Categories
บทความแปล

ข้ออ้าง หรือเชื่อฟัง?

Samuel_rebukes_Saul

แต่เดี๋ยวนี้ท่านทั้งหลายพ้นจากการเป็นทาสของบาป และกลับมาเป็นทาสของพระเจ้าแล้ว ผลสนองที่ท่านได้รับก็คือการชำระให้บริสุทธิ์ และผลสุดท้ายคือชีวิตนิรันดร์” (โรม 6:22)

ใน 1ซามูเอล 15 เป็นเรื่องซาอูลทำผิดที่ไม่ยอมทำลายพวกสัตว์ที่พระเจ้าสั่งทำลายให้หมดสิ้น ซามูเอลจึงมาเผชิญหน้าซาอูลในเรื่องนี้ และซาอูลก็พูดโกหก :  ว่าเขาจะเก็บมันไว้เพื่อเป็นเครื่องสัตวบูชา เพียงแต่ยังไม่ได้ทำ

และซามูเอลกล่าวว่า “พระเจ้าทรงพอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชามาก เท่ากับการที่จะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์หรือ ดูเถิด ที่จะเชื่อฟังก็ดีกว่าเครื่องสัตวบูชา และซึ่งจะสดับฟังก็ดีกว่าไขมันของบรรดาแกะผู้ เพราะการกบฏก็เป็นเหมือนบาป แห่งการถือฤกษ์ถือยาม และความดื้อดึงก็เป็นเหมือนบาปชั่วและการไหว้รูปเคารพ…” (1ซามูเอล 15:22-23ก)  

กบฎต่อพระเจ้าก็เท่ากับ “บาปแห่งการถือฤกษ์ถือยาม” เพราะมันทำให้คุณเข้าไปอยู่ในพื้นที่ของมาร

เมื่อพระเจ้าทรงบัญชาไว้ชัดเจนจากพระวจนะ เราต้องไม่ใช้สติปัญญาของเราเองเป็นตัวตัดสิน แต่จำเป็นต้องเชื่อฟัง ไม่ว่าจะไม่เข้าใจหรือไม่เห็นด้วย เพราะพระวจนะจากพระเจ้า หรือไม่ใช่

โดย: Pastor Adrian Rogers’ daily devotional

อนุญาตโดย Love worth finding ministries: www.lwf.org

 

 

Categories
บทความแปล

การคืนดีนำมาซึ่งการฟื้นฟู

dog cat bird 1

“ดูเถิด ซึ่งพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ก็เป็นการดี และน่าชื่นใจมากสักเท่าใด” (สดุดี 133:1)  

คุณทราบหรือไม่ว่าพระเจ้าต้องการสิ่งใดจากคุณวันนี้? – การคืนดี – เป็นสิ่งสำคัญกว่าร้องเพลงในทีมประสานเสียง เทศนา แบ่งปัน ช่วยคริสตจักรเด็ก หรือถวายทรัพย์ เมื่อเราเรียนรู้สิ่งนี้ พระเจ้าจะนำการฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่มาสู่คริสตจักรของเรา

การฟื้นฟูจะเริ่มต้นด้วยการสารภาพความผิดต่อกันและกัน อธิษฐานเผื่อกันและกัน และให้อภัยกัน การฟื้นฟูไม่ใช่การใช้อารมณ์รุนแรงใส่กัน แต่เป็นการพังกำแพงลงมา มันไม่ใช่แค่พูดว่า “ฉันจะถูกต้องตรงต่อพระเจ้า” แต่พูดว่า “ฉันจะถูกต้องต่อพี่น้อง”

เมื่อเราคืนดีกัน การฟื้นฟูจะเกิดขึ้น และตามด้วยความชื่นชมยินดี และไม่ใช่ความชื่นชมยินดีแบบไหน แต่พระวิญญาณจะสถิตอยู่ด้วยเมื่อไม่มีสิ่งใดขวางกั้นระหว่างจิตวิญญาณคุณและองค์พระผู้ช่วย  และไม่มีสิ่งใดขวางกั้นระหว่างวิญญาณคุณและพี่น้อง เป็นความปิติเกินกว่าจะพูดได้

โดย: Pastor Adrian Rogers’ daily devotional

อนุญาตโดย: Love worth finding ministries: www.lwf.org

Categories
บทความแปล

การรักคริสตจักร

church lover

ผู้ใดเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ ผู้นั้นก็เกิดจากพระเจ้า และผู้ใดรักพระองค์ผู้ทรงให้กำเนิด ผู้นั้นก็รักคนที่เกิดจากพระองค์ด้วย (1ยอห์น 5:1)

 

มีบางคนที่อ้างว่าเป็นคริสเตียนแต่กลับพูดว่า “คุณรู้ไหม ผมรักพระเจ้า แต่ไม่รักคริสตจักร”

ขอโทษนะครับ มันเป็นไปไม่ได้เพราะใน 1 ยอห์น 5:1 กล่าวว่า – ผู้ใดเชื่อว่าพระเยซูทรงเป็นพระคริสต์ ผู้นั้นก็เกิดจากพระเจ้า และผู้ใดรักพระองค์ผู้ทรงให้กำเนิด ผู้นั้นก็รักคนที่เกิดจากพระองค์ด้วย  
เมื่อผมเป็นเพื่อนกับใครบางคน (และผมมีเพื่อนที่รู้จักกันมากว่า 25 หรือ 30 ปีแล้ว) ผมก็จะเป็นเพื่อนกับลูกๆพวกเขาด้วย เพราะถ้าผมรักพวกเขา ความรักของผมต้องเผื่อแผ่ไปถึงครอบครัวพวกเขาด้วย และพวกเด็กๆก็เป็นเหมือนลูกหลานของผม

ทำนองเดียวกัน เมื่อเรารักพระเจ้าเราต้องรักลูกๆของพระองค์ด้วย และถ้าคุณไม่รักลูกๆของพระองค์ คงมีคำถามว่าจริงๆแล้วคุณรักพระเจ้าหรือเปล่า และรักมากเท่าไหร่?  ในฐานะศิษยาภิบาล มีหลายคนไม่เห็นด้วยกับผมในบางเรื่อง ผมไม่ถือเป็นเรื่องขุ่นเคืองใจ แต่มันจะเป็นอีกเรื่องถ้าเกี่ยวข้องกับภรรยาของผม สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกเคืองใจคือการพูดจาดูถูกเธอ ผมถือเป็นเรื่องส่วนตัวครับ

คริสตจักรเป็นเจ้าสาวของพระคริสต์ เราทุกคนเป็นของพระองค์ และพระองค์ทรงรักเรา ที่จริง อ.เปาโลให้ภาพเปรียบเทียบไว้ในเอเฟซัส 5 เมื่อท่านเขียนว่า “ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร  และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร เพื่อจะได้ทรงทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์ โดยการทรงชำระด้วยน้ำและ “พระวจนะ(ข้อ 25-26)  

เดี๋ยวนี้ใครๆก็ชอบวิพากษ์วิจารณ์คริสตจักร แต่ขอให้เข้าใจว่า – เมื่อคุณดูหมิ่นคริสตจักร คุณก็กำลังกล่าววิจารณ์คนที่พระเยซูรัก

บางคนอ้างว่าตัวเองเป็นคริสเตียนแต่ไม่เคยไปโบสถ์ แต่ถ้าคุณเป็นคริสเตียน คุณก็อยากมาอยู่ใกล้ๆกับคนของพระเจ้า

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA92514

 

Categories
บทความแปล

เป็นหนึ่งเดียวกันในท่ามกลางการแตกแยกอย่างไร ‏

church splits 1

“ข้าพระองค์มิได้อธิษฐานเพื่อคนเหล่านี้พวกเดียว แต่เพื่อคนทั้งปวงที่วางใจในข้าพระองค์เพราะถ้อยคำของเขา เพื่อเขาทั้งหลายจะได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังที่พระองค์ คือพระบิดาทรงสถิตในข้าพระองค์ และข้าพระองค์ในพระองค์ เพื่อให้เขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพระองค์ และกับข้าพระองค์ด้วย เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระองค์ทรงใช้ข้าพระองค์มา”  (ยอห์น 17:20-21)

ทุกแห่งที่ผมไปทุกวันนี้เหมือนมีแต่คริสตจักรที่แตกแยก ไม่นานมานี้ผมไปอีกรัฐเพื่อไปเทศนา รู้สึกว่าทุกแห่งที่พวกเขาขับรถพาไป มีโบสถ์เล็กๆเต็มไปหมด จึงถามคนที่ขับรถพาไปว่า “ทำไมมีโบสถ์เยอะอย่างนี้? มีการฟื้นฟูใหญ่ที่นี่หรือครับ?”
เขาตอบผมว่า “ไม่ใช่ครับ ทุกโบสถ์ที่คุณเห็นมีสมาชิกแค่ไม่กี่คนเอง โบสถ์พวกนี้ไม่ได้เกิดจากการฟื้นฟูใหญ่ แต่เกิดจากโบสถ์แตกแยกกัน” แล้วเขาก็ชี้ให้ดูโบสถ์หนึ่งที่เรากำลังผ่านไป “โบสถ์นั้นต้องแยกออกมาเพราะเรื่องสีพรมในห้องประชุม … แล้วก็โบสถ์ถัดไป เป็นเพราะนำวงดนตรีสมัยใหม่เข้าไปนมัสการ”
ขณะที่เขาเล่าเรื่องโบสถ์แตกแยกให้ฟัง ผมรู้สึกเศร้า แต่ที่แย่คือผมไม่ประหลาดใจ สำหรับผมมันแปลกที่ชายและหญิงของพระเจ้าหาเหตุผลต่างๆมาเพื่อแยกจากกัน แทนที่จะอยู่ร่วมกันเพราะพระคริสต์ มันช่างขัดแย้งกับสิ่งที่พระคัมภีร์พูดไว้

ถึงเวลาแล้วที่จะหยุดการแตกแยกและรวมเป็นหนึ่งเดียวกันภายใต้พระนามของพระเยซูคริสต์ อย่าให้เรื่องเล็กๆน้อยๆเป็นเหมือนลิ่มที่ทิ่มแทงพระกายของพระเยซูคริสต์ แต่ให้จับจ้องไปที่พระองค์เป็นสิ่งแรกและสิ่งที่เหนืออื่นใด และสิ่งที่คุกคามเพื่อให้เราแยกกันจะสลายไปในขณะที่เราให้พระองค์เป็นจุดศูนย์กลาง

มุ่งไปที่พระเยซู อย่ามัวแต่มองไปที่เรื่องแตกต่างหยุมหยิม แล้วคุณจะทำตามพระบัญชาของพระเยซูที่อยู่เป็นหนึ่งเดียวกันในพระกาย

อนุญาตโดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

Categories
บทความแปล

ปัญหาที่ขยายวงกว้าง

หมา แมวขโมย

คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีก แต่จงใช้มือทำงานที่ดีดีกว่า เพื่อจะได้มีอะไรๆ แจกให้แก่คนที่ขัดสน (เอเฟซัส 4:28)

ลักขโมยเป็นปัญหาที่ขยายวงกว้างในวัฒนธรรมของเราทุกวันนี้ และในท่ามกลางคนที่รู้ว่าลักขโมยนั้นผิด มันน่าสนใจที่ “ทำไม” พวกเขาถึงคิดว่ามันผิด  มีการศึกษาวิจัยในคนที่ขโมยหรือคิดจะขโมย โดยมีคำถามว่า “ทำไมคุณไม่ขโมยล่ะ?” เหตุผลแรกที่ได้ยินคือ “กลัวถูกจับ” รองลงมาคือ “เดี๋ยวมีคนมาเอาคืน” และเหตุผลข้อสามล่ะ? “ไม่ได้อยากได้ของชิ้นนั้น”

แล้วเหตุผลนี้ล่ะ – พระเจ้าตรัสว่ามันเป็นบาป

พระคัมภีร์พูดเรื่องการลักขโมยไว้ว่า “คนที่เคยขโมยก็อย่าขโมยอีก แต่จงใช้มือทำงานที่ดีดีกว่า เพื่อจะได้มีอะไรๆ แจกให้แก่คนที่ขัดสน (เอเฟซัส 4:28)

“อย่าขโมยอีก” เป็นคำพูดที่ไม่ต้องคิดเยอะ อย่าลักขโมย ถ้าคุณเคยขโมยก็หยุดเสีย ถ้าคุณไปเอาของใครมา จงคืนเขาไป อย่าเพียงแค่สารภาพบาป แล้วเก็บของที่ขโมยนั้นไว้ จงคืนไป เขาเรียกว่าการใช้คืน

แต่จงใช้มือทำงานที่ดีดีกว่า…”  ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ พระเจ้าต้องการให้คุณออกไปรับผิดชอบ และทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ พระคัมภีร์กล่าวว่าใครก็ตามที่ไม่ทำงาน ก็ไม่ควรกิน (ดู 2 เธสะโลนิกา 3:10) – โลกนี้ไม่ได้เป็นหนี้คุณในการดำเนินชีวิต รัฐบาลก็ไม่ได้เป็นหนี้คุณในการดำเนินชีวิต จงรับผิดชอบและทำงานตราบเท่าที่ทำได้

เพื่อจะได้มีอะไรๆ แจกให้แก่คนที่ขัดสน…” แบ่งปันสิ่งที่คุณมี เพื่อจะได้ช่วยเหลือคนที่มีความจำเป็น เมื่อคุณทำงานหนักและออมเงินไว้ คุณก็สามารถช่วยผู้อื่นได้

“อย่าลักทรัพย์”— เป็นหนึ่งในพระบัญญัติสิบประการ อย่าไปนำของที่ไม่ใช่ของคุณมา

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA9251

 

Categories
สารจากศบ.

สารจากศิษยาภิบาล

19 พฤษภาคม 2013

 สวัสดีครับพี่น้อง CJ

มีใครยังไม่ได้สมัครไปค่ายโบสถ์ “Believe Behave & Belong” วันที่ 14-16 มิ.ย. นี้บ้างครับ?

-รีบไปสมัครด่วนนะครับ ประธานโบ ประกาศแจ้งว่า เราต้องการกันและกันในค่ายครั้งนี้

-ขอให้ค่ายปีนี้ของเราเป็นค่ายที่ทำให้ทุกคน

1. เชื่อ (Believe) อย่างถูกต้องตามหลักพระคัมภีร์ของพระเจ้า

2. ปฏิบัติตน (Behave) อย่างเหมาะสมจากหลักการพระวจนะของพระเจ้าที่เราเชื่อ

3. เป็นส่วนหนึ่ง (Belong) อย่างมีคุณค่าในคริสตจักรของพระเจ้า

เราจะไปใช้ชีวิต 2-3 วันด้วยกันที่ “The Grace Resort” ที่อัมพวา

ผู้ใดต้องการรับบัพติศมาในค่าย (ในสระว่ายน้ำ) แจ้งด่วนที่คุณโบ หรือคุณเอ๋

วันพฤหัสที่จะถึงนี้มีชั้นเรียนพระคัมภีร์ตามปกตินะครับ อย่าพลาด บทเรียนกำลังเข้มข้นโดนใจขึ้นเรื่อย ๆ

เรากำลังอบรมพี่เลี้ยงหรือผู้สร้างสาวก

ผู้ใดปรารถนาจะเป็นคนที่ได้รับการเตรียมเพื่อจะกลายเป็นคริสเตียนที่มีคุณค่า ในการดูแลพัฒนาตัวเอง และช่วยเหลือผู้เชื่อใหม่อีกคนหนึ่งให้เติบโตอย่างต่อเนื่องจนกว่าทั้ง 2 จะโตไปด้วยกันอย่างเต็มบริบูรณ์ กรุณาแจ้งผม โดยด่วนที่ email < thongchaibsc@gmail.com>

คริสตจักรมีนโยบายสนับสนุนและสร้างผู้รับใช้เต็มเวลาในคริสตจักรเพื่ออนาคต ผู้ใดคิดหรือเชื่อว่าพระเจ้าเรียกท่านให้รับใช้เต็มเวลา และพร้อมเข้าเรียนพระคัมภีร์เต็มเวลา กรุณาติดต่อผมเป็นส่วนตัว!

กลุ่มพันธกิจขอกรุณาพบปะกันบ่อยขึ้นก่อนค่าย  และเสริมสร้างกันขึ้น และร่วมกันพัฒนาวิถีการรับใช้ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และอธิษฐานเผื่อกัน กับกัน และกับผู้มาคริสตจักรในวันอาทิตย์นะครับ!

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน

ด้วยรักจากใจ

ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์

ศิษยาภิบาล

 

ปล.  ผู้ใดต้องการได้รับคำหนุนใจ/ข้อคิดและข่าวสารจากผมเป็นประจำ ตามที่

  • twitter.com/thongchaibsc และ
  • facebook.com/thongchaibsc และ intagram   @thongchaibsc
Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

ย้อนไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่…

past-present-future

“แม้ว่าไม่มีผู้ใดสามารถย้อนเวลากลับไปสู่อดีตและเริ่มต้นใหม่ได้ แต่เราทุกคนสามารถเริ่มต้นใหม่ ณ เวลานี้และสร้างตอนจบขึ้นใหม่ได้!”

(Although nobody can go back and make a new beginning ;anyone can begin now and make a new ending.)

 

ใช่ครับ เราจะขอย้อนกลับไปแตะต้องแก้ไขอดีตอะไรอีกไม่ได้เลย!

อดีตคือสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรอีกไม่ได้!

เราทำได้เพียงแค่ต้องยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นและผ่านมาแล้ว เพียงแต่ว่า เราจะยอมรับมันด้วยท่าทีแบบใด? เพราะว่า ท่าทีหรือปฏิกิริยาของเราที่มีต่อสิ่งเหล่านั้นจะเป็นตัวกำหนดว่า เราจะมีความสุขหรือมีความทุกข์ต่อไป?

หากเรามองดูสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตด้วยท่าทีหรือทัศนคติในทางลบ เราก็คงจะเต็มไปด้วยความทุกข์ โศก ขมขื่น หรือท้อแท้ แต่หากเรามองด้วยสายตาอย่างที่พระเจ้าทอดพระเนตร และพึ่งพระคุณของพระเจ้า เราสามารถขอโอกาสในการรับมือหรือแก้ไขผลที่เกิดจากอดีตนั้นด้วยวิถีที่สร้างสรรค์ อันอาจจะก่อเกิดประโยชน์มากกว่าที่ผ่านมาก็เป็นได้ เราทำได้ด้วยวิธีง่าย ๆ นั่นคือ มองย้อนกลับไปดู “อดีต” ที่แก้ไขอะไรไม่ได้ด้วยสายตาหรือมุมมองใหม่ และการตีความหมายใหม่!

อาทิ เราเคยมองดูเหตุการณ์หนึ่งที่เราผิดหวัง และเจ็บปวดและต่อว่าพระเจ้า ว่าพระองค์ไม่รักเรา เพราะว่าพระองค์ไม่ให้หรือไม่ช่วยเหลือเราตามที่เราทูลขอ แต่พอย้อนกลับไปอีกครั้งและตีความใหม่ได้ว่า ที่พระเจ้าไม่ได้ประทานในสิ่งที่เราขอให้ในตอนนั้นเป็นเพราะว่า แท้จริงพระเจ้ามีแผนการที่ดีเลิศกว่าเตรียมไว้ให้กับเรา และเมื่อเราพลาดจากสิ่งนั้นมา เราจะได้พบกับสิ่งใหม่ที่เลิศล้ำมากยิ่งกว่าเดิม!

มุมมองและท่าทีที่เปลี่ยนไปของเราได้ทำให้ เราเปลี่ยนอนาคตของเราไปโดยปริยาย เพราะว่าหากเรายังคงติดยึดและคิดรู้สึกเหมือนอย่างเดิม ปลายทางของเราก็คงจะจบลงด้วยการประชดประชันชีวิต แดกดันพระเจ้าและสังคม แต่เพราะว่า เราตีความ “อดีต” ของเราใหม่ เราจึงสามารถเริ่มต้นใหม่ในการมองชีวิต ทำให้เราสามารถสร้างตอนจบใหม่ที่ดีกว่าและเป็นสุขกว่าขึ้นมาได้!

ดังนั้น ไม่ว่าวันนี้คุณกำลังเผชิญกับอะไรที่ดูย่ำแย่มาก อย่าให้คุณรีบด่วนสรุปด้วยสายตาแห่งความสิ้นหวัง จงมองดูที่พระเจ้า ขอสติปัญญาและกำลังเรี่ยวแรงจากพระองค์เพื่อแก้ไขในปัจจุบันของคุณ เพื่อสิ่งนี้จะกลับกลายเป็นรากฐานอันเป็นพรอันมหาศาล ต่อทั้งแผ่นดินของพระเจ้าและแผ่นดินไทยของเราของเราในอนาคต..

จะดีไหมครับ?

ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, e-mail thongchaibsc@gmail.com