Categories
บทความแปล

ไม่ใช่ไม่สามารถ แต่ไม่ว่าง

serving God

เราคือเยโฮวาห์ นั่นเป็นนามของเรา พระสิริของเรา เรามิได้ให้แก่ผู้อื่น หรือให้คำที่สรรเสริญเราแก่รูปแกะสลัก (อิสยาห์ 42:8)

พระเจ้าแสวงหาคนแบบไหนเพื่อมารับใช้? พระองค์มองหาคุณสมบัติแบบไหนในตัวบุคคล? ฉลาดล้ำ? มีความเป็นผู้นำสูง? พระเจ้าจะสามารถใช้คนที่ขี้อายได้หรือ? คนที่พระองค์เลือกจำเป็นต้องเก่ง หล่อ สวยหรือเปล่า?

คำตอบสำหรับคำถามด้านบนคือ “ไม่จำเป็นครับ” บางครั้งดูเหมือนพระองค์ไปดั้นด้นค้นหาคนที่ไม่มีใครคาดคิดให้มาทำงานถวายพระองค์

ถ้าผมต้องเลือกพระคำสักตอนที่คิดว่าสรุปชีวิตคริสเตียนของผมได้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นจาก 1โครินธ์ 1:26–29 ที่ อ.เปาโลเขียนไว้

ดูก่อนพี่น้องทั้งหลายจงพิจารณาดูว่า พวกท่านที่พระเจ้าได้ทรงเรียกมานั้นเป็นคนพวกไหน มีน้อยคนที่โลกนิยมว่ามีปัญญา มีน้อยคนที่มีอำนาจ มีน้อยคนที่มีตระกูลสูง แต่พระเจ้าได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าโง่เขลา เพื่อทำให้คนมีปัญญาอับอาย และได้ทรงเลือกคนที่โลกถือว่าอ่อนแอ เพื่อทำให้คนที่แข็งแรงอับอาย พระเจ้าได้ทรงเลือกสิ่งที่โลกถือว่าต่ำต้อยและดูหมิ่น และเห็นว่าไร้สาระ เพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญเพื่อมิให้มนุษย์สักคนหนึ่งอวดต่อพระเจ้าได้

ไม่มีใครเลยที่มีน้อยกว่าที่ผมมีในชีวิต ผมน่าจะเรียกได้ว่าเป็นคนสุดท้ายในทีมที่ถูกเลือกให้ลงเล่นไม่ว่าจะในกีฬาประเภทใด ผมไม่ได้มีการศึกษาอะไร เป็นคนที่สุดขั้วมาแล้วในทุกด้านของชีวิต และเมื่อพระเจ้าเรียกผมให้ไปทำงานถวาย มันชัดเจนว่าเป็นการกระทำของพระองค์ – ไม่ใช่ผมเอง เป็นเพราะว่าพระเจ้าจะไม่ให้พระสิริของพระองค์ไปตกอยู่กับมือมนุษย์คนหนึ่งคนใด

อย่างที่ได้กล่าวไป – พระเจ้าไม่ได้มองหาความสามารถมากเท่ากับใจที่พร้อมรับใช้ คุณพร้อมจะทำงานถวายพระองค์หรือเปล่าครับ?

 โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000, Riverside, CA9251

 

Categories
บทความแปล

จะพบคุณค่าแท้จริงของคุณได้ที่ไหน

cat

เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ (ยอห์น 3:16)

 

หลายปีมาแล้ว นิตยสารนิวส์วีคในอเมริกาลงบทความชื่อ “ขบวนการรู้สึกดี” ภายใต้หัวข้อ “คำสาปแช่งแห่งศักดิ์ศรี – ขบวนการรู้สึกดีผิดที่ตรงไหน” สาระสำคัญของขบวนการนี้เน้นไปที่การเห็นคุณค่าและการนับถือตนเอง แต่บทความนี้ค้นลงไปว่าทำไมความคิดเช่นนี้กำลังทำให้สังคมของเราเสื่อมถอย

ข้อสรุปของบทความนี้บ่งว่าการรู้สึกดีเกี่ยวกับตนเองไม่อาจเติมเต็มความพึงพอใจลึกๆ ทั้งด้านปรัชญาและจิตวิญญาณได้ มันแค่ฉาบฉวย และทำให้ผู้คนพยายามใช้ชีวิตอยู่บนมาตรฐานที่เป็นไปไม่ได้ ส่งพวกเขาให้ไปถึงปลายทางแห่งความผิดหวัง และทำให้คุณค่าของตนเองพังพินาศลง

สิ่งนี้มีแต่จะนำเรากลับไปที่ปัญหาดั้งเดิม – ผู้คนในทุกวันนี้ป่วยเป็นโรคเกลียดชังตัวเอง ไม่ว่าจะมีความคิดเชิงบวกมากแค่ไหนก็ไม่อาจเยียวยาได้ แล้วเราจะเยียวยาอาการป่วยนี้ได้อย่างไร? มันไปไกลเกินกว่าที่เราคิด ไปยังหัวใจสำคัญว่าเราคือใคร

กุญแจที่จะรู้คุณค่าแท้จริงคือการมองตนเองอย่างที่พระเจ้ามองเราในพระเยซูคริสต์ สำหรับพระองค์ชีวิตคุณไม่ได้ไร้คุณค่า ทันทีที่เราเริ่มเข้าใจว่าเราเป็นใครในพระคริสต์ เมื่อนั้นเราก็จะรู้คุณค่าแท้จริงของตัวคุณเอง

 

ค้นหาคุณค่าแท้จริงของเราไม่ใช่เรื่องความคิดเชิงบวก แต่ในสิ่งที่พระเจ้าตรัสว่าคุณเป็นใคร

อนุญาตโดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

Categories
บทความแปล

ในดวงพระเนตร

In Your eyes

ผมใช้เวลากับหลานสาวตัวน้อยชื่อสเตลล่า และเธอพูดในสิ่งที่น่ารักที่สุด เธอมองลึกเข้ามาในตาผม แล้วยื่นจมูกเข้ามาใกล้ๆพูดว่า “คุณปู่คะ หนูเห็นตัวเองอยู่ในตาของคุณปู่ด้วย” ที่สเตลล่ากำลังพูดคือเธอเห็นภาพสะท้อนตัวเธอจากตาของผม ผมตอบไปว่า “สเตลล่า หลานอยู่ในตาของปู่ และอยู่ในหัวใจของปู่เสมอ”
คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าพระเจ้าทอดพระเนตรเห็นคุณแบบไหน?

ผมว่าคุณคงประหลาดใจ เราอาจคิดว่าพระเจ้าคงชำเลืองเราด้วยความโกรธหรือผิดหวัง – หรือว่าพระองค์ อย่างที่เพื่อนของผมที่ฮาวายพูด “มองด้วยสายตาทะแม่งๆ”  ความจริงในเรื่องนี้คือ พระเจ้าทรงทอดพระเนตรไปที่คุณด้วยความรัก

เราอ่านในพระคัมภีร์เรื่องขุนนางหนุ่มผู้ร่ำรวยที่มาหาพระเยซู เขารู้สึกมาดมั่นและภาคภูมิใจ เขาต้องการรู้ว่าควรทำสิ่งใดเพื่อจะเข้าสู่แผ่นดินของพระเจ้าได้ ก่อนที่พระเยซูจะทรงเผยคำตอบ พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า “พระเยซูทรงเพ่งดูคนนั้น ก็ทรงรักเขาแล้ว…” (มาระโก 10:21)

และพระองค์ทรงทอดพระเนตรคุณด้วยสายตาแบบเดียวกัน – ด้วยความรัก – พระองค์ทรงเห็นว่าคุณสามารถเป็นแบบใดได้ ไม่ใช่มองเพียงว่าคุณเป็นใคร

พระเยซูทรงตั้งชื่อใหม่ให้ซีโมนชาวประมงว่า “เปโตร” ชื่อเปโตรแปลว่า “ศิลา” ถึงแม้ขณะนั้นยังไม่มีสิ่งใดบ่งชี้ว่าท่านจะเป็นเหมือนชื่อ เพราะที่เป็นมา ท่านเป็นพวกหัวแข็ง ใจร้อนหุนหัน และพร้อมจะโพล่งสิ่งที่ตัวเองคิดออกมาอย่างไม่สนใจใคร แต่พระเยซูทรงเห็นว่าซีโมนจะเติบโตขึ้นสมกับชื่อที่ประทานให้ได้ว่า “เปโตร”
ทำนองเดียวกัน เรามองไปที่ชีวิตของเราและเห็นเพียงก้อนดิน แต่พระเจ้าทรงเห็นเป็นแจกันที่สวยงาม

เราเห็นผืนผ้าใบเปล่า พระเจ้าทรงเห็นผลงานศิลปะที่ยอดเยี่ยม

เราเห็นถ่าน พระเจ้าทรงเห็นเพชรที่เจียระไนแล้ว

เราเห็นปัญหา พระเจ้าทรงเห็นทางแก้

เราเห็นความล้มเหลว พระเจ้าทรงเห็นศักยภาพ

เราเห็นจุดจบ พระเจ้าเห็นจุดเริ่มสิ่งใหม่

ใช่ คุณเห็นตัวคุณเองในพระเนตรของพระองค์ เหมือนกับที่สเตลลาเห็นตัวเธอเองในตาของผม แต่จะทำเช่นนั้นได้ คุณต้องเข้าไปให้ไกล้ที่สุดครับ

“ท่านทั้งหลายจงเข้าใกล้พระเจ้า และพระองค์จะเสด็จมาใกล้ท่าน คนบาปทั้งหลายเอ๋ย จงชำระมือให้สะอาด และคนสองใจ จงชำระใจของตนให้บริสุทธิ์” (ยากอบ 4:8)

โดย: Pastor Greg Laurie

อนุญาตโดย  Harvest Ministries with Greg Laurie

PO Box 4000,Riverside,CA9251

 

Categories
บทความแปล

พระเจ้าเปลี่ยนความผิดพลาดไปเป็นสิ่งสวยงามได้อย่างไร ‏

ช่างปั้นหม้อ

พระวจนะซึ่งมาจากพระเจ้ายังเยเรมีย์ว่า “จงลุกขึ้น ไปที่บ้านของช่างหม้อ เราจะให้เจ้าได้ยินถ้อยคำของเราที่นั่น” ข้าพเจ้าจึงลงไปที่บ้านของช่างหม้อ และเขากำลังทำงานอยู่ที่แป้นเวียน และภาชนะซึ่งทำด้วยดินก็เสียอยู่ในมือของช่างหม้อ เขาจึงปั้นใหม่ให้เป็นภาชนะอีกลูกหนึ่งตามที่ ช่างหม้อเห็นว่าควรทำ แล้วพระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพเจ้าว่า “ประชาอิสราเอลเอ๋ย เราจะกระทำแก่เจ้าอย่างที่ช่างหม้อนี้กระทำไม่ได้หรือ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ ดูเถิด ประชาอิสราเอลเอ๋ย เจ้าอยู่ในมือของเรา อย่างดินเหนียวอยู่ในมือของช่างหม้อ (เยเรมีย์ 18:1-6)

เบนจามิน ดิสราเอลลีเคยกล่าวเกี่ยวกับชีวิตไว้ว่า “เยาว์วัยเป็นความผิดพลาด เจริญวัยคือการดิ้นรน และสูงวัยคือความโศกเศร้า”  ครับ ผมขอบอกคุณว่าที่กล่าวมานี้ไม่เป็นจริงสำหรับคนที่อยู่ในพระคริสต์แล้ว

ศิลปะโบราณในการทำเครื่องปั้นดินเผานั้น แท้จริงแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปแม้กระทั่งทุกวันนี้ ผมเคยมีสิทธิพิเศษไปเที่ยวอิสราเอล และดูการทำศิลปะประเภทนี้เหมือนกับที่เคยทำกันมาเมื่อหลายพันปีที่แล้ว

ช่างปั้นจะนำก้อนดินที่ไร้ชีวิต ไร้สภาพมาบีบและนวดจนอ่อนนุ่มยืดหยุ่น เมื่อได้ตามที่ต้องการแล้ว ก็จะนำดินก้อนนั้นโยนใส่ลงไปบนแท่นหมุนที่บนโต๊ะ

เมื่อก้อนดินลงไปกองอยู่บนแท่นหมุน ช่างปั้นจะค่อยๆเอามือกอบและปรับแต่งไปเรื่อยๆจนก้อนดินน่าเกลียดนั้นกลายเป็นสิ่งสวยงามขึ้นมา

นี่คือบทเรียนที่พระเจ้าต้องการให้เยเรมีย์ได้ยิน  –  พระองค์ทรงเป็นช่างผู้ชำนาญตัวจริง เป็นช่างปั้นที่สร้างผลงานสวยงามขึ้นมาจากทุกๆชีวิต พระองค์จะนำความผิดพลาดที่น่าเกลียดและความบาปมาเปลี่ยนให้เป็นสิ่งสร้างใหม่

ที่เบนจามิน ดิสราเอลลีพูดนั้นไม่ถูกต้อง เพราะเมื่อคุณรู้จักกับพระเจ้าจริงๆแล้ว คุณจะดำเนินชีวิตด้วยชัยชนะ ดังนั้นไม่ว่าชีวิตคุณจะมีสิ่งน่าเกลียดมากแค่ไหน ให้แน่ใจว่าโดยโลหิตพระเยซูคริสต์ พระเจ้าจะทรงปั้นและสร้างคุณขึ้นมาใหม่ให้เป็นสิ่งที่สวยงาม

ชีวิตที่ผิดพลาดและความบาปที่เคยทำจะไม่อยู่กับคุณตลอดไป เพราะในพระเยซูคริสต์ พระเจ้าจะปั้นแต่งคุณให้เป็นบางสิ่งที่สวยงาม

อนุญาตโดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org

Categories
สารจากศบ.

สารจากศิษยาภิบาล

16 มิถุนายน 2013

สวัสดีครับชาว CJ และผู้มาเยี่ยมเยียน

วันนี้เราอยู่ในค่าย Believe, Behave & Belong” วันที่ 14-16 มิถุนายน 2013 ณ The Grace อัมพวา ที่เจ้าของเป็นพี่น้องคริสเตียนเหมือนกัน คือ คุณ ยี่ และคุณกุ้ง ที่ให้บริการแก่พวกเราเป็นอย่างดี สมควรที่เราจะขอบคุณและปรบมือให้!

ผมดีใจที่ทุกท่านมานมัสการพระเจ้าด้วยกันได้ในค่ายนี้

ผมมีความสุขที่มีพี่น้องรับบัพติศมาในค่ายนี้เป็นรุ่นพิเศษ คือ

1. (ว่าที่ ดร.) จุฬาลักษณ์ ตลับนาค (ออม)         2. คุณวิลาวัลย์ โตทอง  (ไนซ์)

3. คุณรัชนี จณะวัตร (หมี)                                    4. คุณพัชรีย์พร สรรพสูพ  (พัช)

5. คุณจิตรา สะโมสูงเนิน (ตูน)                             6. คุณวันทนา ยะมะโน (อุ๋ย)

7. คุณสมพร พรสมบุญดี  (หนุ่ย)                         8. คุณสรณีย์   โลหะทัศน์  (เป้)

9. คุณฤชากร ศุภารัตน์  (ตั้ม)                               10.คุณพิมพกานต์ บุญเพียรผล (ผิงๆ)

(ส่วนของ Agape จะมีรับบัพติศมาอาทิตย์หน้า (23 มิ.ย.)

ขอให้เราทุกคนและทุกกลุ่มช่วยกันดูแลเลี้ยงดูพี่น้องเหล่านี้เติบโตในทางของพระเจ้า และมีใจอุทิศทุ่มเทในสมาชิกที่ดีของคริสตจักรต่อไป!

ขอขอบคุณทุกกลุ่มพันธกิจที่ทำหน้าที่แบ่งปันและรับใช้กันอย่างเต็มกำลัง เป็นที่ประทับใจของพวกเราทุกคนจริง ๆ

ขอขอบคุณทีมนมัสการ ทีมคณะผู้อภิบาล และสมาชิกทุกคนทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือกันเป็นอย่างดีในค่ายที่ผ่านมา!

วันนี้ขอให้เรามานมัสการพระเจ้าอย่างเป็นธรรมชาติอย่างจริงใจ ถวายแก่พระองค์

คำเชิญชวน : ขอให้ทุกคนที่มาในเช้านี้ได้จับคู่หรือจับกลุ่มอธิษฐานกับคนใดคนหนึ่งก่อนกลับบ้าน นะครับ!

ขอพระเจ้าอวยพรตลอดการนมัสการนี้ รวมทั้งการเดินทางกลับที่หมายปลายทางด้วยความปลอดภัยและเป็นสมาชิกที่ดีขึ้นกว่าเดิม นั่นคือ

มีความเชื่อ (believe) อย่างถูกต้อง

                 ประพฤติตัว (behave) อย่างเหมาะสม

และ          ปฏิบัติตนสมกับเป็นส่วนหนึ่ง (belong) ที่ดีของพระเยซูคริสต์ของเรานะครับ!

ด้วยรักจากใจ

ศจ. ธงชัย ประดับชนานุรัตน์  (ศิษยาภิบาล)

 

Categories
บทความ โดย ศจ. ธงชัย

สัพเพเหระมีสาระ

Maccabees     

 แมคคาบีส์ (Maccabees)

ประเทศกรีกภายใต้การนำของอเล็กซานเดอร์ มหาราช เรืองอำนาจขึ้นอย่างรวดเร็ว จนพิชิตมหาอำนาจอย่างเปอร์เชียได้ และกลายเป็นมหาอำนาจที่เข้มแข็งที่สุดของโลก (ก.ค.ศ. 333) จากนั้นก็ขยายอำนาจครอบคลุมตั้งแต่กรีกทางตะวันตกไปจนถึงอินเดียทางตะวันออก ทำให้วัฒนธรรม  ศิลปะ ปรัชญา การศึกษา  การกีฬา  สาธารณสุข และภาษากรีก แพร่หลายและมีอิทธิพลต่อความคิดและชีวิตของชาวโลก (มาจนถึงในปัจจุบัน)

เรียกว่า อารยธรรมแบบกรีกรุ่งเรืองถึงขีดสุดยอด!

แต่เมื่อ อเล็กซานเดอร์ฯ สิ้นพระชนม์ อาณาจักรกรีกก็แตกเป็นส่วน ๆ (ดนล.11:2-4)  ก.ค.ศ. 301 แบ่งเป็น 3 เขตการปกครองใหญ่

1. ทางตะวันตก – มี 1 เขต    กรีกเป็นศูนย์กลางปกครอง

2. ทางตะวันออก – มี 2 เขต

คือ

1)       ซีเรียทางเหนือ

2)       อียิปต์ ทางใต้

ในช่วงนี้ชาวยิว 70 คน แปลพระคัมภีร์ภาษาฮีบรูออกมาเป็นภาษากรีก แม้แต่ชาวยิวก็พูดภาษากรีกได้ กษัตริย์กรีกที่ปกครองเขตอียิปต์รุ่นต่อมากดขี่ชาวยิวมากขึ้น เมื่ออาณาจักรอียิปต์พ่ายแพ้ต่ออาณาจักรซีเรียใน  ก.ค.ศ. 198 อิสราเอลก็ตกอยู่ใต้การปกครองของกษัตริย์กรีกในเขตซีเรีย (ดนล.11:14-16) ที่มีเมืองหลวงชื่อเมือง อันทิโอก (กจ.11:20)

แต่แล้วกษัตริย์กรีกซึ่งปกครองเขตซีเรียกลับกดขี่ชาวยิวที่อยู่ที่นั่นอย่างหนักหนาสาหัสยิ่งกว่าเดิม  กษัตริย์เกือบทุกพระองค์ที่สืบเชื้อสายมาจากกรีกจะใช้พระนามว่า “แอนทิโอคัส”

ปาเลศไตน์ อยู่ใต้ปกครองของกรีกราวร้อยกว่าปี ธรรมเนียมวัฒนธรรมของชาวกรีกจึงเข้ามาแทรกซึมในศาสนายิวบ้าง ยิวที่เคร่งสายอนุรักษ์จึงออกมาต่อต้านวัฒนธรรมกรีก ผลคือ พวกยิวเองก็เกิดโต้แย้งกันแตกแยก แต่พวกที่ลำเอียงไปทางกรีกก็ได้รับความโปรดปรานและได้รับตำแหน่งสำคัญ ๆ ในศาสนายิวมาครอง เช่น เป็นปุโรหิตหรือนายธรรมศาลา

วันหนึ่ง ในปี 168 ก.ค.ศ. แอนทิโอคัส ที่ 4 อีพิฟาเนส กษัตริย์ชาวกรีกซึ่งปกครองซีเรียได้ขายตำแหน่งมหาปุโรหิตให้แก่ผู้ที่ประมูลให้ค่าตอบแทนราคาสูง แต่กลับถูกปฏิเสธจากพวกยิว พระองค์จึงทรงโกรธมาก ส่งกองทัพมาฆ่าฟันชาวยิวเป็นพัน ๆ คน และนำที่เหลือไปเป็นทาส จากนั้นก็เก็บพระคัมภีร์มาเผาทิ้งและบังคับให้ชาวยิวรับประทานอาหารที่ผิดพระบัญญัติ อีกทั้งห้ามยิวทำพิธีสุหนัต ห้ามยิวหยุดพักงานวันสะบาโต แต่ที่กระทบกระเทือนใจชาวยิวมากที่สุด คือแอนทิโอคัสได้ตั้งรูปเคารพของกรีกบนแท่นบูชาแบบศาสนากรีกไว้ในพระวิหารของชาวยิว แล้วเอาหมู (ซึ่งยิวถือว่าเป็นสัตว์สกปรกที่สุด) มาทำเป็นเครื่องถวายบูชาบนแท่นนั้น ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำซึ่งยิวถือว่า น่าสะอิดสะเอียนที่สุด (ดนล.11:31)

ผลก็คือ ปุโรหิตยิวชราคนหนึ่งนามว่า ยูดาส มัทธาทิอัส แมคคาบี ( Judas Mattathias Maccabees) ลุกขึ้นมาฆ่ายิวคนหนึ่งที่มาถวายเครื่องบูชาบนแท่นบูชา และเจ้าหน้าที่ชาวซีเรียที่มาดูแล พร้อมทั้งปลุกระดมประกาศเชิญชวนให้ชาวยิวที่ร้อนรนเข้าร่วมเป็นกองกำลัง (ในการปกป้องศาสนา)  พร้อมกับลูกชาย 5 คน คือ ยอห์น  ซีโมน ยูดาส เอลีเอเชอร์ และโยนาธาน โดยหนีไปตั้งฐานยังภูเขา และเริ่มต้นขบวนการกู้ชาติกู้ศาสนา ที่เรียกว่า กบฏ “แมคคาบี” (Maccabean revolt) ขึ้นมา

พวกเขาสู้กับพวกกรีกราว 3 ปี และได้ชนะในที่สุด จึงพากันกวาดล้างปุโรหิตที่ขายชาติ และชำระพระวิหาร (ก.ค.ศ 165) นับจากนั้นก็มีการฉลองวันยิ่งใหญ่นี้ทุกปี!      จากนั้น พวกตระกูลแมคคาบี ก็ทำสงครามต่อสู้กับกรีกตลอดมาอีก  20 ปี เพื่อจะได้เอกราชทางการเมืองและในที่สุดก็ได้ชัยชนะเป็นเอกราช (ก.ค.ศ. 143)

แต่น่าเศร้าที่หลังจากนั้น พวกแมคคาบีกลับเหลิงอำนาจ แต่งตั้งคนมั่งมีอำนาจ เย่อหยิ่งขึ้นเป็นมหาปุโรหิตและผู้ใหญ่ทางศาสนาและนับว่าเป็นการเริ่มต้นของพวกสะดูสีผู้มีอิทธิพล จนพวกฟาริสีซึ่งเป็นของพวกคนส่วนใหญ่ธรรมดาที่ไม่มีอำนาจและแสดงความไม่พอใจ คัดค้านแต่ไม่สำเร็จ พวกสะดูสีจึงครองตำแหน่งในการปกครองประเทศได้หมด ทั้งทางทหารและทางศาสนา

แต่หลังจากนั้นหลายสิบปีต่อมามีราชินีองค์หนึ่งเข้าข้างฟาริสี  เมื่อพระนางสิ้นพระชนม์แล้วบรรดาราชบุตรทั้งหลายกลับตกลงกันไม่ได้ว่า จะให้ใครเป็นกษัตริย์พวกเขา จึงไปขอร้องให้แม่ทัพโรมมาไกล่เกลี่ย ผลที่ตาม มาก็คือ โรมกลับยึดอำนาจการปกครอง   ยูเดียจึงเสียเอกราชและตกอยู่ใต้การปกครองของโรมในปี กคศ. 63

 -ธงชัย ประดับชนานุรัตน์-

twitter.com/thongchaibsc, facebook.com/thongchaibsc, twitter.com/

lifeanswer, facebook.com/lifeanswer

Categories
บทความแปล

จะกันไม่ให้อดีตลากคุณกลับไปได้อย่างไร ‏

Cortez BurningBoat

ดูก่อนพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าไม่ถือว่าข้าพเจ้าได้ฉวยไว้ได้แล้ว แต่ข้าพเจ้าทำอย่างหนึ่ง คือลืมสิ่งที่ผ่านพ้นมาแล้วเสีย และโน้มตัวออกไปหาสิ่งที่อยู่ข้างหน้า ข้าพเจ้ากำลังบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัล ซึ่งในพระเยซูคริสต์พระเจ้าได้ทรงเรียกจากเบื้องบนให้เราไปรับ (ฟีลิปปี 3: 13-14)

เมื่อนักสำรวจผู้โด่งดัง เฮอร์นันโด คอร์เทส มาที่เม็กซิโกพร้อมด้วยกองเรือสเปนตอนต้นปี ค.ศ. 1500 ท่านต้องเจอกับการท้าทายที่หนักหน่วง หลังจากเหตุการณ์ตื่นเต้นผ่านพ้นไป พวกลูกเรือต่างก็เริ่มบ่นและอยากกลับบ้าน

ดังนั้นคืนหนึ่ง คอร์เทสจึงสั่งให้เผาเรือทุกลำ ขณะที่เปลวไฟพุ่งสู่ท้องฟ้า กลาสีพวกนั้นเริ่มเข้าใจความจริงว่าจะไม่มีการกลับไปอีกแล้ว พวกเขาถูกเลือกและเรียกมาสำหรับทำภารกิจจากคำสั่งของผู้บังคับบัญชา

เมื่อเรามอบชีวิตให้พระคริสต์ การถูกเรียกมาเพื่อปฏิบัติภารกิจนั้นเหมือนกัน เราเผาสะพานเบื้องหลังของเรา ทิ้งอดีตไว้เป็นอดีต และมอบตัวตนของเรารับใช้พระคริสต์ในทุกๆด้านของชีวิต เราไม่ได้มีชีวิตเพื่อจุดประสงค์ของมนุษย์อีกต่อไป แต่เราอยู่เพื่อจุดประสงค์ของสวรรค์

บางทีวันนี้คุณอาจต้องเผาเรือบางลำในชีวิตที่คอยรั้งคุณ และกันคุณจาก “มอบทั้งหมด” ให้กับพระเยซู ถ้าเป็นเช่นนั้น จงตัดสินใจใหม่ ปล่อยอดีตให้ผ่านไป มอบปัจจุบันไว้ในพระหัตถ์ และทุ่มเทอนาคตของคุณรับใช้พระคริสต์ด้วยหมดหัวใจ

“มอบทั้งหมด” ให้พระคริสต์โดยปล่อยอดีตให้ผ่านไป และมีชีวิตทุกวันเพื่อถวายพระสิริแด่พระเจ้า

อนุญาตโดย: Pastor Jack Graham

Jack Graham Power Point Ministry: www.powerpoint.org