Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

พันธกิจแห่งการอธิษฐาน

อธิษฐานไม่ใช่เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อจะรับใช้ − อธิษฐานเป็นการรับใช้

ผมได้ไปเทศนาฟื้นฟูที่เมืองแจ็คสันวิลล์ ฟลอริดาเมื่อหลายปีมาแล้วพร้อมกับเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัยชื่อ เอมี่ ฮาร์วี่ สถานที่เป็นบ้านของเอมี่เองที่เปิดเป็นคริสตจักร เอมี่พูดว่า “เอเดรียน ผมอยากให้คุณไปพบคุณแม่ผมหน่อย”

เราต้องเดินไปตามทางเดินแคบๆในแฟลตที่คุณแม่ของเขาอยู่ สตรีร่างเล็กท่านนี้ค่อยๆเดินมาหาเรา – ข้อเข่าทั้งสองข้างของท่านบวมเป่ง จากการเป็นข้ออักเสบ ยืนตัวตรงแทบไม่ได้

ตอนนั้นผมยังเป็นหนุ่มนักประกาศ เป็นนักฟุตบอลของมหาวิทยาลัย เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเป็นตัวของตัวเอง เธอถามพวกเราว่า “หนุ่มๆจ๊ะ การประชุมเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง?” ผมตอบว่า “ดีมาก ดีมากเลยครับ พระเจ้าเสด็จลงมา และเป็นที่ปลื้มปิติมาก” แล้วผมก็เริ่มเล่าเรื่องต่างๆที่ในการประชุมคืนนั้นให้เธอฟัง น้ำตาเธอหยดเผาะลงมา พูดว่า “ฉันรู้ เอเดรียน เพราะระหว่างที่เธอเทศนาอยู่นั้น ฉันคุกเข่าอธิษฐานเผื่อเธออยู่ที่นี่”

ความคิดของผม – เอเดรียน เธอนี่โง่เง่าสิ้นดี ช่างไม่รู้อะไรเลย แย่จริงๆ สตรีท่านนี้ต้องเจ็บปวดขนาดไหนเมื่อคุกเข่าลงอธิษฐานเพื่อผม เธอกำลังทำงานรับใช้ เธอยอมเจ็บปวดเพื่อให้ดวงจิตวิญญาณบางดวงได้รับความรอด

คุณเคยได้รับการทรงเรียกในชีวิตหรือไม่ครับ? แน่นอนคุณเคย ถ้าคุณกำลังอธิษฐาน พี่น้องครับ คุณถูกเรียกให้เรามาสู่การงานรับใช้ขององค์พระผู้เป็นเจ้าแล้วครับ

โดย : Pastor Adrian Rogers

Daily treasure from the Words

Love worth finding ministries: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • การอธิษฐานเป็นการเปิดประตูแห่งพระพร ยิ่งได้อธิษฐานเผื่อผู้อื่น เผื่อคริสตจักร เผื่อดวงจิตวิญญาณที่หลงทางอยู่ในความมืด เราก็กำลังรับใช้ตามพระประสงค์ของพระเจ้าและพระองค์จะยิ่งเปิดประตูแห่งพระพรเพิ่มมากขึ้น
  • วันนี้คุณอธิษฐานเผื่อผู้อื่นหรือยังคะ? ถ้ายังไม่เคย ลองดู แล้ประตูแห่งพระพรจะเปิดออกอย่างนึกไม่ถึงทีเดียว – ขอพระเจ้านำค่ะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

มีบางอย่างที่ฉันพอทำได้

พระองค์จึงตรัสสั่งคนทั้งปวง ให้นั่งรวมกันที่หญ้าสดเป็นหมู่ๆ ประชาชนก็ได้นั่งรวมกันเป็นหมู่ๆ หมู่ละร้อยคนบ้าง ห้าสิบบ้าง  (มาระโก 6:39-40)

เหน็ดเหนื่อย หิวโหย ไม่มีอะไรติดตัว รอบตัวมีแต่ความต้องการ นี่คือสิ่งที่สาวกของพระเยซูต้องเผชิญหลังจากวันอันเหน็ดเหนื่อยจากพระราชกิจ แม้แต่พระเยซูเองก็ต้องการพักผ่อน พระองค์จึงบอกให้พวกสาวกนั่งเรือข้ามฟากไปก่อน ไปหาที่เงียบๆพักผ่อน เป็นความคิดที่ดีใช่มั้ย? แต่จริงๆแล้ว มันไม่ได้เป็นเช่นนั้น

จากพระราชกิจที่พระเยซูทำ มีผู้คนมากมายติดตามพระองค์ไปทุกหนแห่ง อันที่จริงพวกเขาโหยหาการสัมผัสจากพระองค์ พวกเขาวิ่งไปตามแนวชายฝั่ง และข้ามฟากไปก่อนพระองค์จะไปถึงด้วยซ้ำ

ลองนึกภาพท่าทีของสาวกที่เห็นคนคนหิวกระหายวิ่งไล่ตามขนาดนั้น ฉันคิดว่าพวกเขาคงรู้สึกกลวงโบ๋ข้างใน คุณเคยรู้สึกแบบเดียวกันหรือไม่? … เหน็ดเหนื่อยหมดแรงจากการเรียกร้องของผู้คนรอบข้าง  … ไม่มีอารมณ์ชื่นชมหลงเหลือ  …หมดเกลี้ยงไม่มีอะไรเหลือให้ใครอีกต่อไป

ขณะที่พวกสาวกต้องการล้มตัวลงพัก พระเยซูกลับเริ่มต้นสั่งสอนประชาชนอีก พระองค์ไม่เห็นหรือว่าพวกเขาหมดเรี่ยวแรงแล้ว?  ไม่ต้องการทำอะไรอีก เพราะพวกเขาคิดว่าไม่มีอะไรให้ทำได้มากไปกว่านี้

พวกสาวกพยายามแม้กระทั่งยับยั้งไม่ให้พระเยซูเทศนาต่อ บอกประชาชนให้กลับบ้านไป พวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบเสียที พวกเขาพูดว่า  “…ที่นี่กันดารอาหารนัก และบัดนี้เวลาก็เย็นลงมากแล้ว ขอพระองค์ทรงให้ประชาชนไปเสียเถิด เพื่อเขาจะได้ไปซื้ออาหารรับประทานตามบ้านไร่ บ้านนาที่อยู่แถบนี้” (มาระโก 6:35ข−36)

ไม่เพียงแต่สาวกเท่านั้นที่เหนื่อย แถวนั้นยังเป็นที่ “กันดารอาหาร” อีกด้วย ฉันรู้จักความรู้สึกนี้เป็นอย่างดี หลายครั้งในชีวิตที่หันไปทางไหนก็เจอแต่ความต้องการ สถานการณ์และผู้คนที่คอยบีบบังคับ ความหวังก็ริบหรี่เหมือนเทียนใกล้ดับ ในเวลาเช่นนั้น ดูเหมือน “ไม่มีอะไรที่ฉันทำได้”

ในวันนั้น วันที่พวกสาวกรู้สึกแบกรับต่อไปไม่ไหว พระเยซูทรงกระทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แทนที่จะปล่อยให้พวกสาวกส่งประชาชนกลับบ้าน พระองค์ตรัสว่า “พวกท่านจงเลี้ยงเขาเถิด” (มาระโก 6:37)

พระเยซูให้สาวกไปดูว่าพอมีอาหารหรือไม่  มี…แต่ว่าน้อยนิด พวกเขานำขนมปังห้าก้อนกับปลาสองตัวส่งให้พระองค์ พระเยซูจึงสั่งสาวกให้จัดประชาชนนั่งลงเป็นหมู่ๆ (ข้อ 39) ขณะที่สาวกออกไปทำตามนั้น พระเยซูทรงขอบพระคุณพระบิดาสำหรับอาหารในพระหัตถ์  และส่งอาหารนั้นให้สาวกนำไปแจกจ่าย พระเยซูทรงทำการอัศจรรย์ในวันนั้น ทุกคนได้กินอิ่ม และยังมีเหลืออีก 12 กระบุงเต็ม

ฉันอ่านเรื่องนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่อไม่นานมานี้บางอย่างโดดเด่นสะดุดตาออกมา ทำไมพระเยซูต้องให้ประชาชนนั่งลงด้วย? และทำไมต้องนั่งเป็นกลุ่มๆ? คำตอบที่น่าจะชัดเจนคือเป็นเพราะสถานการณ์เกินจะรับมือไหว พระเยซูรู้ว่าประชาชนต้องหยุดและฟังคำสั่ง

เป็นเรื่องแสนธรรมดา หยุดและรอฟังว่าให้ทำอะไรต่อไป จะเป็นอย่างไรถ้าพระเยซูต้องการให้พวกสาวกเบนความสนใจไปจากสิ่งที่พวกเขาคิดว่า “ทำไม่ได้” ไปยังสิ่งที่พวกเขา “พอทำได้”? และพระองค์จะทรงทำสิ่งที่เหลือกำลังของพวกเขาเอง − ทรงทำการอัศจรรย์

พวกสาวกมองไปที่ความขาดแคลนของตัวเอง และคิดว่ายังไงๆก็ไม่มีทางตอบสนองความต้องการอันมหาศาลนี้ได้ จึงตัดสินใจไม่ทำอะไรเลย ที่แย่กว่าคือพวกเขาลืมไปว่ากำลังยืนอยู่ข้างๆบุคคลที่ช่วยได้ แต่พระเยซูต้องการให้พวกเขาลงมือทำบางสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ได้ก่อน เพื่อเตรียมสำหรับการอัศจรรย์ที่พระองค์จะทรงประทานให้ต่อมา

เมื่อเผชิญหน้ากับความยากลำบากในชีวิต มีสติปัญญาสำหรับฉันเสมอ บ่อยครั้งฉันมัวแต่คิดว่าเรื่องนี้ “เกินความควบคุม” และเพ่งไปแต่ที่ปัญหา คิดว่ามันไม่ยุติธรรม ถึงแม้จะอธิษฐานแล้ว ทูลพระองค์ถึงความต้องการและมอบสิ่งที่มีให้องค์พระเยซูแล้ว ฉันก็ยังเพ่งไปในสิ่งที่คิดว่าตัวเองทำไม่ได้อยู่ดี นับเป็นการกำหนดกรอบมุมมองที่จำกัดของตัวเองอย่างน่าเสียดาย

บางครั้งก็ลืมไปว่าตัวเองยืนอยู่ใกล้บุคคลที่สามารถเลี้ยงคนห้าพันคนได้ด้วยขนมปังห้าก้อนและปลาสองตัว …แถมยังมีเหลืออีก! บางครั้งแทนที่จะทำในสิ่งที่พระเจ้าวางไว้ตรงหน้า ฉันกลับยืนเฉยไม่ทำอะไรเลย

บางทีแทนที่จะยืนบิดมือด้วยความกังวล ฉันควรจะตั้งต้นทำในสิ่ง “ควบคุมได้” ก่อน มีบางสิ่งที่เราสามารถทำได้เสมอเพื่อให้สถานการณ์อยู่ในการควบคุม ไม่ใช่วิธีเบนความสนใจไปที่อื่น  … แต่เป็นการกระทำที่เกิดจากความเชื่อ พระเยซูยังทรงทำการอัศจรรย์อยู่ และที่แน่ๆฉันไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้

โดย: Glynnis Whitwer

Girlfriends in God: www.crosswalk.com

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • อันนี้ตัวเองเป็น พอคิดว่าทำอะไรไม่ได้ ก็เฉยๆไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้สถานการณ์พาไป แต่ขอบคุณพระเจ้าที่มีพี่น้องรอบตัวหลายคนเป็นประเภท “ไฮเปอร์” นิ่งไม่เป็น ต้องทำอะไรก็ได้ไปก่อน เดี๋ยวที่เหลือจะค่อยๆตามมาเอง
  • เราคงต้องไม่เอากรอบความคิดของตัวเองปิดกั้นการอัศจรรย์ของพระเจ้า สิ่งนี้คงต้องอาศัยความเชื่อ และการไว้วางใจที่ต้องฝึกฝนพัฒนาไปเรื่อยๆค่ะ – ขอพระเจ้าเป็นกำลังให้ทุกท่านค่ะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ออกเดินทางไปในปีใหม่นี้

“ที่ใดๆที่ไม่มีการเผยธรรม ประชาชนก็ละทิ้งความยับยั้งชั่งใจเสีย แต่คนที่รักษาธรรมบัญญัติจะเป็นสุข” (สุภาษิต 29:18)

เฮเลน เคลลเลอร์เกิดมาเป็นคนตาบอด แต่เธอเป็นคนมีวิสัยทัศน์ ผู้สื่อข่าวถามเธอว่า “มีอะไรที่แย่กว่าเกิดมาตาบอดหรือเปล่าครับ?”

“มีสิ” เธอตอบ “คือมีตาดี แต่ไม่มีวิสัยทัศน์”

คุณมีวิสัยทัศน์สำหรับชีวิตของคุณในปีใหม่นี้หรือไม่? เมื่อก้าวเข้าสู่ปีใหม่ ผมจะทบทวนเป้าหมายในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝ่ายวิญญาณ ความสัมพันธ์ ความรอบรู้ ร่างกาย และเป้าหมายในเรื่องการเงิน ผมอธิษฐานกับพระเจ้าในเรื่องเหล่านี้ ทูลขอน้ำพระทัยในแต่ละเรื่องสำหรับชีวิตของผม โดยนำทุกสิ่งมาวางไว้บนมือและมอบถวายให้กับพระองค์ ขอพระองค์ประทานสติปัญญา ทิศทาง และพระประสงค์ตามที่พระองค์หมายพระทัยไว้ ผมไม่อยากเป็นคนที่ขาดวิสัยทัศน์ และไม่ต้องการให้คุณเป็นด้วย

ตั้งต้นคิดว่าคุณต้องการมีเป้าหมายใดในชีวิต อธิษฐานและแสวงหาพระพักตร์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า ขณะใคร่ครวญถึงชีวิตของคุณในอนาคตนะครับ

โดย: Pastor Adrian Rogers

Daily devotional

Love worth finding ministries: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • เป็นเรื่องที่ควรทำมาก นำความตั้งใจทั้งหมดของเรามาวางไว้บนมือ ยกมอบให้องค์พระผู้เป็นเจ้า ให้พระองค์ปรับเปลี่ยนไปตามพระประสงค์ เพื่อในอีก 361 วันข้างหน้าเราจะเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง ปลอดภัย และเป็นที่พอพระทัย
  • ขอพระเจ้าอวยพระพรให้ทุกท่านรู้น้ำพระทัย กล้าดำเนินตามพระประสงค์ พึ่งพิงพระวจนะ ดูแลร่วมรับใช้ด้วยกันในแผ่นดินของพระองค์ และที่ขาดไม่ได้เลยคืออธิษฐานตลอดเวลาค่ะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ก่อสร้าง และคุ้มกัน

ตั้งแต่วันนั้นมา ผู้รับใช้ของข้าพเจ้าครึ่งหนึ่งทำการก่อสร้าง อีกครึ่งหนึ่งถือหอก โล่ คันธนู และเสื้อเกราะ บรรดาประมุขทั้งหลายหนุนหลังพวกยูดาห์ ผู้ที่ก่อสร้างกำแพง และบรรดาผู้ที่ขนของก็ยกของขึ้น ทุกคนมือหนึ่งทำงาน อีกมือหนึ่งถืออาวุธไว้ (เนหะมีย์ 4:16-17)

เมื่อพระเจ้าเรียกเนหะมีย์ ผู้เชิญถ้วยเหล้าองุ่นของพระราชาอารทาเซอร์ซีส ให้มาสร้างกำแพงเมืองเยรูซาเล็มขึ้นใหม่ เนหะมีย์กำลังมีชีวิตที่สะดวกสบาย อยู่ในตำแหน่งและมีฐานะ แต่เนหะมีย์รู้สึกมีบางอย่างรบกวนจิตใจ เพราะท่านรู้ว่าขณะที่ท่านมีความสุขดีอยู่นั้น เพื่อนร่วมชาติชาวยิวกำลังอาศัยอยู่ในซากปรักหักพัง กำแพงสูงที่ครั้งหนึ่งเคยล้อมอยู่รอบกรุงเยรูซาเล็มนั้นกลายเป็นเศษอิฐหักๆกองอยู่ ทั้งถูกไฟเผาและถูกทำลาย พระเจ้าทรงสั่งให้เนหะมีย์ใช้อำนาจที่มีอยู่เพื่อทำการนี้ เนหะมีย์จึงอธิษฐานและไปเข้าเฝ้าพระราชา ทูลขอพระราชานุญาตกลับไปสร้างกำแพงเมืองขึ้นมาใหม่ พระราชาทรงอนุญาต และเนหะมีย์ได้กลับไปยังกรุงเยรูซาเล็ม เริ่มจัดการหาคนมาช่วยกันสร้างกำแพง

ตอนแรก พวกเขาไม่มีใครสนใจเลย แต่ในที่สุดเนหะมีย์ก็รวบรวมคนได้ ทุกคนช่วยกันทำงาน ไม่ช้าเมื่อคนอิสราเอลเริ่มสร้างกำแพงขึ้นมาใหม่ การต่อต้านก็เกิดขึ้น

เป็นที่สิ่งเตือนเราว่า เมื่อไรก็ตามที่คนของพระเจ้าพูดกันว่า “ลุกขึ้นเถอะ และมาเริ่มลงมือกัน” พวกมารและสมุนของมันก็จะพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ ไปต่อต้านกัน” เรื่องท้าทายยิ่งใหญ่เรื่องหนึ่งขององค์กรที่เราทำอยู่ คือเมื่อใดก็ตามที่เราจะไปประกาศ ปัญหาใหญ่ไม่ได้อยู่ที่เรื่องเอกสาร ใบปลิว สถานที่ หรือสิ่งจำเป็นต่างๆที่ต้องใช้ สิ่งที่ยากที่สุดคือปลุกคริสตจักรท้องถิ่นให้ตื่นขึ้น เพื่อออกไปประกาศข่าวประเสริฐที่ในชุมชนของพวกเขาเอง

และนี่คือสิ่งที่เนหะมีย์ต้องทำ เราเองก็ต้องทำด้วย ทางหนึ่งคือเราต้องเสริมสร้างตัวเองขึ้นในความเชื่อ และอีกทางเราต้องยืนหยัดต่อสู้เพื่อความเชื่อ เราสร้างขึ้นและคุ้มกัน สองสิ่งนี้ต้องไปด้วยกันครับ

Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000, Riverside, CA 92514

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • เป็นความจริงที่ทุกครั้งเราออกไปทำงาน นำคนมาสู่แผ่นดินของพระเจ้า เรามักถูกขวางด้วยสารพัดเรื่อง ทั้งๆที่รู้ แต่พอเกิดขึ้นรับมือแทบไม่ทัน
  • สิ่งที่ทำได้คือรู้ทันเล่ห์กลของมาร ถ้าพลาดพลั้งเผลอไป ต้องไว หันกลับมาตั้งตัว สู้ อย่ายอมแพ้ แล้วการงานของพระเจ้าจะสำเร็จลงอย่างสวยงาม – อย่าลืม “สร้าง และคุ้มกัน” ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

พระเจ้าประทานความรักให้ในวันคริสตมาส

คุณกำลังมองหาของขวัญให้ใครบางคนในคริสตมาสนี้หรือเปล่า? ทำไมไม่ให้พวกเขาในสิ่งที่พระเจ้าประทานให้เรา? “ความรักของพระองค์” พระกิตติคุณยอห์น 3:16 กล่าวว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์”

เมื่อพระเจ้าประทานพระบุตร คือพระเยซูคริสต์ พระองค์ทรงประทานของขวัญแห่งความรัก

โลกของเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่ความสิ้นหวัง เรามีผู้เชี่ยวชาญเรื่องเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีกลุ่มไฮโซ มีผู้มีอำนาจบารมี มีแพทย์ที่เขียนใบสั่งยารักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆของมนุษย์ แต่เพลงหรือคำพูดที่ว่า “สิ่งที่โลกนี้กำลังต้องการคือความรัก” จึงเป็นเรื่องจริงครับ

ในช่วงท้ายๆของชีวิต พระเยซูตรัสว่า “ความรักของคนส่วนมากจะเยือกเย็นลง เพราะความอธรรมแผ่กว้างออกไป” (มัทธิว 24:12) ความรักเป็นสิ่งจำเป็นที่โลกนี้ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลคริสตมาส

โดย: Pastor Adrian Rogers

Daily treasures from the Words: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • คริสตมาสเป็นเทศกาลแห่งการมอบความรัก แต่เรามักถูกทดสอบว่าจะทำได้จริงหรือไม่ บางทีเราเจอแต่เรื่องร้ายๆ เจอผู้คนไม่น่ารัก หรือไม่เราก็ทำตัวไม่น่ารักเสียเอง เราคงต้องเอาชนะ เพื่อจะสามรถให้ของขวัญแห่งความรักออกไปได้
  • อธิษฐานเผื่อการประกาศเรื่องราวความรักในเทศกาลคริสตมาสนี้ มีพี่น้องคริสเตียนทั่วโลกกำลังขมักเขม้นทำงานนี้เพื่อเป็นของขวัญถวายแด่องค์พระเยซูคริสต์ค่ะ – Merry Christmas นะคะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

คริสตมาสปลอดหนี้

“เพราะว่าไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งพระเจ้าทรงกระทำไม่ได้” (ลูกา 1:37)

ความจริงที่เรายากจน เพราะเราเลือกที่จะมีปัญหาการเงิน  เป็นความจริงที่ฉันและสามีต้องเผชิญไม่กี่วันก่อนคริสตมาสเมื่อหลายปีมาแล้ว เวลาที่ควรจะมีงานเลี้ยงและเฉลิมฉลองกลับกลายเป็นความเครียดของชีวิตเรา เราจะหาเงินไปซื้อของขวัญที่ลูกๆอยากได้จากที่ไหน เราไม่อยากปฏิเสธพวกเขา แต่ถ้าเราซื้อก็แปลว่าเรกำลังเพิ่มยอดหนี้ที่สูงอยู่แล้ว ให้สูงขึ้นไปอีก เราเชื่อตามพระคำของพระเจ้าที่ว่าไม่มีสิ่งใดที่พระเจ้าทำไม่ได้ แต่เราก็ยังนั่งกลุ้มใจ เพราะไม่มีทางแก้ปัญหาหนี้สินนี้ได้

หลายปีทีเดียว เราพยายามแก้ไขภาพพจน์ด้านปัญหาการเงินของเรา ซึ่งแลดูไม่มีหวัง เราไม่ต้องการใช้บัตรเครดิตอีกต่อไป แต่ก็มีเรื่องฉุกเฉินต่างๆเกิดขึ้น ทำให้เราไม่อาจเลี่ยง ต้องกลับใช้บัตรเครดิตอีก เราอยากจะถวายให้พระเจ้า อยากจะมีเงินออม แต่ไม่เคยมีเงินเหลือพอให้ทำเช่นนั้น เราต้องการผ่อนใช้หนี้ไปทีละนิด แต่ยังไม่เห็นหนทาง เรารู้สึกมืดแปดด้าน เราเอาตัวเราเข้าไปพัวพันกับหนี้สินที่ยุ่งเหยิงนี้เอง ไม่มีค่ำคืนไหนที่เรารู้สึกว่าจำเป็นต้องทำบางสิ่งเพื่อให้หลุดจากพันธนาการนี้ให้ได้

ฉันเห็นผู้คนบนท้องถนน จับจ่ายซื้อของและขนขึ้นรถกลับไปบ้าน อดสงสัยไม่ได้ว่ามีกี่คนกันที่ยิ่งซื้อยิ่งจมดิ่งลงไปในบ่อแห่งหนี้สิน คืนนั้นฉันและสามีนั่งคุยกันเป็นชั่วโมง เราคุยกันถึงวิธีที่จะเปลี่ยนนิสัยการใช้เงิน เพื่อจะให้ไปถึงเป้าหมายที่เราเป็นอิสระ ปลอดจากการเป็นหนี้ พระเจ้าทรงสถิตอยู่ด้วย หลอมรวมใจเราไว้ด้วยกัน  เพื่อพระประสงค์ให้เราเอาชนะและผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้

แผนที่เราวางไว้ดูง่ายและน่าจะแก้ปัญหาได้ดี เป็นเรื่องจริงต่างๆที่เราต้องยอมรับและเผชิญหน้า ตอนนั้นเรายังไม่รู้ตัวว่านั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเรา เรากำลังเริ่มออกเดินทางเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการแห่งหนี้สิน และมีชีวิตที่เป็นอิสระ แผนการนี้ใช้เวลาถึงสี่ปีครึ่งกว่าจะเกิดเป็นรูปเป็นร่าง แต่เราก็ดีใจที่ตัดสินใจทำ เพราะมันทำให้ภาพพจน์เรื่องการเงินของครอบครัวเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเวลาคริสตมาสใกล้เข้ามา ถ้าคุณยังมีความกลัว หวาดวิตก อย่าปล่อยให้เวลาผ่านเลยไปโดยไม่มีการวางแผนป้องกันไม่ให้เกิดหนี้ก้อนใหม่ขึ้นมาอีก ถ้าคุณแต่งงานแล้ว ต้องหันหน้าปรึกษากับภรรยาหรือสามีของคุณ คริสตมาสปีหน้าอาจยังไม่ปลอดหนี้ 100% แต่ก็ดีกว่าปีนี้แน่นอน และในทุกๆคริสตมาส ด้วยความอดทน มันจะดียิ่งๆขึ้น อาจไม่ง่ายนัก แต่เป็นสิ่งดีที่สุดที่คุณสามารถให้กับครอบครัวได้ ฉันรู้ดี เพราะผ่านมาแล้ว

โดย: Marybeth Whalen

Encouragement for today: www.crosswalk.com

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • คุณหมอภากรเทศนาเมื่อวันอาทิตย์กล่าวว่า− เรามักมองหาของขวัญที่ใต้ต้นไม้ (ต้นคริสตมาส) แต่ของขวัญที่แท้จริงนั้นอยู่บนต้นไม้ที่องค์พระเยซูคริสต์ถูกตรึงจนสิ้นพระชนม์ … ลองมองหาของขวัญชิ้นนี้กัน เพื่อจะขอบพระคุณพระองค์
  • อย่าให้ของขวัญที่ผู้รับ รับแล้วไปเก็บใส่ตู้ไว้เฉยๆ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรดี แต่ผู้ให้ต้องวิ่งหาเงินมาจ่ายหนี้บัตรเครดิตไปอีกหลายเดือนข้างหน้า คิดก่อนซื้อนะคะ ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

เมื่อหลายปีที่แล้ว นักบินอวกาศชาวอเมริกันท่านหนึ่งได้ก้าวลงจากบันได เหยียบลงไปบนผิวดวงจันทร์ และท่านประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกากล่าวว่า “นั่นคือเหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ “

ด้วยความเคารพนะครับท่านประธานาธิบดี เหตุการณ์ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติไม่ใช่เมื่อมนุษย์คนแรกเหยียบเท้าลงไปบนดวงจันทร์ แต่เมื่อพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดเสด็จลงมา เหยียบพระบาทของพระองค์ลงบนโลกนี้ ที่เราเรียกว่าทรงจุติมาบังเกิด และเราเฉลิมฉลองวันคริสตมาสกัน ถ้าคุณยังไม่เข้าใจเหตุการณ์นี้ คุณก็ยังไม่มีกุญแจทองไขสู่ประตูแห่งประวัติศาสตร์ครับ

  • เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ชีววิทยา ซึ่งเป็นการศึกษาเรื่องของชีวิต กลับไม่รู้จักองค์พระเยซูคริสต์ผู้ประทานชีวิต
  • เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ดาราศาสตร์ ซึ่งเป็นการศึกษาเรื่องราวของดวงดาวบนฟ้าสวรรค์ กลับไม่รู้จักองค์พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นดาวประจำรุ่ง และทรงเป็นผู้นำทางสู่สวรรค์
  • เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ธรณีวิทยา ซึ่งเป็นการศึกษาเกี่ยวกับอายุของหิน ดิน ทราย กลับไม่รู้จักองค์พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระศิลานิรันดร์
  • เป็นเรื่องน่าเศร้าที่พฤกษศาสตร์ ซึ่งเป็นการศึกษาเกี่ยวกับดอกไม้ กลับไม่รู้จักองค์พระเยซูคริสต์ผู้เป็นพลับพลึงแห่งภูผา และกุหลาบป่าแห่งทุ่งชาโรน
  • เป็นเรื่องน่าเศร้าที่เรารู้เรื่องประวัติศาสตร์ดีตั้งแต่ต้นจนจบ แต่กลับไม่รู้ตอนกลางของเรื่อง “เรื่องราวขององค์พระเยซูคริสต์” − (His story) เรื่องที่คนฉลาดกลับเพิกเฉย คนมั่งคั่งกลับยากจน  คนเข้มแข็งกลับอ่อนแอ จนกว่า…จนกว่า พวกเขาจะรู้จักกับองค์พระเยซูคริสต์ครับ

ถอดความจากคำเทศนาของ: Pastor Adrian Rogers

Love worth finding ministries: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • ประทับใจเรื่องนี้มาก ทำให้ต้องกลับมาถามตัวเองว่า “แล้วเราล่ะ ที่อ้างว่ารู้จักกับองค์พระเยซูคริสต์ เรารู้จักพระองค์ในแง่มุมไหน?” คริสตมาสนี้เป็นโอกาสดีที่เราจะทบทวน และรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับพระองค์ขึ้นใหม่…ให้ดีกว่าเดิม
  • ฝากคำอธิษฐานไปถึงพี่น้องในชนบทภาคเหนือ ภาคอีสานที่กำลังเผชิญกับภัยหนาว ช่วยๆกันหยิบยื่นความช่วยเหลือโดยด่วนถ้าทำได้ มีหลายคริสตจักร และหลายองค์กรคริสเตียนกำลังออกไปให้ความช่วยเหลือ ติดต่อได้เลยค่ะ
  • ขณะที่เรากำลังเข้าสู่งานเฉลิมฉลอง ขอคำอธิษฐานไปถึงพี่น้องคนไทยใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่อยู่ด้วยความหวาดกลัวว่าจะโดนยิงหรือโดนระเบิดเมื่อไร โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และข้าราชการที่ต้องทำงานอยู่ที่นั่น