Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

พร้อมหรือไม่?

“ด้วยสมัยของโนอาห์ ได้เป็นอย่างไร เมื่อบุตรมนุษย์เสด็จมา ก็จะเป็นอย่างนั้น เพราะว่าเมื่อก่อนวันน้ำท่วมนั้น คนทั้งหลายได้กินและดื่มกัน ทำการสมรสและยกให้เป็นสามีภรรยากัน จนถึงวันที่โนอาห์เข้าในนาวา และน้ำท่วมมากวาดเอาเขาไปสิ้น โดยไม่ทันรู้ตัวฉันใด เมื่อบุตรมนุษย์จะเสด็จมาก็จะเป็นฉันนั้น” (มัทธิว 24:37-39)

พระเยซูตรัสว่าเวลาที่พระองค์เสด็จกลับมา จะเป็นเหมือนสมัยของโนอาห์ ปฐมกาลบทที่ 6 บันทึกไว้ว่าเป็นเวลาที่ชั่วช้ามาก “พระเจ้าทรงเห็นว่าความชั่วช้าของมนุษย์มีมากบนแผ่นดิน และทรงเห็นว่าเค้าความคิดในใจของเขาล้วนเป็นเรื่องร้ายเสมอไป” (ข้อ 5) ความบาปท่วมขึ้นสูงจนปริ่มขอบ เหมือนถังขยะที่กำลังล้นออกมาข้างนอก เป็นภาพเดียวกับความเสื่อมของศีลธรรมในโลกทุกวันนี้

พระเจ้าจึงสั่งให้โนอาห์สร้างเรือลำมหึมา — เรือโนอาห์ — และในเรือลำนี้ โนอาห์อพยพครัวเรือนและพวกสัตว์เข้าไปอาศัย เมื่อพระเจ้าพิพากษาโลกโดยให้เกิดพายุฝนจนน้ำท่วมหมดทั่วโลก

ปฏิกิริยาของผู้คนในสมัยโนอาห์เป็นอย่างไร? เยาะเย้ย น้ำไม่มีวันท่วมสูงเท่านั้นไปได้ น้ำท่วมแผ่คลุมไปทั่วทั้งโลก ทำให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจก ชั้นบรรยากาศทะลุ และการพิพากษาของพระเจ้าที่มาทางฝน ผู้คนไม่มีใครเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ พวกเขาจึงหัวเราะเยาะโนอาห์ เรือของท่าน และคำพยากรณ์ตามความเชื่อที่ท่านมี

นี่คือปฏิกิริยาของผู้คนที่มีต่อผู้เชื่อก่อนพระคริสต์เสด็จกลับมา พระคัมภีร์บอกเราว่ามุมมองในยุคสุดท้ายคือ ผู้คนจะเยาะเย้ยพวกที่คิดว่าพระเยซูจะเสด็จกลับมาอีกครั้ง ใน 2เปโตร 3:3-4 กล่าวว่า “จงรู้ข้อนี้ก่อนคือ ในกาลสุดท้ายคนที่ชอบเยาะเย้ยจะเกิดขึ้น และประพฤติตามใจปรารถนาของตน และจะถามว่า “คำที่ทรงสัญญาไว้ว่าพระองค์จะเสด็จมานั้นอยู่ที่ไหน เพราะว่าตั้งแต่บรรพบุรุษหลับล่วงไปแล้ว สิ่งทั้งปวงก็เป็นอยู่เหมือนเป็นอยู่ตั้งแต่เดิมทรงสร้างโลก”

แน่นอน เราเห็นสิ่งต่างๆเหล่านี้กำลังเกิดขึ้น ผู้คนจะพากันพูดว่า “ที่พระเยซูสัญญาไว้ว่าจะกลับมา แล้วไหนล่ะ พระองค์อยู่ที่ไหน?” พวกเขาไม่เชื่อตั้งแต่การเสด็จมาครั้งแรก และพวกเขาก็จะไม่เชื่อเมื่อเสด็จกลับมาครั้งที่สองเช่นกัน

ข้อสรุป: ผู้คนจะตอบสนองด้วยท่าทีเย้ยหยันในวันสุดท้าย เหมือนกับที่พวกเขาได้ทำในสมัยของโนอาห์

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000, Riverside, CA 92514

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทยและในที่อื่นๆทั่วโลก ล้วนแล้วแต่ ย้ำและยืนยันถึงคำพยากรณ์ คำเตือน และการเปิดเผยต่างๆที่พระเจ้าตรัสไว้เมื่อนานมาแล้วในพระคัมภีร์
  • ยุคนี้จึงเป็นยุคที่เรานอกจากจะเตรียมพร้อมแล้ว เรายังต้องทำการงานของพระองค์อย่างเต็มกำลัง เพื่อให้มนุษย์มากมายได้มีโอกาสรับความรอด – เราพร้อมกันหรือเปล่า? ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ

 

Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ขอบคุณได้ในท่ามกลางการทดลอง

“จงโมทนาพระคุณพระเจ้า และร้องทูลออกพระนามพระองค์ จงให้บรรดาพระราชกิจของพระองค์แจ้งแก่ชนชาติทั้งหลาย” (1พงศาวดาร 16:8)

ถ้าคุณเป็นลูกพระเจ้า คุณควรจะขอบคุณพระเจ้าได้ในทุกเวลา ทุกๆวัน ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณ

คุณเคยหยุด และขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับน้ำที่คุณมีดื่มหรือเปล่า? รู้หรือไม่ว่าในโลกนี้ บางประเทศพลเมืองส่วนใหญ่ไม่มีน้ำสะอาดพอดื่มได้? คนนับล้านต้องตายลงแต่ละปี เพราะดื่มน้ำที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนมา

ถ้าคุณใส่เครื่องช่วยฟัง คุณเคยขอบคุณพระเจ้าหรือเปล่า? มีหลายคนคงขอบคุณพระเจ้าถ้าเขาได้มีเครื่องช่วยฟังใช้สักเครื่อง

ถ้าคุณเป็นนักเรียนที่กำลังสอบไล่  คุณเคยขอบคุณพระเจ้าที่มีโอกาสได้เข้าสอบหรือเปล่า? มีคนมากมายที่อยากเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย แต่ไม่มีกำลัง และไม่มีโอกาส

คุณเคยขอบคุณพระเจ้าสำหรับลมหายใจที่กำลังหายใจ อยู่หรือเปล่า?

นำเรื่องใดก็ตามที่ดูเหมือนเป็นการทดลองที่เข้ามาในชีวิตคุณในวันนี้ ให้ขอบคุณพระเจ้าสำหรับเรื่องนั้นๆ และให้ขอบคุณพระองค์ทุกครั้งแทนคำบ่น หรือการโวยวายที่เริ่มเข้ามาในความคิด

โดย: Pastor Adrian Rogers

Daily devotional

Love worth finding ministries: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • แทนคำบ่น แทนความกลัว แทนความหวั่นวิตก อธิษฐานขอบพระคุณ ขอการทรงนำ การปกป้องจากพระเจ้า และหยิบยื่นความช่วยเหลือออกไปให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ – ขอพระเจ้าดูแลค่ะ  
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ฉันเป็นพลเมืองแห่งฟ้าสวรรค์

แต่บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ที่สวรรค์ เรารอคอยผู้ช่วยให้รอด ซึ่งจะเสด็จมาจากสวรรค์คือพระเยซูคริสตเจ้าพระองค์จะทรงเปลี่ยนแปลงกายอันต่ำต้อยของเรา ให้เหมือนพระกายอันทรงพระสิริของพระองค์  ด้วยฤทธานุภาพซึ่งทำให้พระองค์ปราบสิ่งสารพัดลงใต้อำนาจของพระองค์ (ฟีลิปปี 3:20)

ช่วงปิดเทอมหนึ่ง มีเด็กผู้ชายอายุ 10 ขวบจากรัสเซียมาอยู่ด้วยกับเรา และไปโรงเรียนด้วยกันกับลูกชายของฉัน ภาษาอังกฤษของเขาค่อนข้างจะจำกัด จึงต้องพึ่งภาษามือและสีหน้าเพื่อจะสื่อสารกัน  ครั้งหนึ่งฉันพยายามให้เขาเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ ฉันนำเครื่องเขียนออกมา ส่งปากกาให้ ชี้ไปที่รูปพ่อแม่ของเขาแล้วพูดว่า “เรามาเขียนจดหมายถึงพ่อแม่ของหนูกันนะ?”  เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันพูดเลย ยี่สิบนาทีผ่านไป ฉันวาดรูปและพยายามอธิบายให้เขาเข้าใจในสิ่งที่ฉันวาด ในที่สุด เขาก็ร้องไห้ เงยหน้ามองฉันแล้วพูดว่า “อะไร…ครับ?” ฉันได้แต่กอดเขาเอาไว้ ก่อนจะนำกระดาษปากกาไปเก็บ

บางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนเด็กน้อยชาวรัสเซียคนนั้น ไม่เข้าใจความโหดร้ายที่อ่านพบในหนังสือพิมพ์หรือได้ยินจากข่าว ไม่เข้าใจว่าทำไมบางคนออกไปขับรถบนถนนด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว ไม่เข้าใจว่าผู้ใหญ่บางคนทำร้ายเด็กตัวเล็กๆได้อย่างไร ด้วยความไม่เข้าใจนั้น ฉันเงยหน้ามองไปที่พระบิดาแห่งฟ้าสวรรค์ บอกกับพระองค์ว่า “อะไร…คะ?”

แต่พระเจ้าทรงเตือนให้ฉันรู้ตัวว่า ฉันจะไม่มีวันรู้สึกเหมือนอยู่บ้านที่บนโลกนี้ เพราะฉันเป็นเพียงคนแปลกหน้า เป็นคนพเนจร แท้จริงแล้วฉันเป็นพลเมืองแห่งฟ้าสวรรค์ ปัจจุบันเป็นเพียงนักเรียนแลกเปลี่ยนช่วงปิดเทอมที่ยังไม่ถึงเวลากลับบ้าน

พระคัมภีร์บอกเราว่า เราเป็นพลเมืองแห่งฟ้าสวรรค์ ชีวิตเราบนโลกนี้อาจจะยิ่งใหญ่ แต่เราจะมีความรู้สึกโหยหาบางสิ่งตลอดเวลาขณะที่เท้าเรายังก้าวเดินอยู่บนโลกนี้ นั่นเป็นเพราะเราถูกสร้างมาสำหรับสวรรค์ วันหนึ่งข้างหน้าเราจะได้กลับไปบ้านอย่างแท้จริง ได้พักผ่อนและอยู่อย่างสงบ กว่าจะถึงวันนั้น จำไว้ว่า เราเป็นเพียงคนพเนจร และเป็นคนแปลกหน้าในโลกชั่วคราวใบนี้

โดย: Sharon Jaynes

Girlfriends in God: www.crosswalk.com

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • คุณอยู่ในโลกนี้ราวกับจะอยู่ตลอดไป หรืออยู่เพียงชั่วคราว รอคอยที่จะได้กลับไปบ้านนิรันดร์คะ?
  • อธิษฐานเผื่อสถานการณ์น้ำท่วมด้วยค่ะ และร่วมบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ที่ “มูลนิธิสงเคราะห์ชาวไทย” ธ.กรุงไทย สาขานานาเหนือ เลขบัญชี 000−1−93816−9 และขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านค่ะ 
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

จัดการกับความโกรธที่มีต่อพระเจ้า

เรารู้ว่า พระเจ้าทรงช่วยคนที่รักพระองค์ให้เกิดผลอันดีในทุกสิ่ง  คือคนทั้งปวงที่พระองค์ได้ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์ (โรม 8:28)

ผมยังจำได้ชัดเจนถึงวันที่พ่อของผมถูกฆ่าตายในปี 1970  ชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน และอีกสิ่งที่ผมจำได้ดี มีสองสามคนมาหาผมและพูดว่า “คุณไม่รู้สึกโกรธพระเจ้าหรือ ที่ปล่อยให้คุณพ่อต้องมาตายแบบนี้?”

ผมตอบไปว่า “ผมไม่อาจโทษพระเจ้าได้ ทำไมผมต้องไปโทษพระองค์ทั้งๆที่ความจริงคือพ่อผมเจอเข้าไปกับความชั่วร้ายของโลกนี้?”

บ่อยครั้ง ผมพบคริสเตียนหลายคนโทษพระเจ้าเมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายขึ้น ผมรู้จักผู้เชื่อคนหนึ่งที่พูดว่า “พระเจ้าทิ้งผมแล้ว ไม่เอาผมอีกแล้ว” แต่ในความเป็นจริง มันเป็นผลจากการตัดสินใจแย่ๆที่พวกเขาเลือกทำเอง โดยเฉพาะถ้าคุณต้องไปเจอกับเรื่องร้ายๆที่คุณเองไม่ได้ก่อ ความจริงคือ ความชั่วร้ายนั้นมีอยู่ และเราต่างก็อาศัยอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความชั่วร้ายนี้

บางทีคุณเองอาจรู้สึกแบบเดียวกันในชีวิตคุณ เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามที่คุณต้องการ คุณรู้สึกแย่ และมองหาใครก็ได้ที่จะรับความผิดนั้น แทนที่จะยอมรับว่ามันเป็นความผิดพลาดของคุณเอง มันง่ายกว่าที่จะพูดว่า “พระเจ้าน่าจะรู้ดีที่สุด ดังนั้นต้องเป็นความผิดของพระองค์ที่ปล่อยให้เกิดขึ้น”

แต่ความเป็นจริงคือพระเจ้าทรงให้เกิดผลดีในทุกสิ่งสำหรับคนที่รักพระองค์ ดังนั้นถึงแม้ความชั่วจะผลักให้คุณล้มลง จำไว้ว่าคุณอยู่ในพระคริสต์ พระเจ้ากำลังทำทุกสิ่งให้เกิดผลดีเพื่อตัวคุณเอง

ในพระคริสต์ พระเจ้าทรงทำการเพื่อให้เกิดผลกีแก่คุณ ดังนั้นแทนที่จะโทษพระเจ้าในความเจ็บปวดที่คุณเผชิญอยู่ จำไว้ว่าพระองค์?ทรงอยู่กับคุณในทุกสถานการณ์

โดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • โรม 8:28 เป็นข้อพระคัมภีร์ที่ทำให้เรายืนหยัดอยู่ได้ในท่ามกลางสถานการณ์ร้ายที่ไม่รู้ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดขึ้นกับเรา
  • อธิษฐานเผื่อสถานการณ์น้ำท่วมด้วยค่ะ ตอนนี้หลายจังหวัดในภาคกลางตอนล่างกำลังแย่ และอาจเข้ามาถึงกรุงเทพฯด้วยค่ะ – ขอพระเจ้าเสด็จไปเยี่ยมเยียนผู้ประสบภัยค่ะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

การทดสอบความเชื่อของคุณ

“ดูก่อนท่านที่รัก อย่าประหลาดใจ ที่ท่านต้องได้รับความทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสเป็นการลองใจ เหมือนหนึ่งว่าเหตุการณ์อันประหลาดได้เกิดขึ้นกับท่าน” (1เปโตร 4:12)

มีบางสิ่งที่เลวร้ายเกิดขึ้นกับคุณ แล้วคุณก็พูดว่า “แย่แล้ว ฉันทำอะไรลงไป? คงทำเรื่องแย่ๆไป ไม่ยังงั้นเรื่องร้ายนี่คงไม่เกิดขึ้นกับฉัน”

แต่ก่อนที่จะรู้ตัว คุณก็ทุ่มเข้าไปกับความเศร้าเสียใจ พยายามค้น และสำรวจตัวเองอย่างละเอียด – ชำแหละไปทีละจุด เพื่อจะหาว่าตัวเองทำผิดที่ตรงไหน ถ้าคุณเป็นเหมือนคนส่วนมาก คุณก็จะออกอาการนี้

แต่คุณเคยคิดมั้ยว่าบางทีคุณไม่ได้ทำอะไรผิดเลย พระเจ้าเพียงแต่อยากจะทดสอบความเชื่อของคุณ? นี่เป็นความจริงสำคัญที่คุณควรเข้าใจ เพราะถ้าคุณไม่เข้าใจ คุณก็อาจจะรู้สึกท้อ เมล็ดพันธ์แห่งความสงสัย และความท้อถอยกำลังจะงอกงามดีในดินแห่งการละเลย

อ่านอพยพบทที่  16 เกี่ยวกับการทดสอบที่พระเจ้ามีต่อประชาชนชาวอิสราเอล ขณะพวกเขาร่อนเร่อยู่ในทะเลทราย คุณสามารถนำสิ่งนี้มาใช้ในชีวิตประจำวันของคุณได้อย่างไร?

โดย: Pastor Adrian Rogers

Daily devotional

Love worth finding ministries: www.lwf.org

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • อธิษฐานเผื่อสถานการณ์น้ำท่วมด้วยค่ะ คนไทยที่ภาคต่างๆกำลังเดือดร้อนอย่างหนัก ช่วยได้ช่วยกันคนละไม้ละมือเลยค่ะ – ขอพระเจ้าอวยพร
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

สิ่งของที่ทำให้ไขว้เขว

เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย (มัทธิว 6:21)

มัทธิวบทที่ 19 บันทึกเรื่องการสนทนาระหว่างพระเยซูและชายหนุ่มที่เป็นขุนนางมั่งคั่ง เขาน่าจะเป็นคนเดียวในพระกิตติคุณทั้งสี่ว่า กลับไปจากพระองค์ด้วยสภาพที่แย่กว่าก่อนมาพบพระองค์

ขุนนางหนุ่มคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวที่เคร่งศาสนา พระคัมภีร์บอกว่าเขาร่ำรวยมาก แต่มีบางอย่างขาดหายไป เขาต้องการมีชีวิตนิรันดร์ จึงมาหาพระเยซูด้วยคำถาม “ท่านอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำดีประการใด จึงจะได้ชีวิตนิรันดร์” (มัทธิว 19:16)

พระเยซูตรัสบอกให้เขาถือรักษาพระบัญญัติ และเมื่อเขาถามว่าพระบัญญัติข้อใด พระเยซูจึงทบทวนให้ฟัง ทำไมครับ? เพราะถ้าขุนนางหนุ่มคนนี้ซื่อสัตย์จริง เขาคงคิดทบทวนบางอย่างได้ คงตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้ดีอย่างที่ตัวเองคิด พระเยซูทรงเอ่ยถึงพระบัญญัติ เพราะพระบัญญัติเป็นดังกระจกแห่งศีลธรรม พระบัญญัติไม่ได้มีไว้เพื่อให้เราเป็นคนชอบธรรม แต่เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้ชอบธรรม

แต่ขุนนางหนุ่มคนนี้ไม่เข้าใจ พระเยซูจึงตรัสกับเขาว่า “ถ้าท่านปรารถนาเป็นผู้ที่ทำจนครบถ้วน จงไปขายบรรดาสิ่งของซึ่งท่านมีอยู่แจกจ่ายให้คนอนาถา แล้วท่านจะมีทรัพย์สมบัติในสวรรค์ แล้วจงตามเรามาและเป็นสาวกของเรา” (ข้อ 21)

เรื่องของขุนนางหนุ่มคนนี้จึงจบลงอย่างน่าเศร้า มัทธิวบอกเราว่า “เมื่อคนหนุ่มได้ยินถ้อยคำนั้นก็ออกไปเป็นทุกข์ เพราะเขามีทรัพย์สิ่งของเป็นอันมาก” (ข้อ 22)

พระเยซูทรงแตะเข้าไปในความบาปดั้งเดิมในชีวิตของชายคนนี้ นั่นคือความรักที่มีต่อสิ่งของๆโลก พระเยซูทรงขอให้ชายคนนี้สละจากบัลลังก์แห่งความมั่งคั่งและมาน้อมรับพระบัลลังก์ของพระผู้ช่วยให้รอด แต่เขาไม่ต้องการจะทำ

เช่นเดียวกับชายคนนี้ เราเองอาจไขว้เขวไปเพราะสิ่งของต่างๆในโลกทุกวันนี้ และบ่อยครั้ง เราคิดแต่เฉพาะที่นี่ และตอนนี้ เราจะไม่ค่อยคิดถึงวันเวลาที่กำลังผ่านไป และไม่หวนคืน

ข้อสรุป: พระเยซูทรงขอให้พวกเราแต่ละคนสละบัลลังก์แห่งความมั่งคั่ง และน้อมรับพระบัลลังก์ขององค์พระผู้ช่วยให้รอดแทน คุณจะตอบสนองอย่างไรครับ?

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000, Riverside, CA 92514

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • เราเคยใช้เวลาย้อนคิดถึงวันเวลาที่ผ่านไปและไม่หวนคืนบ้างหรือไม่? เราเคยมองไกลไปสู่อนาคตที่ยังมาไม่ถึงหรือเปล่า? เรามองเห็นมั้ยว่า ตัวเราจะจบลงที่ใด? อย่างไร? จบดี หรือจบอย่างน่าเสียดาย – ขอพระเจ้าให้สติปัญญาในการเลือกใช้ชีวิตค่ะ
Categories
บทความแปล วันนี้ที่ CJ

ความสัมพันธ์ในสวรรค์

เมื่อมนุษย์ฟื้นขึ้นมาจากความตายนั้น จะไม่มีการสมรสหรือยกให้เป็นสามีภรรยากันอีก แต่จะเป็นเหมือนทูตในฟ้าสวรรค์ (มัทธิว 22:30)

ความสัมพันธ์ของพวกเราในสวรรค์จะเป็นแบบไหน? เราจะจำกันได้มั้ย?

นี่คือความจริงในภาคปฏิบัติ – ในสวรรค์เราจะรู้เรื่องราวต่างๆดีกว่าที่เรารู้อยู่ในโลก — เราไม่มีทางรู้น้อยกว่าแน่นอน ความคิดเราจะทำงานอย่างเต็มศักยภาพ เราจะมีความรู้ที่เหนือธรรมชาติตามที่พระเจ้าจะประทานให้ พันธนาการของบาปที่ผูกเราอยู่จะถูกกำจัดออกไป ในสวรรค์สิ่งต่างๆจะแตกต่าง และใกล้เคียง แต่ที่แน่ๆคือจะดีกว่า

และแน่นอน เราจะจำกันได้ ในพระคัมภีร์ไม่มีพูดว่าความทรงจำของเราจะถูกลบออกไป ทำให้จำครอบครัวและเพื่อนฝูงไม่ได้ คุณจำผู้คนในโลกปัจจุบันได้หรือไม่? ถ้าคุณไม่เจอใครสักคนเป็นเวลานานมาก แล้วจู่ๆก็มาเจอกัน คุณอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นคนๆเดียวกัน  แต่โดยทั่วไปแล้ว เราจะจำกันได้ และนี่คือข่าวดีสำหรับพวกเราที่ถูกพรากจากคนรักไปชั่วคราว เราจะได้ไปพบกันอีก สิ่งนี้หมายความว่าการจากไปของคนที่เรารักเป็นเพียงชั่วครู่ ไม่ใช่ชั่วนิรันดร์

แต่เราจะยังมีสัมพันธภาพในแบบเดิมหรือเปล่า? สามีภรรยายังเป็นคู่สมรสกันหรือไม่? นี่คือคำถามที่พวกฟาริสีถามพระเยซู พระองค์ตรัสตอบว่า “พวกท่านผิดแล้ว เพราะท่านไม่รู้พระคัมภีร์หรือฤทธิ์เดชของพระเจ้า เมื่อมนุษย์ฟื้นขึ้นมาจากความตายนั้น  จะไม่มีการสมรสหรือยกให้เป็นสามีภรรยากันอีก แต่จะเป็นเหมือนทูตในฟ้าสวรรค์” (มัทธิว 22:29-30)

พระเจ้าออกแบบให้เรามีความปรารถนามีเพื่อน มีสัมพันธภาพ และอยู่ในสังคม บางคนอาจมีมากกว่าคนอื่น  ความปรารถนาอยากมีสัมพันธ์เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ ดังนั้นเมื่อเราเข้าสวรรค์ องค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียวที่เราจะนมัสการ แต่เราจะมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันและกัน

พระเจ้าเป็นจุดสำคัญของฟ้าสวรรค์ เราจะนมัสการพระเจ้าในฟ้าสวรรค์ และพระองค์ทรงมีมากเกินพอสำหรับความจำเป็นของเรา

ข้อสรุป: คุณเคยคิดหรือไม่ว่าสัมพันธภาพของคุณกับคนที่คุณรักจะเป็นอย่างไรในฟ้าสรรค์?

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000, Riverside, CA 92514

ข่าวประชาสัมพันธ์

  • ความหวังสูงสุดของพวกเราคือได้ไปเจอกันอีกที่ในสวรรค์ … เอาอะไรในโลกนี้มาแลกก็ไม่ยอม ว่าแต่ว่าทุกคนมีบัตรผ่านประตูเข้าสวรรค์กันหรือยัง?  – ขอพระเจ้าอวยพรค่ะ