Categories
บทความแปล

นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

ผู้คนจากตะวันตกจะยำเกรงพระนามของพระยาห์เวห์ และจากที่พระอาทิตย์ขึ้น พวกเขาจะยกย่องพระเกียรติสิริของพระองค์ เพราะพระองค์จะเสด็จมาเหมือนกระแสน้ำเชี่ยว ซึ่งขับเคลื่อนด้วยลมปราณขององค์พระผู้เป็นเจ้า (อิสยาห์ 59:19 TNCV)

ผมเชื่อว่าเรากำลังอยู่ในยุคสุดท้าย มองไปรอบๆตัวเราจะเห็นหลายๆคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์เป็นจริงต่อหน้าต่อตา พระคัมภีร์บอกเราว่าหนึ่งในหมายสำคัญของยุคสุดท้ายคือความชั่วร้ายจะทวีความรุนแรงขึ้น สิ่งต่างๆจะเปลี่ยนจากเลวไปถึงเลวที่สุด และเป็นเวลาที่พวกมารซาตานเร่งทำงานของพวกมันอย่างเต็มกำลัง

เมื่อคุณนำเรื่องมารซาตานขึ้นมาพูด บางคนอาจเห็นเป็นเรื่องขำๆ พวกเขามองเหมือนตัวการ์ตูนที่เขียนมาล้อเลียนกัน หรือไม่ก็เป็นเรื่องลึกลับซึ่งอาจไม่มีจริง แต่ในพระคัมภีร์พวกมันมีตัวตนจริง ถ้าคุณไม่เชื่อให้ลองเข้ามาอุทิศตนให้พระเยซูคริสต์ดู แล้วคุณจะได้รู้ว่ามีอยู่จริง เมื่อมีพระเจ้าผู้ประทับอยู่บนฟ้าสวรรค์ พวกมารที่อยู่บนโลกก็ขัดขวางไม่ให้คุณขึ้นไปหาพระเจ้าได้ และคอยดึงคุณให้ลงต่ำเพื่อไปอยู่กับพวกมันที่ก้นบึ้งเบื้องล่าง

เมื่อคิดถึงการล่อลวงและอำนาจที่พวกมารมีอาจทำให้คุณท้อถอย  แต่ข่าวดีคือ  “ผู้คนจากตะวันตกจะยำเกรงพระนามของพระยาห์เวห์ และจากที่พระอาทิตย์ขึ้น พวกเขาจะยกย่องพระเกียรติสิริของพระองค์  เพราะพระองค์จะเสด็จมาเหมือนกระแสน้ำเชี่ยว ซึ่งขับเคลื่อนด้วยลมปราณขององค์พระผู้เป็นเจ้า” (อิสยาห์ 59:19 TNCV)

ผู้คนมากมายยังเอาตัวเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องไสยศาสตร์ลึกลับมนต์ดำ และตกไปอยู่ภายใต้อำนาจการควบคุมของมันโดยไม่รู้ตัว เพราะพวกเขาคิดว่าเป็นเรื่องเล่นๆ ไม่ว่าจะดูดวง กราบไหว้ภูติผีปีศาจ บนบานขอในสิ่งที่ตนเองอยากได้ พวกเขาอาจคิดว่าไม่เป็นไร ลองดูไม่เสียหาย เอาที่สบายใจ ไม่เชื่อก็ไม่ลบหลู่  

บางคนอาจบอกผมว่า “เกร็กครับ อย่าซีเรียสนักเลย ไม่ได้ก็ไม่เห็นเป็นไร แค่ลองดูเป็นอีกทางเลือก” เรื่องพวกนี้มีจริงนะครับ เราอาจเห็นเป็นเรื่องตลกขำๆ แต่ไม่นะครับ อย่าเอาตัวเข้าไปเสี่ยงเกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ ระวังและหาทางปกป้องตนเอง พวกมารมีจริง และมันกำลังเร่งทำงานรวบรวมสมุน เพื่อต้านไม่ให้คนได้รู้จักกับพระเจ้าองค์เที่ยงแท้ ดังนั้นอย่าล้อเล่นกับเรื่องพวกนี้ครับ

เราอย่าล้อเล่นกับเรื่องพวกนี้ เพราะพวกมันเอาจริง

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ flickr.com)

Categories
บทความแปล

วันนี้แหละคือวันที่ใช่

วันนี้แหละคือวันที่ใช่

ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์ (โคโลสี 3:23 THSV11)

ช่วงเรียนมหาวิทยาลัย และช่วงเริ่มต้นอาชีพ ผมรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลที่ต้องการทำทุกสิ่งออกมาให้ดีที่สุด แต่ช่วงเวลานั้นผมก็ได้รับมุมมองใหม่ๆและได้เรียนรู้บางสิ่ง การได้ถ้วยรางวัล หรือขว้างลูกออกไปได้ไกลจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด

มากกว่าได้รับความสำเร็จในโลก หรือประกอบอาชีพที่มีชื่อเสียง ผมกลับต้องการเป็นผู้เชื่อ แรกสุดและเหนืออื่นใดผมต้องการเป็น “ผู้เชื่อในพระเจ้า” ต้องการเป็นผู้เชื่อในท่ามกลางทีมอเมริกันฟุตบอลของผม ในความสามารถที่มีและในเหตุผลที่ผมมาอยู่ที่นี่ เป็นผู้เชื่อที่ทำงานอย่างเต็มกำลังรับใช้พระเจ้าและทำตามพระประสงค์เหนือสิ่งอื่นใด

คิดถึงผู้คนที่เข้ามาในชีวิต คุณเคยสังเกตหรือไม่ บางคนก็เป็นผู้ที่ให้เข้ามาในชีวิต และคนอื่นๆก็เป็นผู้ตักตวงออกไปจากชีวิต? ทุกคนที่เราพบคือโอกาสที่จะสร้างอิทธิพลผลักดันพวกเขาไปสู่สิ่งที่ดี จงเป็นผู้ให้ชีวิต ไม่ใช่เป็นผู้ตักตวง เพราะไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ ผู้คนกำลังมองเรา สิ่งที่เราพูดและสิ่งที่เราทำจึงสำคัญ เมื่อเรามีชีวิตที่มีจุดมุ่งหมาย เราสร้างความแตกต่างได้ เราสามารถทิ้งมรดกที่ส่งผลกระทบได้อย่างยั่งยืน

คุณกล้าก้าวกระโดดออกไปในความเชื่อฝ่ายวิญญาณหรือไม่? มีชีวิตที่สำแดงพระเจ้าอย่างเข้มข้นหรือไม่? แม้จะไม่ง่าย แต่ก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่า บ่อยครั้งเราระวังตัวเกินไปจนพระเจ้าไม่สามารถสำแดงผ่านเราได้ เราไม่จำเป็นต้องมีฝันที่ยิ่งใหญ่ เป็นคนมีชื่อเสียง หรือมีอำนาจปกครองโลก  แต่นำสิ่งที่คุณมีไปช่วยเหลือผู้อื่นแล้วคุณจะเห็นพระเจ้าทำงานผ่านคุณอย่างมากมาย จงก้าวออกไป กล้าทำในสิ่งที่ไม่คิดว่าตนเองจะทำได้ หรืออึดอัดใจที่จะทำ เช่นประกาศข่าวประเสริฐ แบ่งปันพระวจนะ หรือบอกผู้คนว่าพระเจ้ารักพวกเขา

จำไว้ว่าทุกสิ่งที่คุณพูดและทำ ผู้เฝ้ามองคนสำคัญที่สุดคือพระเจ้า ในพระธรรมโคโลลี เปาโลเตือนว่า “ไม่ว่าพวกท่านจะทำสิ่งใด ก็จงทำด้วยความเต็มใจเหมือนทำถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่เหมือนทำต่อมนุษย์” (โคโลสี 3:23 THSV11)

ผมพบผู้คนมากมายที่ขอเรียกว่าเป็นพวก “สักวันฉันจะทำ” เช่น “สักวันฉันจะไปประกาศ” หรือ “สักวันผมจะไปเล่าเรื่องพระเจ้าให้พ่อแม่ฟัง” หรือแม้กระทั่ง “สักวันฉันจะแสวงหาน้ำพระทัยของพระเจ้า” แต่ปัญหาคือเราไม่รู้ว่าเราเหลืออีกกี่วันที่จะทำสิ่งเหล่านี้ได้ แต่ละวันจึงมีความสำคัญ เพราะอาจเป็นวันสุดท้ายของเรา

แม้จะทุ่มเททุกสิ่งที่มีเพื่อไล่ตามความฝัน ซึ่งอาจจะสำคัญ ชีวิตเป็นมากกว่าเอาชนะทุกเกมการแข่งขัน แต่เชื่อว่าพระเจ้าสามารถทำสิ่งสำคัญเพื่อให้พระประสงค์ของพระองค์สำเร็จลงผ่านทางเรา ไม่ว่าคุณจะเป็นแม่บ้าน เป็นผู้บริหารระดับสูง เป็นนักศึกษา หรือเป็นผู้ใหญ่วัยเกษียนที่ถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตไปสู่คนรุ่นหลัง

วันนี้แหละคือวันที่ใช่ วันที่พระเจ้าต้องการใช้คุณ ในวันที่คุณคาดไม่ถึง

 

โดย Tim Tebow

Encouragement for today (Proverbs 31 Ministries)

(Cr. ภาพ NJ.com)

Categories
บทความแปล

วิ่งแข่งชีวิต

วิ่งแข่งชีวิต

ท่านวิ่งแข่งดีอยู่แล้ว ใครเล่าขัดขวางท่านไม่ให้เชื่อฟังความจริง  (กาลาเทีย 5:7 KJV)

หนึ่งในคุณสมบัติโดดเด่นของอดีตนักวิ่งสายฟ้าแลบ “ยูเซน โบลท์” ไม่เพียงแต่เขาวิ่งได้เร็วเท่านั้น เขายังออกตัวเร็ว ความเร็วคงที่ และถึงเส้นชัยอย่างรวดเร็ว เขาไม่เคยช้าลง และทำให้คู่แข่งแทบไม่เห็นฝุ่น

บางคนวิ่งแข่งชีวิตในทำนองเดียวกัน ทันทีที่เสียงปืนดัง พวกเขาวิ่งกันสุดฝีเท้า และจบลงด้วยชัยชนะ บางคนก็ออกตัวเร็ว แต่ระหว่างทางก็ค่อยๆช้าลง บางครั้งก็สะดุดหัวคะมำล้มลง แต่แล้วพวกเขาก็ลุกขึ้น และไปต่อจนถึงเส้นชัย และมีบางคนที่ออกตัวแรงแต่ไปไม่ถึงไหน และไม่เคยถึงเส้นชัย

ใครเป็นผู้กำหนดว่าจะวิ่งแข่งชีวิตอย่างไร? คุณอาจแปลกใจกับคำตอบของผม – ตัวคุณครับ – พระเจ้าประทานทุกสิ่งที่จำเป็นให้คุณ พระองค์ประทานฤทธิ์อำนาจและแหล่งทรัพยากรทั้งหมดให้คุณ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณว่าจะใช้สิ่งที่พระองค์ประทานให้หรือไม่ พระเจ้าไม่ได้วิ่งแข่งแทนเรา แต่เราวิ่งแข่งเพื่อพระสิริของพระองค์

ทุกอย่างขึ้นอยู่กับคุณ จะวิ่งแข่งชีวิตของคุณอย่างไร คุณเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะเป็นผู้เปลี่ยนแปลงโลก หรือจะเป็นผู้ที่ถูกโลกเปลี่ยนแปลง ผู้เปลี่ยนแปลงโลกจะไม่ก้าวตามจังหวะค่านิยมและกระแสของโลก ผู้เปลี่ยนแปลงโลกจะก้าวเท้าแนบสนิทไปกับพระบาทของพระเยซูคริสต์ และสร้างแรงกระเพื่อมไปสู่ผู้คนรอบข้างมากกว่ารับแรงกระเพื่อมจากรอบด้าน ผู้เปลี่ยนแปลงโลกเป็นเหมือนเครื่องควบคุมอุณหภูมิ ไม่ใช่เป็นเครื่องวัดอุณหภูมิ พวกเขาจะเป็นฝ่ายควบคุมอุณหภูมิ เป็นผู้กำหนดจังหวะฝีเท้า และคิดคำนวนด้วยตนเอง

นำคนที่อ่านพระคัมภีร์มาให้ผม คนที่ทำในสิ่งที่พระเจ้าบอกให้ทำ และมีชีวิตติดตามพระเยซู และผมจะแสดงให้เห็นคนที่ลุกขึ้นมาต้านค่านิยมและกระแสของโลกยุคนี้ และนี่คือผู้เปลี่ยนแปลงโลก

ถ้าคุณล้มลง ถ้าคุณสะดุดหน้าคะมำ ลุกขึ้นและออกวิ่งอีกครั้ง พระเจ้าให้โอกาสเริ่มต้นใหม่เสมอ คุณยังมีโอกาสไปจนถึงเส้นชัย

จะวิ่งแข่งชีวิตอย่างไร ขึ้นอยู่กับตัวคุณครับ

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ gettyimages)

Categories
บทความแปล

เดินขึ้นสวรรค์

เดินขึ้นสวรรค์

โดยความเชื่อ เอโนคจึงถูกรับขึ้นไปเพื่อไม่ให้ท่านประสบกับความตาย ไม่มีผู้ใดพบท่านเพราะพระเจ้าทรงรับท่านไปแล้ว เพราะก่อนที่จะรับท่านขึ้นไปนั้น ท่านได้รับการรับรองแล้วว่าท่านเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า (ฮีบรู 11:5 THSV11)

คุณอาจมีชีวิตอยู่เพื่อหาความสุขใส่ตนเอง ซึ่งจะทำให้คุณเป็นที่น่าอนาถ คุณอาจมีชีวิตอยู่เพื่อคอยเอาใจผู้อื่น ซึ่งจะทำให้คุณหงุดหงิดเพราะคุณไม่อาจเอาใจทุกคนได้ทุกเวลา หรือคุณอาจมีชีวิตอยู่เพื่อให้เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า

นี่คือสิ่งที่เอโนคทำ ท่านมีชีวิตเพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย พระธรรมฮีบรู 11 บอกเราว่า “ท่านได้รับการรับรองแล้วว่าท่านเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า” (ข้อ5) นี่เป็นคำพยานที่น่าทึ่งมาก

พระเยซูตรัสว่า “เพราะว่าเราทำตามชอบพระทัยพระองค์ (พระบิดา) เสมอ” (ยอห์น 8:29 THSV11) ขอให้เป็นคำพูดของคุณและของผมด้วย – เราจะทำตามชอบพระทัยพระเจ้า

พระคัมภีร์บอกเราว่า “เอโนคดำเนินกับพระเจ้าแล้วก็หายไปเพราะพระเจ้าทรงรับเขาไป” (ปฐมกาล 5:24 THSV11) เอโนคไม่ได้ตาย ท่านไปสวรรค์เหมือนถูกรับขึ้นไปคนเดียว เอโนคดำเนินกับพระเจ้าขณะอยู่บนโลกนี้ ดังนั้นพระเจ้าจึงรอต้อนรับท่านที่บนสวรรค์

ผมเชื่อว่าเรากำลังอยู่ในยุคสุดท้าย ผมเชื่อว่าพระเยซูจะเสด็จกลับมาในตอนไหนก็ได้ จากที่ผมศึกษาเรื่องคำพยากรณ์ในพระคัมภีร์ ผมเชื่อว่าเหตุการณ์ต่อไปตามปฏิทินของคำพยากรณ์คือสิ่งที่เรียกว่า คริสตจักรจะถูกรับขึ้นไป ผู้เชื่อแท้ในพระเยซูคริสต์จะถูกรับขึ้นไปพบกับพระองค์ในฟ้าอากาศ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทุกขณะและชั่วพริบตา

แต่ถ้าพระเจ้าไม่ได้มาในชั่วชีวิตของเรา เราก็จะตายลง พระคัมภีร์กล่าวว่า “ตามที่มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่าจะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษาฉันใด“ (ฮีบรู 9:27 THSV11) ไม่มีใครหนีพ้น เมื่อคุณดำเนินไปกับพระเจ้าและจบลงที่ความตาย คุณไม่มีอะไรให้ต้องกลัว เพราะคุณรู้ว่าเมื่อชีวิตคุณจบลง คุณจะได้ไปสวรรค์ ทันทีที่คุณหายใจเฮือกสุดท้ายที่ในโลก ลมหายใจต่อไปของคุณคือบนสวรรค์ นี่คือความหวังใจที่ยิ่งใหญ่ของคริสเตียน

คุณมีชีวิตอยู่เพื่อให้พระเจ้าพอพระทัย – หรือเพื่อให้ใครพอใจครับ?

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ istockphoto.com)

Categories
บทความแปล

จงระวังวิถีการตีความพระคัมภีร์ของคุณ!

จงระวังวิถีการตีความพระคัมภีร์ของคุณ!

“ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจข้อนี้ก่อน คือผู้หนึ่งผู้ใดจะตีความหมายคำของผู้เผยพระวจนะในพระคัมภีร์เอาเองไม่ได้ !” (2เปโตร 1:20 THSV11)

(knowing this first of all, that no prophecy of Scripture comes from someone’s own interpretation.

ใครๆต่างก็อ้างว่าตัวเขานั้นเชื่อพระคัมภีร์ แต่น่าแปลกที่หลายครั้งพวกเขาตีความพระคัมภีร์กันโดยไม่คำนึงถึงบริบทโดยรวมของพระคัมภีร์ พวกเขาตีความหมายพระคัมภีร์ตามใจ ตามความคิดหรือตามอารมณ์ของตัวเอง โดยไม่สนใจว่าจริงๆ แล้ว

พระคัมภีร์หมายความเช่นนั้นจริงๆ หรือ?

จึงไม่แปลกว่า ทำไมพระคัมภีร์เล่มเดียวกัน แต่กลับมีการตีความแตกต่างกันนับร้อยนับพันอย่าง ผลที่ตามมาก็คือ ความขัดแย้งและการทะเลาะต่อสู้กันไม่รู้จักจบสิ้น!

เราควรเข้าใจว่า โดยธรรมชาติมนุษย์เราเป็นคนบาป แม้แต่คนที่เชื่อพระคริสต์ด้วยใจก็ยังคงไม่ได้มีความคิดหรือจิตใจที่เที่ยงตรงสมบูรณ์แบบ 100 %  อย่างที่พระเจ้าทรงประสงค์

ใช่ครับ กาย จิต และวิญญาณของเรายังคงได้รับผลกระทบจากบาป จึงทำให้ยากที่เราจะตีความได้อย่างถูกต้อง 100% ตามมุมมองของพระเจ้า ในการตีความพระคัมภีร์ เราจึงจำเป็นต้องพึ่ง:

  1. พระวิญญาณบริสุทธิ์ในการทำให้เข้าใจความหมายที่แท้จริง
  2. คนอื่น ๆ ที่ในการมองความจริงนั้นให้รอบด้านหลายมุม
  3. ตัวเราเอง ที่จะใช้ความรู้และประสบการณ์ของเราที่เรียนรู้มาทำความเข้าใจและประยุกต์ใช้ได้อย่างถูกต้อง

แนวทางตีความพระคัมภีร์ที่มีประโยชน์ก็คือ ให้เราหาข้อมูลต่อไปนี้

  1. ใครเขียน /พูด ข้อความเหล่านั้น?
  2. เขาเขียนและพูดกับผู้ใด?
  3. ข้อความหลักที่เขาพูด/เขียนคืออะไร?
  4. คำวลีหรือข้อความใดที่ต้องตรวจดูอย่างถ้วนถี่?
  5. สภาพแวดล้อม หรือสถานการณ์ ณ ระหว่างที่เขียนหรือพูดนั้นเป็นอย่างไร?
  6. บริบทที่กว้างกว่านั้นในบทนี้ หรือในหนังสือคืออะไร?
  7. มีข้อใดที่เกี่ยวข้องกับหัวเรื่องของตอนที่อ่าน/พูด อยู่และส่งผลต่อความเข้าใจในเนื้อหาตอนนี้?
  8. ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์หรือทางวัฒนธรรมของข้อความตอนนี้ คืออะไร?
  9. ข้อสรุปของฉันเกี่ยวกับข้อความตอนนี้คืออะไร? สอดคล้องหรือไม่สอดคล้องกับข้อสรุปของคนอื่นที่ศึกษาพระธรรมตอนนั้น ๆ อย่างไรบ้าง?
  10. ฉันเรียนรู้บทเรียนสำคัญอะไร และฉันจะนำมาประยุกต์กับชีวิตจริงของฉันอย่างไร?

ขอย้ำอีกครั้งว่า …

เราต้องระวังที่จะไม่ตีความหมายของพระคัมภีร์ตอนที่เราอ่านตามอคติหรือตามความเข้าใจของเราเอง ขอให้เราตระหนักไว้เสมอว่า สิ่งที่พระเจ้าทรงเป็นกับทรงกระทำ และสิ่งที่พระเจ้าตรัสนั้น จะขัดแย้งกันไม่ได้ อย่าให้การตีความพระวจนะของพระเจ้าของเราขัดกับพระลักษณะอันบริสุทธิ์ที่เปี่ยมด้วยความรักเมตตาของพระองค์

ดังนั้น อย่าให้เราเน้นความจริงตามที่ปรากฏเป็นตัวอักษรมากจนตัวเราไร้ซึ่งความรักเมตตา อย่างที่พระเจ้าทรงเป็นและทรงมี จนพระเจ้าต้องตรัสสั่งให้เรากลับไปอ่านพระคัมภีร์ใหม่อีกรอบ!

เหมือนดังที่พระเยซูคริสต์เคยตรัสกับพวกฟาริสีว่า …

“ท่านจงไปเรียนความหมายของคัมภีร์ข้อนี้ ที่ว่า ‘เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา’ ด้วยว่าเราไม่ได้มาเพื่อเรียกคนชอบธรรม แต่มาเรียกคนบาป”  (มัทธิว 9:13 THSV11)

ฉะนั้น วันนี้ขอให้เราสวมพระทัย และสายพระเนตรของพระเจ้าในขณะที่เราอ่านและตีความหมายพระวจนะของพระองค์ไว้เสมอ

…เห็นด้วยไหมครับ?

 

-ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/ lifeanswer, facebook.com/ lifeanswer

(Cr.ภาพ Christianitytoday)

Categories
บทความแปล

จดหมายที่เดินได้

จดหมายที่เดินได้

โดยความเชื่อ อาเบลจึงนำเครื่องบูชาที่ดีกว่าของคาอินมาถวายแด่พระเจ้า โดยทางความเชื่อนั้นท่านได้รับการรับรองว่าเป็นคนชอบธรรม พระเจ้าทรงรับรองของถวายของท่าน แม้ว่าอาเบลตายไปแล้ว แต่โดยทางความเชื่อท่านจึงยังพูดอยู่ (ฮีบรู 11:4 THSV11)

เมื่อคุณตัดสินใจดำเนินชีวิตกับพระเยซูอย่างที่ควร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบใจ คุณอาจเผชิญกับความไม่พอใจของสามีหรือภรรยาที่ยังไม่เชื่อ คุณอาจเจอกับแรงเสียดทานจากคนที่ทำงานและเพื่อนๆ และบางครั้งก็จากผู้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคริสเตียนที่อาจพูดว่าคุณกำลัง “บ้ามากไปหน่อย”

เราจำเป็นต้องก้าวออกไปในความเชื่อ และไม่ใช่เรื่องง่ายที่สุดเสมอไป ดำเนินชีวิตโดยความเชื่อมีราคาที่ต้องจ่าย แต่ความเชื่อคือเต็มใจที่จะเชื่อฟังพระเจ้าไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร

เมื่อโมเสสจะช่วยชาวอิสราเอลออกจากการเป็นทาสในประเทศอียิปต์ พี่น้องยิวร่วมชาติกลับโกรธเคืองท่าน พวกเขาพูดกันว่า “โมเสส คุณมาทำอะไรอยู่ที่นี่? ชีวิตดีๆที่เราต้องทำงานหนักกลางแดด และถูกแส้ของชาวอียิปต์โบยอยู่ตลอดทั้งวัน แล้วอยู่ๆคุณก็มาพูดเรื่องความเชื่อ บอกให้เราออกจากที่นี่ไปยังที่ๆเราไม่เคยได้ยิน ดูสิ ตอนนี้คุณทำให้ชีวิตเรายิ่งลำบากไปอีก ฟาโรห์เอาฟางของเราไป ทำให้เราไม่อาจทำอิฐที่แข็งแรงได้ จงไปให้พ้นๆดีกว่า”

ผู้คนที่ก้าวออกไปในความเชื่อจะถูกแรงต้าน เหมือนกับที่เกิดกับอาเบล ท่านก้าวออกไปในความเชื่อ และถูกคาอินพี่ชายของท่านฆ่าตาย แต่ที่สุดแล้วคาอินก็ถูกพระเจ้าพิพากษา

แต่สำหรับอาเบล ชื่อของท่านได้ไปปรากฎอยู่ในทำเนียบแห่งความเชื่อในฐานะผู้ชอบธรรม ฮีบรู 11:4 กล่าวว่า “…พระเจ้าทรงรับรองของถวายของท่าน แม้ว่าอาเบลตายไปแล้ว แต่โดยทางความเชื่อท่านจึงยังพูดอยู่” ไม่มีที่ใดในพระคัมภีร์ที่บันทึกถึงคำพูดของอาเบล แต่พระคัมภีร์ก็พูดว่า “แม้ว่าอาเบลตายไปแล้ว แต่โดยทางความเชื่อท่านจึงยังพูดอยู่”

บางครั้งชีวิตคุณก็ส่งเสียงดัง และบางครั้งสิ่งที่คุณทำก็คือคำเทศนา มีคำกล่าว่าคริสเตียนคือจดหมายฝากที่เดินได้ เขียนโดยพระเจ้าและอ่านโดยมนุษย์

เรื่องราวแบบไหนที่คุณจะทิ้งไว้เบื้องหลังเมื่อคุณจากไป?

คริสเตียนคือจดหมายฝากที่เดินได้ เขียนโดยพระเจ้า และอ่านโดยมนุษย์

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ Pngtree)

Categories
บทความแปล

แสงส่องทางชีวิต

แสงส่องทางชีวิต

พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่มรรคาของข้าพระองค์ (สดุดี 119:105 TH1971)

ทุกสิ่งที่เราต้องการรู้เกี่ยวกับพระเจ้าพบได้ในพระคัมภีร์ ไม่ข้อยกเว้น จะเรียนรู้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำหรับชีวิตของเรา เราต้องตระหนักว่าพระองค์จะตรัสผ่านพระวจนะของพระองค์ก่อนอื่นใด

ในวันเพนเทคอสต์ เมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์ถูกเทลงมา  ทุกคนพยายามเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เปโตรยืนขึ้นและกล่าวว่า “แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตามคำที่โยเอลผู้เผยพระวจนะกล่าวไว้”  (กิจการ  2:16 THSV11) ทุกสิ่งที่เราพูดและทำจึงต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของพระคัมภีร์

สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเราจะนำพระวจนะบางข้อมาใช้นอกบริบทได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ผู้คนอ่านพระคัมภีร์เพื่อเจาะหาบางข้อบางตอนเพื่อจะตอบโจทย์ให้ตนเอง นำจากตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อยมาผสมรวมกัน  

ลองจินตนาการว่าถ้าคุณกำลังอ่านจดหมายที่มีผู้เขียนมาถึงคุณ  คุณเริ่มต้นอ่านคำลงท้าย แล้วก็มาอ่านตรงกลาง แล้วก็กลับไปอ่านบางตอนจากจดหมายฉบับก่อนหน้า แล้วพยายามโยงให้เข้ากันเพื่อความเข้าใจ ทำไม่ได้ครับ คุณจำเป็นต้องอ่านจดหมายที่มีถึงคุณจากเริ่มต้นไปจนจบ อ่านตอนต้น ตอนกลาง และตอนจบของจดหมายนั้น

ทำนองเดียวกัน เมื่อเราตีความพระวจนะ เราต้องเข้าใจก่อนว่าต้นฉบับนั้นเขียนถึงใคร และความหมายเดิมที่เป็นความตั้งใจของผู้เขียน และถ้ามีความรู้ในภาษาดั้งเดิมบ้างก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ 

พระคัมภีร์บอกเราว่า “พระคัมภีร์ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า”  (2ทิโมธี 3:16 THSV11) แปลอีกแบบว่า “พระคัมภัร์ทุกตอนพระเจ้าทรงใส่ลมหายใจของพระองค์ไว้”  ถ้าคุณต้องการรู้น้ำพระทัยของพระเจ้า คุณต้องสะสมและรักษาพระวจนะไว้ในหัวใจ ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า “พระวจนะของพระองค์เป็นโคมสำหรับเท้าของข้าพระองค์ และเป็นความสว่างแก่มรรคาของข้าพระองค์” (สดุดี 119:105 TH1971)

เราจำเป็นต้องรู้พระวจนะของพระเจ้าถ้าเราต้องการรู้จักและรู้เรื่องราวของพระองค์

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ Focus Magazine)