให้มีใจห่วงใยผู้คนที่เรานำข่าวประเสริฐไปแบ่งปัน เราจะพูดจากหัวใจของคนที่กำลังมุ่งไปสู่ความตายสู่อีกคนที่มีปลายทางเหมือนกัน เพียงแต่บางคนไม่รู้ว่าตายแล้วไปไหน และแต่ละคนมีเวลาเหลือเท่าไร

ขอให้เราใช้ความรักในการประกาศข่าวประเสริฐเหมือนที่พระเจ้าทรงรักและห่วงใยเรา

ทำไมเราต้องประกาศข่าวประเสริฐ? คำตอบสุดท้ายคือเราไม่ต้องการเห็นใครไปนรก

ขอให้เราใช้ความพยายามทุกทางในการประกาศข่าวประเสริฐที่ประเสริฐนี้ออกไป

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr.ภาพ Civil celebrations Network)

Categories
บทความแปล

พระประสงค์ในความยากลำบาก

พระประสงค์ในความยากลำบาก

พี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อพวกท่านพบกับการทดลองใจต่างๆ ก็จงถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดียิ่ง เพราะพวกท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน และจงให้ความทรหดอดทนนั้นมีผลอย่างสมบูรณ์ เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เป็นคนที่สมบูรณ์และดีพร้อม โดยไม่ขาดสิ่งใดเลย (ยากอบ 1:2-4 THSV11)

ผมมีที่ใส่อาหารนกอยู่ในสนามหลังบ้านที่มองเห็นได้จากห้องครัว ผมชอบเฝ้าดูเวลาที่นกมากินอาหารที่ใส่ไว้ เราเป็นผู้เชิญพวกเขาให้มา พวกเขาเป็นแขกของเรา แต่ก็มีสัตว์อื่นๆที่ไม่ได้รับเชิญ พวกมันเข้ามาแล้วกินอาหารที่เราไม่ได้เตรียมไว้ให้ เราควรเรียกพวกมันว่าอะไรดี?

ในอุปมาเรื่องผู้หว่าน พระเยซูทรงเล่าถึงผู้หว่านที่ออกไปหว่านเมล็ดพืช บางเมล็ดตกลงที่ข้างทาง นกและสัตว์อื่นๆก็มาเก็บกิน เช่นเดียวกับสัตว์พวกนั้น ซาตานก็จะรีบมาฉกพระวจนะที่หว่านไว้ในใจของผู้เชื่อบางคนไป

อัครทูตเปาโลเขียนถึงคริสตจักรที่เมืองเธสะโลนิกา “เพราะเราอยากมาหาท่าน ข้าพเจ้า เปาโลอยากมาหนแล้วหนเล่า แต่ซาตานได้ขัดขวางเราไว้” (1เธสะโลนิกา 2:18THSV11) ซาตานต้องการหยุดยั้งเรา

อัครทูตเปาโลยังได้พูดถึงสิทธิพิเศษยิ่งใหญ่ที่ได้ขึ้นไปยังสวรรค์ ท่านกล่าวว่า “ถูกรับขึ้นไปยังเมืองบรมสุขเกษม และได้ยินถ้อยคำที่บอกไม่ได้ซึ่งไม่อนุญาตให้มนุษย์กล่าวถึง” (2โครินธ์ 12:4THSV11) และท่านก็ถูกเรียกกลับมาสู่โลกเพื่อดำเนินชีวิตอย่างที่สมควรเป็น ท่านกล่าวว่า “และเพื่อไม่ให้ข้าพเจ้ายกตัวเกินไป … ก็ทรงให้มีหนามในเนื้อของข้าพเจ้า …ข้าพเจ้าวิงวอนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อขอให้มันหลุดไปจากข้าพเจ้า” (ข้อ 7, 8 THSV11)

หนึ่งในเหตุผลที่พระเจ้าอนุญาตให้เราเผชิญกับความยากลำบากเพื่อนำเราให้เข้าใกล้พระองค์ อีกเหตุผลคือเพื่อสร้างเราให้แข็งแกร่งขึ้น ยากอบ 1:3 กล่าวว่า “เพราะพวกท่านรู้ว่าการทดสอบความเชื่อของท่านนั้น ทำให้เกิดความทรหดอดทน” 

จงรู้ไว้: พระเจ้าจะไม่ทรงมอบในสิ่งที่คุณเผชิญไม่ได้ เมื่อพระเจ้าอนุญาตให้ลูกๆของพระองค์ผ่านการทดสอบที่ยากลำบาก พระเนตรของพระองค์จะจับจ้องอยู่ที่เรา และพระหัตถ์ของพระองค์ทรงแตะอยู่ที่เครื่องควบคุมอุณหภูมิ

ทำไมพระเจ้าทรงอนุญาตให้ลูกๆของพระองค์เผชิญกับความยากลำบาก?

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 (Cr.ภาพ Teejah)