Categories
บทความแปล

อำนาจของการเป็นแบบอย่างที่ดี

อำนาจของการเป็นแบบอย่างที่ดี

ส่วนภรรยาของโลท ผู้ซึ่งอยู่ข้างหลังโลท มองกลับไป นางจึงกลายเป็นเสาเกลือ (ปฐมกาล 19:26 THSV11)

โนอาห์และโลทต่างก็มีชีวิตอยู่ในวาระแห่งการพิพากษาที่จะมาถึงอย่างฉับพลัน โนอาห์รอคอยน้ำท่วมใหญ่ โลทรอเวลาแห่งการพิพากษาที่จะตกใส่โสโดมและโกโมราห์ เมืองที่ท่านอาศัยอยู่ อย่างไรก็ตาม โลทไม่ได้เข้าไปแตะต้องชีวิตของคนในครอบครัวเหมือนโนอาห์  ปัญหาของโลทคือท่านยอมประนีประนอม ท่านลดมาตรฐานตนเองลงมาเพื่อให้ชีวิตง่ายขึ้น

วันหนึ่งทูตของพระเจ้ามาหาโลท บอกท่านว่าให้รีบออกไปจากที่นั่นพร้อมกับครอบครัว เพราะการพิพากษากำลังจะตกลงมาเหนือเมืองนั้นแล้ว แต่เมื่อโลทไปบอกกับว่าที่ลูกเขยทั้งสอง พวกเขาคิดว่าท่านล้อเล่น

โลท ภรรยา และลูกสาวทั้งสอง รีรอจนทูตของพระเจ้าแทบจะลากตัวออกมา และนี่คือสิ่งที่พระเยซูตรัส “จงระลึกถึงภรรยาของโลทเถิด” (ลูกา 17:32 THSV11) เพราะขณะที่นางกำลังออกจากโสโดม นางถูกสั่งไม่ให้หันกลับไปดู แต่นางก็ทำ ในภาษาดั้งเดิม คำที่ใช้อธิบายการหันกลับไปดูของนางไม่ได้บอกว่ามองแป๊บเดียว แต่น่าจะมองด้วยความอาวรณ์

คุณเคยมองใคร หรือมองสิ่งใดด้วยสายตาอาวรณ์หรือไม่? ตัวอย่างเช่นคุณไปที่ร้านขายโดนัทคริสปี้ครีม พอไฟเปิดและคุณเห็นโดนัทที่เคลือบเกล็ดน้ำตาลแวววาวค่อยๆผ่านสายพานออกมา แต่คุณถูกสั่งห้ามทาน ทำนองเดียวกับที่ภรรยาของโลทมองไปที่โสโดมและโกโมราห์ แล้วนางก็กลายเป็นเสาเกลือ

ผมพบว่ามันน่าสนใจเมื่อโนอาห์บอกกับครอบครัว พวกเขาทำตาม แต่โลทบอกกับครอบครัว พวกเขากลับหัวเราะ คุณล่ะครับ สร้างผลกระทบใดให้กับครอบครัวบ้าง? คำพูดในฐานะพ่อแม่ของคุณศักดิ์สิทธิแค่ไหน?

คนที่เปลี่ยนแปลงโลกจะดึงดูดครอบครัวให้มาถึงพระคริสต์ แต่คนที่ถูกโลกเปลี่ยนแปลงจะดึงครอบครัวให้ออกห่างจากพระองค์

เราต่างก็เคยผ่านเวลาที่รีรอ เวลาที่หน้าอย่างหลังอย่าง แต่ลูกๆของเรากำลังเฝ้าดู พวกเขากำลังยึดเราเป็นแบบอย่าง ดังนั้นจงเป็นแบบอย่างที่ดีให้พวกเขา

คุณดึงดูดครอบครัวมาสู่พระคริสต์ หรือกำลังดึงพวกเขาออกห่างครับ?

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ  ArtStation)

Categories
บทความแปล

เฝ้าดู และเฝ้ารอ

เฝ้าดู และเฝ้ารอ

องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่  (2เปโตร 3:9 THSV11)

ผมเป็นศิษยาภิบาลมากกว่าสี่สิบปี ตอนที่เริ่มทำงานผมเทศนาเรื่องการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ ผมถึงกับออกแบบสติ๊กเกอร์ติดท้ายรถเป็นตัวการ์ตูนที่ออกแบบเอง พร้อมกับคำพูด “พระเยซูกำลังเสด็จกลับมา!” เราพิมพ์สติ๊กเกอร์นั้นมาใช้กัน แล้วเราก็พิมพ์อีก และพิมพ์อีก

ผมไม่เคยเสียใจที่ทำลงไป ไม่ใช่ว่าสี่สิบปีผ่านไปแปลว่าผมพูดหรือทำอะไรผิด แต่เป็นสี่สิบปีที่ขยับเข้าใกล้การเสด็จกลับมามากว่าสี่สิบปีที่แล้ว และผมก็ยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอด ผมคิดว่าเราควรดำเนินชีวตแต่ละวันเหมือนกับเป็นวันที่พระเยซูจะเสด็จกลับมา เพราะต้องมีสักวันที่ใช่แน่นอน ที่จริง คนส่วนใหญ่ควรจะดีใจที่พระเจ้าไม่ได้ตอบคำอธิษฐานของพวกเราในปี 1970 เพราะตอนนั้นพวกเขายังไม่ได้เป็นคริสเตียน

พระคัมภีร์บอกเราว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงเฉื่อยช้าในเรื่องพระสัญญาของพระองค์ ตามที่บางคนคิดนั้น แต่ทรงอดทนกับพวกท่าน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ใครพินาศเลย แต่ประสงค์ให้ทุกคนกลับใจใหม่”  (2เปโตร 3:9 THSV11)

เมื่อคุณเชื่อว่าพระเยซูจะเสด็จกลับมาในนาทีใดก็ได้ จะส่งผลกับความบริสุทธิ์ฝ่ายวิญญาณของคุณ ใน 1ยอห์น 3:3 กล่าวว่า “และทุกคนที่มีความหวังอย่างนี้ในพระองค์ ก็ชำระตนให้บริสุทธิ์เหมือนที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์” (THSV11)

แล้วเราควรจะดำเนินชีวิตอย่างไรขณะที่รอคอย? 

เราต้องดำเนินชีวิตในทางของพระเจ้า ถวายเกียรติพระองค์อย่างเต็มกำลัง ดำเนินไปในทุกๆวันเหมือนเป็นวันสุดท้ายของชีวิต เพราะมันอาจจะเป็นตามนั้น

คุณมีความเห็นอย่างไรต่อการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์?

คนที่ซื่อตรงและถูกต้องต่อพระเจ้าจะกล่าวอย่างที่ยอห์นกล่าว “พระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้า เชิญเสด็จมาเถิด”

การเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ควรจะอยู่ในความคิดแต่ละวันของเรา

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ Jay)

Categories
บทความแปล

จะไม่ได้รับตามพระสัญญาจริงหรือ?

จะไม่ได้รับตามพระสัญญาจริงหรือ?

… วาระสุดท้ายนั้นจะเป็นเวลาที่น่ากลัว เพราะผู้คนจะเห็นแก่ตัว รักเงินทอง โอ้อวด หยิ่งยโส ชอบดูหมิ่น ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ อกตัญญู ชั่วร้าย ไร้มนุษยธรรม ไม่ให้อภัยกัน ใส่ร้ายกัน ไม่ยับยั้งชั่งใจ ดุร้าย เกลียดชังความดี ทรยศ มุทะลุ โอหัง รักความสนุกมากกว่ารักพระเจ้า 5ยึดถือทางพระเจ้าแต่เพียงเปลือกนอก แต่ปฏิเสธฤทธิ์เดชของทางนั้น จงอย่าเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้น (2ทิโมธี 3:1-5 THSV11)

วลีที่ว่า “ปราศจากธรรมชาติรักในหัวใจ” แปลได้อีกอย่างว่า “ปราศจากความรักในครอบครัว”

ถ้าคุณบอกใครๆว่าเป็นคริสเตียน แต่ไม่ให้เกียรติบิดามารดา สิ่งที่คุณเป็นก็คือขาดคุณธรรม ขาดความกตัญญูรู้คุณ เรียกได้ว่าคุณเป็นของปลอม

ความเชื่อเริ่มต้นที่บ้าน ถ้าคุณสามารถดำเนินชีวิตเพื่อพระเยซูคริสต์ที่บ้านได้ คุณก็สามารถดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์ได้ในทุกๆแห่ง ถ้าคุณไม่อาจดำเนินชีวิตเพื่อพระเยซูคริสต์ที่บ้านได้ คุณก็ไม่อาจดำเนินชีวิตเพื่อพระองค์ได้ไม่ว่าจะเป็นที่ใด  

พระเจ้าประทานพระบัญญัติสิบประการ และพระบัญญัติประการที่ห้ากล่าวว่า “จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของเจ้า” และเป็นพระบัญญัติที่มาพร้อมกับพระสัญญา “เพื่ออายุของเจ้าจะได้ยืนยาวบนแผ่นดิน…” (อพยพ 20:12 TSV11)

เป็นคำสั่งที่พระเจ้าสั่งห้ามเราก่อนที่จะสั่งห้ามลักขโมย ห้ามฆ่าคน และห้ามผิดประเวณีผัวเมียเขา พระองค์สั่งให้เราให้เกียรติแก่บิดามารดา

ผมเชื่อว่าความเคารพและเชื่อฟังที่ลูกๆมีให้บิดามารดา เป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าลูกๆของพวกเขาจะโตขึ้นมาเป็นคนแบบไหน ดไวท์ มูดดี้ กล่าวว่า “ผมมีอายุกว่า 60 ปีแล้ว และสิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้ไม่ใช่เรื่องอื่นใด นั่นคือ “ไม่มีหญิงหรือชายคนใดที่ไม่เคารพและให้เกียรติบิดามารดาจะมีชีวิตที่เจริญรุ่งเรือง

 

โดย Pastor Adrian Rogers’ daily devotional

อนุญาตโดย Love worth finding Ministries: www.lwf.org

(Cr.ภาพ rakluke.com)

Categories
บทความแปล

รอดจากพายุ

รอดจากพายุ

ขณะกำลังแล่นไปนั้นพระองค์บรรทมหลับ และเกิดพายุหนักขึ้นกลางทะเล น้ำก็ทะลักเข้าเรือจนทุกคนตกอยู่ในอันตราย พวกเขาจึงมาปลุกพระองค์ร้องว่า “พระอาจารย์ พระอาจารย์ เรากำลังจะจมน้ำตาย” พระองค์จึงทรงตื่นขึ้นห้ามลมและคลื่น แล้วคลื่นลมก็หยุดเงียบสงบ พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “ความเชื่อของท่านทั้งหลายอยู่ที่ไหน?” เขาก็กลัวและอัศจรรย์ใจพูดกันว่า “ท่านผู้นี้เป็นใครนะ ถึงสั่งลมกับน้ำได้ และมันก็เชื่อฟังท่าน?” (ลูกา 8:23-25THSV11)

ฉันเกลียดพายุ แต่ก็ดูเหมือนเพิ่งผ่านพายุมา ฉันเคยตกอยู่ในท่ามกลางพายุ เคยเห็นเมฆดำทมึนรออยู่ข้างหน้า พายุคือความเป็นจริงของชีวิต ฉันชอบคิดเสมอว่าพายุคือสิ่งเลวร้าย จนกระทั่งเมื่อได้มองย้อนกลับไปในชีวิต และเห็นในสิ่งที่พระเจ้าทรงทำเพื่อฉันในท่ามกลางพายุนั้น

บางครั้งพายุก็เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว เป็นอุปสรรคบนเส้นทางชีวิต และบางครั้งก็เป็นประตูไปสู่สิ่งใหม่ๆ ทำให้ฉันเรียนรู้จักพระเจ้าขึ้นไปในอีกระดับ และใกล้ชิดพระองค์มากกว่าเดิม เคยคิดว่าพายุทุกลูกเป็นการลงโทษในสิ่งที่ฉันเคยทำมาในอดีต

พระเยซูและพวกสาวกได้เลี้ยงอาหารคนนับพันๆด้วยปลาไม่กี่ตัวและขนมปังไม่กี่ก้อน เมื่อการอัศจรรย์จบลง ทุกอย่างก็เหมือนฝัน พระเยซูตรัสสั่งให้พวกสาวกลงเรือพายข้ามทะเลไป พระองค์ทราบดีว่าพายุกำลังมา ทรงส่งพวกเขาให้ไปอยู่ในท่ามกลางพายุนั้น ถ้าคุณเองกำลังตกอยู่ในพายุ พระเจ้าอาจมีพระประสงค์บางอย่างให้คุณ

พระเจ้าไม่ได้ส่งให้คุณไปจมน้ำ พระองค์มีบางสิ่งที่อยากมอบให้ในพายุนั้น ฉันแน่ใจว่าพวกสาวกยังอยากอยู่ที่ฝั่งฟังคำเยินยอจากผู้คน แต่พระเจ้ามีบางสิ่งจะสอนพวกเขา – บทเรียนที่ไม่อาจเรียนรู้จากบนฝั่ง บทเรียนบางบทที่มีอยู่ในพายุชีวิตเท่านั้น – ในความมืดมิด เราจะเรียนรู้บางสิ่งที่ไม่อาจเรียนได้ในความสว่าง

ยอมรับว่าบางทีฉันเองก็ก่อพายุขึ้นมา – พายุที่พระเจ้าไม่ได้มีพระประสงค์ให้ต้องเผชิญ เราตัดสินใจโง่ๆเอง เอาตัวเข้าไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่ไม่ถูกต้อง ปฏิเสธไม่ทำสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้ทำ เราสงสัยในความสัตย์ซื่อของพระเจ้า มีคำถามในแผนการของพระองค์ แต่ … พระเจ้าก็ยังทรงเป็นพระเจ้า เป็นพระเจ้าที่ตัดสินใจถูกต้องเพื่อเรา และทรงอยู่กับเราในท่ามกลางพายุร้ายที่เราก่อขึ้นเอง นี่คือคุณความดีของพระเจ้า เป็นหัวใจของพระธรรมโรม 8:28 “เรารู้ว่าเหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์” (THSV11)

คำว่า “ทุกอย่าง” ในพระคำข้อนี้คือทุกๆประสบการณ์ที่เราผ่านหรือกำลังจะเผชิญในชีวิต –  ไม่ว่าดีหรือร้าย ถูกหรือผิด ในท่ามกลางพายุคะนอง หรือในน้ำใสที่สงบนิ่ง แน่นอนไม่มีสิ่งใดหรือผู้ใดมาแยกเราออกจากความรักของพระเจ้าได้

หลายปีที่ผ่านมา ฉันได้เรียนรู้ความจริงที่สำคัญเกี่ยวกับพายุและความเจ็บปวดและจุดหมายที่มีในพายุนั้น พระเจ้าไม่ได้มีหน้าที่คอยทำให้ฉันสะดวกสบาย แต่มีพระประสงค์สร้างคุณลักษณะและท่าทีของฉันขึ้นใหม่ ฉันต้องยอมให้พระเจ้าเป็นพระเจ้าในชีวิต เลือกที่จะวางใจในพระองค์ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม ต้องหยุดเอาความรู้สึกมานำหน้า แต่ให้พระเจ้าและความเชื่อในพระวจนะนำไป แม้มองไม่เห็นหนทาง แต่ก็ยินดีเชื่อฟังและก้าวออกไป และนี่คืออุปกรณ์ช่วยชีวิตในท่ามกลางพายุของคุณ:

เพราะข้าพเจ้าแน่ใจว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งใดๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้ (โรม 8:38-39 THSV11)

ครั้งต่อไปที่เผชิญพายุ ให้มีคำตอบแทนคำถาม มีความกล้าแทนความกลัว ไม่ว่าจะมืดมิดแค่ไหน ความจริงคือพระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าผู้ควบคุมอยู่เหนือทุกสิ่งในชีวิตคุณ

 

โดย Mary Southerland

อนุญาตโดย Girlfriends in God – www.crosswalk.com

(Cr. ภาพ Flickr.com)

Categories
บทความแปล

บ่อเกิดของสติปัญญา

บ่อเกิดของสติปัญญา

เพราะฉะนั้นพวกท่านจงอธิษฐานเช่นนี้ว่า “ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้สถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ”  (มัทธิว 6:9 THSV11)

บางครั้งผมคิดว่าผู้คนในโบสถ์ทำตัวตามสบายเกินไปกับพระเจ้า จริงอยู่พวกเขามีความสัมพันธ์กับพระเจ้า แต่ลืมเรื่องความบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิของพระองค์ไป พวกเขาชอบพูดถึงพระเยซูว่าเป็น “เพื่อนซี้” แต่เพื่อนซี้ที่พวกเขาเรียกนั้นเป็นผู้สร้างกัลปจักรวาลและทุกสรรพสิ่ง เราจึงควรออกพระนามของพระองค์ให้เป็นที่เคารพสักการะ เรากำลังพูดถึงพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพไม่จำกัด พระเยซูจึงสอนเราว่า “ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้สถิตในสวรรค์ ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ” (มัทธิว 6:9 THSV11)

พระนามของพระองค์จึงควรเป็นที่ยำเกรงและเคารพสักการะ

สดุดี 111:10 บอกเราว่า “ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นที่เริ่มต้นของสติปัญญา บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามก็ได้ความเข้าใจดี การสรรเสริญพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์ (THSV11) ยำเกรงพระเจ้าหมายถึงต้องมีความเคารพนับถือพระองค์ด้วยใจจริง มีคนนิยามคำนี้ไว้ว่า “เกรงกลัวที่สุดที่จะทำให้พระเจ้าไม่พอพระทัย” ไม่ใช่กลัวในแบบกลัวว่าจะถูกลงโทษ แต่ยำเกรงว่าจะทำให้พระเจ้าเสียพระทัย ผิดหวัง หรือทำให้พระนามของพระองค์เสื่อมพระเกียรติ

หลายปีมาแล้วผมรู้จักกับ ดร.อลัน เรดพาธ และได้กลายมาเป็นเพื่อนกัน ท่านเป็นสุภาพบุรุษชาวอังกฤษที่น่านับถือ บัดนี้ท่านไปอยู่กับพระเจ้าแล้วที่บนสวรรค์ ท่านเขียนหนังสือที่มีค่าไว้หลายเล่ม และเป็นสิ่งที่ทำให้ผมนับถือท่านเสมอ เวลาอยู่กับท่าน ผมจะทำตัวเรียบร้อย ไม่ออกนอกลู่นอกทางอย่างที่เคยทำ มีอยู่คืนหนึ่ง เราออกไปทานอาหารด้วยกัน ขณะกำลังทานผมรู้สึกว่าถูกบางอย่างทิ่มที่หน้าอก พอก้มลงดูก็เห็น ดร.อลัน เรดพาธเอาส้อมมาจิ้มที่หน้าอกผม ท่านยิ้มแล้วก็บอกผมว่า “อ้าวทดสอบหน่อย นึกว่าเป็นแบบใช้แล้วทิ้ง!”

ผมก็คิด “อะไรนะ นี่ท่านกำลังทำตลกอยู่กับผมเหรอ?” แต่ผมก็ไม่เคยขาดความเคารพที่มีต่อท่านเลย

ฮีบรู 11:7 กล่าวว่า “โดยความเชื่อ เมื่อโนอาห์ได้รับพระดำรัสเตือนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ยังมองไม่เห็น ท่านจึงยำเกรงและต่อเรือใหญ่ เพื่อช่วยครอบครัวของตนให้ปลอดภัย และโดยทางความเชื่อนั้น ท่านจึงกล่าวโทษชาวโลก และกลายเป็นทายาทแห่งความชอบธรรมซึ่งมาโดยความเชื่อ” (THSV11)

โนอาห์ทำในสิ่งที่พระเจ้าสั่งด้วยความยำเกรง เราเองก็เช่นกัน อย่าขาดความเคารพยำเกรงในพระเจ้า

คุณคิดว่าอะไรคือความยำเกรงพระเจ้า?

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ Christian Ascent.com)

Categories
บทความแปล

อย่ายอมแพ้

อย่ายอมแพ้

พระเยซูตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟัง เพื่อสอนว่าเขาทั้งหลายควรอธิษฐานอยู่เสมอและไม่อ่อนระอาใจ (ลูกา 18:1THSV11)

ผมใช้เวลาอธิษฐานกว่าสามสิบปีให้คุณแม่มาเชื่อในพระเยซูคริสต์ จนผมเริ่มสงสัยว่าพระเจ้าเคยฟังคำอธิษฐานของผมหรือเปล่า แต่พระองค์ทรงฟัง ทุกอย่างจะเป็นไปตามเวลาของพระองค์ พระคัมภีร์กล่าวว่า “พระองค์ทรงกระทำให้สรรพสิ่งงดงามตามวาระของมัน”  (ปัญญาจารย์ 3:11THSV11)

เราต้องไม่เร่งเวลา เราต้องไม่วิ่งแซงพระเจ้า และเราต้องไม่วิ่งรั้งท้าย เราต้องการพระประสงค์ที่สมบูรณ์ ในเวลาที่เหมาะสมของพระองค์ แต่เราต้องอธิษฐานสม่ำเสมอ

พระเยซูตรัสว่า “จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่พวกท่าน” (มัทธิว 7:7THSV11) สังเกตลำดับที่พระเยซูทรงใช้กับคำว่า “ขอ หา และ เคาะ”

เราเริ่มต้นโดยทูลขอพระเจ้า แล้วลำดับต่อไป: เราหา เราจะไม่ยอมท้อถอย ในที่สุดเราจะเคาะ เราจะไปที่ประตูและเคาะ และเราจะไม่ยอมรับคำปฏิเสธ เราต้องไม่อ่อนระอาในการอธิษฐาน เราจะไม่มีทางยอมแพ้

ถ้าคำขอของเราไม่ถูกต้อง พระเจ้าจะปฏิเสธคำขอนั้น ถ้าเวลายังไม่ใช่ พระเจ้าชะลอไว้ ถ้าคุณผิดพลาด พระเจ้าจะสอนให้คุณโตขึ้น แต่ถ้าคำทูลขอของคุณถูกต้อง และในเวลาที่ใช่ และคุณมีชีวิตที่ถูกต้องต่อพระเจ้า พระองค์จะประทานให้ตามที่ขอ

เราไม่รู้น้ำพระทัยพระเจ้าเสมอไป แต่ผมคิดว่าถ้าเราอธิษฐานทูลขอความรอดให้คนที่เรารัก ถ้าเราอธิษฐานขอให้ประเทศของเราได้รับการพลิกฟี้นผ่ายวิญญาณ (ซึ่งเรากำลังต้องการอย่างที่สุด) เมื่อเราอธิษฐานขอน้ำพระทัยพระเจ้าสำหรับชีวิตเรา เราถอยหลังไม่ได้ เราล้มเลิกไม่ได้

เราต้องทูลขอต่อไป เราต้องหาต่อไป เราต้องเคาะต่อไป พระคัมภีร์บอกว่า ประตูจะเปิดให้แก่เรา

ทำไมเราจึงไม่ควรยอมแพ้ในการอธิษฐาน

 

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

(Cr.ภาพ Daily Mail)

Categories
บทความแปล

แตกหักเกินซ่อมแซม

แตกหักเกินซ่อมแซม

ข้าแต่พระยาห์เวห์ บัดนี้พระองค์ยังเป็นพระบิดาของพวกข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น ข้าพระองค์ทุกคนเป็นผลงานของพระหัตถ์พระองค์ (อิสยาห์ 64:8 THSV11)

คุณมีส่วนใดในหัวใจที่แตกหักอยู่หรือไม่? ฉันเข้าใจความรู้สึกที่ทุกข์ใจนั้นดี

มีเรื่องราวมหัศจรรย์ของคริสเตียนที่อยากจะเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องเกี่ยวกับการนำชิ้นส่วนที่แตกหักมาประกอบขึ้นใหม่ และให้ความสว่างของพระเจ้าส่องผ่านรอยร้าวเหล่านั้นออกไป เป็นเรื่องที่สวยงาม

ถ้าสิ่งนั้นไม่เพียงแค่แตกหัก…แต่แตกละเอียดกลายเป็นผุยผงเกินกว่าจะซ่อมแซม ถ้าแตกเป็นชิ้นยังพอมีหวังนำมาทากาวติดกลับเข้าไปใหม่ แต่ถ้าไม่เหลือเป็นชิ้นให้เก็บ คุณก็ไม่อาจนำเศษฝุ่นนั้นมาทากาวได้ แค่กอบใส่มือยังยาก สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของมีค่าตอนนี้เหลือแค่เศษผง ถูกลมพัดก็ปลิวหาย  เราจึงรู้สึกสิ้นหวัง รู้สึกว่าพระสัญญาของพระเจ้าไม่เป็นจริงสำหรับเรา พระองค์อยู่ไกลเกินไปและไม่อาจฝ่าวงล้อมความมืดมาหาเราได้

สองสามปีที่ผ่านมา ฉันเองก็ตกอยู่ในฤดูกาลแห่งผุยผงนี้ และถ้าเรามีโอกาสได้นั่งคุยกัน ฉันคิดว่าคุณเองก็คงมีเรื่องราวที่ใกล้เคียงกันมาแบ่งปัน เราต่างเหมือนกัน เราต่างมีน้ำตา แม้เรื่องราวอาจไม่เหมือนกัน แต่เราต่างก็ต้องการให้พระเจ้าเข้ามาแก้ไข มาเปลี่ยนเรื่องราวของเรา มาซ่อมแซมหัวใจของเราให้จบลงอย่างสวยงามในแบบที่เราต้องการ

แต่ถ้าพระเจ้าไม่ซ่อมแซม ไม่เปลี่ยนแปลงและสร้างเราขึ้นมาใหม่อย่างที่เราต้องการ นั่นอาจไม่ใช่น้ำพระทัย ถ้าพระเจ้าต้องการจะสร้างเราขึ้นมาใหม่อย่างสิ้นเชิง ในขณะที่เรายังอยู่ในฟากนี้ของนิรันดร์กาล ไม่ว่าสถานการณ์จะดูยากแค่ไหน แล้วเราควรทำอย่างไร?

ขอบอกว่า สำหรับพระเจ้าแล้ว เศษผงนี่แหละคือส่วนผสมในแบบที่พระองค์ต้องการ

แต่เราชอบคิดว่าชิ้นส่วนที่แตกหักนี้จะทำให้เป็นสิ่งดีได้อย่างไร ฝุ่นผงก็คือสภาพดั้งเดิมก่อนถูกสร้างขึ้นมา เราอาจมองว่าฝุ่นผงนี้เป็นน้ำมือของความอธรรม หรือมองว่าเป็นส่วนผสมชั้นดีที่จะสร้างเราขึ้นใหม่ คิดถึงน้ำแข็ง มันจะคงรูปเป็นก้อนอยู่ในถาดน้ำแข็งในตู้เย็น เป็นแค่ก้อนน้ำแข็ง แต่ถ้าละลายเราสามารถนำไปใส่ลงในเบ้า และทำให้แข็งกลับขึ้นมาเป็นรูปร่างใหม่ที่สวยงาม ฝุ่นก็เหมือนกัน เป็นส่วนผสมพื้นฐานที่มีศักยภาพทำเป็นสิ่งใหม่ได้

จากสิ่งต่างๆที่พระเจ้าเนรมิตสร้าง พระองค์จะเลือกอะไรก็ได้มาสร้างเป็นมนุษย์ แต่พระองค์ทรงเลือกฝุ่นผง “พระยาห์เวห์พระเจ้าทรงปั้นมนุษย์ด้วยผงคลีจากพื้นดิน ระบายลมปราณเข้าทางจมูกของเขา มนุษย์จึงกลายเป็นผู้มีชีวิตอยู่” (ปฐมกาล 2:7 THSV11)

พระเยซูทรงใช้ฝุ่นบนพื้นมารักษาชายตาบอด พระองค์ตรัสว่า “ตราบใดที่เรายังอยู่ในโลก เราก็เป็นความสว่างของโลก” เมื่อตรัสอย่างนั้นแล้ว พระองค์ก็ทรงบ้วนน้ำลายลงที่ดิน แล้วทรงเอาน้ำลายนั้นทำเป็นโคลนทาที่ตาของคนตาบอด (ยอห์น 9:5-6 THSV11) และเมื่อเขาไปล้างตาในสระสิโลอัม เขาก็มองเห็น  เมื่อเรานำฝุ่นมาผสมน้ำก็จะกลายเป็นดินโคลน เมื่อนำโคลนไปให้ช่างปั้น เขาก็จะสร้างผลงานที่งดงามขึ้นมาได้ 

ข้าแต่พระยาห์เวห์ บัดนี้พระองค์ยังเป็นพระบิดาของพวกข้าพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นดินเหนียว และพระองค์ทรงเป็นช่างปั้น ข้าพระองค์ทุกคนเป็นผลงานของพระหัตถ์พระองค์ (อิสยาห์ 64:8 THSV11)

“พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เราจะทำแก่เจ้าอย่างที่ช่างปั้นหม้อนี้ทำไม่ได้หรือ?” พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้แหละ นี่แน่ะ พงศ์พันธุ์อิสราเอลเอ๋ย เจ้าอยู่ในมือของเรา อย่างดินเหนียวอยู่ในมือของช่างปั้นหม้อ (เยเรมีย์ 18:6 THSV11)

ฝุ่นยังไม่ใช่จุดจบ แต่สามารถเป็นจุดเริ่มของสิ่งใหม่ๆ แค่นำมาไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระองค์จะทรงทำสิ่งมหัศจรรย์ที่สวยงามให้เกิดขึ้นได้ คุณเชื่อหรือไม่?

 

โดย Lysa Terkeurse

จาก Encouragement for Today : www.crosswalk.com

(Cr,ภาพ wallpaperUp.com)