Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

หน้าที่ของการงานและความมานะบากบั่น

ทราบหรือไม่ว่าทำใมคนยุคนี้ถึงผิดแผกไป? เรื่องใหญ่ที่สุดคือคนหนุ่มสาวสมัยนี้ไม่รู้จักจริยะธรรมของการทำงานย้อนไปในสมัยของสงครามโลกครั้งที่สอง และในยุคที่เศรษฐกิจตกต่ำที่สุด พวกเขาไม่รู้เรื่องความรับผิดชอบต่อหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ และความมานะบากบั่น และที่น่าเศร้า ผมเห็นหลายคนไม่อยากทำงาน พวกเขาอยากสบาย และรวยทางลัดโดยทางล๊อตเตอรี่ การพนัน หรือการเสี่ยงโชค

พระวจนะใน 2เธสะโลนิกา 3:10 กล่าวว่า “แม้เมื่อเราอยู่กับพวกท่าน เราก็ได้กำชับอย่างนี้ว่า ถ้าผู้ใดไม่ยอมทำงาน ก็อย่าให้เขากิน” พระเจ้าต้องการให้เรามีความมานะบากบั่น พระองค์ตรัสว่า “จงทำการงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน” (อพยพ 20:9)

ชาวยิวโบราณเข้าใจในพระบัญชาข้อนี้ชัดเจน ให้พักผ่อนในวันที่เจ็ด พวกเขาเห็นการทำงานอย่างพากเพียรเป็นคำสั่งจากองค์พระผู้เป็นเจ้า ความพากเพียรเป็นของประทานจากพระเจ้า การทำงานไม่ใช่เป็นคำสาปแช่ง

ผมไม่สนใจว่าคุณมีเงินมากขนาดไหน  การงานไม่ใช่สิ่งเลวร้าย เป็นสิ่งดี เอเฟซัส 4:28 กล่าวว่า “คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีก แต่จงใช้มือทำงานที่ดีดีกว่า เพื่อจะได้มีอะไรๆ แจกให้แก่คนที่ขัดสน” ดังนั้นการทำงานจึงเป็นสิ่งที่ดีครับ

โดย: Pastor Adrian Rogers

Daily treasure from the Words: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • คนที่มีงานทำ จงทำงานในหน้าที่อย่างเต็มกำลัง คนยังไม่มีงานทำ ตั้งใจ ทูลขอจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แล้วออกไปหางานทำ เพื่อทั้งสิ้นจะเป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าของเราค่ะ – ขอพระเจ้าอวยพร

 

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์กับพระเจ้าแปลว่าอะไร?

“เหตุฉะนั้น เจ้าจงออกจากหมู่พวกเขาเหล่านั้น และจงแยกตัวออกจากเขาทั้งหลาย อย่าแตะต้องสิ่งซึ่งไม่สะอาด แล้วเราจึงจะรับพวกเจ้าทั้งหลาย เราจะเป็นดังบิดาของพวกเจ้า และพวกเจ้าจะเป็นบุตรชายบุตรหญิงของเรา”พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทั้งสิ้นได้ตรัสดังนั้น (2โครินธ์ 6:17-18)

เมื่อคุณเปิดพระคัมภีร์อ่าน แล้วเจอข้อพระคำเช่นในอิสยาห์ 6:3 ที่กล่าวว่า “บริสุทธิ์ บริสุทธ์ บริสุทธิ์ พระเจ้าจอมโยธา แผ่นดินโลกทั้งสิ้นเต็มด้วยพระสิริของพระองค์” คุณคิดว่าคำว่า “บริสุทธิ์” แปลว่าอะไร?

ในพระคัมภีร์เดิม และพระคัมภีร์ใหม่ เมื่อเราพูดถึงความบริสุทธิ์ของพระเจ้าหรือของเราเอง คงไม่ได้หมายความแค่การประพฤติดี ครับ แต่หมายถึงการแยกตัวออกมาและห่างไกลอย่างสิ้นเชิงจากสถานภาพเดิมที่เคยเป็นอยู่

เดี๋ยวนี้แย่หน่อยที่เราไม่ค่อยได้ยินคำเทศนาเรื่องการแยกตัวออกมาจากสภาพเดิมๆ เพราะคริสเตียนหลายคนในทุกวันนี้เป็นเหมือนกิ้งก่า สามารถเปลี่ยนสีไปตามกลุ่มคนหรือสภาพแวดล้อมที่เข้าไปอยู่ได้ พวกเขาจึงเป็นเหมือนคนทางโลกทั่วไป ไม่มีอะไรแตกต่าง

แต่พระเจ้าทรงเรียกเราให้มีมาตรฐานที่สูงกว่านั้น และเมื่อคุณดำเนินชีวิตที่แตกต่างจากทางโลกจนเห็นได้ชัด คุณจะมีประสบการณ์ชื่นชมยินดีที่พระเจ้าปรารถนาให้คุณมี พระองค์ไม่ได้ต้องการแยกคุณออกมาเพื่อทำให้คุณพลาดเรื่องสนุกสนานทางโลก แต่ทรงปรารถนาให้คุณได้รับการเติมเต็มในพระองค์

บางคนสมัยนี้มีความเชื่อแต่ก็ยังมีทุกข์ พวกเขามีมือข้างหนึ่งเต็มไปด้วยเรื่องทางโลก และมีพระเยซูอยู่ในมืออีกข้าง พวกเขาได้น้อยนิดจากทั้งสองมือ และไม่ได้สิ่งดีที่สุดจากฝ่ายใดเลย แต่ถ้าคุณปล่อยมือทิ้งทางโลกไป และนำทั้งสองมือมายึดองค์พระเยซูคริสต์ไว้ คุณจะพบความยินดีที่เกินอธิบายจากการได้มีสามัคคีธรรมเต็มร้อยกับองค์พระผู้เป็นเจ้า

พระวจนะพระเจ้าเรียกคุณให้มาดำเนินชีวิตที่แตกต่างจากโลกรอบตัวคุณจนเห็นได้ชัดเจน และเมื่อเป็นเช่นนั้นคุณจะมีความชื่นชมยินดีเกินอธิบายจาการมีสามัคคีธรรมกับพระเจ้าครับ

โดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • บางคนรักพี่เสียดายน้อง บางคนอยากได้สิ่งดีที่สุดจากทั้งสองฝ่าย บางคนไม่อยากและไม่ยอมเลือก หรือรักเผื่อเลือก ระวังนะคะจะไม่มีอะไรเหลือให้คุณเลือกเลยในวันสุดท้าย
  • อย่าลืมอธิษฐานเผื่อผู้เป็นแม่ทุกท่านค่ะ  – ขอพระเจ้าอวยพร

 

 

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

นำลูกคุณไปถึงพระคริสต์อย่างไร ‏

ข้าพระองค์ร้องทูลว่า ข้าแต่พระเจ้า เพราะพระองค์จะทรงตอบข้าพระองค์ ขอทรงเอียงพระกรรณฟังถ้อยคำของข้าพระองค์ด้วยเถิด (สดุดุ 17:6)

ผมมีโทรศัพท์สายส่วนตัวที่โทรตรงถึงผมได้ในที่ทำงาน และมีไม่กี่คนเท่านั้นที่มีเบอร์โทรศัพท์เครื่องนี้ และในจำนวนคนเหล่านั้นที่สำคัญที่สุดคือลูกๆของผม ไม่ว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ หรือมีธุระยุ่งแค่ไหน ถ้าได้ยินเสียงลูกที่ปลายสาย ไม่ว่าจะเป็นด้วยเรื่องอะไรผมพยายามตอบสนองความต้องการของพวกเขา

ลองขยายสิ่งนี้ให้ครอบคลุมกาลปาวสาน ที่คุณมีคือความรักของพระบิดาและพระพรที่พระเจ้าปรารถนาจะประทานให้แก่ลูกๆของพระองค์ พระองค์จะไม่ปล่อยให้คุณรอสาย แต่จะรับในทันที่ที่คุณโทรเข้าไป

ผมได้คุยกับหลายคนวันนี้ที่ดิ้นรนในชีวิตแห่งการอธิษฐาน เพราะดูเหมือนคำอธิษฐานของพวกเขาขึ้นไปชนอยู่แค่เพดาน แต่ถ้าคุณเชื่อในพระวจนะคำ คุณก็จะรู้ว่าพระเจ้าทรงฟังทุกคำอธิษฐานของคุณ พระองค์ต้องการรู้ถึงความต้องการส่วนลึกที่สุดของคุณ และต้องการรู้ว่าคุณจะเปิดเผยให้พระองค์ทราบหรือไม่

ดังนั้นเมื่อคุณอธิษฐาน จำไว้ว่าคุณมีสายตรงต่อถึงพระเจ้าผู้ทรงฟังทุกๆคำที่คุณพูดและตอบสนองด้วยความรักมั่นคงของพระองค์ !

พระเจ้าทรงได้ยินทุกคำอธิษฐานของคุณ ดังนั้นจงแบ่งปันทุกความต้องการในจิตใจของคุณในแต่ละวัน

โดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • วันนี้คุณต่อสายถึงพระบิดาหรือยัง? พระองค์กำลังคอยอยู่ที่ปลายสายค่ะ – ขอพระเจ้าอวยพร
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด

“เพราะความคิดของเราไม่เป็นความคิดของเจ้า ทั้งทางของเจ้าไม่เป็นวิถีของเรา” พระเจ้าตรัสดังนี้ (อิสยาห์ 55:8)

เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นกลางดึกคืนหนึ่ง ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดว่าสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดกลายเป็นความจริงแล้ว เป็นเสียงตำรวจที่โทรมาเพื่อบอกว่าลูกชายวัย 21 ของฉันหลับใน ขณะขับรถไปที่บ้านเพื่อน

มิทช์ลูกชายของฉันอายุแค่สี่เดือนเมื่อผู้เป็นพ่อของเขาเสียชีวิต จากนั้นมาฉันมีความกลัวในสองสิ่งอยู่เสมอ – กลัวว่าชีวิตของลูกชายจะได้รับผลกระทบรุนแรงจากการสูญเสียผู้เป็นพ่อไป และกลัวว่าลูกเองก็อาจเสียชีวิตขณะอายุยังน้อยด้วย เมื่อมิทช์อายุได้สี่ขวบความกลัวของฉันก็ได้รับการปลดปล่อย พระเจ้าทรงนำแพทเข้ามาในชีวิตเราสองคนแม่ลูก ทำหน้าที่เติมเต็มทั้งเป็นพ่อของลูกและเป็นสามีของฉัน

เช่นเดียวกับพ่อที่ดี แพทเป็นคนยอดเยี่ยมที่อยู่เคียงข้างครอบครัวทั้งในยามทุกข์และยามสุข สิ่งที่เกิดขึ้นกลางดึกวันนั้นไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด เมื่อแพทไปถึงที่เกิดเหตุ เห็นรถของลูกชายยับเยินเพราะชนเข้ากับที่กั้นถนนที่กันไม่ให้หลุดเข้าไปในทางด่วนขณะที่รถกำลังแล่นมาด้วยความเร็วสูง ตัวมิทช์เองไม่ได้เป็นอะไร ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน หรือกระดูกหัก – ไม่มีเลย พ่อของเขาตะลึงทีเดียว แต่ตำรวจยิ่งงงมากกว่า และสิ่งที่ตำรวจท่านนั้นพูดกับมิทช์คือ

“ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่กลับบ้านไปนอนหรอก แต่จะไปหาโบสถ์ที่ใกล้ที่สุด และขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยชีวิตคุณไว้ เพราะพระองค์ทรงมีพระประสงค์บางอย่างแน่ๆสำหรับคุณ” ดูเหมือนพระเจ้าตรัสโดยตรงผ่านนายตำรวจท่านนั้น แพทขับรถพามิทช์กลับบ้านด้วยความเงียบ ตำรวจท่านนั้นพูดไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือให้พูดอีก

ตอนบ่ายวันอาทิตย์เราขับรถไปดูซากรถคันนั้นเพื่อไปเก็บของๆมิทช์กลับมา สิ่งแรกที่ฉันเห็นคือมีสีพ่นวันที่ 9−9 สีส้มจ้าตาอยู่ที่กระจกหน้า เป็นวันที่มิทช์ประสบอุบัติเหตุและตรงกับวันที่คุณพ่อแท้ๆของเขาจากไป น่าแปลกที่ทั้งคู่อายุเท่ากันพอดี ตาฉันจับจ้องอยู่ตรงวันที่นั้น และรู้ว่าเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการบอกให้รู้ – เป็นหมายสำคัญจากเบื้องบนชัดเจน มิทช์ได้รับการปกป้องจากพระหัตถ์พระเจ้า

ความจริงนั้นแทงทะลุเข้าไปในใจฉัน และเรื่องโกหกที่ซาตานกรอกหูไว้ก็มลายไป ฉันไม่กลัวการสูญเสียลูกเพราะความตายอีกต่อไป พระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับมิทช์แต่ไม่ใช่สำหรับพ่อแท้ๆของเขา ฉันตระหนักถึงความจริงข้อนี้อยู่ในใจเสมอ แต่วันนั้น ตรงที่เก็บซากรถมันกลายเป็นความจริง ฉันไม่สงสัยพระเจ้าอีกแล้วเมื่อลูกชายได้รับการปกป้องจากอุบัติเหตุเฉียดตายนั้น และอยู่ในวันครบรอบที่พ่อของเขาจากไป .

ไม่ว่าจะสงสัยหรือความกลัว พระเจ้าทรงมีแผนการ แต่จะไม่เหมือนกันในแต่ละคน ประสบการณ์นี้เตือนให้ฉันรู้ว่าความคิดของฉันไม่เหมือนความคิดของพระเจ้า พระองค์ทรงเห็นภาพรวมที่ใหญ่กว่า ทรงรู้แผนงานดี และสิ่งนี้เตือนให้ฉันคุกเข่าลง ยอมยกความกลัวทั้งหมดที่มีให้พระองค์และเข้ามาวางใจในความดีเลิศ และแผนการอันสมบูรณ์ที่ทรงมีต่อลูกของฉัน ดังนั้น อำนาจเดียวที่ยิ่งใหญ่และควบคุมอยู่เหนือความคิดกลุ้มกังวลของเราอยู่ในพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า แทนที่จะถูกความกลัวตามหลอกหลอนทั้งกลางวันกลางคืน ให้เราน้อมนำความคิดจิตใจทั้หมดมาวางไว้ที่พระองค์ เพราะทรงมีแผนการอัศจรรย์เกินกว่าที่เราจะคิดได้ค่ะ

 

โดย: Micca Monda Campbell

Encouragement  for today: www.crosswalk.com

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • หลายคนยังตกอยู่ในความกังวลใจโดยเฉพาะเรื่องลูกๆ อธิษฐานฝากมอบพวกเขาไว้กับพระเจ้า เพราะพระองค์เป็นผู้ดูแลที่ดีที่สุด ดีกว่าผู้ที่เป็นพ่อแม่ด้วยซ้ำไป – ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ใครก็ได้ที่จะช่วยบอกทาง

แต่ผู้ที่ยังไม่เชื่อในพระองค์ จะทูลขอต่อพระองค์อย่างไรได้ และผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์ จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู้ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้ (โรม 10:14)

ในหนังสือกิจการบทที่ 8 เป็นเรื่องของข้าราชการต่างชาติคนสำคัญชาวเอธิโอเปีย ในฐานะนายคลังทรัพย์ทั้งหมดของพระราชินีท่านเป็นผู้มีอำนาจมากและเดินทางไปไหนมาไหนพร้อมด้วยคณะผู้ติดตาม ท่านไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อแสวงหาพระเจ้า แต่กลับไปพบศาสนาที่แห้งๆแข็งทื่อตายซาก แต่ท่านก็ได้หนังสือม้วนอิสยาห์ติดมือกลับไป เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะเดินทางกลับผ่านที่เปลี่ยว ท่านอ่านหนังสือนั้นเสียงดังเรื่องการทนทุกข์ของพระเมสซิยาห์ พระเจ้าจึงนำฟีลิปไปหาท่านเพื่อแบ่งปันข่าวประเสริฐ

ฟีลิปเห็นข้าราชการผู้นั้นกำลังเดินทางมาและกำลังอ่านจากหนังสืออิสยาห์ จึงตรงเข้าไปหาและพูดว่า “ซึ่งท่านอ่านนั้นท่านเข้าใจหรือ” (ข้อ 30) เขาจึงตอบว่า “ถ้าไม่มีใครอธิบายให้ ที่ไหนจะเข้าใจได้” ฟีลิปจึงปีนขึ้นไปนั่งบนรถ และอธิบายความหมายให้ฟังว่าข้อความในหนังสือม้วนนั้นเล็งถึงพระเยซู และก่อนสิ้นวัน ข้าราชการท่านนั้นก็กลายเป็นผู้เชื่อ และกลับไปบ้านด้วยหัวใจที่อิ่มเอิบพอใจ นี่คือสิ่งเดียวกับที่คนสมัยนี้ยังหาอยู่ − ใครก็ได้ที่จะช่วยบอกทาง

มีอยู่สิ่งหนึ่งที่คริสเตียนและที่ไม่เป็นคริสเตียนมีเหมือนๆกัน – คือตึงเครียดเรื่องการประกาศข่าวประเสริฐ คริสเตียนตึงเครียดในการไปประกาศ และคนที่ไม่ได้เป็นคริสเตียนตึงเครียดเพราะมีคนมาประกาศ แต่ผมคิดว่าพวกเราบางคนยอมแพ้เอาง่ายๆ เมื่อเราไปถามบางคนว่าเคยมีใครมาเล่าเรื่องพระเยซูให้ฟังหรือยัง หรือเราชวนบางคนให้มาโบสถ์แล้วเขาปฏิเสธ เราก็ยอมแพ้เอาดื้อๆ แทนที่จะพยายามถามต่อว่า “ทำไมถึงพูดอย่างนั้นล่ะครับ? คุณเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับการไปโบสถ์หรือครับ?”

พระเจ้าทรงเลือกไว้แต่แรกให้ผู้คนยื่นมืออกไปหาผู้คน จงเข้าไปหาพวกเขานะครับ และที่สำคัญที่สุด อธิษฐานเผื่อเขาอย่างสม่ำเสมอ ลองพยายามดู แล้วคุณจะพบว่าการได้เล่าเรื่องราวของพระเยซูให้ผู้อื่นฟังนั้นน่าอิ่มใจขนาดไหน

ข้อสรุป: คุณรู้สึกตึงเครียดเวลาไปแบ่งปันข่าวประเสริฐหรือเปล่าครับ?

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000, Riverside, CA 92514

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • คนที่เคยหลงทาง และเจอว่ามีคนมาช่วยบอกทางให้ จะรู้สึกดีใจขนาดไหน? แต่ปัญหาคือคนมักมองตัวเองไม่ออกว่ากำลังหลงทาง!!! ช่วยๆกันบอกทางนะคะ – ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ทำไมไม่เคยสายที่จะกลับสู่ครอบครัวของพระเจ้า ‏

แล้วเขาก็ลุกขึ้นไปหาบิดาของตน แต่เมื่อเขายังอยู่แต่ไกล บิดาแลเห็นเขาก็มีความเมตตา จึงวิ่งออกไปกอดคอจุบเขา ฝ่ายบุตรนั้นจึงกล่าวแก่บิดาว่า ‘บิดาเจ้าข้า ข้าพเจ้าได้ผิดต่อสวรรค์และต่อท่าน ข้าพเจ้าไม่สมควรจะได้ชื่อว่าเป็นลูกของท่านต่อไป’ แต่บิดาสั่งบ่าวของตนว่า ‘จงรีบไปเอาเสื้ออย่างดีที่สุดมาสวมให้เขา และเอาแหวนมาสวมนิ้วมือ กับเอารองเท้ามาสวมให้เขา จงเอาลูกวัวอ้วนพีมาฆ่าเลี้ยงกัน เพื่อความรื่นเริงยินดีเถิด เพราะว่าลูกของเราคนนี้ตายแล้ว แต่กลับเป็นอีก หายไปแล้วแต่ได้พบกันอีก’ เขาทั้งหลายต่างก็มีความรื่นเริงยินดี (ลูกา 15:20-24)

หลายปีมาแล้ว ชายหนุ่มคนหนึ่งจากบ้านที่อยู่ชานเมืองชิคาโกไปเพราะมีปากเสียงกับผู้เป็นบิดา เขาสาบานว่าจะไม่มีวันกลับไปเหยียบที่บ้านอีก

เขาไปดำเนินชีวิตด้วยตนเองอยู่หลายปี แต่ใจก็ยังอยากจะกลับไปบ้านอยู่เสมอๆ เขาจึงเขียนจดหมายหาผู้เป็นแม่กล่าวว่า “แม่ครับ ผมอยากจะกลับบ้าน แต่พ่อเคยบอกว่าไม่ให้กลับไปเหยียบที่นั่นอีก ผมไม่รู้ว่าจะกลับไปได้หรือเปล่า?”

เขาจึงขอให้แม่ทำบางสิ่งที่ออกจะแปลก เขาบอกแม่ว่า “ถ้าคุณพ่ออยากให้ผมกลับบ้าน ให้ท่านเอาผ้าเช็ดหน้าสีขาวผูกไว้บนต้นไม้หน้าบ้าน เมื่อผมนั่งรถไฟผ่านไป ถ้าเห็นผมถึงจะลงครับ”

หนุ่มคนนั้นนั่งเหงื่อแตกไปตลอดทางกลับบ้าน พอรถไฟเลี้ยวโค้ง เขาชะโงกหน้าต่างออกไปดู ด้วยความอัศจรรย์ใจ เขาเห็นทุกกิ่งบนต้นไม้นั้นมีผ้าสีขาวผูกอยู่ พ่อของเขาเอาผ้าปูที่นอน และปลอกหมอนของทั้งบ้านมาฉีกออก แล้วเอาผูกไว้บนทุกกิ่งของต้นไม้เพื่อจะบอกว่า “ต้อนรับกลับบ้านนะลูก”

คุณและผมมีพระบิดาที่เป็นเช่นนั้นด้วย พระองค์ต้องการให้คุณกลับมาบ้านถ้าคุณออกไปอยู่ไกลแสนไกล และเป็นเพราะสิ่งที่องค์พระเยซูคริสต์ได้ทำ การสิ้นพระชนม์และฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ทำให้คุณและผมกลับบ้านได้

ถ้าคุณดำเนินชีวิตโดยปราศจากพระเจ้า จงกลับมาหาพระองค์โดยเข้ามาวางใจในการสิ้นพระชนม์เพื่อให้คุณได้กลับมาสู่ครอบครัวของพระเจ้า!

โดย: Pastor Jack Graham

Daily devotional

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่ออกจากบ้านไปนานแล้ว พระเจ้ากำลังยืนคอยคุณอยู่ที่หน้าบ้านเลยนะคะ – เอาใจช่วยให้กลับถูกทาง ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

 

 

 

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

เตาไฟที่ลุกโชน

เมื่อเจ้าลุยข้ามน้ำ เราจะอยู่กับเจ้า เมื่อข้ามแม่น้ำ น้ำจะไม่ท่วมเจ้า เมื่อเจ้าลุยไฟ เจ้าจะไม่ไหม้ และเปลวเพลิงจะไม่เผาผลาญเจ้า (อิสยาห์ 43:2)

ภาพที่สวยงามที่สุดภาพหนึ่งของการวางใจในพระเจ้าผู้ทรงครอบครอง คือเรื่องของชายหนุ่มชาวยิวสามคน – ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก หนุ่มน้อยสามคนนี้ปฏิเสธไม่กราบลงนมัสการปฏิมากรของพระราชาเนบูคัดเนสซาร์ บทลงโทษขอการกบฎต่อพระราชาคือถูกเผาให้ตายในเตาไฟ เมื่อทั้งสามถูกนำมาต่อหน้าพระราชาก่อนถูกประหาร พวกเขาอธิบายด้วยความเคารพว่า:

“ถ้าพระเจ้าของพวกข้าพระบาทผู้ซึ่งพวกข้าพระบาท ปรนนิบัติ พอพระทัยจะช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากเตาที่ไฟลุกอยู่ ข้าแต่พระราชา พระองค์ก็จะทรงช่วยกู้พวกข้าพระบาท ให้พ้นพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท  ถึงแม้ไม่เป็นเช่นนั้น ข้าแต่พระราชา ขอฝ่าพระบาททรงทราบว่าพวกข้าพระบาทก็ไม่ปรนนิบัติ พระของฝ่าพระบาท หรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งฝ่าพระบาทได้ทรงตั้งขึ้น” (ดาเนียล 3:17-18)

นี่คือความเชื่อแท้ – พิสูจน์ได้ด้วยไฟ พระเจ้าสามารถช่วยกู้ข้าพระบาทได้ แต่ถ้าพระองค์เลือกที่จะไม่ทำ ข้าพระบาทก็ยังเต็มใจปรนนิบัติพระองค์ – พระเจ้าทรงรักษาฉันได้ แต่ถ้าพระองค์ไม่ทรงทำ ฉันก็ยังรักพระองค์อยู่ดี

หนุ่มน้อยเหล่านั้นถูกโยนเข้าไปในเตาไฟอันลุกโพลง เมื่อพวกเขาปฏิเสธไม่ก้มลงนมัสการตามที่พระราชาสั่ง ทำให้เนบูคัดเนสซาร์โกรธเกรี้ยว พระองค์สั่งให้ใส่ไฟเพิ่มให้ร้อนอีกเจ็ดเท่าตัว และสั่งให้ทหารที่แข็งแรงที่สุดในกองทัพมามัดสามหนุ่มนี้และโยนเข้าไปในเตาไฟ ไฟที่ลุกโชนอยู่ร้อนขนาดเผาทหารที่โยนพวกเขาเข้าไปจนตาย ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโกเดินอยู่ในกองเพลิงนั้นโดยมีพระราชายืนเฝ้าดู

“เรามัดสามคนโยนเข้าไปมิใช่หรือ” พระราชาถามด้วยความประหลาดพระทัย

“แต่เราเห็นสี่คนปล่อยหลุด กำลังเดินอยู่กลางไฟ และเขาทั้งหลายก็ไม่เป็นอันตราย รูปร่างของคนที่สี่นั้นคล้ายคลึงกับองค์เทพบุตร” (ดาเนียล 3:25)

แค่นี้ยังไม่พอที่จะเปลี่ยนพระทัยพระราชาได้ จึงสั่งให้เปิดประตูออกมา หนุ่มทั้งสามก็เดินออกมาจากเตาไฟนั้นโดยไม่มีรอยขีดข่วนสักนิด ผมก็ไม่งอสักเส้น และเสื้อก็ไม่ได้เป็นอันตราย ไม่มีกลิ่นไฟ!

พี่น้องคะ แน่ใจได้ว่า – เมื่อเราต้องเดินผ่านไฟแห่งการทดลองในชีวิต เราไม่เคยเดินลำพัง พระเยซูทรงอยู่ด้วยกับเราตลอดเส้นทาง ควันแม้สักนิดหรือเปลวไฟไม่อาจทำอะไรพระองค์ได้เลย

โดย: Sharon Jaynes

Girlfriends in God: www.crosswalk.com

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • อย่าลืมว่าพระเยซูไม่เคยปล่อยให้เราคลาดสายตาไปแม้สักวินาทีเดียว – ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ