หมวดหมู่: บทความแปล

อวสานของสิ่งทั้งปวงก็ใกล้จะมาถึงแล้ว เหตุฉะนั้นท่านทั้งหลายจงมีสติสัมปชัญญะ และจงรู้จักสงบใจเพื่อแก่การอธิษฐาน (1เปโตร 4:7)

มีคนถามผมบ่อยๆว่า “ท่านศิษยาภิบาลครับ ท่านอธิษฐานเผื่อเรื่องใดมากที่สุดในชีวิต?” ผมก็มาคิดดู ที่ผมอธิษฐานเป็นประจำก็คือขอให้มีสมดุลในชีวิต ผมอธิษฐานขอพระเจ้าประทานความสมดุลทางด้านร่างกาย อารมณ์ และจิตวิญญาณ เพื่อสามารถเผชิญและผ่านความยากลำบากไปได้ โดยเฉพาะในโลกที่ไม่แน่นอนทุกวันนี้

แปลว่าอะไรครับ? ถ้าเรามองโลกนี้ให้ดี มีความยุ่งเหยิงด้านเศรษฐกิจทั่วโลก การเมือง ในคริสตจักร และในชีวิตแต่ละคนในครอบครัว และผมรู้แน่นอนว่ามีพลังชั่วร้ายฝ่ายวิญญาณอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายนี้ แต่คนจำนวนมากก็ยังติดตามกระแสความยุ่งเหยิงและล้มลุกคลุกคลานนี้ไป พวกเขาแยกแยะไม่ออกแม้กระทั่งความจริง

พระวจนะด้านบนวันนี้ ท่านเปโตรบอกคุณและผมว่า กุญแจที่จะประคับประคองเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายในโลกที่ยังงงสงสัยนั้น คือมีสติสัมปชัญญะ และรู้จักสงบใจ อย่าปล่อยให้โลกนี้ผลักดันเรา ต้องยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ

ยืนหยัดหนักแน่นในชีวิตโดยตั้งรากฐานอยู่ในพระเยซูคริสต์ พระองค์เป็นผู้เดียวที่จะไม่ทรงหวั่นไหว หรือสั่นคลอนไปตามแรงลมของกระแสโลก จงวางใจในพระองค์เพื่อคุณจะมีสมดุลให้ได้

สร้างสมดุลให้ได้เมื่อความวุ่นวายเข้ามาในชีวิตโดยยืนหยัดมั่นคงบนรากฐานแห่งพระเยซูคริสต์

โดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

เพราะว่าพระคุณของพระเจ้าได้ปรากฏแล้ว เพื่อช่วยคนทั้งปวงให้รอด สอนให้เราละทิ้งความอธรรมและโลกียตัณหา และดำเนินชีวิตในยุคนี้อย่างมีสติสัมปชัญญะ สัตย์ซื่อสุจริตและตามคลองธรรม คอยความสุขซึ่งจะได้รับตามความหวัง ได้แก่การปรากฏของพระสิริของพระเจ้าใหญ่ยิ่งคือ พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา (ทิตัส 2:11-13)

ศิษยาภิบาลท่านหนึ่งขณะเทศนาเรื่องไปสวรรค์ ท่านถามที่ประชุมว่า “มีกี่คนที่นี่อยากไปสวรรค์คืนนี้ครับ?” ทุกคนในห้องประชุมยกมือ เว้นแต่เด็กผู้ชายตัวเล็กที่นั่งตรงริมทางเดิน

เมื่อศิษยาภิบาลเห็นว่าเด็กไม่ยกมือจึงถามซ้ำ “ครับ อีกครั้ง ใครบ้างที่นี่อยากไปสวรรค์คืนนี้ครับ?” มือทุกคนยกขึ้นอีก เว้นแต่เด็กผู้ชายคนนั้น ท่านจึงถามว่า “ลูกเอ๋ย ลูกไม่อยากไปสวรรค์หรือ?”

“ครับ ผมอยากไปสวรรค์” เด็กตอบ “แต่ผมคิดว่าตอนนี้ท่านมีคนไปด้วยเยอะแล้ว”

เราชอบเรื่องไปสวรรค์ แต่ไม่ค่อยกระตือรือร้นอยากไป ไม่ว่าจะอายุเท่าไร เราไม่มีวันรู้ว่าชีวิตจะจบลงเมื่อไร ขณะที่ความตายเป็นทางเดียวที่ไปสวรรค์ มีอีกเหตุการณ์ในพระคัมภีร์ที่เรียกว่า “ความสุขซึ่งจะได้รับตามความหวัง” นี่คือการที่คริสตจักรจะถูกรับขึ้นไปตามที่กล่าวไว้ในทิตัส 2:13: “…คอยความสุขซึ่งจะได้รับตามความหวัง ได้แก่การปรากฏของพระสิริของพระเจ้าใหญ่ยิ่งคือ พระเยซูคริสต์ พระผู้ช่วยให้รอดของเรา”

ถ้าเราเข้าใจความสุขแห่งความหวังนี้จริงตามที่พระคัมภีร์พูดถึงการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ มันจะสร้างผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของเรา ใน 1ยอห์น  3:2–3 กล่าวว่า “ท่านที่รักทั้งหลาย บัดนี้เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า และยังไม่ปรากฏว่าต่อไปเบื้องหน้านั้นเราจะเป็นอย่างไร แต่เรารู้ว่าเมื่อพระองค์จะเสด็จมาปรากฏนั้น เราทั้งหลายจะเป็นเหมือนพระองค์ เพราะว่าเราจะเห็นพระองค์อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอยู่นั้น และทุกคนที่มีความหวังอย่างนี้ ชำระตนให้บริสุทธิ์ดังที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์”

ดังนั้นถ้าคุณเชื่อ มันควรสร้างผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตคุณ และเหนืออื่นใด ควรเป็นความหวังให้คุณด้วย

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

แต่ว่าทุกคนก็ถูกล่อให้หลง เมื่อกิเลสของตัวเองล่อและชักนำให้กระทำตาม ครั้นตัณหาเกิดขึ้นแล้วก็ทำให้เกิดบาป และเมื่อบาปเจริญเต็มที่แล้วก็นำไปสู่ความตาย (ยากอบ 1:14-15)

ผมอ่านเรื่องผู้ฝึกสอนในฟิตเนสที่มีแต่ลูกค้าน้ำหนักเกินมารับการฝึก ตัวเขาเองรูปร่างดี ไม่เคยมีปัญหาต้องลดน้ำหนักหรือกินเกินขนาด แต่ลูกค้าสิ มีแต่ปัญหานี้ เขาพบว่าตัวเองไม่ค่อยเห็นใจหรือเข้าใจลูกค้าเท่าที่ควร จึงตัดสินใจเพิ่มน้ำหนักตัวเองสามสิบกิโลเพื่อจะเข้าใจว่าลูกค้าต้องต่อสู้กับอะไรบ้าง

ผู้ฝึกคนนี้บันทึกขั้นตอนต่างๆที่ทำไว้ในเว็บไซท์ รวมถึงภาพถ่ายตนเอง “ก่อนหน้า” ที่รูปร่างยังดี จากนั้นเขาก็เริ่มกินทุกอย่างที่ขวางหน้า เช้ากินทุกอย่างทั้งอาหารของเด็กและผู้ใหญ่ เที่ยงกินฮอทดอก แฮมเบอร์เก้อร์และอื่นๆที่กินแล้วอ้วน อาหารเย็น ก็จะเป็นพาสต้าและอาหารอิตาเลียนอุดมด้วยชีสและไขมันอื่นๆ

แรกๆก็รู้สึกสนุก เพราะอาทิตย์แรกเขากินเหมือนบ้า แต่ร่างกายกลับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ยังดูดีอยู่ หลังจากสองสามอาทิตย์ สิ่งแรกที่หายไปคือกล้ามเนื้อที่เคยเป็นมัด กลับมีไขมันย้อยมาแทน เขาเริ่มรู้สึกเฉื่อยแฉะ ทึบ และหดหู่ แล้วเขาก็ตั้งต้นเร่มลดน้ำหนักเพื่อกลับไปให้หุ่นดีเหมือนเดิม แต่มันกลับยากเกินกว่าจะคิดได้

เป็นภาพที่เหมาะที่แสดงให้เห็นเมื่อเราตกลงในความบาป แรกๆก็กลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม ซึ่งอาจดูสนุกสนาน แล้วคุณเริ่มคิด “ว้าว ลองดูแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้น ผ่านได้ฉลุย ไม่เห็นโลกจะแตกสักหน่อย”

และแล้วปัญหาก็มาเยือน ความเศร้าใจมาหา มันเริ่มส่งผลสะท้อนแล้ว คุณก็มานั่งคิดว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อย่างไร

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

“เหตุฉะนั้นถ้าพระบุตรทรงกระทำให้ท่านทั้งหลายเป็นไท ท่านก็เป็นไทจริงๆ” (ยอห์น 8:36)

ดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์หมายถึงยอมจำนนกับพระเยซูคริสต์ แต่มีบางคนไม่ต้องการยอมจำนน พวกเขากล่าวว่าต้องการเป็นอิสระ

ถ้าเกิดรถไฟพูดว่า “ฉันไม่อยากจะวิ่งบนรางพวกนี้แล้ว ฉันอยากจะเป็นอิสระ” แล้วมันก็พุ่งลงทุ่งข้างทางไป

ถ้าเกิดว่าวจะพูดว่า “ฉันอยากเป็นอิสระ ไม่อยากจะถูกผูกอยู่กับเชือก” เชือกก็ขาดแล้วว่าวก็หัวทิ่มลงดิน

ถ้าต้นไม้จะพูดว่า “ฉันไม่อยากถูกปลูกลงบนผืนดินอีกแล้ว ฉันอยากเป็นอิสระ” แล้วก็ถอนรากตัวเองขึ้นมา ล้มฟาดลงดิน แล้วก็ตาย

ทุกอย่างที่เป็นอิสระอย่างแท้จริงจะทำงานได้ดีเมื่อทำไปตามที่พระเจ้าออกแบบไว้

พระเจ้าสร้างคุณให้รู้จักและรักพระองค์ครับ

โดย: Pastor Adrian Rogers

Daily devotional

Love worth finding ministries: www.lwf.org

ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกันก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้ (1โครินธ์ 9:24)

สมัยเรียนชั้นประถมผมชอบลงวิ่งแข่ง แต่ไม่เคยชนะสักครั้ง รับแต่รางวัลชมเชยแขวนไว้เต็มผนัง (รางวัลชมเชยหมายถึงคุณมีตัวตนอยู่ในการแข่งขันนั้นๆ)

อ.เปาโลเขียนถึงผู้เชื่อในเมืองเก่าอย่างเอเฟซัส เปรียบการดำเนินชีวิตของผู้เชื่อในพระเยซูคริสต์ว่าเหมือนผู้ลงวิ่งในการแข่งขัน ท่านชอบเปรียบเทียบกับการแข่งขัน อยู่หลายหน เขียนว่า “ท่านไม่รู้หรือว่าคนเหล่านั้นที่วิ่งแข่งกันก็วิ่งด้วยกันทุกคน แต่คนที่ได้รับรางวัลมีคนเดียว เหตุฉะนั้นจงวิ่งเพื่อชิงรางวัลให้ได้” (1โครินธ์ 9:24) นั่นคือเป้าหมายสู่ชัยชนะ ไม่ใช่เข้าเป็นคนสุดท้ายหรือได้แค่รางวัลชมเชย

อ.เปาโลพูดต่อไปว่า “แต่ข้าพเจ้าก็ทุบตีร่างกายให้มันแข็งจนอยู่มือ  เพราะเกรงว่าเมื่อข้าพเจ้าได้ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนอื่นแล้ว  ตัวข้าพเจ้าเองจะเป็นคนที่ใช้การไม่ได้” (ข้อ 27) แปลว่า ท่านต้องเล่นไปตามกติกา ไม่อาจตั้งกฎไปเรื่อยๆระหว่างทาง ต้องวิ่งไปตามที่พระเจ้าสั่ง และหนังสือที่ควบคุมกฎ หรือพระคัมภีร์ที่ไม่ใช่เป็นหนังสือบทบัญญัติธรรมดาๆ แต่บอกเราด้วยว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ

ที่จริงแล้ว เราจำเป็นต้องทำตามพระคำของพระเจ้า พระองค์ชี้ทางเพื่อให้เราดำเนินอยู่กรอบที่ดีต่อตัวเรา กันเราจากถูกทำร้ายและภัยอันตรายต่างๆ

เราจึงต้องวิ่งแข่งให้ชนะ ไม่มีคุณภาพปานกลางสำหรับผู้ติดตามพระเยซูคริสต์ เราควรทำให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ และมอบสิ่งดีที่สุดที่เราทำได้ถวายพระเจ้า มุ่งไปให้ได้เหรียญทองนะครับ

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

“ท่านทั้งหลายจงสงบใจจงระวังระไวให้ดี ด้วยว่าศัตรูของท่านคือมารวนเวียนอยู่รอบๆ ดุจสิงห์คำรามเที่ยวไปเสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้” (1เปโตร 5:8)

ศัตรูของคุณคือมารกำลังวนเวียนและคำรามดุจสิงห์อยู่รอบๆคุณ อย่าประมาทกำลังของมันนะครับ

ซาตานเป็นศัตรูที่คุณต้องระวังไว้เหมือนกับช่างไฟที่ระวังไม่เล่นกับสายไฟที่บรรจุกำลังไฟฟ้าแรงสูงที่ฆ่าคนได้  ช่างไฟรู้ดีว่าตรงไหนเป็นฉนวน และรู้วิธีรับมือกับเรื่องไฟฟ้า ถ้าช่างไฟเกิดนึกสนุก ประมาทกับพลังไฟฟ้านี้ เขาก็กำลังอยู่ในอันตรายที่ร้ายแรงครับ

ทุกอย่างอาจกำลังไปได้ดีสำหรับคุณในตอนนี้  มีเงินในธนาคาร งานดี สุขภาพเยี่ยม เหมือนกำลังเต้นระบำเก็บดอกไม้อยู่ในป่า แต่ข้างหลังของพุ่มไม้นั้นมีสิงห์ร้ายนอนสงบซ่อนตัวอยู่ เป็นสิงห์ที่สามารถกระโจนงับ และคาบคุณไปกินได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจงระวังให้ดี

Pastor Adrian Rogers

Daily devotional

Love worth finding ministries: www.lwf.org